ต้องฤทธิ์เสน่หา โดย ธิดาดิน
ต้องฤทธิ์เสน่หา

โดย ธิดาดิน

แจ้งข่าวจ้า ตอนนี้นิยายเรื่องต้องฤทธิ์เสน่หา (ฉบับเต็มไม่ตัดแม้แต่ฉากเดียว) วางจำหน่ายแล้วในราคา 279 บาท วางที่ร้านนายอินทร์ ร้ายซีเอ็ด ร้านบีทูเอส ทุกสาขา ช่องทางการสั่งซื้อด้านล่างนี้เลยจ้า



ตีพิมพ์กับ สนพ. อินเลิฟ ปกด้านล่างนี้เลยจ้า

ช่องทางการสั่งซื้อ
วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ราคาเล่มละ 279 บาท

1. จำหน่ายที่ร้านหนังสือทั่วประเทศ ร้านนายอินทร์ ร้านซีเอ็ด ร้าน b2s

2.โทรสั่งซื้อกับสำนักพิมพ์ส่งตรงถึงบ้าน ที่เบอร์ โทร. 02-930-3119 และ 02-930-3120
(วัน จ.-ศ. เวลา 9.00-18.00 น.) ยกเว้นวันหยุดทำการ
3.ที่เว็บไซด์อินเลิฟ ใครเป็นสมาชิกลด 20% สั่งซื้อได้ที่ http://www.inlove-book.com/book/1246
4. สั่งซื้อผ่าน facebook >>คลิกที่นี่<<แจ้งข่าวจ้า ตอนนี้นิยายเรื่องต้องฤทธิ์เสน่หา (ฉบับเต็มไม่ตัดแม้แต่ฉากเดียว) วางจำหน่ายแล้วในราคา 279 บาท วางที่ร้านนายอินทร์ ร้ายซีเอ็ด ร้านบีทูเอส ทุกสาขา ช่องทางการสั่งซื้อด้านล่างนี้เลยจ้า ปกอยู่ด้านบนจ้า



ตีพิมพ์กับ สนพ. อินเลิฟ

ช่องทางการสั่งซื้อ
วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ราคาเล่มละ 279 บาท

1. จำหน่ายที่ร้านหนังสือทั่วประเทศ ร้านนายอินทร์ ร้านซีเอ็ด ร้าน b2s

2.โทรสั่งซื้อกับสำนักพิมพ์ส่งตรงถึงบ้าน ที่เบอร์ โทร. 02-930-3119 และ 02-930-3120
(วัน จ.-ศ. เวลา 9.00-18.00 น.) ยกเว้นวันหยุดทำการ
3.ที่เว็บไซด์อินเลิฟ ใครเป็นสมาชิกลด 20% สั่งซื้อได้ที่ http://www.inlove-book.com/book/1246
4. สั่งซื้อผ่าน facebook >>คลิกที่นี่<<

เป็นแพทย์มาก็หลายปี แต่ใครจะคิดว่าเขาจะมาตบะแตกเพียงเพราะได้ตรวจภายในของผู้หญิงคนนั้น…เธอผู้ทำให้คุณหมอผู้วางตัวเหมาะสมกลายเป็นคนเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการอย่างไม่น่าเชื่อ

แนะนำตัวละคร

คริสโตเฟอร์ คอลเวลล์สัน


แพทย์สูติ-นรีเวช จอมทะเล้น ผู้มีหน้าตาเป็นอาวุธ หล่อ รวย ระดับมหาเศรษฐีหมื่นล้าน เจ้าของโรงพยาบาลเอกชนเบอร์หนึ่งในสหรัฐอเมริกา แถมยังมีสาขาในต่างประเทศอีกมากมาย


ปิ่นมุก วิเศษวัฒนากุล


สาวไทยวัย 28 ปี ผู้มีต้นทุนชีวิตต่ำ บินข้ามน้ำข้ามทะเลไปไกลถึงอเมริกาเพื่อตามหาความฝัน แต่ไม่รู้ว่าโชคไม่เข้าข้างหรือเทวดากลั่นแกล้ง เธอกำลังจะกลายเป็นนางเอกหนังโป๊ในอีกไม่ช้านี้

.........................................................................................

