คืนค่ำร่ำพิศวาส
สองผีพี่น้อง เลวิส... แวมไพร์(ผีดูดเลือด) ลมเหนือ... ผีเฮี้ยน! อยู่ตึกผีสิง VS กาฬวาร... เด็กสาวยากจนเป็นสาวพรหมจรรย์ มีพลังจิตบริสุทธิ์ เธอช่วยพวกเขากลับเป็นมนุษย์ กลายเป็นเพื่อนบริสุทธิ์ใจต่อกัน สองพี่น้องต่างบิดาแต่รักกันมาก เวลาผ่านไปเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ได้เจอเธออีกหนต่างหลงรักผู้หญิงคนเดียวกัน...เลือกรักไม่ได้หนึ่งหญิงสองชาย (อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน)
Tags: หวานแหวว, ซึ้ง, รักแฟนตาซี, ไตรติมา, ผี, แวมไพร์, ตลก, หล่อ, โรแมนติค,
ตอน: ตอน 7
______________________...oooooOOOooooo...______________________... ตอน ๗
............พิธีแต่งงานจัดแบบไทย ทำเสมือนจริงทุกสิ่งทุกอย่าง บริเวณตึกใหญ่ใช้เป็นที่จัดงาน ซึ่งชั้นล่างมีบริเวณกว้าง สามารถจุแขกเหรื่อได้เป็นร้อยคน แต่แขกที่ได้รับเชิญมาในงานนี้ไม่ถึงร้อยคน
กาฬวารอยู่ในชุดไทยบรมพิมาน ทำจากผ้าไหมและไหมแก้วสีขาวปักเลื่อมประดับมุขสีขาวพราวแพรว คอเสื้อและแขนเสื้อผ้าลูกไม้บาง เครื่องประดับเป็นของคุณนายจินตนาที่ให้ยืมในฐานะหลานสะใภ้เจ้าของร้านทอง
“แหม... เธอทำฉันเกือบอกหัก นึกว่าเธอแต่งงานกับฮคคุจริง ๆ ที่แท้เจ้าบ่าวเป็นหุ่นโชว์เสื้อนี่เอง” กาญจนาเอ่ยกับกาฬวารเมื่อกาฬวารอยู่ในพิธี นั่งรับน้ำสังข์... เคียงข้างหุ่นนายแบบใส่สูทสีขาวที่ถูกจัดในท่านั่ง
เพื่อนอีกคนชื่อมัณฑนายังอดจะถามไม่ได้
“เห็นแล้วงงเลย ทำไมต้องทำพิธีแต่งงานด้วย”
“เจ้าบ่าวเขาหายสาบสูญไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน นี่คล้ายแต่งงานแก้เคล็ดและให้ฉันเข้ามาอยู่ที่บ้านนี่ หลังจากนี้ฉันมีหน้าที่ต้องตามหาตัวเขา” กาฬวารคุยกับบรรดาเพื่อนสนิทของเธอ
มีวิญญาณลมเหนืออยู่ในงานนี้ เขายืนมองกาฬวารนิ่ง ๆ ไม่มีใครมองเห็นเขาอยู่แล้วนอกจากเธอ เมื่อค่อยว่างจากแขกที่มาอวยพร เขาจึงรีบเข้ามาบอก
“กาฬ... นั่นพี่มนตรา อดีตคนเคยรักของฉันมางานด้วย” ลมเหนือบอก
กาฬวารจึงปลีกตัวเมื่อเสร็จพิธีรดน้ำสังข์ และขอคุยกับมนตราตามลำพังในห้องรับแขก
“ฉันลงประกาศแต่งงานในเฟชบุ๊ก คุณคงอ่านเจอ”
“ใช่... ฉันได้ข่าวนั่น ...น่าแปลกใจมาก ฉันถึงต้องมาดูให้เห็นกับตาตัวเอง แล้วฮคคุไปไหนเสียล่ะคะถึงต้องใช้หุ่นแทน เป็นการแต่งงานที่แปลกมากนะคะ” มนตราถามเสียงแหลม แสร้งพูดจีบปากจีบคอ
“เพื่อนเขา... คุณริวจิบอกว่าคุณเหนืออยู่กับคุณ” กาฬวารบอกตรง และมองจ้องสังเกตสีหน้าสาวสวยรุ่นพี่
“ฮคคุทิ้งฉัน เราเลิกกันแล้วฉันไม่รู้ว่าเขาไปไหนต่อ ฉันนึกว่าเขากลับบ้าน เห็นลงข่าวแต่งงานในเฟชบุ๊ก ฉันเลยตามมาดูในงาน” มนตราพูดอึกอัก หน้าตาท่าทางมีพิรุธพิกล
กาฬวารจับสังเกตได้ เหมือนว่าสาวสวยรุ่นพี่คนนี้กำลังพูดโกหกอะไรสักอย่าง
“ฉันขอที่อยู่กับเบอร์โทรศัพท์ของคุณมนตราไว้หน่อยได้ไหมคะ”
“อ๋อ... ได้... อยู่ในนามบัตรนี่ค่ะ” มนตรายื่นนามบัตรให้
............ถึงเวลาส่งตัวเข้าหอ ใช้ห้องนอนชั้นสองของตึกใหญ่ เป็นห้องกว้างใหญ่ที่อยู่ริมสุดของตัวตึก
“เธอสวยมาก สวยจนฉันนึกไม่ถึง ไม่เคยเห็นใครสวยเท่าเธอมาก่อน นับเป็นโชคดีของฉันจริง ๆ เจอแจ๊กพ็อต ไม่นึกไม่ฝันว่าเธอจะสวยมากขนาดนี้ ยิ่งแต่งชุดไทยยิ่งสวยเข้าไปใหญ่ อยากอยู่กับเธอไปจนตลอดชีวิตเลยนะนี่ เธอสวยเหลือเกิน” วิญญาณลมเหนือพร่ำชมเจ้าสาวของเขา เรียกได้ว่าชมแล้วชมอีกด้วยเป็นปลื้มจริงจัง
“ขอบคุณที่ชมค่ะ” กาฬวารยิ้มรับคำชม
“เธอจะไม่อาบน้ำเปลี่ยนชุดนี้เหรอ โน่นไงห้องน้ำ” วิญญาณลมเหนือชี้ไปที่ประตูสีขาว อันเป็นห้องน้ำส่วนตัว
“เปลี่ยนสิ แต่ฉันจะใช้ผ้าขนหนูเช็ดตัวแล้วเปลี่ยนชุด จะไม่อาบน้ำ”
“ทำไมล่ะ นี่ถ้าฉันมีร่างกายเหมือนคนปกติ ฉันจะช่วยเธอถูหลังให้ตอนอาบน้ำ” เขาพูดทำหน้ากระลิ้มกระเรี่ย
...ให้นึกหมั่นไส้เขา กาฬวารจึงส่งสายตาค้อนควักให้เขา
“ฉันไม่ชอบให้ใครแอบดูตอนเปลือยอาบน้ำ พรุ่งนี้จะไปวัด ...กราบหลวงพ่อเพื่อขอผ้ายันต์กันผี จะเอามาแปะหน้าห้องน้ำ ไม่ให้คุณเหนือเข้าไปได้”
“โธ่... ขนาดนั้น อดเห็นกันพอดี”
“ไม่ต้องเสียดายหรอก ฉันยังเด็กตัวผอมเล็กไปหน่อยจะอยากเห็นไปทำไม คงไม่มีอะไรเร้าใจคุณเหนือ อ้อ... มีเรื่องจะบอก... ฉันได้นามบัตรพี่มนตรามาล่ะ ถ้ามีเวลาเมื่อไหร่จะลองไปเยี่ยมที่บ้านเขา ฉันอยากสืบเรื่องคุณเหนือ เผื่อบางทีอาจจะนำทางไปให้ได้เจอร่างคุณเหนือ”
“ฉันรู้จักเขา... เพราะริวจิชอบเล่นแชทกับผู้หญิงไทยและบ้าไสยศาสตร์เครื่องรางของขลัง พี่มนตราเล่นของพวกนี้ด้วย ครั้งแรกที่เจอกันตอนริวจิพาฉันไปค้างอยู่บ้านเขาสองสามวัน เขาเป็นผู้หญิงแบบที่ถูกใจ เฮ้อ... ถ้ารู้จักเขาดีกว่านี้ฉันคงไม่ไปหลงรักเขาหรอก”
“เขาเป็นยังไงเหรอ”
“เขาเป็นผู้หญิงไม่ดี ทั้งริวจิด้วย เป็นเพื่อนเลว ฉันเพิ่งเข้าใจคำพูดของหลวงพ่อพึ่ง ท่านเคยเตือนไว้ว่าระวังอย่าไปหลงผู้หญิงไม่ดี อย่าคบเพื่อนเลว ให้ดูให้ออก... น่าเสียดายกว่าจะดูออกชีวิตฉันไม่มีเหลือแล้ว” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของวิญญาณลมเหนือเศร้าลงอย่างมาก มองไปนอกหน้าต่าง สายตาทอดอาลัย...
