เล่ห์รักพรางแค้น วางแผงแล้ว สนพ ทัช
ใครจะไปคิดว่าการทำภารกิจให้ปู่ กลับกลายเป็นถูกโชคชะตากลั่นแกล้งให้เขาถูกสลัดลงจากคาน ยัยซื่อบื้อนั่นน่ะหรือคือไก่วัดที่ทำให้เขากลายเป็นสมภาร
Tags: ความรัก ความหลัง

ตอน: ตอนที่ 7 ครึ่งแรก

โต๊ะอาหารถูกจัดไว้เสียสวยในสวนอย่างตั้งใจให้เกิดโมเมนท์โรแมนติก ไม่มีรัมภาอย่างที่คิดไว้ สีหน้าของภาวัตไม่ได้โกรธเกรี้ยว แต่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ้มและคุยกับเด็กฝึกงานมากกว่าคนชวนเสียอีก คนวางแผนเสียอีกที่หน้าม้านกินอาหารไม่ลง มาลินทำตัวไม่ถูก แต่เอมิกาคงชอบไม่น้อย แถมยังหวานใส่ท่านประธานดูคุยกันถูกคอ
อาหารกลางวันที่ควรลากยาวไปสักสองชั่วโมงจบลงอย่างรวดเร็ว ลัลนาหน้าเสียจนยิ้มไม่ออกพอภาวัตก้าวนำทุกคนออกมาจากร้านก็รีบมาเคลียร์ก่อนที่จะเพลี่ยงพล้ำให้ยัยแพรมน คู่แข่งคนสำคัญที่ใช้ความห้าวและแมนเข้าประชิดเขาอยู่หลายต่อหลายครั้ง
“ไม่โกรธหรือคะที่ลัลหลอกคุณเรื่องรัมภา ลัลก็แค่อยากมาทานข้าวกับคุณ สัญญานะคะว่าคราวหน้าจะไม่ทำแบบนี้อีก”
ภาวัตกอดอกมอง ถามว่าลัลนาสวยไหม ตอบได้เลยว่าสวยมาก แต่สวยเหมือนดอกไม้ที่เห็นในร้านหรู แต่ไม่อยากได้ ไม่มีความดึงดูด
“ที่ผมยอมมาเพราะยอมรับคุณเป็นเพื่อนคนหนึ่งและยังทำธุรกิจร่วมกัน ถ้าไม่อยากให้กลายเป็นคนรู้จักก็อย่าล้ำเส้นระหว่างเราสองคนอีก คราวนี้ผมจะไม่คิดอะไรมากไปกว่าพาเพื่อนมาทานข้าว ตกลงไหม”
“กลัวแทบแย่นึกว่าคุณจะโกรธ” เซเลบสาวยิ้มออกพร้อมๆ กับยื่นริมฝีปากไปจูบแก้มภาวัตอย่างกับคนรักกำลังล่ำลากันอย่างไรอย่างนั้น
ร่างสูงก้าวถอยหลังมาถอนใจพรืดเมื่อกลายเป็นเป้าสายตาของมาลินกับเพื่อนที่มองมาตาค้าง น่าตกใจตรงไหนก็แค่จูบแก้มลาธรรมเนียมฝรั่ง ลัลนาเข้ามานั่งรถแท็กซี่สบายใจเฉิบแถมยังส่งจูบให้แล้วแยกไปก่อน ภาวัตนั่งรอสองสาวที่เอาแต่เกี่ยงกันอยู่นั่นจนเขาต้องสั่งเสียงเรียบๆ
“มานั่งด้วยกันคนหนึ่ง อย่าถึงขั้นลดตำแหน่งให้เป็นคนขับรถเลยนะ”
เอมิกาเปิดประตูผลุบเข้าไปนั่งเบาะหลังกลัวถูกดุ เดือดร้อนคนที่ยืนละล้าละลังจนกระจกเลื่อนลง ท่านประธานหันมาปรายตามอง ประตูเปิดออกมาลินเข้าไปนั่งตัวลีบ รถเคลื่อนออกสู่ถนน ภายในรถเงียบกริบ
