~ สายใย .. ไฟรัก ~
~ สายใย .. ไฟรัก ~


เส้นสายใย .. ใครกันหนอ .. ที่ทอถัก
เส้นสายรัก .. ใครจักสาน.. ขานคำขอ
เส้นทางเดิน .. ใครเหินห่าง .. ต่างเฝ้ารอ
ไฟรักพอ .. ต่อหัวใจ .. ให้อุ่นอิง




เธอ .. คือ เพื่อนสนิทของน้องสาวเพื่อนรัก

เขา .. คือ ผู้บริหารโรงแรมจอมเผด็จการ แต่กลับเป็นเพื่อนรักพี่ชายของเพื่อนสนิท

ทว่า ..

เธอ .. ในสายตาของเขา .. คือ คนอวดดี ยโส ที่ใช้เพื่อนเป็นทางผ่านไปสู่ความสำเร็จของตัวเอง

เขา .. ในสายตาของเธอ .. คือ ผู้ชายไร้เหตุผล เอาแต่ตนเองเป็นใหญ่

ที่สำคัญเหนืออื่นใด .. ทั้งเธอและเขา .. กำลังตกหลุมรักคนที่ไม่ควรจะรัก!




***************************
Tags: ความรัก ครอบครัว เพื่อน

ตอน: ใยเส้นที่ 32 .. เพื่อน





"คุณเป็นใคร ... รู้จักฉันได้ยังไง"

เจ้าของชื่อตวัดเสียงถามห้วนๆ ออกจะงุนงงไม่น้อย แต่ก็ยังแอบปรายหางตาไปยังทางเดินก่อนจะเกิดเหตุไม่คาดฝันในขณะนี้

ชายหนุ่มเลิกคิ้วอมยิ้มกรุ้มกริ่ม นึกสนุกกับปฏิกิริยาตอบสนองของ 'อดีตดาวคณะ' ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับเพื่อนสนิทของเขา และเท่าที่จำได้ สมัยยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ผู้หญิงที่เขาประคับประคองอยู่นี้ ขึ้นชื่อในหลายๆเรื่อง

"คนสวยๆอย่างคุณ ไม่เห็นต้องแปลกใจนี่ครับ ที่จะมีคนรู้จัก"

ไม่พูดเปล่าสายตาของเขาแกล้งมองโลมเลียมยามเอ่ยถึง 'คนสวยๆ' มันทำให้เพชรงามแทบอยากผลักเขาให้กระเด็น ถึงแม้รูปร่างหน้าตาของเขาจะน่าสนใจก็ตาม แต่เธอหวังประทุษร้ายเขาได้แค่ในความคิด เพราะติดขัดเรื่องสถานที่ และตำแหน่งหน้าที่ในฐานะคนของ คิง เซอร์เพนท์ ออฟ เดอะ เซาท์ ซี โอเทล ค้ำคออยู่

"ขอบคุณค่ะ ... ฉันไม่เป็นไรแล้ว"

"ด้วยความยินดีครับ"

เพชรงามพูดรวมๆไป ไม่ระบุว่า ที่กล่าวออกมา เธอขอบคุณเขาเรื่องใด ... เรื่องที่ช่วยเธอไว้ หรือ ชมว่าสวย

หญิงสาวถอยออกห่างจากชายหนุ่มนิรนามสองก้าว ใช้สายตาคู่งามสำรวจอีกฝ่ายตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าอย่างรวดเร็ว ก่อนประเมินคร่าวๆจากลักษณะท่าทางของเขา ที่เธอคาดเดาว่าอาจจะเป็นลูกค้าของโรงแรม

"ดิฉันขอตัวนะคะ"

"หวังว่าเรา ... คงมีโอกาสได้พบกันอีกนะครับ ... เพชรงาม"

ความหงุดหงิดแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ จากคำพูดตีสนิทของชายแปลกหน้า ถ้าไม่ติดว่ามีงานสำคัญยังรอท่า เพชรงามไม่มีทางปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปแน่ๆ

ดังนั้น การตอบโต้ที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้คือ ยิ้มสวยๆ ... ด้วยดวงตาคมกล้า หมายคิดบัญชีหากมีโอกาสได้พบกัน ตามที่เขาหวังไว้

