คืนค่ำร่ำพิศวาส
สองผีพี่น้อง เลวิส... แวมไพร์(ผีดูดเลือด) ลมเหนือ... ผีเฮี้ยน! อยู่ตึกผีสิง VS กาฬวาร... เด็กสาวยากจนเป็นสาวพรหมจรรย์ มีพลังจิตบริสุทธิ์ เธอช่วยพวกเขากลับเป็นมนุษย์ กลายเป็นเพื่อนบริสุทธิ์ใจต่อกัน สองพี่น้องต่างบิดาแต่รักกันมาก เวลาผ่านไปเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ได้เจอเธออีกหนต่างหลงรักผู้หญิงคนเดียวกัน...เลือกรักไม่ได้หนึ่งหญิงสองชาย (อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน)
Tags: หวานแหวว, ซึ้ง, รักแฟนตาซี, ไตรติมา, ผี, แวมไพร์, ตลก, หล่อ, โรแมนติค,

ตอน: ตอน 12

______________________...oooooOOOooooo...______________________... ตอน ๑๒

............กาฬวารลงมาในสวนหลังบ้าน เพื่อบอกเลวิส เรื่องที่เธอได้ปรึกษากับลมเหนือ

“คงต้องเจาะเลือดอย่างนั้นเหรอ”

“แล้วต้องดื่มเลือดปริมาณมากเท่าไหร่ ถึงจะล้างเลือดแวมไพร์ได้”

“ฉันไม่รู้... แต่จำได้ บาทหลวงเคยบอก ฉันเป็นแวมไพร์เกิดใหม่ เลือดแวมไพร์เข้าไปแทนที่เลือดมนุษย์ของฉันยังไม่หมด ฉันมีโอกาสกลับไปเป็นมนุษย์สูง”

“ฉันเลือดน้อย ถ้าถูกดื่มเลือดมาก จนเลือดไม่พอเลี้ยงร่างกาย ฉันจะตายไหมนะ”

กาฬวารลังเลและหวั่นเกรงความตาย ใครก็รักตัวกลัวตายเหมือนกันเป็นปกติอยู่แล้ว

“หา! ...ไม่นะ ฉันไม่อยากให้เธอตาย เพราะว่า... ฉันชอบเธอ” เลวิสโพล่งบอกไป จ้องหน้าสบตาสวยคู่นั้น

“ชอบ... ฉัน” กาฬวารกล่าวย้ำ ทบทวนถ้อยคำดังกล่าว ในใจไหวหวามนั้นนึก...

‘ความรู้สึกเรานี่ช่างประหลาด... ในชีวิตยังไม่เคยมีใครมาบอกเราอย่างนี้เลย’

“ไม่ได้นะ เธอจะตายไม่ได้ ฉันเสียเธอไม่ได้เด็ดขาด” เสียงดังจากวิญญาณลมเหนือ แล้วค่อย ๆ ปรากฏร่างในชุดสูทสีขาวต่อหน้ากาฬวาร

เลวิสเห็นอย่างนั้น... ค่อยคลายความหวาดกลัว

กาฬวารหันมองดูสองพี่น้องด้วยในใจเมตตากรุณา

“ถ้ามีอะไรที่ฉันสามารถทำได้ เพื่อช่วยคุณทั้งสองคน ฉันจะต้องพยายามทำให้ได้ ขอเวลา... ฉันอยากคิดทบทวนให้รอบคอบ ฉันต้องรู้อะไรให้มากกว่านี้ ขอตัวก่อนนะคะ” สาววัยรุ่นหันหลังเดินจาก... เพื่อกลับเข้าห้องของตนเอง

จึงไม่ได้เห็นวิญญาณลมเหนือ ร่างกายกลายเป็นสีเขียว ดวงตาส่องแสงสีแดงสว่างจ้า จ้องเขม็งที่ผู้เป็นพี่ชาย และลอยเข้าไปชิดใบหน้าในฉับพลัน และดันขยายเฉพาะใบหน้าให้ใหญ่ ใหญ่ขึ้น... ใหญ่ขึ้นอีก... สร้างความตกใจให้เลวิสอีกครั้ง!

