เล่ห์รักพรางแค้น วางแผงแล้ว สนพ ทัช
ใครจะไปคิดว่าการทำภารกิจให้ปู่ กลับกลายเป็นถูกโชคชะตากลั่นแกล้งให้เขาถูกสลัดลงจากคาน ยัยซื่อบื้อนั่นน่ะหรือคือไก่วัดที่ทำให้เขากลายเป็นสมภาร
Tags: ความรัก ความหลัง

ตอน: ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง

ข่าวดีค่อยๆ เข้ามาตลอด ออแกนไนซ์ที่ติดต่อเรื่องการโปรโมทไร่ยอมลดราคาลงให้อีก ประจวบเหมาะกับสัปดาห์หน้าจะมีการโอนที่ดินกัน เงินก้อนใหญ่กำลังจะเข้ามา วันนี้นอกจากการวัดที่แล้ว ร่มธรรมจึงเข้าเมืองมาตรวจสุขภาพอีครั้งตามที่หมอนัด เขาต้องแข็งแรงจนกว่าจะผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปตลอดรอดฝั่ง
อาการโดยทั่วไปไม่มีอะไรน่าห่วงแล้ว ความดันและการเต้นของหัวใจปกติ ร่มธรรมค่อยเบาใจถ้าหมดเรื่องแล้วมาลินจะได้ไม่ต้องลำบากทำงานพิเศษอีก
“ได้ข่าวว่าที่ดินกำลังจะขายได้แล้วหรือครับลุงธรรม” ชานนท์เข้ามาทักทายหน้าตายิ้มแย้ม
ร่มธรรมหันมายิ้มให้เห็นที่ข้อพับแขนของชานนท์มีพลาสเตอร์ปิด จำได้ว่ารายนี้ชอบมาบริจาคเลือดอยู่บ่อยๆ เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ที่มาเจอกัน
“พอดีตกลงราคากันได้น่ะนนท์ ถ้าได้เงินมาแล้วลุงจะรีบเอาไปใช้หนี้ให้ครบ จะได้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย ขอบใจที่ช่วยลุงมาตลอดนะ”
“ผมเต็มใจนะครับ แต่ก็เสียดาย ไม่นึกว่าลุงธรรมจะขายที่ให้เจ้านายของน้องลิน”
ชายชราหัวเราะตบไล่หนาเบาๆ เข้าใจผิดกระมัง “ไม่ใช่แล้ว คุณอดิศักดิ์เป็นคนมาซื้อที่ของลุง ไม่ใช่เจ้านายของยัยลินหรอก”
“อ้าว! ถ้าอย่างนั้นผมคงเข้าใจผิดไปน่ะครับ แต่ก็น่าแปลก วันก่อนผมเห็นเจ้านายของน้องลินคุยกับคุณอดิศักดิ์ของลุงธรรมที่ร้านอาหารลูกพี่ลูกน้องของผม เอ หรือว่าจะจำผิด” คิ้วหนาขมวดมุ่นทำหน้าเหมือนไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่
ร่มธรรมชะงัก “คงไม่ใช่หรอก นนท์น่าจะจำคนผิดแล้วล่ะ ลุงขอตัวก่อนนะ”
ชานนท์ไม่พูดอะไรแค่นี้ก็เพียงพอให้ร่มธรรมฉุกสงสัยขึ้นมาบ้าง คนของเขาไปสืบมาแล้วว่าเจ้านายของมาลินเป็นคนที่ร่มธรรมไม่ชอบหน้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ถ้าไม่ชอบให้เป็นตายยังไงก็ไม่น่าจะขายที่ดินให้

เป็นไปตามคาด ถึงจะคิดว่าไม่น่ามีอะไร แต่ความแคลงใจทำให้ร่มธรรมค้นหาเบอร์ของบริษัทในเครือ Blue Enterprise จากอินเตอร์เนตเมื่อถึงบ้าน เขาลังเลอยู่ชั่วอึดใจ แต่ก็โทรไปในที่สุด
“บริษัท Blue Furniture นะครับ”
“ค่ะ มีธุระหรือไม่ทราบว่าจะเรียนสายกับใครคะ” เสียงพนักงานประชาสัมพันธ์ถามกลับมา
“ขอเรียนสายคุณอดิศักดิ์หน่อยได้ไหมครับ”
เงียบ... จนร่มธรรมเกือบจะถอนใจโล่งอกว่าไม่มีอะไรจริงๆ ทว่าปลายสายกลับตอบมาว่า
“ต้องโทรไปสำนักงานทนายความนะคะ คุณอดิศักดิ์ไม่ได้ประจำอยู่ที่ค่ะ”
“อ้อ หรือครับ ขอโทษทีคงคลาดกัน”
ร่มธรรมรีบกดวางสาย ความเชื่อมโยงระหว่างอดิศักดิ์กับหลานของทีปต์กลายเป็นรูปเป็นร่าง ถ้าสองคนนี้รู้จักกัน มีหรือจะไม่ทำอะไรลับหลังให้เขาตายใจ
มันกล้าส่งคนมาหลอกซื้อที่ของเขา!