“น่าเศร้า... แล้วทำไมถึงว่าเขาเป็นผู้หญิงไม่ดี”
“เราคบกันเร็ว เจอกันแค่สองครั้งก็มีอะไรกัน เขาเอาใจเก่งเรื่องเซ็กส์ ทำฉันหลงจนคิดจริงจังอยากแต่งงานอยู่กับเขา ไม่นึกเลยเขานอกใจไปยุ่งกับผู้ชายอื่น ฉันเจ็บปวดทรมาน... เป็นทุกข์ไม่รู้จะหันหน้าไปหาใคร นึกขึ้นได้คือเธอ กาฬ... ฉันดีขึ้นและสบายใจเมื่อเธอยอมแต่งงานมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน”
“พี่มนตราทำงานอะไร”
“ทำอาชีพผิดกฎหมาย ขายยาเสพติด ทั้งยาเลิฟ เฮโรอีน เขาให้ฉันลอง บอกว่าลองครั้งเดียวไม่ติดหรอก ลองให้รู้ว่าเป็นไง ฉันเลยลอง... มีความสุขมากจนบรรยายไม่ถูก ริวจิคอยยุยงส่งเสริมบอกว่าฉันเป็นแฟนคนขายเฮโรอีนมีให้เสพได้ไม่อั้น ไม่เห็นต้องกลัวติด ถึงติดก็ไม่ต้องกลัวอด”
“โอย... จะเป็นลม” กาฬวารมือกุมหน้าอกตัวเอง ทำอาการแบบยายเพียรเวลาได้ฟังเรื่องหนักอกหนักใจ
“แล้วฉันก็ติดเฮโรอีน ...และเสพมันมากขึ้นอย่างรวดเร็ว”
“เดี๋ยวก่อนนะเสพเฮโรอีนมากขึ้น? แบบนั้นถ้าเสพเกินขนาด ...อาจทำให้ตายได้นะ” กาฬวารติดใจสงสัยเรื่องยาเสพติด “ความรู้สึกสุดท้ายก่อนที่คุณเหนือจะกลายเป็นวิญญาณ ...จำได้ไหม?”
“ฉันสูบบุหรี่ยัดไส้เฮโรอีนเข้าไป มีความสุขมาก ...ลืมแล้ว นึกไม่ออกจริง ๆ ”
“แล้วที่ว่าเพื่อนเลว... ริวจิเขาเป็นคนยังไง”
“เขาชวนให้ฉันติดยา แถมยังโกหกแม่ฉันหลายอย่าง แต่ฉันรู้เห็นเป็นใจด้วยเพราะอยากหนีเที่ยวอยู่แล้ว ที่จริงฉันไม่ชอบโกหกเลย ริวจิพาฉันไปดูรถซิ่งพวกแต่งรถ ฉันอยากได้รถขับสักคันแบบนั้น เคยนึกจะขอเงินแม่ซื้อรถ แต่พี่มนตรามีรถแต่งให้ฉันลองขับด้วย สนุกมากได้ขับรถซิ่งบนทางหลวง กลางดึกบรรยากาศโรแมนติก...”
“นั่นเหรอ... เรียกว่าโรแมนติก น่ากลัวมากกว่า” กาฬวารพูดขัดคอขึ้น
“มีเรื่องตื่นเต้น... น่ากลัวยิ่งกว่านั้นตอนฉันอัพยาเมามากไปหน่อย เจออุบัติเหตุรถคว่ำพลิกไปหลายตลบ” ฟังเล่าแล้ว... กาฬวารมือกุมหน้าอกอีกเป็นครั้งที่สอง!
“ตายแล้ว... คุณเหนือตายเพราะรถคว่ำหรือเปล่า”
“มันเร็วมาก เร็วจน... ฉันสับสน...” ลมเหนือพยายามนึกทบทวน ความทรงจำไม่ปะติดปะต่อขาด ๆ หาย ๆ
“ร่างของคุณเหนืออยู่ที่ไหน เห็นร่างตัวเองไหม”
“ไม่เห็นเลย ...จำอะไรไม่ค่อยได้ ตอนนั้นคงกำลังเมายา แต่พอจำได้ลางเลือนว่าใส่ชุดแข่งรถและพวกเซฟตี้ คงป้องกันได้ ต่อให้รถคว่ำไม่น่าทำให้ถึงตาย”
“ไม่แน่หรอก ถ้าให้สันนิษฐาน... คุณเหนือน่าจะตายเพราะข้อหนึ่ง... อุบัติเหตุ ข้อสอง... เสพเฮโรอีนจนหัวใจวายตาย ต้องสืบให้รู้ว่าคุณเหนือตายเพราะอะไรตายที่ไหน จะได้นำร่างมาบำเพ็ญกุศล วิญญาณคุณเหนือจะได้ไปสู่สุขคติ”
“แล้วไปสู่สุขคติ... นั่นมันที่ไหนเหรอ”
“เขาใช้เรียกแทนภพภูมิที่มีแต่ความสุข เช่น สรวงสวรรค์ พรหมโลก และภพภูมิกลาง ๆ อย่างโลกมนุษย์ คือการได้กลับมาเกิดเป็นคนอีก” กาฬวารอธิบาย แล้วเริ่มง่วงนอนเพราะเคยนอนแต่หัวค่ำประมาณหนึ่งทุ่มเป็นประจำ แต่คืนนี้พิเศษ... เลยสองทุ่มแล้วเธอย่อมง่วงนอนแน่ ใช้มือปิดปากหาวนอน...
“ดูท่าเธอจะง่วงแล้ว อย่างนั้นนอนก่อนดีกว่า เธอไม่ต้องนอนคนเดียว มีฉันอยู่เป็นเพื่อน ฉันจะช่วยปกป้องคุ้มครองเธอ นอนหลับให้สบายเถิด” วิญญาณลมเหนือบอกด้วยน้ำเสียงทุ้มฟังนุ่มหู พร้อมรอยยิ้มดูอ่อนโยน...
