ตะวัน (ร้าย) ฉายรัก (นามปากกา 'พิริตา' ) เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อม E-Book
‘ปาลิกา’ หญิงสาวกำพร้าที่สูญเสียครอบครัวไป

ตั้งแต่ยังเยาว์วัย แต่โชคดีที่มีผู้อุปการะไว้ ซึ่งก็เป็นนายจ้างของครอบครัว

เธอนั่นเอง ปาลิกาเติบโตมาท่ามกลางความรัก เข้าใจอย่างล้นเหลือของ

ประมุขทั้งสองของบริษัท ‘เดอะซัน กรุ๊ป จิวเวลรี่’ และเพราะที่แห่งนี้เป็น

สถานที่ที่ทั้งพ่อแม่และยายของเธอได้ใช้ชีวิตอยู่จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต

ที่นี่จึงมีความหมาย และมีความสำคัญสำหรับหญิงสาวมาก

ในชีวิตของปาลิกามีเพียงสองสิ่งเท่านั้นที่เธอรู้สึกว่าเป็นอุปสรรค ขวาก

หนามที่ยิ่งใหญ่ นั้นก็คือ ปมแห่งความหวาดกลัวที่เป็นเหตุให้เธอติดอยู่กับฝัน

ร้ายในวัยเด็ก และลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล ‘รัตนาวาณิชย์’ ที่เติบโต

มาด้วยกัน เขามีอายุอ่อนกว่าเธอหนึ่งปี แต่ไม่เคยยอมรับว่าเธอเป็นพี่สาว

หนำซ้ำยังคอยแกล้งเธอมาตั้งแต่เด็ก และเธอก็เรียกเขาว่า ‘จอมวายร้ายเจ้า

เล่ห์,คนกวนประสาทฯ ‘ แต่ทว่าจอมวายร้ายคนนั้นกลับเป็นคนเดียวกันที่อยู่

เคียงข้างเธอยามมีภัย และพยายามช่วยเธอให้หลุดพ้นจากปมแห่งฝันร้าย

นั้น และเป็นคนเดียวกับที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย

แต่แล้ว...ก็กลับเป็นคนเดียวกัน ที่กันเธอออกจากเดอะซัน กรุ๊ปฯ และชีวิต

ของเขา เหมือนไม่เห็นค่า ความสำคัญของเธออีกต่อไป จนหญิงสาวทนอยู่

กับความรู้สึกเจ็บปวด สิ้นไร้ ด้อยค่าของตัวเองไม่ไหว ที่สุดจึงตัดสินใจเดิน

ออกมาจากชายคาเดอะซัน กรุ๊ปฯ ด้วยหัวใจที่บอบช้ำ.


‘ตะวันฉาย’ ลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล ‘รัตนาวาณิชย์’ และผู้สืบทอด

