มาตามี
ซวย T T เขาบอกว่าตอนเบญจเพสระวังดวงซวย
มันคือเรื่องจริง แถมเจอคนบ้าอำนาจอย่างเฟรากัส
โอ๊ยปวดกบาล
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: เพศผู้ ตัวผู้


“ท่านเจ้า”



“รายงานมา”



“โจรภูเขา โจมตีหมู่บ้านทางตอนเหนือกวาดต้อนผู้หญิง เด็ก สัตว์เลี้ยงไปเป็นจำนวนมากขอรับ”



“ตามแกะรอยพวกมันได้หรือไม่”



“ขอรับ”



“ดี คืนนี้เราจัก ล่า!!”



“ขอรับ ข้าจักไปเตรียมการ”



ฟึบ!!!

เสียงผ้าคลุมกระโจมถูกเปิดขึ้นด้วยแรงไม่เบาเลยจากชายหนุ่มหน้าตาหวานละมุน



“ข้ามีเรื่องจักคุยกับท่าน”



“ว่ามา”

“ยามนี้ท่านเจ้าเผ่ากลับไปพำนักยังวังเหนือเมฆเรียบร้อยแล้ว จึงไม่มีเหตุผลอันใดที่ข้าจักต้องให้นางอยู่กระโจมเดียวกับท่านอีก”



“ฮึฮึ น่าขำ เมฆ เจ้าเป็นคนยื่นนางให้ข้า เจ้าลืมกระนั้นหรือ”



“ไฟ ถึงท่านคาเรย์จะมีบุญคุณกับข้าแต่เจ้ามันไม่ใช่ หากข้าไม่เห็นแก่ท่านคาเรย์ คิดว่าข้าจักยอมรับการกระทำของท่านได้เยี้ยงนี้รึ”



“เจ้ามันคนนอก ไฟ”



“หืม เจ้าเป็นคนทำให้ข้าเป็นคนในเองมิใช่หรือ ยามนี้นางเป็นของของข้า เจ้ารู้ไม่ใช่หรือเมฆ หากของสิ่งใดเป็นของข้า มันย่อมไม่มีทางเปลี่ยนไปเป็นของใคร ข้าจักบี้จักขยี้ทารุณมันเยี่ยงใดย่อมได้ทั้งนั้น”



“เจ้าเป็นคนลากข้าเขามาในวังวนนี้เอง เมฆ ข้าจักไม่ยอมถอยออกไปแม้แต่ก้าวเดียว”



“ไฟ ท่านหาพิศวาสนางไม่ เหตุใดท่านต้องทำให้มันยากยิ่ง คืนนางให้ข้าเถิด”



“ไม่” คำประกาศนั่นเป็นคำตัดสิน แววตาเหลืองอำพันส่งประกายกร้าวรุนแรงนัก



“ท่าน” แววตาม่วงเข้มส่งประกายกร้าวแข็งกระด้างพอกัน



“ท่านหญิงเผ่าน้ำ เมื่อเจ้าเป็นคนนางมาจงดูแลนางรับผิดชอบนางอย่าให้ผู้อื่นลือได้ว่า เผ่าดินไร้ไมตรี”



“ท่าน!!!” ชายหนุ่มแววตาม่วงเข้มชักเริ่มออกอาการพูดไม่ออกเสียแล้ว



“หลีก ข้าจักไปทำงาน”



นั่นเป็นการตัดบทก่อนชายหนุ่มจะเดินหายลับออกจากกระโจมไป

……………………………………………………………………………………………………………………

สายตาเหลืองอัมพันหลับตาพักลงครู่หนึ่งค่อยๆย้อนนึกถึงครั้งวันวานยามเล่าเรียนวิชากับท่านมังกรผู้สูงศักดิ์ คาเรย์

ถ้อยคำที่เคยสนทนากับท่านอาจารย์ไว้นั้น ยามนี้มันเกิดขึ้นเสียแล้วอย่างไม่ทันเตรียมตัวเลยแม้แต่น้อย



“ไฟ”



“ขอรับ ท่านอาจารย์”



“ยามข้างหน้าจักมีเด็กน้อยแสนดื้อผู้หนึ่งมาอยู่ในมือของเจ้า จงดูแลนางให้ดีแทนข้าที่ไม่อาจทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับนางได้”



“ทำไมข้าต้องทำขอรับ เด็กที่ไหนกัน น่ารำคาญ ข้าหาชอบเด็กไม่”



