~ สายใย .. ไฟรัก ~
~ สายใย .. ไฟรัก ~


เส้นสายใย .. ใครกันหนอ .. ที่ทอถัก
เส้นสายรัก .. ใครจักสาน.. ขานคำขอ
เส้นทางเดิน .. ใครเหินห่าง .. ต่างเฝ้ารอ
ไฟรักพอ .. ต่อหัวใจ .. ให้อุ่นอิง




เธอ .. คือ เพื่อนสนิทของน้องสาวเพื่อนรัก

เขา .. คือ ผู้บริหารโรงแรมจอมเผด็จการ แต่กลับเป็นเพื่อนรักพี่ชายของเพื่อนสนิท

ทว่า ..

เธอ .. ในสายตาของเขา .. คือ คนอวดดี ยโส ที่ใช้เพื่อนเป็นทางผ่านไปสู่ความสำเร็จของตัวเอง

เขา .. ในสายตาของเธอ .. คือ ผู้ชายไร้เหตุผล เอาแต่ตนเองเป็นใหญ่

ที่สำคัญเหนืออื่นใด .. ทั้งเธอและเขา .. กำลังตกหลุมรักคนที่ไม่ควรจะรัก!




***************************
Tags: ความรัก ครอบครัว เพื่อน

ตอน: ใยเส้นที่ 37 .. พลิกผัน




ประภาคารกระโจมไฟสีขาว ที่เป็นสัญลักษณ์ของอุทยานท้ายเกาะ ตั้งโดดเด่นสูงตระหง่านเหนือชะง่อนผา ซึ่งพื้นที่ส่วนนั้นยื่นออกมาเป็นแหลมเบื้องหน้ามองเห็นได้จากระยะไกล

นั่นหมายถึงอีกไม่กี่นาทีเรือเร็วของเพลิงกัลป์ก็จะเข้าจอดเทียบชายฝั่งที่หมาย

บังคิดผู้ควบคุมเรือเร็วขนาด ๒๐๐ แรงม้าสองเครื่องยนต์ มีสีหน้าเคร่งเครียดราวกับกำลังถูกกดดันด้วยอะไรบางอย่าง แม้จะมีสมาธิในการขับเรือแค่ไหน แต่ปัจจัยหลักที่ทำให้สปีดโบ๊ทแล่นอยู่ได้ ขณะนี้กำลังร่อยหรอเพราะอัตราเร่งแทบจะเต็มกำลังตลอดเวลากว่าชั่วโมง

เนื่องจากความเร็ว ๔๕ น๊อท หรือ กว่า ๘๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง มันเผาผลาญเชื้อเพลิงที่เตรียมมาจนใกล้ถึงขีดสุด ... ก็ใครเล่าจะคิดว่า ต้องมาเจอสถานการณ์เช่นนี้

สถานการณ์ที่ต้องตกอยู่ในสภาพถูกน้ำทะเล คลื่นลมโอบล้อมรับอรุณ แถมยังต้องหนีการติดตามจากใครก็ไม่รู้ซึ่งประสบการณ์ของบังคิดที่ประเมินกำลังเครื่องยนต์อีกฝ่าย การที่เขายังทิ้งระยะห่างอยู่ได้นั้น อาจจะเป็นเพราะว่า ‘พวกมัน’ ใช้เรือที่มีเครื่องยนต์รุ่นเก่า หรือแรงน้อยกว่า ทำให้ไม่สามารถตีขนาบขึ้นมาได้

แต่น้ำมันที่เติมมาเต็มถังสำรองก่อนออกเรือ และถูกใช้ไปแล้วหลังจากส่ง ‘เพื่อนของนายหัว’ และ ‘คุณทัต’ นี่สิ มันจะเพียงพอให้ไปถึงชายหาดได้หรือไม่

"นายหัวครับ"

บังคิดเรียกเพลิงกัลป์แข่งกับเสียงเครื่องยนต์ที่ดังสะท้อนในลำเรือ ทำให้เจ้าของชื่อหันไปทางหัวเรือ ก่อนจะลุกจากที่นั่งปล่อยให้ ‘ยัยเด็กอวดดี’ และ ‘ปากแข็ง’ นั่งนิ่งเป็นหินหันหน้าไปทางท้ายเรือ ที่ใบพัดเครื่องยนต์ตีฟองกระจายเป็นทางยาว

