ความลับ (ที่) ซ่อนเร้น .. หรือจะเป็น ความรัก!(?)
คำถาม .. ที่มีคำตอบ
แต่คำตอบ .. กลับยังคงมากมายด้วยคำถาม

เพราะนิยามในคำหนึ่งคำนั้น
แฝงเร้นซุกซ่อนไว้ซึ่งความลึกลับ
ความซับซ้อนชวนสับสน รอยยิ้มปนเปื้อนคราบน้ำตา
เล่ห์เสน่หาหวานล้ำ และพร้อมจะนำความเจ็บปวดมาให้ .. ได้ทุกเวลา

.. หากว่ามันคือ ความรักที่มากล้น จนกลายเป็น .. ความลับ ! ..
Tags: ความรัก ความลับ

ตอน: บทที่ ๓๘ .. สมรู้ร่วมคิด





วิชชุ์วิธูกวาดสายตาไปรอบโรงงานไม้แปรรูปของเจ้าสัวอัญเชิญ มกรชัยโชค ประเมินด้วยตาเปล่า ๆ แบบไม่ต้องทำรังวัด ก็คงกินพื้นที่หลายสิบไร่ เฉพาะเนื้อที่ที่เห็นตรงหน้า ซึ่งคาดว่าจะเป็นส่วนรับรองก็ยังดูโอ่อ่ากว้างขวาง

อีกด้านหนึ่งถัดไปเป็นอาคารกระจกชั้นเดียว ชายหนุ่มสังเกตคร่าว ๆ สันนิษฐานว่า อาจเป็นโชว์รูม เนื่องจากลักษณะคล้ายๆกับห้องจัดแสดงตัวอย่างบ้านในโครงการของเขา จึงมีความเป็นไปได้ว่า ที่นั่นน่าจะใช้สำหรับแสดงตัวอย่างผลิตภัณฑ์ของทางโรงงาน

"สวัสดีค่ะ คุณวิชชุ์ เดินทางเป็นยังไงบ้างคะ ลำบากหรือเปล่า"

"สวัสดีครับ คุณ ... ช่ออัญชัน"

ตัวแทนของปารตีไม่ตอบคำถามทันที แค่กล่าวทักทายการต้อนรับอย่างมีมารยาท ซึ่งดูมากเกินจำเป็นจนทำให้อีกฝ่ายถึงกับงันไปเล็กน้อย แต่สามารถปรับตัวให้เป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว

วิชชุ์วิธูสีหน้าเรียบสนิทราวไม่ยินดียินร้าย ข่มใจคิดว่านี่เป้นหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาดำเนินการแทน

“ผมเพิ่งรู้ตัวว่ามีงานด่วนเมื่อเช้า เลยไม่ได้เตรียมข้อมูลหรือเอกสารอะไร สงสัย ... เมื่อคืนคุณปารตีคงฉลองเพลินจนลืมบอก เรื่องจะให้ผมมา ... ที่นี่”

“อ๋อ เอ่อ ... ค่ะ ไหน ๆ เราก็เป็นหุ้นส่วนกันแล้ว แล้วพอดีวันนี้จะมีสินค้าใหม่เข้ามา เลยอยากให้ทางคุณวิชชุ์ได้เห็นก่อน ... ลูกค้ารายอื่น”

ชายหนุ่มยิ้มมุมปากรับฟังเหตุผลจากช่ออัญชัน หากดวงตากลับเฉยชาจนคนพูดไม่รู้จะไปต่ออย่างไร นอกจากรีบเชื้อเชิญเขาไปยังห้องรับรองลูกค้า

“เชิญคุณวิชชุ์ทางนี้ดีกว่าค่ะ วันนี้อัญจะนำชมสินค้าที่มี รอของใหม่เข้าช่วงบ่าย ...”