“คุณตาเป็นยังไงบ้าง หายดีหรือยัง” ภาวัตถามขึ้น คราวก่อนที่พบกันมาลินดูไม่ประหม่าเลย ตอนนี้เป็นอะไรขึ้นมาอีกล่ะนั่น
มือบางยกมือไหว้ “วันนี้เข้าไร่ตามปกติแล้วค่ะ ขอบคุณที่คุณวัตส่งวิศวกรคนนั้นไปนะคะ ตอนนี้โรงเก็บต้องทุบไปบางส่วนเพราะมันอาจจะพังลงมาอีก”
ภาวัตพยักหน้า “มีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน แล้วทีหลังไม่ต้องไหว้ฉันแล้ว”
คนถูกดุหน้าเสีย ภาวัตจะอธิบายก็ไม่สะดวกเพราะไม่ได้อยู่กันแค่สองคน เอมิกามองความสนิทที่แม้ไม่มาก แต่ก็ไม่ใช่แค่คนรู้จักธรรมดา เห็นเงียบๆ ก็รอฟาดของสูงเหมือนกัน ช่างไม่รู้เสียเลยว่าท่านประธานเสียเรื่องผู้หญิงมาแต่ไหนแต่ไร งานนี้ได้มีคนน้ำตาเช็ดหัวเข่าแน่

สองสาวลงมาจากรถก่อนเวลาบ่ายโมงเล็กน้อย ภาวัตเดินไปตรวจงานที่โรงเก็บไม้ ทำให้เอมิกาสบโอกาสได้คุยกับมาลินแม้ว่าจะต้องเดินขึ้นบันไดไป ไม่เข้าใจว่าจะมาเหนื่อยทำไมทั้งๆ ที่มีลิฟต์ตั้งหลายตัว แต่ความอยากรู้มากกว่าความเหนื่อย ขอให้ได้ข้อมูลมาเป็นพอ
“ไม่ยักรู้ว่าเธอรู้จักกับท่านประธานมาก่อน ทั้งหล่อ ทั้งรวย แถมโสด แผนสูงไม่ใช่เล่นนะเธอน่ะ นายพัฒกลายเป็นหมาหัวเน่าแล้วสิ กะรวยทางลัดหรือไงยะ”
มาลินหัวเราะเบาๆ ไม่อ้อมค้อมตรงเป้าหมายอย่างนี้สิเอมิกา เรื่องดีๆ ไม่เคยถาม งานถากถางประชดใส่ไม่เคยพลาดสักงาน
“แค่เดินยังเหนื่อยไม่พอหรือไง มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอกน่า”
“แล้วมันยังไงล่ะ” คนอยากรู้รีบก้าวตามให้ทัน
คนเดินนำหยุดแล้วหันมามอง “ฉันต้องอธิบายเรื่องส่วนตัวกับเธอด้วยเหรอ แล้วพูดผิดก็พูดใหม่ได้นะ ฉันกับพัฒเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ฉันไม่เคยมองข้ามเขา ได้เวลาไปทำงานต่อแล้ว”
เอมิกาอ้าปากเหวออึ้งนานๆ ทีหรอกที่มาลินจะใส่กลับแบบนี้ แล้วไง แค่ถามทำไมไม่ตอบ หญิงสาวหน้าบึ้งตึงเข้าไปในห้องสำนักงาน พอนึกได้ก็ยิ้มร่าเป็นสาวโลกสวยใจใสดังเดิม แต่ให้ตายเถอะ ความอยากรู้ทำให้หงุดหงิดชะมัด

งานบัญชีไม่ใช่แค่ตรวจสอบการเงินเท่านั้น แต่ยังต้องตรวจสอบของต่างๆ เพื่อทำงบสำหรับเบิกซื้อของล็อตใหม่ สองนักศึกษาฝึกงานจึงได้รับมอบหมายให้มาที่โกดังเก็บของในเวลาบ่าย 3 โมง อากาศกำลังร้อน ในห้องมีแต่พัดลม เสียงบ่นของเอมิกาจึงมาเป็นระยะ