"มีอะไรหรือบัง"

"ท่าทางเราจะเจอปัญหาใหญ่แล้วนาย"

ผู้ชายสองคนสองวัยมองหน้ารู้กันโดยไม่พูดอะไรออกมาอีก มีแต่เพลิงกัลป์ที่เหลือบมองไปทางมัสลิน และ ‘เรือลึกลับ’ ลำนั้นอย่างใช้ความคิด

"จะเสี่ยงไปไหม ถ้าจะฝืนไปให้ถึงฝั่ง"

ชายหนุ่มปรับโทนเสียงให้เบาเท่าที่จะฟังกันรู้เรื่อง เขาอาจลืมไปว่า ต่อให้ใช้ระดับเสียงปกติ บุคคลที่สามก็คงไม่ได้ยินบทสนทนานี้

"แน่นอนครับนายหัว ... อย่าลืมว่า เรามีคุณลินินมาด้วย มันอันตรายเกินไป"

"อืม"

เพลิงกัลป์รับฟังแล้วมองรอบตัวอีกครั้ง คลื่นลมยังคงทำหน้าที่ตามธรรมชาติ และอีกไม่นานท้องฟ้าก็จะสว่างพอให้เห็นอะไรได้ชัดเจน

"บังว่า ถ้าเราหักเรือไปที่หน้าหาดร้านคุณรี่ จะไหวไหม"

"นายหัว เอาจริงหรือครับ ..."

บังคิดเองก็ไม่มีเวลาให้คัดค้านมากนัก แต่อย่างน้อยน้ำมันที่เหลืออยู่ ก็น่าจะพอส่งชายหนุ่มกับหญิงสาวที่ร้านอาหารของสรัลรี มากกว่าจะไปดับลอยลำรอคลื่นพัดพา เพราะไปไม่ถึงฝั่งอุทยานท้ายเกาะ




นายหัวหารือกับลูกน้องคนสนิทไม่นาน ก็กลับมานั่งประจันหน้าผู้โดยสารสาว ชายหนุ่มรู้ว่า เธอเองก็อยากรู้เรื่องที่เขาคุยเมื่อครู่ ... จากสีหน้าและสายตาที่มองมาที่เขานั่นไง

เพลิงกัลป์จ้องมัสลินนัยน์ตาดุ ความรู้สึกในตอนนี้บอกได้เลยว่า ไม่สบอารมณ์อย่างหนัก ... คำถามของเขา ยังไม่มีคำตอบ

"ว่าไง ..."

"คะ"

"ฉันถาม ทำไมไม่ตอบ"

"เอ่อ ฉัน ... ไม่มีอะไรจะตอบ ... ค่ะ"

ความอดทนของเพลิงกัลป์แตะที่ปลายขอบของมัน ชายหนุ่มลุกขึ้นก้าวไปข้างหน้าก้าวเดียว ร่างสูงก็ยืนค้ำท่วมศีรษะมัสลิน ก่อนจะโน้มกายเท้าแขนทั้งสองข้างกับพนักที่นั่ง แน่นอนว่า หญิงสาวจำต้องนั่งตัวลีบในพื้นที่ที่เขาจำกัดให้ ทำให้เหลือระยะห่างกันของสรีระไม่มาก

"คุณเพลิงกัลป์ !"

"เธอ ... เกี่ยวข้องยังไงกับนายศรตฤณ"

ชายหนุ่มไม่สนใจน้ำเสียงตระหนกนั่น นอกจากเขาต้อง ‘เค้น’ ความจริงให้ได้ ... แข่งกับเวลานัดแนะที่กระชั้นเข้ามา

"ต้องให้ตายไปกับความลับใช่ไหม ... มัสลิน"

"หมายความว่ายังไงคะ"

มัสลินเบิกตาโตตกตะลึง ไม่คิดว่าเพลิงกัลป์จะใช้ถ้อยคำรุนแรงกับเธอ ลืมกลัวลืมความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นกะทันหัน

เพลิงกัลป์จ้องดวงตาใสเห็นมันเต้นริก ๆ ขอคำตอบจากเขาแทน ชายหนุ่มขบกรามแน่น มือไม้ที่เท้าค้ำพนักแทบอยากยกมาขย้ำคอเธอ

"ฉันไม่อยากต้องมาตาย โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ... เธอเข้าใจไหม ลินิน"

