เล่ห์รักพรางแค้น วางแผงแล้ว สนพ ทัช
ใครจะไปคิดว่าการทำภารกิจให้ปู่ กลับกลายเป็นถูกโชคชะตากลั่นแกล้งให้เขาถูกสลัดลงจากคาน ยัยซื่อบื้อนั่นน่ะหรือคือไก่วัดที่ทำให้เขากลายเป็นสมภาร
Tags: ความรัก ความหลัง

ตอน: ตอนที่ 4 ครึ่งหลัง

ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงกว่าๆ ภาวัตก็ขับรถมาถึงโรงพยาบาลก่อนที่ตาทั้งสองข้างของมาลินจะแข็งไปเสียก่อนเพราะตั้งใจช่วยเขาดูทางจนน่ามอบรางวัลให้ เธอยกมือไหว้แล้วเดินแกมวิ่งเข้าโรงพยาบาลไปก่อน ร่างสูงเดินตามมาเรื่อยๆ แต่เพราะขายาวกว่าทำให้พอมาลินหันมามองเขาก็อยู่ใกล้ๆ แค่ไม่กี่ก้าว
“ไปทางนี้ค่ะ พยาบาลบอกว่าตาฟื้นแล้ว แต่ยังเพลียก็เลยต้องให้น้ำเกลือแล้วพักที่โรงพยาบาลก่อน”
สีหน้าเครียดกังวลกลายเป็นรอยยิ้มซื่อๆ ภาวัตพยักหน้ารับรู้ แต่ยังเดินตามมาลินไป เจ้าตัวคงรู้สึกจึงหันมามองอย่างเกรงใจ
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง ถ้ายังไม่รีบกลับไปพบตาก่อนไหมคะ ถ้าตาได้พบคุณวัตคงดีใจที่ได้พบหลานของเพื่อน”
“ก็...ไม่แน่หรอก” ภาวัตหัวเราะเบาๆ ขับรถมาตั้งนานไม่ไปเยี่ยมสักหน่อย คนรอฟังข่าวคงเฉ่งเขายับ “ไหนๆ มาแล้วก็ไปสวัสดีสักหน่อยแล้วกัน”
มาลินเดินนำเข้าไปในห้อง พอร่มธรรมเห็นหลานโถมเข้ามากอดก็อุ่นซ่านอยู่ในใจ พัชนีค่อยยิ้มได้เมื่อลูกสาวกลับมาอยู่เป็นเพื่อนกัน ภาวัตยกมือไหว้ผู้หญิงใจดี แล้วมองตาหลานคุยกัน
“ตาน่ะ ทำไมนอนดึก แล้วชอบเครียด เห็นไหมเลยถูกหมอฉีดยา ให้น้ำเกลือ”
“ตาแก่แล้วต่างหาก แล้วมายังไง กลับมาถึงแล้วจริง” น้ำเสียงของร่มธรรมสดใสขึ้น แต่พอมองเลยไหล่หลานไปแล้วเห็นใครมาเท่านั้นแหละ ถ้ามีแรงคงเต้นผางไปแล้ว
“คุณวัตมาส่งค่ะ”
“คุณอีกแล้วหรือ มาทำไม ออกไป ที่นี่ไม่มีใครต้อนรับ” ชายชราส่งเสียงลั่นมองภาวัตอย่างไม่ไว้ใจสมองคิดเร็วรี่ อยู่ดีๆ หลานของไอ้ทีปต์จะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ถ้าไม่ได้จงใจทำบางอย่าง
“อ้อ พาเข้าทางฉันไม่ได้ ก็ไม่เข้าทางหลานใช่ไหม บอกเอาไว้ตรงนี้เลย ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่ขายที่ให้ไอ้ทีปต์เด็ดขาด ฝากไปบอกมันด้วย”
พัชนีหน้าเสีย ภาวัตไม่แปลกใจอะไรแถมยังยกมือไหว้ตามมารยาท มาลินงงหนักหว่าใคร ถ้าตาของเธอกับปู่ของเขาเป็นเพื่อนกันมาก่อน ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ
