เล่ห์รักพรางแค้น วางแผงแล้ว สนพ ทัช
ใครจะไปคิดว่าการทำภารกิจให้ปู่ กลับกลายเป็นถูกโชคชะตากลั่นแกล้งให้เขาถูกสลัดลงจากคาน ยัยซื่อบื้อนั่นน่ะหรือคือไก่วัดที่ทำให้เขากลายเป็นสมภาร
Tags: ความรัก ความหลัง

ตอน: ตอนที่ 8 ครึ่งหลัง

ร่างเล็กบางกำลังวิ่งในมือถือกระเป๋าผ้าใบไม่ใหญ่นัก ที่หลังยังสะพายเป้มาด้วย รองเท้าผ้าใบสีดำก้าวสลับกันไปจนกระทั่งมาถึงกำแพงบ้านที่ต้องมาดูแลเด็ก สายตาคมมองจากชั้นสองบ้านได้แต่ส่ายหน้าก่อนจะเดินแกมวิ่งลงมาให้ทันคนขาสั้นกว่าที่ป่านนี้คงใกล้ถึงรั้วบานเล็กแล้ว มาลินกดกริ่งยืนหอบ ประตูเปิดออกแทบจะทันที พอเงยหน้าจะยิ้มให้สาวใช้ แต่กลายเป็นเจ้าของบ้านเลยชะงักไป
“คุณวัต...”
“ทำไมไม่รอมาด้วยกัน เปลืองค่ารถเปล่าๆ” ถึงเขาไม่โทรไป แต่มาลินก็จะรู้ได้เองไม่ใช่หรือ
“ลินเกรงใจค่ะ แล้วก็ไม่อยากให้ใครเข้าใจผิด นักศึกษาฝึกงานนั่งรถออกมากับท่านประธานคงไม่ดีเท่าไหร่”
นอกจากขี้เกรงใจ ซุ่มซ่าม ยังคิดมากเกินวัยอีก ในที่ทำงานเขาไม่เคยทำรุ่มร่ามใส่ใครแม้แต่คนเดียว ถึงจะชื่อเสียงไม่ดีในเรื่องผู้หญิงมาก่อน แต่ 2 ปีที่ผ่านภาพลักษณ์ของเขายังไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิดเดียวงั้นหรือ
มาลินเดินตัวลีบตามภาวัตเข้ามาในบ้าน ภาณินกับภาคกำลังช่วยกันอาบน้ำให้หมาตัวยักษ์ เมื่อวานเราว่ายน้ำเล่นกัน แต่ภาวัตไม่รู้ไปไหน เธอกลับไปก่อน
“วันนี้ผมฝากภาคแทนคุณครูวันนึงนะครับแม่”
“อ้าว ก็หนูลินมาแล้วนี่ตาวัต” ภาณินถามกลัวว่ามาลินจะมาเสียเที่ยว
“ผมมีงานอื่นให้มาลินทำครับ” มือหนาคว้าข้อมือเล็กหมับ “ไปกันได้แล้ว”
มาลินยื้อไว้เลยถูกจ้องต้องเดินตาม แต่เขาจ้างเธอมาเป็นครูไม่ใช่เลขาสักหน่อยถึงต้องตามไปไหนมาไหนด้วยกัน ประตูรถเปิดให้เสียกว้าง เหลือแต่เจ้าตัวยังไม่ยอมก้าวเข้าไปนั่ง
“ไปไหนคะ”
“ไปต้องถามมาก ขึ้นรถเร็วๆ เข้า ชั่วโมงเดียวน่าจะทัน”
ร่างเล็กกว่าถูกดันให้เข้าไปนั่ง พอจะออกมาเขายังยืนขวางเลยต้องกลับเข้าไปนั่งตามเดิม รอให้ท่านประธานทั้งที่บริษัทและบ้านมาประจำที่คนขับ รถแล่นออกไป ปลายทางเป็นที่ไหนก็สุดรู้

การจะเปลี่ยนเด็กกะโปโลให้เป็นผู้หญิงสาวสะพรั่งตามแบบฉบับที่ภาวัตมักควงด้วยเสมอไม่ใช่เรื่องยากเมื่อรถเข้าไปจอดร้านประจำที่เขาพาคู่ควงคนก่อนมาที่นี่ มาลินลงจากรถหน้าตาสงสัยแต่ถูกสั่งห้ามถาม แล้วดูเขาทำพอเข้าไปในร้านก็สั่งให้พนักงานทำสารพัดอย่างราวกับเธอเป็นตุ๊กตา