เรื่องราวในหนหลังเกือบเบาบางลืมหาย ทว่าตอนนี้กลายเป็นตอกย้ำ คนอย่างทีปต์และโคตรเหง้าของมันปลิ้นปล้อนหลวกลวงทำได้ทุกอย่าง เวลาไม่ได้เปลี่ยนนิสัยเลวๆ นี้เลย เขาต้องยกเลิก ร่มธรรมโทรไป แต่อดิศักดิ์ไม่รับสาย
ไม่! เขารอไม่ได้ ต้องทำอะไรสักอย่าง
มาลินเป็นรายต่อไปที่ร่มธรรมโทรหา เธอรับสายส่งเสียงทักทายดีใจที่ตาโทรมา แต่ว่าทำไมวันนี้เสียงเครียดอย่างกับมีเรื่องอะไรอีกแล้ว
“เหลือฝึกงานอีกกี่วันยัยลิน”
“อีกอาทิตย์เดียวก็ฝึกงานเสร็จแล้วค่ะตา เปิดเทอมพอดี ตามีอะไรหรือเปล่าคะ เสียงฟังแปลกๆ” เธอหัวเราะเผื่อว่าจะได้ยินเสียงหัวเราะกลับมาบ้าง ตาเงียบไปครู่หนึ่ง
“ฝากบอกไอ้...นายภาวัตด้วยว่าไม่ต้องส่งใครไปซื้อที่ดินแทนมันกับปู่ของมัน ตาเกือบจะหลงกลอยู่แล้ว” เสียงร่มธรรมคำรามต่ำไม่ใส่อารมณ์
“หมายความว่ายังไงคะตา คนที่จะมาซื้อที่เป็นคนของคุณวัตงั้นหรือคะ”
“ใช่ มันหลอกตา ชั่วไม่ต่างจากปู่ของมัน รออยู่ที่นั่น ตาจะไปจัดการมันเอง”
มาลินอึ้งไป เมื่อวันก่อนภาวัตรู้ว่ามีคนซื้อที่ตาแล้ว เขาไม่แสดงออกอะไรยังทำหน้าผิดหวังด้วยซ้ำ ถ้าจริงทำไมไม่พูดออกมา คนจริงใจทำไมต้องส่งคนอื่นไปหลอกตาด้วย
“ตาจะเข้ากรุงเทพฯ หรือคะ อย่าเพิ่งเลย ทางตั้งไกล ขับรถมาเหนื่อยเปล่าๆ รอให้ลินกลับไปก่อนดีกว่านะคะ เดี๋ยวลินถามคุณวัตเอง”
ไม่มีเสียงตอบมาลินมองจอโทรศัพท์ ตาวางสายไปแล้วพอโทรกลับไปไม่รับ ทำยังไงดี ถ้าเคลียร์เรื่องนี้ได้เร็ว ตาก็ไม่ต้องเดินทางมา เร็วอย่างที่คิดเธอรีบวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นบนสุด เลขาหน้าห้องของภาวัตมองมาแล้วยิ้มให้ เธอยกมือไหว้รีบเข้าเรื่อง
“ลินมาขอพบท่านประธานค่ะ”
“ถ้าไม่นัดคงเข้าพบไม่ได้นะคะน้องลิน แล้วตอนนี้ท่านประธานออกไปคุยงานข้างนอก เอาไว้พี่จะบอกท่านให้แล้วกันนะคะ ถ้าท่านกลับมาแล้ว”
มาลินอยากจะร้องไห้ “ขอบคุณค่ะพี่วิภา”
พอลงบันไดมาเธอชั่งใจอยู่ครู่เดียวก็โทรหาภาวัตทุกเบอร์ที่มี แต่วันนี้ทำไมมีแต่คนไม่ยอมรับสาย เธอกลับไปที่ฝ่ายบัญชีเพียรโทรหาตากับภาวัตจนกระทั่งถูกพี่ในฝ่ายมองมาจนต้องหยุด เอมิกาปรายตามองมาอย่างสงสัยแต่ไม่กล้าถาม มาลินพยายามคิดในแง่ดีว่าตาอาจโทรไปหาภาวัตแล้ว คงไม่มีเรื่องราวใหญ่โตอย่างที่กังวลหน่วงอยู่ในใจก็ได้

รถของภาวัตมุ่งหน้าสู่นอกเมืองเข้าสู่ถนนเส้น 304 ทนายโทรมาหาเขาเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน คุณร่มธรรมรู้แล้วว่าอดิศักดิ์ไปซื้อที่ดินในนามตัวแทนของใคร ถึงได้โทรมาด่าทนายของเขาเป็นชุด แล้วยังฝากบอกว่าอย่าใช้วิธีแบบนี้อีก เจอกันคราวหน้าจะเอาเลือดหัวออก