ช่ออัญชันออกตัวก้าวนำไปข้างหน้า จึงไม่ทันเห็นวิชชุ์วิธูเผยสีหน้าไม่ชอบใจ กับการจะต้องอยู่ที่โรงงานไม้แปรรูปของเจ้าสัวอัญเชิญแทบตลอดวัน

แต่ความรู้สึกนั้นคงค้างบนใบหน้าเพียงไม่ถึงวินาที เขาทำใจไว้แล้ว และตอนนี้สิ่งเดียวที่ต้องคิดมีเพียง ... เรื่องงาน

วิชชุ์วิธูก็ได้แต่หวังว่า ทุกอย่างจะเรียบร้อย ไร้ปัญหา

เขาจะได้ไม่ต้องเสียเวลาอยู่ที่โรงงานไม้แปรรูปของช่ออัญชัน ... นานกว่านี้






"เภา ... ฉันอยากคุยกับแก"

องก์อัมพุทรี่เข้าหาเภตราไม่พูดเปล่า มือข้างหนึ่งก็คว้าข้อมือเพื่อนกำมั่นคล้ายบังคับในที แล้วกระตุกให้ก้าวตามเจ้าของสถานที่ แต่ก่อนจะออกเดินกันไป เจ้านายของเจ้าจันหันมาบอกกับชายร่างสูง ที่อยู่ในสถานการณ์อีกคน

"พี่กล้าคะ ... ขอเวลาพุดกับเพื่อนสักครู่นะคะ ..."

หญิงสาวชั่งใจขณะหนึ่ง ว่าควรประวิงเวลาเผื่อไปถึงใครบางคนหรือไม่ แต่เธอคิดว่าไม่จำเป็น จึงหยุดความคิดไว้แค่นั้น ทั้งไม่รอฟังคำตอบรับจากทแกล้ว ก็หันไปเร่งเร้าเพื่อนเหมือนมีเรื่องคอขาดบาดตายต้องคุยแบบปัจจุบันทันด่วน

"ไปเภา"

เภตราจำยอมให้องก์อัมพุทจับจูงตามใจ ไม่นานสองสาวก็ยืนอยู่ใต้ร่มมะม่วงต้นใหญ่ รอดูท่าทีของเพื่อนว่าจะเอาอย่างไรกับเธอ แต่จนแล้วจนรอดอีกฝ่ายก็เอาแต่ยืนเงียบ หันหลังให้ไม่ยอมพูดจาสักที

"มีอะไรหรือพุด"

"แกคิดจะทิ้งพี่พัดจริงๆหรือเภา"

แม้ไม่เห็นสีหน้าของคนถาม เภตราก็พอจะเดาได้ว่า องก์อัมพุทคงรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนอยู่ไม่น้อย แต่ไม่รู้ว่า ที่เพื่อนถามนั้นด้วยเหตุผลใด

"ฉันไม่เคยทิ้งใคร ... แกพูดเหมือนไม่รู้จักฉันนะพุด"

"ก็ถ้าอย่างนั้น แกจะไปแต่งงานกับคุณดินนั่นทำไม"

คราวนี้องก์อัมพุทหันมาเผชิญหน้าแววตาติดจะเคร่งเครียด จนเภตรานึกแปลกใจเลิกคิ้วสูงเป็นคำถาม โดยปราศจากคำพูด

"เภา ฉันถามจริงๆ แกคิดจะทำอะไร ... ลองใจพี่พัด หรือว่า แกไม่รักพี่ชายฉันแล้วจริงๆ"

ไม่ว่าจะเป็นคำถามใด ก็ล้วนแล้วแต่จี้ใจเภตราทั้งสิ้น อาการเม้มปากสะกดอารมณ์ที่เผลอแสดงออกมา ก็หาได้รอดพ้นสายตาขององก์อัมพุทไปได้ เพราะปฏิกิริยานี้เองยิ่งทำให้สาวเจ้าของบ้านรุกไล่เพื่อนหวังให้ยอมรับออกมา

"ว่าไงล่ะเภา ..."