“นายชอบกาฬวารไม่ได้ เธอเป็นของฉัน ไป... ออกจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้ ไอ้พี่ผีดูดเลือด”

“เฮ้ย! อ้ากกกกก... ผีหลอก” เลวิสไม่คิดชีวิต โกยอ้าว... วิ่งหนีออกจากตึกผีสิงแทบไม่ทัน



............เรือนร่างลมเหนือ ถูกเชื่อมต่อด้วยสายน้ำเกลือ สายออกซิเจน ท่ออุจจาระปัสสาวะ ดูระเกะระกะ เขาเหมือนคนนอนหลับทุกอย่าง หากแต่ไม่ตื่น...

“ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมาเลย คงปล่อยไว้อย่างนี้นานไม่ได้ เฮ้อ...” มนตรามองดูร่างนั้น แล้วทอดถอนใจ

ต่อมาจึงเช่าเหมารถตู้ พร้อมคนงานผู้ชายสามคน รวมคนขับรถด้วยเป็นสี่คน แล้วให้พวกนั้นช่วยกันยกเตียงลมเหนือ ใส่เข้าไปในรถตู้ ขับรถพากันมุ่งหน้าไปสู่ที่หมาย...

บ้านโองาว่า คุณมิลินและคุณทาคามิไปช่วยงานอยู่ร้านทองในตัวเมือง ส่วนกาฬวารและจุ๊บแจงไปเรียนหนังสือ ที่เหลืออยู่บ้าน คือ คนแก่ ส่วนผีและผีดิบไม่ออกอาละวาดในตอนกลางวัน

“ฉันดูแลเขาไม่ได้แล้วค่ะ ...สู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว” มนตราบอกคุณนายจินตนากับคุณฮิงาชิ เปิดประตูรถตู้ ให้คนงานชายลากเตียงลงมาตั้งที่พื้น

“นี่... ฮคคุหลานตา ตายหรือยังนี่...”

“โธ่เหนือ... หลานยายทำไมมีสภาพแบบนี้” ทั้งคุณฮิงาชิและคุณนายจินตนาต่างตั้งคำถาม สีหน้าบ่งบอกว่าอนาถใจ ...กับสภาพของผู้เป็นหลานชาย

“ฉันไม่ทราบจริง ๆ ค่ะว่าทำไมเขาไม่รู้สึกตัวเลย ทั้งที่ร่างกายปกติ”

“แล้วเธอเป็นใคร พยาบาลหรือ?” คุณฮิงาชิถาม ทั้งดูการแต่งหน้าจัดจ้าน แต่งตัวเปิดเว้าโชว์แหว่ง นุ่งสั้นเสื้อสายเดี่ยวไม่น่าเป็นพยาบาล

“ฉันเป็นภรรยาที่แท้จริงของฮคคุค่ะ ชื่อ มนตรา” เธอกล่าวอ้าง

คุณนายจินตนาหน้าบึ้งตึงขึ้นมาทันที

“เธอนั่นเอง คนที่ฉันต้องเอาเรื่องให้ได้ เพราะเธอ... ทำให้หลานชายฉันเสียคน”

“เดี๋ยวก่อนคุณนายจินตนา อย่าเอาแต่โมโห ยังไงเราก็ได้เจอร่างของฮคคุ ดูสิ... ชีพจรยังเต้นปกติ หลานเรายังมีชีวิตอยู่” คุณฮิงาชิใช้มือแตะ ตรวจชีพจรข้างต้นคอของหลานชายที่ยังคงนอนนิ่ง ไม่รู้สติ...