ผ่านไปเกือบชั่วโมงใบหน้าก็ถูกแต่งแต้มสีสันจากสาวน้อยกลายเป็นสวยจัดภายในพริบตา ทว่าเจ้าตัวดูบึ้งตึงไม่ชอบใจ ชุดสีครีมลูกไม้แขนกุดเน้นเอวยาวเพียงต้นขาไม่น่าจะเข้ากับเธอสักนิด ภาวัตมองมาแล้วยิ้มพอใจราวกับประเมินของเล่นชิ้นใหม่ เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาจะทำแบบนี้ได้หรอกนะ
“คุณวัตให้ลินแต่งตัวแบบนี้ทำไมคะ ถ้าไม่บอกลินจะกลับไม่สนใจแล้วว่าคุณเป็นเจ้านาย”
ภาวัตหัวเราะคนทำเสียงดุใส่ แต่พอเขาลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปใกล้กลับถอยกรูด พนักงานถูกสั่งให้ออกไปจากห้อง มาลินถูกคว้าแขนไว้ ถ้าแพรมนยอมมาด้วยกันดีๆ เขาคงไม่ต้องทำแบบนี้หรอก
“มาเป็นแฟนหลอกๆ ฉันที พอดีคนที่ควรทำหน้าที่นี้ไม่ยอมมา มันจำเป็นจริงๆ ช่วยฉันหน่อยนะ ถ้าทำธุรกิจแล้วพ่วงเรื่องส่วนตัว ฉันไม่ชอบ”
เงียบกริบไม่ได้ยินเสียงตอบ สายตาแบบนี้เพิ่งเคยเห็น ถ้าไม่บอกอะไรเพิ่มคงไม่ยอมง่ายๆ กระมัง
“คืออย่างนี้...”
มาลินฟังอย่างตั้งใจคิดอยู่แล้วว่าภาวัตต้องมีเหตุผล แต่ทำไมเธอมีหน้าที่เพิ่มกลายเป็นไม้กัน... ผู้หญิงในสต๊อกของเขาไม่มีแล้วหรือไงถึงได้บังคับเธอมา แล้วไงล่ะ งานนี้ก็ต้องตกกระไดพลอยโจนไปน่ะสิ เขาอุตส่าห์ขอให้ช่วย อย่างน้อยก็ตอบแทนกันและกัน

กลิ่นน้ำหอมฟุ้งมาก่อนที่ร่างสมส่วนจะก้าวลงมาถึงชั้นล่างซึ่งก้องภพนั่งดูทีวีทั้งที่ปกติไม่ค่อยอยู่บ้าน เขายิ้มมาอย่างแห้งแล้ง ชุดสีขาวแขนยาวดูเรียบร้อย ถ้าเพียงแต่จะไม่เห็นจากกระจกที่สะท้อนให้เห็นแผ่นหลังเนียนนวลเปิดเผย รัมภาเป็นคนสวย แต่คงลืมไปว่าถ้าสามีมาเห็นภรรยาแต่งตัวแบบนี้ต้องไม่ชอบใจ
“จะไปไหนหรือภา แต่งตัวเสียสวยเชียว”
เรียวปากสวยขยับเปิดยิ้ม คิดอะไรมากเล่าในเมื่อเธอยังไม่เคยถอดแหวนแต่งงานออก อย่าคิดว่าจะจับผิดเธอได้ง่ายๆ
“ไปงานเปิดคอลเลคชั่นน้ำหอมของคุณผกาค่ะ จะไม่ไปก็เกรงใจ คุณผกาโทรมาชวนด้วยตัวเอง คุณจะไปด้วยกันไหมล่ะคะ”
ช่างน่าขัน เขาเคยชอบไปงานพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ “ไม่ล่ะ ที่ถามก็แค่สงสัยปกติแล้วผมไม่เคยเห็นภาแต่งตัวแบบนี้เท่านั้นเอง”
รัมภาหมุนตัวให้เห็นชุดที่ใส่โดยรอบไม่ปิดบัง ในเมื่อเธอยังไม่ได้ทำอะไรผิด
“สไตล์ลิสส่วนตัวเปลี่ยนให้น่ะ จะแต่งตัวเฉิ่มๆ เชยๆ ไปตลอดทำไมล่ะ”
