เล่ห์รักพรางแค้น วางแผงแล้ว สนพ ทัช
ใครจะไปคิดว่าการทำภารกิจให้ปู่ กลับกลายเป็นถูกโชคชะตากลั่นแกล้งให้เขาถูกสลัดลงจากคาน ยัยซื่อบื้อนั่นน่ะหรือคือไก่วัดที่ทำให้เขากลายเป็นสมภาร
Tags: ความรัก ความหลัง

ตอน: ตอนที่ 17 ครึ่งหลัง

ภาคกลับไปพร้อมกับภาณินตอนค่ำ สายน้ำเกลือถูกถอดออก ผลการเอกซ์เรย์ล่าสุดก็น่าพอใจไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ที่อาจจะส่งผลต่อการแข่งรถที่เขาต้องไปรักษาแชมป์ปลายเดือนนี้ ภาวัตไม่รู้สึกปวดหัวแล้ว ทว่าสิ่งที่รบกวนจิตใจของเขากลับไม่ใช่เป้าหมายสำคัญที่กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต แต่เป็นการรอที่น่าโมโหที่สุดนับตั้งแต่เขาได้รู้จักกับมาลินมา

ร่มธรรมอยู่โรงพยาบาลนี้อย่างไรเสียหลานก็ต้องมาเยี่ยม แต่เธอกลับไม่มาให้เขาเห็นหน้าอย่างกับไม่ห่วงกันเลยสักนิด โทรศัพท์ถูกกดโทรออกซ้ำๆ

“เด็กบ้า...ทำไมไม่รับโทรศัพท์”

ขาทั้งสองข้างเหวี่ยงลงจากเตียงตามด้วยเสียงเดินที่ดังพอให้รหัทซึ่งเฝ้าอยู่นอกห้องเข้ามาดู พอเห็นภาวัตเดินมาที่ประตูเหมือนกันก็ชักสงสัยแทน

“คุณวัตจะไปไหนครับ”

ภาวัตไม่ตอบแต่บอกให้บอดี้การ์ดตามมาด้วยกัน สภาพนี้อย่าเพิ่งขับรถเองน่าจะดีกว่า รหัทไม่ถามอะไรแค่ช่วยบอกหมอให้ว่าจะรีบพาตัวคนป่วยกลับมาส่งเพราะคงไม่ไกลจากโรงพยาบาลเท่าไหร่ขอเวลาเพียง 2 ชั่วโมงน่าจะพอ



ปากกาเมจิกสีสะท้อนแสงกำลังลากไปตามตัวหนังสือที่เป็นใจความสำคัญ โน้ตย่อถูกจดลงบนสมุดอีกเล่มที่มาลินเอาไว้อ่านก่อนเข้าห้องสอบจะได้ไม่เสียเวลาจับใจความอีก เสียงเพลงเปิดคลอเบาๆ เพราะเธอไม่ชอบอ่านหนังสือเงียบๆ จนเอมิกากับพิพัฒบอกว่ามีสมาธิได้ยังไง แต่เธอชินเสียแล้ว

...ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ใครคะ”

มาลินส่งเสียงถามวางมือจากหนังสือที่กำลังอ่านรีบเดินไปที่ประตู ทว่ากลับไม่มีเสียงตอบมา เธอส่องที่ตาแมวก็ไม่เห็นใครอีก พอเดินกลับมาเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีก เธอหยิบไม้เบสบอลข้างประตูมาถือไว้แล้วเปิดประตูผั๊วะ ทว่ากลับถูกคว้าเอวไว้ ไม้เบสบอลถูกคว้าออกไป แล้วประตูก็ปิดลง ทุกอย่างรวดเร็วจนเธอไม่ทันได้ตกใจด้วยซ้ำ พอเห็นว่าเป็นใครความดีใจเกิดขึ้นกลางใจก่อนจะแทนที่ด้วยความตกใจ

“ตายแล้ว...คุณวัต มาได้ยังไงคะ”

ภาวัตหน้าบึ้ง มาถึงก็อวยพรกันเลยยัยเด็กบ้า

“ฉันยังไม่ตาย เธอทำให้ฉันโมโหมากรู้ตัวไหมมาลิน วันนี้ทั้งวันเธอไม่มีเวลาว่างหรือไง แค่ไปเยี่ยมกันทำไมไปหน่อยไม่ได้ แล้วนี่อะไรนั่งอ่านหนังสือ เธออ่านรู้เรื่องทั้งๆ ที่ทิ้งฉันไว้ที่โรงพยาบาลเนี่ยนะ”