นิยายเรื่องนี้เป็นแนวรักโรแมนติก คอมเมดี้ เน้น หื่นๆ ฮาๆ รั่วๆ ฟินจิกหมอน แอบงอนและง้อ มีดรามาผสมเล็กน้อยที่สำคัญมีกลิ่นอายของโรมานต์รวมอยู่ด้วยจ้า


Tags: รัก,โรแมนติก,รักเพื่อน,เข้มข้น,หวาน,แรง,นิยาย,ซึ้ง,แอบรัก,ซึ้ง

ตอน: ตอนที่ 14ลงโทษ

ตอนที่ 14ลงโทษ

สองวันผันผ่านที่ปิ่นมุกต้อใช้ชีวิตในไร่เกนย์ลี เธอก็ยังไม่รู้ว่าคริสโตเฟอร์จะให้เธอทำอะไรแลกเปลี่ยนกับการที่เขาจะยอมกลับไปร่วมงานกับบีดีเจลเวลลี่ จนวันนี้เธอตัดสินใจถามเขาอีกครั้ง ซึ่งคำตอบที่ได้ก็ทำเอาเธอแทบเป็นลมล้มพับอยู่ตรงนั้น

สิ่งที่คริสโตเฟอร์ให้ปิ่นมุกทำเพื่อแลกกับความสัมพันธ์อันดีระหว่างเขากับบีดีจิวเวลรี่ให้เหมือนเดิมมันทำให้ทายาทบริษัทจิวเวลรี่ยักษ์ใหญ่แทบจะเป็นลมล้มพับไปต่อหน้าต่อตา ก็สิ่งที่เขาให้เธอทำคือการไปดึงใบองุ่นท่ามกลางแสงแดดเปรี้ยง เธอพยายามต่อรองขอไปทำอย่างอื่นแต่เขาก็ไม่ยินยอมอ้างว่านานๆจะกลับมาบ้านทีก็อยากจะช่วยงานบิดามารดาบ้าง และตอนนี้งานสำคัญที่สุดของก็คือการดึงใบองุ่น

เธออยากรู้จริงๆว่าการดึงใบองุ่นออกมันสำคัญตรงไหน แทนที่จะทะนุถนอมมันไว้ให้ดูสวยงามกลับมาดึงมันออก เธอว่าเขาหาทางกลั่นแกล้งเธอซะมากกว่า แต่แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าเขากลั่นแกล้งเธอก็ไม่มีหนทางจะปฏิเสธใดๆได้ จึงต้องนั่งรถตากแดดตากลมมาที่แปลงองุ่นอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง

“ถึงแล้วสถานที่ทำงานของคุณในวันนี้”

“ฉันว่าคุณกำลังแกล้งฉันใช่ไหม เป็นบ้าอะไรมาให้ฉันดึงใบองุ่นออก ถ้ามันตายหมดไร่อย่ามาโทษฉันก็แล้วกัน”

“ใครบอกว่าผมแกล้งคุณ คุณดูโน่นสิ เห็นไหมคนงานพวกนั้นก็กำลังดึงใบองุ่นออกเหมือนกัน” เห็นปิ่นมุกมองตามนิ้วที่เขาชี้ใบก่อนหันกลับมาด้วยแววตาที่ยังฉายแววสงสัย เขาจึงอธิบายเพิ่มเติม “ที่ต้องดึงใบมันออกก็เพราะต้องการให้องุ่นได้รับแสงแดดที่เพียงพอ มันจะทำให้องุ่นเติบโตได้เร็วขึ้น ดังนั้นใบไหนที่มันบังแดดก็เด็ดมันทิ้ง”

“แล้วไหนละคะผลองุ่นฉันเห็นมีแต่ใบ”