"แล้วมันเกี่ยวกับคุณซายน์ ... คุณศรตฤณตรงไหนล่ะคะ คุณถึงมาคาดคั้นฉันแบบนี้"

"ก็ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เราจะมาถูกไล่ล่ากลางทะเลอย่างนี้หรือ"

เจ้าของสปีดโบ๊ทเผลอตะคอกกลับ เมื่อคนที่เขาคุ้มครองมาตลอดเส้นทาง ไม่มีทีท่าจะเข้าใจสถานการณ์เลย แถมยังขึ้นเสียงเถียงเขาเสียด้วย

"คุณ ... หมายความว่า เรือลำนั้น ..."

มัสลินมองหน้าเพลิงกัลป์แล้วหันไปทางเครื่องยนต์สองตัว และ ‘เรือลำนั้น’ ที่ติดตามพวกเขาอย่างไม่ลดละ ... ดูเหมือนจะใกล้เข้ามาทุกที

"ใช่ ... ถ้าพวกนั้นมันจะมีเรื่องกับแค่นายศรตฤณ ฉันคงไม่สอดมือมายุ่ง ... แต่เธอ ในฐานะที่ยังอยู่ในความดูแลของฉัน ฉันจำเป็นต้องรู้ต้นสายปลายเหตุ ... ทั้งหมด ว่าทำไมคนที่มีลับลมคมในอย่างเขา ต้องลากเธอเข้ามาเกี่ยวด้วย"

เพลิงกัลป์เห็นมัสลินก้มหน้าหลบสายตา กลืนน้ำลายลงคอกุมมือตัวเอง เขายังสังเกตได้อีกว่า มือที่กุมบีบเริ่มสั่น แล้วพอเริ่มสั่นมันก็ลามไปทั้งตัว และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นสบนัยน์ตาคมของเขา แววหวาดหวั่นก็ฉายชัดผิดจากเมื่อครู่

ปฏิกิริยาของมัสลินทำให้เพลิงกัลป์อ่อนลง ชายหนุ่มค่อยคลายความตึงเครียดของตน มือที่เท้าพนักค่อยขยับมาวางบนบ่าทั้งสองของเธอ

ใครจะเชื่อว่า คนยโสโอหังอย่างที่มัสลินเคยค่อนขอด จะค่อยย่อกายลงตรงหน้า จากที่ยืนตระหง่านง้ำค้ำร่าง ก็กลายเป็นนั่งลงบนส้นเท้าข้างหนึ่ง ระดับความสูงไล่เลี่ย ระยะห่างเท่าเดิม ... แต่มีบางอย่างกำลังเปลี่ยนแปลงไป

"ลินิน เธอต้องบอกฉัน ... ฉันต้องรู้ว่า ตัวฉันต้องมาเสี่ยงเรื่องนี้ไปเพื่ออะไร ... เธอสำคัญกับเขายังไง ... เข้าใจไหม"

เพลิงกัลป์นวดคลึงไหล่มัสลินเบา ๆ ลดความเครียดความกดดันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเขา หรือ เธอ

น่าแปลก ... ที่ชายหนุ่มไม่รู้สึกตะขิดตะขวง ไม่ต้องพยายามหรือฝืนใจทำเลย

ทั้งน้ำเสียงของเขาก็เหมือนปลอบประโลม เชิงหว่านล้อมให้หญิงสาวยอมบอกความจริง ... ที่จำเป็นนี้ออกมา

และดูท่าว่าจะได้ผล เมื่อมัสลินขบริมฝีปากตนเอง คล้ายกำลังตัดสินใจ สายตาเจือทั้งความละล้าละลัง กังวล ราวกับไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากเธอตอบคำถามเขา

"ลินิน"

การขานชื่อกึ่งตะล่อมอย่างนุ่มนวล อีกทั้งดวงตาเฉียบคมฉาบความโอนอ่อนให้เห็น เผื่อว่าเจ้าของชื่อจะคล้อยตาม

หญิงสาวหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าปอด พอระบายมันออกมาจึงลืมตาขึ้น

"คุณศรตฤณ ... เป็น อา ..."

ปัง !

"ลินิน ..."