มาลินเคยชินสภาพแบบนี้เหมือนเวลาช่วยตาที่โรงงานเลยทำงานได้เรื่อยๆ จนคนบ่นหยุดไปเองแล้วช่วยทำงาน แต่จะมีเสียงอีกรอบก็ตอนใกล้เลิกงานนั่นล่ะ
“เช็คของตรงนี้ยังไม่เสร็จเลย งานที่รับไว้เมื่อวานก็ยังไม่เสร็จ เอายังไงดี”
“มันเหลือแค่ปริ้นท์เท่านั้นแหละ ไฟล์อยู่ที่ฉัน เอาไปปรินท์ส่งแล้วกัน เดี๋ยวฉันเช็คของตรงนี้เสร็จแล้วจะตามไป ขืนให้เธอทำวันนี้ไม่เสร็จแน่ๆ ใกล้เลิกงานแล้วด้วย” มาลินล้วงแฟลชไดรฟ์จากกระเป๋ากระโปรงยื่นให้เพื่อน แยกกันทำงานจะได้เสร็จครบที่ถูกสั่งมา
เอมิกายิ้มร่ารีบรับไฟล์ไม่ใช่แค่ดีใจที่จะมีงานส่ง แต่ได้ออกไปจากห้องเก็บของนี่ด้วยต่างหาก
“ถ้างั้นฉันไปปริ้นท์งาน ถ้าเสร็จก่อนเลิกงานจะมาช่วยแล้วกัน”
มาลินพยักหน้าแล้วก้มลงเช็คของต่อ เอมิกาเบ้ปากเดินออกมาแต่ยังไม่วายส่งสายตาไม่ชอบใส่ ชั้นวางของบังร่างของเพื่อนจนมิด จะเป็นยังไงถ้าเธอจะเล่นอะไรสนุกๆ สักหน่อย สายยูที่คล้องไว้ตรงบานประตูที่เปิดอยู่ถูกดึงออกมาแล้วค่อยๆ ปิดคล้องเท่านี้ก็เรียบร้อย
“เอาไว้เสร็จงานทางนั้นแล้วจะมาเอาออกให้แล้วกันนะยัยลิน”
เอมิกาหัวเราะชอบใจพอเห็นเวลาใกล้เลิกงานก็รีบวิงกลับไปที่สำนักงานปริ๊นท์งานคู่ของเธอกับมาลินออกมา ตรวจความเรียบร้อยก่อนไปส่งหัวหน้าฝ่าย ยังเหลือเวลาอีก 5 นาทีถ้าไปเอาสายยูออกให้ก็คงทัน ถ้าเพียงแต่โทรศัพท์จะไม่ดังขึ้นมาเสียก่อน
“ว่าไงนะ พี่แมคไปดูหนังกับน้องข้างบ้านงั้นเหรอ เฝ้าไว้นะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ เลิกงานพอดี”
เสียงกริ่งดังพนักงานพากันเก็บของแล้วลงมาชั้นล่างเพื่อกลับบ้าน เอมิกาเรียกแท็กซี่ได้เร็วทันใจ ลืมเรื่องสำคัญเสียสิ้นเมื่อในอกเต็มไปด้วยความโกรธและกลัวถูกนอกใจอีกครั้ง

ไฟในห้องดับพรึบเมื่อแม่บ้านสับคัทเอาท์ลง มาลินสะดุ้งหันหลังกลับหาทางออก แต่ไม่เห็นอะไรนอกจากแสงเพียงน้อยนิดที่ผ่านพัดลมระบายอากาศซึ่งหยุดทำงานไปแล้ว โทรศัพท์อยู่ที่ไหน ตอนเข้ามาจำได้ว่าวางไว้ตรงชั้นวาง แต่ตู้เก็บของใบไหนล่ะ มือบางความหาสะเปะสะปะ ทว่าขาที่กำลังก้าวเริ่มอ่อนเปลี้ยไม่มีแรงเอาดื้อๆ มาลินนั่งพยายามหายใจกอบโกยอากาศเข้าไป เหงื่อกาฬผุดที่ไรผม มือเย็นเฉียบและชาจนกำแทบไม่ได้
โทรศัพท์อยู่ที่ไหน?!?
