: + : + : + : + : ผู้ช่วยกามเทพ : + : + : + : + :
นี่มันไม่ใช่แค่พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก หรือราหูอมธรรมดาละ

อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ทายาทคนเล็กบริษัทเครื่องดื่มชูกำลังอันดับหนึ่ง และเจ้าของบริษัทจับคู่ยอดฮิตแห่งยุค อยากรู้นักว่าเธอเคยไปบนบานศาลกล่าวที่ไหนแล้วลืมแก้บนหรือเปล่า ทำไมเรื่องวุ่นๆถึงประดังเข้ามาในชีวิตแบบนี้ก็ไม่รู้

เพราะถูกแม่จับคลุมถุงชนกับคนแปลกหน้า ลูกสาวคนเล็กที่ถูกเลี้ยงอย่างเอาแต่ใจมาตลอดจึงประกาศกร้าวขอแต่งงานกับเพื่อนสนิทเพื่อขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน แต่โชคร้ายที่แม่เล่นใหญ่ชนิดรัชดาลัยเธียเตอร์ชิดซ้าย เมื่อบังคับกันดีๆไม่ได้ ท่านจึงตัดความช่วยเหลือทางการเงินจนเหี้ยน ทำให้เธอยิ่งต้องเอาชนะคำสั่งของแม่ให้ได้

สาวัช ปรเมศวร์ เกิดมาในฐานะลูกเมียน้อย เขาจึงทำตัวให้เลือนรางที่สุด เมื่อบ้านที่พรั่งพร้อมด้วยเงินทอง ชื่อเสียงและอำนาจ แต่กลับไม่เคยมีความรักให้เขาสักนิด สาวัชจึงชดเชยให้ตัวเองด้วยการปฏิเสธทุกคำร้องขอจากคนภายนอก ใครๆก็ว่าเขาเย็นชา ไร้น้ำใจ ไม่มีมนุษยสัมพันธ์ แต่สาวัชก็ไม่เคยแคร์

ครั้นหนทางแห่งผลประโยชน์ชักนำ อิงอรุณจำต้องเข้าขอความช่วยเหลือจากสาวัช เมื่อคนหนึ่งเติบโตด้วยความรักพร้อมพรั่งรอบกายจนกลายเป็นคนแสนเอาแต่ใจ ต้องมาเจอกับคนที่ชีวิตแล้งไร้ความรักแถมยังไม่เคยตามใจใคร ย่อมต้องมีสักคนเป็นฝ่ายถอย!

เมื่อคนสุดขั้วสองคนต้องมาเจอกันในภารกิจเอาตัวรอดของอิงอรุณ ความวุ่นวายจึงบังเกิดขึ้น แต่คนที่ใจอ่อนก่อน บอกรักก่อน อาจไม่ใช่คนแพ้เสมอไปก็ได้!



♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

หายไปสองปี หวังว่าเพื่อนๆคงยังไม่ลืมสิริณกันนะค้า
ผู้ช่วยกามเทพ เป็นตอนต่อของ สนิมดอกรักค่ะ
อ่านแยกกันได้ ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าอ่านสนิมดอกรักก่อนจะยิ่งได้อรรถรสสุดฤทธิ์ (ขายของค่ะ 555)

เช่นเคยนะคะ สิริณยินดีและน้อมรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ
จะติก็ได้ ชมก็ยิ่งดี อ่านแล้วจัดเต็มกันได้เลย
มิต้องกลัวคนเขียนนอยด์ค่ะ

ฝากเนื้อฝากตัว ฝากผลงานไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ


♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥
เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฎบนหน้าเพจนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต

หากฝ่าฝืน สิริณ(แม่มณี) จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งจำและปรับ โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น

ผู้ใดชี้เบาะแสการคัดลอก สิริณ(แม่มณี) มีรางวัลนำจับให้ด้วยนะคะ ^^

♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥


ชวนเพื่อนๆนักอ่านไปกดไล้ค์แฟนเพจของสิริณกันด้วย
www.facebook.com/SirinFC
ตรงนั้นจะมีกิจกรรมร่วมสนุก แจกของที่ระลึกกันเป็นระยะ
(แน่นอนว่าของที่สิริณมีมากที่สุดคือ 'หนังสือ' :D )
ไปกดไล้ค์กันเยอะๆนะคะ

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 26 (50%)

ปัญหาสัญญาโคลา หุ้น PRM ดิ่ง

ซูเปอร์โคลาไม่ต่อสัญญา ปรเมศวร์ฯดิ้น!