กิจการของบริษัท ‘เดอะซัน กรุ๊ป จิวเวลรี่’ ต่อจากมารดา หลังกลับจากเรียน

ต่อต่างประเทศชายหนุ่มได้เข้ามาเรียนรู้งานในเดอะซัน กรุ๊ปฯ อย่างเต็มตัว

โดยมี ‘ปาลิกา’ (หรือที่เขาเรียกจนติดปากว่า ‘ยัยปลิก’) คอยกระตุ้นอยู่ตลอด

ทั้งที่โดยนิสัยแล้วตะวันฉายเป็นคนที่มีความตั้งใจ รับผิดชอบและจริงจังกับ

งาน โดยเฉพาะช่วงหลังที่เขาเข้ามาทำงานอย่างเต็มตัวแล้วนั่น แต่ใน

ทางกลับกันตะวันฉายจะกลายเป็นเด็กไม่ยอมโตทันทีที่อยู่กับปาลิกา เพราะ

ความรื่นรมย์อีกอย่างในชีวิตของเขาตั้งแต่เล็กจนโต คือการได้แกล้งปาลิกา

ทั้งวาจาและการกระทำ แต่เขาก็ได้สงวนลิขสิทธิ์ในการแกล้งไว้แค่ตัวเขา

เอง คนอื่นห้ามแกล้งโดยไม่ได้รับอนุญาตเสียอย่างนั้น

แต่ทว่าหากยามใดที่ปาลิกามีภัย อ่อนแอ ตะวันฉายจะถึงตัวเธอก่อนเสมอ

เขาห่วงทุกย่างก้าวในชีวิตของเธอ โดยเฉพาะปมแห่งความกลัวที่ทำให้เธอ

ฝันร้ายในตอนเด็ก ชายหนุ่มปรารถนาจะให้เธอเอาชนะความกลัวนั้นให้ได้

และการที่ตะวันฉายได้มีโอกาสอยู่เพียงลำพัง ไกลห่างกับปาลิกาขณะที่

เรียนอยู่ต่างประเทศนั้น ได้ทำให้เขารู้ใจตัวเองว่าคิดอย่างไรกับเธอ ชาย

หนุ่มไม่เคยสงสัยในความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวเลยสักนิด แต่เพราะเชื่อว่าเธอ

รักใครอีกคนที่เป็นญาติสนิทของเขา และผู้ชายคนนั้นก็เป็น ‘ผู้ชายในฝัน’

ของเธอมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาได้แต่กล้ำกลืนความรู้สึกเอาไว้ กว่าจะรู้ว่า
ปาลิกาก็รักเขาไม่ต่างกัน ก็ในวันที่เธอได้หนีเขาไปเสียแล้ว...


‘ก็ลื้อสองคนน่ะสิ มีด้ายแดงผูกติดกันมา

ตั้งแต่เกิด แต่ที่แปลกไปกว่านั้นคือด้ายแดงที่ผูกพวกลื้อไว้นั้นมันสั้นมาก ทำ

ให้ต้องมาใกล้กันตั้งแต่เด็ก ไม่เหมือนบางคู่ที่ด้ายจะยาวอาจใช้เวลานานกว่า

จะได้มาเจอกัน แต่นั่นแหล่ะด้ายแดงแห่งโชคชะตาของพวกลื้อจะไม่มีวันถูก

ตัดขาด แล้วมันก็จะอยู่ในระยะสั้นอย่างนี้ตลอดไป อย่างที่เคยเป็นมาจนกว่า

จะตายจากกัน และหากวันใดที่มันยืดยาวออกไปไม่ว่าด้วยสาเหตุอันใด ด้าย

นั้นก็จะดึงรั้งพวกลื้อให้ต้องกลับมาใกล้กันจนได้ หากพวกลื้อฝืนก็จะทำให้

เจ็บปวดทุรนทุราย เหมือนจะขาดใจเลยทีเดียว มันเป็นลิขิตของสวรรค์’

ตะวันฉายกับปาลิกาจะทำเช่นไรกับหัวใจของตัวเอง

ด้ายแดงแห่งโชคชะตา และสายใยแห่งความผูกพัน

จะสามารถนำพาหัวใจทั้งสองดวงให้กลับมาแนบชิดกัน

เหมือนในวันเก่าได้หรือไม่?..................................

โปรดติดตามใน ‘ตะวัน (ร้าย) ฉายรัก’ ได้เลยค่ะ


Tags: ตะวัน ร้าย ฉาย รัก ปลา อัญมณี จิวเวลรี่ หวานซึ้ง

ตอน: บทที่ 20

ยามเย็นที่ดวงตะวันเริ่มจะลับขอบฟ้า แม่น้ำเจ้าพระยาในฤดูน้ำ

หลากเริ่มมีสีสันเป็นเลื่อมพรายสีทองพราวระยับ บรรยากาศดูเย็นตาดี

นัก แต่ทว่าภายในเรือหางยาวโดยสารที่พ่อ แม่ ลูกและผู้โดยสารอีก

จำนวนหนึ่งโดยสารมานั้นกลับให้ความรู้สึกตรงกันข้าม เพราะเรือหาง

ยาวที่รับผู้โดยสารเกินกว่ากำหนดจนเรือเพียบแปล้ แผดเสียงดังลั่นไป

ทั่วคุ้งน้ำ

เรือลำนั้นห้อตะบึงฝ่าแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวกราก และขุ่นขลั่กด้วย

