ซี่รีย์ชุด จอมใจ ตอน คฤหาสน์รัก
วีด๊าด หญิงสาวผู้ที่ชอบและหลงไหลผีเสื้อเอามากๆ (เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับสิ่งที่เธอต้องมาทำหรอก" วันนึงต้องมาดูแลเด็กสาวที่นั่งบนรถเข็นให้เดินได้แต่แล้วเด็กสาวคนนี้ก็ขอร้องให้เธอตามหาใครบาง ซึ่งการตามหาในครั้งนี้ทำให้ความลับบางอย่างในบ้านเปิดเผย

แล้วชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังใหญ่จะทำอย่างไร เขาจะให้ผู้หญิงคนนี้มารู้ความลับของบ้านหลังนี้ไม่ได้เด็ดขาด!!

Tags: ความรัก

ตอน: คฤหาสน์รัก 1

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกในเลิฟสตอรี่ค่ะ เป็นนิยายชุดจอมใจมีทั้งหมด 5 เรื่อง (5เรื่องเลยเร๊อะ) เรื่องนี้เป็นเรื่องแรก เปิดตัวพระนาง ฟัตตาฮ-วีด๊าด

ฟัตตาฮ เจ้าของคฤหาสน์วิลสัน แห่งแลงคาเชอร์คนปัจจุบัน ' ผมแค่อยากให้หลานผมเป็นคนร่าเริง ผมก็เลยอยากให้คุณมาดูแลเธอหน่อย ผมเห็นเธอยอมพูดคุยกับคุณด้วย และเธอก็อยากเป็นเพื่อนกับคุณ เพราะงั้นช่วยดูแลเธอหน่อยได้ไหม '

วีด๊าด สาวไทยใจแกร่ง เอ๊ะ!! มาเรียนที่อังกฤษด้วยคะแนนอันน้อยนิด (ไม่ใช่ละๆ) ' ฉันจะดูแลหลาานคุณ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขของฉันเท่านั้น ok? '





.................................................................................................................................................................................




อากาศยามบ่ายที่เกาะอังกฤษในช่วงนี้ไม่ค่อยดีมากนัก ช่วงนี้ฤดูใบไม้ร่วงใกล้หมดฤดูหนาวก็กำลังมาเยือนบางวันก็มีฝนตก บางวันแดดออก โชคดีหน่อยที่วันนี้ไม่มีฝน ก็คนมันไม่ค่อยชอบน้ำฝนอ่ะ >< อากาศดีๆก็ต้องออกมาวาดรูปซิคะ

“วีด๊าดๆๆๆๆ แกๆๆฉันมีข่าวดีมาบอก อ๊ายยย ตื่นเต้นๆ” แอล เพื่อนร่วมคณะที่ฉันสนิทด้วยกำลังเดินมาหาฉันที่กำลังตั้งอกตั้งใจวาดรูปจนต้องละสายตาไปมองเพื่อนที่ตอนนี้กำลังทำน่าตาตื่นเต้นอย่างน่าหมั่นไส้จนฉันอดไม่ได้ที่จะถาม

“ตื่นเต้น? เรื่องอะไรล่ะ” แหมหน้าตาระรื่นเชียวนะเนี่ย

“จะเรื่องอะไรอีกล่ะ ก็คฤหาสน์วิลสันไง” หญิงสาวพูดพร้อมหันมายิ้มกว้าง สวยแล้วค่ะเพื่อนขา -_-!

“คฤหาสน์วิลสัน? แล้วไงล่ะ” ฉันถามออกไปด้วยความงุนงงเมืองเพื่อนเอ่ยถึงคฤหาสน์แห่งหนึ่งในเมืองแลงคาเชอร์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคฤหาสน์ที่สวยงามมากแห่งหนึ่งและตั้งอยู่กลางเขาห่างไกลจากตัวเมืองแลงคาเชอร์ไม่ค่อยมากนัก แอลชอบพูดให้ได้ยินบ่อยๆว่าเป็นคฤหาสน์ที่สวยมากๆ แม้จะยังไม่เคยเห็นคฤหาสน์จริงๆ แถมมีเจ้าของที่หน้าตาดีอีกด้วยนางชอบพูดพร้อมทำหน้าเคลิ้มฝันอีกด้วยนะ

“อ่ะ แกนี่ จะไม่ให้ตื่นเต้นได้ยังไงกันล่ะ ก็ ฉันจะได้เข้าไปในคฤหาสน์นี้นี่น่า” ^_^

