มาตามี
ซวย T T เขาบอกว่าตอนเบญจเพสระวังดวงซวย
มันคือเรื่องจริง แถมเจอคนบ้าอำนาจอย่างเฟรากัส
โอ๊ยปวดกบาล
มันคือเรื่องจริง แถมเจอคนบ้าอำนาจอย่างเฟรากัส
โอ๊ยปวดกบาล
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: พลัง
ตัวข้าคือดวงจิตแน่ใจตามจับข้าให้ทันสิ
.......................................................................................................................................................
หลังจากแอบคิดแอบตัดสินใจเงียบๆคนเจ้าวางแผนจึงยอมตอบออกมาในที่สุด
"ค่ะ ฉันจะช่วย"
"ขอบใจสาวน้อย" รอยยิ้มหวานละมุนเป็นการตอบรับก่อนชายหนุ่มจะหันกายก้าวออกไปจากกระโจม
"ท่านรู้ตัวรึไหมว่าหวิดหัวขาดเพียงไร" หลังชายหนุ่มหายไปไม่นาน พี่เลี้ยงสาวจึงเริ่มเปิดฉากอบรม
"ท่านเฟรากัส ท่านเมตารัสเป็นชนชั้นปกครอง กิริยาของท่านดูไม่งามเลยนะเจ้าค่ะ"
พี่เลี้ยงสาวดุด้วยน้ำเสียงไม่ดังนัก
"ฉันขอโทษค่ะคุณน้า" แววตาออดอ้อนพร้อมรอยยิ้มทำให้แก้มยุ้ยยิ่งดูน่าเอ็นดู
“ข้าไม่ได้ชื่อคะน้าเจ้าค่ะ ข้าชื่อลาคา เรียกข้าว่าลาคาเถิดเจ้าค่ะ”
(หนูไม่ได้เรียกคุณน้าเป็นผักนะ คุณน้าเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว กรรมจริงๆ)
“ค่ะ ลาคา”
เพียงแค่นางยิ้มกลับทำให้ดวงหน้าใสๆของนางดูน่าเอ็นดูนัก
พี่เลี้ยงรำพันภายในใจด้วยความแปลกใจก่อนดุซ้ำอีกครา
"ห้ามไร้มารยาทอีกนะเจ้าค่ะ อ่อนน้อม อ่อนหวานต่อท่านทั้งสองด้วยนะเจ้าค่ะ"
"ท่านทั้งสองเป็นเจ้าของทุกชีวิตบนมาตามี บลาๆๆๆๆๆๆๆ"
เสียงอบรมสั่งสอนยังคงตามมาอีกพักใหญ่
………………………………………………………………………………………………………………
คำสอนของลาคามีผลในวันรุ่งขึ้นอย่างเห็นทันตา
จากคำพูดคำจาที่คนร่างอวบทักทายสองหนุ่มผู้ทรงอำนาจ
มาจากมารยาทที่ถูกเคี่ยวกล้ำมาตั้งแต่เมื่อคืนวาน
"จา ท่าทางแปลกนักเจ้า"
หนุ่มตาหวานผิดสังเกตเมื่อเห็นรอยยิ้มแปลกประหลาดของคนร่างอวบ
"เพคะ"หญิงสาวกล่าวเสียงหวานทำให้ดวงตาสีอำพันดุมองนิ่งๆ
“เพค่ะ รึเจ้า " แววตาขบขันจากคนตาหวานด้วยเริ่มรับรู้ถึงบางสิ่ง
(ถูกลาคาอบรมเป็นแน้แท้)
"ตามสบายเถอะน้องหญิง” เลยเริ่มเล่นด้วยซะอย่างงั้น
(ฮะ น้องหญิง ชักเริ่มคุ้นๆ มันเป็นภาษาบนโลกของเรา)
"ไม่ได้เพคะเป็นการมิบังควร” พยายามพูดเลียนหนังจักรๆวงศ์ๆที่เคยดูจากทางโทรทัศน์
(เมื่อลาคาอยากให้หวานต้องหวานให้สุดๆ)
"ต้องให้รางวัลลาคา หวานให้สุดๆ ฮึฮึ" เฟรากัสรัสยิ้มเยาะแอบอ่านใจอย่างไร้มารยาท
(เกลียดยิ้มแบบนี้ เอ๊ะ!!!)