มาลินคว้าขอบตู้ลุกขึ้นแล้วก้าวขาไปทีละก้าว แม้จะช้าแต่ยังดีกว่ารอความตายอยู่ตรงนั้น ประตูทางออกอยู่ที่ไหน ทำไมเธอไม่เห็น ทำยังไง ช่วยด้วย เธอตะโกนไปสุดเสียง แต่คงไม่มีใครได้ยิน เมื่อความมืดยังคงโรยรินรอบตัวไม่ห่างหาย
เสียงริงโทนโทรศัพท์ดัง มาลินมองหาแสงไฟ นั่นไง! อยากกระโจนไปคว้า ทว่าอ่อนแรงเกินกว่าจะทำได้ ก้าวแต่ละครั้งช่างยากเย็นเมื่ออากาศรอบกายราวกับถูกดูดหายไป มือบางคว้าโทรศัพท์มาเลื่อนสไลด์ยังไม่ทันได้เอ่ยคำใด คนปลายสายก็ส่งเสียงมา
“อยู่ที่ไหนน่ะมาลิน เลิกงานแล้ววันนี้เรานัดกันแล้วไม่ใช่หรือว่าเธอจะไปสอนลูกชายของฉันน่ะ”
“ชะ...ช่วยด้วย...คุณวัต ลิน...ลิน หายใจไม่ออก”
ภาวัตเอาหูแนบโทรศัพท์ให้ฟังได้ชัดๆ ความหงุดหงิดหายไปกลายเป็นห่วง
“เธออยู่ที่ไหนบอกฉันมาเดี๋ยวนี้”
มาลินบอกเสียงสั่นเบาความกลัวสะอื้นไห้กลายเป็นน้ำตาหลั่งรินลงแก้ม โทรศัพท์ยังเปิดค้างไว้ให้ได้ยินเสียงของกันและกัน เธอเอนหลังพิงฟังเสียงประหนึ่งแสงเล็กๆ ที่ลอดเข้ามาในความมืด จะไม่ไหวแล้ว
ไม่! ต้องไหว ทนให้ได้ เธอจะมาตายตอนนี้ไม่ได้
“คุณวัต...”
“ฉันมาถึงแล้ว เธอรอฉันนะ อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปเชียว ไม่อย่างนั้นฉันไม่เซ็นผ่านการฝึกงานให้แน่ๆ”
หญิงสาวยิ้มทั้งน้ำตาพร้อมกับสูดหายใจเข้าไปเต็มปอด ใครสักคนวิ่งตึงตังผสมเสียงหอบอยู่ใกล้ๆ ตามมาด้วยเสียงปึงปังเมื่อภาวัตกระชากประตูให้เปิด แต่สายยูไม่ได้คล้องอยู่เฉยๆ แต่มันล็อคจนพันธนาการอิสรภาพของคนในห้องไว้อย่างแน่นหนา ภาวัตมองหากุญแจหรืออะไรสักอย่างที่สามารถเปิดประตูบานนี้ได้
“มีอะไรหรือเปล่าครับท่านประธาน”
“ไปหากุญแจมาเปิดห้องนี้” เขาสั่ง แต่รอไม่ถึงอึดใจก็คว้าชะแลงที่เห็นอยู่ใกล้ๆ มางัดบานพับแทนสายยู น็อตที่ขันไว้คลอนหลุดออกจากเบ้าก่อนจะกระเด็นออกไปทั้งยวง ประตูกระชากเปิดแสงสว่างสาดเข้าไปในห้อง ร่างสูงวิ่งเข้าไปแล้วมองหา
“มาลินได้เสียงฉันไหม ฉันมาช่วยเธอแล้ว” ภาวัตตะโกนใส่ในห้องและโทรศัพท์ที่สายยังค้างไว้
“คุณวัต...”