มาลินถอยจนติดผนังห้องกว่าคนใส่เป็นชุดจะยอมหยุดต้อน ท่าทางโมโหมากน่ากลัวชะมัด มาลินยิ้มประจบพลางจับแขนของภาวัตไว้อย่างเอาใจ

“นั่งก่อนไหมคะ”

ร่างสูงยอมไปนั่งดีๆ ที่ปลายเตียง เขาไม่ได้ถ่อมาหาเพื่อดุเธอสักหน่อย พอเห็นว่ากินได้ อ่านหนังสืออยู่เท่านั้นแหละ องค์ตัวร้ายเหมือนจะเข้าสิงห์ทันใด

“หิวไหมคะ เดี๋ยวลินไปหาอะไรให้ทาน”

มือหนาคว้าข้อมือเล็กรั้งเบาๆ ให้นั่งลงข้างๆ ถ้าเขาหิวจะมาหาเธอทำไม ได้แต่คิด ขืนดุอีกรอบถ้าไม่ปล่อยโฮ คงได้งอนกลับ เสียแผนหมด

“ตอบคำถามฉันมาก่อน ไม่ต้องมาห่วงทั้งที่ทิ้งมาทั้งวัน”

มาลินเม้มปากฟังเจ้าของปลายเสียงสะบัด ไม่คิดมาก่อนว่าภาวัตจะมีมุมแบบนี้ด้วย

“ก็ลินมีสอบย่อยตอนบ่ายนี่คะ พรุ่งนี้ก็มีสอบย่อยอีก แล้วคุณปู่ของคุณวัตก็บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง อ่านหนังสือให้เต็มที่”

“บอกไม่ต้องห่วง ก็ไม่ต้องห่วงงั้นหรือ โทรศัพท์ของเธอไม่มีเบอร์ของฉันหรือไง แล้วโทรหามาตั้งกี่รอบทำไมไม่รับ มันเสียหรือไงฮึ”

มาลินเหวอไปรีบเดินไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ามาเปิดดู เธอปิดเสียงไว้เลยไม่ได้ยินว่าเขาโทรมา มือบางยกขึ้นไหว้เพิ่งเข้าใจว่าทำไมเขาถึงมาหาแล้วใส่เธอเป็นชุดเลย แต่การเมินมองไปทางอื่นถอนใจพรืดๆ แบบนี้จะแปลออกมาเป็นอะไรได้กันล่ะ

“คุณวัต...งอนหรือคะ”

ใบหน้าคร้ามหันมาส่งสายตาวาบๆ ใส่ เขาอายุป่านนี้แล้วจะมางอนเป็นเด็กหนุ่มๆ เนี่ยนะ ไม่มีทาง

“เปล่า ฉันแค่สงสัยเลยมาถาม อ้อ ในโรงพยาบาลไม่ควรใช้โทรศัพท์นานๆ ก็เลยมาถามด้วยตัวเอง”

“ลินไปเยี่ยมคุณวัตแล้ว แต่คุณวัตหลับอยู่นี่คะ ก็เลยกลับมาห้องแล้วอ่านหนังสือ” เธอบอกเสียงซื่อ

คิ้วหนาเลิกขึ้น เรียวปากบิดโค้งคล้ายยิ้มแต่กลับเม้มปิด มาลินมองอย่างไม่เข้าใจว่าเขาจะหายงอน...ไม่สิ หายโกรธแล้วหรือยัง เธอไม่ได้ไม่ห่วงของเขาสักหน่อย

“ขอเอนหลังสักครู่ได้ไหม ชักมึนๆ หัว”

แทนคำตอบมาลินช่วยเลิกผ้าห่มขึ้นแล้วห่มให้ ภาวัตขยับไปนอนหนุนหมอนตะแคงมองคนช่วย มือบางถูกคว้าไว้พร้อมกับเปลือกตาของเขาปิดลง แต่ปากยังขยับสั่งคล้ายๆ ขอร้อง

“อ่านหนังสือตรงนี้แหละ อีกเดี๋ยวก็จะกลับแล้ว”

มาลินยอมตามใจหยิบสมุดโน้ตมาอ่านไปพลางๆ แทน ทว่าเพียงไม่นานสมาธิที่แสร้งทำว่ามีก็หมดลง เธอมองใบหน้าที่ยังซีดแล้วยิ้มอบอุ่นอยู่ในใจ มืออีกข้างที่ยังว่างไล้เบาๆ ที่แก้มสากและเลยมายังสันจมูกเชิดก่อนจะเล่นขนตาเป็นแพของภาวัต

“ขอบคุณนะคะที่ไม่พูดเรื่องนั้น...”