“นายรู้ได้ไงว่าฉันคิดอะไร อย่าบอกนะว่าอ่านใจกันได้อ่ะ”
“อืม ข้าจักไม่บอก”
คนตาดุเริ่มยิ้มขำเล็กๆ เพราะท่าทางของหญิงสาวแววตาตกตะลึงช่างน่าขันนัก
“!!!”
(เวร!!! พวกเขารู้หมดแล้วสิ ว่าฉันคิดอะไรบ้าง)
รอยยิ้มราวยอมรับจากสองหนุ่มตรงหน้าทำให้คนถูกแอบอ่านความคิดแก้มเริ่มร้อนชู่ก็แหมแต่ล่ะความคิดธรรมดาที่ไหนกัน
ทั้ง จะลากเขากลับบ้านหนึ่งกระทง
แอบด่าเขาในใจอีกหนึ่งกระทง
คิดจะหนีอีกหนึ่งกระทง
ตายแน่ๆงานนี้
“ข้าไม่ถือสาหรอกเจ้า ใช่รึไม่ไฟ”
“ฮึฮึฮึ”
(เพียงแค่ตาคนโหดหัวเราะทำไมทำฉันขนลุกได้แปลกๆนะ !!! แย่ล่ะ แอบเผลอคิดอีกแล้ว)
“เด็กปากกล้าเช่นเจ้า มันน่าจับตบให้เลือดกลบปากนัก”
“มาดิ คิดว่ากลัวเหรอ”
หญิงสาวเริ่มกรุ่นพลางพ่นวาจาสาปส่งและจ้องตาท้าทายอย่างไม่ยำเกรง
และนั่นทำให้แววตาของชายหนุ่มแข็งกร้าวขึ้นราวกับถ่านแดงร้อนบนเตาไฟ!!!
ด้วยไม่เคยมีใครกล้าปากกล้าเช่นนาง ยิ่งเป็นผู้อาวุโสเช่นตนแล้วยิ่งไม่มีใครกล้าวอนตาย
“ท่านจา ไม่งามเจ้าค่ะ” หญิงสาวโดนเอ็ดเบาๆจากพี่เลี้ยงสาว
"ทานข้าวเถิดเจ้า" คนหน้าหวานพยายามคลี่คลายสถานการณ์ของชายสูงศักดิ์และหญิงร่างอวบ
(เด็กบ้า)
(คนเลว)
ทั้งคู่ประสานตาห่ำหั่นกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ตาต่อตา ฟันต่อฟัน !!!