เพชรงามทิ้งชายผู้นั้นไว้ข้างหลัง เมื่อก้าวพ้นมาก็เบาใจว่า สรัลรีคงไม่ทันได้เห็นเธอ อย่างน้อยคำขอบคุณที่ให้เขาไป มันก็น่าจะเพียงพอแล้ว





รัศมิทัตพยายามเก็บทุกรายละเอียด นับแต่ย่างกรายเข้ามาในอาณาบริเวณโรงแรมสุดหรูบนเกาะแห่งนี้

ไม่ใช่เฉพาะสถานที่เท่านั้นที่อยู่ในความสนใจของเขา บุคลากรในทุกตำแหน่งปฏิบัติการ ก็น่าจะเป็นแหล่งข้อมูลแก่เขาได้ไม่มากก็น้อย

สถาปนิกหนุ่มคิดไม่ผิดจริงๆ ที่ขอแยกตัวจากเพลิงกัลป์ เพื่อกลับมาที่คิง เซอร์เพนท์อีกครั้งในเช้านี้ หลังจากที่เมื่อ ๓ คืนก่อน เขาแวะเวียนมาที่นี่แล้วก็ได้พบใครบางคนที่ 'น่าสนใจ'

หรือแม้กระทั่งเช้านี้ ... เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมานี้เอง ชายหนุ่มก็ยังพบกับ 'เธอคนนั้น'

นี่ยังไม่รวมถึงการที่รัศมิทัตบังเอิญได้พบกับเพชรงาม เพื่อนร่วมรุ่นของพายพัดและมัสลิน ที่นี่ด้วย

"น่าสนใจจริงๆ คิง เซอร์เพนท์ ... จะมีอะไรให้เซอร์ไพรส์อีกมั้ยนะ"

เมื่อคิดและเปรยเบาๆกับตัวเองเช่นนี้ รอยยิ้มของรัศมิทัตก็ผุดพราย ราวกับกำลังพบเรื่องสนุกท้าทาย มากระตุ้นอาดรีนาลีนในกายให้พลุ่งพล่าน จนแทบจะระงับความตื่นเต้นไม่ได้ทีเดียว






มัสลินไม่สบายใจเลยที่จู่ๆก็ตามศรตฤณออกมากะทันหัน คิดเอาเองว่า เขาคงอยากหาที่เงียบๆคุยกันเป็นการส่วนตัว จึงไม่ได้บอกใครที่รู้คสักคน

กระทั่งเขาเดินนำมาจนถึงรถกระบะคันหนึ่ง ก็เริ่มเอะใจกับการกระทำดังกล่าว ครั้นหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมา หวังจะบอกเล่าสาวรุ่นพี่ให้เข้าใจ ก็ถูกอาหนุ่มคว้าไปเก็บไว้อย่างไม่ทันระวัง

"อาป่านคะ ... ขอโทรศัพท์สักครั้งได้ไหมคะ ลินินไม่อยากให้พี่ฟ้าเป็นห่วง"

หลานสาววิงวอนเสียงอ่อน อย่างน้อยการสงบเสงี่ยมอาจช่วยให้อาของเธอ ลดความโกรธจากเรื่องที่เธอก่อได้บ้าง ดังนั้นไม่ว่าเขาจะให้ทำอะไร คงต้องตามน้ำไปก่อน

"นาทีเดียว"

ศรตฤณยื่นโทรศัพท์คืนให้ หลังจากขึ้นมานั่งประจำตำแหน่งคนขับ เมื่อมองดูมัสลินที่ยอมทำตามอย่างว่าง่าย พร้อมออกเดินทางก็สตาร์ทเครื่องยนต์ และยื่นคำขาดบอกว่า เขาผ่อนปรนให้ได้เท่านี้

"ขอบคุณค่ะ"

มัสลินรับเครื่องมือสื่อสารกลับคืน พลางค้นหาชื่อของเวหา แล้วรีบติดต่อไปทันที

"พี่ฟ้าคะ ลินินจะไป ... เอ่อ"