“ใจเย็นๆ นะคะพ่อ” พัชนีปรามเสียงเบาไม่อยากให้อึกทึกในโรงพยาบาล กลัวอาการพ่อหนักลงไปด้วย “ลินพาคุณวัตออกไปก่อนนะลูก เดี๋ยวแม่คุยกับตาก่อน”
“ค่ะแม่” มาลินเดินไปที่ประตูแล้วเปิดรอ
“ขอให้หายไวๆ นะครับ ผมมาดี ไม่ได้มาร้ายเลย” ภาวัตบอกทิ้งท้ายก่อนจะออกจากห้องไป
ร่มธรรมมองตามตาขวาง อาการป่วยเหมือนจะหายภายในพริบตา ความโกรธทำให้มีแรง มาลินไปรู้จักภาวัตได้ยังไง พอจะออกไปตามพัชนีก็จับแขนให้นอนลงเลยทำได้เพียงฮึ่มๆ ให้ลูกสาวมองมาแล้วส่ายหน้า เขาเป็นคนป่วยต้องตามใจไม่ใช่หรือไง

ระเบียงด้านนอกห่างจากห้องคนป่วยพออุ่นใจว่าจะไม่มีเรื่องกลายเป็นที่หลบภัยของภาวัตตามแต่มาลินจะพามา สายตาของเธอยามมองเขาเต็มไปด้วยความสงสัย ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองกลับไม่มีอะไรเป็นความลับ ยกเว้นเรื่องของคนแก่สองคนที่ยังปิดบัญชีไม่ลง
“ไหนบอกว่าตาของลินกับปู่ของคุณวัตเป็นเพื่อนกัน แต่ที่เห็นไม่น่าใช่ แถมยังเกลียดกันด้วยซ้ำ คุณวัตโกหกลินหรือเปล่าคะเนี่ย”
เจ้านายค้อนใส่เด็กฝึกงานที่กล้ามาคาดคั้น แกล้งกลับให้ร้องไห้เสียดีไหม
“เป็นเพื่อนกันในอดีต แต่ตอนนี้ หน้ายังไม่มองกันเลยน่ะสิ นี่ตาของเธอไม่เคยเล่าเรื่องสมัยหนุ่มให้ฟังบ้างหรือไง อย่างน้องสาว ไม่สิ น้าของเธอที่ตายไปหลายสิบปีแล้วน่ะ”
“ไม่เคยค่ะ แล้วมันเกี่ยวกับปู่ของคุณยังวัตไงล่ะคะ”
คงต้องเล่ากันยาว ภาวัตมองหาที่นั่ง เสียงคนเดินมาทางนี้ พอมองไปก็เห็นชายวัยน่าจะไล่เลี่ยกับเขามองมา มีลูกน้องอีกสอง มาลินยกมือไหว้ รู้จักกันกระมัง
“นึกอยู่แล้วเชียวว่าน้องลินก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน” ชานนท์ทักทายพลางรับไหว้ปรายตามองผู้ชายแปลกหน้าที่เคยเห็นเป็นครั้งแรก
“สวัสดีค่ะพี่นนท์ มาเยี่ยมตาหรือคะ”
“คนงานมาบอกว่าลุงธรรมเข้าโรงพยาบาล พี่เลยมาเยี่ยมน่ะ”
“เชิญค่ะ ตอนนี้ตาอยู่ในห้องกับแม่” มาลินผายมือไปที่ห้องคนป่วยซึ่งห่างไปหลายก้าว
ชานนท์ยิ้มให้ก้าวไปแล้วแต่พอไม่เห็นมาลินเดินตามมาก็เลยชะงักสงสัย
“แล้วน้องลินไม่เข้าไปด้วยกันหรือ ไม่เจอกันนาน...คิดถึง”
ภาวัตมองดูเงียบๆ ขนาดบอกคิดถึงคงไม่ใช่แค่รู้จัก ไม่น่าเชื่อเลยแฮะ หน้าตาซื่อๆ ดูซุ่มซ่าม กะโปโล แต่เสน่ห์แรงไม่เบา แต่ทำไมถึงทำหน้าเหมือนกินของขมๆ เข้าไปแบบนั้น