“น่าแปลก... เหนือ เหนือ...” คุณนายจินตนาเรียกปลุก พยายามเขย่าร่างของหลานชาย แต่ไม่มีการตอบสนองใด

“ฮคคุสูบบุหรี่มากเกินไป จนหัวใจวายกะทันหัน” เธอแสร้งดัดจริตพูดเสียงอ่อย

“ถ้าแค่สูบบุหรี่ธรรมดา มันไม่ทำให้เขานอนแน่นิ่งอย่างนี้หรอก เป็นเพราะเฮโรอีนยัดไส้บุหรี่น่ะสิ” คุณนายจินตนาพูดกระแทกเสียง

“หา! คุณรู้ได้ยังไง”

“ฉันรู้ก็แล้วกัน เธอมันพวกค้ายาเสพติด ทำให้หลานฉันติดยา ฉันจะแจ้งตำรวจ ให้มาจับเธอเดี๋ยวนี้”

“อย่าเอาเรื่องฉันเลยค่ะ ที่จริงแล้วคุณคงไม่มีหลักฐาน และที่สำคัญฉันเป็นเมียเขา ตอนเขายังดี ๆ อยู่ เขาทั้งรักทั้งหลงฉันมาก ถ้าจะนับแล้ว... ฉันเป็นหลานสะใภ้”

“เฮอะ... หลานสะใภ้? ไม่ได้รับเชิญนะสิ เธอไม่มีสิทธิ์เป็น เพราะหลานชายฉันแต่งงานแล้ว เขามีเมียแต่งคอยดูแล เธอมันส่วนเกิน เลิกยุ่งวุ่นวายภายในครอบครัวเรา ตัดขาดจากหลานชายฉัน ฉันไม่นับญาติกับเธอ กลับออกไป มาทางไหนไปทางนั้น” คุณนายจินตนาออกปากไล่ ใช้หางตามองอย่างดูถูก หน้าตาท่าทางไม่รับแขกอีกต่อไป

“แหม... ถึงกับไล่... ยังไงฉันก็เป็นเมียอีกคนของฮคคุ ขอให้ฉันอยู่ด้วย เพื่อช่วยดูแลเขานะคะ”

“ครอบครัวเราไม่ยอมรับเธอ กลับไปเถอะ เราไม่เอาเรื่องเธอก็ดีแล้ว อย่าให้ต้องเปลี่ยนใจ แจ้งตำรวจจับตัวเธอ ถ้ายังขืนตื้ออยู่อีก” คุณฮิงาชิทำหน้าขึงขัง

มนตราเห็นท่าว่าคงไม่มีทางยื้ออยู่ได้ จึงต้องล่าถอย กลับออกไปโดยดี



............คุณนายจินตนาโทรเรียกรถพยาบาลมารับ ลมเหนือถูกจัดให้อยู่ห้องวีไอพี ตึกผู้ป่วยในของโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่ใกล้บ้าน คุณนายจินตนาบอกคนในบ้านโองาว่าให้ช่วยผลัดเปลี่ยนกันมาดูแลทุกวัน

คุณมาลินและคุณทาคามิมาเยี่ยมลูกทีไร ก็ให้มีน้ำตาไหลพราก รักลูกมาก... เคยหวังและเฝ้าคอยดูแลด้วยอยากให้ลูกมีอนาคตที่ดี แต่วันนี้ลูกไม่ตื่นขึ้นมาพูดคุยกับพ่อแม่อย่างคนปกติอีกแล้ว

แผนกวิจัยทางการแพทย์

จู่ ๆ วิญญาณลมเหนือเข้ามาอยู่ในห้องนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ จนเขาเองยังแปลกใจ จนกระทั่งได้ยินแพทย์สองคนคุยปรึกษากัน เกี่ยวกับอาการของเขา

