คืนค่ำร่ำพิศวาส
สองผีพี่น้อง เลวิส... แวมไพร์(ผีดูดเลือด) ลมเหนือ... ผีเฮี้ยน! อยู่ตึกผีสิง VS กาฬวาร... เด็กสาวยากจนเป็นสาวพรหมจรรย์ มีพลังจิตบริสุทธิ์ เธอช่วยพวกเขากลับเป็นมนุษย์ กลายเป็นเพื่อนบริสุทธิ์ใจต่อกัน สองพี่น้องต่างบิดาแต่รักกันมาก เวลาผ่านไปเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ได้เจอเธออีกหนต่างหลงรักผู้หญิงคนเดียวกัน...เลือกรักไม่ได้หนึ่งหญิงสองชาย (อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน)
Tags: หวานแหวว, ซึ้ง, รักแฟนตาซี, ไตรติมา, ผี, แวมไพร์, ตลก, หล่อ, โรแมนติค,
ตอน: ตอน ๕
______________________...oooooOOOooooo...______________________... ตอน ๕
...........เหลือเพียงลมเหนือไม่รู้จะได้นอนห้องไหน
“ตามมาสิฮคคุ พี่จะพาไปห้องนอน” มนตราส่งสายตาอ่อย พลางอมยิ้มมีเลศนัยแล้วเดินนำหน้า ขึ้นบันไดไปชั้นบน เปิดประตูห้องให้ดู มีเตียงคู่ขนาดคิงส์ไซด์สีขาว เฟอร์นิเจอร์ในห้อง และผ้าม่านเป็นสีชมพู ดูสวยหวาน
“นอนห้องชั้นบนนี้แหละ” มนตราบอก และใช้มือดันหลังให้เขาเดินเข้าไปภายในห้อง
“แล้วพี่มนตรานอนห้องไหนล่ะครับ”
“ถามทำไมเหรอ แน่ะ... จะแอบเข้าห้องพี่ อยากนอนด้วยใช่ไหม” แทนที่จะตอบคำถามของเขา เธอกลับย้อนยอกหยอกเย้า ส่งสายตาแพรวพราวให้ จิตใจเด็กหนุ่มหวามไหว... แทบพูดอะไรไม่ออกด้วยความเขินอาย รีบปฏิเสธแก้เก้อ
“ไม่ใช่อย่างนั้น...”
“นี่... ผ้าขนหนู มีชุดนอนเสื้อเชิ้ตให้เปลี่ยน อาบน้ำก่อนนอนนะจ๊ะ” เธอหยิบผ้าขนหนูออกมาจากตู้เสื้อผ้า แล้วยื่นให้เขารับ
“ขอบคุณครับ”
“ไม่ต้องปิดประตูห้องน้ำนะ เพราะว่าลูกบิดมันเสีย ปิดแล้วจะเปิดไม่ออก” เธอบอกอย่างนั้น ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ แต่ความจริงแล้ว... มันไม่ได้เสียอย่างที่เธอว่าเลย
ลมเหนืออาบน้ำสักครู่... ฟอกสบู่แล้วล้างออก
“พี่ถูหลังให้ไหมจ๊ะ” มนตราเข้ามาอย่างเงียบเชียบ เล่นเอาเขาตกใจ! ค่อนไปทางตื่นเต้นมากกว่า เมื่อเห็นเธอมีผ้าขนหนูผืนเล็กพาดบ่า ปกปิดหน้าอกเปล่าเปลือย มองลงไปเห็นอันเดอร์แวร์บาง ๆ เพียงตัวเดียวที่เธอสวมใส่อยู่ ...ได้แต่มอง อ้าปากค้าง...
“คะ... ครับ”
“ว้าว... ฮคคุนี่แมนมาก หุ่นดีชะมัด ไหล่กว้าง แขน... กล้ามเป็นมัด ซิกแพ็กนี่... ฟิตแอนด์เฟิร์มจัง” เธอเข้าข้างหลัง ลูบไล้ตั้งแต่หัวไหล่เรื่อยไปถึงแขน แม้แต่หน้าท้องของเขา ...โดนสัมผัสจากฝ่ามืออุ่น ๆ และนุ่มนิ่มของสาวสวย หัวใจเด็กหนุ่มมันเต้นโครมคราม รุนแรง... จนระงับใจไม่อยู่เลยทีเดียว
“หุ่นแบบนี้ทรมานใจพี่นะรู้ไหม ...อยากกอด” เธอเชิดหน้าขึ้น กระซิบข้างใบหูเด็กหนุ่มที่ตัวสูงกว่า
“ผมก็เหมือนกันอยากกอดจนทนไม่ไหวแล้ว อยากกอดผมก็กอดสิ ผมรักพี่มนตรา” ลมเหนือหันหลังกลับมารวบกอดมนตราแน่น...
“น่ารักจังฮคคุ ขอจูบที...” วงแขนเธอโอบรอบคอเขา โน้มลงมาจูบปากประกบปาก เธอคล่องอยู่แล้วเรื่องจูบ... ทำให้เด็กหนุ่มผู้ไม่เคยมือสาวที่เร้าเร่งให้หวามไหว หลงใหล... ถึงกับคลั่งไคล้ ฝ่ามือเธอลูบคลึงบริเวณเนินอกล่ำของเขา ใช้เรือนร่างเบียดซบ ซุกเข้าหาความอบอุ่นในกันและกัน
“ผมยังไม่เคยกอดใคร พี่มนตราทำให้ผมอดใจไม่ไหว อยากทำอะไรผมก็ทำเถอะ ผมอยากให้พี่กอดผม จูบผม อย่าหยุดกอด อย่าหยุดจูบ” ลมเหนือบอก ...เสียงพร่ากระเส่าด้วยความปรารถนาอันร้อนแรง
สาวใหญ่ไฟแรงสูงอย่างมนตรามีหรือจะหยุดยั้ง ยังไงเขาก็เป็นเด็กหนุ่มที่โดนใจ เร้าใจเสน่หาไม่ใช่เล่นตั้งแรกเห็นเมื่อได้สบตาอยู่แล้ว
“ไปที่เตียงเถอะ” บอกพร้อมกอดแขนเขา เดินไปที่เตียงด้วยกัน และผลักเขาลงนอนหงายบนเตียง เธอคลานเข้าหา... มองด้วยสายตายั่วยวนใจ เร่งเร้าให้แรงร้อนไปด้วยไฟราคะ แล้วคร่อมร่างกายที่ใหญ่โตกว่าของเด็กหนุ่ม
“พี่มนตราเซ็กซี่เด็ดขาด ...บาดใจจริง ๆ จนผมจะคลั่งใจตายอยู่แล้ว” เขากล่าวชม ตามองที่หน้าอกสาวสวย ยามก้มลงมาน่าจับต้อง ...อยากสัมผัสคลึงเคล้า
แล้วมนตราจึงทาบทับลงแนบชิดเรือนร่างเด็กหนุ่ม
“เธอเป็นเด็กดีที่น่าจูบซะจริง” เธอบอก วกกลับมาประกบปาก จูบร้อนแรง... มือนั้นลูบไล้เลื่อนจากหน้าอก ลงไปถึงบริเวณหน้าท้องน้อย เลื่อนมือลูบต่ำลงไปอีก... ถึงบริเวณสุดสงวนที่ตั้งตระหง่านตาระหว่างต้นขาทั้งสองของเขา
“ถึงจะเด็ก แต่ตรงนี้ทำไมมันมโหฬาร ...ชอบใจส่วนนี้ที่สุด”
สัมผัสจากมือนุ่มอบอุ่นของเธอกระตุ้นให้ลมเหนือเร่าร้อนถึงกับต้องร้องครางอย่างไม่เป็นศัพท์
“อื้อ... ผม... จะไม่ไหวแล้ว”
“ไม่ต้องกลัว เข้ามาในตัวพี่สิ พี่เต็มใจรอรับ” เธอพูดกระซิบยั่วยวนชวนให้ใจยิ่งเตลิด...
