คืนค่ำร่ำพิศวาส
สองผีพี่น้อง เลวิส... แวมไพร์(ผีดูดเลือด) ลมเหนือ... ผีเฮี้ยน! อยู่ตึกผีสิง VS กาฬวาร... เด็กสาวยากจนเป็นสาวพรหมจรรย์ มีพลังจิตบริสุทธิ์ เธอช่วยพวกเขากลับเป็นมนุษย์ กลายเป็นเพื่อนบริสุทธิ์ใจต่อกัน สองพี่น้องต่างบิดาแต่รักกันมาก เวลาผ่านไปเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ได้เจอเธออีกหนต่างหลงรักผู้หญิงคนเดียวกัน...เลือกรักไม่ได้หนึ่งหญิงสองชาย (อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน)
Tags: หวานแหวว, ซึ้ง, รักแฟนตาซี, ไตรติมา, ผี, แวมไพร์, ตลก, หล่อ, โรแมนติค,
ตอน: ตอน 15
______________________...oooooOOOooooo...______________________... ตอน ๑๕
............ยังหัวค่ำอยู่ กาฬวารยื่นความจำนงขอบริจาคโลหิตให้เลวิส โดยขอให้นางพยาบาลเจาะเลือดให้
“เราเจาะเลือดให้ไม่ได้หรอกค่ะ มันเป็นอันตรายต่อร่างกายคุณนะคะ”
“ฉันมีความจำเป็นจริง ๆ ค่ะ ต้องให้เลือดกับคุณคนนี้”
“เขาเป็นโรคอะไรหรือคะ”
“ฉันไม่ทราบค่ะ” กาฬวารไม่รู้จะเอาอะไรมาอ้าง
“ต้องให้ตรวจร่างกายเขาก่อนนะคะ” พยาบาลสาวกล่าว
เลวิสเห็นท่าทีไม่ได้ดังใจ เขาพยายามนึกถึงวิชาที่พ่อเคยสอน ...สะกดจิต
“เจาะเลือดกาฬวาร ...เดี๋ยวนี้”
เลวิสเพ่ง... ส่งกระแสจิตสะกดนางพยาบาลให้ทำการเจาะเลือดกาฬวาร
กาฬวารลงนอนบนเตียงคนไข้ นางพยาบาลที่โดนสะกดจิตใช้เข็มเจาะแขนซ้ายของกาฬวาร ทำการดูดเลือดเข้าไปในถุงใส่เลือด ...จนกระทั่งแล้วเสร็จ
“ฉันได้สิ่งที่ต้องการแล้ว ขอบใจนะกาฬ” เลวิสกล่าว ยิ้มเยือกเย็น เขาหยิบยกถุงเลือดขึ้นมาชื่นชมอย่างพึงพอใจ
“หวังว่า... คงจะช่วยคุณเลวิสได้” กาฬวารกล่าวทั้งกำลังนอนบนเตียงคนไข้ น้ำเสียงแผ่วเบา เริ่มเกิดอาการหน้ามืด ใจรอนรอน อ่อนลมหายใจ เหมือนลมหายใจจะขาดห้วง...
“พักผ่อนให้สบาย กาฬ...” เลวิสก้มลงจุมพิตที่หน้าผาก รู้ว่าเธอจะหมดสติไป ...เพียงชั่วครู่
“เอ๊ะ! ฉันทำอะไรลงไป” นางพยาบาลกล่าวกับตัวเองอย่างงงงง ภายหลังเลวิสได้คลายมนต์สะกด
“คุณพยาบาลต้องให้เลือดเธอนะ เลือดผมกรุ๊ปเดียวกับเธอ ผมให้เลือดเธอได้” ลมเหนือบอกกับนางพยาบาล หลังจากตามเข้ามาในห้องบริจาคเลือด
...จากนั้นพยาบาลจึงหันมาดูแลร่างที่นอนหมดสติของกาฬวาร เจาะเลือดลมเหนือไปตรวจ ใช้เวลาเพียงไม่นาน ผลเลือดออกมาเข้ากันได้ จึงทำการเจาะถ่ายเลือดจากลมเหนือให้กับกาฬวาร
............เลวิสปลดสลักกุญแจประตูห้องทางขึ้นชั้นดาดฟ้า แล้วเดินขึ้นบันไดมาบนดาดฟ้าของอาคารโรงพยาบาล
“ขอให้สำเร็จ ล้างเลือดแวมไพร์ กลับคืนเป็นมนุษย์ด้วยเถิด” เลวิสกล่าว ...ราวกับวิงวอนต่อเทวดาฟ้าดินสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก แล้วค่อย ๆ ดื่มเลือด ...จนกระทั่งเลือดนั้นหมดทั้งถุง ความเจ็บปวดแปลบแสบร้อนแล่นไปทั่วอณูรูขุมขน ทำให้ร่างเลวิสล้มตัวลง นอนแผ่ราบบนพื้น ประสาทสัมผัสทุกส่วนปิดการรับรู้...
เช้าตรู่... พระอาทิตย์เริ่มขึ้น ส่องทอแสงทองอ่อนระเรื่อเรืองระบายบนขอบฟ้ากว้าง...
“หือ... เรานอนอยู่ที่เดิมนี่” เลวิสรู้สึกตัวตื่น ลุกขึ้นนั่ง ...แสงแดดยามเช้า ทำให้เขาสดชื่น ไม่มีอาการแพ้แสงอาทิตย์ ไม่ระคายเคืองดวงตา ไม่แสบผิวหนังเลย
‘ลองแยกเขี้ยวดู... มีเขี้ยวออกมาไหม?’
เลวิสนึก พยายามแยกเขี้ยว แต่ไม่มี... นั่นทำให้เขาดีใจ คนแรกที่นึกถึง คือ... กาฬวาร จึงมาเยี่ยมในห้องคนไข้พิเศษ ได้เวลาอาหารเช้าพอดี
“ฉันมีข่าวดีจะบอก ฉันหายแล้ว จริงสิ เลือด... ฉันไม่นึกอยากกินอีกเลย” เลวิสพูด แล้วมองถุงเลือดเป็นสายระโยง... ตรงแขนของกาฬวาร
“ฉันดีใจด้วยค่ะ คุณเลวิสกลับคืนมาเป็นมนุษย์แล้ว ส่วนฉันได้รับการให้เลือดของคุณเหนือ เลยค่อยดีขึ้น”
“อืม... ดีแล้ว คราวนี้ฮคคุได้ช่วยเหลือกาฬ เขาก็ดีกับเธอนะ เอ่อ... ฉันซื้อขนมปังปิ้งกับกาแฟมากิน นี่ล่ะอาหารมื้อแรก ฉันกินอาหารได้อย่างมนุษย์ปกติแล้ว” เลวิสกล่าวชื่นชมน้องชายตน แล้วหันมาสนใจของกิน ลองกินขนมปังปิ้ง
กาฬวารเฝ้ามอง... ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
แล้วสองมือของเลวิสประคองมือของกาฬวาร
“เพราะเธอช่วย ฉันถึงได้กลับมาเป็นมนุษย์ ขอบคุณเธอจริง ๆ กาฬ”
“แล้ว... คุณเลวิสยังอ่านใจฉันได้อยู่ไหม”
“ไม่แล้วล่ะ แต่ว่าฉันเดาใจเธอได้ ต่อไปเธอจะชอบฉัน” เลวิสแกล้งพูด สายตาหยอกเย้าเจ้าเล่ห์หลอกล้อดูขี้เล่น...