“เฮ้อ...” แพทย์เจ้าของไข้ของลมเหนือถอนหายใจยาว

“คุณหมอถอนหายใจทำไมครับ” แพทย์แผนกวิจัยทางการแพทย์เอ่ยถาม

“เคสของเด็กวัยรุ่นลูกครึ่งญี่ปุ่นที่ใช้ยาเสพติด ชื่อ ลมเหนือ เรืองอารยะ ผมสงสาร... สลดใจที่เห็นพ่อแม่เขาร้องไห้ มองดูลูกที่นอนนิ่งไม่รู้สึกตัวเลย ดูจากประวัติผู้ป่วย เขาใช้ยาเสพติดชนิดที่เรียกว่า ราชายาเสพติด มีฤทธิ์ร้ายแรงมาก เพียงลองเสพครั้งแรกก็ทำให้ติดยาแล้ว” แพทย์เจ้าของไข้ของลมเหนือกล่าว

“ใช่... เด็กวัยรุ่นคงรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ส่วนใหญ่นึกว่าลองเพียงครั้งเดียวไม่ติด อาจจะเพราะเพื่อนชักจูงหรืออะไรก็ตาม เฮโรอีนเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว ร่างกายจะทำเมตาบอไลต์กลายเป็นมอร์ฟีน แต่การเสพเฮโรอีนบริสุทธิ์จะมีฤทธิ์ร้ายแรงกว่ามอร์ฟีนถึงแปดเท่า และร้ายแรงกว่าฝิ่นเป็นร้อยเท่าแม้ว่ามันสกัดมาจากฝิ่น เขาใช้ยามากไปจนเกิดอาการโอเว่อร์โดสขึ้นอย่างรวดเร็ว ดูจากภาพสแกนสมอง...” แพทย์แผนกวิจัยทางการแพทย์เปิดจอคอมพิวเตอร์

แพทย์เจ้าของไข้ของลมเหนือดูภาพในจอคอมพิวเตอร์ประกอบ

แล้วแพทย์แผนกวิจัยจึงกล่าวรายงานต่อไปอีก

“สมองโดนทำลายบางส่วน เฮโรอีนออกฤทธิ์รุนแรงในทางกดประสาท ศูนย์ประสาทส่วนการหายใจ สมองส่วนหน้า กดประสาทส่วนไขสันหลัง ทำให้เขาหยุดหายใจ อีกทั้งยังทำลายเซลล์สมองและเส้นใยประสาทไปบางส่วนด้วย”

“แต่เขาไม่ตาย เพราะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันเวลา แพทย์จากโรงพยาบาลก่อนหน้านี้ได้ทำการรักษาเบื้องต้น จนไม่เหลือปริมาณยาในกระแสเลือดแล้ว จากการตรวจเช็คทั้งร่างกาย พบว่ายังปกติทุกอย่าง แต่ทำไมเขายังไม่รู้สึกตัว”

“นั่นสิ ดูจากเซลล์สมองที่ตายเพราะถูกฤทธิ์ยาทำลายไปมีจำนวนไม่มาก แสดงว่าเขาเพิ่งใช้สารเสพติดนี้ไม่นาน อาจจะครั้งหรือสองครั้ง ซึ่งยังไม่ถึงกับส่งผลเสียในระยะยาว เขายังวัยรุ่นร่างกายยังมีการเจริญเติบโตซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้”

“ถ้าหากเขาฟื้นขึ้นมาจะมีอาการทางจิตหรือเปล่า”

“ความเสียหายของสมองยังเล็กน้อย ไม่ส่งผลให้เขาเป็นโรคจิตประสาทครับ แต่ปัญหาคือเขาไม่ฟื้น ซึ่งดูจากเหตุปัจจัยทางกายภาพแล้ว เขาน่าจะฟื้นได้ตั้งนานแล้วนะครับ” แพทย์แผนกวิจัยทางการแพทย์ให้ความเห็นได้เพียงเท่านั้น