ทายาทปรเมศวร์ฯเผยโคลาไม่ต่อสัญญา

พาดหัวข่าวบนหนังสือพิมพ์ธุรกิจหลายฉบับซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันทำให้หัวคิ้วของสุพจน์ เทียมสุบรรณ ขมวดมุ่น ข่าวทำนองนี้มีให้เห็นจนชินตาก็จริง แต่มันแปลกตรงที่บริษัทในข่าววันนี้คือเจ้าของส่วนแบ่งขนาดใหญ่สุดในตลาดน้ำดำ บริษัทซึ่งแทบไม่เคยมีข่าวฉาวมาก่อนเลย

“ริสาน่ะเหรอทำข่าวหลุด ไม่น่าเป็นไปได้” สุพจน์เปรยกับตัวเอง

“ท่านอ่านแต่พาดหัวนี่ครับ ในเนื้อข่าวระบุว่าคนที่ทำพลาดคือสาวัช ปรเมศวร์ ครับ” คนสนิทของเขาเสริม

“สาวัช ปรเมศวร์ เหรอ? ใครน่ะ ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน” สุพจน์นิ่วหน้าหนักกว่าเดิม

“เรียกว่าเป็นตัวละครลับก็ได้ครับ จู่ๆเสี่ยธนาก็พาไปแนะนำกับทีมผู้บริหารว่าเป็นลูกชายคนเล็กของเขา”

“เขามีลูกสาวกับลูกชายอย่างละคนเองไม่ใช่เหรอ”

“เป็นลูกที่เกิดกับภรรยานอกสมรสครับ”

“งั้นฝากคุณจับตาดูสถานการณ์ในปรเมศวร์เทรดดิ้งหน่อยนะ ฉันว่ามีบางอย่างผิดปกติแน่ๆ” สุพจน์สั่งการจริงจัง

“มีคนส่งข่าวว่าจะมีการตั้งโต๊ะเทนเดอร์ออฟเฟอร์เร็วๆนี้ แต่จู่ๆราคากลับดิ่งลงเหว เหมือนมีใครสักคนจงใจกดราคาหุ้น”

“แค่จับตาดู หรือจะให้เตรียมการแทรกแซงด้วยครับ” คนสนิทรู้ใจ

สุพจน์ลูบคางใช้ความคิด “เผื่อไว้ก็ไม่เสียหาย ติดต่อณัฐภัทรคอร์ปฯ ขอสำรองวงเงินไว้สัก...หมื่นล้านละกัน”

“หมื่นล้าน! หรือว่าท่านตั้งใจ...”

คนเป็นเจ้านายโบกมือ “ไม่ใช่ๆ ฉันยังไม่ได้คิดถึงขนาดจะฮุบบริษัทนั้นหรอก ก็แค่...เผื่อไว้ เกิดเสือสองตัวกัดกันจนเหนื่อย เราก็ควรมีไพ่ดีๆในมือเตรียมไว้บ้าง จะได้ไม่เสียโอกาสยังไงละ ข่าวนี้ไม่ใช่ฉันคนเดียวแน่ๆที่รู้ คงมีใครอีกหลายคนจ้องดีลนี้กันตาเป็นมัน” เขานิ่งคิดชั่วครู่ “อ้อ...วันนี้ซีเอ็มโอคนใหม่จะมาเริ่มงานที่สยามดริ๊งค์ฯ คุณเตรียมตัวเทรนเขาด้วยละ”

“แต่เรายังไม่ได้เริ่มกระบวนการคัดสรรเลยนี่ครับ”

“ไม่ต้องคัดสรรแล้ว นี่ว่าที่ลูกเขยฉันเอง ฝากคุณเตรียมเขาให้เป็นทายาทคนต่อไปของสยามดริ๊งค์ฯด้วยนะ”

“พันเทพ เทพวรสิงห์” อีกฝ่ายเลิกคิ้ว “เขาเป็นดาวรุ่งในแวดวงอสังหาฯนี่ จู่ๆเปลี่ยนสายธุรกิจมาทางด้านนี้ จะไม่เสียของหรือครับ”