“เข้าไปในคฤหาสน์เนี่ยนะ เป็นไปได้ยังไง ในเมื่อแกเคยบอกว่า เจ้าของคฤหาสน์ไม่ค่อยอนุญาติให้คนนอกเข้าไปยังไงละ” ฉันถาม ก็นางบอกเองนี่นาว่าคฤหาสน์หลังนั้นนอกจากจะไม่ค่อยมีคนเข้าออกแล้วยังอยู่กลางหุบเขาลึกใช้ได้เลย สร้างไว้สำหรับฆ่าแล้วซุกศพรึไงหย่ะ -_-

“แต่นี่ คุณหนูแอลนะคะ” นางบอกพร้อมสะบัดผมสวยหนึ่งที มั่นนะแก!

“พูดเป็นเล่น อย่าบอกนะว่าใช้สายของปู่เข้าไปดูคฤหาสน์นั่น แกชอบคฤหาสน์หลังนั้นมากเลยรึไง”

“ใช้เส้นใช้สายอะไรล่ะ ต่อให้มีเป็นร้อยเส้น พันสายก็เข้าไปไม่ได้ เหมือนกันนะ ที่เค้าอนุญาตเนี่ยก็เพราะว่ารุ่นพี่ของฉันที่เรียนโทกำลังวิจัยด้านน้ำ บอกว่า ทางมหาลัยขออนุญาติไปสำรวจน้ำในทะเลสาบหลังเทือกเขาที่อยู่หลังคฤหาสน์เพื่อทำวิจัย ทีนี้ฉันก็เลยหน้าด้านขอไปด้วย แล้วก็แบ่งความหน้าด้านมาให้แกด้วย”

“หมายความว่า…?”ฉันถามอย่างหวั่นๆ เพื่อนคนนี้ชอบเล่นอะไรแผลงๆ

“ก็หมายความว่า เธอก็ต้องไปกับฉันด้วยนะซิ”

“ห๊า ไม่เอาอ่ะ ยังมีสอบอีกตั้งสองตัวต้องอ่านหนังสือ ฉันไม่ไปด้วยหรอก อีกอย่างแกก็ต้องสอบเหมือนกันนะ ยังไงฉันก็ไม่ไปหรอก ไอคฤหาสน์ลึกลับอะไรนั่นนะ” ฉันทำตาโตพร้อมพูดออกไป ก็จริงๆนี่น่า คฤหาสน์อะไรไม่รู้ไปตั้งกลางหุบเขาอย่างนั้น ไม่รู้จะให้ลึกลับกันไปถึงไหนกันนะ

“ก็ไม่เป็นไรหรอกเพราะไม่ได้ไปวันนี้นี่น่า ไม่ใช่พรุ่งนี้ด้วย แต่เป็นสัปดาห์หน้าแหนะ”

“สัปดาห์หน้า? มหาลัยปิด”

“ใช่ มหาลัยปิดพอดี ไปน๊า ไปกับฉันหน่อย นาๆๆนะ”

“แอล ฉันไม่ไปหรอก” อยู่ๆฉันก็รู้สึกไม่อยากไปคฤหาสน์หลังนั้นโดยไม่รู้สาเหตุ

“ทำไมล่ะ”

“ก็ ไม่รู้สิ อาจเป็นเพราะเกรงใจคนที่จะร่วมคณะไปด้วยมั้ง ก็เค้าจะไปทำงานกันนี่ “

“ไม่เห็นเป็นไรเลย รุ่นพี่ฉันบอกว่ามีคนไปร่วมคณะแค่ 5-6คนเองรวมอาจารย์”

“5-6คนเอง? น้อยจังเลยน่ะเลยนะ -_-!”

“ก็น้อยไง”

“ดูปากนัชชานะคะ ฉัน ประ ชด หย่ะ!!” ฉันพูดเน้นทีละคำ เอ่อ....นัชชาอยู่ประเทศไทยไม่ใช่หรอ -_-

“วีด๊าดอ่ะ ขอร้องล่ะ นาๆ ถือว่าไปดูการตกแต่งบ้านไง เผื่อเป็นไอเดียในการออกแบบงาน เราเรียนมัฑณศิลป์นะ อีกอย่างบ้านหลังนั้นก็เป็นแนวโกธิคด้วย สวยจะตายไป”

“แกก็รู้ฉันไม่ชอบบ้านแบบนั้น อีกอย่าง ที่อังกฤษบ้านแนวนี้เยอะจะตาย ปราสาทที่เค้าเปิดให้เที่ยวชมก็มีเยอะแยะ บ้านแกก็ยังเป็นแนวโกธิคเลย” จริงนี่ ะบ้านนางก็สไตล์มืดๆครึ้มๆแนวโกธิคแหละ

“ฉันรู้ไง แต่ฉันก็อยากไปบ้านหลังนั้นไง แกก็รู้บ้านหลังนั้นไม่ค่อยมีคนเข้า ฉันมีโอกาศแล้วฉันก็ต้องไปซิ ถ้าแกไป แกจะได้เห็นความสวยงามแนวโกธิคแล้วละก็แกอาจจะหลงรักก็ได้นะ”

“แอล...”