“ยามเจ้าเห็นนาง เจ้าจักยอมด้วยความเต็มใจ”



“ไม่มีทางขอรับ”



“ฮึฮึ ข้าจักคอยดู”

………………………………………………………………………………………………………………………

หลังผ่านคืนแห่งโทสะอันครุกรุ่น



ในไม่ช้านานนักจาจึงกลายเป็นนายหญิงน้อยจอมปลอมของเผ่าดิน สามีปลอมๆหายออกไปจากวงจรชีวิตของหญิงสาวโดยรวมประมาณห้าวันแล้วทำให้หญิงสาวไม่ต้องอึดอัดมากนัก มหกรรมการเที่ยวเล่นสำรวจนั่นนี่จึงมาเป็นพรวนอีกทั้งเวลากลับเข้ากระโจมพักผ่อนจึงล่าช้าตามไปด้วย

เช่นวันนี้



กระโจมที่ปกติจะเงียบเฉียบแต่ครานี้กลับมีเสียงลมแหวกอากาศระหว่างผิวของเนื้อไม้ปะทะเข้ากับสายลมเบาๆซึ่งมีแหล่งกำเนิดมาจากการกวัดแกว่งของข้อมือเรียวยาวที่นั่งอยู่ข้างหน้าต่างทรงสูง



"หน้าที่ของภรรยา เมื่อสามีออกไปทำงานควรจักดูแลปัดกวาดเช็ดถูชานเรือน หุงหาข้าวปลาคอยเตรียมน้ำเตรียมท่าไม่ใช่รึ"



"พูดยังกับตัวเองกลับมาทุกวัน ไม้เรียวในมือนาย ฉันไม่กลัวหรอกนะ"



"เหรอ"



"อีกอย่าง เราไม่ใช่สามี ภรรยากันจริงๆซะหน่อย ทำไมฉันต้องทำ"



"เหรอ"



น้ำเสียงเริ่มเรียบเย็นขึ้นเรื่อยๆโดยที่หญิงสาวไม่ทันสังเกตุ ยังคงเจื้อยแจ้วเถียงคำไม่ตกฟากเอาชนะอยู่ร่ำไป



"นั่นสิ ข้าลืมไป"



เพี๊ย!!! แรงตบไม่เบาเลยบนแก้มขาว ใช้เวลาไม่นานจึงขึ้นปื้นเป็นรอยแดง

คนโดยทำร้ายกุมแก้มด้วยความตกตะลึงยิ่ง พลางพุ่งตัวเข้าประชิดหมายเอาคืน แต่ทว่าปลายเท้ากลับถูกตอกแน่น

ติดกับพื้นกระโจมบวกกับข้อพับถูกแรงลมไร้ที่มาซัดกระแทกจนทรุดคุกเข่าอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มที่มี

แววตาเย็นยะเยือก



"เรื่องคราก่อน จำได้รึไม่ว่าเจ้าดูหมิ่นผัวของเจ้าไว้เยี่ยงใด"

แววตาเหลืองอัมพันเปล่งกระกายกร้าว



"เจ้าคนชั้นต่ำจงฟัง จงจำ การที่ข้าตบเจ้านั่นคือโทษที่เจ้ากล้าลบหลู่ข้า ข้าเป็นถึงชนชั้นสูงส่วนเจ้ามันชนชั้นต่ำ การที่ข้ายอมอวาหะกับเจ้าหาใช่ข้าพิศวาสในตัวเจ้าไม่"



"เจ้าเป็นเพียงแค่ตัวหมากของข้า จงเดินอยู่ในเส้นที่ข้าขีดให้เดิน"



"ข้าปราณีเจ้าแต่เจ้าไม่เคยไว้หน้าข้ากลับทำตัวไม่ให้เกียรติ์ข้า"



ขวับ!!! เสียงไม้แหวกสายลมกระทบบนหลังสาวหลายต่อหลายครั้งจนเนื้ออ่อนเริ่มปริแตก



"โอ๊ยๆๆ ฮือๆ คนเลว คนใจร้าย ปล่อยฉันนะ ฉันไม่ใช่ทาสของแกนะ ไอ้ชั่ว"



“ไอ้คนขี้ขลาด หนีการอวาหะมาหลบอยู่ในกระดองที่ชายแดน ฮาๆๆ”



แม้กายสู้ไม่ได้แต่ปากสาวยังจิกกัดได้แสบสันนัก หญิงสาวจงใจใช้ภาษาของดินแดนแห่งนี้เพื่อตอกย้ำให้ซึ้งกันเลยทีเดียว



ขวับ!!