“พันเทพเป็นคนเก่ง หัวไว สอนไม่ยากหรอก คุณคงไม่ต้องหนักใจ” สุพจน์ไม่ตอบคำถาม แต่ย้ำประเด็นเดิม เขาคอยจนมือขวาออกจากห้องไปแล้ว จึงเอนพิงพนัก คิ้วมุ่นขมวด สีหน้ากังวลไม่สร่าง






สาวัชกวาดตามองร้านอาหารเวียดนามด้วยความพอใจ เมื่อพบว่าบรรยากาศโดยรอบค่อนข้างสะอาด พนักงานแต่งกายเรียบร้อยสบายตา แม่ครัวซึ่งประจำอยู่สถานีหน้าร้านก็สวมถุงมือ ผ้ากันเปื้อน และเก็บผมมิดชิดไว้ใต้หมวกอนามัย

อิงอรุณนำไปนั่งยังโต๊ะว่างอย่างคนคุ้นเคย ทั้งยังเลื่อนเมนูให้เขาตามประสาเจ้าถิ่น “อาหารเวียดนามร้านนี้อร่อยมาก คุณสาวัชเพิ่งมาทำงานแถวนี้ ต้องยังไม่เคยมาทานแน่ๆ อาหารเขาอร่อยทุกอย่างเลย นี่ค่ะเมนู คุณสาวัชเลยค่ะ”

ชายหนุ่มพลิกดูรายการคร่าวๆ แล้วเลือกอาหารแนะนำของร้านสองชนิด

อิงอรุณจึงลงท้ายด้วยการ “เพิ่มแหนมเนือง ข้าวเกรียบปากหม้อ กับก๋วยจั๊บญวนมาด้วยนะคะ”

สาวัชชำเลืองมองเด็กพนักงาน เห็นอีกฝ่ายจดรายการโดยไม่ทักท้วงสักคำ แม้จะรู้สึกว่าเพื่อนร่วมโต๊ะสั่งอาหาร ‘เยอะ’ ไปหน่อยสำหรับรับประทานสองคน แต่เขาไม่เอ่ยอะไร เพราะเคยเห็นสาวๆสมัยนี้บางคนชอบสั่งอาหารมามากมาย แตะอย่างละนิดละหน่อย แล้วทิ้งส่วนที่เหลือไว้บานเบอะ ดูท่า...อิงอรุณคงเป็นหนึ่งในผู้หญิงจำพวกนั้น

“ก๋วยจั๊บญวนที่นี่เด็ดมากค่ะ น้ำซุปหอมอร่อย อิงรับรองว่าคุณสาวัชต้องติดใจแน่นอน”

“คุณมาทานบ่อยหรือ”

“มากค่ะ” เธอหยิบขวดน้ำเปล่าบนโต๊ะมาเปิดฝา แล้วเทใส่แก้วน้ำแข็งที่พนักงานเพิ่งนำมาวางให้ด้วยท่าทีเป็นธรรมชาติจนเขานึกชมในใจ ตัดสินได้ทันทีว่าเธอมิได้หยิบโหย่งเช่นรูปลักษณ์ ‘คุณหนูจ๋า’ ที่ติดประกาศอยู่ตามเนื้อตัว

“ตอนเปิดออฟฟิศใหม่ๆ อิงผูกปิ่นโตกับร้านนี้เลยแหละ สั่งอาหารไปส่งที่สำนักงาน กินกันเป็นเดือนจนเบื่อกันทั้งบริษัทฯแล้ว หลังๆเลยเพลาลงบ้าง นานๆค่อยมากินกันสักที เมื่อก่อนอิงไม่เคยกินอาหารเวียดนามหรอก พอมารู้จักร้านนี้ เลยกลายเป็นแฟนพันธุ์แท้อาหารเวียดนามไปเลย เพิ่งรู้ว่านอกจากอาหารไทยแล้ว ประเทศเพื่อนบ้านก็มีวัฒนธรรมการกินเข้าท่าไม่แพ้บ้านเราเลย ว่าแต่คุณสาวัชชอบทานอาหารชาติไหนเป็นพิเศษไหมคะ” ตอนท้ายเธอวกมาชวนคุยดื้อๆ