"มันสายไปแล้วพุด ทุกอย่างมันถูกกำหนดไปแล้ว"

"กำหนดแล้วก็ยกเลิกได้"

องก์อัมพุทสวนทันควัน ไม่บ่อยครั้งที่เธอจะคาดคั้นไล่ต้อนใครเช่นนี้ แต่เพื่อเมฆพัดพี่ชายของเธอ ขึ้นอยู่กับว่า คำตอบจากเภตราจะทำให้ปัญหานี้คลี่คลาย หรือบานปลายเท่านั้น

เภตราสบตาเพื่อนอย่างอัดอั้น ก่อนจะเบือนหน้าหนี ไม่ยอมเปิดปากบอกอะไร แล้วสูดลมหายใจลึก หันกลับมาอีกครั้ง

"ฉันอยากพบคุณป้า ... ฉันจะมาเรียนเชิญท่าน"

"แกจะเชิญแม่ฉันไปไหน"

คนถูกถามมองหน้าเอาเรื่องของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อน เผยอมุมปากแต่ก็ยากจะดูว่านั่นคือ รอยยิ้ม เพราะมันคล้ายกับอาการเบะปากของคนจะร้องไห้มากกว่า

"งานแต่ง"





เมฆพัดลงจากเรือนมายังใต้ถุน พบทแกล้วนั่งเล่นหางเจ้าจันบนเตียง ชายหนุ่มเหลียวซ้ายแลขวาหาว่า เจ้าของแมวลายเมฆเทาดำตัวนี้ไปไหน พอไม่เห็นจึงเอ่ยถามรุ่นพี่คนสนิท

"พี่กล้า พุดไปไหนล่ะ"

"ไปคุยกับเพื่อน ... ทางโน้น"

ดูเหมือนคำตอบที่ได้จะไม่ค่อยกระจ่างสักเท่าไร หัวคิ้วของเมฆพัดขมวดเข้าหากันให้เห็น จนทแกล้วต้องขยายความ ทั้งที่ดวงตายังมองหน้าหนุ่มรุ่นน้อง แต่มือข้างขวากลับยังเขี่ยหางเจ้าจันที่ปัดไปปัดมาไม่เลิก

"ยังไม่ทันได้ฟังชื่อหรอก น้องพุดแนะนำให้เพื่อนรู้จักพี่เสร็จ ก็ลากตัวไปเลย ... ได้ยินน้องพุดเรียกแว่วๆว่า ... เภา หรือไงนี่ล่ะ"

"อะไรนะครับ ... ชื่อเภาเหรอ ... แล้วเขาไปทางไหนกัน"

เมฆพัดตื่นเต้นลิงโลดออกนอกหน้า กับชื่อที่ทแกล้วเอ่ยออกมา ต่อให้รุ่นพี่ของเขาลังเล แต่ชายหนุ่มก็ยิ่งมั่นใจว่า เพื่อนที่มาหาองก์อัมพุทคือ เภตรา

"มีอะไรกันแน่พัด ... หรือว่า คนนี้หรือเปล่า ที่ทำให้นายแทบจะเอาเข่าเช็ดน้ำตา"

นักวิจัยหนุ่มใหญ่ประเมินและวิเคราะห์ออกมาได้เป็นฉาก เรียกได้ว่าอ่านท่าทีของเมฆพัดออกจนหมดไม่มีเหลือ ซึ่งหนุ่มรุ่นน้องทำได้แค่อมยิ้ม สีหน้าดูสดใสกว่าเมื่อเช้าตอนพบกันที่บ้านครั้งแรกเป็นพะเรอ

"เดี๋ยวผมมานะ"

ทแกล้วพยักพเยิดให้เมฆพัด ก่อนที่คนบอกทำนองขอเวลา จะหันหลังจากตรงที่เขานั่งอยู่กับลูกแมว ทันทีที่ร่างของหนุ่มรุ่นน้องลับตา เขาก็ล้วงหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงด้านหน้าขึ้นมา รายชื่อที่หมายติดต่อถูกค้นเจอในไม่กี่วินาที แล้วต่อสายไม่รีรอ และปลายสายก็รับทันทีเหมือนกัน