กาฬวารยิ้มเขิน... แถมหลบสายตาเลวิส ไม่กล้าพูดโต้ตอบ
............ห้องนั่งเล่นของตึกเล็ก ใช้เป็นห้องรับแขกเฉพาะตอนมีแขกมาเท่านั้น แต่วันนี้ไม่มีใครมา... เลวิสและลมเหนือมาคุยเล่นกับคุณมิลิน ...ในความเป็นลูกพวกเขาทำตัวน่ารักกับแม่ของเขา
ลมเหนือลงนอน... ศีรษะหนุนตักผู้เป็นแม่ และขาพับพาดกับที่พักแขนของโซฟายาว ห้อยขาและแกว่งปลายเท้าดุกดิก ซึ่งผู้เป็นแม่นั่งบนโซฟายาว ...โดยเลวิสเข้ามานั่งด้วยอีกข้างหนึ่ง และกอดแขนแม่ของเขา
“คราวนี้ครอบครัวเราเป็นหนี้บุญคุณกาฬ ต้องขอบคุณเธอจริง ๆ ที่ช่วยทำให้ลูกทั้งสองของแม่ได้กลับคืนมาเป็นมนุษย์” คุณมิลินกล่าวกับลูกชายทั้งสอง
“ผมจะไม่ลืมบุญคุณของกาฬเลย ...ชั่วชีวิต” ลมเหนือบอกอย่างจริงจัง
“ผมจะตอบแทนกาฬด้วย ...จะรักตลอดไป และผมก็รักแม่มากด้วยครับ” เลวิสบอกแม่
นั่นทำให้ผู้เป็นแม่สะดุดใจ แต่ไม่ทันจะเอ่ยถาม...
เมื่อลมเหนือแย่งชิงพูดขึ้นก่อน ด้วยไม่อยากใส่ใจในคำพูดของพี่ชาย ถึงอย่างไรเสียกาฬวารก็ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าสาว ผ่านพิธีแต่งงานกับเขาไปแล้ว
“ผมรักแม่ที่สุดครับ แม่เล่านิทานให้พวกเราฟังหน่อยสิครับ” ลมเหนือเจรจาออดอ้อน ดึงมือแม่มาวางแนบบนอกของเขา
ผู้เป็นแม่ถึงกับยิ้มออกมา...
“หึ หึ...โตแล้วนะเรา ยังอยากฟังนิทาน แม่ไม่มีนิทานจะเล่าหรอก อยากฟังเรื่องพ่อของลูกไหม ยูชิยะและทาคามิ”
“อยากฟังครับ” ทั้งสองคนพี่น้องพร้อมใจกันตอบรับ ประสานเสียงราวกับเป็นเสียงเดียวกัน
“เรื่องความรักของแม่กับพ่อของลูก ๆ เป็นเรื่องโรแมนติกมาก... แต่ก็... สยองนิด ๆ ”
............เรื่องราวความหลัง เริ่มต้นตอนที่มิลินอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์ กำลังเรียนมหาวิทยาลัยในประเทศญี่ปุ่น
“มิลินเรียนจบเมื่อไหร่ พ่อกับแม่จะให้ลูกแต่งงาน พ่อหาแฟนให้ลูกไว้แล้ว ลูกชายเพื่อนพ่อเอง”
“หนูยังไม่รู้จักค่ะ”
“คุณมัตสึโมริไงลูก เพื่อนพ่อคนนั้น ลูกคงเคยเห็นตอนเป็นเด็ก เขาไปเที่ยวเมืองไทย แวะเยี่ยมบ้านเรา อยู่บ้านเราตั้งหลายวัน”
“อ๋อ... คุณลุงคนนั้น จำได้ค่ะ แต่ลูกชายเขา... เรายังไม่เคยเจอกัน”
“เอาไว้เรียนจบแล้ว พ่อจะแนะนำให้รู้จัก” คุณฮิงาชิบอกกับลูกสาว เมื่อคราวไปเยี่ยมลูกที่ศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่น
สองปีต่อมา...
“สอบเสร็จแล้ว เรามาฉลองกันเถอะ” ยูโกะชวนเพื่อนชนแก้วแชมเปญ
สามสาวพากันมาฉลองในร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นดีที่มีวงดนตรีเล่นประจำ
“...ต่อไปเธอต้องกลับเมืองไทยใช่ไหมมิลิน”
“ใช่... นึกแล้วไม่อยากกลับเลย คงคิดถึงเพื่อนทุกคนนะ” มิลินพูด พร้อมทำหน้าหงอย ๆ
“พวกเราคงคิดถึงเธอเหมือนกัน”
“ไม่เอาน่า อย่าทำเศร้าสิ เรามาสนุกนะ ฟังเพลงเถอะ มีนักร้องนำคนหนึ่ง เพิ่งเข้ามาใหม่ หล่อมากนะเธอ สาว ๆ กำลังกรี๊ดกันอยู่ในตอนนี้”
“เออใช่... ฉันเคยเห็นเมื่อคราวก่อน อยากรู้จักเหมือนกัน เรียกมาคุยที่โต๊ะเราได้ไหม” จิอากิถาม ยูโกะจึงบอกให้พนักงานเสิร์ฟ เรียกผู้ที่ต้องการพบมาที่โต๊ะ โดยใช้เวลารอไม่นาน...
“สวัสดีครับ ผม... ยูชิยะ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ผู้มาใหม่กล่าวแนะนำตัว เขาเป็นชายหนุ่มผิวขาว ร่างสูงโปร่ง จมูกโด่ง ใบหน้าหล่อแบบสะอาดสะอ้าน ดวงตาสวยหวาน...
“ฉันยูโกะค่ะ ...คนนี้จิอากิ”
“ฉัน มิลินค่ะ” เป็นการกล่าวแนะนำตัวสั้น ๆ ต่างยิ้มให้กัน...
‘ฉันชอบเขา ผู้ชายมีเขี้ยวเสน่ห์ น่ารักจัง’
ใครจะไปเชื่อว่า...’รักแรกพบ’ มีจริง ...จนเมื่อมิลินได้ประสบกับตัวเอง
“คุณเป็นผู้หญิงไทยที่สวยมากครับ” ยูชิยะกล่าวชม รู้สึกชอบมากตั้งแต่แรกเห็นเช่นกัน
ส่วนสองเพื่อนสนิทรีบพูดแซง เพื่อเรียกร้องความสนใจบ้าง
“ชมแต่มิลินคนเดียว แล้วฉันกับยูโกะล่ะคะ”
“คุณผู้หญิงทั้งสามคนสวยหมดทุกคนเลยครับ” ชายหนุ่มตอบแบบเอาใจสาว
“ว่าแต่... ทำไมถึงรู้ว่าฉันเป็นคนไทยล่ะคะ” มิลินออกจะแปลกใจ ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เขาไม่น่าจะรู้...
“อ๋อ... ผมเดาเอาเองครับ เพราะดูจากหน้าตา... ไม่น่าใช่คนญี่ปุ่น” เขาตอบแบบขอไปที ...ที่เขารู้ เพราะเขาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา แต่ใครจะบอกสถานะที่แท้จริงของตัวเอง
“แหม... จ้องมองแต่มิลินนะคะ คุณยูชิยะไม่เห็นสนใจพวกเราเลย” ยูโกะว่า เมื่อเห็นยูชิยะเงียบไป ไม่พูดคุยอะไรต่อ และท่าทางสนใจอยู่แต่มิลิน
เมื่อถูกทักท้วงดังนั้น เขาจึงหันมาโปรยยิ้มให้ทั้งสามสาว
“ที่จริงผมเป็นอเมริกัน พ่อเป็นอเมริกัน แต่แม่เป็นคนญี่ปุ่นครับ ผมเลยเป็นลูกครึ่ง”
“อ๋อ... มิน่าถึงตัวสูง”
“ผมสูงแค่ 178 เองครับ มีแต่คนบอกว่าผมไม่เหมือนคนอเมริกัน”
“จริงค่ะ ถ้าไม่บอก... ต้องนึกว่าคุณยูชิยะเป็นคนญี่ปุ่นเหมือนกันแน่ ๆ ” ยูโกะและจิอากิชวนคุยเรื่องทั่วไป มิลินทำตัวเป็นผู้ฟัง... ยิ้มตอบบ้างเป็นบางครั้งที่เขาหันมายิ้มให้
ตั้งแต่คืนแรกที่เริ่มรู้จัก มิลินร้อนรนในใจ ทุกคืนอยากไปหา... เพื่อให้ได้เห็นหน้าเขา
คืนต่อมา... จึงไปที่ร้านอาหารนั้นเพียงคนเดียว เพื่อไปนั่งฟังเขาร้องเพลง และแวะมาพูดคุยด้วย
“น่าเสียดายนะครับ จะกลับเมืองไทย ...อีกไม่ถึงเดือน ผมคงไม่ได้พบคุณอีก”
“ให้ฉันมาหาคุณยูชิยะทุกคืนได้ไหมคะ”
“ดีสิครับ ผมอยากเห็นหน้าคุณทุกคืนเหมือนกัน ถ้าวันไหนคุณไม่มา ผมคงเป็นทุกข์ใจมาก เพราะความคิดถึง อยากไปหาถึงบ้านคุณเลย”
และจากนั้น... มิลินมาที่ร้านอาหารแห่งนี้ทุกค่ำคืน ...ตลอดหนึ่งสัปดาห์
............แม้รู้จักกันไม่นาน...