............กาฬวารตื่นนอนก่อนหกโมงเช้า ต่างจากชีวิตประจำวันที่เคยคุ้น อยู่ลำพังในห้องนอนกว้าง ดูโปร่งโล่ง กรอบหน้าต่างสีขาวเป็นตารางประดับกระจกใส ขนาดหน้าต่างกว้างและสูงเกือบจรดพื้นห้อง มีราวผ้าม่านสีครีมอ่อน เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องแบบบิลท์อิน ใช้โทนสีขาวครีมเข้ากันอย่างเหมาะเจาะตั้งแต่เตียงนอน โซฟายาวปรับเอนนอนได้ ทั้งโต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้าที่สูงและความยาวเกือบเต็มผนังห้อง หากแต่เสื้อผ้าของกาฬวารมีเพียงไม่กี่ชุด
“ก๊อก ๆ ๆ ...” เสียงเคาะประตูที่หน้าห้อง กาฬวารจึงเดินไปเปิดประตู เจอคุณมิลินและจุ๊บแจงถือข้าวของ...
“ข้าวของของเหนือ ฉันสั่งจุ๊บแจงให้ขนย้ายมาไว้ในห้องนะจ๊ะ ต่อไปกาฬต้องเรียกฉันว่า... คุณแม่ เพราะกาฬเป็นลูกสะใภ้ของฉันแล้ว”
“ค่ะคุณแม่” กาฬวารรับคำ รับสิ่งของที่เป็นของลมเหนือเข้ามาไว้ในห้องนอน มีทั้งเสื้อผ้า กระเป๋าเดินทาง แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก และของใช้ส่วนตัวอื่น ๆ อีก
“ต่อไปจุ๊บแจง ต้องเรียกกาฬวารว่า... คุณกาฬ นะ”
“ค่ะคุณมิลิน” จุ๊บแจงพยักหน้ารับอย่างเต็มปากเต็มคำ นึกนิยมชมชอบกาฬวารอยู่แล้ว จากกิติศัพท์เรียนดีมีมารยาทและใบ้หวยแม่น
“นี่ลูกกุญแจสำหรับไขห้องในตึกนี้ ชั้นบนนี่มีสิบห้อง ชั้นล่างมีห้องใหญ่สี่ห้องรวมห้องครัวด้วย กาฬจะตกแต่งห้องไหนเพิ่ม จะใช้ห้องไหนทำอะไร ...ตามใจนะ”
“อยากให้มีห้องพระไว้เก็บและบูชาพระพุทธรูป สำหรับสวดมนต์ไหว้พระและมีที่นั่งสมาธิค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นคงต้องซื้อชุดโต๊ะหมู่บูชา ถ้าเงินไม่พอให้ทำรายการเบิกเงินกับฉันนะ นี่คุณยายจินตนาให้เอาการ์ดเสริมมาให้เธอ กดเงินใช้ได้ รับไปสิกาฬ” คุณมิลินยื่นเครดิตการ์ดเสริมให้
“ขอบคุณค่ะ คุณแม่” เธอรับมา ดวงตาเบิกโต ใครบ้างไม่ดีใจเมื่อได้เงินใช้ตามใจชอบ
“ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก ไปขอบคุณคุณยายโน่นเถอะ”
หลังจากคุณมิลินกลับไป กาฬวารจึงนำลูกกุญแจไขห้องต่าง ๆ จนถึงห้องกลางชั้นสองของตัวตึก คิดจะใช้ห้องนี้เป็นห้องพระ ...เธอฮัมเพลงอย่างสบายใจ
“ดูเธออารมณ์ดีจังเลยนะ” วิญญาณลมเหนือทักทาย ปรากฏกายเลือนรางโปร่งแสงสามมิติ
“อื้ม... นึกถึงเมื่อคืนพอคุณเหนือบอกว่าจะปกป้องคุ้มครองฉัน หลับให้สบาย... ฉันเลยหลับสบายมาก ๆ เลย เมื่อก่อนเคยแต่นอนที่นอนปิกนิก พอได้นอนเตียงนุ่มนิ่มด้วยแล้ว โอ๊ย... สบายอย่าบอกใครเลยเชียวล่ะ” กาฬวารบอกอย่างร่าเริง พลอยให้ลมเหนือยิ้มไปด้วย “รู้สึกว่ามีแต่ฉันเท่านั้นที่อยู่ตึกนี้ ทั้งที่ตึกกว้างมีห้องเยอะแยะทำไมไม่มีใครอยู่”
“ยายเล่าให้ฟังว่า... ตอนสร้างเสร็จมีคนงานก่อสร้างเป็นโรคไหลตาย ยายกับตากลัวผี คนในบ้านนี้กลัวผีกันทุกคนเลยอยู่กันที่เดิม ไม่มีใครย้ายเข้ามาอยู่ตึกใหม่นี่เลย”
“อ้าว! ...” กาฬวารอุทาน ใบหน้าหุบยิ้มทันที เพราะเธอเองกลัวผีเหมือนกับคนอื่น
“แต่ฉันถามเจ้าที่ที่ศาลตายาย เขาบอกว่าที่นี่ไม่มีผี วิญญาณดวงนั้นไปเกิดใหม่หลังจากตายไม่ได้สิงสถิตอยู่ที่นี่หรอก ตั้งแต่ฉันมาอยู่ไม่เห็นมีผีเลย ...มีแต่ฉัน”
“เฮ้อ... อย่างนั้นค่อยโล่งอกหน่อย”
“ที่ตึกนี้ห้องแต่ละห้องกว้าง บันไดเยอะแยะดีขึ้นลงได้หลายทาง ที่จริงตึกเล็กมีขนาดเกือบเท่าตึกใหญ่นี่ละ แต่ฉันไม่ค่อยชอบตึกเล็ก เพราะห้องแต่ละห้องเล็กกว่านี้นิดหน่อย แถมเตี้ยไม่มียกฐานรากสูง”
“แล้วทำไมตึกนี้ต้องสร้างให้มีฐานรากสูงล่ะ”
“เป็นความคิดของคุณตา สร้างขึ้นหลังจากเกิดน้ำท่วมใหญ่ปลายปีพ.ศ. 2554 เพราะกังวลว่าในอนาคตอาจเกิดน้ำท่วมใหญ่อีก ที่นี่จะยังเป็นที่อยู่อาศัยปลอดภัยจากน้ำท่วม” ลมเหนือเล่าเรื่องที่มาที่ไปของตึกนี้ เกิดมาจากแนวคิดของคุณฮิงาชิผู้เป็นคุณตา