ใจที่กำลังคลั่งไคล้นั้นสุดกลั้นจนแทบระเบิด จับตัวเธอกดลงในท่านอนหงาย แล้วเขาพลิกตัวขึ้นคร่อมทับ ถึงตอนนี้ต่อให้เอาช้างมาฉุด คงหยุดยั้งใจไม่อยู่ เลือดในกายเด็กหนุ่มฉีดซ่าน ...พลุ่งพล่านราวภูเขาไฟใกล้ปะทุ
“ผมขอเข้าล่ะนะครับ” ลมเหนือขออนุญาตอย่างสุภาพ มุ่งมั่นเข้าไปในเป้าหมายที่ใจกระสัน ปรารถนาเริงรักไม่อยากหยุดหย่อน ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและไม่ต้องการพักผ่อน กระทำตามใจด้วยแรงฤทธิ์พิศวาส ภูเขาไฟอย่างเขาต้องการปลดปล่อยสายธารลาวาร้อนให้ไหลออกจากปล่องจนหมด
จนกระทั่งถึงที่สุด... มีแต่เสียงลมหายใจหอบกระชั้น แยกไม่ออกเสียงใครเป็นเสียงใคร ต่างสุขสมใจไปด้วยกัน
“พี่รักฮคคุ... ทำให้พี่มีความสุขที่สุด”
“ไม่เคยเจออย่างนี้มาก่อน... ผมก็รักพี่มนตราเหมือนกัน”
...........มนตราลุกขึ้นจากเตียงนอนทั้งยังไม่สว่าง เดินลงมาชั้นล่างเพื่อดื่มน้ำ
“เห็นสวรรค์แล้วล่ะสิ” ริวจิพูดหยอกยิ้ม ๆ
“ใช่... สุดยอด” มนตรายิ้มร่า... ยอมรับเต็มปากเต็มคำ
“สอนยากไหมไก่อ่อนของพี่”
“ว่านอนสอนง่าย น่ารักที่สุด ...อยากอยู่ด้วยตลอดไปไม่รู้เบื่อเลย”
“ผมว่าฮคคุชอบพี่มนตรามาก มันคงหลงพี่เหมือนกัน”
“แต่พี่กลัวถูกทิ้ง เพราะความจริงอายุต่างกันมากตั้งสิบปี เขาจะมาคิดจริงจังหวังแต่งงานกับพี่เหรอ”
“เรื่องนั้นผมไม่แน่ใจ แต่บ้านฮคคุมันรวย เป็นถึงหลานชายเจ้าของร้านทอง”
“ถึงอย่างนั้นเชียว? ” พูดถึงผู้ชายรวยทำให้มนตราตาโตได้ไม่ยาก เธอเป็นผู้หญิงอีกคนที่ฝันอยากแต่งงานกับคนรวย
“ใครได้มันไปเป็นผัวมีหวังได้อยู่อย่างสุขสบาย มีกินมีใช้ไปตลอดชาติ”
“อยากได้ฮคคุมาเป็นผัวตัวจริง... แต่จะทำยังไงให้เขาผูกพันอยู่ด้วยกันไม่ทิ้งไปไหน”
“อยากให้มันติดพี่มนตราไม่หนีไปไหนไม่เห็นยาก ผมมีวิธี... พี่มนตราก็ใช้สิ่งที่พี่มีสิ เฮโรอีน พี่เป็นคนขาย... มีให้แฟนใช้ได้ไม่ขาดอยู่แล้วจริงไหม? ...”
“ฉีดเข้าไป... รับรองติด ไม่มีทางไปไหนรอด วิธีนี้ใช้ได้ผลจริง” พิ้งค์พูดส่งเสริม เห็นชอบในเรื่องไม่ดีไม่ควรด้วย
“ฮคคุไม่ใช่เด็กประเภทชอบเสพยา เขาคงไม่เอาด้วยหรอก”
“ไม่แน่ถ้าถูกเกลี้ยกล่อม ถ้าได้ลอง... อาจจะเป็นไปได้ ผมจะช่วยเกลี้ยกล่อมฮคคุเอง” ริวจิอาสา
...........พิ้งค์ถนัดใช้เฮโรอีนชนิดฉีดอยู่แล้ว จึงจัดการผสมใส่เข็มฉีดยาให้เรียบร้อย แล้วทั้งสามคนจึงพากันขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นบน ลมเหนือใส่ชุดนอนไม่ติดกระดุมเสื้อ ตื่นนอนแล้วแต่ยังไม่อยากลุกจากเตียง
“เป็นไง ฮคคุ รู้จักยัง? ครั้งแรกของชีวิตหนุ่มลูกผู้ชายอย่างเรา ทีนี้คงคุยกับใครได้ว่าเคย... แล้วใช่ไหม”
“ก็... อืม” ลมเหนือตอบ อมยิ้มเขิน ๆ มองสบตามนตราอย่างหวานเชื่อม
“เฮ้อ... คืนนี้มีแต่คนมีความสุข ฉันก็เหมือนกันมีความสุขจังเลย แต่ยังมีสิ่งที่ช่วยให้มีความสุขยิ่งขึ้นไปอีกนะ”
“ใช่... มันจะทำให้มีความสุขมาก ยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์เลยล่ะ พิ้งค์เคยลองมาแล้วนี่ไง... ยาสวรรค์ ฉีดเข้าไป ...รับรองเป็นสุขสุด ๆ ” พิงค์ยกเข็มฉีดยาที่บรรจุแล้วให้ดู
“ฉันไม่ชอบเข็มฉีดยา กลัว... เอาไปไกล ๆ เถอะ” เขาบอก ทำหน้าขยาด เพราะเขาเป็นโรคแพ้เข็มฉีดยา
“ไม่เจ็บหรอก ขนาดพิงค์เป็นผู้หญิงยังไม่กลัวเลย ฮคคุเป็นผู้ชายตัวโตกลัวอะไร แค่เข็มฉีดยาอันนิดเดียว”
“ไม่ลอง... ไม่รู้นะว่ามันทำให้มีความสุขสุดยอดขนาดไหน” ริวจิพูดชักชวน
“มันคืออะไรล่ะ ยาอันตรายหรือเปล่า” ถามไปในใจหวั่นกลัว...
“เฮโรอีนบริสุทธิ์ไงล่ะ ฮคคุ” มนตราตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ
ลมเหนือส่ายหน้าทันที รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นยาเสพติดให้โทษ เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย
“รู้ไหมทำไมมันถึงเป็นยาเสพติด เพราะมันทำให้คนมีความสุขมาก คนถึงติดและต้องการมัน พี่มนตราเขาถึงขายได้ นายลองครั้งเดียวไม่ติดแน่ ๆ แต่ถึงติด... นายจะต้องไปกลัวทำไม พี่มนตรามีให้นายใช้ไม่มีวันหมด” ริวจิเกลี้ยกล่อม
“ลองหน่อยสิ พี่อยากให้ฮคคุมีความสุขมากยิ่งกว่านี้ ลองแล้วไม่ดียังไงก็ไม่ต้องใช้อีก ไม่ติดหรอกแค่ครั้งเดียว อยากเห็นตอนฮคคุใช้มัน แล้วกำลังมีความสุข ลองดูเพื่อพี่สักครั้งนะ” มนตราพยายามพูด พยักหน้าเป็นเชิงวิงวอน
“ลองก็ได้ แต่ฉันกลัวเข็มนะ ฉันไม่กล้าฉีดเอง” ลมเหนือยอมเพราะเห็นแก่คนรัก...