เมฆพัดเดินลิ่วชนิดลืมเหนื่อยลืมร้อน สายตามุ่งตรงไปยังทิศทางที่ทแกล้วบุ้ยบ้ายให้ แล้วในที่สุดเขาก็ได้เห็นผู้หญิงสองคนหันหน้าประจันกัน องก์อัมพุทคือคนที่หันหน้ามาทางเขา

ส่วนคนที่หันหลังให้นั้น ไม่ต้องบอกไม่ต้องวิจัยเจาะลึก เหมือนกับงานที่ทำมานับ ๑๐ ปี ชายหนุ่มก็จดจำลักษณะท่าทางของผู้หญิงคนเดียวที่เขารักได้แม่นมั่น

นักวิจัยหนุ่มสาวเท้าก้าวยาวๆไปข้างหน้า ไม่กี่ก้าวต่อมามันก็พาเขามาหยุดยืนอยู่ด้านหลัง คนที่คุ้นเคย ... ทุกลมหายใจ

“เภา...”

ถ้าไม่ติดว่าองก์อัมพุทยังยืนอยู่ตรงนี้ เมฆพัดคงสวมกอดเภตราด้วยความคิดถึง และ ... หวงแหน

หากสิ่งที่เขาทำได้มีแค่การเอ่ยชื่อแผ่วเบา ราวกับกลัวว่า ถ้าทำให้เจ้าของชื่อตกใจแม้เพียงน้อยนิด เธอก็จะหนีหายไปทันที

“เภายอมมาคุยกับพี่แล้วใช่ไหม .. เรื่องของเรา”

“เอ่อ ... งั้น เค้าไปหาแม่ก่อนดีกว่า จะได้บอกว่ามีแขกเพิ่ม ... แกคุยกันไปก่อนนะ”

องก์อัมพุทหลบฉากอย่างรู้งาน ส่งสายตาเป็นสัญญาณให้พี่ชาย ก่อนบอกเพื่อนรักอย่างรวดเร็ว จนเภตราทัดทานไม่ทัน

เมฆพัดไม่ละสายตาจากเจ้าของร่างสมส่วนตรงหน้า วูบหนึ่งที่สายลมพัดผ่านจากด้านหน้า กลิ่นหอมละมุนก็กรุ่นละอองอ่อนมาตามสายลมพัดพา เส้นผมยาวพลิ้วดูเหมือนจะปลิวระดวงหน้าของเภตรา เธอจึงต้องยกมือข้างขวาแตะแล้วทัดหู

แม้จะชั่วขณะไม่ถึงอึดใจ แต่แรงลมทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะจินตนาการ เห็นเป็นเรือนร่างงดงามที่เคยครอบครอง ยามเสื้อผ้าบางเบานั้นแนบเนื้อแนบตัวของเธอ

เมฆพัดแทบจะล่องลอยไปตามกระแสเคลิบเคลิ้มมิรู้ลืมนั้น แต่ก็ต้องหักใจ เพราะปัญหาที่ยังคาราคาซังเป็นปมแน่นหนา

ชายหนุ่มกำหมัดแน่นถอนหายใจแรง สะกดอารมณ์พลุ่งพล่านเมื่อได้อยู่กับเภตราตามลำพัง หญิงสาวยังคงยืนนิ่ง ไม่สนใจจะหันกลับมามอง

ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมหันมา ... เขานี่ล่ะ จะพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสายตาของเธอ ให้เหมือนคืนวันที่ทั้งสองคนเคยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

คราวนี้เมฆพัดไม่ใช่แค่ยืนคิดเฉยๆ ทันทีที่ตัดสินใจได้ เขาจงใจเดินเฉียดไหล่เภตราให้รู้ตัวว่า ตรงนี้ไม่ได้มีแค่ ... ต้นมะม่วง

“เภา ... ใจคอจะไม่ยอมพูดกับพี่สักคำเลยหรือ”

น้ำเสียงอ่อนออดจะว่าอ้อนก็ไม่ใช่ ตัดพ้อก็ไม่เชิง แต่ก็ทำให้เภตราไม่อาจฝืนความรู้สึกต่อไปได้ หญิงสาวเม้มปากแน่น ภาวนาไม่ให้อีกฝ่ายมองเห็นความหวั่นไหวที่เริ่มยากจะควบคุม

"เภา ..."