“ปีนั้นมีน้ำท่วมใหญ่จริง ถึงตำบลอื่นถูกน้ำท่วม แต่ที่บ้านดอนนี่ตั้งแต่ฉันเกิดมายังไม่เคยเจอน้ำท่วมเลย คุณตามองการไกลมากเลยนะ สงสัยต่อไปข้างหน้าตึกนี้จะอยู่กันไปนานจนรุ่นลูกรุ่นหลาน”
“อืม... คงจะอย่างนั้น อ้อ... ถ้ามีแขกมาพักให้พักที่ตึกเล็กนั่นล่ะ ฉันไม่อยากให้คนอื่นเข้ามาวุ่นวายที่นี่นะกาฬ” ลมเหนือถือโอกาสบอกกล่าวกับกาฬวารไว้ล่วงหน้า
............เวลาเจ็ดโมงเช้า เป็นเวลาทานมื้อเช้าในห้องอาหารที่ตึกเล็ก จุ๊บแจงถูกใช้มาตามกาฬวาร
ที่โต๊ะอาหาร... สมาชิกในบ้านนั่งประจำที่อยู่ก่อนแล้วทั้งคุณมิลินและคุณทาคามิ ส่วนคุณฮิงาชินั่งหัวโต๊ะ กาฬวารต้องลงนั่งตามที่นั่งที่จุ๊บแจงเลื่อนเก้าอี้ให้ นั่นคือฝั่งซ้ายมือของคุณฮิงาชิ ฝั่งเดียวกับคุณนายจินตนา มีเก้าอี้ว่างอยู่หนึ่งตัว นั่นเป็นที่นั่งของลมเหนือ จากนั้นเป็นมารยาทบนโต๊ะอาหาร
“ธรรมเนียมคนญี่ปุ่น ก่อนอื่นจะไหว้ขอบคุณอาหาร ระลึกถึงบุญคุณที่มาหล่อเลี้ยงร่างกายเรา เห็นคุณค่าความยากลำบากกว่าจะได้ข้าวปลาอาหารเหล่านี้มา ต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน ผ่านมาหลายมือตั้งแต่ชาวนาปลูกข้าว เข้าโรงสี ชาวประมงจับปลานำมาขายในตลาด เราไปซื้อมาช่วยกันทำครัว กว่าจะปรุงมาเป็นอาหารตรงหน้าเรา” คุณมิลินบรรยายเพื่อให้ความกระจ่างกับลูกสะใภ้ซึ่งเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัว
“ใช่... และต้องพนมมือ กล่าวคำว่า... อิตะดะคิมัส คล้ายกับการบอกขออนุญาตรับประทาน เข้าใจไหมกาฬ” คุณทาคามิช่วยพูดเสริม
“เข้าใจค่ะ” กาฬวารรับคำ จากนั้นทุกคนพนมมือไหว้ขอบคุณอาหาร และกล่าวคำภาษาญี่ปุ่นพร้อมกัน
“อิตะดะคิมัส”
“อ้าว... ทำไมไม่กินล่ะกาฬ... นั่งจ้องอะไร” คุณนายจินตนาเอ่ยถาม เห็นหลานสะใภ้กวาดตามองบนโต๊ะ เหมือนไม่รู้จักกับมันมาก่อน
“ไม่เคยเจออาหารมากมายละลานตาขนาดนี้ เคยแต่กินไข่ต้ม ผักต้ม บางมื้อกินข้าวเปล่าคลุกน้ำปลา เพราะไม่ค่อยมีเงินซื้อกับข้าว” กาฬวารบอกเล่า ผู้ใหญ่ร่วมโต๊ะอาหารต่างคนต่างเงียบ... จนกาฬวารสงสัยและมองทุกคนด้วยสายตามีคำถาม
“พวกเราสงสารเธอนะ ถ้าใครได้พบกับความยากจน คงต้องร้องไห้...” คุณทาคามิกล่าว เขาเป็นคนอ่อนโยน ใจอ่อนสงสารคนง่าย
“แต่ฉันเกิดมาชีวิตเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว ย่าบอกเสมอให้กินเท่าที่มี ถ้าไม่มีก็ไม่กิน อดบ้างไม่เป็นไรฝึกความอดทน ฉันไม่ค่อยร้องไห้ เพราะมันไม่มีเรื่องเศร้าถึงขนาดทำให้ต้องร้องไห้”
“จิตใจเข้มแข็งมาแต่เด็กเลยนะกาฬ” คุณนายจินตนากล่าวชื่นชม
“เพิ่งมาอยู่ที่นี่แหละมีอาหารเยอะมากเหมือนสวรรค์มาโปรด ท่าทางมันคงอร่อยทั้งนั้นเลยนะคะ”
“บ้านเรากินอาหารไทยกับญี่ปุ่นเป็นหลัก ข้างหน้าเธอนั่นปลาหมึกย่างกินกับวาซาบิ ราเม็ง ซาชิมิเป็นปลาดิบ อาหารไทยมีข้าวสวย ต้มยำกุ้ง ส้มตำไทย ส่วนในโถแก้วเป็นของหวานรวมมิตร กินให้เต็มที่เลยกาฬ” คุณมิลินแจกแจงให้กาฬวาร
............ตอนเที่ยงวัน กาฬวารไปไหว้พระที่วัดเพื่อขอผ้ายันต์กันผีตามความตั้งใจ
...จากนั้นตอนบ่าย ไปกับจุ๊บแจงที่ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ไม้เพื่อซื้อชุดโต๊ะหมู่บูชา แล้วสั่งให้นำมาส่งในตึกใหญ่ ...ต่อจากนั้นไปเดินห้าง เพื่อซื้อเบาะนั่ง หมอนอิง สำหรับใช้ในห้องพระ รวมทั้งเครื่องทองเหลืองพวกเชิงเทียน กระถางธูป แจกันคู่ และพรมผืนใหญ่ที่ใช้ปูบนพื้นห้อง เครื่องดูดฝุ่นสำหรับทำความสะอาดห้อง และอดไม่ได้ที่จะซื้อของเล่นให้ตัวเอง นั่นคือ... วิทยุเครื่องเล็กสีชมพูน่ารัก กาฬวารนึกอย่างมีความสุข...