ชายหนุ่มพบว่าผู้หญิงคนนี้ช่างพูดไม่เบา แถมยังเล่าเรื่อยเจื้อยได้ไม่ขัดเขิน “ผมไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้”

“แล้วคุณสาวัชให้ความสำคัญกับเรื่องไหนหรือคะ” เธอยิ้มเป็นมิตร ทิ้งสายตาล้อเลียน

ตั้งแต่เล็กจนโต สาวัชมักเก็บตัวอยู่กับตำรับตำรา นานครั้งจึงมีใครกล้าปีนกำแพงข้ามมาพูดคุยกับเขาบ้าง ชายหนุ่มคุ้นเคยกับโลกส่วนตัว เคยชินกับการถูกคนรอบข้างปล่อยเกาะ อิงอรุณจึงจัดเป็นปรากฎการณ์ใหม่ที่เขาไม่เคยพบมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สายตาล้อเลียน น้ำเสียงถือสนิท รวมไปถึงคำถามอันหมิ่นเหม่ต่อการแตะต้องเข้ามายังเรื่องส่วนตัว!

“ผมนึกไม่ออกว่าตัวเองให้ความสำคัญกับเรื่องไหนบ้าง” ทว่าเขากลับไม่ถือสาผู้หญิงคนนี้ บางช่วงบางตอน เธอทำให้เขานึกถึงวัชระ! พี่ชายผู้คอยแหย่เย้า ล้อเลียน และเป็นคนเดียวในบ้านที่นับเขาเป็น ‘ครอบครัว’ อย่างแท้จริง “อาจเพราะไม่เคยมีใครถาม ผมก็เลยไม่เคยหยุดถามตัวเอง”

“ทำไมคำตอบถึงหดหู่จังคะ

“ไม่เห็นหดหู่ตรงไหนนี่”

รอยยิ้มของอิงอรุณละมุนละไม “ที่คนไม่ถามคุณสาวัช เพราะกลัวทำให้คุณรำคาญหรือเปล่าคะ”

“เพราะเขาไม่อยากยุ่งกับผมมากกว่า”

“มีด้วยหรือคะ คนที่ไม่อยากเข้าใกล้ดอกเตอร์จากอเมริกา”

“เยอะแยะไป” เขาไม่อนาทรร้อนใจสักนิด

“ว่าแต่คุณสาวัชไม่มีความสนใจในเรื่องไหนเป็นพิเศษเลยเหรอคะ แบบว่าเรื่องที่ต้องพิถีพิถันค่อยๆประดอยเลือกเพื่อเสพทำนองเนี้ย มันต้องมีสักเรื่องในชีวิตสิคะที่คุณสาวัชหลงใหลมันเป็นพิเศษน่ะ” เธอย้อนกลับมาตั้งคำถามอีกครั้ง ดุจยืนยันว่าเธอนี่แหละที่สนใจถามเขาจริงจัง มิใช่แค่ทำตามมารยาท

การชวนคุยคงเป็นพรสวรรค์ของผู้หญิงคนนี้ เธอง้างปากเขาโดยไม่ทำให้รู้สึกเหมือนละลาบละล้วงหรือสอดรู้สอดเห็นเกินงาม แถมยังทำราวกับว่าการช่วยเขาค้นหาสิ่งที่ชอบคือบุญคุณเสียด้วย!

“อย่างเพื่อนอิงคนนึงชอบทำบุญ เขาต้องเปิดเน็ตค้นหาวัดที่กันดารมากๆ แล้วรวบรวมเงินบริจาค ซื้อของไปถวาย อีกคนชอบขี่จักรยาน รายนี้ดั้นด้นแสวงหาของตกแต่งจักรยานบ้าคลั่งสุดๆ เรียกว่าถ้าเจ้าหล่อนอยากได้อุปกรณ์ชิ้นไหน ต่อให้มันอยู่สุดขั้วโลก แม่คุณก็ต้องติดต่อซื้อชิ้นส่วนนั้นมาให้ได้ ทำนองเนี้ย หรือไม่ก็...”