คริสโตเฟอร์ขยับเข้าไปใกล้แปลงองุ่นก่อนจะยื่นมือไปพลิกใบ โชว์พวงองุ่นที่เมล็ดเล็กเท่ากับถั่วเขียวซึ่งมันซ่อนอยู่ข้างใต้ใบ

“เห็นหรือยัง ตอนนี้พวงมันยังเล็กอยู่ เราถึงได้ช่วยเร่งให้มันเติบโตเร็วขึ้นด้วยการให้มันได้รับแสงแดด”

“สรุปคือฉันต้องเด็ดใบองุ่นกลางแดดใช่ไหม” เธอถามเสียงโหย

“ก็คุณอยากให้ผมยกโทษให้ไม่ใช่เหรอ”

“ค้า”

ปิ่นมุกกระแทกเสียงประชดก่อนจะขยับเข้าไปใกล้แปลงองุ่นแล้วค่อยๆเด็ดใบที่บังแดดอย่างที่คริสโตเฟอร์สาธิตให้ดูก่อนหน้า ท่าทางของเธอเก้ๆกังๆเพราะไม่เคยทำมาก่อน คริสโตเฟอร์ซึ่งเด็ดใบองุ่นอยู่ใกล้ๆชำเลืองมองเธอแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงเหมือนล็อตไวเลอร์อีกเช่นเคย

ผ่านไปไม่ถึงสามสิบนาที เหงื่อเม็ดเป้งก็ผุดขึ้นเต็มใบหน้าขาวผ่อง เธอยกแขนขึ้นปวดเหงื่อมารอบที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้ แดดวันนี้ก็ช่างเป็นใจร้อนราวกับดวงอาทิตย์อยู่ใกล้ไม่กี่เมตร ทั้งๆที่เมื่อวานฝนก็ตกอยู่แท้ๆ ทำไมวันนี้ถึงไม่มีเค้าฝนลอยมาปั่นป่วนเหมือนเมื่อวานเลยนะ

หรือเทวดาก็จงใจกลั่นแกล้งเธออีกองค์!

“เหนื่อยไหมคุณ” คริสโตเฟอร์ตะโกนมาถาม ฝ่ายนั้นหันมองตาเขียว

“ไม่เหนื่อยเลยมั้ง สภาพแบบเนี่ย”

ลูกชายเจ้าของไร่หัวเราะพลางเดินไปหยิบน้ำในตะกร้ามาส่งให้ปิ่นมุก “พักดื่มน้ำก่อนสิ”

ปิ่นมุกรีบรับขวดน้ำมาเปิดฝาดื่ม แต่พอเห็นมือของตัวเองที่ทั้งดำทั้งเปื้อนทั้งแดงเท่านั้นแหละ ก็ร้องกรี๊ดขึ้นมาอย่างรับไม่ได้ในสภาพที่แสนทุเรศของตัวเอง

“กรี๊ด! มือฉัน สกปรกซกมกมาก”

“ฮ่าๆ ไม่ใช่แค่มือนะคุณ ตอนนี้หน้าคุณก็ดูซกมกสกปรก โสโครก ทุเรศมาก ผมพึ่งรู้วันนี้เองว่าผู้หญิงนี่ถ้าล้างเครื่องสำอางออกบางคนก็ดูไม่ได้เลย อย่างเช่นคุณตอนนี้”

“นี่คุณ!”

ปิ่นมุกอยากจะด่าเขาให้หายแค้นแต่ก็ด่าไม่ออก กล้าดียังไงมาว่าเธอสกปรกซกมก โสโครก ทุเรศ ดูแต่ละคำที่ใช้ว่าเธอสิ มันน่ารับได้ซะทีไหน

“โกรธเป็นยักษ์ขมูขีเชียว ผมพูดเล่นหรอก เพราะต่อให้คุณไม่ได้แต่งเติมอะไรบนหน้าคุณเลย คุณก็สวยที่สุดสำหรับผมอยู่แล้ว”

“ไม่ต้องมาตบหัวแล้วลูบหลัง ชิ!”