"หยุดดูหมิ่นข้า ข้าหาหนีการอวาหะมาไม่ เจ้ามันจักไปรู้อะไร ฮึ หากเผ่าดินสานสัมพันธ์กับเผ่าน้ำเจ้าคิดว่าจักทำให้ดินมั่นคงขึ้นงั้นรึแล้วเผ่าลมกับเผ่าไฟเล่าจักเป็นเช่นไร”



“ไม่คิด ฉันไม่คิดอะไรทั้งนั้น ฉันเกลียดแก”



“หากเจ้าไม่หยุดก้าวร้าวข้า ข้าจักตีเจ้าจนเจ้ารู้สำนึก"



"โอ๊ย" ความเจ็บปวดทำให้คนเก่งเริ่มสงบนิ่งลง



"อย่าให้ข้าเป็นคนกลับมาถึงเรือนก่อนเจ้าอีก"

เรื่องถูกกล่าวหาเรื่องการหนีการอวาหะพักไว้ก่อนขอสะสางเรื่องการวางตัวของนางก่อน



ไม้เรียวถูกโยนทิ้งอย่างไม่ใยดีลงบนพื้นฟางพื้นนุ่มก่อนแขนสาวจะถูกดึงรั้งขึ้นเผชิญหน้า



"ปัดกวาดเช็ดถูเรือนให้ดี ให้สมกับตำแหน่งวสาของข้า อย่าให้ผู้อื่นพูดหลับหลังได้ว่าสถานะของเจ้าไม่เหมาะสม ข้าไม่ต้องการวสาคนใหม่ ข้าเหลือทนกับเรื่องเยี่ยงนี้"



"จงทำหน้าที่ของเจ้าให้สมกับ น้ำ ข้าว ที่เจ้าดื่มกินอยู่ทุกวัน"

หญิงสาวมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความแค้นเคืองยิ่ง แรงจะเถียงคืนแทบไม่มีเพราะทั้งเจ็บทั้งแสบจนระบมทั้งหลัง



(หนอยทวงบุญคุญ ไม่ทำ ยังไงก็ไม่ทำ)



"ไม่ทำ ฉันเกลียดแก ฮือๆ” หยาดน้ำไหลรินเปื้อนแก้มด้วยความอดสูนัก ป้องกันตนเองไม่ได้เลยสักนิด



(ใครก็ได้พาฉันออกไปจากขุมนรกนี้ที เกลียดมัน ร้อยเกลียดพันเกลียด)



ตุบ!!! ตับ!!!

รอยเล็บกรีดเป็นลายพลอยบนแผ่นอกกว้างจนรามถึงข้อแขนพร้อมแรงหมัดแรงศอกอีกหลายชุดระดมเอาคืนบนร่างของชายหนุ่ม



(ข้าไม่น่ายอมคลายมนตร์ให้เจ้า)



"เจ็บไม่เจียม"



ชายหนุ่มใช้แรงไม่เบานักผลักหญิงสาวจนกระเด็นไปอยู่ตรงมุมห้อง



"อยากโดนหวดอีกชุดรึ"



"มาสิเข้า มาเลย ฉันไม่กลัวแกหรอก" เริ่มตั้งการ์ดขึ้นสู้



เพียงวูบเดียวชายหนุ่มเข้าประชิดหญิงสาวแก้มบางสองด้านถูกบีบแน่น



"โอ๊ย ฮือ ไอ้คนใจสัตว์ ลงมือได้กับผู้หญิง"



"ข้าสั่งสอนภรรยาของข้า ข้าผิดอันใด หากเจ้าไม่อยากถูกตีจงทำตัวให้เหมาะสมสิเจ้า"



"ไม่ทำ ฉันจะกลับบ้าน ฉันเกลียดแก ข้อต่อรองทั้งหมดฉันขอยกเลิก ฉันยอมไปตายเอาดาบหน้าดีกว่าอยู่กะคนอย่างแก"



แผล๊บ!!! ลิ้นเปียกชื้นส้มผัสแนบบนมุมปากข้างรอยเลือด



"นาย ทะ ทาม อะไร" ความตกใจพุ่งเข้าปะทะหญิงสาวอย่างไม่ทันตั้งตัว



"เลีย"



(อะไรนะ เลียทำไม)