“ถ้าของอย่างนั้นก็มีบ้าง” เขารีบขัดขึ้นกลางคัน ก่อนเธอจะยกเพื่อนมาสาธยายเป็นตัวอย่างครบทั้งมหาวิทยาลัย

อิงอรุณหยิบช้อนส้อมจากตะกร้าที่จัดไว้ทุกโต๊ะ ใช้ทิชชูเช็ดทำความสะอาดก่อนส่งมาวางใส่จานให้เขา จากนั้นเธอจึงเงยขึ้นตั้งใจรอฟังคำตอบ

สาวัชค่อนช้างมั่นใจว่าไม่ได้คิดไปเอง วันนี้อิงอรุณทำดีกับเขาผิดปกติ ดูกระตือรือร้นชวนคุย บริการคล้ายเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ มันไม่ได้น่ารำคาญหงุดหงิดใจหรอก เขาค่อนไปทางชอบด้วยซ้ำ วิธีที่หญิงสาวปฏิบัติต่อเขาทำให้สาวัชผ่อนคลายและสบายใจจนแทบไม่รู้สึกอึดอัดหรือเกร็งเลย สิ่งเดียวที่นึกไม่ออกก็คือ เหตุใดหญิงสาวจึงทำเช่นนี้

“หนังสือน่ะ” พลันได้สติเขาจึงอธิบาย “การอ่านหนังสือสักเล่มต้องใช้ทั้งเวลาและจินตนาการ เพราะฉะนั้นผมต้องเลือกหนังสืออย่างประณีตกว่าจะตกลงใจหยิบขึ้นมาอ่าน ผมไม่ยอมเสียเวลาอ่านหนังสือที่ไม่คู่ควรกับเวลาของผมเด็ดขาด”

อิงอรุณดีดนิ้วเป๊าะ “คุณสาวัชนี่สมกับที่เป็นอาจารย์เลยนะคะ เป็นคำตอบนี้ฟังขรึมๆเหมาะกับคุณที่สุดเลย”

“คุณกำลังวิเคราะห์ผมอยู่งั้นสิ” เมื่ออาหารทยอยมาเสิร์ฟ เขาก็เริ่มลงมือรับประทาน

อิงอรุณยิ้มแหย “อิงทำแบบนั้นจริงๆเหรอคะ ขอโทษค่ะ อิงคงติดนิสัยเลยทำไปโดยไม่รู้ตัว”

ชายหนุ่มเมินไปทางอื่นดุจไม่ต้องการรับคำขอโทษนั้น เขาเหลือบมองนาฬิกา จากนั้นหยิบโทรศัพท์มากดดูตามความเคยชิน

“เมื่อกี้คุณสาวัชจะพูดอะไรหรือคะ” ผู้หญิงคนนี้แปลก คอยคะยั้นคะยอให้เขาพูดสิ่งที่คิดเสมอ!

สาวัชวางโทรศัพท์คืนที่ นิ่งไตร่ตรองแล้วจึงเอ่ยสิ่งที่คิดดังๆ “จากที่รู้จักกัน คุณคิดว่าผมเป็นคนยังไง”

“จะดีเหรอคะ” หญิงสาวอึกอักถาม แล้วเสตักอาหารใส่ปาก ดูก็รู้ว่ากะจะซื้อเวลา

“ผมรอคุณคิดคำตอบได้จนถึงจบมื้ออาหาร”

“ก็ได้ค่ะ งั้นหลังจากอิงวิเคราะห์แล้ว คุณสาวัชช่วยบอกด้วยนะคะว่าอิงสมควรถูกอาจารย์ยึดปริญญาคืนหรือเปล่า” อิงอรุณวางช้อน สีหน้าสีตาตั้งใจ ไม่มีแววล้อเล่น “คุณเป็นคนพูดจาตรงๆห้วนๆไม่สนใจความรู้สึกคนฟัง เป็นพฤติกรรมของคนหยันโลก ไม่เชื่อเรื่องมิตรภาพ เกลียดการใส่หน้ากากเข้าหากัน หลายครั้งคุณชอบขมวดคิ้ว ทำท่าเหมือนจะพูดบางอย่าง แต่ก็ไม่พูด เดาว่าเป็นคนลึกซึ้ง มีเรื่องในใจที่ไม่อยากเปิดเผยให้คนอื่นรู้ และคุณระมัดระวังความรู้สึกของคนรอบตัวมาก