“เอ่อ พอดีเจ้านายของลินมาด้วยน่ะค่ะ เดี๋ยวจะเดินไปส่งที่รถ เชิญพี่นนท์ก่อนนะคะ”
ชานนท์พยักหน้าไม่เซ้าซี้ แต่สายตามองภาวัตอีกรอบ คุ้นๆ เหมือนเคยเห็นหน้าตาแบบนี้ที่ไหน แต่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องถาม ในเมื่ออนาคตของมาลินอีกไม่นานก็คู่กับเขาอยู่แล้ว
มาลินถอนใจโล่งอก หันมาสนใจเจ้านายตัวเอง แต่กลายเป็นถูกจ้องอีกแล้ว เธอไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย
“จะไล่กลับเลยหรือเธอ พักยังไม่ทันหายเหนื่อยเลย”
“เปล่าค่ะ แค่จะพาคุณวัตไปหาอะไรดื่ม ชั้นล่างมีโรงอาหารอยู่ เผื่อคุณวัตจะหิว ตอนนี้มันก็มืดค่ำแล้วด้วย” เสนอเงินค่าน้ำมันคนโดนด่า ขอเลี้ยงน้ำยังง่ายกว่า
“ไปดูแลคุณตาของเธอก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันพักแถวๆ นี้แหละ แต่ถ้าออกมาแล้วไม่เจอแสดงว่ากลับแล้วนะ”
“ขอบคุณมากนะคะ”
ภาวัตขมวดคิ้วใส่ มือไม้จะอ่อนไปไหน รับไหว้แทบไม่ทันอยู่แล้ว มาลินยิ้มเกรงใจให้เขาแล้วเดินกลับห้องที่เสียงหัวเราะของร่มธรรมลอยออกมา เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรออก ดูท่าปู่จะรออยู่แล้ว รับสายอย่างไว
“ไม่เป็นอะไรมากครับปู่ โรคคนแก่ บวกกับเครียด ดูๆ ไปแล้วก็ดื้อไม่ต่างจากปู่เลย ถ้ายอมขายที่ ปัญหาหนี้สินก็คงเคลียร์จบไปแล้ว”
ทีปต์ถามอีกหลายคำก็วางไป ภาวัตนั่งพักอยู่ครู่หนึ่งในมุมเงียบๆ กำลังจะกลับอยู่แล้วถ้าประตูห้องจะไม่เปิดออก แล้ว ‘พี่นนท์’ ของมาลินเดินผ่านมาทางนี้พอดี ไม่มีใครเห็นเขาหรอก ไม่จำเป็นต้องออกไปทักทายก็เลยนั่งเฉยเสีย
“จะไปไหนต่อครับคุณนนท์”
“ไปบ้านคนงานของลุงธรรม ได้ข่าวว่าวันก่อนมีคนมาติดต่อขอซื้อที่ดิน ฉันไม่อยากมีคู่แข่ง” ที่ดินผืนนั้นถ้าเขาไม่ได้เป็นคนซื้อมา ใครหน้าไหนก็อย่ามาเป็นคู่แข่ง
“แล้วเรื่องธนาคารไม่ปล่อยเงินกู้เพิ่มล่ะครับ”
“ปล่อยไปก่อน ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่ฉันจะยื่นมือเข้าไปช่วยอย่างจริงจังอีกรอบ”
นายและลูกน้องเดินผ่านไปแล้ว ฟังแล้วก็เหมือนจะดูดีไม่มีอะไร ภาวัตมองตามสัญชาตญาณบอกเขาว่าชักไม่ชอบมาพากล แต่ไม่รู้ว่าตรงไหน ร่างสูงเดินมาที่รถ แต่บางอย่างในสมองบอกว่าไม่ควรมองข้ามไป อย่างน้อยเขากับเจ้านั่นก็เป็นคู่แข่งเรื่องที่ดิน แล้วควรทำยังไงดี