การจำกัดเวลาเป็นเงื่อนไขสำคัญ ที่เมื่อเวหารับสาย มัสลินต้องให้เข้าใจ แต่เพราะเธอก็ไม่รู้ว่า จุดหมายปลายทางของศรตฤณที่จะพาเธอไปคือที่ใด จึงต้องหันมามองญาติผู้ใหญ่ อย่างขอคำตอบ

ศรตฤณชำเลืองมองเล็กน้อย แต่มัสลินก็ทันเห็นสายตาเข้มดุ ในขณะเขากำลังขับรถ สีหน้านั้นปฏิเสธที่จะให้คำตอบอย่างสิ้นเชิง

"... ไม่ต้องห่วงนะคะ ลินินไปกับคนรู้จัก แล้วจะติดต่อ ..."

แล้วโทรศัพท์ของมัสลินก็ถูกยึดไปเป็นครั้งที่สอง ศรตฤณตัดสายสนทนาทันทีที่มันมาอยู่ในมือของเขา ทั้งๆที่เจ้าของอุปกรณ์สื่อสารเครื่องบางคิดว่า เพิ่งคุยไปได้ไม่กี่วินาทีเอง

"อาป่านคะ ... ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย คุยกันดีๆก็ได้"

"แน่ใจหรือลินิน ว่าคุยกันดีๆ แล้วลินินจะฟังอา"

มัสลินหน้าเสียกับคำตำหนิตรงไปตรงมาของศรตฤณ มันคือความจริงที่เธอเถียงเขาไม่ได้ ...

"ทบทวนดูนะว่า ความดื้อรั้นของเรา ทำให้ใครเดือดร้อนบ้าง"

ศรตฤณพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาขับรถจนไปถึงแพขนานยนต์ ซึ่งกำลังเทียบท่ารอบรรทุกรถยนต์ใหญ่น้อย เพื่อข้ามเกาะไปยังแผ่นดินใหญ่

หญิงสาวเดาไม่ออกว่า อาของเธอกำลังจะพาไปที่ใดกันแน่ จึงได้แต่นั่งเงียบๆ ไปตลอดทาง หากในหัวกลับคิดไปไกลหลายเรื่อง จนไม่ทันสังเกตว่า มุมปากซ้ายของศรตฤณกระตุกยกขึ้นในพริบตา





รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อสีดำทะมึนของเพลิงกัลป์ แล่นด้วยความเร็วไม่ต่ำกว่า ๑๒๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่มันก็ยังช้าเกินไปในความรู้สึกของเขา

เพื่อนรักที่กำลังรอการไปถึงอยู่ที่สนามบินนานาชาติกระบี่ ทำให้ชายหนุ่มทั้งดีใจและประหลาดใจกับการมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยครั้งนี้

เกิดอะไรขึ้นกับศิงขริน ?

เพลิงกัลป์รับรู้ทุกเรื่องราวของเพื่อนสนิทคนนี้ การไปศึกษาต่อด้านศัลยกรรมหลอดเลือดและหัวใจยังต่างประเทศ นับเวลาถึงนาทีที่กำลังจะได้พบกันก็เกือบ ๔ ปีแล้ว

การตัดสินใจชนิดปัจจุบันทันด่วนคราวนั้น มีเหตุอันเนื่องมาจากความจำเป็นส่วนตัวของศิงขริน

คงไม่มีใครคิดหรอกว่า สาเหตุที่เป็นแรงผลักดันสำคัญ นั่นเพราะ ศิงขรินผิดหวังจากรักแรก ... รักแรกที่เป็นแม่ของเพื่อนอีกคน !

เรื่องนี้มีแต่เพลิงกัลป์ที่รู้ และเอาใจช่วยศิงขรินให้ผ่านวันคืนแสนเศร้าไปให้ได้

เวลาน่าจะทำให้เพื่อนของเขากลับมาเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้ง ไม่แน่ว่า กลับมาคราวนี้ อาจมีข่าวดีมาฝากเขาด้วยก็ได้ ใครจะรู้

เพลิงกัลป์ใช้เวลาไม่ถึง ๒ ชั่วโมง ในการขับรถจากเกาะลาลัลมาถึงสนามบิน จะมาเสียเวลาก็ตอนหาที่จอดรถนี่ล่ะ ยังดีว่าศิงขรินบอกไม่ได้รีบร้อน มีแต่เขาเองที่เร่งรีบ เพราะอยากพบเพื่อนเร็วๆ