“ไม่เป็นปัญหา เดี๋ยวพิ้งค์ฉีดให้” พิ้งค์รับอาสา และริวจิช่วยจับแขนเพื่อน
ส่วนลมเหนือไม่กล้ามอง เบือนหน้าหนีไปมองทางอื่น...
“เฮ้ย! เข็มฉีดยาแทงไม่เข้า นี่แสดงว่าที่สักยันต์มาทำให้หนังเหนียว โห... ศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ ยันต์ของหลวงพ่อพึ่ง” ริวจิว่าอย่างทึ่งและศรัทธาในบารมีของหลวงพ่อพึ่ง แต่ตัวเขาทำไม่ดีไม่มีศีลธรรม ต่อไปสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะไม่อยู่คุ้มครองเขา
“อย่างนั้นใช้บุหรี่ยัดไส้สูบเข้าไป วิธีนี้คงใช้ได้ผล” มนตราไม่ละความพยายาม ว่าแล้วเข้าไปหยิบจากในตู้ข้างหัวเตียง ป้อนบุหรี่เข้าปากลมเหนือ แล้วจุดไฟแช็กให้เขาสูบเข้าไป
ลมเหนือดูดควันเข้าไปในปอด และสูบต่อเนื่องไปอีกหลายที ชั่วเวลาไม่นานสมองเริ่มเบลอ...
แล้วพวกเขาจึงปล่อยให้นอนพัก ยาออกฤทธิ์... ลมเหนือมีความสุขกับมัน...
มนตราขับรถมาส่งทั้งลมเหนือและริวจิ ปล่อยให้ลงแถวใกล้บ้านตอนบ่ายสามโมงเย็น
บ่ายสี่โมง... กาฬวารมาสอนภาษาไทย น่าสงสัยนักเรียนของเธอเงียบเชียบผิดปกติ ต่างคนต่างตาเหม่ออย่างกับคนไม่มีวิญญาณ แต่ที่แปลกกว่านั้นพวกเขาเผลอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แบบไม่มีปีไม่มีขลุ่ย จะถามก็ไม่กล้า กลัวเจอคำตอบที่แปลกยิ่งกว่า...
...........วันต่อมา กาฬวารไปสอนภาษาไทยอีก แต่ปรากฏว่านักเรียนไม่อยู่ อยู่แต่คุณมิลิน
“เหนือ... คงไม่กลับบ้านแล้วล่ะ เพื่อนเขาเพิ่งบอก แล้วรีบเดินทางกลับญี่ปุ่นกะทันหัน ก่อนหน้ากาฬมาเมื่อกี้”
“ทำไมคุณเหนือไม่กลับบ้านล่ะคะ”
“เขาติดผู้หญิง ฉันนึกไม่ถึง... เหนือจะกลายเป็นอย่างนี้ ทั้งที่เคยอบรมสั่งสอนอย่างดีทำไมเสียคนไปได้ ตอนนี้อยู่ที่ไหนไม่รู้ เขาหนีตามผู้หญิงไปคงไปอยู่ด้วยกัน มันน่าเสียใจจริง ๆ ” คุณมิลินกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
กาฬวารจึงลากลับ เพราะไม่มีหน้าที่ต้องสอนหนังสืออีก ตกตอนดึกก่อนจะตื่นนอน เธอฝัน...
“คุณเหนือ” กาฬวารกล่าวทัก เขาอยู่ในชุดเสื้อลายสก็อตสลับขาวดำ กางเกงยีนตัวเก่งแบบขาดยุ่ย และใส่ถุงมือสีดำ สำหรับขับมอเตอร์ไซค์เหมือนที่เธอเคยเห็น
“ทำไมเธอทำเป็นไม่เห็นฉัน ใคร ๆ ทำเป็นไม่เห็นฉัน ทุกคนเป็นอะไรกันไปหมด ฉันนั่งอยู่ที่ม้านั่งข้างบ้านเธอนี่ตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว พอไปที่บ้าน... ก็มีคนที่ฉันไม่รู้จักอยู่ในบ้านผลักฉันออกมา ไม่ให้ฉันเข้าบ้าน แม่กับพ่อเดินผ่านฉัน ฉันเรียกก็ไม่ได้ยิน ตะโกนเรียกยายให้เปิดประตูให้ ยายก็ไม่ได้ยิน” เขาตัดพ้อพร่ำพรรณนา สีหน้าหม่นหมอง...
กาฬวารลืมตาตื่น ลุกนั่งนึกทบทวนความฝัน... ให้รู้สึกใจคอเริ่มไม่ดี
“หรือว่าจะเกิดอุบัติเหตุ คุณเหนือยิ่งชอบขับมอเตอร์ไซค์เที่ยวเล่น” เธอพูดอยู่คนเดียว เหลียวมองประตูนึกอยากเปิดออกไปดู... มีอะไรอยู่ที่ม้านั่งข้างบ้าน? แต่อีกใจนึกกลัววูบขึ้นมา
‘ถ้าที่ฝันเห็น... เป็นวิญญาณคุณเหนือล่ะ หมายความว่า... ผี! ...’
หกโมงเช้า... กาฬวารทำบุญใส่บาตร กรวดน้ำอุทิศให้วิญญาณลมเหนือ เขารับรู้ทันทีเพราะเฝ้ามองดูอยู่ตลอด
‘รู้สึกอิ่ม... ไม่หิวเลยทั้งที่ไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน แถมยังชื่นใจอย่างประหลาด นี่เรา... ไม่ได้มีสภาพเป็นคนแล้วเหรอนี่ เราเป็นวิญญาณ! …’
ลมเหนือนึกอย่างตระหนก!
...........บ่ายสี่โมงเย็น บ้านโองาว่า กาฬวารอยากเล่าเรื่องความฝันให้คุณมิลินฟัง
“คุณมิลินไม่อยู่บ้านหรือคะคุณนาย” กาฬวารเอ่ยถามคุณนายจินตนา
“ฉันให้ไปช่วยงานคุณฮิงาชิที่ร้านทอง เห็นอยู่บ้านคิดมากเรื่องลูก เลยให้ไปพักสมองเสียบ้าง มีอะไรเหรอกาฬ”
“กาฬสงสารคุณมิลิน คงเป็นห่วงคุณเหนือว่าจะมาคุยด้วย มีเรื่องอยากเล่าเกี่ยวกับคุณเหนือค่ะ”
จากนั้นคุณนายจินตนาจึงได้รับฟังกาฬวารเล่าเรื่องความฝันอย่างละเอียด...
“เฮ้อ... ฉันชักเป็นห่วงเหนือ ไม่อยากเชื่ออย่างที่เพื่อนของเหนือเล่าให้ฟัง กลัวจะเกิดเรื่องกับเหนืออย่างที่กาฬสงสัยนั่นล่ะ แต่ตอนนี้คงถามใครไม่ได้ เพื่อนเหนือกลับญี่ปุ่นไปแล้ว ถึงถามก็คงไม่ยอมบอกความจริง”
...........ตีสามของวันรุ่งขึ้น... หลังกาฬวารตื่นนอน สวดมนต์และนั่งสมาธิ แล้วเปิดประตูออกมานั่งเล่นกับเจ้าสาม ลูกแมวอ้วนสีดำเพศผู้ตัวโปรด ภายนอกบ้านเวลาอย่างนี้ยังมืดสนิท อีกทั้งเงียบเชียบวังเวง ถนนหนทางข้างวัดเปลี่ยวร้างไร้ผู้คน ภายในวัดได้ยินเสียงสุนัข... ชวนขนหัวลุกเมื่อมันเห่าหอน รับช่วงต่อกันเป็นทอด ๆ อย่างเย็นยะเยือก...
