เล่ห์รักพรางแค้น วางแผงแล้ว สนพ ทัช
ใครจะไปคิดว่าการทำภารกิจให้ปู่ กลับกลายเป็นถูกโชคชะตากลั่นแกล้งให้เขาถูกสลัดลงจากคาน ยัยซื่อบื้อนั่นน่ะหรือคือไก่วัดที่ทำให้เขากลายเป็นสมภาร
Tags: ความรัก ความหลัง

ตอน: ตอนที่ 14 ครึ่งหลัง

กระเป๋าเดินทางหลายใบถูกยกมาวางรวมกันที่หน้าบ้านหลังใหญ่ แต่สำหรับรัมภาที่นี่ไม่ต่างจากคุกที่จองจำเธอไว้ด้วยคำว่าสามีภรรยา ข่าวการฟ้องหย่ากลายเป็นข่าวใหญ่ แน่ล่ะก้องภพเป็นเจ้าของบริษัทรถยนต์อันดับต้นๆ ของเมืองไทยถูกฟ้องหย่าจะเป็นข่าวเล็กไปได้อย่างไร มูลค่าของเงินที่เธอเรียกร้องไปไม่ใช่ระดับสิบล้านแต่เป็นร้อยล้านขึ้นไป แต่มาผิดหวังตรงที่มีข่าวของเธอกับภาวัตเสียก่อน แต่ช่างเถอะ เมื่อเดินหน้าแล้วเรื่องอะไรจะกลับมาจมที่เดิม

ว่าที่หม้ายสาวก้าวขึ้นรถไปอย่างมั่นใจในการตัดสินใจ แม้ว่าพ่อแม่จะโทรมาคัดค้าน นี่คือชีวิตของเธอ หากต้องทนกับสามีที่กลายเป็นคนแปลกหน้า เธอยอมขึ้นศาลเพื่อเป็นอิสระดีกว่า

“ไปไหนครับคุณภา” คนขับรถถาม

“ไม่เป็นไร ฉันจะขับเอง บอกเจ้านายของนายด้วยว่าไม่ต้องส่งคนตาม” รัมภายิ้มหยันพอกันทีสำหรับคุก

รถเคลื่อนจากไป ก้องภพยืนมองจากชั้นสองของบ้าน เรียวปากหนาเม้มปิด รัมภาและภาวัต...ทั้งสองคนจะได้รับผลแห่งการกระทำอย่างสาสม โดยเฉพาะผู้หญิงใจร้ายคนนั้น เงินสักบาทก็จะไม่ได้ ที่ยืนในสังคมก็ต้องไม่มี ความเสียใจที่เขาได้รับ เธอต้องทรมานยิ่งกว่า



มาลินมองคนอารมณ์ดีที่กำลังฮัมเพลงแล้วยิ่งโมโห เขาไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอย่างเธอเลยสักนิด แค่เป็นข่าวไปเดินเล่นชิลๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยายังไม่พอใช่ไหม จากที่นักข่าวยังไม่รู้ว่าผู้หญิงในภาพเป็นใคร ตอนนี้คงรู้แม้กระทั่งโรงเรียนประถมที่เธอเคยเรียนแล้วกระมัง

ภาวัตปรายตามองคนหน้าบึ้ง นึกว่าจะทำหน้าเฉยหรือหันหน้าหนี ที่ไหนได้สู้ไม่ถอยจ้องหน้าเอาเรื่อง เราอายุต่างกันเป็นรอบ แต่เขากลับเห็นที่ว่างตรงกลางระหว่างวัยที่สมดุลระหว่างเรา เรียวปากหนายิ้มกว้าง แต่กลับถูกขมวดคิ้วใส่

“ยิ้มทำไมคะ”

“เวลาเธอโกรธแล้วดูตลกดี ก่อนหน้านี้ไม่ทันสังเกต พอได้ใบผ่านการฝึกงานแล้ว ฉันคงไม่น่ากลัวในสายตาของเธอแล้วสินะ” นิ้วยาวยื่นไปกดเบาๆ ที่ระหว่างคิ้วของมาลิน “ทำมาค้อนใส่ เดี๋ยวจะโดนนะเธอน่ะ”