นายหัวของรู้คก้าวเข้ามาในอาคารผู้โดยสารของสนามบิน เหลียวซ้ายแลขวาเพ่งมองไปยังจุดต่างๆแทบจะทั่วบริเวณ ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงานายแพทย์ด้านศัลยกรรมหลอดเลือดและหัวใจ

แต่ก่อนที่เพลิงกัลป์จะเลือกใช้วิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุด เขาก็รู้สึกได้ว่า มีใครบางคนมาหยุดยืนอยู่ด้านหลัง ซึ่งใกล้เกินกว่าปกติจึงหันขวับไปอย่างฉับพลัน

ร่างสูงใหญ่ไล่เลี่ยกันปรากฏเบื้องหน้า บนศีรษะมีหมวกแก็ปสวมใส่ ดวงตาถูกบดบังด้วยแว่นกันแดดสีดำ พร้อมกับรอยยิ้มร่าที่คุ้นเคยส่งมาให้

"ไอ้ศิง"

"เออ ไอ้ฟาย"

คำทักทายระหว่างกันยังคงเดิม แต่ที่เพลิงกัลป์ผิดสังเกตคือ แขนข้างขวาของศิงขริน วางอยู่ในอาร์มสลิงหรือผ้าคล้องแขน เห็นดังนั้น เขาก็เงยหน้าส่งสายตาแทนคำถาม

"อุบัติเหตุ ... นิดหน่อย"

ศิงขรินตอบง่ายๆ แต่เพลิงกัลป์มั่นใจว่า ชั่วขณะหนึ่งเขาทันได้เห็นสีหน้าเจ็บปวด ก่อนที่จะหายไป

"ไปกันเถอะ ฉันว่าจะไปนอนเล่นที่ไร่เลย์สักพัก ... แกพอมีเวลาหรือเปล่า ไปฉันส่งหน่อย"

"เหอะ ไร่เลย์ ... จะหอบสังขารและแขนเดี้ยงๆ อย่างนี้ ไปปีนผาหรือไง"

"เปล่า นัดเพื่อนไว้ แล้วก็อยากเจอแกด้วย เลยเรียกแกออกมา"

คำตอบที่ไม่ได้ให้ความกระจ่าง ยิ่งทำให้เพลิงกัลป์ถามออกไปทันที ด้วยท่าทางที่บอกเป็นนัยให้เข้าใจไม่ยากว่า จะไม่ไปไหนจนกว่าจะหายข้องใจ

"ใคร เพื่อนที่ไหน ... หรือ ไอ้กรี"

ศิงขรินถอนหายใจกับนิสัยหุนหันเอาแต่ใจของเพลิงกัลป์ คล้ายผู้ใหญ่ระอาเด็กดื้อ

"อยากรู้ ก็ไปซะทีสิวะ"

นายแพทย์หนุ่มยกเป้ขึ้นคล้องแขนข้างซ้ายตวัดสะพายไหล่ ออกเดินนำหน้าไปยังประตูที่เขาเห็นเพลิงกัลป์เดินเข้ามาแต่แรก ปล่อยให้เพื่อนงงงันอยู่กับที่ พอสติกลับคืนก็ทำได้แค่ฮึดฮัดที่ถูกแกล้ง

"ไอ้หมาศิง ... เออ ให้รู้ก่อนเถอะว่านัดใครไว้ ฮึ่ย"

เพลิงกัลป์ฉุนขาดฮึดฮัดขัดใจจึงโพล่งออกไปแบบนั้น แต่พอทำอะไรไม่ได้ชายหนุ่มก็ได้แต่หัวเราะ เห็นเป็นเรื่องขำขันในความสัมพันธ์อย่างที่เคยเป็นมา