ความคิดของทั้งสองคนแม้คนละภาษาแต่เป็นไปในแนวทางต่อว่าต่อขานกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
“น้องหญิง วันพรุ่งเจ้าต้องเข้าพิธีอวาหะกับเฟรากัส" ชายหนุ่มคนกลางพยายามคลี่คลายปัญหา
หญิงสาวยอมพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ ต้องยอมไปก่อน ไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้กับเขา
(เอ๊ะ!!! น้องหญิง)
“เอ่อ ท่านเมตารัส น้องหญิงเป็นภาษาของที่นี่เหรอค่ะ”
"เรียกข้าเมฆเถิดเจ้า"
“ไม่ใช่หรอกเจ้า เป็นภาษาจากโลกของเจ้า ข้าเห็นเจ้าอยากเล่น ข้าเลยอยากเล่นด้วยอย่างไรเล่า”
(สเปกเลยอ่ะ ขี้เล่น น่ารัก คนอะไรน่าลากกลับบ้านเป็นสุด !!! เผลอคิดอีกแล้ว)
“ไปสิ ข้าจักไปกับเจ้า” แก้มบวมถูกดึงเย้า สัมผัสเคยคุ้นทำให้หญิงสาวเริ่มเบียดตัวเข้าหาชายหนุ่ม อุ่นจังๆ ชอบจังความรู้สึกนี้ อุ่นมากๆเลย
“กระโจมข้าไม่พอให้ท่านนอนดอกเมฆ ไม่ไปหาแม่หญิงของเจ้าเถิด นางคงคอยเจ้าอยู่ที่กระโจมแล้วเป็นแน่แท้” แขนบางถูกดึงรั้งไปยืนเคียงข้างกายคนดุ
สายตาที่ส่งให้กันทำให้ต้องรีบแยกออกมาให้ไว้ที่สุด แม้อดีตไม่อาจก่อร่างสร้างตัวเป็นความรักเพราะเวลาที่อยู่ด้วยกันมันสั้นไปแต่ความผูกพันยังคงมีอยู่ทำให้ไม่สบอารมณ์นักเวลาเห็นเจ้าร่างอวบไปสนใจศัตรู ใช่ศัตรู มันเป็นศัตรู ถึงจะต้องทำงานร่วมกันด้วยความจำเป็น แต่ศัตรูย่อมเป็นศัตรู ข้าจักไม่ยอมให้เจ้ากลับไปหามันเป็นแน่
(ทำอะไรไว้ข้าหน้าข้าบ้างเมฆ อย่าหาว่าข้าไม่เตือน)
(ข้ามีสิทธิ์ หรือท่านจะเถียง)
สายตาสองหนุ่มมองจ้องกันไม่มีหลบ คนหนึ่งเต็มไปด้วยแววยิ้มส่วนอีกคนเย็นยะเยียบลงเรื่อยๆ
“เอ่อ ท่านทั้งสอง” สายตาสองหนุ่มเบนเป้ามายังหญิงสาว
“ขอถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหม ฉันจะปิดความคิดของฉันไม่ให้พวกคุณได้ยินได้บ้างรึเปล่า คือฉันอาย การที่ให้คนอื่นเห็นความคิดมันน่าอายสุดๆเลยนะ”
“เจ้าจงหลับตาลงแล้วว่าตามข้า” ชายหนุ่มหน้าหวานเปิดยิ้มเอ็นดูก่อนเริ่มสอนถ้อยคำศักดิ์สิทธิ์
“ข้าขออธิษฐานด้วยจิตบริสุทธิ์ ความคิดของข้าจักไม่เปิดเผยต่อผู้ใด”
“ข้าขออธิษฐานด้วยจิตบริสุทธิ์ ความคิดของข้าจักไม่เปิดเผยต่อผู้ใด”
หญิงสาวกล่าวตามชายหนุ่มหน้าหวาน
(เสียงของเจ้าเหมือนเดิมเลยนะหมอก)
“แค่นี้เหรอ”
“ใช่” ชายหนุ่มยิ้มรับก่อนอธิบายต่อ