“วีด๊าด ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยซิ ถ้าไม่ไปฉันจะไม่ยอมช่วยกันรุ่นพี่ที่มาจีบแกให้แล้วนะ”นางใช้ไม้ตาย

“แกขู่ฉัน...”นี่ขนาดฉันส่งสายตาพิฆาตแล้วนะ นางยังยิ้มหวานอยู่นั่นแหละ

“ไม่ได้ขู่ ก็ฉันอยากให้แกไปด้วย ที่นั่นนะ มีสวนดอกไม้ใหญ่มากเลยนะ ไม่ใช้เรื่องง่ายเลยที่จะเจอกับผีเสื้อสวยๆ คนรักผีเสื้ออย่างแกก็น่าจะรู้นะ ผีเสื้อที่อยู่ในธรรมชาติท่ามกลางต้นไม้ ดอกไม้ ที่อุดมสมบูรณ์ย่อมต้องสวยกว่าผีเสื้อที่อยู่ในสวนสาธารณะหลายเท่า แกไม่อยากเห็นหรือว่าถ่ายรูปเก็บไว้หรอ”

แอลพยายามหาทางหว่านล้อมฉันที่อยู่ตรงหน้าอย่างใจเย็น ท่องไว้ในใจ อย่างทำใจร้อน ใจร้อนไม่ได้ นึกว่าฉันเดาไม่ออกซินะ แอลรู้ดีว่าฉันรักและชอบที่จะคุยด้วยกับคนที่ใจเย็น

“จะหว่านล้อมให้ได้ซินะ”
แอลพยักหน้ายิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำถามนี้เพราะนั่นเธอรู้ว่าฉันเริ่มเอนคล้อยตามคำโน้มน้าวของเธอ เป็นเพื่อนกันมาเกือบ4ปี ทำไมจะไม่รู้ละ

“ตกลง..... ไปกับฉันนะ” แอลทำหน้าตากระพริบ น่ารักๆ

“อ้อนขนาดนี้ ไม่ไปก็ใจร้ายเกินไปแล้ว” ฉันพูดออกมาพร้อมคลี่ยิ้มบางๆ

“ขอบคุณน๊า” แอลยิ้มกว้าง คฉันได้แต่สายหน้ากับความแก่นของเพื่อน

“ไปกินข้าวได้ยัง หิว!”

“โอเค เดี๋ยวเลี้ยงเอง” ทำหน้าใจดีหมั่นไส้จริง

“จะให้เลี้ยงซะหนำใจเลย ฮึฮึ”

“เห้ย อย่าทำหน้างี้ดิ สยองน่ะเนี่ย จะปล้นฉันรึไง”