เพื่อนหยอกเพื่อน







เส้นทางที่ศรตฤณขับมาเรื่อยๆนั้น มัสลินจำได้ดีว่า จุดหมายปลายทางจะไปสิ้นสุดที่ใด หญิงสาวนั่งเงียบมาตลอดเกือบ ๒ ชั่วโมง หลังขึ้นจากแพขนานยนต์มาบนแผ่นดินใหญ่ ความเร็วของยานพาหนะก็แทบจะเรียกได้ว่า ทะยานไปข้างหน้าโดยนับการแตะเบรคแต่ละครั้งได้ ถ้าไม่ใช่ช่วงถนนที่มีสัญญาณไฟจราจร

"เราจะไปอ่าวนางกันหรือคะ อาป่าน"

"อืม"

ความสงสัยทำให้มัสลินถามต่อไป ไหนๆความอดทนที่จะนั่งเงียบๆ มันร่อยหรอจนเกือบหมดแล้ว

"ไปทำไมคะ หรือว่า นัดคุณเชดส์ไว้"

ศรตฤณถึงกับปรายตาดุๆมาทางหลานสาว ผิดก็แต่คราวนี้ เธอได้เห็นว่า เขาส่งยิ้มมาให้ ... จนเผลอคิดว่า อาจจะตาฝาดไปด้วยซ้ำ

"ถึงก็รู้เอง"

คำตอบยียวนที่ได้รับ ไม่ได้ช่วยทำให้มัสลินหายขุ่นข้องสักเท่าไรนัก แต่กลับกัน เธอรู้สึกถึงแรงสะเทือนที่อกไปจนทุกอณูขุมขน คล้ายกับมันจะบอกว่า กำลังตื่นเต้นกับอะไรบางอย่าง ที่เธอก็ยังคิดไม่ออกว่า มันคืออะไร

"ตอนแรกขับผ่านมาถึงแอร์พอร์ต ลินินคิดว่า อาป่านจะจับส่งกลับกรุงเทพฯเสียอีก ... แล้วทำไมเป็นที่นั่นคะ"

"พาไปกักบริเวณ เพื่อความปลอดภัย ... ของหลายๆคน โดยเฉพาะเรา"

'เรา' ที่ศรตฤณเอ่ยถึง จะเป็นใครไปได้ ถ้าไม่ใช่มัสลิน

"ลินินขอโทษค่ะ ลินินรู้ว่าที่ผ่านมา ลินินแย่แค่ไหน แต่อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ ลินินโตแล้ว"

เมื่อเห็นว่าผู้เป็นอายอมคุยกับเธอ จึงถือโอกาสนี้ขอโทษและแสดงให้เห็นว่า สำนึกผิดแล้วจริงๆ หากแต่เพราะคำพูดต่อรอง ที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามันผิดที่ผิดเวลา มันจะไม่ช่วยให้เกิดผลดีแก่ตนเอง ซึ่งกว่าจะนึกได้ ก็ช้าเกินแก้ไข

"แล้วที่เกือบตาย ไม่ใช่เพราะโตแล้วอย่างนั้นหรือ ลินิน"

"เอ่อ ..."

มัสลินได้สำนึกว่า 'การกระทำสำคัญกว่าคำพูด' ก็คราวนี้นี่เอง






เพลิงกัลป์จอดรถบริเวณลานจอดไม่ไกลจุดบริการนักท่องเที่ยว ซึ่งน่าจะสะดวกสำหรับการซื้อตั๋วเรือหางยาว โดยสารข้ามไปยังหาดไร่เลย์

แต่ทันทีที่เงยหน้ามองไปรอบๆ อะไรบางอย่างทำให้ชายหนุ่มจับจ้องเบื้องหน้าแทบเรียกว่า ตาไม่กะพริบ ชนิดที่ผู้โดยสารข้างคนขับอย่างศิงขริน ต้องหันหน้าตาม ไปยังจุดดึงดูดความสนใจที่สายตาคู่คมเขม้นมอง

แล้วพอเหลือบกลับมาอีกที ศิงขรินเห็นแววดุดันของเพลิงกัลป์ ก็ตีความหมายได้ราวกับชายหญิงตรงหน้าเป็นศัตรูคู่อาฆาต

ไม่สิ เฉพาะผู้ชายหรอก ที่เพื่อนรักอย่างเขามองบุรุษหุ่นกำยำ จนสามารถจับความรู้สึกนั้นได้

แต่กับฝ่ายหญิง ... ศิงขรินไม่แน่ใจว่า สายตาที่สะท้อนวาววามนั้น เจืออารมณ์ความรู้สึกใดกันแน่






ศรตฤณเดินนำมัสลินอยู่ครึ่งก้าวหลังจากจอดรถทิ้งไว้อย่างไม่ไยดี หญิงสาวพยายามก้าวตามให้ทันแล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นชายร่างผอมสูงทรงผมเป็นเอกลักษณ์ยืนอยู่คล้ายดักรอข้างหน้า

“คุณเชดส์!”