‘ได้ใช้บัตรเครดิตเสริมจากคุณนายจินตนา เลยกลายเป็นคนมีเงินขึ้นมาทันตาเห็น ได้เป็นหลานสะใภ้เจ้าของร้านทองก็ดีอย่างนี้เอง เรานี่ช่างมีบุญจังหนอ’
กลับถึงบ้าน... จึงช่วยกันสองคนกับจุ๊บแจงทำความสะอาด จัดของเข้าไว้ในห้องพระ ...จนแล้วเสร็จ
อยู่บ้านนี้ถึงตอนเย็นกาฬวารไม่ต้องทำอาหารเย็น ไม่เหมือนตอนอยู่บ้านเก่า พ่อแม่และยายเพียรกินข้าวเย็น ตอนห้าโมงเย็นในห้องครัว ส่วนเธอต้องกินข้าวเย็นตอนหกโมง พร้อมกับพ่อแม่ตายายของลมเหนือในห้องอาหารซึ่งอยู่ติดกับห้องครัว หลังอาหารจึงเป็นเวลากลับขึ้นตึกใหญ่
ในรั้วเดียวกันนี้ยังมีบ้านเรือนไม้รวมอยู่ด้วยอีกหลังหนึ่ง เป็นที่พักอาศัยของนายมั่น ซึ่งเป็นคนงานชายของบ้าน ทำทุกอย่าง... ตั้งแต่รดน้ำ พรวนดินในสวน ซ่อมไฟฟ้า ก๊อกประปา จนกระทั่งซ่อมรถและขับรถ เขามีภรรยาคือ นางจันทร์ ทำหน้าที่แม่บ้าน ทำครัว และคอยรับใช้ทั่วไป พวกเขามีลูกสาวคนเดียวคือ... จุ๊บแจง
สำหรับกาฬวารแล้วคิดว่าจุ๊บแจงเหมือนเพื่อนเล่นที่อายุอ่อนกว่าเล็กน้อย เธอไม่เคยร้างลาเรื่องเล่น จึงชวนจุ๊บแจงมาเล่นที่ห้องโถงชั้นล่าง ใช้วิทยุสีชมพูที่ซื้อมาเปิดเพลงไม่ดังมาก เพราะเกรงใจผู้ใหญ่ในตึกเล็กหนวกหู แต่เพลงที่เปิดเป็นจังหวะสนุก ๆ แล้วเต้นกันสองคนกับจุ๊บแจง วิญญาณลมเหนือมองดูอยู่ ...พลอยสนุกหัวเราะไปกับพวกเธอด้วย
______________________...oooooOOOooooo...______________________... ตอน ๗
............พิธีแต่งงานจัดแบบไทย ทำเสมือนจริงทุกสิ่งทุกอย่าง บริเวณตึกใหญ่ใช้เป็นที่จัดงาน ซึ่งชั้นล่างมีบริเวณกว้าง สามารถจุแขกเหรื่อได้เป็นร้อยคน แต่แขกที่ได้รับเชิญมาในงานนี้ไม่ถึงร้อยคน
กาฬวารอยู่ในชุดไทยบรมพิมาน ทำจากผ้าไหมและไหมแก้วสีขาวปักเลื่อมประดับมุขสีขาวพราวแพรว คอเสื้อและแขนเสื้อผ้าลูกไม้บาง เครื่องประดับเป็นของคุณนายจินตนาที่ให้ยืมในฐานะหลานสะใภ้เจ้าของร้านทอง
“แหม... เธอทำฉันเกือบอกหัก นึกว่าเธอแต่งงานกับฮคคุจริง ๆ ที่แท้เจ้าบ่าวเป็นหุ่นโชว์เสื้อนี่เอง” กาญจนาเอ่ยกับกาฬวารเมื่อกาฬวารอยู่ในพิธี นั่งรับน้ำสังข์... เคียงข้างหุ่นนายแบบใส่สูทสีขาวที่ถูกจัดในท่านั่ง
เพื่อนอีกคนชื่อมัณฑนายังอดจะถามไม่ได้
“เห็นแล้วงงเลย ทำไมต้องทำพิธีแต่งงานด้วย”
“เจ้าบ่าวเขาหายสาบสูญไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน นี่คล้ายแต่งงานแก้เคล็ดและให้ฉันเข้ามาอยู่ที่บ้านนี่ หลังจากนี้ฉันมีหน้าที่ต้องตามหาตัวเขา” กาฬวารคุยกับบรรดาเพื่อนสนิทของเธอ
มีวิญญาณลมเหนืออยู่ในงานนี้ เขายืนมองกาฬวารนิ่ง ๆ ไม่มีใครมองเห็นเขาอยู่แล้วนอกจากเธอ เมื่อค่อยว่างจากแขกที่มาอวยพร เขาจึงรีบเข้ามาบอก
“กาฬ... นั่นพี่มนตรา อดีตคนเคยรักของฉันมางานด้วย” ลมเหนือบอก
กาฬวารจึงปลีกตัวเมื่อเสร็จพิธีรดน้ำสังข์ และขอคุยกับมนตราตามลำพังในห้องรับแขก
“ฉันลงประกาศแต่งงานในเฟชบุ๊ก คุณคงอ่านเจอ”
“ใช่... ฉันได้ข่าวนั่น ...น่าแปลกใจมาก ฉันถึงต้องมาดูให้เห็นกับตาตัวเอง แล้วฮคคุไปไหนเสียล่ะคะถึงต้องใช้หุ่นแทน เป็นการแต่งงานที่แปลกมากนะคะ” มนตราถามเสียงแหลม แสร้งพูดจีบปากจีบคอ
“เพื่อนเขา... คุณริวจิบอกว่าคุณเหนืออยู่กับคุณ” กาฬวารบอกตรง และมองจ้องสังเกตสีหน้าสาวสวยรุ่นพี่
“ฮคคุทิ้งฉัน เราเลิกกันแล้วฉันไม่รู้ว่าเขาไปไหนต่อ ฉันนึกว่าเขากลับบ้าน เห็นลงข่าวแต่งงานในเฟชบุ๊ก ฉันเลยตามมาดูในงาน” มนตราพูดอึกอัก หน้าตาท่าทางมีพิรุธพิกล
กาฬวารจับสังเกตได้ เหมือนว่าสาวสวยรุ่นพี่คนนี้กำลังพูดโกหกอะไรสักอย่าง
“ฉันขอที่อยู่กับเบอร์โทรศัพท์ของคุณมนตราไว้หน่อยได้ไหมคะ”
“อ๋อ... ได้... อยู่ในนามบัตรนี่ค่ะ” มนตรายื่นนามบัตรให้
............ถึงเวลาส่งตัวเข้าหอ ใช้ห้องนอนชั้นสองของตึกใหญ่ เป็นห้องกว้างใหญ่ที่อยู่ริมสุดของตัวตึก
“เธอสวยมาก สวยจนฉันนึกไม่ถึง ไม่เคยเห็นใครสวยเท่าเธอมาก่อน นับเป็นโชคดีของฉันจริง ๆ เจอแจ๊กพ็อต ไม่นึกไม่ฝันว่าเธอจะสวยมากขนาดนี้ ยิ่งแต่งชุดไทยยิ่งสวยเข้าไปใหญ่ อยากอยู่กับเธอไปจนตลอดชีวิตเลยนะนี่ เธอสวยเหลือเกิน” วิญญาณลมเหนือพร่ำชมเจ้าสาวของเขา เรียกได้ว่าชมแล้วชมอีกด้วยเป็นปลื้มจริงจัง
“ขอบคุณที่ชมค่ะ” กาฬวารยิ้มรับคำชม
“เธอจะไม่อาบน้ำเปลี่ยนชุดนี้เหรอ โน่นไงห้องน้ำ” วิญญาณลมเหนือชี้ไปที่ประตูสีขาว อันเป็นห้องน้ำส่วนตัว
“เปลี่ยนสิ แต่ฉันจะใช้ผ้าขนหนูเช็ดตัวแล้วเปลี่ยนชุด จะไม่อาบน้ำ”
“ทำไมล่ะ นี่ถ้าฉันมีร่างกายเหมือนคนปกติ ฉันจะช่วยเธอถูหลังให้ตอนอาบน้ำ” เขาพูดทำหน้ากระลิ้มกระเรี่ย
...ให้นึกหมั่นไส้เขา กาฬวารจึงส่งสายตาค้อนควักให้เขา
“ฉันไม่ชอบให้ใครแอบดูตอนเปลือยอาบน้ำ พรุ่งนี้จะไปวัด ...กราบหลวงพ่อเพื่อขอผ้ายันต์กันผี จะเอามาแปะหน้าห้องน้ำ ไม่ให้คุณเหนือเข้าไปได้”
“โธ่... ขนาดนั้น อดเห็นกันพอดี”
“ไม่ต้องเสียดายหรอก ฉันยังเด็กตัวผอมเล็กไปหน่อยจะอยากเห็นไปทำไม คงไม่มีอะไรเร้าใจคุณเหนือ อ้อ... มีเรื่องจะบอก... ฉันได้นามบัตรพี่มนตรามาล่ะ ถ้ามีเวลาเมื่อไหร่จะลองไปเยี่ยมที่บ้านเขา ฉันอยากสืบเรื่องคุณเหนือ เผื่อบางทีอาจจะนำทางไปให้ได้เจอร่างคุณเหนือ”
“ฉันรู้จักเขา... เพราะริวจิชอบเล่นแชทกับผู้หญิงไทยและบ้าไสยศาสตร์เครื่องรางของขลัง พี่มนตราเล่นของพวกนี้ด้วย ครั้งแรกที่เจอกันตอนริวจิพาฉันไปค้างอยู่บ้านเขาสองสามวัน เขาเป็นผู้หญิงแบบที่ถูกใจ เฮ้อ... ถ้ารู้จักเขาดีกว่านี้ฉันคงไม่ไปหลงรักเขาหรอก”
“เขาเป็นยังไงเหรอ”
“เขาเป็นผู้หญิงไม่ดี ทั้งริวจิด้วย เป็นเพื่อนเลว ฉันเพิ่งเข้าใจคำพูดของหลวงพ่อพึ่ง ท่านเคยเตือนไว้ว่าระวังอย่าไปหลงผู้หญิงไม่ดี อย่าคบเพื่อนเลว ให้ดูให้ออก... น่าเสียดายกว่าจะดูออกชีวิตฉันไม่มีเหลือแล้ว” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของวิญญาณลมเหนือเศร้าลงอย่างมาก มองไปนอกหน้าต่าง สายตาทอดอาลัย...