หญิงสาวพูดก่อนจะกอดคอฉันเดินไปยังร้านอาหาร


อากาศหนาวในยามเช้าทำให้ฉันต้องห่อเสื้อกันหนาวให้กระชับตัวเมื่อร่างกายต้องปะทะกับความหนาวรอบๆหุบเขา ตอนนี้ฉันลงจากรถแล้วหลังจากที่เผลอหลับไป (ให้ได้อย่างนี้ซิ -_-! ) พร้อมกับคณะวิจัยของทางมหาลัยและเพื่อนตัวแสบที่โน้มน้าวให้ฉันมาจนได้ ข้างหน้าปรากฎเป็นคฤหาสน์ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่าน ข้างหน้าเป็นสนามหญ้าขนาดกว้างมีพุ่มหญ้าที่ถูกตกแต่งปลูกอยู่เป็นแถวยาว รูปทรงต่างๆ แลดูสะอาดสะอ้าน มีดอกไม้ที่ถูกปลูกเป็นหย่อมๆเพื่อประดับประดา แต่ก็มีใบไมร่วงบ้างแต่เห็นได้ชัดว่ามีคนมากวาดใบไม้ร่วงไปแล้ว ใกล้เข้าฤดูหนาวแล้วซินะ ฉันคิด พร้อมกับหันหลังไปมองทางที่รถกเข้า ก็เห็นเป็นต้นดอกแคนารีเรียงเป็นทิวแถว ถ้าฤดูใบไม้ผลิคงจะสวยกว่านี้ ฉันมองปราสาทตรงหน้าอีกครั้ง สูงราวๆ7-8ชั้น ชั้นนึงก็คงไม่ต่ำกว่า600เมตร จะสูงไปไหน มองดูแล้วช่างลึกลับ มองไปแล้วรู้สึกหนาวยะเยือกจับขั้วหัวใจ คฤหาสน์หลังใหญ่แต่กลับได้รับไอแห่งความเหงา ราวกับมีมนต์ดำปกคลุมไม่ให้คนที่อยู่ในนั้นมีความสุข แต่ฉันก็ต้องชะงักกับความคิดไว้แค่นั่น เมื่อเห็นคนร่วมขบวนเดินไปยังประตูคฤหาสน์พร้อมเพื่อนของเธอที่ตอนนี้ยิ้มไม่หุบฉันได้แต่ส่ยหน้าขำๆ


“แอล” ฉันเรียกเพื่อน

“ว่าไง”


“แล้วจะไปไหนกันต่อ”

“เห็นว่า คุณผู้หญิงของปราสาทเรียกพวกเราให้ไปพบน่ะ”

“คุณผู้หญิง?”

“ก็เห็นเค้าเรียกกันอย่างนี้ แต่ก็ไปเถอะ” แอลลากฉันไป



ตอนนี้ ฉันยืนอยู่หน้าประตูเงยหน้าขึ้นไปมองคฤหาสน์ตรงหน้า รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาตะหงิดๆ ยิ่งเข้าใกล้ก็เหมือนมีความหดหู่ เอ๊ะ ? รึฉันมีเซ็น บ้าไปแล้ววีด๊าด ฉันสะบัดหัวก่อนจะมองไปยังประตูตรงหน้า ประตูสูงราวเกือบ200เมตรเป็นประตูเหล็กสีออกเก่าๆเหมือนเหล็กขึ้นสนิมแต่ทว่าไม่มีสนิมขึ้นมาเลย (ก็บอกแล้วว่าแค่สี =ไรต์) ไม่กว้างมากนัก บ้านใหญ่ประตูแคบเนี่ยนะ ฉันมองไปข้างๆก็เห็นหน้าต่างเรียงยาวออกไปก่อนที่จะสุดที่สิ่งก่อสร้างสูงทรงกระบอกคล้ายป้อมปราการแต่ก็เล็กกว่าป้อมปราการนั่นแหละ ฉันหยุดอาการสำรวจไว้แค่นั้นจะเดินตามคณะเข้าไป เข้าไปข้างในข้างซ้ายก็ปรากฏห้องรับแขกขนาดกว้าง กว้างมาก ฉันกวาดสายตาไปรอบๆบ้าน มองดูกวามอลังการ ตรงไปข้างหน้าฉันเป็นบันไดไม้สีน้ำตาลเข้มขับเงาวับมีตวามกว้างไม่ค่อยมากนัก ปูด้วยพรมสีเขียวเข้ม มองไปทางขวาก็ปรากฏเป็นทางเดินระหว่างทางก็น่าจะมีห้องอยู่เรียงรายฉันเห็นไม่ค่อยชัดนัก เพราะเป็นมุมสลัว ยอมรับว่าไม่ชอบบ้านแนวนี้ แต่ก็ต้องยอมรับอีกว่า เฟอร์นิเจอร์ในบ้านหลังนี้ล้วนแต่เป็นของดีทั้งนั่น คนบ้านนี้ทำงานสร้างเงินกันรึไงเนี่ย ฉันคิดขำๆก่อนตาจะสะดุดกับร่างบางร่างหนึ่ง แม้จะมุมสลัวก็ก็เห็นได้ชัดว่า ร่างที่อยู่บนรถนั่นเป็นเด็ก อายุก็ราว10-12 ปี น่าตาดุจิ้มลิ้มน่ารัก ผมดำขลับสลวยที่น่าจะยาวปราณเอว รับกับใบหน้าหวาน ดูแล้วชวนทำให้นึกถึงเด็กสาวชาวเอเชีย สวมชุดเสื้อพร้อมกระโปรงสีเขียวหรือสีฟ้าฉันมองไม่ชัด ข้างๆก็มีหญิงสาวยืนอยู่อายุราว29-30 ปี น่าจะเป็นคนดูแลเด็กหญิง ฉันกลับมาสังเกตเด็กผู้หญิงบนรถเข็นอีกครั้ง ดวงตาที่มองมา มีแววว่าเป็นคนที่สดใสแต่ก็แลดูเศร้าหมอง ฉันส่งยิ้มบางๆ จากนั้นก็เห็นเธอไปดูกับผู้หญิงที่ยืนอยู่ก่อนที่รถเข็นจะตัวหันหลังไป และถูกความมืดปกคลุมไป ฉันจึงได้สติ กลับมองยังห้องรับแขกก็ปรากฏว่า คนอื่นๆกำลังลุกเพื่อออกจากห้อง ฉันจึงเดินไปหาแอล