“งานอดิเรกคือการอ่านหนังสือ หมายถึงคนที่ต่อต้านสังคมกลายๆ ชอบอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเองมากกว่า บางทีก็เป็นนัยของการบอกว่ามีบางอย่างของโลกที่แวดล้อมตัวเองอยู่ที่ทำให้คุณไม่ชอบใจกับมันนัก ถึงชอบหลบไปอยู่ในโลกของจินตนาการ ส่วนที่ว่าต้องเลือกหนังสือที่อ่านแล้วไม่เสียเวลา แปลว่าคุณคิดว่ายังมีเรื่องที่คุณอยากรู้อีกมาก และคุณอยากใช้เวลาทุกวินาทีหาความรู้ เติมเรื่องที่สนใจให้ได้มากที่สุด และอิงคิดว่าคุณสาวัชน่าจะลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ด้วยถูกไหมคะ”

แต่ละคำพูดของเธอ ราวกับผู้หญิงคนนี้รู้จักเขาเป็นอย่างดี เธอวิเคราะห์แม่นยำจนน่าทึ่ง ทว่าประโยคท้ายสุดทำให้สาวัชเงยขวับขึ้นสบตาหญิงสาวทันควัน “ข้อหลังสุดนี่ดูจากอะไร”

“คุณสาวัชดูนาฬิกา แล้วหยิบโทรศัพท์มากดดู แล้วก็วาง ทำหน้าขรึมๆ” อิงอรุณดูเวลาบ้าง “ตอนนี้เที่ยงครึ่ง เป็นเวลาปิดทำการของตลาดหลักทรัพย์ช่วงเช้าพอดี มีความเป็นไปได้ค่อนข้างมาก ว่าคุณอาจกำลังติดตามราคาหุ้นบางตัวอยู่ และคุณหน้าเคร่งอาจเพราะราคาไม่เป็นไปตามที่คุณคาดหวัง”

“คุณช่างสังเกต” เขาเอ่ยดังๆ ทั้งที่หากเป็นปกติ คงแค่ยิ้มแล้วก็เก็บสิ่งที่คิดไว้กับตัวเองเท่านั้น

“เหตผลมีสองอย่างค่ะ พ่ออิงก็เป็นแบบนี้ ส่วนอีกข้อก็เพราะมันเป็นอาชีพของอิงไงคะ”

“ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าคุณทำอาชีพอะไร ผมอาจคิดว่าคุณเป็นตำรวจ นักสืบ หรือหมอดูมากกว่า”

อิงอรุณหยิบช้อนส้อมมาถืออีกครั้ง รอยยิ้มบนใบหน้าบอกความท้าทายเมื่อเอ่ย “นอกจากนักสืบ ตำรวจ หมอดู และผู้ช่วยกามเทพแล้ว อิงยังเป็นชูชกอีกด้วยค่ะ มื้อนี้...ใครวางช้อนก่อน ถือว่าแพ้นะคะ!”

สาวัชคิดว่านั่นเป็นการท้าดวลที่ไร้เหตุผลอย่างยิ่งสำหรับผู้ชายตัวโตกับผู้หญิงตัวเล็กเท่าเมี่ยงเช่นนี้ ชายหนุ่มรู้ตัวว่าคิดผิดก็ตอนที่อิงอรุณตักข้าวเกรียบปากหม้อชิ้นสุดท้ายเข้าปาก ทั้งยังกะร่อยกะหริบเด็ดผักเคี้ยวกร้วมๆตามไปจนหมดก้าน

หากมีกระจกให้ส่อง เขาเชื่อว่าหน้าตาตัวเองคงคล้ายตัวตลกมากขึ้นทุกที

“ทำไมคุณสาวัชมองอิงอย่างนั้นคะ ” คนพูดบรรจงซับริมฝีปาก แล้วพับทิชชูวางไว้ข้างจาน กิริยาเธอนุ่มนวล ขัดแย้งกับร้านอาหารริมทางเป็นที่สุด

“ผมไม่คิดว่าคุณจะกินหมดน่ะสิ ทีแรกนึกว่าแค่สั่งมาชิมอย่างละคำสองคำซะอีก”

“แล้วดีหรือไม่ดีคะ”