ก้องภพพยักหน้าแล้วกลับไปสนใจสิ่งในทีวีมากกว่าร่างสวยชวนมองที่เขาเคยรักจนยอมทำทุกอย่าง เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นและเบาลงจนเงียบไป สายตาระแวงมองตามพลางกดโทรศัพท์หาผู้จัดการส่วนตัวในสนามแข่ง ถึงตัวไปไม่ไป แต่เขาไม่มีทางยอมให้รัมภาคลาดสายตาเด็ดขาด

มือหนายื่นมาจับมือบางไว้เมื่อเราต้องขึ้นลิฟต์เพื่อไปยังชั้นบนสุดของตึกซึ่งอยู่ในชั้นที่ 43 มาลินผินหน้ามองภาวัตอย่างไม่แน่ใจในสิ่งที่กำลังจะไปทำร่วมกับเขาซึ่งเรียกได้ว่า...หลอกลวง แต่ไม่ทำคงแย่ยิ่งกว่าเมื่อผู้หญิงคนนั้นมีสามีแล้ว การที่เขาเลี่ยงต่อการผิดศีลข้อ 3 ทำให้เราต้องมาร่วมกันผิดศีลข้อ 4 จะขอกลับบ้านตอนนี้คงไม่ทันแล้ว
ลิฟต์เปิดออกพร้อมกับลมเย็นสบายพัดเข้ามา แสงไฟสวยกะพริบพราวพรายต้อนรับผู้มาเยือน โรแมนติกจนรู้สึกเหมือนส่วนเกินหากว่ารัมภาไม่มีสามีแล้ว คืนนี้น่าจะหวานละมุนประทับตรึงอยู่ในใจของภาวัตก็ได้ ร่างเพรียวสูงหันมามองรอยยิ้มหวานเลือนหายกลายเป็นเม้มปิดเมื่อข้างกายของภาวัตไม่เคยว่างอย่างที่เคยเป็นมา
“ภานึกว่าเราจะดินเนอร์กันแค่สองคน” สายเกลียดชังคู่นั้นมองหญิงสาวข้างกายของภาวัต “นี่พาใครมาด้วยหรือคะ คู่ควงรายล่าสุด เลขาส่วนตัว หรือว่าคู่นอน เด็กไปหรือเปล่าคะ”
มือบางสะบัดแต่ไม่หลุดจากมือหนา หน้าที่ของแฟนหลอกๆ ที่มีอายุแค่ไม่เกิน 2 ชั่วโมงต้องทนให้ดูถูกแบบนี้ด้วยหรือไง ภาวัตเปลี่ยนใจปล่อยมือแล้วมาโอบเอวอ้อนแอ้นไว้แทน
“ถ้าผมต้องมาดินเนอร์กับผู้หญิงสักคนที่ไม่ใช่แฟน ถ้าไม่พาแฟนมาด้วยแล้วทำให้เธอเสียใจ ผมก็ต้องพามาด้วย คงไม่ทำให้คุณผิดหวังมากไปใช่ไหม”
ยิ่งกว่าน้ำร้อนสาดใส่ใบหน้า รัมภาผ่อนลมหายใจฝืนยิ้ม เธอเคยเป็นคนที่ได้หัวในของภาวัตมาครอง ไม่ง่ายหรอกที่ใครจะมาแทนที่
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีคนเข้ามาแล้วก็ผ่านไป จนตอนนี้เหลือแค่ภาคนเดียวที่ยังไม่ได้ไปไหน อย่าเทียบภากับผู้หญิงพวกนั้นเลยนะคะ”
มาลินเหมือนถูกสาปจากสายตาของผู้หญิงคนนี้ ถ้าสายตาของรัมภาเป็นไฟเธอคงถูกเผา เข้าใจแล้วว่าทำไมภาวัตต้องการไม้กันแฟนเก่า เขาช่วยเลื่อนเก้าอี้ออกให้เธอนั่งลง รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อหนุ่มเสน่ห์แรงนั่งลงข้างๆ
ยัง...ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น ท่านประธานยังอุตส่าห์ช่วยคลี่ผ้าเช็ดปากแล้วมาวางที่ตักแล้วยังยิ้มหวาน เขามาเจรจาธุรกิจหรือมาประกาศศึกกันแน่ ถ้าสองคนนี้ตกลงกันไม่ได้เธอคงอ่วม
