ล่ารักแดนทะเลทราย สนพ กรีนมายด์
แหวนล้ำค่าสัญลักษณ์แห่งราชวงศ์สวมใส่อยู่บนนิ้วของ ‘แอล’ นักวาดภาพสมัครเล่น แต่องค์รักษ์ธามินยังไม่ทันสืบหาเรื่องราวที่แท้จริง ก็พบหญิงสาวลึกลับผู้นั้นอยู่กลางวงล้อมของกบฏที่แฝงตัวไปทั่วทะเลทราย เธออาจเป็นนางนกต่อหรือสายของกบฏก็ได้ ทว่าธามินต้องพาเธอไปด้วยจนกว่าจะพบองค์หญิงซาเมรา ซึ่งคนของเขาส่งข่าวว่าถูกลักพาไปเป็นตัวประกัน
ซาเมราต้องปลอมตัวเป็นหญิงสามัญชน เพราะไม่อาจวางใจชายแปลกหน้าที่เข้ามาช่วยเธอไว้กลางทะเลทราย แต่ด้วยความจำเป็นทำให้หญิงสาวต้องเดินทางไปกับเขา เพื่อสืบให้รู้ว่ากบฏแดนทรายอยู่ที่ใด จะได้กำจัดให้สิ้นซาก
แต่ความลับกลับถูกเปิดเผยเสียก่อน เมื่อหญิงสาวลึกลับกลายเป็นองค์หญิงซาเมรา และชายแปลกหน้ากลายเป็นราชองครักษ์ธามิน องค์ชายที่ถูกลดเกียรติให้เป็นเพียงสามัญชน และเขาอาจเป็นกบฏที่เธอตามหาอยู่ก็เป็นได้ ซาเมราจะทำอย่างไร ระหว่างมอบความตายให้ธามิน หรือหนีไปด้วยกันจนสุดหล้า เมื่อเธอรู้ตัวแล้วว่ารักเขาหมดหัวใจ
Tags: ทะเลทราย ความรัก องครักษ์ เจ้าหญิง

ตอน: ตอนที่ 15 ครึ่งหลัง

ดวงไฟแสงสว่างไสวถูกทิ้งไว้เบื้องหลังเมื่อการเดินทางนำพาให้แสงดาวโดดเด่นเหนือฟากฟ้า ลมอ่อนๆ พลิ้วผ่านพร้อมกลิ่นหอมยามราตรี สายตาของซาเมรามองที่พระจันทร์และหมู่ดาว ทว่าดวงตาของธามินมองมายังแสงดาวนำทางของเขา...เมรา ถ้ามีใครสักคนบนโลกถามว่าปลายทางของมนุษย์คืออะไร หากเป็นเดือนก่อนหรือปีก่อนธามินคงคิดว่าความภักดีในฐานะข้ารองบาท แต่ ณ เวลานี้ธามินเริ่มเห็นภาพรางๆ ของครอบครัวในสมองและหัวใจของเขาแล้ว
ไอเย็นๆ พลิ้วผ่านยามที่ซาเมราหันมาส่งยิ้มแสนหวานให้ธามิน ต่อให้คนที่หัวใจแข็งกระด้างที่สุดย่อมอ่อนยวบและยิ้มตอบกว้างที่สุด นานวันธามินยิ่งแน่ใจว่าซาเมราใช่คนที่ตามหามาแสนนาน
“ทำไมถึงเป็นม้าหรืออูฐสองตัวล่ะครับองค์หญิง” ธามินดึงบังเหียนม้าของซาเมราให้ขยับมาใกล้กับม้าของเขา
ซาเมราหลิ่วตาหัวเราะเสียงใส “ธามไม่รู้คำตอบจริงๆ หรือ นึกว่าอยากได้ ถ้าไม่อยากได้ก็ไม่เป็นไรหรอกนะ”
“ก็องค์หญิงบอกว่าจะให้เรือนหอ แต่ตอนนี้บอกว่าจะให้ม้าหรืออูฐสองตัว ผมก็ต้องรับไว้น่ะสิครับ เดี๋ยวจะไม่ได้อะไรเลย”
“ช่างยอกย้อนจริงๆ นะธาม”