“ยิ่งนึก ก็ยิ่งใจหาย ฉันจะต้องจากประเทศญี่ปุ่นนี้ เวลาที่อยู่ที่นี่เหลือน้อยเต็มที”
“คุณใกล้จะจากผมไป ทุกคืนผมคิดถึงคุณจนนอนไม่หลับ เปลี่ยนใจไม่กลับเมืองไทยได้ไหม อยู่ที่นี่ต่อเถิดนะ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ คุณพ่อคุณแม่ฉันรออยู่ ฉันคงอยู่ที่นี่ไม่ได้ ฉันไม่มีเงิน ไม่มีงานทำ”
“อยู่กับผมสิ ได้ไหม”
“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ ฉันจะอยู่กับคุณยูชิยะได้อย่างไร เราไม่ได้เป็นแฟนกัน”
“ผมรู้ว่าอาจเร็วไป แต่ระหว่างเรา... ไม่มีเวลาลังเลแล้ว ผมจำเป็นต้องบอก... ผมรักคุณ มิลิน” ยูชิยะบอกความในใจอย่างตรงไปตรงมา
“ฉัน... ฉันก็รักคุณเหมือนกันค่ะ คุณยูชิยะ”
คืนนั้น... หลังกลับจากร้องเพลงในร้านอาหาร ยูชิยะพามิลินไปยังที่พักของเขา
“ผมไม่เคยพาผู้หญิงมาที่ห้องของผมเลย เชื่อไหม” เขาพูดความจริง เพราะเขาเคยแต่พาผู้หญิงไปที่อื่น...
“ฉันไม่สนใจเรื่องผู้หญิงของคุณ ตั้งแต่คุณบอกรักฉัน ขอเวลาให้ฉันได้อยู่กับคุณตามลำพัง แค่คืนนี้ก็พอ...”
“ผมจะทำให้เป็นค่ำคืนที่ประทับใจ สำหรับเราสองคน” เขาไปเปิดเพลงบรรเลงช้า ๆ และทำมือเชื้อเชิญ แบบขอเต้นรำด้วย เธอจับมือเขา ปล่อยให้เขาโอบหลัง และเคลื่อนกายไปตามจังหวะเพลงอย่างช้าพร้อมกับเขา...
...แค่ได้มองตาเขาใกล้ ๆ ใจมิลินก็สั่นรัว...
ยูชิยะยิ้มให้เหมือนรู้ใจ ดึงร่างที่เล็กกว่าเข้าแนบอ้อมอกเขา กอดรัดไว้แน่นหนา พร้อมบอก...
“ผมรักคุณ... รักมากนะ มิลิน”
“ฉันก็รักคุณมากค่ะ ยูชิยะ” มิลินบอก และตอบสนองอ้อมกอดเขาอย่างแน่นหนาเช่นกัน
‘ตายล่ะ คืนนี้เราจะเสร็จเขาไหมนะ ตั้งแต่เกิดมา เรายังไม่เคยเลย เรื่องนั้น...’
เธอนึกเป็นกังวลประสาสาวบริสุทธิ์ ยังไม่เคยผ่านประสบการณ์ครั้งแรก
ยูชิยะเพียงยิ้มริมเรียวปาก มือเชยคางมนของเธอขึ้นให้มองตาเขา ค่อยก้มลงจูบไล้เรียวปากด้วยสัมผัสอุ่นนุ่มละมุน แล้วค่อยถอนจูบ มองตากันอีกครั้ง
“คุณกลัวผมไหม” มิลินไม่กล้าพูด ในใจนั้นเต้นระทึก ยิ่งนึกก็ยิ่งตื่นเต้น... แต่เธอส่ายหน้าแทนคำตอบ
“อยากให้คุณมาหาผมอีก ...คืนนี้ดึกแล้ว ผมจะพาคุณกลับไปส่งที่หอพัก” ยูชิยะบอก ออกจะผิดคาดไปสำหรับมิลิน
จากนั้นเขานั่งแท็กซี่พาเธอมาส่ง ถึงหน้าหอพักและบอกลา...
“เวลาผมเลิกงานจากร้านอาหาร ผมมักต้องอยู่ที่ห้องคนเดียวเสมอ ผมอยากมีคนที่ผมรักอยู่รอผมที่ห้องบ้าง ผมคงมีความสุขมาก หากคุณไปรอผม ตอนผมกลับมาที่ห้อง” ยูชิยะบอก มือเขากุมมือเธอ ส่งกุญแจห้องและคีย์การ์ด ซึ่งเป็นของส่วนตัวเขาให้กับเธอ
“ให้ฉันทำไมคะ”
“คืนพรุ่งนี้ ไปรอผมที่ห้องนะครับ ผมจะรีบกลับมาหาคุณ และตอนเช้าผมจะทำอาหารให้คุณทาน ผมทำอาหารอร่อยนะ ไม่เชื่อ ลองพิสูจน์ได้ ผมยินดี” เขากล่าวยิ้มกรุ้มกริ่ม ส่งสายตาหวานเชื่อมมัดใจ ไม่เว้นวรรคให้ปฏิเสธ
‘รู้แล้วล่ะ เขาชวนอย่างนี้ ถ้าไป... จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ถึงจะกลัว แต่... อยากไป’
“ฉันขอคิดดูก่อนค่ะ” มิลินนึกอย่างหนึ่ง แต่ตอบไปอีกอย่างหนึ่ง
เขาอมยิ้ม... ไม่หวั่นเกรงเรื่องเธอจะปฏิเสธ
“อย่าลืมผมนะครับ คืนนี้ผมได้จูบแรกของคุณ”
คำพูดของยูชิยะ ทำให้มิลินเขินอายมาก จริงของเขา... เธอเพิ่งเคยจูบคนรักเป็นครั้งแรก
“แล้วฝันถึงผมด้วยนะ ราตรีสวัสดิ์ครับ สุดที่รักของผม”
............คืนต่อมา
“คุณมารอผม จริง ๆ ด้วย” ยูชิยะจับมือมิลินบีบด้วยความดีใจ
แสงไฟส่องเข้ามากระทบ ดวงหน้าขาวนวลของมิลิน หน้าอกอิ่มเนียน เธอดูสวยหวานปนเซ็กซี่
“ฉันคิดถึงแต่คุณตลอดเวลา ถ้าไม่ได้มาหาคุณ ฉันคงทนไม่ได้”
“ผมจะไม่ยอมปล่อยให้คุณไปไหน ผมจะอยู่เคียงข้างคุณไปตลอดชีวิต เพราะผมรักคุณ แต่งงานกับผมนะมิลิน”
“จริง ๆ เหรอคะ คุณขอฉันแต่งงาน”
“ครับ ผมอยากอยู่กับคุณ มีลูก เลี้ยงลูกด้วยกัน เป็นครอบครัวที่อบอุ่น” ยูชิยะกล่าว น้ำเสียงอ่อนโยน
“อะไรกัน พูดไปถึงเรื่องลูก คิดไปไกล... หึ หึ...” มิลินพูดปนหัวเราะ
“ผมจริงจังกับคุณ จึงต้องคิดถึงอนาคตของเรา”
“ตกลงค่ะ ฉันจะแต่งงานกับคุณ” มิลินตอบ หันมามองสบตานิ่งนาน
ยูชิยะค่อย ๆ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ชิดใบหน้าของมิลิน กระซิบแผ่ว ๆ
“ขอได้ไหม มิลิน” ยูชิยะพูด พลางปลดกระดุมเสื้อของมิลินออก ...ทีละเม็ด เห็นอีกฝ่ายยืนนิ่ง จึงค่อย ๆ จูบปากอย่างแผ่วเบา แล้วเงยหน้ามองสบตาเธออีกครั้งก่อนจะจูบซ้ำ แล้วเลยไล้จูบข้างแก้ม เรื่อยไปถึงข้างหู ซุกไซ้ซอกคอ พลางสอดมือข้างหนึ่งเข้าไปใต้อกเสื้อ ลูบไล้แผ่วเบาบริเวณหน้าอก นิ้วมือคลึงเคล้นยอดเนินอก คลำโดนปุ่มปมยอดนมสาว ให้เธอแปลบจี๊ดจิตใจกระเจิง แล้วยังไม่หยุดยั้งมือ