เมฆพัดจับปฏิกิริยาคนตรงหน้า นึกหมั่นเขี้ยวอยากรวบตัวมากักไว้ในอ้อมอก เป็นการทำโทษเสียให้เข็ด ฐานที่ไม่ยอมพูดกับเขาสักคำ แต่บทจะเปิดปากพูด ... ก็ฟังเข้าสิ มันน่าไหมล่ะ

"เภามาพบคุณแม่ ... คุณป้า แม่พี่พัดค่ะ"

"อยู่ ... แต่ก่อนจะพบ พี่อยากคุยกับเภา ... เรื่องของเรา ..."

'เรื่องของเรา' ที่เมฆพัดเน้นย้ำ ดึงสายตาของเภตราให้แหงนเงยขึ้นสบนัยน์ตาเข้มของเขาได้ ทว่า สิ่งที่เขาอ่านและแปลความออกมา ล้วนเป็น
สายตาแห่งคำถาม โดยเธอไม่ต้องขยับเรียวริมฝีปากอิ่มรสหวานนั่น

แต่แล้วปฏิกิริยาของหญิงสาว กลับบอกได้ถึงความระอาคล้ายเหนื่อยหน่าย แม้ไม่อยากพูดก็จำต้องพูด เผื่อเขาจะได้ไม่ถามอะไรต่อ

"พี่พัดยังไม่เข้าใจอีกหรือคะ ... ไม่มี 'เรื่องของเรา' อีกแล้ว"

"แล้วคิดหรือว่า พี่จะยอมให้มันจบง่ายๆ"

คนไม่ยอมจบตอบเสียงเข้ม ทั้งที่ในใจไม่ต้องการจะทะเลาะกับเธอ แต่พูดดีก็แล้ว อดทนใจเย็นก็แล้ว ทำไมเภตราถึงได้ใจแข็งขนาดนี้ ... หรือว่า

"อย่าบอกนะว่า เภาเปลี่ยนใจ ไปรัก ... เขา ถึงได้กล้ามาบอกเลิกกับพี่ถึงที่นี่"

เภตราไม่สามารถฝืนกลั้นอารมณ์ใดๆได้อีก หยาดน้ำใสไม่ทันได้เอ่อคลอหน่วย มันก็แข่งกันทะลักกลิ้งหยดเป็นเม็ด จากน้ำคำที่ได้ยิน

"อย่าดูถูกฉัน คุณเมฆพัด ... ในเมื่อคุณไม่เคยเข้าใจอะไร ก็ให้ทุกอย่างมันจบ ... ฉันเหนื่อย เหนื่อยกับเรื่องนี้มามากพอแล้ว"

"เภา ... เอ่อ พี่ขอโทษ ... พี่ต้องทำยังไง บอกพี่สิ จะให้พี่ทำยังไง"

เมฆพัดลนลานกับภาพตรงหน้า หัวอกสั่นคลอนเหมือนรู้สึกได้ว่ามันเสียดกันจนปวดร้าวไปหมด กี่ครั้งกันที่เขาทำให้เภตราต้องร้องไห้ มีแต่เป็นฝ่ายทำให้คนที่เขารักเสียน้ำตา เสียใจ เสียแม้กระทั่ง ... เกียรติสูงสุดที่สตรีเพศยึดถือ

"พี่พัดไม่ต้องทำอะไรเลยค่ะ ไม่ต้อง ... เภาขอร้อง อย่าได้ทำอะไรเลย เท่านี้ เภาก็จะไม่ไหวแล้ว"

คำแนะนำเคล้าเสียงสะอื้นของเภตรา กลับทำให้คนขอไหล่ลู่แขนตกข้างลำตัว ราวคนหมดสิ้นเรี่ยวแรง