“สรุปก็คือไม่ทราบสาเหตุทำไมผู้ป่วยถึงยังไม่รู้สึกตัว ผมลำบากใจจริง ๆ ที่จะต้องแจ้งกับญาติผู้ป่วยไปแบบนั้น ...เฮ้อ” แพทย์เจ้าของไข้ของลมเหนือถึงกับถอนหายใจอย่างหนักใจ

“หรือว่า... สาเหตุที่เขายังไม่ฟื้น มันเหนือการวินิจฉัยทางการแพทย์ อาจเกี่ยวข้องกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เอ่อ... ผมก็แค่เดา เคยมีเรื่องเล่าในวงการแพทย์ที่แพทย์หาสาเหตุไม่พบ รักษาอย่างไรคนไข้ก็ไม่ฟื้น จนกระทั่งพยาบาลไปเช็ดตัวให้คนไข้ แล้วเอาพระที่แขวนคล้องคอออก หลังจากนั้นคนไข้ก็ฟื้นขึ้นมาทันที กรณีนี้เชื่อว่าวิญญาณออกจากร่าง แล้วกลับเข้าร่างไม่ได้ เพราะไปสวมพระป้องกันไว้ วิญญาณจึงเข้าร่างไม่ได้”

“แต่เคสของลมเหนือนี้ไม่มีพระติดตัวเลยครับ แม้แต่ตะกรุดหรือของศักดิ์สิทธิ์อื่นก็ไม่มี”

“อย่างนั้นก็น่าหนักใจ... พวกเด็กวัยรุ่นจะรู้บ้างไหมว่าพ่อแม่เป็นทุกข์แค่ไหนที่เห็นลูกมีอันเป็นไป เพราะเสพยาเสพติด ผมเองก็ช่วยอะไรไม่ได้ในเมื่อหาสาเหตุไม่เจอ คงได้แต่เอาใจช่วย และหวังว่าความรักจากแม่จะสร้างปาฏิหาริย์ ช่วยให้ลมเหนือรู้สึกตัวฟื้นขึ้นมา”

แพทย์ทั้งสองคุยปรึกษากันเป็นเวลานาน ต่างแสดงความเป็นห่วงเป็นใยในปัญหาวัยรุ่นเสพยาเสพติด แล้วต้องมานอนนิทราอย่างไม่รู้ว่าวันไหนจะตื่นขึ้นมา...

วิญญาณลมเหนือได้แต่รำพึงรำพัน ...เสียดายทางเดินชีวิตตัวเองที่ก้าวผิดพลาด

“ผมขอโทษครับพ่อกับแม่” แล้วย้อนระลึกได้ถึงคำพูดของกาฬวารที่เคยว่าไว้...

‘เสียดายวันเวลาวัยรุ่น ถ้ามีสถานที่ที่เราชอบไป เราไปที่นั้นกี่ครั้งกี่หนยังได้ แต่เวลาไม่เหมือนเดิม ย้อนเวลากลับไปไม่ได้ หากช่วงวัยรุ่นนี้ผ่านพ้นไป จะเหลือแต่ความทรงจำ จะดีหรือร้ายสุดแต่ใจใครจะเลือกทางเดิน’



............กาฬวารมาดูแลและเช็ดตัวให้กับร่างลมเหนือ พอพลิกร่างเขาตะแคงขึ้น จึงเห็น...

“ข้างหลังคุณเหนือ มีรอยสักยันต์เอาไว้ใช่ไหมคะ” กาฬวารเอ่ยถาม ขณะวิญญาณลมเหนือมายืนดูร่างตัวเอง

“ใช่... ทำไมหรือ?...”

“ฉันกำลังสงสัย... ทำไมคุณเหนือถึงเข้าร่างตัวเองไม่ได้”

“เกี่ยวกับรอยสักยันต์นั่นเหรอ”

“ยันต์นั่น คุณเหนือสักทำไม”

“ป้องกันอาวุธ คมเขี้ยวสัตว์ร้าย คุณไสย และให้คุณทางเมตตามหานิยม เป็นเสน่ห์แก่ตัวผู้สักยันต์นี้”

“ป้องกันคุณไสยด้วยหรือ... ยันต์ที่ฉันแปะหน้าห้องน้ำ ป้องกันผี และคุณไสยได้ จะเหมือนกันไหมนะ...”