สาวัชกลอกตาครุ่นคิด หาคำตอบให้ตรงกับใจคิดที่สุด “ดีครับ เพราะผมเชื่อว่าข้าวทุกเม็ด อาหารทุกจาน มันมาจากแรงงาน ชีวิต หรือแม้กระทั่งเลือดเนื้อของสิ่งมีชีวิตสักอย่างบนโลกนี้ ทุกองค์ประกอบที่รวมกันเป็นอาหารหนึ่งมื้อ คือการเสียสละจากคน พืช และสัตว์มาสู่ผู้บริโภคอย่างเราๆ การกินทิ้งกินขว้าง นอกจากแสดงให้เห็นว่าเป็นคนที่แล้งน้ำใจต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆแล้ว ยังหมายถึงคนที่บริหารจัดการเรื่องใกล้ตัวไม่ได้เรื่องอีกด้วย”

อิงอรุณเม้มปากกลั้นยิ้ม สุดท้ายจึงหัวเราะคิก “ฟังคุณสาวัชพูดจบ อิงรู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งถูกประกาศให้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์เลยค่ะ”

“ไม่หรอก อย่างคุณน่ะ ผมว่าเหมาะกับสาขาวรรณกรรมมากกว่า” ชายหนุ่มแย้งเสียงเรียบ พลางหยิบแก้วที่อิงอรุณเพิ่งรินน้ำเติมให้มาดื่มจนหมด ไม่ตระหนักเลยว่าสตรีผู้นี้จะเป็นวรรณกรรมเล่มใหญ่ในชีวิตเขา วรรณกรรมที่ไม่อาจคาดเดาว่าจะลงเอยเช่นไร หวานชื่น ขื่นขม หรือบางทีเขาอาจไม่มีโอกาสได้อ่านวรรณกรรมเรื่องนี้ไปจนถึงตอนจบก็เป็นได้!



♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥



เมื่อนักอ่านที่รักยืนกรานว่าวันหยุด แต่เราก็จะไม่หยุดอ่านนิยาย
สิริณก็รีบพาพี่ดอกเตอร์กะคุณหนูอิงมาเสิร์ฟให้เรยยยย
เค้าน่ารักอย่างนี้
อย่าลืมแบ่งใจจากพี่ ดร. มารักสิริณกันด้วยน้าาาาาา








สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 มิ.ย. 2559, 13:51:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 มิ.ย. 2559, 13:58:41 น.

จำนวนการเข้าชม : 1152





<< ตอนที่ 25 (100%)   ตอนที่ 26 (100%) >>
Kim 11 มิ.ย. 2559, 14:17:55 น.
หนูอิงเอาใจพี่ด๊อกเป็นพิเศษเพราะรู้สึกผิดหรือเปล่า ถ้าพี่ด๊อกรู้ความจริงวันใดวันนั้นโลกคงแตกแน่ๆ


Zephyr 11 มิ.ย. 2559, 18:39:08 น.
เหล่มอง แบ่งให้สิริณ อืมมมมม
เอาไปสัก20% นะคะ หึกึ
ทำให้หนูอิง น่ารักมาตอนนึง 555
พี่วัชเอ้ยยยยย พี่จะอ่านิยายอิงอรุณได้จริงๆเรอะ
แสลงสายตาน้า 5555


พอใจ 11 มิ.ย. 2559, 20:41:43 น.
พี่ดร. อยากเปิดอ่านล่ะซี่ แต่ก็กลัวใช่ม๊าาาา กลัวหลงรักหัวปักหัวปำ ฮิ้ววว แต่ในวรรณกรรมมักจะมีจุดพีคนะคะ เมื่อไหร่ตาพันเทพจะไปๆซักทีคะ เห็นหายไปนาน หายไปอยู่กับคนที่รักจริงๆเลย็ได้นะคะ อนุญาต อิอิ


นักอ่านเหนียวหนึบ 11 มิ.ย. 2559, 21:00:53 น.
รักไรต์อยู่แล้วค่ะ ก็เป็นแม่ทูนหัวของดร. กับหนูอิงนี่ค้าาาาา 5555
อ่านจนจบก็ยังไม่รู้เลยว่าหนูอิงดูใส่ใจดร เป็นพิเศาทำไม รู้สึกผิด อยากสารภาพอัลไลรึป่าวน้าาา 555


konhin 12 มิ.ย. 2559, 07:46:19 น.
หึๆๆ จะบอกหรือไม่บอก ตอนนี้"ทำดี"จนผิดปกติ


wane 12 มิ.ย. 2559, 09:57:58 น.
อยากกินอาหารเวียดนามขึ้นมาทันที


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account