ความเร็วสูง เพื่อให้ไปถึงจุดหมายปลายทางได้ทันเวลา บางครั้งที่สวน

กับเรือหางยาวที่แล่นผ่านมาก็จะมีคลื่นลูกใหญ่ปะทะจนเรือไหวโยกเอน

เอียง ท่ามกลางความใจหายใจคว่ำของผู้โดยสารที่ต่างก็ภาวนาให้ถึงฝั่ง

โดยเร็ว

เด็กหญิงตัวเล็กผอมขดตัวอยู่ในอ้อมอกของมารดา ที่กระชับอ้อม

กอดให้แนบแน่นขึ้นด้วยความหวาดหวั่น โดยมีผู้เป็นบิดาโอบกอดสอง

แม่ลูกไว้อีกทีปลอบประโลม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อมีเรือ

โดยสารอีกลำแล่นตรงมาทางเรือลำที่สามคนพ่อ แม่ ลูกโดยสารอยู่ด้วย

ความเร็วสูงเช่นกัน

มันตรงดิ่งมาเรื่อยๆ และที่สุดเรือทั้งสองลำก็ประสานกันเสียงดัง

ลั่นไปทั่วคุ้งน้ำ แรงกระแทกทำให้ผู้โดยสารกระเด็นไปคนละทิศละทาง

เช่นกันกับเด็กหญิงตัวน้อยตกลงไปในน้ำที่ไหลแรง เธอพยายามดิ้น


รนด้วยความตกใจกลัว ทั้งเย็นเยียบ อึดอัด หายใจไม่ออก ในใจร่ำร้อง

หาแต่พ่อ แม่

เธอลืมตาขึ้นมองฝ่าน้ำที่ขุ่นขลั่ก แต่ในทันใดนั้นน้ำที่ขุ่นกลับ

กลายเป็นใสแจ๋ว มองเห็นพื้นใต้น้ำที่สวยงามด้วยลวดลายแปลกตา แต่

ทว่ากลับหยั่งไม่ถึง มันคือสระว่ายน้ำนี่...เธอบอกตัวเอง แต่พอร่างเล็ก

ถีบตัวโผล่ขึ้นจากน้ำ ใบหน้าที่เหมือนกันราวกับแกะคู่หนึ่งมองมาทาง

เธออย่างสะใจ พลางแสยะยิ้มร้ายกาจ หมวยเล็ก หมวยใหญ่นั่นเอง!

แล้วใบหน้าสยองนั้นก็ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาหาเธออย่างช้าๆ หญิงสาว

กรีดร้องและถอยหนี ‘ปาลิกา ทางนี้’ เสียงทุ้มห้าวคุ้นหูที่ดังขึ้นทำให้เธอ

หันไปมองด้านหลัง...

“ซัน ซัน...ช่วยด้วย...ช่วยด้วย ซัน...”