มาถึงนาทีนี้เมฆพัดทำได้แค่ยืนจ้องหน้า มองลึกเข้าไปในดวงตาแดงระเรื่อที่ยังฉ่ำชื้น เอ่ยคำที่ตั้งใจจะบอกเภตรา แม้จะแผ่วเบาแทบไม่ได้ยินเสียงตัวเอง แต่เขาก็จะบอก

"โอกาสของพี่ ... คงหมดแล้วสินะ มันอาจจะช้าไป ถ้าพี่จะบอกเภา ... แค่นาทีเดียวเภา ขอเวลาให้พี่อีกแค่นาที ... ขอให้พี่ได้มองคนที่พี่รักให้เต็มตา ให้พี่ได้เห็นว่า คนที่พี่รัก ... กำลังจะมีความสุข มากกว่าช่วงเวลาที่เรา ... อยู่ด้วยกัน ..."

คราวนี้ เภตราถึงกับสะอื้นตัวโยน สองมือยกขึ้นประทับกุมอกก้มหน้าร้องไห้ โดยที่เมฆพัดไม่ได้ล่วงรู้เลยว่า หญิงสาวกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะเขาเข้าใจแค่ว่า เขาบอกรักเธอ ในวันที่สายไป ... จนไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีก

"พี่อยากจะบอกเภา ถึงมันจะไม่มีประโยชน์ ... พี่รักเภา ... รักมาก และรักมานานแล้ว ... พี่คงมั่นใจเกินไป ว่าเภาก็รักพี่ เหมือนเมื่อ ๑๐ ปีก่อน ที่พี่ปฏิเสธเภาไป ..."

"พอเถอะค่ะ พี่พัด ... พอ ... ฮือ ๆ"

ชายหนุ่มหยุดพูดทันที เมื่อหญิงสาวร้องขอ ก่อนที่เธอจะหันหลังวิ่งกลับไปที่เรือน ทิ้งเขาไว้ให้จมกับความเจ็บปวด ที่แม้แต่การบอกรักครั้งสุดท้าย ... เธอยังไม่ต้องการฟัง
x; ">




แหวนวงลอบสังเกตบุตรชายไม่วางตา วันนี้ทั้งวัน เธอเห็นรวิรุจน์ใจจดใจจ่ออยู่แต่กับอุปการณ์สื่อสารไร้สายเครื่องบาง แม้จะไม่ได้ยินถ้อยคำสนทนา แต่อากัปกิริยาก็บ่งบอกได้ดีว่าเรื่องราวที่รับฟัง ส่งผลให้เขาดูสดชื่นรื่นรมย์ไม่น้อย

ใจหนึ่งในฐานนะแม่ แหวนวงนึกอยากจะถามให้หายคับข้อง หากอีกใจกลับเหนี่ยวรั้งไว้ด้วยเหตุผลเรื่องความเป็นส่วนตัว บุตรชายของเธอเองก็โตเป็นหนุ่มแล้ว ถ้าเขาต้องการให้มารดาร่วมรับรู้ เดี๋ยวเขาก็คงบอกเธอเอง

"แม่ครับ ผมออกไปข้างนอกหน่อยนะฮะ ... อาจกลับมาไม่ทันมื้อเย็น ... อืม แล้วผมจะโทร.บอกแม่อีกทีก็แล้วกัน"

"ไปไหนลูก"

สตรีวัยกลางคนเอ่ยถาม เพราะไม่คิดว่า การแอบมองบุตรชายบ่อย ๆ จะทำให้เขารู้สึกอึดอัด จนอยากออกไปข้างนอก ทั้งที่เวลาล่วงบ่ายมาสักพัก

"ไปคุยงานครับ ... งานสำคัญ"

รวิรุจน์ตอบยิ้ม ๆ เป็นยิ้มที่พอแหวนวงเห็น พลันให้นึกถึงสมัยวัยเยาว์ของเขา รอยยิ้มแฝงเล่ห์เหลี่ยมของเด็กชาย ในวันที่สามารถวางแผนและกลั่นแกล้งพี่ชายในวัยมัธยมปลายได้

"แน่ใจหรือจ๊ะ ... ว่างาน หืม"