"นายหัว"

เสียงตะโกนลั่นเรือของเจ้านายและลูกน้องดังขรม ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มันต้องมีสาเหตุจากคนบนเรือนั่น ที่พยายามเร่งความเร็วให้ทัน

เพลิงกัลป์กำลังจะได้ฟังสิ่งที่มัสลินจะพูด ทว่า ‘ตัวมาร’ ที่ตามติดเข้ามากลับทำให้เสียเรื่อง ด้วยบรรณาการดั่งคำเตือนจากเพชฌฆาต

ชายหนุ่มรั้งหญิงสาวลงจากที่นั่งได้ทัน ตัวเขานอนหงายราบไปกับพื้นเรือเร็ว มีร่างสมส่วนที่ยังตกใจกับเหตุการณ์ฉุกละหุกทับบนตัว ก่อนที่เขาจะพลิกกลับให้เธอลงไปอยู่ด้านล่าง ... เพื่อความปลอดภัย

“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า ?”

คำถามรัวเร็วกับสายตาสำรวจหาร่องรอยตามเนื้อตัวอีกฝ่าย พร้อมกับความระแวดระวังเพิ่มขึ้นตามวิกฤต ก่อนที่ใบหน้าซีดเซียวจะส่ายไปมาเป็นคำตอบ

เพลิงกัลป์ยืดแขนทั้งที่ยังคร่อมกันมัสลินไว้ แล้วผงกศีรษะมองไปทางท้ายเรือ ดวงตาวาววับหรี่มองตัวต้นเหตุจนคนที่อยู่ใต้ร่างนึกกลัวใจแทน

"บังคิด ..."

"อีก ๒ นาทีครับ นายหัว ... เตรียมพร้อมไว้ได้เลย"

คนสนิทหันมาทางเสียงตะโกน มองคนทั้งสองที่หลบตามแนวราบแวบเดียว ให้มั่นใจว่าเพลิงกัลป์กับมัสลินไม่ถูกลูกหลง เป็นเหยื่อเสียงปริศนาที่เขาฟันธงได้เลยว่า มันคือกระสุนปืน






๒ นาที กับปริมาณเชื้อเพลิงอันจำกัดจำเขี่ย ไม่มีผลต่อความบ้าบิ่นของเพลิงกัลป์ ที่สลับหน้าที่มาควบคุมเรือเร็วสองเครื่องยนต์ในตอนนี้

เรือลอยลำเหนือคลื่น ทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วอย่างน่าหวาดเสียว แล้วจู่ ๆ มันก็ตีโค้งวงกว้างจนน้ำกระจาย โดยไม่คาดคิดสปีดโบ๊ทลำที่ถูกติดตาม กลับหันหัวเรือไปทางพวกที่ทำตัวเป็น ‘ผู้ล่า’

เพลิงกัลป์จ้องเขม็งไปยังเรืออีกลำที่แล่นเข้าหา ประเมินว่าคงใช้ความเร็วราว ๆ ๓๕ – ๔๐ น็อต หรือราว ๖๕ - ๗๕ กิโลเมตรต่อชั่วโมงไม่ต่างกัน

ระยะห่างจากการคำนวณด้วยตาเปล่า น่าจะเกินหลักร้อยร่วมพันเมตร แต่เพราะความเร็วที่พุ่งเข้าหากัน มันจึงค่อยลดเหลือเพียงไม่ถึงหลักร้อย

ทันใดนั้น วัตถุขนาดเหมาะมือสีควันบุหรี่ก็ถูกฉวยขึ้นมา ความชำนาญในการบังคับเรือของเพลิงกัลป์ ทำให้เขาสามารถควบคุมได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว

บาเร็ตต้าขนาด ๙ มม. ที่เพลิงกัลป์ยกมันขึ้นด้วยมือขวา แล้วหันปลายกระบอกไปเบื้องหน้า มือซ้ายคุมคันบังคับทิศทางเรือ

กระทั่งเป้าหมายเคลื่อนใกล้เข้ามาจนเกือบอยู่ในระยะหวังผล ชายหนุ่มเบนหัวเรือออกนอกฝั่งอย่างรวดเร็ว แต่มีช่องว่างมากพอที่จะไม่ชนกันเสียก่อน

และเมื่อเรือเร็วสองลำกำลังจะสวนกันกลางน้ำ บนฟองคลื่นที่กระฉอกกระเซ็นกระสาย เขาก็ลั่นไกเกือบเท่าจำนวนกระสุนที่บรรจุในแม็กกาซีน