“มาตามีทุกสิ่งอยู่ที่จิตใจ หากพลังเจ้าเข้มแข็งมากพอ มาตามีจักตอบรับคำขอของเจ้าไม่ว่าจะเป็นคำสาปแช่งหรือคำอธิษฐาน เมื่อครู่ยามเจ้าอธิษฐานพลังเจ้าไม่มากพอ ไฟแย่งหน้าที่ข้าเพิ่มพลังให้คำอธิษฐานของเจ้าแทนข้าไปเสียแล้ว”
คนถูกพาดพิงมองเฉย ราวไม่ได้ช่วยอะไรเสียอย่างงั้น
“ขอบคุณค่ะ” การกระทำของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวยอมลงให้ก้าวหนึ่ง
“กองไว้ตรงนั้นเถอะ เด็กปากดี” แต่ดูท่าอีกฝ่ายจะไม่ย่อมสงบศึกเอาเสียเลย
“พวกคุณดีจังนะ มีพลัง อยากขออะไรก็คงได้เลยสินะ”
“เจ้าคิดว่าพลังจักได้มาง่ายงั้นรึ ผิดแล้วแหละเจ้า มันมาจากการฝึกฝน”
“พลังมาจาก” ชายหนุ่มหลับตานิ่งไปพักหนึ่งก่อนเริ่มอธิบายต่อด้วยภาษาในโลกของหญิงสาว
“พลังมาจากการฝึกจิต ในโลกของเจ้าเรียกพลังของฝั่งเราว่าสมาธิ หากเจ้ามีสมาธิและสามารถควบคุมจิตของเจ้าให้เชื่อฟังได้ เจ้าจักมีพลัง”
“โห ท่านเก่งจัง แปลว่าตอนนี้ท่านสามารถคุมจิตของท่านได้” ชายหนุ่มหน้าหวานยิ้มรับ
“ไม่เล่าต่อเล่าท่านว่ากว่าจักได้มาท่านจักต้องแลกมันด้วยอะไร ด้วยเลือดเนื้อและน้ำตาของผู้ใด”
“เฟรากัส!!!” ชายหนุ่มหน้าหวานตวาดขึ้นเสียงกร้าว
“อะไรรึ เมตารัส” แววตาสบประสานกันอีกครั้งแต่ครานี้ แววหนึ่งพร้อมประทุและอีกแววหนึ่งดูสนุกสนานยิ่ง
สงครามสายตาหยุดลงเมื่อชายหนุ่มหน้าหวานเดินหันกายเดินหนีออกนอกกระโจม
“ลาคา”
“เจ้าค่ะ” เสียงตอบรับของพี่เลี้ยงสาวที่อยู่ข้างกายหญิงสาวดังขึ้น
“วันพรุ่งแต่งตัววสาของข้าให้งามๆ ถึงจะยากแต่พยายามหน่อยนะลาคา”
(หนอย มันว่าตูไม่สวย เออรู้ตัวหรอกแต่พูดงี้มีสวยแน่ๆ)
“ลาคา ไม่ต้องพยายามเพราะพรุ่งนี้ฉันจะใส่ชุดเดิมของฉัน”
(จะเอาให้อายทั้งงานเลยคอยดูสิ)
“ตามใจเจ้า”
(เด็กพยศอย่างเจ้า ข้าจักดัดสันดานให้ดู)
………………………………………………………………………………………
“เมฆ โมโหผู้ใดมารึเจ้าค่ะ ให้จันทร์เจ้านวดให้ไหมเจ้าค่ะ ท่านจักได้สบาย” หญิงสาวคนงามเริ่มเบียดชิดพะเน้าพะนอ ถึงจะมาอยู่ตำแหน่งคนโปรดได้ไม่นานแต่ท่านเมฆเอ็นดูนางนัก ทำให้นางสุขใจยิ่ง
“จันทร์เจ้า เก็บของของเจ้าแล้วออกจากไปจากกระโจมข้า”
“อะไรกันเจ้าค่ะ จันทร์เจ้าทำสิ่งใดไม่ถูกใจท่านรึเจ้าค่ะ”
“ข้าจักไม่พูดซ้ำสอง หรืออยากให้ข้าซ้อมเจ้าก่อนลากออกไปนอกกระโจมก็ลองดู”
“ท่านเมฆ!!!” อะไรกันนางทำอะไรผิดหรือ ท่านไม่เคยเย็นชาใส่จันทร์เจ้าเช่นนี้ มันเกิดอะไรขึ้น!!!
“นับแต่นี้ต่อไปเรียกข้า เมตารัส”
“ท่าน”
“ไป!!!”