ถ้าเขากลัวคงไม่มุ่งหน้าไปหาลูกปืนแบบนี้หรอก เอกสารที่ต้องใช้ทนายเตรียมไว้หมดแล้ว ยกเว้นเรื่องเดียวที่ไม่ได้เตรียม ความแตกก่อนเวลา เจตนาแค่อยากช่วยเท่านั้น ทำไมคนแก่เข้าใจยาก รถเริ่มแล่นได้ช้าลงจนกระทั่งติดยาว เดาไม่ยากว่าคงเกิดอุบัติเหตุข้างหน้า ตำรวจเดินผ่านมาเขาลดกระจกลงสอบถาม ถ้านานมากคงต้องหาทางเบี่ยง
“มีอะไรเกิดขึ้นหรือครับคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ”
“มีรถเสียหลักชนเกาะกลางแล้วกระเด็นข้ามฝั่งมาทางด้านนี้นะครับ ไม่น่าเลย ตอนนี้เจ้าหน้ากำลังช่วยตัดถ่างนำตัวผู้บาดเจ็บออกมาคงอีกสัก ขออภัยในความไม่สะดวกครับ”
“ขอบคุณครับ”
รถขับตามกันไปเรื่อยๆ ตามทางที่ตำรวจเปิดให้แล่นผ่านไปได้หนึ่งเลน พลันสายตาก็ไปสะดุดกับบางอย่างที่ตกอยู่แอ่งกลางถนนระหว่างสองฝั่ง ชิ้นส่วนของรถที่ข้ามฝั่งมากระมัง
“โลโก้บานประตูคุ้นๆ แฮะ”
ยิ่งใกล้แล้วเพ่งมองซ้ำ หัวใจของภาวัตกระตุกวาบ รถกลับมาติดอีกครั้งเมื่อมีรถแทรกเข้ามา เขาเปิดประตูลงไป คนขับรถมองตามได้แต่เคลื่อนรถต่อตามคันหน้า
รถพยาบาลมาถึงแล้ว แต่คนเจ็บล่ะอยู่ที่ไหน รถพังยับถูกล้อมไว้ด้วยไทยมุงจำนวนมหาศาล ภาวัตฝ่าเข้าไปยิ่งแน่ใจ หัวใจตกวูบ นี่มันรถจากไร่ขวัญชีวา ภาวนาเท่านั้นขอให้ไม่ใช่ ร่างอ่อนปวกเปียกถูกพาตัวออกมาแล้ว แต่เป็นใครยังเห็นไม่ชัด
“หลีกทางด้วยครับ จะนำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล” เจ้าหน้าที่ตะโกนบอก
ภาวัตเห็นใบหน้าของคนบนเปลแล้ว เขากระโจนผ่านเจ้าหน้าที่หัวใจยิ่งกว่าถูกบีบอัด คว้าเปลแล้วพาตัวตามไป ใจกระหวัดคิดถึงเจ้าของใบหน้าหวานแต่ดวงตาเศร้า รถพยาบาลเปิดแล้วยกคนเจ็บขึ้นไปบนเตียง
“ผมรู้จักกับคนเจ็บครับ ขอเข้าไปหน่อย” บานรถกำลังปิดลง ภาวัตตะโกนลั่น “คุณร่มธรรมครับ...ลุงครับ”
“รู้จักกันหรือคะ” มีเสียงถามมาจากในรถ
“ครับ”
คนบนรถพยักหน้าให้ตามขึ้นไปเพื่อจะได้มีคนให้ขอมูลของคนเจ็บ รถเคลื่อนเร็วรี่เสียงไซเรนดังระงมลั่น เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังช่วยกันยื้อชีวิตสุดความสามารถตามที่ฝึกมา ภาวัตโทรบอกคนขับรถให้ไปรับพัชนีมาที่โรงพยาบาล ชีพจรของร่มธรรมกับมาแล้ว แต่ยังน่าห่วง ภาวัตยื่นมือไปวางบนไหลาหนา เสื้อของชายชราเต็มไปด้วยเลือด เขาก้มหน้าลงต่ำกระซิบเสียงไม่เบานัก
“ทำใจดีๆ ไว้นะครับ อีกประเดี๋ยวก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว ผมจะไปเป็นเพื่อน อย่าห่วงเลย ผมไม่ทำอะไรแย่ๆ อีกแล้ว เรื่องที่...”