“ผมพูดจริงนะเนี่ย คุณสวยด้วยตัวคุณเอง ไม่ใช่มาจากเครื่องสำอางร้อยแปดพันเก้าที่คุณใช้ หรือเสื้อผ้าหรูๆที่คุณสวมใส่ ถ้าคุณไม่เชื่อว่าผมพูดจริง คุณก็ลองแก้ผ้าออกสิ ต่อให้ไม่ใส่อะไรผมก็จะยังชมว่าคุณสวยอยู่ดี”

เริ่มต้นเหมือนจะดี แต่มาอัปรีย์ตอนท้าย!

“อร๊าย! ไอ้ๆๆ”

“ฮ่าๆๆ อย่าพึ่งด่าสิคุณ รีบดื่มน้ำแล้วก็ไปนั่งพัก งานที่เหลือเดี๋ยวผมช่วยทำ”

แบบนี้ค่อยน่าฟังขึ้นมาหน่อย ปิ่นมุกเอ่ยขอบคุณก่อนไปหาร่มไม้นั่งพักหญิงสาวทอดสายตามองชายหนุ่มที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างขะมักเขม่น

หลังจากทำงานมาจนถึงค่ำ ทั้งคู่ก็พากันกลับบ้าน แต่อย่าคิดว่าภาระของปิ่นมุกจะหมดนะ เพราะทันทีที่มาถึง แต่ด้วยทำงานมาทั้งวันแรงแทบไม่มีเหลือจึงทำได้อย่างช้าๆ คริสเฟอร์มองเห็นก็อดสงสารไม่ได้ จึงเดินเข้าไปอาสาช่วยอีกแรง

สรุปว่าจะแกล้งเธอหรือแกล้งตัวเองกันแน่นะ!

“คุณชอบดอกไม้หรือเปล่า” คนทำงานชวนคุย

“ก็ชอบนะ มันสวยดี” เธออธิบายพลางกวาดสายตาไปรอบๆบริเวณบ้านที่เต็มไปด้วยสวนกุหลาบและมีกล้วยไม้ห้อยตามจุดต่างๆกำลังออกดอกงามสะพรั่ง

“คุณแม่ผมท่านก็ชอบเหมือนกัน โดยเฉพาะกุหลาบกับกล้วยไม้”

“มิน่าล่ะ บริเวณบ้านถึงเต็มไปด้วยสวนกุหลาบและดอกกล้วยไม้ แล้วคุณละคะ ไม่ชอบดอกไม้พวกนี้บ้างเหรอ มันสวยมากเลยนะ”

“ก็เฉยๆนะครับ ไม่ได้รู้สึกอะไรพิเศษ อาจจะเป็นเพราะผมเป็นผู้ชายก็เลยไม่ได้ชื่นชอบดอกไม้มากเท่าผู้หญิง แต่ผมก็ยอมรับนะว่าดอกไม้พวกนี้มันสวยจริงๆ แต่มันก็ไม่ได้สวยที่สุดในสายตาของผม เพราะมีบางอย่างที่ผมมองว่ามันสวยกว่าดอกไม้พวกนี้อีก”

ปิ่นมุกเลิกคิ้วสูง “อะไรคะที่สวยกว่าดอกไม้พวกนี้”

“ก็คุณไง สวยกว่าดอกไม้พวกนี้หลายเท่า ผมคอนเฟิร์ม”

ปิ่นมุกอมยิ้ม เขินกับคำพูดซื่อๆของชายหนุ่มจนบิดตัวม้วนไปมา

“แต่ก็ไม่รู้ว่าระหว่างคุณกับดอกไม้พวกนี้อันไหนหอมกว่ากัน ขอพิสูจน์หน่อยได้ไหมครับ” ไม่พูดเปล่าแต่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆเธอ ฝ่ายนั้นเขินจึงตีเพียะลงที่แขนของเขาเบาๆ