เสียงคุยคุ้นหูกำลังใกล้เข้ามา ภาวัตเดินมาหาพร้อมน้ำขวดที่กินไปเกินครึ่งบ่งบอกถึงการรอ มุกนี้เคยใช้เวลาอยากให้สาวสนใจ จนได้ใจสาวคนนั้นมา แต่ว่าคราวนี้จุดประสงค์เพียงแค่อยากให้พัชนีวางใจเขามากกว่าเดิมเท่านั้น มาลินเดินมาหาเจ้านายพร้อมกับแม่ เรียวปากบางยิ้มง่ายๆ ชีวิตของเธอคงมีแต่แสงสว่าง ในขณะที่เขาเคยมืดมนจนเกือบไม่ได้เห็นแสงสว่าง
“เมื่อกี้ลินออกมาไม่เห็น นึกว่าคุณวัตกลับไปแล้วเสียอีก หิวไหมคะ”
“หิว แล้วก็ชักเหนื่อยๆ ใกล้ๆ บ้านเธอมีโรงแรมบ้างไหม” เขาถามเสียงซื่อสุดชีวิต
สองแม่ลูกมองกันไปมา แถวๆ นี้มีแต่บ้านคน หรือถ้ามีที่พักส่วนใหญ่ 3 ทุ่มก็ปิดแล้ว ถ้าขับรถหาคงได้ แต่สมควรแล้วหรือ เมื่อเขาช่วยขับรถมาตั้งไกล
“ไปพักที่บ้านก่อนก็ได้ค่ะ คราวก่อนที่ตาของลินทำอะไรไม่ดีไป ป้าขอโทษแทนด้วยนะคะ” พัชนีเอ่ย
“ไม่เป็นครับคุณป้า ผมไม่ได้เป็นอะไรเลย” ภาวิตยิ้มบางซ่อนเร้นความเจ้าเล่ห์ไว้ “แล้วจะกลับกันยังไงล่ะครับ”
“รถที่ไร่กำลังมารับค่ะ ถ้างั้นขับตามกันไปก็แล้วกันนะคะ”
ทั้งหมดพากันเดินมารอใกล้ๆ รถของภาวัต แต่นานกว่าที่คิด ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วยังไร้วี่แวว จนกระทั่งโทรศัพท์ของพัชนีดัง พอกดรับก็รู้เรื่องร้อนๆ ทันที ใบหน้าเพลียเหนื่อยยิ่งซีดเผือดหลังจากวางโทรศัพท์
“ลุงหมายจะมาถึงหรือยังคะแม่”
“รีบกลับไร่เร็วๆ เข้า” พัชนีกำมือแน่นมองมาทางภาวัต “ ช่วยขับรถไปส่งเราสองคนที่ไร่ได้ไหมคะ”
มาลินจับมือเย็นๆ ของแม่ไว้ “มีใครเป็นอะไรหรือคะแม่”
“โรงเก็บเครื่องมือไฟไหม้ ตอนนี้คนงานกำลังช่วยกันดับไฟ”
ภาวัตปลดล็อครถพอทุกคนเข้ามาพร้อมก็ขับออกไปทันทีอย่างเร่งรีบ ความซวยคงเหมือนมด เวลาที่พบมันหนึ่งตัว แน่นอนว่ารังใหญ่ๆ จะอยู่ไม่ไกล ทำไมบ้านนี้มีแต่เรื่องนัก กู้เงินไม่ผ่าน เป็นหนี้ ที่ยังขายที่ไม่ได้ แถมยังไฟไหม้เครื่องมือทำมาหากิน เขาควรดีใจที่เกิดเรื่องแบบนี้ ร่มธรรมคงขายที่ให้แน่ๆ แต่กลับไม่สบายใจไปด้วยยามมองสองแม่ลูก ถึงไม่ร้องไห้ แต่ตาแห้งผากกันหมดแล้ว

แล้วจะมา up ต่อนะคะ
อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 พ.ย. 2558, 09:36:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 พ.ย. 2558, 09:36:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 1173





<< ตอนที่ 4 ครึ่งแรก   ตอนที่ 5 ครึ่งแรก >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account