“ขอบคุณค่ะ”
ภาวัตคว้ามือบางมากุมไว้ไม่งั้นเธอคงไหว้เขาให้กลายเป็นพิรุธ มาลินยิ้มเหมือนอยากร้องไห้ ใครจะไปเนียนลื่นไหลเหมือนเขาล่ะ
“ได้ตำแหน่งแฟนมากี่วันแล้วหรือคะ” รัมภากอดอกมองมายิ้มๆ กวางน้อยกับเสืองั้นหรือ นี่ไม่ใช่รสนิยมของภาวัต
“เรามาดินเนอร์และคุยเรื่องงาน ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของผม อย่าลืมสิว่าเราเป็นเพื่อนกัน แล้วตอนนี้ผมก็มีแฟนมาด้วย ให้เกียรติกันบ้าง”
“ถามแค่นี้ไม่ให้เกียรติตรงไหนคะ” บริกรถูกเรียกมารินไวน์ “ผู้หญิงคนนี้ผ่านความเห็นชอบจากคุณทีปต์หรือยัง จำได้ว่าตอนนั้นปู่ของวัตก็ชอบภามาก”
ไวน์ในแก้วใบสวยถูกยกขึ้นจิบแถมยังพยักพเยิดให้ภาวัตกับ ‘แฟน’ ดื่มด้วยกัน ภาวัตปรามด้วยสายตาให้เธอดื่มแต่เพียงน้อย ความห่วงใยบางเบาช่างน่าหงุดหงิดสำหรับรัมภา
“คุณจะส่งไม้ให้ผมได้เมื่อไหร่” ภาวัตเข้าเรื่องงานก่อนที่ความลับจะแตก
“ทันที พรุ่งนี้ยังได้ แต่ว่าคุณยังไม่ทำให้ภาประทับใจเลยนี่คะ” แก้วไวน์วางลง สายตาแรงกล้ามองมาลินอย่างนางเสือร้ายที่พร้อมตะปบคู่แข่งให้ตาย “บอกฉันหน่อยสิคะว่าแฟนของคุณดีกว่าผู้ชายอื่นๆ ตรงไหน”
เงียบกริบ มาลินหันมามองภาวัต รัมภาหัวเราะขบขัน แค่คำถามเดียวก็ราวจะเป็นคำตอบ เธอชนะ แต่แล้วคำตอบที่นานเนิ่นก็เอ่ยออกมาจากปากเมื่อมือหนากระชับมือบางเบาๆ
“คุณวัตดูเหมือนจะเป็นผู้ชายเจ้าชู้ แต่จริงๆ แล้วรักลูกชายมากค่ะ ตรงไปตรงมา อบอุ่น พึ่งพาได้ในเวลาที่เกิดปัญหา มือของเขาอุ่นและใหญ่พอที่จะกุมมือฉันไว้เวลาที่รู้สึกไม่ปลอดภัย เป็นผู้ชายที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ส่วนดีของเขาทำให้ฉันคิดว่าเขาเป็นคนดีค่ะ”
ภาวัตกลายเป็นฝ่ายหันมามองมาลิน ไม่เคยมีใครบอกว่าเขาเป็นคนยังไง จนกระทั่งวินาทีก่อน นี่คือเขาในสายตาของเด็กคนนี้งั้นหรือ
“วัตเคยพูดว่าคุณเป็นลมหายใจของเขาหรือเปล่า”
“ไม่เคยค่ะ” มาลินตอบได้ทันที “แต่ถ้าเขาพูดอย่างนั้น ฉันจะบอกว่าไม่มีใครเป็นลมหายใจของใครได้หรอก เพราะมันเป็นคำพูดสวยหรูของผู้ชายที่ยังไม่รู้ว่าปลายทางของเขาเป็นใคร เวลารักคุณจะฝากลมหายใจไว้กับเขา แต่เมื่อเลิกกัน เขายังมีลมหายใจและสบายดี แต่คุณต่างหากที่ทำร้ายตัวเองด้วยการมอบลมหายใจให้เขาไป”
รัมภาลุกพรวดมองมาลินอย่างคนที่สูงส่งกว่า ประหนึ่งมดน่ารำคาญสมควรถูกกระทึบให้ตายคารองเท้าส้นสูงราคาแพงที่เธอใส่มา
“นี่เธอ...!”