"ไม่มีอะไรที่ผมจะปิดบังแม่ได้จริงๆ"

คำสารภาพอย่างคนขี้เล่น ยิ่งสร้างความสนเท่ห์แก่ผู้เป็นแม่ นานหลายปีทีเดียวกับท่าทางเช่นนี้ของรวิรุจน์ที่ห่างหาย ... เขากำลังรื่นเริงใจเรื่องใดกัน

"แม่ครับ ... ผมแค่นัดเพื่อนไว้ มีโปรเจ็คท์ใหม่นิดหน่อยครับ"

"จ้ะ เห็นทำหน้าตามีลับลมคมใน ... จนแม่อดนึกถึงตอนที่รุจน์แกล้งพี่เขาสมัยก่อนไม่ได้"

แหวนวงเห็นรวิรุจน์นิ่งไป ก็คิดว่าคำพูดของเธอทำให้เขาไม่สบายใจ จึงเลือกตัดบทเสียเอง

"ขับรถดีๆนะลูก ... ถ้ายังไง ชวนเพื่อนมาบ้านเราก็ได้"

"ไม่เป็นไรครับ ... ผมไปนะ"

รวิรุจน์โน้มตัวกอดมารดา ซ่อนสีหน้าให้พ้นสายตาช่างสังเกต ก่อนผละจากแหวนวง และนานาคำถามของเธอ






มัตติก์เอนหลังกับพนักโซฟาตัวกว้างในห้องพักส่วนตัวหลังสถานีวิจัยพันธุ์พืช ครุ่นคิดอะไรหลายอย่างที่วางแผนไว้ และมันก็กำลังดำเนินไป ซึ่งเขาหวังว่า คงจะไม่มีอุปสรรคใดมาทำให้สะดุดลง

ด้วยความร่วมมือของทแกล้ว ที่ทีแรกอาจไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เพราะความสัมพันธ์บางอย่างระหว่างกัน บวกกับความใจอ่อนของนักวิจัยหนุ่มใหญ่หลังยอมให้เขาได้พบและพูดคุย มันก็มากพอที่จะมีหนทางขอความช่วยเหลือ เพื่อประโยชน์ของคนหลายคน ไม่ว่าจะเป็นรุ่นน้องคนสนิท หรือมัตติก์เอง

การที่ทแกล้วไปหาเมฆพัดเมื่อเช้า ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ !

อีกอย่าง เมื่อมีโอกาสเข้ามาในห้องนี้ เรื่องอะไรจะกลับออกไปง่าย ๆ แน่นอนว่า เขาตั้งใจจะรอเจ้าของห้องไปเรื่อย ๆ ... โดยพยายามไม่นึกกังวลในความห่วงใยที่ทแกล้วมีต่อเมฆพัด

เท่านี้ มัตติก์ก็มั่นใจเหลือเกินว่า คนที่เขามีใจให้ ไม่เคยนอกลู่นอกทางกับใคร ต่อให้ปัญหาความสัมพันธ์ของพวกเขายังง่อนแง่น

หนุ่มมาดสำอางยิ้มกริ่มกับตัวเอง ยิ่งได้ฟังรายงานของทแกล้ว เรื่องที่เภตราไปหาเมฆพัด เขาก็ยิ่งอารมณ์ดี คิดว่า ทุกอย่างน่าจะลงตัวในไม่ช้า

ไม่นานเท่าไร หญิงสาวก็ติดต่อเขาเป็นรายที่สอง ... จนอดกระหยิ่มไม่ได้ ว่าไม่เสียแรงที่วางแผนร่วมกันมาเป็นแรมเดือน

"คุณดิน ... เภาจะไม่ไหวแล้วนะ เห็นพี่พัดเป็นแบบนี้ ใจมันจะขาดเสียเอง"

เภตราสูดจมูกให้ได้ยินขณะโวยวายอยู่ในสาย จนมัตติก์ตั้งรับไม่ทัน แต่ก็พอจับน้ำเสียงได้ว่า หญิงสาวอารมณ์ไม่คงที่นัก อาจจะเพิ่งผ่านการร้องไห้มาด้วยซ้ำ