เพลิงกัลป์วางปืนลงโดยไม่รอดูผลงาน เขาก็บังคับทิศทางให้เรือหักเลี้ยวมุ่งเข้าฝั่งอย่างช่ำชอง หลังจากเป็นฝ่ายโจมตี ‘ผู้ติดตาม’ ที่คาดว่า คงจะรู้ฤทธิ์แห่งไฟอย่างเขาบ้างแล้ว

อย่าริลองเล่นกับไฟ

ในที่สุด ผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของรู้ค รีสอร์ท แอนด์ สปา ก็พาทุกคนในเรือถึงฝั่งอย่างปลอดภัย แม้ออกจะทุลักทุเลเล็กน้อยก็ตาม





มัสลินไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยว่า เพลิงกัลป์จะบ้าดีเดือดได้ขนาดนั้น และจากนาทีที่ผ่านไปเมื่อครู่ ทำให้เธอต้องกลับมาทบทวน ไตร่ตรองผู้ชายคนนี้ใหม่อีกครั้ง

จากแค่ภาพลักษณ์ที่หญิงสาวได้เห็น เขาก็อาจจะดูดีอยู่บ้างในบางมุมมอง ... แต่ไม่ใช่สำหรับเธอแน่ ๆ

จากที่ได้รู้จักว่า เขาคือใคร ... มัสลินก็ยิ่งก่อกำแพงหนาขึ้นเรื่อย ๆ เพราะความฝังใจกับวาจาเชือดเฉือน เมือพบกันครั้งแรก

จากหน้าที่การงาน ที่ต้องพบเจอกัน ... นำไปสู่ความเป็นอริตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ พอรู้ตัว ต่างก็ใช้คารมคมปาก ฟาดฟันกันตลอดมา

แต่วันนี้ ... หรือหากนึกย้อนกลับไป หลายต่อหลายครั้ง มัสลินก็ได้รับความช่วยเหลือจากเพลิงกัลป์อยู่เนือง ๆ มิใช่หรือ

พอหวนคิดถึงคำถามที่เพลิงกัลป์คาดคั้น อย่างต้องการรู้ให้ได้ว่า มัสลินกับศรตฤณ เกี่ยวข้องกันอย่างไร จึงน่าจะมีน้ำหนักพอที่เธอจะยอมบอกความจริงแก่เขา

อาหนุ่มของเธอ ... กำลังชักพาหายนะ มาสู่คนที่ไม่เกี่ยวข้องอย่างเพลิงกัลป์ ... จริงหรือนี่

คำที่เคยรับปากกับศรตฤณ มันคงไม่มีความหมาย ถ้ามันกลายเป็นต้นเหตุให้เกิดการบาดเจ็บ ... อาจถึงขั้นร้ายแรง

สูญเสียใครสักคน !

มัสลินคิดได้ดังนี้ พร้อมกับมองผ่านบังคิดไปยังแผ่นหลังของเพลิงกัลป์ ที่กำลังบังคับสปีดโบ๊ทเข้าใกล้หาด จนสามารถเดินลุยน้ำขึ้นฝั่งได้

หญิงสาวให้คำมั่นกับตัวเองว่า ผู้ชายที่แม้จะปากร้าย แต่กล้าหาญคนนี้ .... เขาควรมีสิทธิ์ในการรับรู้ในสิ่งที่ควรรู้

เธอจะบอกเขา ... ว่า ความสัมพันธ์ที่ถูกสงสัย และตั้งแง่นั้น มันคนละเรื่องกับที่เขาคิด




เพลิงกัลป์รับตัวมัสลินลงจากเรือเร็ว ที่จอดลอยเท้งเต้งเพราะน้ำมันหมด ที่เหลือหลังจากนี้ บังคิดจะเป็นคนดูและและจัดการเอง

ชายหนุ่มหญิงสาวเดินลุยน้ำอย่างรวดเร็ว เนื่องจากคลื่นที่เริ่มซัดแรงขึ้น หากไม่เร่งรีบ มีหวังพวกเขาคงได้ถูกมันลากลงไปเล่นน้ำแน่ ๆ

มือใหญ่ที่จับจูง หรือที่จริงต้องเรียกว่า กำข้อมือเล็กกว่าจนแน่น ราวกับว่า ถ้าไม่จับไว้ให้ดี อาจจะหลุดมือแล้วหายไปต่อหน้าต่อตา