“จะเหมือนกันได้ไง”

“ถ้ารอยสักยันต์ของคุณเหนือป้องกันผีได้ด้วย วิญญาณคุณเหนือคงเข้าร่างตัวเองไม่ได้ และฉันรู้มาว่าผู้ใดสักยันต์ เพื่อคงความขลังให้ยันต์มีอำนาจศักดิ์สิทธิ์โดยไม่เสื่อมคลาย ผู้นั้นต้องรักษาศีลให้เคร่งครัดใช่ไหมคุณเหนือ”

“ใช่... หลวงพ่อพึ่งให้ฉันจดมา ต้องรักษาศีลห้าอย่างเข้มงวด แต่ฉันไม่ได้ทำผิดศีลข้อไหนนี่ ไม่น่าทำให้เกิดข้อผิดพลาด จนถึงขนาดเข้าร่างตัวเองไม่ได้”

“ฉันนึกออกแล้ว คุณเหนือทำผิดศีลอยู่ข้อ... ข้อห้าสุราเมรัย เรื่องเครื่องดองของมึนเมา”

“ฉันไม่ได้ดื่มเหล้า ของมึนเมาไม่ได้ยุ่งนี่นา”

“ไม่ได้ยุ่งของมึนเมา? แต่หัวใจวาย เพราะสูบเฮโรอีนเข้าไปเกินขนาดนี่นะ ไม่ยุ่ง...”

“เออจริงแฮะ... ฉันทำผิดศีลข้อห้า”

เลวิสเดินเข้ามาในห้องคนไข้พิเศษ กวาดสายตามองตลอดเรือนร่างลมเหนือ ใบหน้าผุดรอยยิ้มแสดงความดีใจ และพูด...

“นายยังไม่ตายฮคคุ ฉันดีใจนะที่น้องชายฉันยังมีชีวิตอยู่”

‘เลวิสพูดอย่างนี้... จริงสิเราเป็นพี่น้องกัน นายยังคงคิดถึง... เราเป็นคนในครอบครัว’

ลมเหนือนึก... เขาไม่ได้แสดงตัวหลอกหลอน ดูเหมือนเป็นคนธรรมดา

เลวิสจึงไม่ค่อยหวาดกลัวเท่าไร มองสลับไปมาระหว่างเรือนร่าง และวิญญาณลมเหนือ

“จะทำยังไงนายถึงจะฟื้นนะฮคคุ ฉันเป็นห่วงนาย ไม่อยากให้ตัวไปทาง วิญญาณไปทางอย่างนี้”

“เมื่อกี้คุณเหนือบอก... ชื่อคนที่สักยันต์ให้คุณเหนือ เป็นพระด้วยใช่ไหม ท่านชื่อ?...”

“หลวงพ่อพึ่ง อยู่วัดแถวจังหวัดนนท์” วิญญาณลมเหนือตอบ “แม้กระทั่งคุณหมอเจ้าของไข้ยังบอกว่าหาสาเหตุไม่พบ ทำไมฉันถึงไม่ฟื้น ถ้าลบรอยสักล่ะ เมื่อรอยสักหายไป วิญญาณจะเข้าร่างได้ใช่ไหม”

“เกรงว่าจะไม่ใช่ เพราะในการสักยันต์ทำของขลังนั้น ฉันเคยอ่านหนังสือเจอ มีการลงอาคม ใช้คาถากำกับ ลบแค่รอยสัก คาถาที่กำกับไม่ได้หายไปด้วย ก็ไร้ผล...”