“กาฬเอาแมวมาเลี้ยงด้วยเหรอ” เสียงทักทายเป็นเสียงผู้ชายหนุ่มฟังดูคุ้นหู
แต่กาฬวารยังไม่เห็นตัวคนถาม จึงมองหาท่ามกลางความมืดและนึกกลัว... ตกใจวูบขึ้นมา!
“ใคร? อยู่ที่ไหน...” ส่งเสียงถามอย่างหวั่นหวาด กวาดสายตาหันเหลียวมองล่อกแล่ก
“ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันเอง... คนที่เธอทำบุญกรวดน้ำให้” สำเนียงเสียงพูดเย็น ๆ ชอบกล!
“คุณเหนือเหรอ ฉันกลัว... ถ้าจะปรากฏตัวช่วยมาแบบเป็นคนนะ อย่ามาหลอกหลอน”
สิ้นคำบอกของกาฬวาร ค่อยปรากฏร่างที่เลือนราง... เป็นภาพสามมิติ ลมเหนือยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
กาฬวารรู้สึกกลัวจนเนื้อตัวชา ...หนาวเยือกจับขั้วหัวใจ เพราะในชีวิตยังไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อน แต่เพราะเธอหวังดีต่อเขาและเขาเคยดีต่อเธอ จึงพอลดความหวาดกลัวลงไปได้
“ขอบคุณนะที่ทำบุญให้ฉัน”
“ไม่ว่ายังไง ฉันต้องทำบุญให้คุณเหนืออยู่แล้ว ยิ่งเป็นวิญญาณอย่างนี้ ยิ่งต้องทำบุญให้มาก”
“ฉันรู้สึกว่าลูกแมวตัวนี้ มันมองเห็นฉันด้วย ดูสิ...” ลมเหนือบอก
กาฬวารมองตามดวงตาของลูกแมว มันแหงนมองไปที่เขา เธอจึงเล่าเรื่องของแมวให้ฟัง...
“อืม... จริงด้วยแฮะ แปลกจัง นี่เป็นลูกแมวตัวผู้ ฉันตั้งชื่อมันว่า... สาม ก่อนนั้นมีแม่แมวท้องแก่มาจากวัด แอบออกลูกในกล่องเก็บผ้าขี้ริ้วข้างบ้าน”
“อยากเป็นลูกแมวตัวนั้น อยากให้เธอลูบหัวบ้าง กอดบ้าง อยากถูกจับต้องได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ไม่มีใครมองเห็นแบบนี้ ฉันไม่มีเพื่อนเลย ฉันเข้าบ้านตัวเองไม่ได้ เจ้าที่ไม่ให้เข้าไปในบ้าน ฉันคิดถึงแม่ เห็นแม่ออกมาทำบุญใส่บาตร อธิษฐานขอให้ฉันกลับบ้าน ทั้งที่ฉันยืนอยู่ริมรั้วใกล้ ๆ ตัว แม่ยังมองไม่เห็นฉัน” ลมเหนือเล่าให้ฟังอย่างเศร้าสร้อย มือลูบหัวลูกแมวดำ แต่ร่างกายเขาโปร่งใส สัมผัสตัวมันไม่ได้เลย
“ฉันจะช่วยคุณเหนือยังไงดีถึงจะเข้าบ้านได้ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นวิญญาณเร่รอน”
เป็นคำถามที่ไร้คำตอบ ไม่มีใครรู้... จากนั้นกาฬวารพยายามค้นคว้าหาหนังสืออ่านเกี่ยวกับเรื่องภูตผีวิญญาณ
...........วิญญาณลมเหนือล่องลอยเรื่อยไป ...ไม่รู้ทิศทางแห่งไหนจนได้เจอเธอที่เขาหลงรักนักหนา
แต่เธอไม่ได้หันมอง แน่ล่ะ... เธอมองไม่เห็นเขา ขณะนั้นเธอยืนอยู่ริมถนน มีรถบีเอ็มสีเงินคันหนึ่งมาจอดเทียบ แล้วเธอเปิดประตูรถ เข้าไปนั่งข้างคนขับ วิญญาณลมเหนือจึงเข้าตามไปนั่งเบาะหลัง
“คุณคมกริช คิดถึงคุณจังเลยค่ะ” มนตรากอดแขนชายหนุ่มคนนั้นอย่างสนิทสนม แล้วเขาขับรถออกไป
วิญญาณลมเหนือใจเสีย สลดวูบลงไปอย่างมาก เมื่อเห็นคนรักของตนกอดชายอื่นต่อหน้าต่อตา
“เธอเป็นนักขายที่เก่งยอดเยี่ยม ของล็อตใหม่คราวนี้ฉันแถมโบนัสให้ด้วย รถยนต์รุ่นใหม่ป้ายแดง มีของอยู่ใต้เบาะหลัง เธอไปแกะออกเอาเองนะ”
“ว้าย... จริงเหรอคะ ขอบคุณมากอย่างนี้คุ้มค่าที่ทำงานให้ น่ารักที่สุด” เธอกล่าว ยิ้มแย้มอย่างร่าเริง และแสดงการขอบคุณด้วยการหอมแก้มชายหนุ่มคนนั้น
วิญญาณลมเหนือมองดู... รู้สึกปวดร้าว เริ่มน้ำตาไหลโดยไม่มีใครเห็นร่างของเขา
“เราไปหาที่เงียบ ๆ ชานเมือง ทำธุระของเราสองคนกันหน่อยนะ พอดีฉันนัดให้เขาเอารถมาส่งเธอที่นั่นด้วย”
ชายหนุ่มขับรถเร่งอย่างเร็ว มุ่งหน้าไปในถนนสายนอกเมืองเส้นทางว่างโล่ง พักใหญ่จึงถึงทางสายเปลี่ยว ร่มครึ้มด้วยต้นไม้ใหญ่และป่าหญ้าสองข้างทาง รถบีเอ็มหรูเลี้ยวเข้าซอยที่เป็นดินลูกรังสีแดง ทางแคบ ๆ รกด้วยพงหญ้า และต้นไม้ที่ขึ้นเบียดเสียดกันหนาแน่น จนมองไม่เห็นถนนใหญ่ รถส่วนตัวถูกจอดสนิท ทั้งสองหนุ่มสาวปลดเข็มขัดนิรภัยจากตัว
“ข้ามไปที่เบาะหลังด้วยกันเถอะ” เสียงผู้ชายบอก ...วิญญาณลมเหนือต้องหลบมาที่เบาะหน้า
“ฉันรักคุณค่ะ คุณคมกริช” มนตราพูดออดอ้อน แล้วเป็นฝ่ายเริ่มจูบปากอีกฝ่าย ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวใน และเปิดอกเสื้อชายหนุ่มออก จูบไซ้ซอกคออย่างเร่าร้อนหิวกระหายตัณหาราคะ ไม่ต่างกับที่เธอเคยทำกับเขา
เห็นเท่านั้น... วิญญาณลมเหนือสุดเจ็บปวด ...ทรมานใจจนน้ำตาไหล ยิ่งเห็นคนรักของตนขึ้นคร่อมอยู่ระหว่างต้นขาของผู้ชายคนนั้น แล้วรูดอันเดอร์แวร์ของเธอเองออกจากปลายเท้า จากนั้นจึงปลดตะขอกางเกงของผู้ชาย พลางรูดซิปลง... วิญญาณลมเหนือกระโดดออกมานอกรถ ไม่สามารถทนดูอยู่ต่อไป แค่นั้นก็รู้แล้วว่าเขาจะทำอะไรกัน
“ทำไมต้องนอกใจผม พี่มนตราไม่รักผมแล้ว” วิญญาณลมเหนือร้องไห้คร่ำครวญ
ความรักครั้งแรกถูกทำลายไม่เหลือชิ้นดี หัวใจสลาย...