มาลินปัดมือเขาออก มันใช่เรื่องล้อเล่นตรงไหน ทำไมเขาไม่กังวลอย่างเธอบ้าง

“จอดรถด้วยค่ะ”

“จอดทำไมเล่า อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว” ภาวัตหัวเราะชอบใจ รถยังขับต่อไปเท้าของเขาไม่ได้แตะเบรกด้วยซ้ำ เสียงถอนใจดังกระทบหู มือหนายื่นไปจับมือบางไว้ ไม่พูดอะไร แต่ไม่ยอมให้ชักมือกลับ อะไรก็ตามที่เขาทำนั่นหมายความว่าคิดดีแล้ว

รถขับเข้าสู่บ้านหลังใหญ่สีขาวล้วน คนในละแวกนี้เรียกว่าคฤหาสน์สีน้ำเงินซึ่งมีที่มาจากชื่อบริษัท Blue Enterprise หรืออาจเป็นการล้อเชิงกระทบ สีน้ำเงิน...มาจากเงิน แต่ถึงกระนั้นชาวบ้านในซอยนี้ก็ชื่นชมคุณทีปต์เพราะถึงจะร่ำรวยแต่ก็ไม่เอาเปรียบใคร

สาวใช้เข้ามาช่วยเปิดประตูให้ มาลินลงมาอย่างงงๆ มองภาวัตเหมือนคนหลงทางอยากหาที่พึ่ง ร่างสูงเดินมายืนเคียงยิ้มบางๆ คิดว่าเขาพาที่ไหนอยู่หรือถึงได้ทำหน้าเหมือนใกล้จมน้ำแบบนี้

“บ้านปู่ฉันเอง ตอนนี้ที่หอพักของเธอ บ้านของเธอคงหาความสงบไม่ได้แล้วล่ะ”

“ก็เพราะคุณคนเดียว” เธอบ่นเสียงเบา แต่คนหูดีก็ยังอุตส่าห์ได้ยิน

“บอกเหมือนเดิมว่า...จะรับผิดชอบ อย่างน้อยการที่เธอถูกสนใจก็มีส่วนดีไม่น้อยเลยนะ คนที่ทำร้ายคุณตาของเธอคงไม่กล้าทำอะไรตอนนี้”

รอยยิ้มพราวชวนให้คิด คนอย่างภาวัตน่ะหรือจะยอมเป็นข่าวเพียงเพราะเรื่องแค่นี้ ให้ตำรวจช่วยน่าจะง่ายกว่าไม่ใช่หรือ มาลินจ้อง แต่กลับถูกจ้องกลับ จนเธอเป็นฝ่ายหลบตาเสียเอง

“แค่นี้จริงๆ หรือคะที่คุณไปหาลินถึงมหา’ลัย”

“ก็...มีอีก แต่เอาไว้ค่อยบอกแล้วกัน ปู่ของฉันใจดี ไม่ต้องกังวลอะไร ที่นี่จะปลอดภัย”

มาลินพยักหน้าค่อยยิ้มออกพลางเดินตามภาวัตเข้าไปในบ้าน โทรศัพท์ดังพอกดรับหน้ายุ่งๆ ก็ยิ้มดีใจ

“มีอะไร ทำหน้าเหมือนแมวเจอเจ้าของ มีข่าวดีหรือไง”

“ตาตื่นขึ้นมาแล้วเรียกหาแต่ลินค่ะ เราไปโรงพยาบาลกันนะ”

ภาวัตยอมตามใจพามาลินมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลก่อน เบื้องหลังมีรถอีกคันกำลังขับตามมาห่างๆ แต่ไม่พ้นจากความสนใจของรหัทไปได้ คนร้ายเริ่มงานของมัน เขาก็กำลังทำหน้าที่ของตัวเองเช่นกัน