เขาวิ่งไปตามเสียงที่เบาหวิว ร่างบอบบางนั่งหอบหน้าซีดน้ำตาไหลพรากมองมาเหมือนกับว่าทำไมมาช้าเหลือเกิน ร่างสูงนั่งลงใกล้ถอดเสื้อสูทมาคลุมร่างเย็นเฉียบไว้ก่อนจะตวัดอุ้มมาลินขึ้นมาแนบอกแล้วเดินแกมวิ่งออกมา ลมหายใจแผ่วช่างน่ากลัวเมื่อเขารู้ว่ามันหมายถึงอะไร
“ฉันอยู่ตรงนี้ มองที่ฉันไว้ อย่าเป็นอะไรไปเชียวนะ ได้ยินไหม”
มาลินอยากจะตอบเขาแต่ปากชาเกินกว่าจะขยับได้ ทำได้เพียงกอดเขาไว้กลัวว่าใครจะมาพาเธอไปจากอ้อมกอดนี้ ไม่ว่าร่างกายหรือวิญญาณ
พนักงานคนเดิมเพิ่งกลับมาพร้อมกุญแจมองประธานและพนักงานฝึกงานอย่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“ไปเตรียมรถไว้ เร็วๆ เข้า ผมจะพาเด็กคนนี้ไปโรงพยาบาล”
ไม่ต้องสั่งซ้ำพนักงานวิ่งเร็วๆ ไปที่หน้าตึกเพื่อเรียกคนขับรถ ภาวัตเขย่าตัวมาลินเบาๆ รีบเดินมายังรถที่เปิดประตูเอาไว้รอ ดวงตาของเธอปิดลง
“มาลินลืมตา หายใจลึกๆ ฉันอยู่ตรงนี้ไม่เป็นไรแล้ว ได้ยินไหม ถ้าได้ยินตอบฉันด้วย หรือไม่พยักหน้าก็ได้”
ใบหน้าซีดเซียวขยับพยายามลืมตาช่างยากเย็น อ้อมแขนของภาวัดกอดร่างเย็นชืดไว้ ประตูรถปิดลงและเคลื่อนออกไปจากบริษัท มาลินอยากบอกว่าไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ทำไม่ได้ ทำได้เพียงฟังเสียงของเขาซึ่งเหมือนกับลอยมาจากที่ไกลแสนไกล
“หายใจลึกๆ เข้าไว้นะ ไม่ต้องกลัวอะไรฉันอยู่ใกล้ๆ แค่นี้เอง”
ความมืดเข้าครอบครองแล้วสิ้นไม่มีแสงสว่างใดเล็ดลอดเข้ามา ทว่าอากาศหนาวเหน็บกลายเป็นอบอุ่นและเบาสบาย ลมหายใจกลับคืนสู่ร่างราวกับว่าภายในบริเวณนี้เต็มไปด้วยสิ่งต่างๆ ที่ทำให้มีชีวิตอยู่ได้ ภาวัตก้มลงใช้หลังมืออังแก้มนุ่มที่อุ่นขึ้นแล้วก็ค่อยเบาใจ ถ้ามาไม่ทันจะเป็นอย่างไร เด็กบ้าพอละสายตาก็เกิดเรื่องอีกจนได้

แล้วจะมา up ต่อนะคะ
อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ธ.ค. 2558, 09:29:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ธ.ค. 2558, 09:29:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 1160





<< ตอนที่ 6 ครึ่งหลัง   ตอนที่ 7 ครึ่งหลัง >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account