บริเวณชายหาดของร้านอาหารชื่อดังแห่งเกาะลาลัลเงียบสนิท ปราศจากผู้คนที่เคยมาเดินเล่น ออกกำลังกาย หรือเล่นน้ำ อาจจะเพราะยังเช้าตรู่ ดวงอาทิตย์ยังโผล่ไม่เต็มดวง ขอบฟ้าจึงมีเพียงแสงเรื่อเรืองแต่ไม่เจิดจ้า

“มาทางนี้ ... อ้อมไปทางด้านหลังบาร์”

เพลิงกัลป์บอกเรียบ ๆ ทั้งที่ตนก็นำทางอยู่แล้ว ซึ่งมัสลินก็ทำตามอย่างว่าง่าย ไม่คัดค้าน ดื้อดึง จนเขาผิดสังเกตจึงหยุดเดินและหันมาถาม

“ลินิน ... เป็นอะไรหรือเปล่า”

เมื่อชายหนุ่มหยุดเดินกะทันหัน หญิงสาวก็หยุดตาม บอกไม่ถูกว่า รู้สึกอย่างไรกันแน่ ที่จู่ ๆ ‘คนอย่างเขา’ นึกใส่ใจเธอขึ้นมา

“กำลังคิดค่ะ ... ว่าจะตอบคุณยังไงดี ... คำถามของคุณ”

มัสลินสบตาเพลิงกัลป์ตอบตามตรง แล้วได้เห็นเขาเลิกคิ้วนิดหนึ่ง สีหน้าเคร่งเครียดกับร่องรอยอ่อนล้าเริ่มปรากฏ แต่เธอมั่นใจว่า ไม่ได้ตาฝาดแน่ ๆ ที่เห็นมุมปากของเขายกขึ้นน้อย ๆ ... ยิ้มให้

“ความจริง ... ลินิน แค่นี้เอง”

เพลิงกัลป์ย้ำคำสั้น ๆ แต่มีอานุภาพยิ่ง เพราะมันจะทำให้เขารู้ว่า ควรจะผูกพันห่วงนี้ไว้กับตัว หรือ โยนมันทิ้งไป ... ไม่ไยดี

“อาค่ะ ... เขาเป็นอา ... ของลินิน”

“อะไรนะ?”

การร่วมเสี่ยงนาทีเป็นนาทีตาย ข้ามผ่านช่วงเวลาคับขันหน้าสิ่วหน้าขวานมาด้วยกัน ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น ... ซึ่งมันกำลังเริ่มต้นอย่างช้า ๆ โดยที่เจ้าตัวเองก็ยังไม่รู้สึก มากเท่าคำตอบที่เพลิงกัลป์ได้ยินจากปากมัสลิน

“อย่ามาล้อฉันเล่นนะ มัสลิน ... ท่าทางอายุอานามเขาไม่ได้ต่างจากฉันเลย”

“จริงค่ะ เขา ... เป็นน้องชายคนเล็ก เอ่อ ... ลูกหลงของคุณปู่ ต่างมารดากับคุณพ่อ ... คุณศรตฤณ เป็นอาของลินินค่ะ”

มัสลินยืนยันหนักแน่นเมื่อเพลิงกัลป์ใช้น้ำเสียงแคลงใจ พยายามลำดับชั้นญาติระหว่างเธอกับศรตฤณ ให้เขาเข้าใจ หลังจากเห็นสีหน้าเหลือเชื่อ ... และเหมือนไม่เชื่อของเขา

“แล้วทำไมไม่บอก ... ปล่อยให้ฉัน ... ช่างเถอะ”

ชายหนุ่มงึมงำคล้ายบ่น แต่ก็ตัดบทไปเฉย ๆ หันหลังกลับออกเดินนำอีกครั้ง ... ในใจปลอดโปร่งอย่างไม่มีเหตุผล

เพลิงกัลป์หมดข้อกังขาเรื่องความสัมพันธ์แอบแฝงของมัสลิน ก่อนที่จะมาข้องใจตนเอง เมื่อนึกได้ว่า ...