คริสโตเฟอร์อมยิ้ม เห็นใบหน้าแดงซ่านก็พอจะรู้ว่าเธอกำลังเขอะเขินจึงไม่ซักไซ้ไล่เรียงต่อก้มหน้าขุดดินทำงานต่อไป

“พักสักครู่ก่อนก็ได้นะคะ นี่ค่ะน้ำ” ปิ่นมุกยื่นแก้วน้ำที่พึ่งถือมาจากในบ้านให้คนทำงาน

“ป้อนหน่อยสิ มือผมมันเปื้อนเดี๋ยวแก้วจะสกปรก”

ปิ่นมุกนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าตกลงทำตามคำขออย่างว่าง่าย “ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนฉันเป็นแม่คุรมาก ที่ต้องป้อนข้าวป้อนน้ำ”

“ฮ่าๆๆ ลูกอิ่มน้ำแล้วครับแม่ ตอนนี้ลูกไม่อยากดื่มน้ำแล้วล่ะ แต่ลูกอยากดื่มนมจากเต้า…ของแม่มากกว่า ขอดูดหน่อยได้เปล่า” ไม่เพียงแค่อ้อนด้วยคำพูดหากสายตาก็เว้าวอนจ้องหน้าอกหญิงสาวอย่างอุกอาจ

ปิ่นมุกหน้าแดงก่ำ ฟาดเพียะลงต้นแขนของชายหนุ่มอย่างเหลืออด “ทะลึ่งใหญ่แล้วนะคุณหมอ เดี๋ยวเหอะ เดี๋ยวแม่จะกระโดดถีบสองขา”

“โห โหดร้ายจัง ว่าแต่กระโดดถีบสองขานี่เขาทำกันยังไงล่ะครับ คุณจะกระโดดถีบผมทั้งที่ใส่ชุดนี้เลยเหรอ ผมนี่เต็มใจให้ถีบเลย พอคุณกระโดดมาปั๊บ ผมก็จะนั่งลงปุ๊บ ว้าว! ว้าว! ว้าว! เห็นอะไรหว่า” คริสโตเฟอร์ทำตาลุกวาวแสดงท่าทางประกอบการเล่าได้อย่างสมจริง

“คุณคริส! ทะลึ่งมากไปแล้วนะ” เจอดอกนี้เข้าปิ่นมุกทั้งเขินทั้งอาย สุดท้ายหาวิธีแก้เขินด้วยการไล่ตีคนลามก ฝ่ายนั้นก็ไม่ยอมให้ตีง่ายๆสาวเท้าวิ่งหนีเอาตัวรอดทันที “หยุดนะคุณคริส มาให้ฉันจัดการเดี๋ยวนี้เลย จะหนีไปไหน ฉันบอกให้หยุด”

“แน่จริงคุณก็ตามจับผมให้ได้สิครับ ฮ่าๆๆ ถ้าจับผมได้นี่ผมจะยอมให้ตบให้ตี หรืออยากจะตบแล้วจูบก็ได้ตามใจคุณเลย”

“นี่คุณท้าฉันเหรอ ได้ รู้จักฉันน้อยไปแล้วคุณคริส”

คงไม่รู้ชะตากรรมตัวเองแล้วล่ะพ่อหนุ่มลูกครึ่งที่มาท้าแชมป์กรีฑาสมัยเรียนมหาวิทยาลัยอย่างเธอ วิ่งแค่นั้นเธอออกแรงเพียงนิดก็ตามทันได้ไม่ยาก แต่เพราะความเขินที่ปริมาณมันมากเกินควบคุมจึงทำให้เธอสาวเท้าอย่างสุดกำลังเพียงชั่วครู่ก็ถึงตัวคนวิ่งหนี แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าเธอเบรกไม่อยู่จนชนแผ่นหลังของคนตัวโตอย่างจังเสียหลักทำท่าจะล้มไม่ต่างจากฝ่ายชายที่เซเพราะแรงชนจนล้มลงไปเช่นกัน