“อ๊ะ! ...ยูชิยะ” มิลินร้องครางออกมา มือโอบกอดแผ่นหลังยูชิยะ เกร็งตัวด้วยระงับอารมณ์ที่เกิดขึ้นไม่ทัน
ยูชิยะรู้จุดอ่อนของมิลิน ถึงได้จงใจทำอย่างนั้น
“ไปที่เตียงเถอะ” ยูชิยะกระซิบเชิญชวน ประคองกอดพาเดินถึงเตียง และทันใด... ซิปกระโปรงของมิลินก็ถูกรูดลง พร้อมทั้งอันเดอร์แวร์ถูกถอดออก เขากอดรัด แล้วจูบอย่างเร่าร้อนโลมเลีย ปลายลิ้นสอดสัมผัสชิมรสหวานซ่านซึ้งใจ ถอนจากเรียวปาก แล้วเลื่อนจูบแก้มซ้ำ ไล้เรื่อยไปที่ริมใบหู จมูกซุกไซ้อย่างหนักหน่วงตรงซอกคอ
มิลินเงยหน้าขึ้นรับจูบร้อนแรงนั้น ตกอยู่ในภวังค์ จิตใจล่องลอยหวิวหวาม เผลอกอดคอเขาแน่น
และเขารีบถอดเสื้อกับกางเกงของตนอย่างว่องไว จนเหลือแต่ร่างเปล่าเปลือยด้วยกันทั้งคู่ แล้วค่อยดันร่างให้เธอต้องถอยไป ล้มตัวลงบนเตียง ตามด้วยร่างของเขาโถมลงทาบทับ เธอต้องตกอยู่ภายใต้เรือนร่างของเขา
จูบอันเร่าร้อนปนอ่อนหวาน เปรอปรนกันและกันอย่างหิวกระหายในความพิศวาส การกอดรัดสัมผัสกัน เพื่อแสวงหาความนุ่มละมุน อบอุ่นจากร่างกายกันอย่างไม่รู้จักหยุด ไม่รู้จักพอ ก่อเกิดอารมณ์ปรารถนาอย่างมาก จนยากยับยั้งชั่งใจ ยูชิยะเล้าโลมปลายลิ้นเล่นเลียวนยอดเนินนุ่มปทุมถันอย่างไม่หยุดหย่อน ทำให้มิลินทนกลั้นไม่ไหว ถึงกับส่งเสียงครางออกมาเบา ๆ
“อูว์ว์ ...” มิลิน ควบคุมตัวเองไม่อยู่ ปฏิกิริยาทางร่างกายตอบสนองโดยอัตโนมัติ เผลอสะดุ้งผวาแอ่นอกร่อนรับอย่างกระสับกระส่าย เลือดในกายสาวสูบฉีดออกแดงระเรื่อทั่วผิวเนื้อเนียนนวล อ้อมแขนโอบกอดคอยูชิยะแน่น เสียงหายใจหอบของเธอดังกระชั้น
เสียงนั้นทำให้ยูชิยะยิ่งทวีอารมณ์แรงฤทธิ์พิศวาสขึ้น จนแทบคลั่ง ร่างที่ขึ้นคร่อมอยู่ระหว่างต้นขาของเธอเริ่มทนไม่ไหว และไม่รอช้า ฉวยโอกาสตอนที่เธอกำลังเพลินในอารมณ์กระสัน กระทำตามความปรารถนาที่รออย่างโหยหิวมานาน ...รุกเข้าหา
“ไม่ไหวแล้วมิลิน ขอให้ผมเข้าไปนะ”
“ยูชิยะ...” มิลินตกใจ ยังไม่เคยถูกกระทำอย่างนี้มาก่อน จึงไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาร้องขอ
แต่ยูชิยะมือไวเท่าคำพูด จับสะโพกมิลินยกขึ้น และแยกต้นขาของเธอออก ปลุกเร้าให้ความหฤหรรษ์ ด้วยอุ้งมือลูบคลึงบริเวณเนินโหนกนูนขนาดพอเหมาะมือ จากนั้น... ร่างกายที่แข็งแกร่งจึงบุกรุกเข้าไปถึงภายใน
มิลินทั้งตกใจ ทั้งรู้สึกเจ็บ เพราะยังมือใหม่ในการเปิดรับผู้บุกรุก แต่พอทนได้กับความแน่นอึดอัดทว่าร้อนแรง เธอหน้านิ่วคิ้วยู่ยกขึ้น ปล่อยกายปล่อยใจให้ยูชิยะเป็นผู้นำ...
เขาค่อยขยับตัวอย่างนุ่มนวลในความบีบรัดรึงตรึงใจจากกายสาว เนิบนาบอ้อยอิ่งกับความหวิวหวานซาบซ่านใจ แล้วค่อยเพิ่มความแรงถี่ที่สร้างความเพลิดเพลิน คนรักที่อยู่ภายใต้เรือนร่างพลอยสะเทือนไหว ไปตามแรงขับเคลื่อนอย่างเมามันของเขา ยิ่งเห็นเรือนร่างเธอกระตุกบิดเกร็ง ใจกระเจิงไปในความกระสันซ่านซึมไปทั่วทั้งร่าง มือจิกแขนเขาไว้แน่น ก็รู้ว่าเธอกำลังเป็นสุขอย่างถึงที่สุด นั่นยิ่งช่วยให้ใจเขาลิ่วลอยไปในดินแดนแสนสุขตามเธอไปด้วย ...จนกระทั่งสาสมใจ ยูชิยะจึงค่อยช้าลง แล้วหยุดหอบหายใจ
“คุณ... สุดยอด มิลิน” ยูชิยะก้มลงกระซิบข้างใบหู น้ำเสียงแผ่วพร่า
ขณะเดียวกับที่มิลินปล่อยให้ร่างของเขา ลงนอนแนบซบลงบนอ้อมอกของเธอ
“ฉันไม่เคยเจออะไรอย่างนี้มาก่อน”
“อยู่กับผมทั้งคืน อย่าทิ้งผมไปไหน ผมอยากนอนกอดคุณจนหลับไป”
“ฉันจะอยู่ข้าง ๆ คุณค่ะ หลับเถิดนะคะ”
“ช่วยอยู่ข้างผมทั้งคืนนี้ และทุกคืน ตลอดไปเลยนะครับมิลิน”
“ค่ะ ยูชิยะ” มิลินจับมือที่โอบกอดตัวเธอไว้
ดูเหมือนเขาจะเบาใจ จึงค่อยผล็อยหลับไปก่อน เธอมองดูด้วยความรู้สึกสงบสุข สบายใจเลยพลอย เผลอหลับตามเขาไปบ้าง
สายของวันรุ่งขึ้น... ยูชิยะพามิลินไปจดทะเบียนสมรส แถมต้องเปลี่ยนนามสกุล ไปใช้นามสกุลของเขา จึงเพิ่งได้รู้ตัวเองว่าใช้นามสกุล... ลูอิส
แต่หลังจากนั้น... ไม่มีพิธีแต่งงาน เพราะยูชิยะอ้างว่าเขาไม่ชอบพวกบาทหลวง จึงไม่อยากเข้าพิธี ซึ่งมิลินไม่สนใจในเรื่องพิธีการนัก เนื่องจากรู้ตัวดีว่าแอบจดทะเบียนสมรสตามใจตัวเอง เป็นเหตุให้ไม่กล้าบอกกล่าวผู้เป็นพ่อและแม่ ถึงกระนั้นทั้งสองก็รักกันดี ค่ำคืนที่ได้อยู่ร่วมกัน ...เร่าร้อน เต็มไปไฟพิศวาสในกันและกัน
.