ร่างกายของร่มธรรมแข็งแรงขึ้น เดินได้ปกติและอาการต่างๆ ไม่มีอะไรน่าห่วง เหลือเพียงการพักฟื้นและความทรงจำต่างๆ ที่ยังไม่กลับมา สายตาของผู้เป็นตามองหลานอย่างไร้ซึ่งความทรงจำใดๆ ในอดีต มีเพียงการจดจำได้ว่าเคยพบกันมาก่อนเท่านั้น มาลินเข้าไปกอดชายชราไว้แล้วหอมแก้มอย่างที่เคยทำ

“ตาจำลินได้บ้างแล้วใช่ไหมคะ ลินหลานของตาไง” มาลินลองถามดู หวังสักครั้งว่าจะเกิดปาฏิหาริย์

มือหนาวางบนไหล่บางเมื่อเห็นร่มธรรมขมวดคิ้วพยายามนึก แต่กลับนิ่วหน้าเมื่ออาการปวดหัวเข้ามาแทนที่ พยาบาลเข้ามาดูแลต่อให้คนไข้นอนลงแล้วบอกให้หลับตาทำใจสบายๆ มาลินน้ำตาคลอสงสารตา

“อย่าเพิ่งใจร้อน ค่อยๆ ทำความรู้จักไปก่อน ความผูกพันยังไงก็ไม่เลือนหายไปหรอกนะ อย่าเพิ่งทำหน้าเหมือนจะร้องไห้สิ”

ร่มธรรมลืมตามองมาทางมาลิน เธอจับมือเหี่ยวย่นไว้แล้วยิ้มให้นั่งลงข้างๆ เรียวปากซีดขยับเปิด

“ตาเหมือนจะพูดอะไรเลยค่ะคุณหมอ”

มาลินเอียงหน้าขยับหูเข้าไปใกล้ๆ เพราะเสียงของตาเบามาก คำที่เอ่ยสั้นแต่พูดซ้ำๆ ...ระ...วัง มือบางกุมมือเหี่ยวย่นไว้ ยิ้มละไมเข้มแข็งไว้ให้ตารู้สึกไม่ห่วงอะไร

“ค่ะตา ลินจะระวัง แล้วก็จะดูแลแม่กับทุกคนที่ไร่ ตาไม่ต้องห่วงนะ รักษาตัวให้หาย แล้วเราจะได้กลับไร่ของเราด้วยกัน”

ร่มธรรมมองนิ่งเหมือนอยากพูดอะไรต่อ แต่เปลือกตากลับปิดลง หมอเข้ามาดูอาการจนแน่ใจว่าไม่มีอะไรน่าห่วง ภาวัตจับแขนพามาลินมานั่งพัก หน้าตาของเธอดูคิดหนัก เขาเองก็คิดหนักไม่ต่างกัน ถ้าแค่อยากให้ดูแลคนที่ไร่ใช้คำอื่นก็ได้ ทำไมถึงใช้คำว่า...ระวัง

“ให้ระวังอะไร เธอพอจะรู้ไหม” เขาหันไปถามแต่กลับถูกจ้อง “ทำไมมองมาแบบนั้น คงไม่ได้คิดว่าตาของเธอบอกให้ระวังฉันหรอกนะ”

“หน้าคุณวัตเลอะต่างหากล่ะคะ” เธอชี้มาที่แก้มข้างขวาของภาวัตอาจเป็นรอยปากกา

มือหนายกขึ้นถูแก้ม แต่กลับเลอะมากกว่าเดิม มาลินหัวเราะชอบใจเลยถูกขมวดคิ้วใส่ แต่ให้เช็ดเท่าไหร่รอยปากกาก็ไม่หายอยู่ดี

“เดี๋ยวลินช่วยเช็ดให้ค่ะ”

กระดาษทิชชูชุบน้ำหมาดๆ ถูเบาๆ ที่แก้ม ดวงตาคมมองริมฝีปากสวยอย่างลืมตัว เนียนแก้มนั้นช่างหอมละมุนจากแป้งกลิ่นเหมือนเด็กๆ มาลินเผลอสบตาภาวัตมือบางชะงัก เวลาราวกับหยุดลงชั่ววินาที มือหนากุมมือบางไว้แล้วไล้แก้มที่จุดเดิมๆ ราวกับมีแรงดึงดูดจากดวงตาของภาวัตที่เธอไม่อาจหลบได้