เปลือกตาของร่มธรรมเปิดออกไร้ซึ่งความโกรธเคือง น้ำตาไหลลงหางตา ภาวัตก้มหน้าลงต่ำลงไปอีก ริมฝีปากแตกช้ำขยับพยายามจะพูด เสียงเบาแสนเบาตะกุกตะกัก
“ดู...ดู...แลลิน...กะ...กับพัช...แทน...ฉะ...ฉันด้วย”
ความกลัววาบปวดแปลบอยู่ในหัวใจภาวัต ตอนนั้นพ่อก็บอกคล้ายๆ แบบนี้ ...ฝากดูแลแม่ด้วยนะวัต ไม่! เขาไม่ยอมรับคำสั่งเสียของร่มธรรมเด็ดขาด อย่าจากไปง่ายๆ แบบนี้
“อย่าเพิ่งยอมแพ้สิครับ คุณจะหายดี ได้ดูแลทุกคนในไร่รวมทั้งมาลินกับแม่ด้วย เข้มแข็งเอาไว้ สู้เพื่อคนที่คุณรัก ถ้าหายดีผมยอมให้คุณยิงจนสาสมกับที่ทำให้โมโหเลยดีไหมครับ”
น้ำตาของร่มธรรมไหลพราก ชีพจรเริ่มเหวี่ยงสวิงอีกครั้ง เขาช่วยเช็ดน้ำตาให้ มือหนากุมมือเย็นเฉียบไว้ ไม่ว่าก่อนหน้านี้เราทั้งสองคนเคยทำอะไร ตอนนี้สิ่งที่ทำได้ จงมีชีวิตต่อไปเพื่อคนที่ยังอยู่ ชายชราหลับตาลง ความเงียบบังเกิดช่างน่าสะพรึงแต่ไม่เกินจะหวัง เสียงสัญญาชีพประหนึ่งแสงสว่างของกลางทะเลใจ อีกนิดเดียวอย่าปล่อยให้ลมพัดไปจนกู่ไม่กลับ
...ใกล้ถึงฝั่งแล้ว อดทนไว้นะ

ลมแรงกระแทกใส่พื้นดาดฟ้าของโรงพยาบาล ทีปต์ก้าวลงมาแล้วเข้าลิฟต์ไปหาหลานชายที่โทรมาบอกข่าวเมื่อเกือบชั่วโมงก่อน ใครจะไปคิด สองสามวันก่อนเข้าเพิ่งลงทุนมาง้อเพื่อนอีกรอบ แต่ถูกไล่กลับอย่างไม่ผิดจากความคาดหมาย ตอนนี้จะกลายเป็นนอนแบ็บในห้องผ่าตัด
ภาวัตออกมารอรับปู่พอเห็น..ใจก็ชื้นขึ้นมา คราวก่อนก็อย่างนี้ ปู่มาในเวลาสำคัญ แต่พ่อก็จากไปอยู่ดี แต่คราวนี้เขาหวังว่าผลจะต่างไป ทีปต์เดินเร็วๆ มาหาสังเกตเห็นว่ามีรอยเลือดจางๆ ตรงแขนเสื้อหลานชาย
“ธรรมเป็นยังไงบ้างวะเจ้าวัต สาหัสมากหรือไงจนป่านนี้แล้วหมอยังผ่าตัดไม่เสร็จอีกหรือ”
“หมอยังผ่าตัดสมองอยู่ครับ” ภาวัตถอนใจตาแห้งผาก อีกไม่นานจะมีคนร้องไห้อีกคนนอกจาพัชนีที่มาถึงเมื่อชั่วโมงก่อนและเซ็นให้มีการผ่าตัดทันเวลา “คุณพัชนีนั่งอยู่นั่น ปู่ช่วยให้กำลังใจหน่อยสิ”
“แล้วเด็กคนนั้นล่ะ”
“ผมให้รถที่บริษัทพาตัวมาแล้ว อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงคงมาถึงครับ” มาถึงแล้วจะเป็นยังไง ร้องไห้ปิ่มจะขาดใจหรือไม่พูดอะไรสักอย่าง
ทีปต์หันไปสนใจลูกสาวของเพื่อนที่ยามนี้หน้าหม่นเศร้า ก้มหน้าต่ำมองมือตัวเอง ยามเงยขึ้นมาเห็นเพียงดวงตาที่แดงช้ำ เขานั่งลงข้างๆ ห่างมาเพียงเก้าอี้คั่นไว้
“คุณทีปต์...”