ซาเมราหันไปแกล้งค้อนใส่ธามิน ดวงดาวกะพริบวิบไหวเช่นเดียวกับหัวใจของเธอใช่ไหม น่าชื่นใจที่เขายังจำทุกคำพูดของเธอได้
“สัญญาได้ไหมครับว่าม้าอีกตัวที่ว่าง องค์หญิงจะสนใจมันบ้างไม่ลืมเลือนไป”
เสียงลมที่พัดเบาๆ ทำให้ความเงียบราวกับถูกเสกด้วยคาถาด้วยบทที่ว่าซาเมราควรเผื่อใจไว้ สิ่งใดบนโลกใบนี้ไม่แน่นอน หากถึงเวลานั้นเขายังไม่ให้ที่ว่างข้างกายกับใคร เธอยังจะมองข้ามคงเกินไปล่ะ
“ตอนนี้น่าจะมีคนสนใจที่ว่างนั้นมากกว่าฉันนะ แผลหายดีแล้วใช่ไหมคะธาม”
“แผลที่กายของผมหายดีแล้ว เหลือแต่แผลที่ใจครับองค์หญิง” ธามินยกมือขึ้นมาเกาหลังคอชักเขินตัวเองเพราะปกติไม่พูดอย่างนี้กับใครนัก
ซาเมราต้านทานสายตาหวานๆ ของธามินไม่ไหวเลยเมินมองไปยังเวิ้งทะเลทรายสลัวราง แสงจันทร์เสี้ยวเหมือนเวลานั้นที่รอนแรมในทะเลทรายด้วยกัน
“สงสัยเป็นธามตัวปลอม ฝึกพูดแบบนี้บ่อยๆ กับใครมาก่อนหรือเปล่า”
“ผมยังเขินตัวเองเลยครับ ไม่ค่อยพูดกับใครนัก แต่จะค่อยๆ ฝึกพูดแบบนี้กับองค์หญิงเรื่อยๆ จะได้ไหม”
เกินจะต้านทานไหวอีกต่อไป ซาเมราควบม้าหนี ธามินควบม้าตาม พอทันเขาก็คว้าแขนเรียวของเธอไว้จึงได้ยิ้มหวานๆ สะเทิ้นอายเป็นการตอบแทน ก่อนที่เธอจะค้อนใส่เพราะเขาต้อนเสียจนมุมหมดมาด
“ถ้ามันใช่ก็ไม่ต้องรีบร้อนอะไรหรอก จริงไหมธาม”
ธามินพยักหน้าเห็นด้วย ความรู้สึกของเขากับซาเมราถูกเร่งรัดให้เร็วขึ้นจากการต้องอยู่ด้วยกัน ลำบากด้วยกัน นิสัยต่างๆ แสดงออกมาอย่างซื่อตรงและเขายอมรับในความเป็นเธอได้ ไม่ใช่เพียงมนตราแห่งทะเลทรายที่ทำให้บังเกิดความรู้สึกหวานละมุนที่ใจอย่างเดียวเท่านั้น

อีกฝากหนึ่งของทะเลทรายม้าสองตัวกำลังขี่ตามกันไป แต่ระยะห่างค่อนข้างมากเมื่อตัวหนึ่งพร้อมจะกระโจนแต่ถูกยั้งๆ ไว้เพื่อรอม้าอีกตัวที่เดินเรื่อยๆ อย่างกับกำลังชมจันทร์เสี้ยวอย่างไรอย่างนั้น มาลิคมองยาซินแล้วก็ได้แต่หัวเราะเพราะขืนช้าแบบนี้ต่อไป สงสัยเขาจะกลับไปที่แคมป์เป็นที่โหล่แถมอายราเนียเปล่าๆ เมื่ออดรนทนไหวเขาก็เลยดึงบังเหียนม้าให้หันคอวิ่งกลับไปหาเจ้าม้าต้วมเตี้ยมของยาซิน
ยาซินแทบจะผิวปากสบายอารมณ์เพราะปลงได้แล้ว ตอนนี้ม้ากลายเป็นนายและเขากลายเป็นทาสที่นั่งอยู่บนหลังของม้าจะไปไหนก็แล้วแต่อารมณ์อยากก้าวขาของมันแล้ว
“โหย ลุงยาซินควบม้าเป็นย่องแบบนี้เมื่อไหร่จะถึงล่ะครับ”