ทำไมเขาต้องปลอดโปร่งโล่งใจ ... เมื่อรู้ว่า หญิงสาวกับ ‘ชายที่เขาไม่ไว้ใจ’ คนนั้น กลับกลายมาเป็นญาติร่วมสายเลือด

โดยไม่ต้องคิดนาน เพลิงกัลป์ตอบตัวเองทันทีว่า ... ก็มัสลิน ยอมพูดความจริงกับเขาแล้ว เท่านั้นเอง








“เพิร์ล ... ท่าทางคุณจะพลาดอีกแล้วนะคะ ... งานนี้”

น้ำเสียงหวานเจือความออดอ้อนและถ้อยเสียดสีของหญิงสาว ที่ส่งข่าวผ่านเครือข่ายไร้สาย ถึงบุคคลสำคัญของคิง เซอร์เพนท์ ออฟ เดอะ เซาท์ ซี ราวกับสนิทสนมมากพอจะหยอกเย้าได้

“เธอพูดถึงอะไร”

“เอ ... หรือคุณมั่นใจว่า จะจัดการได้เรียบร้อยหมดจด ทั้ง ‘แม่สายลับสองหน้า’ กับ ‘คุณหนูมัคคุเทศก์’ ของคุณ”

ไม่ต้องมีสายตายาวไกลไปถึงโรงแรมสุดหรูอลังการบนเกาะนี้ เธอก็รับรู้ได้ถึงความขุ่นมัวจากแรงอารมณ์ของนาคินทร์

“ฉันบอกคุณตั้งกี่ครั้ง ... คุณเคยเชื่อฉันบ้างไหมคะ เพิร์ล ... หึหึ”

คำตำหนิกลั้วเสียงหัวเราะหวังยั่วเย้ายังคงดำเนินต่อไปอย่างใจเย็น กระทั่ง ปลายสายถามออกมาแผ่วเบา ๆ เหมือนกับว่า สะกดอารมณ์ความรู้สึกทั้งปวงไว้ได้

“เธอไม่ต้องกังวลไป ... เรื่องเพชรงาม ฉันไว้ใจและเชื่อมือซีหลง”

คนฟังเบ้ปากเมื่อได้ยินชื่อนักฆ่ารับจ้าง ‘ซีหลง’ ฉายา ‘มังกรตะวันตก’ และยิ้มเยาะให้กับหญิงสาวที่กำลังจะถูกจัดการ ก่อนจะเอ่ยถามถึงอีกคน ... ด้วยความรู้สึกที่มันอัดอั้นภายใน เพราะไม่ว่าผู้ชายคนไหน ต่างก็มองข้ามเธอไปหมด

นาคินทร์ ...

เพลิงกัลป์

ดูท่าว่า ผู้ชายทั้งสองคนที่ต่อให้เธอพยายามเข้าใกล้อย่างไร ก็ไม่มีวันไปถึงตัว ... ถึงหัวใจของพวกเขา

ต่างจากผู้หญิงคนนั้น ... ‘ยัยคุณหนูมัคคุเทศก์’ ที่เธอเรียกด้วยความริษยาเงียบ ๆ

“แต่ฉันว่า คุณคงไม่มีทางได้ตัวมัสลิน ... แน่”

เสียงที่เคยหวาน แปรเปลี่ยนเป็นเสียงกร้าวข่มขู่ในที จนนาคินทร์ผู้รับฟัง ถึงกับเค้นเสียงลอดไรฟันออกคำสั่ง ... ทว่า ยิ่งเสียงของเขาแผ่วเบาเท่าไร เธอก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงความ 'น่ากลัว' อย่างยากจะระงับความรู้สึกไหว

“ถ้าอย่างนั้น ... เธอก็จัดการให้ฉันสิ ... สรัลรี”











***********************************************









โปรดติดตามตอนต่อไป ...


ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม .. และขอขอบคุณสำหรับการกดไลค์กำลังใจฮะ

คุณkaelek : ถามนายไฟ ... งั้น คนเขียนก็ไม่ต้องตอบ เนอะ ... ^__^ .. ขอบคุณ คุณkaelek ฮะ



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 พ.ค. 2559, 15:13:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 พ.ค. 2559, 15:13:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 1036





<< ใยเส้นที่ 36 .. เป้าหมายจู่โจม   
kaelek 4 พ.ค. 2559, 22:29:12 น.
รู้ความจริงเนี่ยโล่งอกเชียวน้าาาา...แต่ยังคงปากแข็ง ไม่ยอมรับว่าชอบลินินเลยนะ..นางร้ายตัวจริงออกโรงแล้วสินะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account