.........................................................................................................................................
ศ หน้าเราไม่เจอกันและนะ เอามาลงวันนี้แล้วจ๊า
รักคนอ่าน
.......................................................................................................................................................
หลังจากแอบคิดแอบตัดสินใจเงียบๆคนเจ้าวางแผนจึงยอมตอบออกมาในที่สุด
"ค่ะ ฉันจะช่วย"
"ขอบใจสาวน้อย" รอยยิ้มหวานละมุนเป็นการตอบรับก่อนชายหนุ่มจะหันกายก้าวออกไปจากกระโจม
"ท่านรู้ตัวรึไหมว่าหวิดหัวขาดเพียงไร" หลังชายหนุ่มหายไปไม่นาน พี่เลี้ยงสาวจึงเริ่มเปิดฉากอบรม
"ท่านเฟรากัส ท่านเมตารัสเป็นชนชั้นปกครอง กิริยาของท่านดูไม่งามเลยนะเจ้าค่ะ"
พี่เลี้ยงสาวดุด้วยน้ำเสียงไม่ดังนัก
"ฉันขอโทษค่ะคุณน้า" แววตาออดอ้อนพร้อมรอยยิ้มทำให้แก้มยุ้ยยิ่งดูน่าเอ็นดู
“ข้าไม่ได้ชื่อคะน้าเจ้าค่ะ ข้าชื่อลาคา เรียกข้าว่าลาคาเถิดเจ้าค่ะ”
(หนูไม่ได้เรียกคุณน้าเป็นผักนะ คุณน้าเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว กรรมจริงๆ)
“ค่ะ ลาคา”
เพียงแค่นางยิ้มกลับทำให้ดวงหน้าใสๆของนางดูน่าเอ็นดูนัก
พี่เลี้ยงรำพันภายในใจด้วยความแปลกใจก่อนดุซ้ำอีกครา
"ห้ามไร้มารยาทอีกนะเจ้าค่ะ อ่อนน้อม อ่อนหวานต่อท่านทั้งสองด้วยนะเจ้าค่ะ"
"ท่านทั้งสองเป็นเจ้าของทุกชีวิตบนมาตามี บลาๆๆๆๆๆๆๆ"
เสียงอบรมสั่งสอนยังคงตามมาอีกพักใหญ่
………………………………………………………………………………………………………………
คำสอนของลาคามีผลในวันรุ่งขึ้นอย่างเห็นทันตา
จากคำพูดคำจาที่คนร่างอวบทักทายสองหนุ่มผู้ทรงอำนาจ
มาจากมารยาทที่ถูกเคี่ยวกล้ำมาตั้งแต่เมื่อคืนวาน
"จา ท่าทางแปลกนักเจ้า"
หนุ่มตาหวานผิดสังเกตเมื่อเห็นรอยยิ้มแปลกประหลาดของคนร่างอวบ
"เพคะ"หญิงสาวกล่าวเสียงหวานทำให้ดวงตาสีอำพันดุมองนิ่งๆ
“เพค่ะ รึเจ้า " แววตาขบขันจากคนตาหวานด้วยเริ่มรับรู้ถึงบางสิ่ง
(ถูกลาคาอบรมเป็นแน้แท้)
"ตามสบายเถอะน้องหญิง” เลยเริ่มเล่นด้วยซะอย่างงั้น
(ฮะ น้องหญิง ชักเริ่มคุ้นๆ มันเป็นภาษาบนโลกของเรา)
"ไม่ได้เพคะเป็นการมิบังควร” พยายามพูดเลียนหนังจักรๆวงศ์ๆที่เคยดูจากทางโทรทัศน์
(เมื่อลาคาอยากให้หวานต้องหวานให้สุดๆ)
"ต้องให้รางวัลลาคา หวานให้สุดๆ ฮึฮึ" เฟรากัสรัสยิ้มเยาะแอบอ่านใจอย่างไร้มารยาท
(เกลียดยิ้มแบบนี้ เอ๊ะ!!!)