ความที่ไม่ได้พบกันมานานจนเหมือนห่างกันไปกลายเป็นแค่คนรู้จัก พัชนี้จึงเรียกได้ไม่เต็มปากพลางยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตา แต่มันช่างยากเมื่อความเสียใจยังคงหลั่งไหลออกมาเป็นน้ำตาดังเดิม
“เรียกลุงเหมือนเดิมก็ได้นะ เรื่องราวมันผ่านมานานแล้ว ตอนนี้ลุงมาเพราะเป็นห่วง ไม่ใช่เพราะมีเหตุผลอะไรแอบแฝง อย่างน้อยลุงกับธรรมกับเป็นเพื่อนกันมานาน”
น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มอีกครานางเศร้าเกินกว่าจะมาโกรธแค้นใครอีกแล้ว ครอบครัวของนางเหลือเพียงเท่านี้ ทำไมยังเกิดเรื่องอีก ตอนมาถึงได้เห็นหน้าเพียงห่างๆ สงสารพ่อจนอยากไปนอนตรงนั้นแทนเหลือเกิน
“พัชกลัวค่ะลุงทีปต์ หมอผ่าตัดนานเหลือเกิน”
มือเหี่ยวย่นวางบนไหล่บาง “อย่าเพิ่งคิดไปก่อน คนดีๆ สมควรได้อยู่กับพวกเรานานๆ จริงไหม”
พัชนีหันมาฝืนยิ้มชืดให้ ไม่ว่าอะไรที่เกิดขึ้นในอดีต ตอนนี้มันผ่านไปหมดแล้ว ถ้าไม่นับเรื่องนั้น ทีปต์ก็เป็นคนดี
“ขอให้เป็นอย่างนั้น พัช...พัช...”
ทีปต์หันไปมองประตูห้องผ่าตัดถอนใจกังวลเมื่อยังปิดนิ่ง อยากจะคิดว่า no news is good news แต่ใจคนรอแทบขาด พอหันมาพัชนีฟุบลงกับเก้าอี้ไปแล้ว
“วัตเร็วเข้า! พัชเป็นลม”
ภาวัตถลาเข้ามาอุ้ม พยาบาลที่อยู่ใกล้ช่วยพาไปยังห้องฉุกเฉินอีกด้าน คนนอกถูกกันออกมา ประตูอีกบานได้เปิดออก ใจคนรอเต้นระรัว ญาติของใครบางคนกำลังร้องไห้หลังได้รับคำตอบ หัวใจของภาวัตราวกับถูกแช่แข็งยามคิดถึงมาลิน เธอไม่ควรเดินทางมาเพื่อฟังข่าวร้าย หากมีมนต์วิเศษเขาจะทำทุกอย่างเพื่อย้อนกลับไปยังเวลาก่อนที่เราจะได้พบกัน

หนังสือวางแผงแล้วนะคะวันนี้ 19/12/2558สามารถอ่านต่อได้ในหนังสือหรือจาก E-BOOK ค่ะ ฝากภาวัตกับมาลินด้วยจ้า
อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ธ.ค. 2558, 10:29:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ธ.ค. 2558, 13:34:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 998





<< ตอนที่ 10 ครึ่งแรก   ตอนที่ 11 ครึ่งแรก >>
konhin 19 ธ.ค. 2558, 21:18:30 น.
ทำไมเป็นแบบนี้อ่ะ แงๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account