______________________...oooooOOOooooo...______________________... ตอน ๑๕
............ยังหัวค่ำอยู่ กาฬวารยื่นความจำนงขอบริจาคโลหิตให้เลวิส โดยขอให้นางพยาบาลเจาะเลือดให้
“เราเจาะเลือดให้ไม่ได้หรอกค่ะ มันเป็นอันตรายต่อร่างกายคุณนะคะ”
“ฉันมีความจำเป็นจริง ๆ ค่ะ ต้องให้เลือดกับคุณคนนี้”
“เขาเป็นโรคอะไรหรือคะ”
“ฉันไม่ทราบค่ะ” กาฬวารไม่รู้จะเอาอะไรมาอ้าง
“ต้องให้ตรวจร่างกายเขาก่อนนะคะ” พยาบาลสาวกล่าว
เลวิสเห็นท่าทีไม่ได้ดังใจ เขาพยายามนึกถึงวิชาที่พ่อเคยสอน ...สะกดจิต
“เจาะเลือดกาฬวาร ...เดี๋ยวนี้”
เลวิสเพ่ง... ส่งกระแสจิตสะกดนางพยาบาลให้ทำการเจาะเลือดกาฬวาร
กาฬวารลงนอนบนเตียงคนไข้ นางพยาบาลที่โดนสะกดจิตใช้เข็มเจาะแขนซ้ายของกาฬวาร ทำการดูดเลือดเข้าไปในถุงใส่เลือด ...จนกระทั่งแล้วเสร็จ
“ฉันได้สิ่งที่ต้องการแล้ว ขอบใจนะกาฬ” เลวิสกล่าว ยิ้มเยือกเย็น เขาหยิบยกถุงเลือดขึ้นมาชื่นชมอย่างพึงพอใจ
“หวังว่า... คงจะช่วยคุณเลวิสได้” กาฬวารกล่าวทั้งกำลังนอนบนเตียงคนไข้ น้ำเสียงแผ่วเบา เริ่มเกิดอาการหน้ามืด ใจรอนรอน อ่อนลมหายใจ เหมือนลมหายใจจะขาดห้วง...
“พักผ่อนให้สบาย กาฬ...” เลวิสก้มลงจุมพิตที่หน้าผาก รู้ว่าเธอจะหมดสติไป ...เพียงชั่วครู่
“เอ๊ะ! ฉันทำอะไรลงไป” นางพยาบาลกล่าวกับตัวเองอย่างงงงง ภายหลังเลวิสได้คลายมนต์สะกด
“คุณพยาบาลต้องให้เลือดเธอนะ เลือดผมกรุ๊ปเดียวกับเธอ ผมให้เลือดเธอได้” ลมเหนือบอกกับนางพยาบาล หลังจากตามเข้ามาในห้องบริจาคเลือด
...จากนั้นพยาบาลจึงหันมาดูแลร่างที่นอนหมดสติของกาฬวาร เจาะเลือดลมเหนือไปตรวจ ใช้เวลาเพียงไม่นาน ผลเลือดออกมาเข้ากันได้ จึงทำการเจาะถ่ายเลือดจากลมเหนือให้กับกาฬวาร
............เลวิสปลดสลักกุญแจประตูห้องทางขึ้นชั้นดาดฟ้า แล้วเดินขึ้นบันไดมาบนดาดฟ้าของอาคารโรงพยาบาล
“ขอให้สำเร็จ ล้างเลือดแวมไพร์ กลับคืนเป็นมนุษย์ด้วยเถิด” เลวิสกล่าว ...ราวกับวิงวอนต่อเทวดาฟ้าดินสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก แล้วค่อย ๆ ดื่มเลือด ...จนกระทั่งเลือดนั้นหมดทั้งถุง ความเจ็บปวดแปลบแสบร้อนแล่นไปทั่วอณูรูขุมขน ทำให้ร่างเลวิสล้มตัวลง นอนแผ่ราบบนพื้น ประสาทสัมผัสทุกส่วนปิดการรับรู้...
เช้าตรู่... พระอาทิตย์เริ่มขึ้น ส่องทอแสงทองอ่อนระเรื่อเรืองระบายบนขอบฟ้ากว้าง...
“หือ... เรานอนอยู่ที่เดิมนี่” เลวิสรู้สึกตัวตื่น ลุกขึ้นนั่ง ...แสงแดดยามเช้า ทำให้เขาสดชื่น ไม่มีอาการแพ้แสงอาทิตย์ ไม่ระคายเคืองดวงตา ไม่แสบผิวหนังเลย
‘ลองแยกเขี้ยวดู... มีเขี้ยวออกมาไหม?’
เลวิสนึก พยายามแยกเขี้ยว แต่ไม่มี... นั่นทำให้เขาดีใจ คนแรกที่นึกถึง คือ... กาฬวาร จึงมาเยี่ยมในห้องคนไข้พิเศษ ได้เวลาอาหารเช้าพอดี
“ฉันมีข่าวดีจะบอก ฉันหายแล้ว จริงสิ เลือด... ฉันไม่นึกอยากกินอีกเลย” เลวิสพูด แล้วมองถุงเลือดเป็นสายระโยง... ตรงแขนของกาฬวาร
“ฉันดีใจด้วยค่ะ คุณเลวิสกลับคืนมาเป็นมนุษย์แล้ว ส่วนฉันได้รับการให้เลือดของคุณเหนือ เลยค่อยดีขึ้น”
“อืม... ดีแล้ว คราวนี้ฮคคุได้ช่วยเหลือกาฬ เขาก็ดีกับเธอนะ เอ่อ... ฉันซื้อขนมปังปิ้งกับกาแฟมากิน นี่ล่ะอาหารมื้อแรก ฉันกินอาหารได้อย่างมนุษย์ปกติแล้ว” เลวิสกล่าวชื่นชมน้องชายตน แล้วหันมาสนใจของกิน ลองกินขนมปังปิ้ง
กาฬวารเฝ้ามอง... ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
แล้วสองมือของเลวิสประคองมือของกาฬวาร
“เพราะเธอช่วย ฉันถึงได้กลับมาเป็นมนุษย์ ขอบคุณเธอจริง ๆ กาฬ”
“แล้ว... คุณเลวิสยังอ่านใจฉันได้อยู่ไหม”
“ไม่แล้วล่ะ แต่ว่าฉันเดาใจเธอได้ ต่อไปเธอจะชอบฉัน” เลวิสแกล้งพูด สายตาหยอกเย้าเจ้าเล่ห์หลอกล้อดูขี้เล่น...
กาฬวารยิ้มเขิน... แถมหลบสายตาเลวิส ไม่กล้าพูดโต้ตอบ
............ห้องนั่งเล่นของตึกเล็ก ใช้เป็นห้องรับแขกเฉพาะตอนมีแขกมาเท่านั้น แต่วันนี้ไม่มีใครมา... เลวิสและลมเหนือมาคุยเล่นกับคุณมิลิน ...ในความเป็นลูกพวกเขาทำตัวน่ารักกับแม่ของเขา
ลมเหนือลงนอน... ศีรษะหนุนตักผู้เป็นแม่ และขาพับพาดกับที่พักแขนของโซฟายาว ห้อยขาและแกว่งปลายเท้าดุกดิก ซึ่งผู้เป็นแม่นั่งบนโซฟายาว ...โดยเลวิสเข้ามานั่งด้วยอีกข้างหนึ่ง และกอดแขนแม่ของเขา
“คราวนี้ครอบครัวเราเป็นหนี้บุญคุณกาฬ ต้องขอบคุณเธอจริง ๆ ที่ช่วยทำให้ลูกทั้งสองของแม่ได้กลับคืนมาเป็นมนุษย์” คุณมิลินกล่าวกับลูกชายทั้งสอง
“ผมจะไม่ลืมบุญคุณของกาฬเลย ...ชั่วชีวิต” ลมเหนือบอกอย่างจริงจัง
“ผมจะตอบแทนกาฬด้วย ...จะรักตลอดไป และผมก็รักแม่มากด้วยครับ” เลวิสบอกแม่
นั่นทำให้ผู้เป็นแม่สะดุดใจ แต่ไม่ทันจะเอ่ยถาม...