“นายรู้ได้ไงว่าฉันคิดอะไร อย่าบอกนะว่าอ่านใจกันได้อ่ะ”
“อืม ข้าจักไม่บอก”
คนตาดุเริ่มยิ้มขำเล็กๆ เพราะท่าทางของหญิงสาวแววตาตกตะลึงช่างน่าขันนัก
“!!!”
(เวร!!! พวกเขารู้หมดแล้วสิ ว่าฉันคิดอะไรบ้าง)
รอยยิ้มราวยอมรับจากสองหนุ่มตรงหน้าทำให้คนถูกแอบอ่านความคิดแก้มเริ่มร้อนชู่ก็แหมแต่ล่ะความคิดธรรมดาที่ไหนกัน
ทั้ง จะลากเขากลับบ้านหนึ่งกระทง
แอบด่าเขาในใจอีกหนึ่งกระทง
คิดจะหนีอีกหนึ่งกระทง
ตายแน่ๆงานนี้
“ข้าไม่ถือสาหรอกเจ้า ใช่รึไม่ไฟ”
“ฮึฮึฮึ”
(เพียงแค่ตาคนโหดหัวเราะทำไมทำฉันขนลุกได้แปลกๆนะ !!! แย่ล่ะ แอบเผลอคิดอีกแล้ว)
“เด็กปากกล้าเช่นเจ้า มันน่าจับตบให้เลือดกลบปากนัก”
“มาดิ คิดว่ากลัวเหรอ”
หญิงสาวเริ่มกรุ่นพลางพ่นวาจาสาปส่งและจ้องตาท้าทายอย่างไม่ยำเกรง
และนั่นทำให้แววตาของชายหนุ่มแข็งกร้าวขึ้นราวกับถ่านแดงร้อนบนเตาไฟ!!!
ด้วยไม่เคยมีใครกล้าปากกล้าเช่นนาง ยิ่งเป็นผู้อาวุโสเช่นตนแล้วยิ่งไม่มีใครกล้าวอนตาย
“ท่านจา ไม่งามเจ้าค่ะ” หญิงสาวโดนเอ็ดเบาๆจากพี่เลี้ยงสาว
"ทานข้าวเถิดเจ้า" คนหน้าหวานพยายามคลี่คลายสถานการณ์ของชายสูงศักดิ์และหญิงร่างอวบ
(เด็กบ้า)
(คนเลว)
ทั้งคู่ประสานตาห่ำหั่นกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ตาต่อตา ฟันต่อฟัน !!!
ความคิดของทั้งสองคนแม้คนละภาษาแต่เป็นไปในแนวทางต่อว่าต่อขานกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
“น้องหญิง วันพรุ่งเจ้าต้องเข้าพิธีอวาหะกับเฟรากัส" ชายหนุ่มคนกลางพยายามคลี่คลายปัญหา
หญิงสาวยอมพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ ต้องยอมไปก่อน ไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้กับเขา
(เอ๊ะ!!! น้องหญิง)
“เอ่อ ท่านเมตารัส น้องหญิงเป็นภาษาของที่นี่เหรอค่ะ”
"เรียกข้าเมฆเถิดเจ้า"
“ไม่ใช่หรอกเจ้า เป็นภาษาจากโลกของเจ้า ข้าเห็นเจ้าอยากเล่น ข้าเลยอยากเล่นด้วยอย่างไรเล่า”
(สเปกเลยอ่ะ ขี้เล่น น่ารัก คนอะไรน่าลากกลับบ้านเป็นสุด !!! เผลอคิดอีกแล้ว)
“ไปสิ ข้าจักไปกับเจ้า” แก้มบวมถูกดึงเย้า สัมผัสเคยคุ้นทำให้หญิงสาวเริ่มเบียดตัวเข้าหาชายหนุ่ม อุ่นจังๆ ชอบจังความรู้สึกนี้ อุ่นมากๆเลย