น่าโล่งใจที่ไม่ได้พบเขาในตอนบ่าย แต่ก็ดีใจที่เขามาหา เรียวปากหนายิ้มได้ยินทุกคำก่อนหลับไปในที่สุดอย่างเป็นสุข มาลินนั่งอยู่ตรงนั้นนานแสนนาน เธอเปิดลิ้นชักหยิบบางอย่างออกมาแล้วใส่ของสิ่งนั้นให้คนแสนงอน ประตูเปิดออกเสียงเบา รหัทก้าวเข้ามาทันเห็นสิ่งที่ถักทอสวยงามในความสัมพันธ์ที่ก่อเกิด ความรู้สึกที่แสดงออกจากจิตใจงดงามและยั่งยืนเสมอ ทว่าเวลาได้หมดลง ได้เวลาพาคนป่วยกลับโรงพยาบาลตามที่สัญญากับหมอไว้แล้ว



ช่างเป็นคืนที่หลับสบาย แม้จะต้องตื่นมาขึ้นรถเพื่อกลับโรงพยาบาล แทบจะเข้าสู่นิทราในทันทีที่หัวถึงหมอนก็ว่าได้ ความสุขใจนี้เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่หนอ แค่ได้รู้ว่ามาลินห่วงความกระวนกระวายใจก็พลันหายกลายเป็นสมหวังหวานละมุนอยู่ในใจ

ทว่าฝันดีหมดลงเมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นใบหน้าของรัมภานี่ล่ะ เขาดึงมือที่กำลังแนบแก้มเนียนออกมาจับแขนลูกชายแทน แม่ช่างรู้ใจอุ้มเจ้าภาคมานอนด้วยกัน

“ถ้ารู้ว่าวัตมาเป็นคนป่วยอยู่ที่นี่ภาคงมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ”

“ผมไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก แค่อู้งานเท่านั้นเอง” ภาวัตตอบเสียงเรียบๆ แต่พอหันไปทางลูกชายเสียงกลับเปลี่ยนไปราวกับคนละคน “ดีใจไหมครับภาคพ่อจะได้กลับบ้านแล้ว”

สายตาของรัมภายามมองเด็กน้อยเต็มไปด้วยเกลียดชัง รวมถึงเกลียดไปถึงแม่ของเด็กที่เธอไม่รู้ว่าเป็นใคร ภาวัตหันมาทันเห็น เรียวคิ้วหนาขมวดและคลายออกภายในเสี้ยววินาที เพิ่งรู้ว่ารัมภาไม่ชอบลูกชายของเขา

“ภารอนะคะ เราจะได้กลับพร้อมกัน”

ภาณินยิ้มบางๆ นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟายังคงเชื่อใจลูกชายดังเดิม ภาวัตหันมามองรัมภา เวลาอาจจะทำให้สิ่งที่เขารู้กลายเป็นอดีต ผู้หญิงที่รักเกียรติของตัวเองตอนนี้อาจไม่ใช่แล้วก็ได้

“ไม่เป็นไร ผมอยากไปซื้อของเล่นให้ภาคก่อน ไม่ได้อยู่กับลูกชายมาหลายวัน”

รัมภาฝืนยิ้มทั้งที่ใจเหลวไปหมดแล้ว 5 วันที่ผ่านมา เธอได้อะไรจากการไล่ตามผู้ชายคนนี้บ้าง ไม่มีเลย นอกจากเขายิ่งห่างออกไป

“เวลาของครอบครัวภาไม่รบกวนแล้วกันนะคะ แล้วเจอกันที่บ้าน ภาจะทำอาหารไว้รอ” ใบหน้าสวยยื่นมาจะหอมแก้ม แต่ภาวัตกลับก้มลงเล่นกับลูกชายต่อ เธอถอนใจอย่างสุดทน เดินออกจากห้องทันที หมดอารมณ์แม้จะเอ่ยลาภาณิน

“เล่นอะไรครับ” เขามองข้อมือตัวเองถึงได้เห็นสายรัดข้อมือที่คุ้นว่าเขาเห็นมาก่อน ถึงจะไม่ใช่เส้นเดียวกัน แต่มันคล้ายกันมาก “มาจากไหน ของใครหว่า” หรือว่า...