.
.
______________________...oooooOOOooooo...______________________...
...........เหลือเพียงลมเหนือไม่รู้จะได้นอนห้องไหน
“ตามมาสิฮคคุ พี่จะพาไปห้องนอน” มนตราส่งสายตาอ่อย พลางอมยิ้มมีเลศนัยแล้วเดินนำหน้า ขึ้นบันไดไปชั้นบน เปิดประตูห้องให้ดู มีเตียงคู่ขนาดคิงส์ไซด์สีขาว เฟอร์นิเจอร์ในห้อง และผ้าม่านเป็นสีชมพู ดูสวยหวาน
“นอนห้องชั้นบนนี้แหละ” มนตราบอก และใช้มือดันหลังให้เขาเดินเข้าไปภายในห้อง
“แล้วพี่มนตรานอนห้องไหนล่ะครับ”
“ถามทำไมเหรอ แน่ะ... จะแอบเข้าห้องพี่ อยากนอนด้วยใช่ไหม” แทนที่จะตอบคำถามของเขา เธอกลับย้อนยอกหยอกเย้า ส่งสายตาแพรวพราวให้ จิตใจเด็กหนุ่มหวามไหว... แทบพูดอะไรไม่ออกด้วยความเขินอาย รีบปฏิเสธแก้เก้อ
“ไม่ใช่อย่างนั้น...”
“นี่... ผ้าขนหนู มีชุดนอนเสื้อเชิ้ตให้เปลี่ยน อาบน้ำก่อนนอนนะจ๊ะ” เธอหยิบผ้าขนหนูออกมาจากตู้เสื้อผ้า แล้วยื่นให้เขารับ
“ขอบคุณครับ”
“ไม่ต้องปิดประตูห้องน้ำนะ เพราะว่าลูกบิดมันเสีย ปิดแล้วจะเปิดไม่ออก” เธอบอกอย่างนั้น ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ แต่ความจริงแล้ว... มันไม่ได้เสียอย่างที่เธอว่าเลย
ลมเหนืออาบน้ำสักครู่... ฟอกสบู่แล้วล้างออก
“พี่ถูหลังให้ไหมจ๊ะ” มนตราเข้ามาอย่างเงียบเชียบ เล่นเอาเขาตกใจ! ค่อนไปทางตื่นเต้นมากกว่า เมื่อเห็นเธอมีผ้าขนหนูผืนเล็กพาดบ่า ปกปิดหน้าอกเปล่าเปลือย มองลงไปเห็นอันเดอร์แวร์บาง ๆ เพียงตัวเดียวที่เธอสวมใส่อยู่ ...ได้แต่มอง อ้าปากค้าง...
“คะ... ครับ”
“ว้าว... ฮคคุนี่แมนมาก หุ่นดีชะมัด ไหล่กว้าง แขน... กล้ามเป็นมัด ซิกแพ็กนี่... ฟิตแอนด์เฟิร์มจัง” เธอเข้าข้างหลัง ลูบไล้ตั้งแต่หัวไหล่เรื่อยไปถึงแขน แม้แต่หน้าท้องของเขา ...โดนสัมผัสจากฝ่ามืออุ่น ๆ และนุ่มนิ่มของสาวสวย หัวใจเด็กหนุ่มมันเต้นโครมคราม รุนแรง... จนระงับใจไม่อยู่เลยทีเดียว
“หุ่นแบบนี้ทรมานใจพี่นะรู้ไหม ...อยากกอด” เธอเชิดหน้าขึ้น กระซิบข้างใบหูเด็กหนุ่มที่ตัวสูงกว่า
“ผมก็เหมือนกันอยากกอดจนทนไม่ไหวแล้ว อยากกอดผมก็กอดสิ ผมรักพี่มนตรา” ลมเหนือหันหลังกลับมารวบกอดมนตราแน่น...
“น่ารักจังฮคคุ ขอจูบที...” วงแขนเธอโอบรอบคอเขา โน้มลงมาจูบปากประกบปาก เธอคล่องอยู่แล้วเรื่องจูบ... ทำให้เด็กหนุ่มผู้ไม่เคยมือสาวที่เร้าเร่งให้หวามไหว หลงใหล... ถึงกับคลั่งไคล้ ฝ่ามือเธอลูบคลึงบริเวณเนินอกล่ำของเขา ใช้เรือนร่างเบียดซบ ซุกเข้าหาความอบอุ่นในกันและกัน
“ผมยังไม่เคยกอดใคร พี่มนตราทำให้ผมอดใจไม่ไหว อยากทำอะไรผมก็ทำเถอะ ผมอยากให้พี่กอดผม จูบผม อย่าหยุดกอด อย่าหยุดจูบ” ลมเหนือบอก ...เสียงพร่ากระเส่าด้วยความปรารถนาอันร้อนแรง
สาวใหญ่ไฟแรงสูงอย่างมนตรามีหรือจะหยุดยั้ง ยังไงเขาก็เป็นเด็กหนุ่มที่โดนใจ เร้าใจเสน่หาไม่ใช่เล่นตั้งแรกเห็นเมื่อได้สบตาอยู่แล้ว
“ไปที่เตียงเถอะ” บอกพร้อมกอดแขนเขา เดินไปที่เตียงด้วยกัน และผลักเขาลงนอนหงายบนเตียง เธอคลานเข้าหา... มองด้วยสายตายั่วยวนใจ เร่งเร้าให้แรงร้อนไปด้วยไฟราคะ แล้วคร่อมร่างกายที่ใหญ่โตกว่าของเด็กหนุ่ม
“พี่มนตราเซ็กซี่เด็ดขาด ...บาดใจจริง ๆ จนผมจะคลั่งใจตายอยู่แล้ว” เขากล่าวชม ตามองที่หน้าอกสาวสวย ยามก้มลงมาน่าจับต้อง ...อยากสัมผัสคลึงเคล้า
แล้วมนตราจึงทาบทับลงแนบชิดเรือนร่างเด็กหนุ่ม
“เธอเป็นเด็กดีที่น่าจูบซะจริง” เธอบอก วกกลับมาประกบปาก จูบร้อนแรง... มือนั้นลูบไล้เลื่อนจากหน้าอก ลงไปถึงบริเวณหน้าท้องน้อย เลื่อนมือลูบต่ำลงไปอีก... ถึงบริเวณสุดสงวนที่ตั้งตระหง่านตาระหว่างต้นขาทั้งสองของเขา
“ถึงจะเด็ก แต่ตรงนี้ทำไมมันมโหฬาร ...ชอบใจส่วนนี้ที่สุด”
สัมผัสจากมือนุ่มอบอุ่นของเธอกระตุ้นให้ลมเหนือเร่าร้อนถึงกับต้องร้องครางอย่างไม่เป็นศัพท์
“อื้อ... ผม... จะไม่ไหวแล้ว”
“ไม่ต้องกลัว เข้ามาในตัวพี่สิ พี่เต็มใจรอรับ” เธอพูดกระซิบยั่วยวนชวนให้ใจยิ่งเตลิด...