“กระโจมข้าไม่พอให้ท่านนอนดอกเมฆ ไม่ไปหาแม่หญิงของเจ้าเถิด นางคงคอยเจ้าอยู่ที่กระโจมแล้วเป็นแน่แท้” แขนบางถูกดึงรั้งไปยืนเคียงข้างกายคนดุ
สายตาที่ส่งให้กันทำให้ต้องรีบแยกออกมาให้ไว้ที่สุด แม้อดีตไม่อาจก่อร่างสร้างตัวเป็นความรักเพราะเวลาที่อยู่ด้วยกันมันสั้นไปแต่ความผูกพันยังคงมีอยู่ทำให้ไม่สบอารมณ์นักเวลาเห็นเจ้าร่างอวบไปสนใจศัตรู ใช่ศัตรู มันเป็นศัตรู ถึงจะต้องทำงานร่วมกันด้วยความจำเป็น แต่ศัตรูย่อมเป็นศัตรู ข้าจักไม่ยอมให้เจ้ากลับไปหามันเป็นแน่
(ทำอะไรไว้ข้าหน้าข้าบ้างเมฆ อย่าหาว่าข้าไม่เตือน)
(ข้ามีสิทธิ์ หรือท่านจะเถียง)
สายตาสองหนุ่มมองจ้องกันไม่มีหลบ คนหนึ่งเต็มไปด้วยแววยิ้มส่วนอีกคนเย็นยะเยียบลงเรื่อยๆ
“เอ่อ ท่านทั้งสอง” สายตาสองหนุ่มเบนเป้ามายังหญิงสาว
“ขอถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหม ฉันจะปิดความคิดของฉันไม่ให้พวกคุณได้ยินได้บ้างรึเปล่า คือฉันอาย การที่ให้คนอื่นเห็นความคิดมันน่าอายสุดๆเลยนะ”
“เจ้าจงหลับตาลงแล้วว่าตามข้า” ชายหนุ่มหน้าหวานเปิดยิ้มเอ็นดูก่อนเริ่มสอนถ้อยคำศักดิ์สิทธิ์
“ข้าขออธิษฐานด้วยจิตบริสุทธิ์ ความคิดของข้าจักไม่เปิดเผยต่อผู้ใด”
“ข้าขออธิษฐานด้วยจิตบริสุทธิ์ ความคิดของข้าจักไม่เปิดเผยต่อผู้ใด”
หญิงสาวกล่าวตามชายหนุ่มหน้าหวาน
(เสียงของเจ้าเหมือนเดิมเลยนะหมอก)
“แค่นี้เหรอ”
“ใช่” ชายหนุ่มยิ้มรับก่อนอธิบายต่อ
“มาตามีทุกสิ่งอยู่ที่จิตใจ หากพลังเจ้าเข้มแข็งมากพอ มาตามีจักตอบรับคำขอของเจ้าไม่ว่าจะเป็นคำสาปแช่งหรือคำอธิษฐาน เมื่อครู่ยามเจ้าอธิษฐานพลังเจ้าไม่มากพอ ไฟแย่งหน้าที่ข้าเพิ่มพลังให้คำอธิษฐานของเจ้าแทนข้าไปเสียแล้ว”
คนถูกพาดพิงมองเฉย ราวไม่ได้ช่วยอะไรเสียอย่างงั้น
“ขอบคุณค่ะ” การกระทำของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวยอมลงให้ก้าวหนึ่ง
“กองไว้ตรงนั้นเถอะ เด็กปากดี” แต่ดูท่าอีกฝ่ายจะไม่ย่อมสงบศึกเอาเสียเลย
“พวกคุณดีจังนะ มีพลัง อยากขออะไรก็คงได้เลยสินะ”
“เจ้าคิดว่าพลังจักได้มาง่ายงั้นรึ ผิดแล้วแหละเจ้า มันมาจากการฝึกฝน”
“พลังมาจาก” ชายหนุ่มหลับตานิ่งไปพักหนึ่งก่อนเริ่มอธิบายต่อด้วยภาษาในโลกของหญิงสาว