นี่ไม่ใช่ละคร แต่ทั้งคู่ก็ล้มทับกันเหมือนพระเอกนางเอกในทีวี ต่างกันก็เพียงแค่พระเอกไม่ได้นอนหงายเพราะทั้งคู่ต่างนอนคว่ำหน้าทาบทับกันทั้งคู่

“คุณมุก ช่วยเอาสาละเปาลูกใหญ่ออกจากแผ่นหลังผมทีก่อนที่ผมจะคลั่งตาย”

“สาละเปาอะไร ฉันไม่ได้ซื้อมาซะหน่อย”

“ก็สาละเปาสองลูกที่มันทับหลังผมอยู่นี่ไง มันทั้งนุ่มทั้งนิ่มจนผมหัวใจจะวายตายแล้วเนี่ย”

ปิ่นมุกอยากจะกรี๊ดให้ดังไปทั้งสามโลกให้รู้แล้วรู้รอด เธอรีบดันตัวเองลุกขึ้นในขณะที่ชายหนุ่มพลิกตัวนอนหงายจ้องมองหน้าหญิงสาวยิ้มๆ เวลาเธอเขินอายนี่มันช่างน่ารักจับจิตจับใจเสียนี่กระไร

“ว่าแต่สาละเปาสองลูกนั้น คุณซื้อมาจากร้านไหนครับ ทำไมมันถึงไซด์ใหญ่เป็นพิเศษ” นี่ก็แซวไม่หยุดปาก

“อร๊าย! ฉันจะทำยังไงกับคุณดีนะ” ทั้งเขินทั้งโมโห สาวเท้าเข้าไปหาเขาอีกครั้งแต่เพราะรีบเกินไปก็สะดุดเท้าตัวเอง คราวนี้เสียหลักล้มทับร่างหนาปากประกบปากเหมือนพระเอกนางเอกในละครเป๊ะ!

คริสโตเฟอร์วูบไหวไปทั่วสรรพางค์กาย เมื่อริมฝีปากบางประกบลงที่ปากของตัวเอง ชายหนุ่มไม่เปิดโอกาสให้หลุดลอยบดเบียดริมฝีปากลงบนปากบางอย่างหิวกระหายไร้ซึ่งความนุ่มนวลอ่อนหวาน ความเร้าร้อนซึมผ่านริมฝีปากจนอีกฝ่ายก็สัมผัสได้

ปิ่นมุกนิ่งงันราวกับต้องคำสาป เธอรู้สึกเหมือนมือชาตัวชาขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้แม้แต่โสตประสาททั้งห้าก็ถูกทำลายเสียจนสนิท สิ่งที่เธอพอจะสัมผัสได้ในเวลานี้คือเสียงเต้นของหัวใจที่ดังก้องอยู่ในหัวโดยที่เธอก็ไม่รู้ว่าเสียงที่ได้ยินนั้นมันเป็นเสียงของเธอหรือของเขากันแน่

นานเกือบสองนาทีกว่าที่สติที่หลุดลอยของเธอจะกลับมา หญิงสาวรีบดึงตัวเองลุกขึ้น ในขณะที่ฝ่ายชายก็หน้าตาเลิ่กลั่กเมื่อรู้ว่าตัวเองเผลอทำอะไรลงไป

ต่างคนต่างนิ่งเงียบ ไม่มีเสียงใดๆดังขึ้น

“เราไปกินข้าวกันเถอะ พรุ่งนี้เช้าจะได้กลับ” คริสโตเฟอร์เป็นคนเอ่ยขึ้นทลายความเงียบเชียบลง

“กลับไปไหนคะ”

“ก็กลับกรุงวอ ชิง ตัน ไงครับ”

ใบหน้าที่เคยเรียบเฉยและแดงกร่ำงเริ่มมีรอยยิ้มพายผุดขึ้น เธอขยับเข้าไปใกล้เขาแล้วถามอย่างมีความหวัง “คุณพูดอะไรนะ เอาใหม่อีกทีฉันได้ยินไม่ชัด”