ภาวัตยิ้มหน้าบานหอมแก้มลูกชายฟอดใหญ่ ถ้าคิดว่าถูกมาลินจองจะเกินไปหรือเปล่า ไม่รู้ล่ะเขามันพวกขี้ตู่เข้าข้างตัวเอง

“ไปเยี่ยมคุณตาของพี่ลินกับนะครับภาค”

เด็กน้อยพยักหน้ายิ้มหน้าแฉ่ง ดวงตาบ้องแบ๊วมองมา ภาวัตอุ้มลูกชายมากอดบอกรัก ถึงขาดแม่ แต่ยังมีพ่อที่รักแม้จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน มันจะเป็นความลับที่ภาคไม่มีวันได้รู้ตลอดไป



มาลินไม่มีเรียนตอนบ่ายจึงมาเยี่ยมตาที่โรงพยาบาล ภาวัตโทรมาบอกแล้วว่าจะตามมาเยี่ยมด้วยกัน พอเห็นคุณครูภาคก็วิ่งเข้ามาแล้วยกมือไหว้สวยๆ อย่างที่ภาณินสอน เรียกรอยยิ้มจากร่มธรรมได้ แม้จะยังจำอะไรไม่ได้เลย แต่สุขภาพดีขึ้นมากจนหมออนุญาตให้พักฟื้นต่อที่บ้าน

“ผมมาเยี่ยมครับ จำผมได้หรือเปล่า” ภาวัตยกมือไหว้ก่อนจะอุ้มลูกชายขึ้นมาจะได้เห็นคุณตาของมาลินชัดๆ “ลูกชายของผมครับชื่อภาค”

“ไหว้คุณตาสิครับภาค”

เด็กน้อยยกมือไหว้ยิ้มสวย มือเหี่ยวย่นยื่นมารับไหว้อย่างเอ็นดู ความทรงจำบางอย่างกระชากเข้าใส่แต่เลือนราง ใบหน้าของใครอีกคนในวัยเด็กราวกับซ้อนทับใบหน้าของภาคไว้ ร่มธรรมเขม้นมองดวงตาเบิกกว้าง

“บะ...บัว”

“อะไรนะครับ คุณร่มธรรมอยากได้อะไรค่อยๆ บอกผมจะพยายามฟัง” ภาวัตยื่นหน้าไปใกล้

ร่มธรรมไม่ตอบทว่ายังมองภาคไม่วางตาจนกระทั่งฤทธิ์ยาหลังอาหารทำให้หลับตาลงแม้จะพยายามฟืนก็ไม่ช่วยอะไร มาลินรวมทั้งทุกคนในห้องได้ยินเหมือนกันหมด แต่มีเธอเพียงคนเดียวที่เข้าใจว่าตาหมายถึงใคร บัว...ชื่อนี้ไม่ถูกเอ่ยถึงมานานแล้วตั้งแต่เกิดเรื่องไปคราวนั้น



ภาคจับมือพ่อพร้อมๆ กับจับมือคุณครูแล้วไกวแขนเล่นอย่างมีความสุข ภาณินเดินตามมาข้างหลังหัวเราะชอบใจพลางมองสองหนุ่มสาวที่กำลังคุยกัน ทว่าสีหน้าของเจ้าลูกชายดูเคร่งเครียดเอาแต่มองมาลินแล้วทำหน้าคิดบางอย่าง โจรที่งัดห้องของหนูลินถูกตำรวจจับได้แล้วไม่ใช่หรือ เป็นพวกวัยรุ่นที่ติดยาแถวๆ นั้น แล้วยังกังวลอะไรอีก

“ดีใจด้วยนะที่อีกไม่กี่วันคุณตาของเธอก็จะกลับบ้านได้แล้ว แต่ฉันขอแนะนำบางอย่างได้ไหม”