เลวิสพลางใช้มือลูบไล้ผิวหนังบริเวณรอยสักบนแผ่นหลังของเรือนร่างลมเหนือ

“จริงของเธอ ฉันมีสัมผัสพิเศษของแวมไพร์ ฉันรู้สึกแปลก ๆ กับรอยสักนี่ มันมีกลิ่นอาถรรพ์ เวทย์มนต์คาถา”

“ถ้าจะล้างเวทย์มนต์คาถานี้ คงต้องไปถามหลวงพ่อพึ่ง อาจต้องให้ท่านล้างคาถาอาคม” กาฬวารลงความเห็น



............คุณมิลินและคุณทาคามิ รวมทั้งกาฬวาร พากันเดินทางมายังวัดในจังหวัดนนทบุรี

“ฉันมากราบหลวงพ่อพึ่งค่ะ ท่านอยู่กุฏิไหน” กาฬวารเอ่ยถาม เมื่อเห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ท่าทางคงจะเป็นลูกศิษย์วัด กำลังล้างบาตรพระอยู่

“หลวงพ่อไม่อยู่แล้วครับ ตั้งแต่หลังงานทอดกฐิน”

“ท่านไปไหนล่ะคะ”

“ออกเดินทางธุดงค์ คงไม่กลับมาที่วัดนี้แล้วครับ” ลูกศิษย์วัดบอก

ทั้งคุณมิลินและคุณทาคามิ ผิดหวังไปตามกัน...

“พวกเรามีความจำเป็น ...ต้องพบท่านจริง ๆ ค่ะ พอจะบอกได้ไหมคะ ท่านไปธุดงค์ที่ไหน ฉันอยากไปตามหา” กาฬวารถาม ไม่ละความพยายามที่คิดจะสืบเสาะหาให้ได้

“ถ้ำค้างคาว อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ต้องเดินป่าเข้าไป คงลำบากสำหรับพวกคุณนะครับ” ลูกศิษย์วัดตอบ เขามองแต่ละคนล้วนท่าทางและการแต่งตัวดี ดูไม่ใช่ผู้ที่จะทนความลำบากได้

“ฉันไม่กลัวความลำบาก จะเป็นคนเดินทางไปเอง ช่วยบอกทางให้ทีเถิดค่ะ”

“เรื่องเส้นทางเดินป่า คงต้องไปถามเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ ผมรู้คร่าว ๆ แค่ว่าอาจต้องปีนเขาขึ้นไปที่สูงชันด้วย น่ากลัวทั้งสัตว์ร้ายในป่า และไข้มาเลเรีย”

“กาฬจะไปยังไง เดินป่าเข้าไปท่าทางลำบาก ในป่าน่ากลัวเสือสาง ฉันอยากทำเพื่อลูก... แต่การไปตามหาหลวงพ่อพึ่ง ฉันคงไปด้วยไม่ไหว” คุณมิลินพูดด้วยสำนึกของคนเป็นแม่ที่ห่วงใยลูก แต่ไม่เคยลำบากเลย เกรงจะเอาชีวิตไปทิ้งเสียก่อนจะได้เจอผู้ช่วยเหลือลูก

“เพราะผมเป็นพ่อ ผมจะขอไปกับกาฬด้วย” คุณทาคามิออกตัว

“สำหรับคุณทาคามิ ยิ่งปล่อยให้ไปไม่ได้ใหญ่ คุณต้องพักฟื้นหลังผ่าตัดหัวใจนะคะ ฉันไม่ยอมให้คุณไป... ทั้งขึ้นเขาลงห้วยกับเขาด้วยแน่นอนค่ะ”

“แล้วจะปล่อยให้กาฬ ไปคนเดียวหรือ? กาฬไม่ใช่ชาวป่าชาวเขา จะได้สมบุกสมบันนะคุณ” คุณทาคามิเอ่ยค้าน ยังไม่มีบทสรุป ...จึงพากันกลับบ้าน