“ลุงก็อยากจะควบม้าให้เดินเร็วๆ นะ แต่ม้ามันไม่ยอมวิ่ง แต่จะเดินท่าเดียวทำยังไงดี” ไหนๆ หวังผลชนะไม่ได้ก็ไปมันเรื่อยๆ เนี่ยแหละ ยาซินหัวเราะ ทำไมเรื่องแค่นี้มาลิคไม่เข้าใจ
“ผมมีวิธี แต่ถ้าม้าวิ่งเร็วมากลุงยาซินอย่าว่าผมนะ” มาลิคหัวเราะแฮะๆ
“ช่างมันเถอะ ขอให้มันเลิกย่องก็พอ จะได้ทันใจคนหนุ่ม”
“ถ้างั้นได้เลยครับ”
มาลิครอให้ม้าที่ยาซินนั่งนำหน้าไปก่อนแล้วปฏิบัติการดึงบังเหียนม้าของตัวเองขึ้น ม้ายกแผงคอกระโจนขาอยู่ในอากาศส่งเสียงคำรามลั่น ม้าของยาซินตกใจกระโจนไปอย่างกับธนูพุ่งออกจากฝัก ยาซินกอดคอม้าไว้แน่นตะโกนเสียงหลง
“มา...ลิค”
“เร็วทันใจไหมลุง ฮ่าๆ” มาลิครีบควบม้าตามไปเมื่อเริ่มเป็นห่วงมากกว่าดีใจ สงสัยม้าจะวิ่งเร็วไปแล้วกระมัง
ยาซินไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นเพราะหัวใจจะวายแล้ว อย่าตกๆ เขาได้แต่บอกตัวเองซ้ำๆ แขนทั้งสองข้างกอดคอม้าเอาไว้แน่น มันจะวิ่งไปถึงไหน ออกนอกเส้นทางแล้วกระมัง ที่สำคัญเขาจะหยุดเจ้าม้าตัวนี้อย่างไรดี

ตรงกลางระหว่างทะเลทรายทั้งสองฝั่ง ม้าสองตัวควบห่างกันอย่างจงใจ นาอินไม่มองหน้าราเนียด้วยซ้ำ เมื่อหน้าที่ของเธอมีแค่ขี่ม้าไปเรื่อยๆ ใครอยากชนะก็เชิญรีบกันไป ถ้าไม่เกรงใจชีคชามีลเธอคงถอนตัวตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ นาอินอุตส่าห์ดีใจที่ได้รับเชิญมาร่วมแคมป์รอบกองไฟเพราะจะมีโอกาสประกาศตัวเสียตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าเธอกับธามินมีอนาคตร่วมกัน ที่ไหนได้กลายเป็นต้องมาเล่นเกมบ้าๆ บอๆ ติดแหง็กอยู่กับราเนียในทะเลทราย
“ช่วยกันดู GPS เร็วๆ เข้า ป่านนี้คู่อื่นนำหน้าไปไกลแล้วมั้ง” ราเนียบ่นไปตามเรื่องจริงๆ แล้วเธอก็ไม่ได้หวังจะชนะมาตั้งแต่แรก แต่อยากแกล้งนาอินมากกว่า
นาอินทำหน้าเหวี่ยงใส่ แทนที่จะได้ไปกับธามิน แต่กลับต้องมาอยู่กับคนที่ไม่ชอบหน้าอย่างราเนีย แถมยังเป็นศัตรูหัวใจอีกต่างหาก
“เธอดูเองแล้วกัน ฉันดูไม่เป็น”
ราเนียเลิกคิ้วมองนาอินแล้วยิ้มร้ายๆ ถ้ายัยนั่นไม่หน้างอมองไปทางอื่นคงทันเห็น
“ฉันคิดว่าต้องไปทางนี้ เธอขี่ม้านำไปก่อนนะ ฉันขี่ม้าตามจะได้มีเวลาดูแผนที่ไปด้วย บอกไปทางไหนก็ทำตามแล้วกัน”