“ผมบอกว่าพรุ่งนี้เราจะกลับกรุงวอ ชิง ตัน กัน เพราะขืนให้คุณเด็ดใบองุ่นอยู่นี่ต่อผมกลัวว่าองุ่นทั้งไร่จะตายหมดอย่างที่คุณบอก”

ปิ่นมุกกรีดร้องกระโดดโลดเต้น ดีใจราวกับถูกล๊อตตารี่รางวัลที่หนึ่งก็ไม่ปาน แต่เพียงไม่นานก็เหมือนจะฉุดคิดอะไรขึ้นมาได้รอยยิ้มที่เคยเปื้อนใบหน้าจึงค่อยๆจางลงอีกครั้ง

“แล้วคุณจะยังออกแบบงานให้บริษัทของฉันอยู่หรือเปล่า”

“ก็ขึ้นอยู่ที่คุณนั่นแหละ”

“ขึ้นอยู่ที่ฉันหมายความว่ายังไงคะ”

“ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณโกรธผมเรื่องอะไร แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ผมขอคุณแต่งงานแล้วมันทำให้คุณคิดว่าผมจะเอาเรื่องหนี้สินมาบังคับคุณ ผมยืนยันได้เลยว่ามันคนละเรื่องกันเลย ผมไม่เคยคิดแบบนั้น”

“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ ฉันแค่ไม่ชอบคนโกหกไม่รักษาคำพูด”

“ผมยืนยันอีกครั้งว่าผมไม่เคยคิดจะเอาเรื่องหนี้สินมาบังคับให้คุณแต่งงานกับผม”

ปิ่นมุกคลี่ยิ้ม จู่ๆเธอก็เชื่อในคำพูดของเขาขึ้นมาอย่างไร้ข้อกังขา “ค่ะ ฉันเชื่อคุณ”

“คุณหายโกรธผมแล้วใช่ไหม”

“ค่ะ”

คริสโตเฟอร์คลี่ยิ้ม “ขอบคุณมากนะครับ”

“แล้วคุณละคะ จะยกโทษให้ฉันได้ไหม”

“ได้สิครับ ผมไม่เคยโกรธคุณเลยแม้สักนิดเดียว เพราะผมโกรธหัวใจตัวเองไม่ลงหรอก”

“หมายความว่าคุณจะกลับไปออกแบบงานให้บีดีจิวเวลรี่เหมือนเดิม เย้!”

ด้วยความดีใจที่เขาให้อภัยกับสิ่งที่เธอทำผิดพลาด อีกทั้งเธอยังไม่ต้องถูกไล่ออก จึงทำให้เธอเผลอเข้าไปเกาะแขนเขากระโดดโลดเต้นดีใจเหมือนเด็กๆ แต่พอนึกขึ้นได้ก็รีบปล่อยมือแล้วถอยห่างพร้อมๆกับยิ้มแหยๆอย่างอายๆ

แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆที่มือของเธอสัมผัสลงที่ต้นแขน แต่มันกลับทำให้คนที่รักเธอข้างเดียวชุ่มชื่นไปทั้งหัวใจ เขายอมรับเลยว่าเวลาเพียงไม่กี่วินาทีที่ผ่านมามันเป็นช่วงเวลาที่มีค่าและแสนพิเศษสำหรับเขาเหลือเกิน และจะจดจำความอบอุ่นจากปลายนิ้วที่ได้สัมผัสในวันนี้ไปจนวันตาย



บางครั้งเราก็เวอร์ไปนิดหนึ่งนะ คริสโตเฟอร์คิดในใจ



ธิดาดิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 พ.ย. 2558, 20:52:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 พ.ย. 2558, 20:52:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 2711





<< ตอนที่ 13 ตามใจคุณชาย 100%   ตอนที่ 15 คุณหมอเฉพาะกิจ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account