มัสลินอุทาน เพราะถึงแม้จะเดาไว้ล่วงหน้าได้ถูกต้อง แต่ไม่คิดว่าจะเป็นไปอย่างที่อาหนุ่มพูดจริงๆ

“ไง ... มาเร็วดีนี่ ... สวัสดีครับคุณลินิน พบกันอีกแล้ว เนอะ ..”

เชดส์พยักหน้าสื่อนัยว่ารู้กันกับศรตฤณเป็นอย่างดี ก่อนเบนสายตามาที่หญิงสาวอีกคน พลางเอ่ยทักทายด้วยท่าทางสดชื่นรื่นเริง แล้วคืนสายตายังบุรุษผู้เป็นอาของเธอ

“เดี๋ยวรอก่อนนะ ผู้โดยสารยังมาไม่ครบ”

แม้ศรตฤณจะสงสัย แต่ก็ไม่มีคำถามใดหลุดลอดออกมา มีเพียงสีหน้าเรียบสนิทจนดูเคร่งขรึมน่าคร้ามเกรง

เชดส์ยักไหล่เลิกให้ความสนใจคู่หู หันมาชวนหญิงสาวคุย ก็ให้แปลกใจไม่น้อยที่ไม่พบสัมภาระใดๆ ไม่ว่าจะเพ่งมองกี่ครั้งกี่หน

“อ้าว แล้วไหนกระเป๋าเสื้อผ้าคุณลินินละฮะ เดี๋ยวผมช่วยถือไปลงเรือ”

“เอ่อ ... อาป่าน ... คุณซายน์ จู่ๆก็พามากะทันหันค่ะ เลย ...”

มัสลินเกือบหลุดปากเรียกศรตฤณตามความสัมพันธ์ หากแต่เมื่อถูกหรี่ตาปราม เธอก็หัวไวพอที่จะเข้าใจต่อสถานการณ์ในตอนนี้

“อ่อ ... ไม่เป็นไรครับ ไปหาเอาข้างหน้าที่โน่นก็ได้”

หนุ่มเดรดล็อคช่วยคลี่คลายบรรยากาศชวนอึดอัด ให้หญิงสาวรู้สึกดีขึ้นบ้าง เธอจึงส่งยิ้มอ่อนๆกำลังจะขอบคุณเขา แต่ไม่ทันได้ขยับปาก ผู้หวังดีต่อเธอก็ยกมือขึ้นโบกไหวๆ เหมือนส่งสัญญาณไปที่ใครสักคนเบื้องหลังเธอ

มัคคุเทศก์สาวที่ถูกลิดรอนบทบาท เหลือเพียงคนถูกควบคุมความประพฤติถึงกับต้องเหลียวหลัง เพราะอิริยาบถยิ้มกว้างยินดีของเชดส์ เรียกความรู้สึกสนใจใคร่รู้ของเธอได้อย่างไม่ยากเย็น

พลันที่มัสลินหันกายได้แค่เกินครึ่งขององศาตั้งฉาก ภาพบุคคลที่เธอจดจำขึ้นใจก็ปรากฏที่หางตา จนเผลอคิดว่าตนตาฝาด จึงรีบหันทั้งตัวเพื่อมองให้เต็มตา ปฏิกิริยาสุดท้ายที่ทำได้คือ ยกมือข้างขวาขึ้นปิดปากไม่ให้เอ่ยชื่อของเขา แต่ก็ช้าเกินไปเสียแล้ว

“คุณไฟ!”