“น่าเศร้า... แล้วทำไมถึงว่าเขาเป็นผู้หญิงไม่ดี”
“เราคบกันเร็ว เจอกันแค่สองครั้งก็มีอะไรกัน เขาเอาใจเก่งเรื่องเซ็กส์ ทำฉันหลงจนคิดจริงจังอยากแต่งงานอยู่กับเขา ไม่นึกเลยเขานอกใจไปยุ่งกับผู้ชายอื่น ฉันเจ็บปวดทรมาน... เป็นทุกข์ไม่รู้จะหันหน้าไปหาใคร นึกขึ้นได้คือเธอ กาฬ... ฉันดีขึ้นและสบายใจเมื่อเธอยอมแต่งงานมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน”
“พี่มนตราทำงานอะไร”
“ทำอาชีพผิดกฎหมาย ขายยาเสพติด ทั้งยาเลิฟ เฮโรอีน เขาให้ฉันลอง บอกว่าลองครั้งเดียวไม่ติดหรอก ลองให้รู้ว่าเป็นไง ฉันเลยลอง... มีความสุขมากจนบรรยายไม่ถูก ริวจิคอยยุยงส่งเสริมบอกว่าฉันเป็นแฟนคนขายเฮโรอีนมีให้เสพได้ไม่อั้น ไม่เห็นต้องกลัวติด ถึงติดก็ไม่ต้องกลัวอด”
“โอย... จะเป็นลม” กาฬวารมือกุมหน้าอกตัวเอง ทำอาการแบบยายเพียรเวลาได้ฟังเรื่องหนักอกหนักใจ
“แล้วฉันก็ติดเฮโรอีน ...และเสพมันมากขึ้นอย่างรวดเร็ว”
“เดี๋ยวก่อนนะเสพเฮโรอีนมากขึ้น? แบบนั้นถ้าเสพเกินขนาด ...อาจทำให้ตายได้นะ” กาฬวารติดใจสงสัยเรื่องยาเสพติด “ความรู้สึกสุดท้ายก่อนที่คุณเหนือจะกลายเป็นวิญญาณ ...จำได้ไหม?”
“ฉันสูบบุหรี่ยัดไส้เฮโรอีนเข้าไป มีความสุขมาก ...ลืมแล้ว นึกไม่ออกจริง ๆ ”
“แล้วที่ว่าเพื่อนเลว... ริวจิเขาเป็นคนยังไง”
“เขาชวนให้ฉันติดยา แถมยังโกหกแม่ฉันหลายอย่าง แต่ฉันรู้เห็นเป็นใจด้วยเพราะอยากหนีเที่ยวอยู่แล้ว ที่จริงฉันไม่ชอบโกหกเลย ริวจิพาฉันไปดูรถซิ่งพวกแต่งรถ ฉันอยากได้รถขับสักคันแบบนั้น เคยนึกจะขอเงินแม่ซื้อรถ แต่พี่มนตรามีรถแต่งให้ฉันลองขับด้วย สนุกมากได้ขับรถซิ่งบนทางหลวง กลางดึกบรรยากาศโรแมนติก...”
“นั่นเหรอ... เรียกว่าโรแมนติก น่ากลัวมากกว่า” กาฬวารพูดขัดคอขึ้น
“มีเรื่องตื่นเต้น... น่ากลัวยิ่งกว่านั้นตอนฉันอัพยาเมามากไปหน่อย เจออุบัติเหตุรถคว่ำพลิกไปหลายตลบ” ฟังเล่าแล้ว... กาฬวารมือกุมหน้าอกอีกเป็นครั้งที่สอง!
“ตายแล้ว... คุณเหนือตายเพราะรถคว่ำหรือเปล่า”
“มันเร็วมาก เร็วจน... ฉันสับสน...” ลมเหนือพยายามนึกทบทวน ความทรงจำไม่ปะติดปะต่อขาด ๆ หาย ๆ
“ร่างของคุณเหนืออยู่ที่ไหน เห็นร่างตัวเองไหม”
“ไม่เห็นเลย ...จำอะไรไม่ค่อยได้ ตอนนั้นคงกำลังเมายา แต่พอจำได้ลางเลือนว่าใส่ชุดแข่งรถและพวกเซฟตี้ คงป้องกันได้ ต่อให้รถคว่ำไม่น่าทำให้ถึงตาย”
“ไม่แน่หรอก ถ้าให้สันนิษฐาน... คุณเหนือน่าจะตายเพราะข้อหนึ่ง... อุบัติเหตุ ข้อสอง... เสพเฮโรอีนจนหัวใจวายตาย ต้องสืบให้รู้ว่าคุณเหนือตายเพราะอะไรตายที่ไหน จะได้นำร่างมาบำเพ็ญกุศล วิญญาณคุณเหนือจะได้ไปสู่สุขคติ”
“แล้วไปสู่สุขคติ... นั่นมันที่ไหนเหรอ”
“เขาใช้เรียกแทนภพภูมิที่มีแต่ความสุข เช่น สรวงสวรรค์ พรหมโลก และภพภูมิกลาง ๆ อย่างโลกมนุษย์ คือการได้กลับมาเกิดเป็นคนอีก” กาฬวารอธิบาย แล้วเริ่มง่วงนอนเพราะเคยนอนแต่หัวค่ำประมาณหนึ่งทุ่มเป็นประจำ แต่คืนนี้พิเศษ... เลยสองทุ่มแล้วเธอย่อมง่วงนอนแน่ ใช้มือปิดปากหาวนอน...
“ดูท่าเธอจะง่วงแล้ว อย่างนั้นนอนก่อนดีกว่า เธอไม่ต้องนอนคนเดียว มีฉันอยู่เป็นเพื่อน ฉันจะช่วยปกป้องคุ้มครองเธอ นอนหลับให้สบายเถิด” วิญญาณลมเหนือบอกด้วยน้ำเสียงทุ้มฟังนุ่มหู พร้อมรอยยิ้มดูอ่อนโยน...
............กาฬวารตื่นนอนก่อนหกโมงเช้า ต่างจากชีวิตประจำวันที่เคยคุ้น อยู่ลำพังในห้องนอนกว้าง ดูโปร่งโล่ง กรอบหน้าต่างสีขาวเป็นตารางประดับกระจกใส ขนาดหน้าต่างกว้างและสูงเกือบจรดพื้นห้อง มีราวผ้าม่านสีครีมอ่อน เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องแบบบิลท์อิน ใช้โทนสีขาวครีมเข้ากันอย่างเหมาะเจาะตั้งแต่เตียงนอน โซฟายาวปรับเอนนอนได้ ทั้งโต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้าที่สูงและความยาวเกือบเต็มผนังห้อง หากแต่เสื้อผ้าของกาฬวารมีเพียงไม่กี่ชุด
“ก๊อก ๆ ๆ ...” เสียงเคาะประตูที่หน้าห้อง กาฬวารจึงเดินไปเปิดประตู เจอคุณมิลินและจุ๊บแจงถือข้าวของ...