“ยัยปลิก...ยัยปลิกเธอเป็นอะไรไป” ไฟทุกดวงในห้องถูกเปิด

ในทันที

“ซันช่วยฉันด้วย ช่วยด้วย! ” ปาลิกาผวากอดเขาไว้แน่น ตะวัน

ฉายโอบกอดร่างที่กำลังสั่นเทิ้มไว้แนบอก พลางลูบหัวเบาๆ ปลอบ

ประโลม

“ฉันอยู่นี่ เป็นอะไรไป เธอไม่สบายหรือเปล่ายัยปลิก เรียก

พยาบาลดีกว่านะ” เขาสัมผัสกับเหงื่อชื้นจากร่างเล็ก

“ฉันไม่เป็นไร แค่ฝันร้าย” เสียงอู้อี้ตอบ ชายหนุ่มเอามือแตะ

หน้าผาก ก่อนเอามาอังใต้จมูกเพื่อดูว่าลมหายใจนั้นร้อนกว่าปกติ

หรือไม่ แม้จะไม่รู้สึกถึงความผิดปกติแต่ร่างเล็กยังคงสั่นเทา และเขาก็

เข้าใจว่าคงเป็นเพราะความหวาดกลัวนั่นเอง ชายหนุ่มไม่วางใจจึงรีบ

กดเรียกพยาบาลในทันที

พยาบาลได้เข้ามาดูอาการสักครู่ พอเห็นว่าไม่ใช่ความผิดปกติ

จากภาวะแทรกซ้อนแต่อย่างใด นอกจากอาการเครียดจากฝันร้ายจึงจัด

ยาระงับประสาทให้

“ซันนายอย่าทิ้งฉันนะ” ปาลิกาเอ่ยขึ้นหลังจากพยาบาลออกไป

แล้ว ตะวันฉายมองใบหน้าเล็กหวาน ที่ตอนนี้มีแต่แววหวาดหวั่นแล้วก็

ใจไหวยวบลงกว่าเดิมด้วยความสงสาร

“ปาลิกา ฉันไม่มีวันทิ้งเธอหรอก เธอฝันเหมือนเดิมอีกแล้วใช่ไหม”

ปาลิกาพยักหน้า ทั้งยังจับมือเขาไว้แน่น ตะวันฉายเอื้อมมืออีกข้างลูบ

หัวคนที่โอบประคองอยู่อย่างอ่อนโยน

“ฉันฝันถึงตอนเรือล่ม แต่คราวนี้เห็นหมวยเล็ก หมวยใหญ่ด้วย

ฉันไม่ฝันแบบนี้มาตั้งนานแล้วนะซัน” เธอเล่ากระท่อนกระแท่น

“คงเพราะเธอตกน้ำเมื่อกี้นั่นแหล่ะ อย่ากลัวเลยมันก็แค่ฝันร้าย

เท่านั้นเอง”

“ฉันไม่อยากหลับตาลงเลยซัน ฉันกลัวจะฝันอีก”

“เธอไม่ต้องกลัวหรอก ฉันอยู่กับเธอนี่แล้ว ไม่มีใครมาทำอะไรเธอ

ได้แน่ๆ ถ้าเธอยังไม่อยากนอนเราคุยกันก็ได้นะ”

“ซันฉันคิดถึงยาย ทุกครั้งที่ฉันฝันร้ายในตอนเด็กยายจะกอดฉัน

ไว้ให้หายกลัวเสมอ”

“ถ้างั้น...ฉันจะทำหน้าที่แทนยายปลิกเอง เธอลืมไปแล้วหรือไง

ก่อนที่จะจากไปยายปลิกได้ฝากฝังเธอไว้กับป่ะป๊า หม่าม๊าแม้แต่ฉันก็ไม่

เว้น และฉันก็รับปากยายปลิกแล้วว่าจะดูแลเธออย่างดีที่สุด”

“ขอบใจนะซัน ยายคงปลื้มใจที่คุณหนูซันไม่เคยลืมแก”

“ใครลืมยายปลิกลงก็บ้าแล้ว เพราะยายปลิกเป็นคนที่ฉันรักและ

สนิทด้วยมากที่สุด เป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่อีกคนของฉันเหมือนกัน เธอ

ก็รู้ว่าตอนเด็กฉันติดยายปลิกขนาดไหน ทุกครั้งที่คิดถึงยายปลิกฉันก็จะ

อุ่นใจกับความรักที่แกมีให้ฉันเสมอ และอีกอย่างก็คือเวลาที่เธอตะแง้วๆ

ใส่ฉันยายปลิกมักจะฮึ่มฮั่มใส่เธออยู่เรื่อย” เขาตั้งใจพูดให้เห็นเป็นเรื่อง

ตลก เพราะอยากให้อีกฝ่ายผ่อนคลายและลืมฝันร้ายเมื่อครู่ และก็ดู

เหมือนจะได้ผล เพราะหญิงสาวเริ่มยิ้มน้อยๆ เหมือนคิดถึงอะไรขึ้นมา

ได้

“ก็ยายรักนายนี่นา ฉันเคยน้อยใจเหมือนกันนะ แต่ว่าไม่เคยโกรธ

จริงๆ เลยสักครั้ง ที่ยายทำเหมือนรักนายมากกว่าฉัน ตั้งแต่คราวนั้นที่

นายเอาน้องหมีสีชมพูของฉันไปทิ้ง ฉันโกรธจนแทบจะฆ่านาย

อาละวาดเอากับนาย แต่ยายกลับดุฉัน ฉันก็เลยน้อยใจ”