"จะ จะทำอะไร" คนปากเก่งนิ่งสนิทในอ้อมอกอุ่น



"รักษา อยู่นิ่งๆ"

ร่างน้อยถูกอุ้มพาไปส่งบนเตียงกว้าง ก่อนจะถูกรักษาอย่างเบามือจากสัมผัสลมอุ่นๆบนกลางหลัง ร่องรอยบอบช้ำจากการถูกตีค่อยๆจางลง



(ข้าทำเกินไปหรือ)

(นางช่างยั่วโทสะข้าได้เก่งนัก)



ความเจ็บปวดค่อยๆบรรเทาจนเหลือเพียงอาการปวดเบาๆเพราะแผลสดยังไม่สมานกันดีนัก


หว่างคิ้วเข้มๆเรียบระเบียงสวยพาให้คนป่วยนอนมองเสียงเพลิน
ไม่เข้าใจการกระทำของเขานักเพราะเมื่อครู่ยังโหดร้ายป่าเถื่อนแต่ตอนนี้กลับมาดูแล
คนอะไรอารมณ์แปรปรวนพัดไปพัดมา


(ต้องการอะไร จะทำให้ตายใจแล้วทำร้ายกันอีกรึไง)

(ใช่สิ เขาบอกเราแล้วนี่ว่าเราเป็นแค่หมาก)



"ปล่อย จะดูแลหมากดีอะไรนัก หมากตัวนี้มันไม่ตายง่ายๆหรอก"



"แผลเจ้ายังไม่สมานนัก"



"ช่างหัวมันสิ"



"ออกไป"



"อย่าดื้อ นอนซะ"



สัมผัสแผ่วเบาบนหน้าผากบางทำให้หญิงสาวรีบเช็ดถูทิ้งด้วยความโกรธ



(จะมาทำดีทำไม)

(คนใจร้าย)



ร่างหนาลับหายไปครู่ใหญ่แล้วส่วนบนเตียงกว้างกลับมีแต่รอยน้ำตา

……………………………………………………………………………………………………………………

ฟ้าไม่ซางดีนัก

คนที่ควรนอนรักษาตัวอยู่บนเตียงกลับไม่เห็นแม้แต่เงา



"ไม่อยู่หรอก" ยอมไปตาบเอาดาบหน้าดีกว่ายอมเป็นหมากให้เขาเล่น



"โอ๊ย เหนื่อยจัง ป่ามันกว้างจังนะ ยังไม่ถึงทางออกสักที"



"เจ้าจะพิงข้าอีกนานไหม"



"!!!"



(กรี๊ด มังกร มังกรตัวเป็นๆเลย นี่ฉันนั่งพิงมังกรอยู่เหรอนี่)



(ลำตัวสีขาวดวงตาสีดำ สวยจัง เอ๊ะหรือว่า คุณคาเรย์)



“คุณคาเรย์”



“หืม ข้านิลไม่ใช่คาเรย์”



(เออ นั่นสิ คุณคาเรย์จำศีลอยู่นี่หวา)



"ขอโทษค่ะ"



(ตัวใหญ่มาก ฟันดูคมนะ น่ากลัว นี่ตูหนีคนใจร้ายปะมังกรใช่ไหม ฮือๆๆๆๆ)



(อย่ากินเขานะ เขาไม่อร่อยหรอก น้ำยังไม่อาบ เหม็นสาปจะตาย)



"พรืด ฮาๆๆ เจ้าน่าขันดีสาวน้อย"



"เจ้าจะไปที่ใดรึ"



" ไม่รู้ แต่อย่ากินฉันนะ ฉันเนื้อน้อย" ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน รู้เพียงอยากหนีให้พ้นจากคนใจร้ายเท่านั้น



“ข้าไม่กินคนหรอกเจ้า” แววตาสีนิลฉายแววละอาพลางมองสบตาหญิงสาวยืนยันคำพูดตน



"เจ้าหนีออกจากบ้านมารึ" ก่อนแววตาดำสนิทจะมองจ้องคาดคั้น

"อืม"



คาดคะเนแล้วว่าสัตว์ร้ายตรงหน้าคงจะไม่เป็นอันตราย หญิงสาวจึงกลับไปจมอยู่ในความเจ็บปวดอีกครั้ง



"ทำไมหล่ะเจ้า"



"มันไม่น่าอยู่"