ใจที่กำลังคลั่งไคล้นั้นสุดกลั้นจนแทบระเบิด จับตัวเธอกดลงในท่านอนหงาย แล้วเขาพลิกตัวขึ้นคร่อมทับ ถึงตอนนี้ต่อให้เอาช้างมาฉุด คงหยุดยั้งใจไม่อยู่ เลือดในกายเด็กหนุ่มฉีดซ่าน ...พลุ่งพล่านราวภูเขาไฟใกล้ปะทุ
“ผมขอเข้าล่ะนะครับ” ลมเหนือขออนุญาตอย่างสุภาพ มุ่งมั่นเข้าไปในเป้าหมายที่ใจกระสัน ปรารถนาเริงรักไม่อยากหยุดหย่อน ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและไม่ต้องการพักผ่อน กระทำตามใจด้วยแรงฤทธิ์พิศวาส ภูเขาไฟอย่างเขาต้องการปลดปล่อยสายธารลาวาร้อนให้ไหลออกจากปล่องจนหมด
จนกระทั่งถึงที่สุด... มีแต่เสียงลมหายใจหอบกระชั้น แยกไม่ออกเสียงใครเป็นเสียงใคร ต่างสุขสมใจไปด้วยกัน
“พี่รักฮคคุ... ทำให้พี่มีความสุขที่สุด”
“ไม่เคยเจออย่างนี้มาก่อน... ผมก็รักพี่มนตราเหมือนกัน”
...........มนตราลุกขึ้นจากเตียงนอนทั้งยังไม่สว่าง เดินลงมาชั้นล่างเพื่อดื่มน้ำ
“เห็นสวรรค์แล้วล่ะสิ” ริวจิพูดหยอกยิ้ม ๆ
“ใช่... สุดยอด” มนตรายิ้มร่า... ยอมรับเต็มปากเต็มคำ
“สอนยากไหมไก่อ่อนของพี่”
“ว่านอนสอนง่าย น่ารักที่สุด ...อยากอยู่ด้วยตลอดไปไม่รู้เบื่อเลย”
“ผมว่าฮคคุชอบพี่มนตรามาก มันคงหลงพี่เหมือนกัน”
“แต่พี่กลัวถูกทิ้ง เพราะความจริงอายุต่างกันมากตั้งสิบปี เขาจะมาคิดจริงจังหวังแต่งงานกับพี่เหรอ”
“เรื่องนั้นผมไม่แน่ใจ แต่บ้านฮคคุมันรวย เป็นถึงหลานชายเจ้าของร้านทอง”
“ถึงอย่างนั้นเชียว? ” พูดถึงผู้ชายรวยทำให้มนตราตาโตได้ไม่ยาก เธอเป็นผู้หญิงอีกคนที่ฝันอยากแต่งงานกับคนรวย
“ใครได้มันไปเป็นผัวมีหวังได้อยู่อย่างสุขสบาย มีกินมีใช้ไปตลอดชาติ”
“อยากได้ฮคคุมาเป็นผัวตัวจริง... แต่จะทำยังไงให้เขาผูกพันอยู่ด้วยกันไม่ทิ้งไปไหน”
“อยากให้มันติดพี่มนตราไม่หนีไปไหนไม่เห็นยาก ผมมีวิธี... พี่มนตราก็ใช้สิ่งที่พี่มีสิ เฮโรอีน พี่เป็นคนขาย... มีให้แฟนใช้ได้ไม่ขาดอยู่แล้วจริงไหม? ...”
“ฉีดเข้าไป... รับรองติด ไม่มีทางไปไหนรอด วิธีนี้ใช้ได้ผลจริง” พิ้งค์พูดส่งเสริม เห็นชอบในเรื่องไม่ดีไม่ควรด้วย
“ฮคคุไม่ใช่เด็กประเภทชอบเสพยา เขาคงไม่เอาด้วยหรอก”
“ไม่แน่ถ้าถูกเกลี้ยกล่อม ถ้าได้ลอง... อาจจะเป็นไปได้ ผมจะช่วยเกลี้ยกล่อมฮคคุเอง” ริวจิอาสา
...........พิ้งค์ถนัดใช้เฮโรอีนชนิดฉีดอยู่แล้ว จึงจัดการผสมใส่เข็มฉีดยาให้เรียบร้อย แล้วทั้งสามคนจึงพากันขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นบน ลมเหนือใส่ชุดนอนไม่ติดกระดุมเสื้อ ตื่นนอนแล้วแต่ยังไม่อยากลุกจากเตียง
“เป็นไง ฮคคุ รู้จักยัง? ครั้งแรกของชีวิตหนุ่มลูกผู้ชายอย่างเรา ทีนี้คงคุยกับใครได้ว่าเคย... แล้วใช่ไหม”
“ก็... อืม” ลมเหนือตอบ อมยิ้มเขิน ๆ มองสบตามนตราอย่างหวานเชื่อม
“เฮ้อ... คืนนี้มีแต่คนมีความสุข ฉันก็เหมือนกันมีความสุขจังเลย แต่ยังมีสิ่งที่ช่วยให้มีความสุขยิ่งขึ้นไปอีกนะ”
“ใช่... มันจะทำให้มีความสุขมาก ยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์เลยล่ะ พิ้งค์เคยลองมาแล้วนี่ไง... ยาสวรรค์ ฉีดเข้าไป ...รับรองเป็นสุขสุด ๆ ” พิงค์ยกเข็มฉีดยาที่บรรจุแล้วให้ดู
“ฉันไม่ชอบเข็มฉีดยา กลัว... เอาไปไกล ๆ เถอะ” เขาบอก ทำหน้าขยาด เพราะเขาเป็นโรคแพ้เข็มฉีดยา
“ไม่เจ็บหรอก ขนาดพิงค์เป็นผู้หญิงยังไม่กลัวเลย ฮคคุเป็นผู้ชายตัวโตกลัวอะไร แค่เข็มฉีดยาอันนิดเดียว”
“ไม่ลอง... ไม่รู้นะว่ามันทำให้มีความสุขสุดยอดขนาดไหน” ริวจิพูดชักชวน
“มันคืออะไรล่ะ ยาอันตรายหรือเปล่า” ถามไปในใจหวั่นกลัว...
“เฮโรอีนบริสุทธิ์ไงล่ะ ฮคคุ” มนตราตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ
ลมเหนือส่ายหน้าทันที รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นยาเสพติดให้โทษ เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย
“รู้ไหมทำไมมันถึงเป็นยาเสพติด เพราะมันทำให้คนมีความสุขมาก คนถึงติดและต้องการมัน พี่มนตราเขาถึงขายได้ นายลองครั้งเดียวไม่ติดแน่ ๆ แต่ถึงติด... นายจะต้องไปกลัวทำไม พี่มนตรามีให้นายใช้ไม่มีวันหมด” ริวจิเกลี้ยกล่อม
“ลองหน่อยสิ พี่อยากให้ฮคคุมีความสุขมากยิ่งกว่านี้ ลองแล้วไม่ดียังไงก็ไม่ต้องใช้อีก ไม่ติดหรอกแค่ครั้งเดียว อยากเห็นตอนฮคคุใช้มัน แล้วกำลังมีความสุข ลองดูเพื่อพี่สักครั้งนะ” มนตราพยายามพูด พยักหน้าเป็นเชิงวิงวอน
“ลองก็ได้ แต่ฉันกลัวเข็มนะ ฉันไม่กล้าฉีดเอง” ลมเหนือยอมเพราะเห็นแก่คนรัก...
“ไม่เป็นปัญหา เดี๋ยวพิ้งค์ฉีดให้” พิ้งค์รับอาสา และริวจิช่วยจับแขนเพื่อน
ส่วนลมเหนือไม่กล้ามอง เบือนหน้าหนีไปมองทางอื่น...