“เดี่ยวเราจะไปหลังบ้านกันนะ ไปหลังเทือกเขาน่าจะถูก” แอลทำหน้าเซ็งๆ พูดไปเดินไป

“แล้วทำไมต้องทำหน้างั้นด้วยละ” ฉันถามพร้อมขวดคิ้ว

“ก็ฉันอยากจะเดินดูบ้านนี่น่าแกก็รู้ว่าฉันชอบบ้านสไตล์นี้ น่าเสียดายเฮ้อ” เธอพูดพร้อมถอนหายใจ ฉันได้แต่ตบบ่าเธอปลอบใจเบาๆ

“แกก็น่าจะรู้นี่น่า ว่าเค้ามาทำงาน ไม่ได้มาเที่ยวพิพิธภัณฑ์”

“ก็จริงของแก อ๊ากกกก ฉันอยากเข้าไปดู”ดูนางทำท่าซิ ถ้ายกมือตีอกตัวเองนี่ มันใช่เลยอะ กอริลลา

“ไปเถอะ ดูหุบเขาแทนละกัน” ฉันตอบยิ้มๆ ว่าแล้วเพื่อนแสนสวย(กว่าฉันนิดเดียวเอง)ก็สะบัดผมลอนสวยของเธอไป

ฉันชื่อวีด๊าดค่ะ เป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมืองแลงคาสเชอร์แห่งเกาะอังกฤษ หน้าตาเป็นไงนะหรอ ไม่ต้องบอกหรอก รู้แค่ว่าสวยพอ >////< (ฉันสวยกว่าหย่ะ=ไรต์) เรียนมัทณศิลป์ รู้แค่นี้พอมั้ง อ่อๆๆ ฉันนับถือศาสนาอิสลามค่ะ เชื้อสายมาลายู เป็นคนไทย สาวไทยสวยทุกคน ก๊ากกก ฉันได้ทุนมาเรียนที่นี่ด้วยเกรดเฉลี่ยที่ไม่ค่อยน่าพูดถึงซักเท่าไหร่ ที่มาได้ก็เพราะการพูดจาตอนสัมภาษณ์ล้วนๆ นิสัยฉันน่ะหรอ อืมม ไว้ให้ไรต์ประจาน เอ้ย เขียนละกันนะ (เขียนดีๆละไรต์) ส่วนที่เดินหงอยๆนั่นนะ เพื่อนฉัน แอล เธอเป็นคริสเตียนเป็นชาวอังกฤษนี่แหละบ้านอยู่ลอนดอนแต่กลับมาเรียนที่แลงคาเชอร์ ถ้าเป็นฉันนะเลือกได้เรียนลอนดอนไปแล้ว มันเลือกไม่ได้นี่ แต่เราก็เป็นเพื่อนกันได้ไม่มีปัญหา จะมีปัญหาก็ตรงที่ชวนฉันมาคฤหาสน์น่ากลัวแห่งนี้แหละ อ๊ากกก จริงๆจะว่าไป ฉันไม่อยากมาจริงๆน่ะคฤหาสน์นี่นะ เฮ้อ แต่เอาเถอะมาก็มาแล้ว ฉันถอนหายใจเบาๆก่อนเดินไปหาแอลเพื่อตามคณะที่มาทำวิจัยไปหลังเทือกเขา




kongjusarang
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ม.ค. 2559, 12:21:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ม.ค. 2559, 20:27:03 น.

จำนวนการเข้าชม : 919





   คฤหาสน์รัก 2 >>
ร้อยวจี 19 ม.ค. 2559, 14:07:46 น.
น่าสนใจค่ะ


kongjusarang 19 ม.ค. 2559, 17:24:20 น.
ขอบคุณค่ะ ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account