ภาวัตจับมือมาลินให้ลุกขึ้นแล้วเอาตัวเองบังร่างเล็กกว่าไว้ แต่ดูเหมือนว่าไวน์น้อยนิดที่เธอดื่มเข้าไปจะสำแดงเดชออกมาเป็นคำพูดที่พรั่งพรูราวกับสายฝนและเขาชอบยื่นท่ามกลางความเย็นชื่นนี้เสียด้วย
“อย่าโกรธฉันเลยนะคะ คุณควรภูมิใจที่เคยพบผู้ชายดีๆ และเคยรักคุณ มากกว่ามองว่าฉันกำลังแย่งอะไรไป ทุกอย่างบนโลกนี้ไม่เคยหยุดนิ่งเพื่อใครหรอกค่ะ แต่มันตามหาส่วนที่เหมาะสม บางทีวันนี้ของเดือนหน้า ฉันอาจไม่ใช่คนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาก็ได้นะคะ”
มาลินไม่เข้าใจว่าคำพูดที่พยายามปลอบใจกลายเป็นความโกรธที่ฉายชัดบนสีหน้าของรัมภาไปได้ยังไง ภาวัตหัวเราะเบาๆ พลางยกแขนขึ้นมาโอบไหล่บางของ ‘แฟน’ เอาไว้ เขากำลังจะเสียผู้ส่งไม้รายใหญ่ไป แต่กลับสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“พอก่อนไหมมาลิน รัมภาหน้าเขียวใกล้ระเบิดแล้วมั้งนั่น”
“จูบเด็กคนนี้ให้ภาเห็นกับตาก่อนสิ” รัมภาท้าทาย ฟางเส้นสุดท้าย หากไม่ได้มาก็ต้องยับเยินไปด้วยกัน
ภาวัตมองมาลินอย่างชั่งใจ หากคู่ควงในวันนี้เป็นผู้หญิงสักคนของเขา การท้าทายจะจบลงโดยรัมภาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่สำหรับเด็กคนนี้เธอเหมือนผ้าขาว น่าละอายใจเกินไปหากจะนำสีดำน่ารังเกียจใส่เข้าไป
“ทำไมต้องเอาเรื่องส่วนตัวมาต่อรองด้วย การแสดงความรักของผม ไม่ใช่เรื่องที่คนนอกต้องมารับรู้”
“ก็เพราะคุณกำลังโกหกน่ะสิคะวัต ถ้าเป็นอย่างนี้ภาคงเซ็นสัญญาด้วยไม่ได้ เราคงต้องนัดกันใหม่”
“ช่างเถอะ ผมไม่จำเป็นต้องแสดงความรักให้คุณเห็น”
เขาไม่ได้คิดว่ารัมภาจะยอมเซ็นสัญญาง่ายๆ แต่แรกอยู่แล้ว แต่ต้องการยื้อให้เราต้องมาพบกันมากกว่า เอวบางถูกกอดเบาๆ ก่อนจะเอยใกล้ใบหูเล็ก
“กลับกันเถอะ”
มาลินไม่ขยับก้าวตาม ภาวัตหันมามองว่ามีอะไร แต่แล้วยังไม่ทันได้ตั้งตัวเตรียมใจ ใบหน้าสวยหวานก็เลื่อนเข้ามาใกล้แล้วแนบริมฝีปากนุ่มลงบนเรียวปากของเขา เปลือกตาปิดนิ่งแขนทั้งสองข้างกอดร่างสูงเอาไว้หลวมๆ
ราวกับสัญญาเตือนภัยในสมองของเขาดังขึ้น ทว่ามันสายไปเมื่อเขากอดร่างบางแน่นแล้วสานต่อสัมผัสอุ่นละมุน เรียวปากหนาขยับสูดดึงความหอมหวานจากริมฝีปากของมาลิน เธอชะงักกึกจะถอนใบหน้าออกมา ทว่ากลับขยับไม่ได้มือหนากดท้ายทอยไว้จนกลายเป็นเรากำลังใช้ลมหายใจร่วมกัน

แล้วจะมา up ต่อนะคะ
อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ธ.ค. 2558, 09:48:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ธ.ค. 2558, 09:48:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 1017





<< ตอนที่ 8 ครึ่งแรก    ตอนที่ 9 ครึ่งแรก >>
konhin 14 ธ.ค. 2558, 12:51:50 น.
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


แว่นใส 14 ธ.ค. 2558, 13:09:36 น.
แกล้งหรือจริงกันจ๊า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account