“มันหน้าที่ของเธออยู่แล้วนี่” นาอินกระตุ้นม้าให้เดินไปตามทางที่ราเนียเพิ่งชี้ไป
“ใช่ มันเป็นหน้าที่ของฉัน เดี๋ยวเลี้ยวขวานะแล้วตรงไปเรื่อยๆ ได้ยินหรือเปล่า”
“รู้แล้วน่า” นาอินหันมาค้อนใส่
ราเนียไม่ถือสาเพราะว่าอย่างนี้แหละดีแล้ว ฝีท้าของม้าที่นาอินบังคับค่อยๆ เร็วขึ้น ในขณะม้าที่ตามมาเริ่มก้าวขาช้าลง จนกระทั่งหยุดแล้วเลี้ยวไปอีกทาง ราเนียมองนาอินอย่างเจ้าเล่ห์แล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าหัวเราะ
“ฮึๆ กรี๊ดลั่นทะเลทรายก็ไม่มีใครได้ยินหรอกงานนี้ นอกจากหนังหน้าสวยๆ ครอบกะโหลกแล้วไม่มีอะไรน่าสนใจนักนิด”
ราเนียส่ายหัวอีกรอบแล้วรีบมุ่งหน้าไปตามแผนที่ ส่วนเส้นทางหลอกเอาไว้เสร็จงานแล้วเธอจะตามมารับนาอิน ผู้หญิงชอบเหวี่ยงแบบนี้ล่ะเธอแกล้งสนุกนักจะได้หายหึงบ้าไม่เข้าเรื่องเสียที

ยาซินกำลังหอบแฮกๆ พลางค้อนมาลิค ตอนนี้หลังม้าเอาไปห่างๆ เขาขอนั่งกับพื้นทรายปลอดภัยกว่า ใครจะไปทันคิดว่าม้าจะวิ่งเร็วจนหัวใจแทบวายแบบนี้ ถ้ามาลิคตามมาช่วยดึงบังเหียนให้หยุดไม่ทัน มีหวังเขาถูกม้าเหวี่ยงตกตัวจมทรายแน่ๆ มาลิครู้สึกผิดหน้าเลยจ๋อย เขาไม่คิดว่าแผนนี้จะได้ผลเกินคาดจนใกล้ถึงปลายทางอยู่แล้ว แต่ลุงยาซินที่รักคงไม่ปลื้มเท่าไหร่
“โอย...หายใจแทบไม่ทัน” ยาซินยังหอบตัวโยน
มาลิคเข้ามาช่วยนวดไหล่เอาใจ เขาก็ดันลืมไปว่าลุงแก่แล้ว “โหยๆ ลุงยาซินอย่าโกรธผมเลยนะ ก็ลุงขอให้ม้าควบเร็วๆ ผมก็จัดให้แล้วไงล่ะ”
“เกือบตายน่ะสิมาลิค แล้วนี่ใกล้ถึงหรือยังน่ะ”
“ก็ตรงหน้าเนี่ยแหละครับ เพราะลุงมาเร็วอย่างกับลูกธนูหลุดจากฝักเลยนะ เยี่ยมที่สุดเลย”
ยาซินหัวเราะพลางลุกขึ้นเริ่มไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมสาวๆ ติดมาลิคตรึมเพราะช่างพูดและช่างเอาใจแบบนี้ไงเล่า แต่ถึงจะเจ้าชู้มาลิคก็ไม่เคยมาทำรุ่มร่ามในวัง
“เร็วๆ เลยดีกว่า เผื่อชนะ งานนี้จะขอรางวัลให้งามสมกับที่เกือบถูกม้าพาไปถึงชายแดน”
มาลิคช่วยดันก้นยาซินที่หมดแรงจนขึ้นหลังม้าไม่ไหว กลายเป็นหัวเราะกันก่อนจะรีบมาขึ้นม้าของตัวเองแล้วควบเรื่อยๆ ไม่เร็วมากนัก เดี๋ยวคนแก่แถวนี้หัวใจวายตายเขาคงซวยเต็มประตู