“ได้สิคะ” มาลินกลั้นยิ้มวันนี้ภาวัตมามาดของอาจารย์ที่ปรึกษา

“ให้คุณตาของเธอไปอยู่ในความดูแลของปู่ฉันดีกว่า จนกว่าจะจับคนร้ายได้ ฉันไม่อยากให้คุณตาของเธอกลับไร่ไป การดูแลเรื่องความปลอดภัยค่อนข้างยาก”

“ลินเห็นด้วยนะคะ แต่ขอคุยกับแม่ก่อน ไม่ว่ายังไงความปลอดภัยของตาต้องมาก่อน”

ภาวัตพยักหน้าค่อยโล่งใจหน่อยนึกว่าจะคุยยากกว่านี้ ภาคเขย่าแขนพ่อเมื่อเห็นร้านไอติมที่เจ้าตัวชอบกินนักหนา มาลินมองตามกำลังจะพาไป

“เดี๋ยวแม่พาภาคไปซื้อไอติมเองดีกว่า แล้วไปเจอกันที่รถแล้วกันนะ” ภาณินเอ่ยพร้อมกับพาหลานชายแยกไป

จะมีใครรู้ใจลูกชายเท่าแม่ไม่มีอีกแล้ว สองหนุ่มสาวเดินช้าๆ เคียงกันไปที่รถ ไม่กังวลว่าจะมีนักข่าวมาดักถ่ายรูป เขาเปิดเผยมากเท่าที่ผู้ชายจะทำให้เพื่อให้เกียรติผู้หญิงที่ตัวเองทอดสะพานให้ แต่ยังไม่แน่ใจว่าเธอจะก้าวข้ามมาเมื่อไหร่

“ขอบใจสำหรับสร้อยข้อมือ” แขนใหญ่ยื่นมาใกล้แล้วคว้าข้อมือของมาลินมาเทียบใกล้ๆ “เหมือนกันจังอย่างกับสร้อยคู่รัก”

มาลินเม้มปากไม่ยอมยิ้ม มองมาแล้วเมินไป เขินอายแต่พยายามปกปิดไว้ ภาวัตเกือบใจหาย เด็กบ้าทำไมบางอย่างก็แสดงออกชัดเจน แต่ทีอย่างนี้ล่ะทำให้เขาหวั่นใจ

“ปลายเดือนนี้ฉันมีแข่งรถ รายการนี้ต้องรักษาแชมป์ไว้ ฉันอยากให้เธอไปแล้วยืนในจุดเหนือเส้นชัย เธอจะว่างไปหรือเปล่า”

“ยังไม่รับปากได้ไหมคะ เทอมสุดท้ายมีรายงานยุ่งตลอด ถ้าว่างลินไปแน่นอนค่ะ แต่ทำไมต้องตรงจุดเหนือเส้นชัยด้วยล่ะคะ”

ใบหน้าคร้ามเอียงมาใกล้แล้วกระซิบเบาๆ ที่ใบหูเล็ก

“ฉันจะได้กระหายชัยชนะไงล่ะ”

ให้พยายามอย่างไรมาลินก็สุดที่จะกลั้นยิ้มได้ หากเขาไม่ใช่ภาวัตสิ่งที่แสดงออกอยู่ตอนนี้เธอคงมั่นใจได้ไม่ยาก แต่เพราะเขาไม่เหมือนผู้ชายทั่วๆ ไป เธอไม่ใช่เด็กแล้วทำไมจะไม่รู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร จะมั่นใจได้อย่างไรว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ไม่ใช่ความประทับใจช่วงเวลาหนึ่งเพื่อรอความประทับใจใหม่ๆ จากผู้หญิงอีกคน




หนังสือวางแผงแล้วค่ะ เพราะฉะนั้นจะลงนิยายให้อ่านถึงตอนที่ 19 นะคะ สามารถซื้อได้จากร้านหนังสือทั่วประเทศเช่น se-ed นายอินทร์ หรืออ่านต่อใน E-BOOK เว็บ MEB ค่ะ ฝากภาวัตกับมาลินด้วยจ้า

อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ม.ค. 2559, 14:07:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ม.ค. 2559, 14:07:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 1106





<< ตอนที่ 17 ครึ่งแรก   ตอนที่ 18 ครึ่งแรก >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account