ประตูเปิดออกอีกครั้ง พยาบาลเข้ามา มาลินดึงมือออกรีบหันหน้าไปทางอื่น เสียงหัวเราะของคนช่างแกล้งลอยลมมา หัวใจเต้นแรงจนเจ็บอก ภาวัตลุกขึ้นไปนั่งเก้าอี้อีกตัว อิ่มอกอิ่มในจนฮัมเพลงออกมาเบาๆ



ของใช้ต่างๆ ของมาลินอยู่ในกระเป๋าเดินทาง เอมิกาเป็นคนจัดการเพราะเธอดันลืมกระเป๋าไว้ที่มหา’ลัย อาจเพราะหายทิฐิ รู้สึกผิดหรือพิพัฒไปพูดอะไรเข้า เพื่อนชังถึงกลับมาดูดำดูดีกัน มาลินยังตื่นเต้นไม่หายแม้ว่าจะเข้ามาในห้องที่ทีปต์สั่งให้สาวใช้จัดไว้ให้แล้ว นี่หรือชายชราที่ทุกคนในบริษัททั้งเกรงขามและชื่นชม สมกับที่เป็นมาเฟียมาก่อน หญิงสาวเดินไปเปิดม่านก็เห็นปู่กับหลานยังคุยกันอยู่ที่รถ

ภาวัตมองไปหน้าต่างที่ผ้าม่านแหวกออกใครบางคนแอบมองมาจากตรงนั้น เขาโบกมือให้ ม่านปิดลงทันที เรียวปากหนายิ้ม ทีปต์เบ้ปากใส่ชักหมั่นไส้ ยังไม่อยากถามว่าจริงจังแค่ไหน เดี๋ยวจะหาว่าจับคู่ให้อีก

“ฝากด้วยนะครับปู่”

ทีปต์หัวเราะ “ถึงบ้านแล้วก็ตั้งสติดีๆ ไม่ต้องหอบผ้าหอบผ่อนมานอนที่นี่อีกคนล่ะ ห้องเต็มแล้ว”

ภาวัตหลิ่วตาใส่ ข่าวของปู่มาไวเสมอ ไม่ต้องถามสายจากไหนหรอก แม่ของเขาแน่นอนที่โทรมาปรึกษา แต่สุดท้ายก็ต้องเป็นเขาที่ตัดสินใจอยู่ดี ถ้าปู่ไม่มั่นใจว่าหลานรับมือได้คงส่งคนไปจัดการให้แล้ว



ภาวัตไปงานเลี้ยงลูกค้าต่อตามตารางนัดได้ตามปกติ ไม่เดือดร้อนใจเท่าไหร่เมื่อบ้านกำลังจะลุกเป็นไฟ หากรัมภาเป็นไฟ แต่เขาไม่เคยทำตัวเป็นน้ำมันด้วยก็เท่านั้น งานเลี้ยงเลิกช้าทำให้กว่าจะกลับถึงบ้านก็ปาเข้าไป 4 ทุ่มกว่า แต่คุณภาณินยังรออยู่สีหน้าสบายๆ ไม่ต่างจากลูกชาย

แค่มองตาก็รู้ใจ คำตอบที่รอฟังภาวัตบอกแม่พลางพากันเดินเข้ามาในบ้านด้วยกัน

“ดึกแล้ว คงต้องให้อยู่ไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันครับแม่ ถึงผมจะไม่ชอบใจในวิธีของรัมภา แต่ว่ามันคงไม่ดีถ้าไล่ใครสักคนออกจากบ้าน ทั้งที่เดือดร้อนมา”

“ก็ตามใจ แต่ไม่มีอะไรมากกว่านั้นแน่นะ” หากจะได้ลูกสะใภ้เป็นตัวเป็นตนทั้งที รัมภาไม่เคยอยู่ในสายตา แต่ถ้าลูกชายตกลงปลงใจ นางคงไม่ว่าอะไร แค่ต้องทำใจสักพัก