เมื่อลมเหนือแย่งชิงพูดขึ้นก่อน ด้วยไม่อยากใส่ใจในคำพูดของพี่ชาย ถึงอย่างไรเสียกาฬวารก็ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าสาว ผ่านพิธีแต่งงานกับเขาไปแล้ว
“ผมรักแม่ที่สุดครับ แม่เล่านิทานให้พวกเราฟังหน่อยสิครับ” ลมเหนือเจรจาออดอ้อน ดึงมือแม่มาวางแนบบนอกของเขา
ผู้เป็นแม่ถึงกับยิ้มออกมา...
“หึ หึ...โตแล้วนะเรา ยังอยากฟังนิทาน แม่ไม่มีนิทานจะเล่าหรอก อยากฟังเรื่องพ่อของลูกไหม ยูชิยะและทาคามิ”
“อยากฟังครับ” ทั้งสองคนพี่น้องพร้อมใจกันตอบรับ ประสานเสียงราวกับเป็นเสียงเดียวกัน
“เรื่องความรักของแม่กับพ่อของลูก ๆ เป็นเรื่องโรแมนติกมาก... แต่ก็... สยองนิด ๆ ”
............เรื่องราวความหลัง เริ่มต้นตอนที่มิลินอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์ กำลังเรียนมหาวิทยาลัยในประเทศญี่ปุ่น
“มิลินเรียนจบเมื่อไหร่ พ่อกับแม่จะให้ลูกแต่งงาน พ่อหาแฟนให้ลูกไว้แล้ว ลูกชายเพื่อนพ่อเอง”
“หนูยังไม่รู้จักค่ะ”
“คุณมัตสึโมริไงลูก เพื่อนพ่อคนนั้น ลูกคงเคยเห็นตอนเป็นเด็ก เขาไปเที่ยวเมืองไทย แวะเยี่ยมบ้านเรา อยู่บ้านเราตั้งหลายวัน”
“อ๋อ... คุณลุงคนนั้น จำได้ค่ะ แต่ลูกชายเขา... เรายังไม่เคยเจอกัน”
“เอาไว้เรียนจบแล้ว พ่อจะแนะนำให้รู้จัก” คุณฮิงาชิบอกกับลูกสาว เมื่อคราวไปเยี่ยมลูกที่ศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่น
สองปีต่อมา...
“สอบเสร็จแล้ว เรามาฉลองกันเถอะ” ยูโกะชวนเพื่อนชนแก้วแชมเปญ
สามสาวพากันมาฉลองในร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นดีที่มีวงดนตรีเล่นประจำ
“...ต่อไปเธอต้องกลับเมืองไทยใช่ไหมมิลิน”
“ใช่... นึกแล้วไม่อยากกลับเลย คงคิดถึงเพื่อนทุกคนนะ” มิลินพูด พร้อมทำหน้าหงอย ๆ
“พวกเราคงคิดถึงเธอเหมือนกัน”
“ไม่เอาน่า อย่าทำเศร้าสิ เรามาสนุกนะ ฟังเพลงเถอะ มีนักร้องนำคนหนึ่ง เพิ่งเข้ามาใหม่ หล่อมากนะเธอ สาว ๆ กำลังกรี๊ดกันอยู่ในตอนนี้”
“เออใช่... ฉันเคยเห็นเมื่อคราวก่อน อยากรู้จักเหมือนกัน เรียกมาคุยที่โต๊ะเราได้ไหม” จิอากิถาม ยูโกะจึงบอกให้พนักงานเสิร์ฟ เรียกผู้ที่ต้องการพบมาที่โต๊ะ โดยใช้เวลารอไม่นาน...
“สวัสดีครับ ผม... ยูชิยะ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ผู้มาใหม่กล่าวแนะนำตัว เขาเป็นชายหนุ่มผิวขาว ร่างสูงโปร่ง จมูกโด่ง ใบหน้าหล่อแบบสะอาดสะอ้าน ดวงตาสวยหวาน...
“ฉันยูโกะค่ะ ...คนนี้จิอากิ”
“ฉัน มิลินค่ะ” เป็นการกล่าวแนะนำตัวสั้น ๆ ต่างยิ้มให้กัน...
‘ฉันชอบเขา ผู้ชายมีเขี้ยวเสน่ห์ น่ารักจัง’
ใครจะไปเชื่อว่า...’รักแรกพบ’ มีจริง ...จนเมื่อมิลินได้ประสบกับตัวเอง
“คุณเป็นผู้หญิงไทยที่สวยมากครับ” ยูชิยะกล่าวชม รู้สึกชอบมากตั้งแต่แรกเห็นเช่นกัน
ส่วนสองเพื่อนสนิทรีบพูดแซง เพื่อเรียกร้องความสนใจบ้าง
“ชมแต่มิลินคนเดียว แล้วฉันกับยูโกะล่ะคะ”
“คุณผู้หญิงทั้งสามคนสวยหมดทุกคนเลยครับ” ชายหนุ่มตอบแบบเอาใจสาว
“ว่าแต่... ทำไมถึงรู้ว่าฉันเป็นคนไทยล่ะคะ” มิลินออกจะแปลกใจ ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เขาไม่น่าจะรู้...
“อ๋อ... ผมเดาเอาเองครับ เพราะดูจากหน้าตา... ไม่น่าใช่คนญี่ปุ่น” เขาตอบแบบขอไปที ...ที่เขารู้ เพราะเขาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา แต่ใครจะบอกสถานะที่แท้จริงของตัวเอง
“แหม... จ้องมองแต่มิลินนะคะ คุณยูชิยะไม่เห็นสนใจพวกเราเลย” ยูโกะว่า เมื่อเห็นยูชิยะเงียบไป ไม่พูดคุยอะไรต่อ และท่าทางสนใจอยู่แต่มิลิน
เมื่อถูกทักท้วงดังนั้น เขาจึงหันมาโปรยยิ้มให้ทั้งสามสาว
“ที่จริงผมเป็นอเมริกัน พ่อเป็นอเมริกัน แต่แม่เป็นคนญี่ปุ่นครับ ผมเลยเป็นลูกครึ่ง”
“อ๋อ... มิน่าถึงตัวสูง”
“ผมสูงแค่ 178 เองครับ มีแต่คนบอกว่าผมไม่เหมือนคนอเมริกัน”
“จริงค่ะ ถ้าไม่บอก... ต้องนึกว่าคุณยูชิยะเป็นคนญี่ปุ่นเหมือนกันแน่ ๆ ” ยูโกะและจิอากิชวนคุยเรื่องทั่วไป มิลินทำตัวเป็นผู้ฟัง... ยิ้มตอบบ้างเป็นบางครั้งที่เขาหันมายิ้มให้
ตั้งแต่คืนแรกที่เริ่มรู้จัก มิลินร้อนรนในใจ ทุกคืนอยากไปหา... เพื่อให้ได้เห็นหน้าเขา
คืนต่อมา... จึงไปที่ร้านอาหารนั้นเพียงคนเดียว เพื่อไปนั่งฟังเขาร้องเพลง และแวะมาพูดคุยด้วย
“น่าเสียดายนะครับ จะกลับเมืองไทย ...อีกไม่ถึงเดือน ผมคงไม่ได้พบคุณอีก”
“ให้ฉันมาหาคุณยูชิยะทุกคืนได้ไหมคะ”
“ดีสิครับ ผมอยากเห็นหน้าคุณทุกคืนเหมือนกัน ถ้าวันไหนคุณไม่มา ผมคงเป็นทุกข์ใจมาก เพราะความคิดถึง อยากไปหาถึงบ้านคุณเลย”
และจากนั้น... มิลินมาที่ร้านอาหารแห่งนี้ทุกค่ำคืน ...ตลอดหนึ่งสัปดาห์
............แม้รู้จักกันไม่นาน...