ซาเมรามองไปข้างหน้าแต่ยังไม่พบอะไรแม้ใกล้ปลายทางเข้าไปทุกทีจากจุดที่บอกพิกัด GPS ไว้ มีแต่เครื่องบินเล็กที่บินผ่านซึ่งอาจเป็นทหารที่ลาดตระเวนตามหน้าที่ก็ได้ ธามินชวนคุยให้เธอได้ยิ้มบ้างหัวเราะบ้าง ทำให้ระยะทางที่ดูเหมือนไกลกลายเป็นใกล้ในพริบตา
ลมเย็นๆ พัดผ่านเป็นระยะและเมฆเปิดทางให้แสงดาวราวกับช่วยนำทาง ธามินมองไปเริ่มเห็นจุดสุดท้ายลิบๆ ซาเมรามองตามไปก็ยิ่งเกิดคำถามที่ค้างคาใจมาตั้งแต่เริ่มเล่นเกม ถ้าเธอกับนาอินไม่ได้มาในคืนนี้จะมีเกมเกิดขึ้นหรือเปล่า
“ธามสงสัยเหมือนที่ฉันสงสัยไหม”
“สงสัยว่าทำไมชีคเกิดอยากมีแคมป์รอบกองไฟ แล้วเชิญนาอินมาใช่ไหมครับ” ธามินถามอย่างรู้ทันเลยได้รอยยิ้มหวานๆ เป็นรางวัลกลับมา
“ใช่ แล้วฉันด้วย ทำไมต้องมาล่ะ”
ธามินยิ้มเบิกบาน หากว่าซาเมราเป็นที่รักของพี่ชายอย่างชีคชามีล พี่ชายย่อมมีเหตุผลควรจะระวังผู้ชายทุกคนที่เข้ามาใกล้น้องสาว เรื่องราวของเขาคงถูกสืบ รวมทั้งการพูดคุยระหว่างสองบ้านเรื่องการหมั้นหมายกับนาอิน เขากำลังถูกทดสอบในคืนนี้ รวมทั้งท่าทีของซาเมราด้วย
“ให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ควรจะเป็นไม่ต้องระวังตัวมากเกินไปหรอกครับ ชีคอาจจะรู้สึกถึงบางอย่างก็ได้เลยอยากทดสอบผม”
“อาจรวมถึงฉันด้วย พี่ชาเจ้าเล่ห์ที่สุด”
วันก่อนองครักษ์หญิงของเธอถูกพี่ชายเรียกตัวไปพบ แค่นี้ก็เดาได้แล้วว่าจะถูกถามเรื่องอะไรบ้าง ซาเมราไม่ได้กังวลใจเพราะมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด
“นั่นใช่จุดสุดท้ายที่แผนที่มาร์คไว้หรือเปล่าธาม” เธอมองไปข้างหน้าเห็นแสงสีแดงเล็กๆ วูบเข้าสู่ตาพอดีจึงชี้ออกไปอย่างตื่นเต้น
ธามินพยักหน้าก่อนจะควบม้านำไปแล้วลงมาสำรวจผืนทรายเรียบๆ ไม่มีอะไรจากแสงปากกาเลเซอร์ที่เปิดค้างไว้ซึ่งเขาคิดมันไม่น่าใช่ของที่ชีคชามีลให้ตามหา
“ไม่เห็นมีอะไรเลย ตลกร้ายของพี่ชาหรือเปล่าเนี่ย”
“มันอาจฝังอยู่ใต้ดินก็ได้ครับองค์หญิง”
ธามินลองคุ้ยทรายใต้ปากกาเลเซอร์ออกแล้วก็พบไม้กระดานที่วางทับบางสิ่งไว้ เขาดันไม้กระดานขึ้นก็พบว่าด้านล่างมีหลุมที่ลึกพอสมควร ซาเมราก้มลงมองตามแขนยาวกว่าของธามินคว้าเอวบางไว้กันเธอตกลงไป
“ของที่ว่าอยู่ในหลุมค่อนข้างลึกครับ เดี๋ยวองค์หญิงช่วยส่องไฟ แล้วผมลงไปเอาของขึ้นมาเอง”