“พลังมาจากการฝึกจิต ในโลกของเจ้าเรียกพลังของฝั่งเราว่าสมาธิ หากเจ้ามีสมาธิและสามารถควบคุมจิตของเจ้าให้เชื่อฟังได้ เจ้าจักมีพลัง”
“โห ท่านเก่งจัง แปลว่าตอนนี้ท่านสามารถคุมจิตของท่านได้” ชายหนุ่มหน้าหวานยิ้มรับ
“ไม่เล่าต่อเล่าท่านว่ากว่าจักได้มาท่านจักต้องแลกมันด้วยอะไร ด้วยเลือดเนื้อและน้ำตาของผู้ใด”
“เฟรากัส!!!” ชายหนุ่มหน้าหวานตวาดขึ้นเสียงกร้าว
“อะไรรึ เมตารัส” แววตาสบประสานกันอีกครั้งแต่ครานี้ แววหนึ่งพร้อมประทุและอีกแววหนึ่งดูสนุกสนานยิ่ง
สงครามสายตาหยุดลงเมื่อชายหนุ่มหน้าหวานเดินหันกายเดินหนีออกนอกกระโจม
“ลาคา”
“เจ้าค่ะ” เสียงตอบรับของพี่เลี้ยงสาวที่อยู่ข้างกายหญิงสาวดังขึ้น
“วันพรุ่งแต่งตัววสาของข้าให้งามๆ ถึงจะยากแต่พยายามหน่อยนะลาคา”
(หนอย มันว่าตูไม่สวย เออรู้ตัวหรอกแต่พูดงี้มีสวยแน่ๆ)
“ลาคา ไม่ต้องพยายามเพราะพรุ่งนี้ฉันจะใส่ชุดเดิมของฉัน”
(จะเอาให้อายทั้งงานเลยคอยดูสิ)
“ตามใจเจ้า”
(เด็กพยศอย่างเจ้า ข้าจักดัดสันดานให้ดู)
………………………………………………………………………………………
“เมฆ โมโหผู้ใดมารึเจ้าค่ะ ให้จันทร์เจ้านวดให้ไหมเจ้าค่ะ ท่านจักได้สบาย” หญิงสาวคนงามเริ่มเบียดชิดพะเน้าพะนอ ถึงจะมาอยู่ตำแหน่งคนโปรดได้ไม่นานแต่ท่านเมฆเอ็นดูนางนัก ทำให้นางสุขใจยิ่ง
“จันทร์เจ้า เก็บของของเจ้าแล้วออกจากไปจากกระโจมข้า”
“อะไรกันเจ้าค่ะ จันทร์เจ้าทำสิ่งใดไม่ถูกใจท่านรึเจ้าค่ะ”
“ข้าจักไม่พูดซ้ำสอง หรืออยากให้ข้าซ้อมเจ้าก่อนลากออกไปนอกกระโจมก็ลองดู”
“ท่านเมฆ!!!” อะไรกันนางทำอะไรผิดหรือ ท่านไม่เคยเย็นชาใส่จันทร์เจ้าเช่นนี้ มันเกิดอะไรขึ้น!!!
“นับแต่นี้ต่อไปเรียกข้า เมตารัส”
“ท่าน”
“ไป!!!”
.........................................................................................................................................
ศ หน้าเราไม่เจอกันและนะ เอามาลงวันนี้แล้วจ๊า
รักคนอ่าน

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ม.ค. 2559, 01:50:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ม.ค. 2559, 01:50:22 น.
จำนวนการเข้าชม : 649
<< อวาหะ | ตัวอย่างตอนต่อไป >> |