“ยิ่งนึก ก็ยิ่งใจหาย ฉันจะต้องจากประเทศญี่ปุ่นนี้ เวลาที่อยู่ที่นี่เหลือน้อยเต็มที”
“คุณใกล้จะจากผมไป ทุกคืนผมคิดถึงคุณจนนอนไม่หลับ เปลี่ยนใจไม่กลับเมืองไทยได้ไหม อยู่ที่นี่ต่อเถิดนะ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ คุณพ่อคุณแม่ฉันรออยู่ ฉันคงอยู่ที่นี่ไม่ได้ ฉันไม่มีเงิน ไม่มีงานทำ”
“อยู่กับผมสิ ได้ไหม”
“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ ฉันจะอยู่กับคุณยูชิยะได้อย่างไร เราไม่ได้เป็นแฟนกัน”
“ผมรู้ว่าอาจเร็วไป แต่ระหว่างเรา... ไม่มีเวลาลังเลแล้ว ผมจำเป็นต้องบอก... ผมรักคุณ มิลิน” ยูชิยะบอกความในใจอย่างตรงไปตรงมา
“ฉัน... ฉันก็รักคุณเหมือนกันค่ะ คุณยูชิยะ”
คืนนั้น... หลังกลับจากร้องเพลงในร้านอาหาร ยูชิยะพามิลินไปยังที่พักของเขา
“ผมไม่เคยพาผู้หญิงมาที่ห้องของผมเลย เชื่อไหม” เขาพูดความจริง เพราะเขาเคยแต่พาผู้หญิงไปที่อื่น...
“ฉันไม่สนใจเรื่องผู้หญิงของคุณ ตั้งแต่คุณบอกรักฉัน ขอเวลาให้ฉันได้อยู่กับคุณตามลำพัง แค่คืนนี้ก็พอ...”
“ผมจะทำให้เป็นค่ำคืนที่ประทับใจ สำหรับเราสองคน” เขาไปเปิดเพลงบรรเลงช้า ๆ และทำมือเชื้อเชิญ แบบขอเต้นรำด้วย เธอจับมือเขา ปล่อยให้เขาโอบหลัง และเคลื่อนกายไปตามจังหวะเพลงอย่างช้าพร้อมกับเขา...
...แค่ได้มองตาเขาใกล้ ๆ ใจมิลินก็สั่นรัว...
ยูชิยะยิ้มให้เหมือนรู้ใจ ดึงร่างที่เล็กกว่าเข้าแนบอ้อมอกเขา กอดรัดไว้แน่นหนา พร้อมบอก...
“ผมรักคุณ... รักมากนะ มิลิน”
“ฉันก็รักคุณมากค่ะ ยูชิยะ” มิลินบอก และตอบสนองอ้อมกอดเขาอย่างแน่นหนาเช่นกัน
‘ตายล่ะ คืนนี้เราจะเสร็จเขาไหมนะ ตั้งแต่เกิดมา เรายังไม่เคยเลย เรื่องนั้น...’
เธอนึกเป็นกังวลประสาสาวบริสุทธิ์ ยังไม่เคยผ่านประสบการณ์ครั้งแรก
ยูชิยะเพียงยิ้มริมเรียวปาก มือเชยคางมนของเธอขึ้นให้มองตาเขา ค่อยก้มลงจูบไล้เรียวปากด้วยสัมผัสอุ่นนุ่มละมุน แล้วค่อยถอนจูบ มองตากันอีกครั้ง
“คุณกลัวผมไหม” มิลินไม่กล้าพูด ในใจนั้นเต้นระทึก ยิ่งนึกก็ยิ่งตื่นเต้น... แต่เธอส่ายหน้าแทนคำตอบ
“อยากให้คุณมาหาผมอีก ...คืนนี้ดึกแล้ว ผมจะพาคุณกลับไปส่งที่หอพัก” ยูชิยะบอก ออกจะผิดคาดไปสำหรับมิลิน
จากนั้นเขานั่งแท็กซี่พาเธอมาส่ง ถึงหน้าหอพักและบอกลา...
“เวลาผมเลิกงานจากร้านอาหาร ผมมักต้องอยู่ที่ห้องคนเดียวเสมอ ผมอยากมีคนที่ผมรักอยู่รอผมที่ห้องบ้าง ผมคงมีความสุขมาก หากคุณไปรอผม ตอนผมกลับมาที่ห้อง” ยูชิยะบอก มือเขากุมมือเธอ ส่งกุญแจห้องและคีย์การ์ด ซึ่งเป็นของส่วนตัวเขาให้กับเธอ
“ให้ฉันทำไมคะ”
“คืนพรุ่งนี้ ไปรอผมที่ห้องนะครับ ผมจะรีบกลับมาหาคุณ และตอนเช้าผมจะทำอาหารให้คุณทาน ผมทำอาหารอร่อยนะ ไม่เชื่อ ลองพิสูจน์ได้ ผมยินดี” เขากล่าวยิ้มกรุ้มกริ่ม ส่งสายตาหวานเชื่อมมัดใจ ไม่เว้นวรรคให้ปฏิเสธ
‘รู้แล้วล่ะ เขาชวนอย่างนี้ ถ้าไป... จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ถึงจะกลัว แต่... อยากไป’
“ฉันขอคิดดูก่อนค่ะ” มิลินนึกอย่างหนึ่ง แต่ตอบไปอีกอย่างหนึ่ง
เขาอมยิ้ม... ไม่หวั่นเกรงเรื่องเธอจะปฏิเสธ
“อย่าลืมผมนะครับ คืนนี้ผมได้จูบแรกของคุณ”
คำพูดของยูชิยะ ทำให้มิลินเขินอายมาก จริงของเขา... เธอเพิ่งเคยจูบคนรักเป็นครั้งแรก
“แล้วฝันถึงผมด้วยนะ ราตรีสวัสดิ์ครับ สุดที่รักของผม”
............คืนต่อมา
“คุณมารอผม จริง ๆ ด้วย” ยูชิยะจับมือมิลินบีบด้วยความดีใจ
แสงไฟส่องเข้ามากระทบ ดวงหน้าขาวนวลของมิลิน หน้าอกอิ่มเนียน เธอดูสวยหวานปนเซ็กซี่
“ฉันคิดถึงแต่คุณตลอดเวลา ถ้าไม่ได้มาหาคุณ ฉันคงทนไม่ได้”
“ผมจะไม่ยอมปล่อยให้คุณไปไหน ผมจะอยู่เคียงข้างคุณไปตลอดชีวิต เพราะผมรักคุณ แต่งงานกับผมนะมิลิน”
“จริง ๆ เหรอคะ คุณขอฉันแต่งงาน”
“ครับ ผมอยากอยู่กับคุณ มีลูก เลี้ยงลูกด้วยกัน เป็นครอบครัวที่อบอุ่น” ยูชิยะกล่าว น้ำเสียงอ่อนโยน
“อะไรกัน พูดไปถึงเรื่องลูก คิดไปไกล... หึ หึ...” มิลินพูดปนหัวเราะ
“ผมจริงจังกับคุณ จึงต้องคิดถึงอนาคตของเรา”
“ตกลงค่ะ ฉันจะแต่งงานกับคุณ” มิลินตอบ หันมามองสบตานิ่งนาน
ยูชิยะค่อย ๆ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ชิดใบหน้าของมิลิน กระซิบแผ่ว ๆ
“ขอได้ไหม มิลิน” ยูชิยะพูด พลางปลดกระดุมเสื้อของมิลินออก ...ทีละเม็ด เห็นอีกฝ่ายยืนนิ่ง จึงค่อย ๆ จูบปากอย่างแผ่วเบา แล้วเงยหน้ามองสบตาเธออีกครั้งก่อนจะจูบซ้ำ แล้วเลยไล้จูบข้างแก้ม เรื่อยไปถึงข้างหู ซุกไซ้ซอกคอ พลางสอดมือข้างหนึ่งเข้าไปใต้อกเสื้อ ลูบไล้แผ่วเบาบริเวณหน้าอก นิ้วมือคลึงเคล้นยอดเนินอก คลำโดนปุ่มปมยอดนมสาว ให้เธอแปลบจี๊ดจิตใจกระเจิง แล้วยังไม่หยุดยั้งมือ