ตอนนั้นที่ปาลิกายังเด็กจู่ๆ ตุ๊กตาหมีสีชมพูตัวเล็กสุดรักสุดหวงที่

พ่อ แม่เธอซื้อให้ก่อนจากไปไม่นานตัวนั้นได้หายไปจากเตียง เธอจึง

ถามเอาความกับตะวันฉายและเขาก็ยอมรับว่าเอาไปทิ้งอย่างหน้าตา

เฉย

ตอนนั้นปาลิกายังไม่โกรธมากเท่าไหร่เพราะมัวแต่ห่วงตุ๊กตา จึง

รีบตรงไปยังถังขยะที่เขาเอาตุ๊กตาไปทิ้ง แต่ทว่าถุงขยะกลับถูกเปลี่ยน

ใหม่เสียแล้ว มาคราวนี้เธอจึงทั้งโกรธ ทั้งโวยวายและด่าทอเขาจนยาย

ต้องดุ เป็นเหตุให้เด็กหญิงน้อยใจว่ายายไม่รัก ร้องไห้สะอึกสะอื้น แต่

ยายก็เข้ามาหาแล้วบอกกับเธอว่า

‘เพราะยายรักหนูไงลูก ยายถึงต้องว่าหนู ยายเข้าใจว่าหนูรัก

ตุ๊กตาตัวนั้นมากแค่ไหน แต่หนูก็ไม่ควรก้าวร้าวด่าว่าคุณหนูแกแบบนั้น

ต่อให้เป็นคนอื่นก็เถอะ รู้ไหมมันไม่น่ารักเลย ยายอยากให้หนูเป็นที่รัก

ของทุกคน แต่ถ้าหนูเป็นเด็กร้ายกาจเสียแล้วใครจะมารัก’

‘ปลาไม่เห็นอยากให้ใครมารักเลย แค่ยายรักปลาคนเดียวก็

พอแล้ว ปลาไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว’ เด็กหญิงเถียงด้วยน้ำตานองหน้า

ขณะที่ยายโอบกอดเธอไว้แนบอก

‘ยายรักหนูมากนะลูกถึงอยากให้หนูอยู่ที่นี่ ที่นี่ดีที่สุดสำหรับหนู

แล้ว ยายอาจจะคอยดุด่าว่ากล่าวหนู แต่รู้ไหมสิ่งเหล่านี้จะทำให้หนู

เติบโตขึ้นเป็นคนดี และน่ารัก มันจะเป็นภูมิคุ้มกันหนูจากสิ่งเลวร้าย

ต่างๆ นะลูก’ ยายปลิกพูดพร้อมมองร่างเล็กๆ ที่อยู่ในอ้อมกอด แต่คง

เห็นว่าหลานสาวยังคงไม่หายจากอาการฮึดฮัดจึงเอ่ยต่อ ‘แต่หากหนูไม่

อยากอยู่ที่นี่จริงๆ ไม่คิดถึงที่นี่ ไม่คิดถึงคุณหนูซัน ไม่คิดถึงป้าแต๋ว ไม่

คิดถึงคุณท่านกับคุณผู้หญิงที่รักหนู และไม่คิดถึงเพื่อนๆ ยายก็จะไม่ขัด

ใจหนู เราจะไปกันตอนนี้เลยก็ได้นะ’ น้ำเสียงที่จริงจังของยายทำให้

หลานสาวนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยขึ้นด้วยเสียงปนสะอื้นเป็นห้วงๆ

ว่า

‘งั้นปลาขอคิดดูก่อนได้ไหมจ๊ะยาย’

หลังจากนั้นตะวันฉายก็เอาตุ๊กตาสุดรักของเธอมาคืนให้ ในสภาพ

ที่เปื้อนเปรอะเลอะเทอะส่งกลิ่นเหม็นทั้งคนและตุ๊กตา ยายปลิกโวยวาย

ด้วยความตกใจที่เห็นสภาพคุณหนูซันตอนนั้น แต่ถูกคุณโฉมฉายเรียก

ออกมาจากห้องปล่อยให้เด็กทั้งสองอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง

‘ฉันไปเอาตุ๊กตาของเธอมาให้ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะเอาไปทิ้งจริงๆ