“ข้าวของของเหนือ ฉันสั่งจุ๊บแจงให้ขนย้ายมาไว้ในห้องนะจ๊ะ ต่อไปกาฬต้องเรียกฉันว่า... คุณแม่ เพราะกาฬเป็นลูกสะใภ้ของฉันแล้ว”
“ค่ะคุณแม่” กาฬวารรับคำ รับสิ่งของที่เป็นของลมเหนือเข้ามาไว้ในห้องนอน มีทั้งเสื้อผ้า กระเป๋าเดินทาง แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก และของใช้ส่วนตัวอื่น ๆ อีก
“ต่อไปจุ๊บแจง ต้องเรียกกาฬวารว่า... คุณกาฬ นะ”
“ค่ะคุณมิลิน” จุ๊บแจงพยักหน้ารับอย่างเต็มปากเต็มคำ นึกนิยมชมชอบกาฬวารอยู่แล้ว จากกิติศัพท์เรียนดีมีมารยาทและใบ้หวยแม่น
“นี่ลูกกุญแจสำหรับไขห้องในตึกนี้ ชั้นบนนี่มีสิบห้อง ชั้นล่างมีห้องใหญ่สี่ห้องรวมห้องครัวด้วย กาฬจะตกแต่งห้องไหนเพิ่ม จะใช้ห้องไหนทำอะไร ...ตามใจนะ”
“อยากให้มีห้องพระไว้เก็บและบูชาพระพุทธรูป สำหรับสวดมนต์ไหว้พระและมีที่นั่งสมาธิค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นคงต้องซื้อชุดโต๊ะหมู่บูชา ถ้าเงินไม่พอให้ทำรายการเบิกเงินกับฉันนะ นี่คุณยายจินตนาให้เอาการ์ดเสริมมาให้เธอ กดเงินใช้ได้ รับไปสิกาฬ” คุณมิลินยื่นเครดิตการ์ดเสริมให้
“ขอบคุณค่ะ คุณแม่” เธอรับมา ดวงตาเบิกโต ใครบ้างไม่ดีใจเมื่อได้เงินใช้ตามใจชอบ
“ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก ไปขอบคุณคุณยายโน่นเถอะ”
หลังจากคุณมิลินกลับไป กาฬวารจึงนำลูกกุญแจไขห้องต่าง ๆ จนถึงห้องกลางชั้นสองของตัวตึก คิดจะใช้ห้องนี้เป็นห้องพระ ...เธอฮัมเพลงอย่างสบายใจ
“ดูเธออารมณ์ดีจังเลยนะ” วิญญาณลมเหนือทักทาย ปรากฏกายเลือนรางโปร่งแสงสามมิติ
“อื้ม... นึกถึงเมื่อคืนพอคุณเหนือบอกว่าจะปกป้องคุ้มครองฉัน หลับให้สบาย... ฉันเลยหลับสบายมาก ๆ เลย เมื่อก่อนเคยแต่นอนที่นอนปิกนิก พอได้นอนเตียงนุ่มนิ่มด้วยแล้ว โอ๊ย... สบายอย่าบอกใครเลยเชียวล่ะ” กาฬวารบอกอย่างร่าเริง พลอยให้ลมเหนือยิ้มไปด้วย “รู้สึกว่ามีแต่ฉันเท่านั้นที่อยู่ตึกนี้ ทั้งที่ตึกกว้างมีห้องเยอะแยะทำไมไม่มีใครอยู่”
“ยายเล่าให้ฟังว่า... ตอนสร้างเสร็จมีคนงานก่อสร้างเป็นโรคไหลตาย ยายกับตากลัวผี คนในบ้านนี้กลัวผีกันทุกคนเลยอยู่กันที่เดิม ไม่มีใครย้ายเข้ามาอยู่ตึกใหม่นี่เลย”
“อ้าว! ...” กาฬวารอุทาน ใบหน้าหุบยิ้มทันที เพราะเธอเองกลัวผีเหมือนกับคนอื่น
“แต่ฉันถามเจ้าที่ที่ศาลตายาย เขาบอกว่าที่นี่ไม่มีผี วิญญาณดวงนั้นไปเกิดใหม่หลังจากตายไม่ได้สิงสถิตอยู่ที่นี่หรอก ตั้งแต่ฉันมาอยู่ไม่เห็นมีผีเลย ...มีแต่ฉัน”
“เฮ้อ... อย่างนั้นค่อยโล่งอกหน่อย”
“ที่ตึกนี้ห้องแต่ละห้องกว้าง บันไดเยอะแยะดีขึ้นลงได้หลายทาง ที่จริงตึกเล็กมีขนาดเกือบเท่าตึกใหญ่นี่ละ แต่ฉันไม่ค่อยชอบตึกเล็ก เพราะห้องแต่ละห้องเล็กกว่านี้นิดหน่อย แถมเตี้ยไม่มียกฐานรากสูง”
“แล้วทำไมตึกนี้ต้องสร้างให้มีฐานรากสูงล่ะ”
“เป็นความคิดของคุณตา สร้างขึ้นหลังจากเกิดน้ำท่วมใหญ่ปลายปีพ.ศ. 2554 เพราะกังวลว่าในอนาคตอาจเกิดน้ำท่วมใหญ่อีก ที่นี่จะยังเป็นที่อยู่อาศัยปลอดภัยจากน้ำท่วม” ลมเหนือเล่าเรื่องที่มาที่ไปของตึกนี้ เกิดมาจากแนวคิดของคุณฮิงาชิผู้เป็นคุณตา
“ปีนั้นมีน้ำท่วมใหญ่จริง ถึงตำบลอื่นถูกน้ำท่วม แต่ที่บ้านดอนนี่ตั้งแต่ฉันเกิดมายังไม่เคยเจอน้ำท่วมเลย คุณตามองการไกลมากเลยนะ สงสัยต่อไปข้างหน้าตึกนี้จะอยู่กันไปนานจนรุ่นลูกรุ่นหลาน”
“อืม... คงจะอย่างนั้น อ้อ... ถ้ามีแขกมาพักให้พักที่ตึกเล็กนั่นล่ะ ฉันไม่อยากให้คนอื่นเข้ามาวุ่นวายที่นี่นะกาฬ” ลมเหนือถือโอกาสบอกกล่าวกับกาฬวารไว้ล่วงหน้า
............เวลาเจ็ดโมงเช้า เป็นเวลาทานมื้อเช้าในห้องอาหารที่ตึกเล็ก จุ๊บแจงถูกใช้มาตามกาฬวาร
ที่โต๊ะอาหาร... สมาชิกในบ้านนั่งประจำที่อยู่ก่อนแล้วทั้งคุณมิลินและคุณทาคามิ ส่วนคุณฮิงาชินั่งหัวโต๊ะ กาฬวารต้องลงนั่งตามที่นั่งที่จุ๊บแจงเลื่อนเก้าอี้ให้ นั่นคือฝั่งซ้ายมือของคุณฮิงาชิ ฝั่งเดียวกับคุณนายจินตนา มีเก้าอี้ว่างอยู่หนึ่งตัว นั่นเป็นที่นั่งของลมเหนือ จากนั้นเป็นมารยาทบนโต๊ะอาหาร