"ใจเย็นคุณเภา ... เป็นอะไร คุณพัดเป็นอะไร"

"เราล้มเลิกแผนกันดีไหม บอกแม่เภา คุณแม่คุณดินไปตามความจริง ... เภาไม่อยากให้พี่พัดเข้าใจผิด ... เรื่องของเรา"

มัตติก์นิ่วหน้าขัดใจนิดหน่อยกับข้อเสนอของเภตรา ชายหนุ่มไม่ต้องการทำตามเธอ แต่การจะหักหาญน้ำใจกัน มันอาจจะทำให้ 'แผนของเขา' พังไม่เป็นท่า

"อดทนอีกนิดนะ ... ถ้าครอบครัวของเรา เห็นว่า แต่งกันไป ก็ไปไม่รอด พวกเขาจะได้ไม่มาบงการชีวิตเราอีก"

"แต่ ... นี่มันไม่ใช่ละครนะคุณดิน หันหน้าพูดกันไม่ดีกว่าเหรอ"

ถ้ามันง่ายแบบนั้น เขาก็คงทำไปนานแล้ว

มัตติก์อยากตะโกนตอบออกไปอย่างใจคิด แต่ว่า ชายหนุ่มรู้จักกัทลินดี แม่ของเขาไม่มีทางยอมปล่อยเขาแน่ๆ ถึงพลาดจากเภตรา ... กัทลินก็ต้องหาผู้หญิงคนอื่นมาให้อีกอยู่ดี

"ที่คุณไม่ไหว เพราะคุณพัด เขาให้ในสิ่งที่คุณต้องการมาตลอดแล้วใช่ไหม"

ปลายสายเงียบไปทันที เท่ากับเป็นคำตอบแก่มัตติก์ จนอดแสยะยิ้มที่อีกฝ่ายไม่มีทางได้เห็นให้ อดทนเก็บความกราดเกรี้ยวไว้ภายใน ก่อนจะปลอบประโลมแทบเป็นอ้อนวอน

"คุณเภา ... ถ้าแผนของเราสำเร็จ นอกจากคุณแม่คุณ จะไม่เสียหน้าเสียคำพูดกับแม่ผม หลังจากเราจบกัน ท่านคงไม่เข้ามาแทรกเรื่องระหว่างคุณกับคุณพัดอีก ... ทางผมก็เหมือนกัน"

ใช่ ถ้าเรื่องของเขากับทแกล้วยังแขวนบนเส้นด้ายแบบนี้ ... เขาจะปล่อยให้คนอื่นมีความสุขแซงหน้าไปได้อย่างไร

ตัวช่วยดี ๆ อย่างเภตรา ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายนักหรือ !











***********************************************







โปรดติดตามตอนต่อไป ...


ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม .. และขอบคุณสำหรับทุกไลค์กำลังใจฮะ


คุณ kaelek : คนที่เผชิญหน้าจริงๆ .. คงหนีไม่พ้น คู่ผัดกะเพรา เอ้ย เภากะพัดฮะ

คุณปอยอะนะ : อาจจะยังต้องลุ้นกันต่ออีกนะฮะ --!

ขอบคุณคุณ kaelek และ คุณปอยอะนะ .. สำหรับการพูดคุยฮะ



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 มี.ค. 2559, 10:36:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 มี.ค. 2559, 10:36:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 954





<< บทที่ ๓๗ .. ใครดี ใครได้   บทที่ ๓๙ .. ไม่มีเหตุ ไม่มีผล >>
ปอยอะนะ 31 มี.ค. 2559, 11:01:47 น.
อิอิ คุณพัดโดนจัดหนัก จะสงสารดีเปล่าหนอ


kaelek 1 เม.ย. 2559, 23:16:23 น.
แหม่!! นายดินนี่จัดในหมวดไหนอ่ะ พระรอง เพื่อนนางเอก ตัวร้าย ตัวอิจฉา ... ติดตามอยู่นะค๊าา ทั้ง 2 เริ่องเลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account