“เฮ้ย! เข็มฉีดยาแทงไม่เข้า นี่แสดงว่าที่สักยันต์มาทำให้หนังเหนียว โห... ศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ ยันต์ของหลวงพ่อพึ่ง” ริวจิว่าอย่างทึ่งและศรัทธาในบารมีของหลวงพ่อพึ่ง แต่ตัวเขาทำไม่ดีไม่มีศีลธรรม ต่อไปสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะไม่อยู่คุ้มครองเขา
“อย่างนั้นใช้บุหรี่ยัดไส้สูบเข้าไป วิธีนี้คงใช้ได้ผล” มนตราไม่ละความพยายาม ว่าแล้วเข้าไปหยิบจากในตู้ข้างหัวเตียง ป้อนบุหรี่เข้าปากลมเหนือ แล้วจุดไฟแช็กให้เขาสูบเข้าไป
ลมเหนือดูดควันเข้าไปในปอด และสูบต่อเนื่องไปอีกหลายที ชั่วเวลาไม่นานสมองเริ่มเบลอ...
แล้วพวกเขาจึงปล่อยให้นอนพัก ยาออกฤทธิ์... ลมเหนือมีความสุขกับมัน...
มนตราขับรถมาส่งทั้งลมเหนือและริวจิ ปล่อยให้ลงแถวใกล้บ้านตอนบ่ายสามโมงเย็น
บ่ายสี่โมง... กาฬวารมาสอนภาษาไทย น่าสงสัยนักเรียนของเธอเงียบเชียบผิดปกติ ต่างคนต่างตาเหม่ออย่างกับคนไม่มีวิญญาณ แต่ที่แปลกกว่านั้นพวกเขาเผลอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แบบไม่มีปีไม่มีขลุ่ย จะถามก็ไม่กล้า กลัวเจอคำตอบที่แปลกยิ่งกว่า...
...........วันต่อมา กาฬวารไปสอนภาษาไทยอีก แต่ปรากฏว่านักเรียนไม่อยู่ อยู่แต่คุณมิลิน
“เหนือ... คงไม่กลับบ้านแล้วล่ะ เพื่อนเขาเพิ่งบอก แล้วรีบเดินทางกลับญี่ปุ่นกะทันหัน ก่อนหน้ากาฬมาเมื่อกี้”
“ทำไมคุณเหนือไม่กลับบ้านล่ะคะ”
“เขาติดผู้หญิง ฉันนึกไม่ถึง... เหนือจะกลายเป็นอย่างนี้ ทั้งที่เคยอบรมสั่งสอนอย่างดีทำไมเสียคนไปได้ ตอนนี้อยู่ที่ไหนไม่รู้ เขาหนีตามผู้หญิงไปคงไปอยู่ด้วยกัน มันน่าเสียใจจริง ๆ ” คุณมิลินกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
กาฬวารจึงลากลับ เพราะไม่มีหน้าที่ต้องสอนหนังสืออีก ตกตอนดึกก่อนจะตื่นนอน เธอฝัน...
“คุณเหนือ” กาฬวารกล่าวทัก เขาอยู่ในชุดเสื้อลายสก็อตสลับขาวดำ กางเกงยีนตัวเก่งแบบขาดยุ่ย และใส่ถุงมือสีดำ สำหรับขับมอเตอร์ไซค์เหมือนที่เธอเคยเห็น
“ทำไมเธอทำเป็นไม่เห็นฉัน ใคร ๆ ทำเป็นไม่เห็นฉัน ทุกคนเป็นอะไรกันไปหมด ฉันนั่งอยู่ที่ม้านั่งข้างบ้านเธอนี่ตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว พอไปที่บ้าน... ก็มีคนที่ฉันไม่รู้จักอยู่ในบ้านผลักฉันออกมา ไม่ให้ฉันเข้าบ้าน แม่กับพ่อเดินผ่านฉัน ฉันเรียกก็ไม่ได้ยิน ตะโกนเรียกยายให้เปิดประตูให้ ยายก็ไม่ได้ยิน” เขาตัดพ้อพร่ำพรรณนา สีหน้าหม่นหมอง...
กาฬวารลืมตาตื่น ลุกนั่งนึกทบทวนความฝัน... ให้รู้สึกใจคอเริ่มไม่ดี
“หรือว่าจะเกิดอุบัติเหตุ คุณเหนือยิ่งชอบขับมอเตอร์ไซค์เที่ยวเล่น” เธอพูดอยู่คนเดียว เหลียวมองประตูนึกอยากเปิดออกไปดู... มีอะไรอยู่ที่ม้านั่งข้างบ้าน? แต่อีกใจนึกกลัววูบขึ้นมา
‘ถ้าที่ฝันเห็น... เป็นวิญญาณคุณเหนือล่ะ หมายความว่า... ผี! ...’
หกโมงเช้า... กาฬวารทำบุญใส่บาตร กรวดน้ำอุทิศให้วิญญาณลมเหนือ เขารับรู้ทันทีเพราะเฝ้ามองดูอยู่ตลอด
‘รู้สึกอิ่ม... ไม่หิวเลยทั้งที่ไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน แถมยังชื่นใจอย่างประหลาด นี่เรา... ไม่ได้มีสภาพเป็นคนแล้วเหรอนี่ เราเป็นวิญญาณ! …’
ลมเหนือนึกอย่างตระหนก!
...........บ่ายสี่โมงเย็น บ้านโองาว่า กาฬวารอยากเล่าเรื่องความฝันให้คุณมิลินฟัง
“คุณมิลินไม่อยู่บ้านหรือคะคุณนาย” กาฬวารเอ่ยถามคุณนายจินตนา
“ฉันให้ไปช่วยงานคุณฮิงาชิที่ร้านทอง เห็นอยู่บ้านคิดมากเรื่องลูก เลยให้ไปพักสมองเสียบ้าง มีอะไรเหรอกาฬ”
“กาฬสงสารคุณมิลิน คงเป็นห่วงคุณเหนือว่าจะมาคุยด้วย มีเรื่องอยากเล่าเกี่ยวกับคุณเหนือค่ะ”
จากนั้นคุณนายจินตนาจึงได้รับฟังกาฬวารเล่าเรื่องความฝันอย่างละเอียด...
“เฮ้อ... ฉันชักเป็นห่วงเหนือ ไม่อยากเชื่ออย่างที่เพื่อนของเหนือเล่าให้ฟัง กลัวจะเกิดเรื่องกับเหนืออย่างที่กาฬสงสัยนั่นล่ะ แต่ตอนนี้คงถามใครไม่ได้ เพื่อนเหนือกลับญี่ปุ่นไปแล้ว ถึงถามก็คงไม่ยอมบอกความจริง”
...........ตีสามของวันรุ่งขึ้น... หลังกาฬวารตื่นนอน สวดมนต์และนั่งสมาธิ แล้วเปิดประตูออกมานั่งเล่นกับเจ้าสาม ลูกแมวอ้วนสีดำเพศผู้ตัวโปรด ภายนอกบ้านเวลาอย่างนี้ยังมืดสนิท อีกทั้งเงียบเชียบวังเวง ถนนหนทางข้างวัดเปลี่ยวร้างไร้ผู้คน ภายในวัดได้ยินเสียงสุนัข... ชวนขนหัวลุกเมื่อมันเห่าหอน รับช่วงต่อกันเป็นทอด ๆ อย่างเย็นยะเยือก...
“กาฬเอาแมวมาเลี้ยงด้วยเหรอ” เสียงทักทายเป็นเสียงผู้ชายหนุ่มฟังดูคุ้นหู
แต่กาฬวารยังไม่เห็นตัวคนถาม จึงมองหาท่ามกลางความมืดและนึกกลัว... ตกใจวูบขึ้นมา!