หรอกนะ ฉันเห็นเธอติดมัน ไปไหนก็ต้องเอาไปด้วย นอนก็ต้องนอน

กอดไม่งั้นจะนอนไม่หลับ ฉันก็เลยลองแกล้งดูว่าถ้าเอาไปทิ้งถังขยะเธอ

จะเป็นยังไง เท่านั้นเอง ฉันขอโทษ ฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วฉันสัญญา

ฉันจะช่วยเธอซักมันด้วย เธออย่าร้องไห้ อย่าไปจากที่นี่เลยนะถ้าเธอ

ไปฉันจะเล่นกับใคร’ จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ที่ทำให้เธอโกรธเขา

ต่อไปไม่ลง และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาปาลิกาก็ไม่เคยมีความคิดจะไปจาก

เดอะซัน กรุ๊ปฯ อีกเลย

“ฉันกลัวเธอจะไปจากที่นี่มากเลยนะตอนนั้น ฉันไม่เข้าใจหรอกว่า

ทำไมไอ้ตุ๊กตาหมีสีชมพูตัวเล็กๆ ถึงได้ทำให้เธอเสียอกเสียใจได้ขนาด

นั้น เพราะแค่เห็นเธอร้องไห้ฉันก็รู้สึกผิดจนทนไม่ได้รีบแจ้นลงไปคุ้ย

ตรงที่พักขยะข้างล่าง ต้องเปิดดูถุงขยะแล้วคุ้ยดูทีละถุงๆ กว่าจะเจอเล่น

เอาเลอะเทอะไปทั้งตัว จากนั้นพอหม่าม๊ากับป่าป๊ารู้เรื่องก็เรียกฉันเข้า

ไปอบรมตามเคย เธอก็รู้ทุกทีที่ฉันทำเธอร้องไห้ ป่ะป๊า หม่าม๊าจะต้อง

เรียกฉันไปสั่งสอนเสมอ” คนพูดเหมือนเห็นเป็นเรื่องขำ หญิงสาวเงย

หน้าขึ้นมองคนที่ประคองกอดเธออยู่แล้วจึงเอ่ย

“นายรู้ไหม เพราะความรักของคุณท่าน คุณป้าและทุกคนใน

เดอะซัน กรุ๊ปฯ นี่เองที่ทำให้ฉันไปไหนไม่ได้ ยายบอกฉันเสมอว่าแม้ฉัน

จะโชคร้ายที่สูญเสียพ่อ แม่ไป แต่ฉันก็โชคดีที่ได้มาอยู่กับครอบครัว

รัตนาวาณิชย์ ฉันเองก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ “

ตะวันฉายก้มลงสบตาคนที่อยู่ในอ้อมกอดแล้วจึงยิ้มอ่อนๆ ให้

“แต่เธอก็เป็นเหมือนของขวัญสำหรับครอบครัวที่มีแต่ลูกชาย

เพียงคนเดียว และอยากมีลูกสาวใจจะขาดอย่างป่ะป๊ากับหม่าม๊า เธอ

เองก็เป็นเด็กน่ารักของพวกท่านเสมอ ไม่แปลกหรอกที่ท่านจะรักเธอ”

เขาเอ่ยขึ้นบ้าง คนที่อยู่ในอ้อมอกยิ้มชอบใจกับคำชม ชายหนุ่มฉุกคิด

อะไรขึ้นมาได้ “ฉันมีอะไรบางอย่างจะสารภาพกับเธอ จำวาเลนไทน์

ตอนสมัยมัธยมฯ ได้ไหม ที่ฉันมักจะได้ช็อคโกแลตมาให้เธอกับหยินมี่

กินกันทุกปี รวมทั้งของขวัญและดอกไม้ด้วย”

“จำได้สิ เพราะที่โรงเรียนฉันก็มีเพื่อนๆ น้องๆ ผู้หญิงหลายคนที่

คลั่งไคล้นายชอบฝากของขวัญ ช็อกโกแลตแล้วก็ดอกกุหลาบกับฉัน

และหยินมี่มาให้นายอยู่ทุกปีนี่” ดูเหมือนยาจะเริ่มออกฤทธิ์แล้ว

เพราะพอพูดเสร็จก็ตามมาด้วยการหาวเสียอย่างนั้น

“แต่เธอไม่เคยได้เลยซักปี”