ของที่ชีคชามีลตามหาเป็นกีตาร์ตัวเดียวอย่างนั้นหรือ ซาเมราคิดไปก่อนแล้วว่าคงเป็นของสำคัญกว่านี้ ถ้าเป็นซองจดหมายที่มีรหัสให้ตามต่อไปเธอจะไม่สงสัยเท่านี้เลย ยามที่ธามินปีนลงไปทรายข้างๆ จะไหลร่วงลงใส่ตัวเขา เธอเพิ่งสังเกตว่าด้านข้างของหลุมแคบๆ นั้นทาบางอย่างไว้ทำให้ชุดราชองครักษ์สีขาวเลอะไปด้วยสีดำกลายเป็นกระดำกระด่าง
ธามินส่งกีตาร์ยื่นขึ้นมาก่อนซาเมรารับมาวางข้างๆ แล้วส่องไฟต่อ เขามองหาสิ่งอื่นๆ ที่อาจซ่อนอยู่แต่ก็ไม่พบอะไรอีกจึงปีนขึ้นมา พอเงยหน้าก็เห็นเธอยื่นมือให้จับ
“มองเฉยๆ ทำไมน่ะธาม ส่งมือมาสิ”
ธามินส่ายหน้าแบมือเลอะสีดำให้ซาเมราดู “ไม่เป็นไรครับองค์หญิง เดี๋ยวมือเลอะไปด้วยเปล่าๆ ถือกีตาร์ไว้แล้วยิ้มกว้างๆ คอยให้กำลังใจผมก็พอครับ”
ภารกิจเสร็จแล้วอย่างง่ายดาย ธามินนั่งหัวเราะอุตส่าห์เดินทางมาเกือบสามไมล์เพื่อนำกีตาร์กลับไปใครจะเชื่อว่าชีคชามีลไม่ได้มีแผนอะไร ซาเมราเลิกสงสัย บางทีเธอคงคิดว่าพี่ชายกลายเป็นคนเจ้าแผนการไปแล้ว
“ธามเล่นกีตาร์เป็นไหม”
ธามินพยักหน้ายิ้มก่อนจะกำทรายขึ้นมาแล้วใช้สองมือประกบกันเลื่อนมือไปมาเป็นการเช็ดมืออย่างหนึ่ง กีตาร์ถูกหยิบมาลองดีด เพลงที่เขาชอบร้องประจำถูกขับขานด้วยเสียงทุ้มกังวานให้ซาเมราฟังเป็นครั้งที่สอง เพียงแต่สถานที่เปลี่ยนไปเท่านั้น
I lit a fire with the love you left behind. And it burned wild and crept up the mountain side
I followed your ashes into outer space. I can't look out the window, I can't look at this place.
I can't look at the stars. They make me wonder where you are
Stars, up on heaven's boulevard. And if I know you at all, I know you've gone too far
So I, I can't look at the stars.
เพลง Stars ของ Grace Potter & The Nocturnals


แล้วจะมา up ต่อให้ถึงตอนที่ 16 นะคะ ตอนนี้หนังสือล่ารักแดนทะเลทราย สามารถหาซื้อได้ที่ซีเอ็ดและนายอินทร์แล้วนะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านค่ะ
อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 พ.ย. 2558, 09:45:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 พ.ย. 2558, 09:45:33 น.

จำนวนการเข้าชม : 939





<< ตอนที่ 15 ครึ่งแรก   ตอนที่ 16 ครึ่งแรก >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account