“ใคร? อยู่ที่ไหน...” ส่งเสียงถามอย่างหวั่นหวาด กวาดสายตาหันเหลียวมองล่อกแล่ก
“ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันเอง... คนที่เธอทำบุญกรวดน้ำให้” สำเนียงเสียงพูดเย็น ๆ ชอบกล!
“คุณเหนือเหรอ ฉันกลัว... ถ้าจะปรากฏตัวช่วยมาแบบเป็นคนนะ อย่ามาหลอกหลอน”
สิ้นคำบอกของกาฬวาร ค่อยปรากฏร่างที่เลือนราง... เป็นภาพสามมิติ ลมเหนือยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
กาฬวารรู้สึกกลัวจนเนื้อตัวชา ...หนาวเยือกจับขั้วหัวใจ เพราะในชีวิตยังไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อน แต่เพราะเธอหวังดีต่อเขาและเขาเคยดีต่อเธอ จึงพอลดความหวาดกลัวลงไปได้
“ขอบคุณนะที่ทำบุญให้ฉัน”
“ไม่ว่ายังไง ฉันต้องทำบุญให้คุณเหนืออยู่แล้ว ยิ่งเป็นวิญญาณอย่างนี้ ยิ่งต้องทำบุญให้มาก”
“ฉันรู้สึกว่าลูกแมวตัวนี้ มันมองเห็นฉันด้วย ดูสิ...” ลมเหนือบอก
กาฬวารมองตามดวงตาของลูกแมว มันแหงนมองไปที่เขา เธอจึงเล่าเรื่องของแมวให้ฟัง...
“อืม... จริงด้วยแฮะ แปลกจัง นี่เป็นลูกแมวตัวผู้ ฉันตั้งชื่อมันว่า... สาม ก่อนนั้นมีแม่แมวท้องแก่มาจากวัด แอบออกลูกในกล่องเก็บผ้าขี้ริ้วข้างบ้าน”
“อยากเป็นลูกแมวตัวนั้น อยากให้เธอลูบหัวบ้าง กอดบ้าง อยากถูกจับต้องได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ไม่มีใครมองเห็นแบบนี้ ฉันไม่มีเพื่อนเลย ฉันเข้าบ้านตัวเองไม่ได้ เจ้าที่ไม่ให้เข้าไปในบ้าน ฉันคิดถึงแม่ เห็นแม่ออกมาทำบุญใส่บาตร อธิษฐานขอให้ฉันกลับบ้าน ทั้งที่ฉันยืนอยู่ริมรั้วใกล้ ๆ ตัว แม่ยังมองไม่เห็นฉัน” ลมเหนือเล่าให้ฟังอย่างเศร้าสร้อย มือลูบหัวลูกแมวดำ แต่ร่างกายเขาโปร่งใส สัมผัสตัวมันไม่ได้เลย
“ฉันจะช่วยคุณเหนือยังไงดีถึงจะเข้าบ้านได้ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นวิญญาณเร่รอน”
เป็นคำถามที่ไร้คำตอบ ไม่มีใครรู้... จากนั้นกาฬวารพยายามค้นคว้าหาหนังสืออ่านเกี่ยวกับเรื่องภูตผีวิญญาณ
...........วิญญาณลมเหนือล่องลอยเรื่อยไป ...ไม่รู้ทิศทางแห่งไหนจนได้เจอเธอที่เขาหลงรักนักหนา
แต่เธอไม่ได้หันมอง แน่ล่ะ... เธอมองไม่เห็นเขา ขณะนั้นเธอยืนอยู่ริมถนน มีรถบีเอ็มสีเงินคันหนึ่งมาจอดเทียบ แล้วเธอเปิดประตูรถ เข้าไปนั่งข้างคนขับ วิญญาณลมเหนือจึงเข้าตามไปนั่งเบาะหลัง
“คุณคมกริช คิดถึงคุณจังเลยค่ะ” มนตรากอดแขนชายหนุ่มคนนั้นอย่างสนิทสนม แล้วเขาขับรถออกไป
วิญญาณลมเหนือใจเสีย สลดวูบลงไปอย่างมาก เมื่อเห็นคนรักของตนกอดชายอื่นต่อหน้าต่อตา
“เธอเป็นนักขายที่เก่งยอดเยี่ยม ของล็อตใหม่คราวนี้ฉันแถมโบนัสให้ด้วย รถยนต์รุ่นใหม่ป้ายแดง มีของอยู่ใต้เบาะหลัง เธอไปแกะออกเอาเองนะ”
“ว้าย... จริงเหรอคะ ขอบคุณมากอย่างนี้คุ้มค่าที่ทำงานให้ น่ารักที่สุด” เธอกล่าว ยิ้มแย้มอย่างร่าเริง และแสดงการขอบคุณด้วยการหอมแก้มชายหนุ่มคนนั้น
วิญญาณลมเหนือมองดู... รู้สึกปวดร้าว เริ่มน้ำตาไหลโดยไม่มีใครเห็นร่างของเขา
“เราไปหาที่เงียบ ๆ ชานเมือง ทำธุระของเราสองคนกันหน่อยนะ พอดีฉันนัดให้เขาเอารถมาส่งเธอที่นั่นด้วย”
ชายหนุ่มขับรถเร่งอย่างเร็ว มุ่งหน้าไปในถนนสายนอกเมืองเส้นทางว่างโล่ง พักใหญ่จึงถึงทางสายเปลี่ยว ร่มครึ้มด้วยต้นไม้ใหญ่และป่าหญ้าสองข้างทาง รถบีเอ็มหรูเลี้ยวเข้าซอยที่เป็นดินลูกรังสีแดง ทางแคบ ๆ รกด้วยพงหญ้า และต้นไม้ที่ขึ้นเบียดเสียดกันหนาแน่น จนมองไม่เห็นถนนใหญ่ รถส่วนตัวถูกจอดสนิท ทั้งสองหนุ่มสาวปลดเข็มขัดนิรภัยจากตัว
“ข้ามไปที่เบาะหลังด้วยกันเถอะ” เสียงผู้ชายบอก ...วิญญาณลมเหนือต้องหลบมาที่เบาะหน้า
“ฉันรักคุณค่ะ คุณคมกริช” มนตราพูดออดอ้อน แล้วเป็นฝ่ายเริ่มจูบปากอีกฝ่าย ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวใน และเปิดอกเสื้อชายหนุ่มออก จูบไซ้ซอกคออย่างเร่าร้อนหิวกระหายตัณหาราคะ ไม่ต่างกับที่เธอเคยทำกับเขา
เห็นเท่านั้น... วิญญาณลมเหนือสุดเจ็บปวด ...ทรมานใจจนน้ำตาไหล ยิ่งเห็นคนรักของตนขึ้นคร่อมอยู่ระหว่างต้นขาของผู้ชายคนนั้น แล้วรูดอันเดอร์แวร์ของเธอเองออกจากปลายเท้า จากนั้นจึงปลดตะขอกางเกงของผู้ชาย พลางรูดซิปลง... วิญญาณลมเหนือกระโดดออกมานอกรถ ไม่สามารถทนดูอยู่ต่อไป แค่นั้นก็รู้แล้วว่าเขาจะทำอะไรกัน
“ทำไมต้องนอกใจผม พี่มนตราไม่รักผมแล้ว” วิญญาณลมเหนือร้องไห้คร่ำครวญ
ความรักครั้งแรกถูกทำลายไม่เหลือชิ้นดี หัวใจสลาย...
.
.
______________________...oooooOOOooooo...______________________...
ไตรติมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ก.พ. 2559, 09:42:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ก.พ. 2559, 09:42:19 น.
จำนวนการเข้าชม : 1278
<< ตอน ๔ | ตอน ๖ >> |