............ในตอนหัวค่ำ ขณะนั่งเล่นอยู่ในสวนหย่อมหลังตึกใหญ่ บ้านโองาว่า กาฬวารบอกกับเลวิส

“ฉันขอเลือกช่วยคุณเหนือก่อนคุณเลวิส ถ้าฉันให้เลือดคุณ ฉันอาจจะตาย โดยไม่ได้ช่วยคุณเหนือให้ฟื้นขึ้นมา”

“แต่การเดินเท้าเข้าป่าครั้งนี้ คงยากลำบาก เสี่ยงอันตราย ฉันเป็นห่วงเธอนะกาฬ”

“แต่ฉันจะไม่กลัว ไม่หวั่นสิ่งใด ฉันตั้งใจจริงที่จะช่วยคุณเหนือ”

“ฉันขอตามเธอไปด้วย คงจะช่วยอะไรได้บ้าง” วิญญาณลมเหนือบอก

“ฉันคิดอยู่เหมือนกันว่าจะขอให้วิญญาณคุณเหนือตามไปเป็นเพื่อนฉัน ถ้าอย่างนั้น... ฉันขอนำเส้นผมของคุณเหนือติดตัวไปด้วย วิญญาณคุณเหนือจะได้อาศัยเป็นสื่อ”

“ได้... ฉันอนุญาต ไปถอนเส้นผมจากร่างฉันที่โรงพยาบาลสองสามเส้น นำใส่ในตลับพกติดตัวไป”

“ฉันขอไปด้วย เพื่อปกป้องเธอ เพราะเธอเป็นคนสำคัญสำหรับฉัน” เลวิสบอก และฉวยมือกาฬวารกุมไว้

วิญญาณลมเหนือมองตาขึง... รีบเข้าสิงร่างลูกแมวตัวโปรดของกาฬวาร แล้วกระโดดสูง ขึ้นไปเกาะอกเสื้อของเลวิส

“อยากไปด้วยก็ได้ แต่... ปล่อยมือกาฬวารของฉันเดี๋ยวนี้”

“เฮ้ย! ...ฮคคุเหรอนี่” เลวิสตกใจ รีบปล่อยมือกาฬวาร

จากนั้นวิญญาณลมเหนือในร่างแมว อ้าปากกว้าง... แยกเขี้ยวยาวโง้ง ดวงตาส่องแสงสีแดงจ้าออกมา และเหมือนจะให้เห็นเป็นหัวกะโหลกแมว

“จ้ากกก... ผีหลอก” เลวิสนั้นขวัญอ่อน ป่านนี้ยังไม่ชินกับวิญญาณน้องชายตัวเอง วิ่งโกยอ้าวหนีไปอย่างเร็ว

“เผลอไม่ได้ ไอ้พี่ผีดูดเลือดนี่... ฉวยโอกาสทุกทีที่เผลอ”

“คุณเหนือทำตัวเป็นวิญญาณผีเฮี้ยนไม่เลิก นั่นพี่ชายคุณเหนือนะคะ” กาฬวารต่อว่า แต่ยิ้มให้... ไม่ได้โกรธเคืองกัน

“ฉันแกล้งหลอกเฉพาะพวกคิดไม่ซื่อ แต่กับกาฬฉันไม่เคยให้เห็นแบบน่ากลัว มีแต่จะให้เห็นแบบ... สุดหล่อ” แล้ววิญญาณลมเหนือจึงหมุนตัว... กลับมาในชุดสีขาวสุดเท่ห์ที่กาฬวารเคยอุทิศให้ แล้วโบกมือเล็กน้อยพองาม

“คุณเหนือนี่... ชอบทำตัวเป็นผีที่น่ารัก” กาฬวารกล่าว แล้วจึงยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
.
______________________...oooooOOOooooo...______________________... ตอน ๑๒



ไตรติมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 เม.ย. 2559, 10:22:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 เม.ย. 2559, 10:22:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 1015





<< ตอน 11   ตอน 13 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account