“ไม่มีหรอกครับแม่ ผมใจดี แต่ไม่ใจอ่อน แยกออกว่าคนไหนสมควรมาเป็นแม่ของเจ้าภาค คนไหนเป็นได้แค่คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต”

ภาณินยิ้มชื่นลูกชายเป็นผู้ใหญ่แล้วไม่ใช่เอาแต่แข่งรถล่าถ้วยรางวัล แขกยังนั่งรอที่ห้องนั่งเล่น ตอนนี้คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของต้นเหตุ นางเลยแยกตัวขึ้นห้องมาก่อน

ภาวัตเผชิญหน้ากับรัมภาอย่างไร้ความรู้สึกใดๆ แม้ว่ากลิ่นน้ำหอมที่เธอใช้จะเป็นกลิ่นเดียวกับที่เขาเคยซื้อให้เมื่อนานมาแล้ว

“ขอบคุณนะคะวัตที่คุณไม่ไล่ภาไป” มือเรียวยื่นไปจับมือหนามาแนบแก้ม

ใบหน้าของภาวัตยังเรียบเฉย ถามว่ารัมภาสวยไหม ตอบได้เลยว่าสวยมาก มาลินเทียบไม่ได้ ความเนียนนุ่มยวนยั่วชวนให้หวั่นไหว แต่กลับไม่รู้สึกอะไรเลย สายตาไร้เดียงสาของลูกกวางน้อยจากมาลินต่างหากยังติดตาตรึงใจแม้ห่างกัน

มือหนาดึงกลับ รัมภาชะงักมองเป็นฝ่ายหน้าชา ไม่มีคำพูดตัดรอน ทว่าท่วงท่าที่แสดงออกจงใจห่างเหินทั้งที่ยอมลดเกียรติทำในสิ่งที่จะถูกสังคมก่นด่าหากนักข่าวรู้ว่าเธอมาอยู่ที่นี่

“พรุ่งนี้เราจะคุยกัน คืนนี้คุณพักผ่อนแล้วกัน”

“เดี๋ยวสิคะ” แขนยาวถูกคว้ามาแนบอก “บอกเหตุผลได้ไหมว่าทำไมวัตไม่ไล่ภาไป เรายังกลับมาเหมือนเดิมได้ใช่หรือเปล่าคะ”

ภาวัตถอนใจเบาๆ ดึงแขนออกมา “ได้ แต่ในฐานะเพื่อนเท่านั้น ที่ว่างข้างตัวผมไม่ว่างสำหรับใครอีกแล้ว”

“เด็กคนนั้นงั้นหรือคะ”

“บางเรื่องที่เป็นส่วนตัว ผมคงไม่จำเป็นต้องบอกเพื่อนกระมัง”

รัมภาหน้าเจื่อนไม่รั้งภาวัตไว้อีกรู้ตัวแล้วว่าเดินเกมผิดไป เขาชอบล่ามากกว่าถูกต้อนให้จนมุม สายตาเสน่หามองแผ่นหลังกว้างจนลับตา หากเข้าทางภาคดึงความสนใจมาล่ะ ใบหน้าสวยกลับมาสดใสอีกครั้ง เธอเป็นผู้หญิงที่รู้จักภาวัตดีกว่าใครทำไมจะไม่รู้ว่าจุดอ่อนของเขาอยู่ที่ใคร ว่าแต่เด็กนั่นเป็นลูกของวัตกับผู้หญิงคนไหนกันล่ะ




หนังสือวางแผงแล้วนะคะ สามารถซื้อได้จากร้านหนังสือทั่วประเทศเช่น se-ed นายอินทร์ หรืออ่านต่อใน E-BOOK เว็บ MEB ค่ะ ฝากภาวัตกับมาลินด้วยจ้า


อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ธ.ค. 2558, 10:17:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ธ.ค. 2558, 10:17:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 1089





<< ตอนที่ 14 ครึ่งแรก   ตอนที่ 15 ครึ่งแรก >>
konhin 27 ธ.ค. 2558, 12:48:16 น.
ง่ะ ให้เข้าบ้าน แล้วทำไมเฮียไม่ไปนอนคอนโดคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account