"หืม" เจ้ามังกรเอียงคอมองฉงนทำให้ความดุร้ายดูจางลง



"คิดว่าข้าเป็นสหายสักคน เล่าให้ข้าฟังใด้รึไม่"


นั่นแหละคือสิ่งที่ต้องการในเวลานี้ ใครสักคนที่รับฟัง ใครสักคนที่อยู่ข้างๆ
เมื่ออารมณ์ไม่ปกตินักทำให้เรื่องราวที่ถูกทำร้าย กาย ทำร้ายใจค่อยๆไหลบ่าออกมา


“เขาทำเหมือนฉันไม่ใช่คน เขาตี เขาบังคับ เอาแต่ใจตัวเองไม่เคยฟังฉันเลยสักคำ”



“เขาตบตีฉัน นั้นเป็นสิ่งที่ฉันทนอยู่กับเขาไม่ได้ พ่อแม่ยังไม่เคยตีฉันเลยสักแปะแต่เขากลับเหยียบย้ำศักดิ์ศรีของฉัน ดูถูกฉัน ทำร้ายฉัน ฉันเกลียดเขา”



“เขาเป็นอะไรกับเจ้ารึ”



“สามี” แก้มสาวเริ่มแดงระเรื่อ

(นี่ฉันเห็นแก่เมตารัสหรอกนะถึงปิดคำว่าปลอมๆไว้ ไอ้สามีปลอมเฮงซวย)



เจ้ามังกรทำหน้าครุ่นคิดครู่หนึ่ง



"สาวน้อย เจ้าเคยได้ยินรึไม่ บ้านมีกฎบ้านเมืองมีกฎเมือง"



"หากสามีเจ้าไม่สามารถคุมเจ้าซึ่งเป็นภรรยาได้ ใครที่ไหนเล่าจักเชื่อถือเขา"



"เป็นสาวเป็นนางควรกลับเรือนแต่เย็นย่ำไม่ใช่ดึกดื่นเยี่ยงเจ้าทำ"



“ฉันยังไม่ได้บอกสักคำเลยนะ ว่ากลับมืดๆอ่ะ รู้ได้ไง”



“นิสัยเยี่ยงเจ้า หากทำให้สามีเจ้าตีเจ้าเสียขนาดนี้ได้ มันจะมีเรื่องอะไรกันเล่านอกจากการประพฤติตนไม่เหมาะสมกับคำว่า ภรรยา”



“นี่ๆๆ หยุดเลยนะ”



(แสนรู้นักนะ ชิ)



“เจ้าคงไปเที่ยวเล่นทั้งวันทั้งคืนจนลืมงานบ้านงานเรือน”



“ทำไมฉันต้องทำ ฉันไม่อยากทำ”



“แล้วผู้อื่นจะมองสามีเจ้าเยี่ยงใดเล่า หากเจ้ายังประพฤติตนเช่นนี้”



“เจ้าไม่รักเขารึ การที่เจ้ายอมแต่งงานกับเขา เจ้าต้องเคารพและเชื่อฟังเขา เมื่อเจ้าเลือกเขานั่นเท่ากับเจ้าวางชีวิตครึ่งนึงไว้ที่เข้าแล้วสาวน้อย”



(มันเป็นเรื่องจอมปลอม โอ๊ยรู้สึกน้ำท่วมปาก)



"คุณเข้าข้างเข้า ใช่สิคุณมันตัวผู้เพศเดียวกับเขานี่"



"พวกชอบรังแกผู้หญิง เลว"



"อ้าวๆ เจ้า ใยเหมาข้ารวมไปด้วยเล่า ผิดอย่าพาลสิ"



"ฉันไม่ผิดนะ ฮึ้ย" แพดเสียงดังก้องแก้วหูมังกรหนุ่มเลยทีเดียว



"คนผิดย่อมไม่ยอมรับว่าตนเองผิด นั่นจะไปไหน" ปีกใหญ่กางปิดกั้นทางเดิน



"ถอยไปนะ ไม่อยากพูดด้วยแล้ว ฉันจะไปตามทางของฉัน"



(ผู้ชายที่นี่ปากร้ายทุกคน ไม่ว่าจะตัวผู้ หรือเพศผู้)



"ทางที่เจ้าเดินไป เจ้ารู้รึไม่ว่าทางข้างหน้าเจ้าจะเจอกับสิ่งใด"



"ไม่รู้ ดีกว่ากลับไปกระโจมบ้านั่น"



"เกิดบ้าขึ้นมาอีกเดี๋ยวก็มาตีฉันอีก"