อาหนุ่มที่ทำตัวราวเป็นผู้คุมจับตามองหลานสาวแทบไม่คลาดสายตา ย่อมเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งศรตฤณก็เร็วพอที่จะขยับเข้าใกล้ ทั้งยังวาดวงแขนซ้ายวางลงบนบ่า คล้ายป้องกันมัสลินจาก ‘ผู้ชาย’ ทุกคน

ในขณะที่เชดส์รีบสาวเท้าก้าวเข้าหาชายหนุ่มสองคน ลืมสนใจท่าทีของสองอาหลานชั่วครู่ และประโยคที่ร่างผอมสูงในชุดสไตล์เร้กเก้เอ่ยขึ้น ก็สร้างความประหลาดใจแก่ผู้ที่ยืนอยู่ไม่ห่างได้มากกว่า ๑ คน

“ไฮ ... หมอศิง ยินดีต้อนรับกลับเมืองไทย”

ส่วนเจ้าของชื่อที่ถูกเรียกอย่างสนิทชิดเชื้อ ก็ตอบรับกลับไปไม่ขัดเขินเช่นกัน แต่ทำเอาเจ้าบ้านอย่างเชดส์ปั้นหน้าแทบไม่ถูกเอาเลย

“ไงผู้กอง ที่เลิกเรียนทางโน้นกะทันหันนี่ เพราะกลับมาเป็นศิลปินเองเหรอเนี่ย ...”

ศิงขรินยกมือซ้ายรับการทักทาย หากก็รู้สึกได้บ้างถึงสีหน้าประมาณ ‘กลืนไม่เข้า คายไม่ออก’ ของ ผู้กองที่เขาเรียก

สีหน้านั้นยังคงอยู่นานพอให้เพลิงกัลป์ได้เห็น เพราะถึงแม้เขาจะกำลังจ้องมัสลินประกายนัยน์ตาเจิดจ้าราวสะเก็ดไฟปะทุ ก็ยังต้องละสายตาจากภาพที่ซายน์โอบไหล่บอบบางนั้นมามองเชดส์ทันที เมื่อหูไม่ได้ฝาดเฝื่อนกับสรรพนามที่ศิงขรินเรียกเชดส์ออกไป

“คงไม่ช้าไปใช่ไหมผู้กอง ... ว่าแต่ นอกจากผม ยังมี ... คู่รักไปกับเราด้วยหรือ”

นอกจากภาพบาดตาตรงหน้าเพลิงกัลป์ คำถามซื่อๆของเพื่อนรักดูท่าจะทำร้ายโสตประสาทได้พอกัน

เจ้าของอาณาจักรรู้คบอกกับตัวเองไม่ถูกเลยว่า ที่เขามายืนอยู่ที่นี่ มันถูกที่ถูกเวลาแล้วหรือไม่

เขาควรจะดีใจใช่ไหม ... ที่นาทีนี้พอจะรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังของหนุ่มเดรดล็อค คนที่เขาเคยช่วยชีวิตเอาไว้

และเขาควรยินดีกับสถานะความสัมพันธ์ที่ได้รู้ชัดแจ้ง ... ของชายหนุ่มหญิงสาวที่ตระกองกอดกันต่อหน้า อย่างไม่อายฟ้าอายทะเล

เพลิงกัลป์คิดได้แต่เพียงว่า งานนี้ ต้องขอบใจเพื่อนรัก ... อย่างศิงขริน ที่ช่วยเปิดหูเปิดตาให้กว้าง มองอะไรรอบตัวได้ชัดเจนขึ้นมา

ไม่เสียทีที่เป็นเพื่อนกันมานานจริงๆ













*****************************************






โปรดติดตามตอนต่อไป ...



ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม ... และขอบคุณทุกไลค์กำลังใจ


คุณkaelek : เฮียไฟจะแจ้งเลยฮะ ว่า ลินินอยู่ที่ไหน 555 // ขอบคุณคุณ kaelek ฮะ



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 มี.ค. 2559, 05:04:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 มี.ค. 2559, 05:04:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 1075





<< ใยเส้นที่ 31 .. หายหน้า   ใยเส้นที่ 33 .. ตัวตน >>
kaelek 20 มี.ค. 2559, 09:02:27 น.
หึง!! แบบนี้เรียกหึงชิมะเฮียไฟ... อาป่านนี่ขี้หวงเหมือนกันนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account