“ฮื่อ...จนฉันหมั่นไส้นายจะแย่ที่ป๊อปฯ ขนาดนั้น”

“และฉันก็ว่าที่เธอไม่ได้ก็เพราะเธอดำ ขี้เหร่ และไร้เสน่ห์ แต่เธอรู้

ไหม ความจริงแล้วไม่ใช่ไม่มีใครมองเธอหรอก เพราะช็อคโกแลตใน

จำนวนที่ฉันเอากลับมาให้พวกเธอนั้น บางอันก็เป็นของเธอที่เพื่อนฉัน

ฝากมาให้ รวมทั้งดอกกุหลาบด้วย เพราะมีบางคนที่เคยเห็นเธอแล้ว

ชอบ พอถึงวาเลนไทน์ก็ฝากฉันเอามาให้เธอไงล่ะ แต่ฉันไม่บอกเธอเอง

แหล่ะ” คนฟังยิ้มทั้งที่ตาเริ่มปรือแล้ว

“มิน่า มีอยู่ครั้งหนึ่งฉันเจอเพื่อนนายคนหนึ่ง เขาถามฉันว่า

ชอบช็อคโกแลตที่นายเอามาให้ไหม แต่ฉันบอกเขาไปว่ารสชาติไม่ค่อย

ได้เรื่องเท่าไหร่ เขาทำหน้าจ๋อยไปเลย ฉันไม่รู้นี่ว่าเป็นของเขาที่ให้ฉัน

นึกว่าสาวๆ ให้นายซะอีก นายร้ายกาจมากนะ ทำเอาฉันเข้าใจว่า

ตัวเองไร้เสน่ห์มาได้ตั้งนาน ทั้งที่อยากมีป๊อปปี้เลิฟกับชาวบ้านเค้าจะ

แย่” แม้เสียงเริ่มอู้อี้แต่ยังเจือด้วยแววขำ

“ไม่ต้องเสียใจไปหรอกเพราะไอ้ป๊อปปี้ลงป๊อปปี้เลิฟอะไรของเธอ

นั่นน่ะ ฉันก็ไม่มีเหมือนกัน”

“แต่นายมีคนชอบตั้งเยอะแยะ บางคนก็มาเฝ้านายด้วยซ้ำ” หญิง

สาวยังฝืนพูดต่อด้วยเสียงง่วงงุ่น

“แล้วฉันเคยคบใครจริงๆ ไหมเล่า เธอเห็นฉันพร่ำเพ้อหาใคร ไม่ก็

แต่งตัวหล่อไปเดทบ้างไหม”

“ก็จริง...แล้ว...ทำไมล่ะ...ซัน” เสียงของเธอยานคางลงกว่าเดิม

ขณะที่แพขนตายาวหลุบปิดลง

“เธออยากรู้จริงๆ เหรอ” มีเสียงงึมงำฟังไม่ได้ศัพท์มาจากคนที่

หลับตาสนิท บ่งบอกว่าฝืนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ชายหนุ่มได้แต่คลี่ยิ้มด้วย

ความรู้สึกเอ็นดู ดวงตาที่ทอดมองคนในอ้อมแขนอ่อนแสงลงอย่างเห็น

ได้ชัด ขณะมือยังลูบหัวเธออ่อนโยน ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปกระซิบ

อะไรบางอย่างข้างหูคนที่ไม่รู้สึกรู้สานั่นเบาๆ



กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ก.พ. 2559, 14:13:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ก.พ. 2559, 14:13:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 1128





<< บทที่ 19   บทที่ 21 >>
ปลาวาฬสีน้ำเงิน 4 ก.พ. 2559, 18:59:01 น.


Kim 4 ก.พ. 2559, 21:45:55 น.
"เพราาะฉันชอบเธอ" หรือเปล่า


กานพลู 6 ก.พ. 2559, 15:53:42 น.
ขอบคุณ คุณปลาวาฬสีน้ำเงิน และคุณ Kim มากค่ะ ที่ติดตาม
ซันกระซิบบอกอะไรนั้น ต้องติดตามกันต่อไป อิ อิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account