น้ำตาปริ่มขอบตายามนึกถึงการถูกรังแกครั้งนั้นด้วยแค้นใจนักเพราะช่วยเหลือตนเองไม่ได้เลยสักนิด



"ไม่ตี"



"รู้ได้ไง คุณมันใช่เขา คุณไม่รู้หรอกว่าเขาโหดร้ายป่าเถื่อนกับฉันแค่ไหน"



มือบางยกขึ้นปาดเช็ดหยดน้ำตาบนแก้มขาว พอกันที หมดเวลาอ่อนแอแล้ว



"หากเขาตีเจ้า ข้าจักไปงับคอเขาเลยดีไหม"



"คุณไม่รู้จักเขา คุณจะไปทำร้ายเขาได้ไง"



"เฟรากัส" นามที่เอ๋ยขึ้นทำให้หญิงสาวถามกลับทันควัน



"คุณรู้ได้ไง"



"กลิ่นจากกายเจ้า ข้าจำกลิ่นมันได้"



"ท่านรู้จักเขาเหรอ"



"ใช่ รู้จักดีทีเดียว"



"ช่างเถอะ อย่าเลย คุณไม่ต้องเจ็บตัวเพราะฉันหรอก"



"ฉันจะไปตามทางของฉันเอง"



"ตามใจเจ้า ระวังพวกหมาไนนะเจ้า มันจะกินเจ้าจนไม่เหลือกระดูก"



"อย่ามาขู่นะ"



"ข้าไม่ได้ขู่"



"อืม อีกเรื่องนะเจ้า เจ้าอยากเห็นผู้อื่นเดือดร้อนใช่รึไม่"



"อะไร คุณพูดอะไร"



"ที่เผ่าดิน ลำดับชนชั้นเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง การที่เจ้าหนีออกมา"



"เจ้าคิดออกรึไม่ว่าพวกนั้นจักโดนอะไร"



"ไม่จริง"



"ฮึฮึ" น้ำเสียงกลั้วหัวเราะดังราวยั่วเย้า



หญิงสาวรีบวิ่งกลับไปทางเดิมอย่างไม่คิดชีวิต



(ฉันจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนเพราะฉันไม่ได้)

......................................................................................................................

เงียบเฉียบ ความเงียบเป็นสิ่งที่เผชิญจนคุ้นชินเพราะกระโจมกว้างมักจะไร้เงาของเจ้าของเสมอ



"เฮอ รอด"



"ไปไหนมา" เสียงขรึมดังมาจากมุมมืด



"นาย" ด้วยความกลัวขึ้นมาวูบหนึ่งทำให้หญิงสาวก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว



"ข้าสั่งเจ้าว่าอย่างไร"



"จะตีอีกสิ เอาเลย เอาให้สมใจนาย"



"เอาอย่างอื่นได้รึไหม ข้าเหนื่อยทั้งวันทั้งคืนยังต้องมาปวดหัวกับเจ้าอีกรึ เมียข้า"



"ไม่ไช่เมียนะ" แววตาลุกวาวจิกกัดร่างสูง



"ไม่ใช่เมียแล้วอะไร ผัวรึ"



"หยุดนะ"



ดึงๆๆ มือหนาจับแก้มแดงดึงเล่นราวกับของสนุก



"เจ็บนะ อย่ามายุ่งกับแก้มเขานะ"



จุ๊บ!! แก้มผลท้อน้อยๆโดนรังแกไปสองสามฟอดก่อนร่างน้อยจะโดนรัดในอ้อมแขนแนบแน่น



"เจ้ามันดื้อ ข้าจักลงโทษคนดื้อเช่นไรดี"



"จับไปอาบน้ำกับจระเข้ดีรึไม่"



หญิงสาวส่ายหน้าหนีสุดชีวิต จระเข้ที่ชายหนุ่มอ้างถึงมันธรรมดาเสียทีไหน ขนาดตัวนี่ช้างชัดๆ



(ไม่เอานะ)



"ฮึฮึ"



"ปล่อยฉันนะ"



"ร้องมากๆ เดี๋ยวจักพาไปหาจระเข้"



ได้ผลเงียบสนิทราวกับถูกปิดด้วยกาวตาช้างเลยทีเดียว

………………………………………………………………………………………………………………………



ลายหมึก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ก.พ. 2559, 14:40:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ก.พ. 2559, 14:40:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 653





<< มาตามี   ประกาศ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account