“ธรรมเนียมคนญี่ปุ่น ก่อนอื่นจะไหว้ขอบคุณอาหาร ระลึกถึงบุญคุณที่มาหล่อเลี้ยงร่างกายเรา เห็นคุณค่าความยากลำบากกว่าจะได้ข้าวปลาอาหารเหล่านี้มา ต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน ผ่านมาหลายมือตั้งแต่ชาวนาปลูกข้าว เข้าโรงสี ชาวประมงจับปลานำมาขายในตลาด เราไปซื้อมาช่วยกันทำครัว กว่าจะปรุงมาเป็นอาหารตรงหน้าเรา” คุณมิลินบรรยายเพื่อให้ความกระจ่างกับลูกสะใภ้ซึ่งเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัว
“ใช่... และต้องพนมมือ กล่าวคำว่า... อิตะดะคิมัส คล้ายกับการบอกขออนุญาตรับประทาน เข้าใจไหมกาฬ” คุณทาคามิช่วยพูดเสริม
“เข้าใจค่ะ” กาฬวารรับคำ จากนั้นทุกคนพนมมือไหว้ขอบคุณอาหาร และกล่าวคำภาษาญี่ปุ่นพร้อมกัน
“อิตะดะคิมัส”
“อ้าว... ทำไมไม่กินล่ะกาฬ... นั่งจ้องอะไร” คุณนายจินตนาเอ่ยถาม เห็นหลานสะใภ้กวาดตามองบนโต๊ะ เหมือนไม่รู้จักกับมันมาก่อน
“ไม่เคยเจออาหารมากมายละลานตาขนาดนี้ เคยแต่กินไข่ต้ม ผักต้ม บางมื้อกินข้าวเปล่าคลุกน้ำปลา เพราะไม่ค่อยมีเงินซื้อกับข้าว” กาฬวารบอกเล่า ผู้ใหญ่ร่วมโต๊ะอาหารต่างคนต่างเงียบ... จนกาฬวารสงสัยและมองทุกคนด้วยสายตามีคำถาม
“พวกเราสงสารเธอนะ ถ้าใครได้พบกับความยากจน คงต้องร้องไห้...” คุณทาคามิกล่าว เขาเป็นคนอ่อนโยน ใจอ่อนสงสารคนง่าย
“แต่ฉันเกิดมาชีวิตเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว ย่าบอกเสมอให้กินเท่าที่มี ถ้าไม่มีก็ไม่กิน อดบ้างไม่เป็นไรฝึกความอดทน ฉันไม่ค่อยร้องไห้ เพราะมันไม่มีเรื่องเศร้าถึงขนาดทำให้ต้องร้องไห้”
“จิตใจเข้มแข็งมาแต่เด็กเลยนะกาฬ” คุณนายจินตนากล่าวชื่นชม
“เพิ่งมาอยู่ที่นี่แหละมีอาหารเยอะมากเหมือนสวรรค์มาโปรด ท่าทางมันคงอร่อยทั้งนั้นเลยนะคะ”
“บ้านเรากินอาหารไทยกับญี่ปุ่นเป็นหลัก ข้างหน้าเธอนั่นปลาหมึกย่างกินกับวาซาบิ ราเม็ง ซาชิมิเป็นปลาดิบ อาหารไทยมีข้าวสวย ต้มยำกุ้ง ส้มตำไทย ส่วนในโถแก้วเป็นของหวานรวมมิตร กินให้เต็มที่เลยกาฬ” คุณมิลินแจกแจงให้กาฬวาร
............ตอนเที่ยงวัน กาฬวารไปไหว้พระที่วัดเพื่อขอผ้ายันต์กันผีตามความตั้งใจ
...จากนั้นตอนบ่าย ไปกับจุ๊บแจงที่ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ไม้เพื่อซื้อชุดโต๊ะหมู่บูชา แล้วสั่งให้นำมาส่งในตึกใหญ่ ...ต่อจากนั้นไปเดินห้าง เพื่อซื้อเบาะนั่ง หมอนอิง สำหรับใช้ในห้องพระ รวมทั้งเครื่องทองเหลืองพวกเชิงเทียน กระถางธูป แจกันคู่ และพรมผืนใหญ่ที่ใช้ปูบนพื้นห้อง เครื่องดูดฝุ่นสำหรับทำความสะอาดห้อง และอดไม่ได้ที่จะซื้อของเล่นให้ตัวเอง นั่นคือ... วิทยุเครื่องเล็กสีชมพูน่ารัก กาฬวารนึกอย่างมีความสุข...
‘ได้ใช้บัตรเครดิตเสริมจากคุณนายจินตนา เลยกลายเป็นคนมีเงินขึ้นมาทันตาเห็น ได้เป็นหลานสะใภ้เจ้าของร้านทองก็ดีอย่างนี้เอง เรานี่ช่างมีบุญจังหนอ’
กลับถึงบ้าน... จึงช่วยกันสองคนกับจุ๊บแจงทำความสะอาด จัดของเข้าไว้ในห้องพระ ...จนแล้วเสร็จ
อยู่บ้านนี้ถึงตอนเย็นกาฬวารไม่ต้องทำอาหารเย็น ไม่เหมือนตอนอยู่บ้านเก่า พ่อแม่และยายเพียรกินข้าวเย็น ตอนห้าโมงเย็นในห้องครัว ส่วนเธอต้องกินข้าวเย็นตอนหกโมง พร้อมกับพ่อแม่ตายายของลมเหนือในห้องอาหารซึ่งอยู่ติดกับห้องครัว หลังอาหารจึงเป็นเวลากลับขึ้นตึกใหญ่
ในรั้วเดียวกันนี้ยังมีบ้านเรือนไม้รวมอยู่ด้วยอีกหลังหนึ่ง เป็นที่พักอาศัยของนายมั่น ซึ่งเป็นคนงานชายของบ้าน ทำทุกอย่าง... ตั้งแต่รดน้ำ พรวนดินในสวน ซ่อมไฟฟ้า ก๊อกประปา จนกระทั่งซ่อมรถและขับรถ เขามีภรรยาคือ นางจันทร์ ทำหน้าที่แม่บ้าน ทำครัว และคอยรับใช้ทั่วไป พวกเขามีลูกสาวคนเดียวคือ... จุ๊บแจง
สำหรับกาฬวารแล้วคิดว่าจุ๊บแจงเหมือนเพื่อนเล่นที่อายุอ่อนกว่าเล็กน้อย เธอไม่เคยร้างลาเรื่องเล่น จึงชวนจุ๊บแจงมาเล่นที่ห้องโถงชั้นล่าง ใช้วิทยุสีชมพูที่ซื้อมาเปิดเพลงไม่ดังมาก เพราะเกรงใจผู้ใหญ่ในตึกเล็กหนวกหู แต่เพลงที่เปิดเป็นจังหวะสนุก ๆ แล้วเต้นกันสองคนกับจุ๊บแจง วิญญาณลมเหนือมองดูอยู่ ...พลอยสนุกหัวเราะไปกับพวกเธอด้วย
______________________...oooooOOOooooo...______________________... ตอน ๗
ไตรติมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 มี.ค. 2559, 14:29:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 มี.ค. 2559, 14:29:28 น.
จำนวนการเข้าชม : 1008
<< ตอน ๖ | ตอน 8 >> |