“อ๊ะ! ...ยูชิยะ” มิลินร้องครางออกมา มือโอบกอดแผ่นหลังยูชิยะ เกร็งตัวด้วยระงับอารมณ์ที่เกิดขึ้นไม่ทัน
ยูชิยะรู้จุดอ่อนของมิลิน ถึงได้จงใจทำอย่างนั้น
“ไปที่เตียงเถอะ” ยูชิยะกระซิบเชิญชวน ประคองกอดพาเดินถึงเตียง และทันใด... ซิปกระโปรงของมิลินก็ถูกรูดลง พร้อมทั้งอันเดอร์แวร์ถูกถอดออก เขากอดรัด แล้วจูบอย่างเร่าร้อนโลมเลีย ปลายลิ้นสอดสัมผัสชิมรสหวานซ่านซึ้งใจ ถอนจากเรียวปาก แล้วเลื่อนจูบแก้มซ้ำ ไล้เรื่อยไปที่ริมใบหู จมูกซุกไซ้อย่างหนักหน่วงตรงซอกคอ
มิลินเงยหน้าขึ้นรับจูบร้อนแรงนั้น ตกอยู่ในภวังค์ จิตใจล่องลอยหวิวหวาม เผลอกอดคอเขาแน่น
และเขารีบถอดเสื้อกับกางเกงของตนอย่างว่องไว จนเหลือแต่ร่างเปล่าเปลือยด้วยกันทั้งคู่ แล้วค่อยดันร่างให้เธอต้องถอยไป ล้มตัวลงบนเตียง ตามด้วยร่างของเขาโถมลงทาบทับ เธอต้องตกอยู่ภายใต้เรือนร่างของเขา
จูบอันเร่าร้อนปนอ่อนหวาน เปรอปรนกันและกันอย่างหิวกระหายในความพิศวาส การกอดรัดสัมผัสกัน เพื่อแสวงหาความนุ่มละมุน อบอุ่นจากร่างกายกันอย่างไม่รู้จักหยุด ไม่รู้จักพอ ก่อเกิดอารมณ์ปรารถนาอย่างมาก จนยากยับยั้งชั่งใจ ยูชิยะเล้าโลมปลายลิ้นเล่นเลียวนยอดเนินนุ่มปทุมถันอย่างไม่หยุดหย่อน ทำให้มิลินทนกลั้นไม่ไหว ถึงกับส่งเสียงครางออกมาเบา ๆ
“อูว์ว์ ...” มิลิน ควบคุมตัวเองไม่อยู่ ปฏิกิริยาทางร่างกายตอบสนองโดยอัตโนมัติ เผลอสะดุ้งผวาแอ่นอกร่อนรับอย่างกระสับกระส่าย เลือดในกายสาวสูบฉีดออกแดงระเรื่อทั่วผิวเนื้อเนียนนวล อ้อมแขนโอบกอดคอยูชิยะแน่น เสียงหายใจหอบของเธอดังกระชั้น
เสียงนั้นทำให้ยูชิยะยิ่งทวีอารมณ์แรงฤทธิ์พิศวาสขึ้น จนแทบคลั่ง ร่างที่ขึ้นคร่อมอยู่ระหว่างต้นขาของเธอเริ่มทนไม่ไหว และไม่รอช้า ฉวยโอกาสตอนที่เธอกำลังเพลินในอารมณ์กระสัน กระทำตามความปรารถนาที่รออย่างโหยหิวมานาน ...รุกเข้าหา
“ไม่ไหวแล้วมิลิน ขอให้ผมเข้าไปนะ”
“ยูชิยะ...” มิลินตกใจ ยังไม่เคยถูกกระทำอย่างนี้มาก่อน จึงไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาร้องขอ
แต่ยูชิยะมือไวเท่าคำพูด จับสะโพกมิลินยกขึ้น และแยกต้นขาของเธอออก ปลุกเร้าให้ความหฤหรรษ์ ด้วยอุ้งมือลูบคลึงบริเวณเนินโหนกนูนขนาดพอเหมาะมือ จากนั้น... ร่างกายที่แข็งแกร่งจึงบุกรุกเข้าไปถึงภายใน
มิลินทั้งตกใจ ทั้งรู้สึกเจ็บ เพราะยังมือใหม่ในการเปิดรับผู้บุกรุก แต่พอทนได้กับความแน่นอึดอัดทว่าร้อนแรง เธอหน้านิ่วคิ้วยู่ยกขึ้น ปล่อยกายปล่อยใจให้ยูชิยะเป็นผู้นำ...
เขาค่อยขยับตัวอย่างนุ่มนวลในความบีบรัดรึงตรึงใจจากกายสาว เนิบนาบอ้อยอิ่งกับความหวิวหวานซาบซ่านใจ แล้วค่อยเพิ่มความแรงถี่ที่สร้างความเพลิดเพลิน คนรักที่อยู่ภายใต้เรือนร่างพลอยสะเทือนไหว ไปตามแรงขับเคลื่อนอย่างเมามันของเขา ยิ่งเห็นเรือนร่างเธอกระตุกบิดเกร็ง ใจกระเจิงไปในความกระสันซ่านซึมไปทั่วทั้งร่าง มือจิกแขนเขาไว้แน่น ก็รู้ว่าเธอกำลังเป็นสุขอย่างถึงที่สุด นั่นยิ่งช่วยให้ใจเขาลิ่วลอยไปในดินแดนแสนสุขตามเธอไปด้วย ...จนกระทั่งสาสมใจ ยูชิยะจึงค่อยช้าลง แล้วหยุดหอบหายใจ
“คุณ... สุดยอด มิลิน” ยูชิยะก้มลงกระซิบข้างใบหู น้ำเสียงแผ่วพร่า
ขณะเดียวกับที่มิลินปล่อยให้ร่างของเขา ลงนอนแนบซบลงบนอ้อมอกของเธอ
“ฉันไม่เคยเจออะไรอย่างนี้มาก่อน”
“อยู่กับผมทั้งคืน อย่าทิ้งผมไปไหน ผมอยากนอนกอดคุณจนหลับไป”
“ฉันจะอยู่ข้าง ๆ คุณค่ะ หลับเถิดนะคะ”
“ช่วยอยู่ข้างผมทั้งคืนนี้ และทุกคืน ตลอดไปเลยนะครับมิลิน”
“ค่ะ ยูชิยะ” มิลินจับมือที่โอบกอดตัวเธอไว้
ดูเหมือนเขาจะเบาใจ จึงค่อยผล็อยหลับไปก่อน เธอมองดูด้วยความรู้สึกสงบสุข สบายใจเลยพลอย เผลอหลับตามเขาไปบ้าง
สายของวันรุ่งขึ้น... ยูชิยะพามิลินไปจดทะเบียนสมรส แถมต้องเปลี่ยนนามสกุล ไปใช้นามสกุลของเขา จึงเพิ่งได้รู้ตัวเองว่าใช้นามสกุล... ลูอิส
แต่หลังจากนั้น... ไม่มีพิธีแต่งงาน เพราะยูชิยะอ้างว่าเขาไม่ชอบพวกบาทหลวง จึงไม่อยากเข้าพิธี ซึ่งมิลินไม่สนใจในเรื่องพิธีการนัก เนื่องจากรู้ตัวดีว่าแอบจดทะเบียนสมรสตามใจตัวเอง เป็นเหตุให้ไม่กล้าบอกกล่าวผู้เป็นพ่อและแม่ ถึงกระนั้นทั้งสองก็รักกันดี ค่ำคืนที่ได้อยู่ร่วมกัน ...เร่าร้อน เต็มไปไฟพิศวาสในกันและกัน
.
______________________...oooooOOOooooo...______________________... ตอน ๑๕
ไตรติมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 เม.ย. 2559, 14:59:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 เม.ย. 2559, 14:59:38 น.
จำนวนการเข้าชม : 1033
<< ตอน 14 | ตอน 16 >> |