เพื่อนกันวันสุดท้าย
เธอ...สาวทอมมาดหลุดผู้สับสนทางเพศ
เขา...คนที่เป็นเพศอะไรก็ได้เพื่อเธอ
และ
เธอ...เพื่อนสนิทคิด(ไม่)ซื่อ
เขา...เพื่อนชายนายแสนซื่อ(บื้อ)
Tags: เพื่อนกันวันสุดท้าย เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ เพื่อนสนิท รักเพื่อน เพื่อนรัก วินธัย ภัทรนรินทร์ ต้นน้ำ ศวิตา

ตอน: 10. พิสูจน์ให้ฉันเห็น

ชะแว้บ ว้าบ ว้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ!!




**** ใครที่ยังไม่ได้อ่านตอนที่แล้วแบบครบ 100% ลงให้แล้วนะคะ อย่าลืมไปอ่านกันเน้อ เดี๋ยวขาดความหวานตอนนั้นแล้วจะหาว่าไม่เตือน อิอิ******




สวัสดีเดือนสิงหาคมค่ะ เจ้าชายน้อยมารายงานตัวจ้า ^^"
แอบดีเลไปบ้างป่าวเนี่ย (ทำเนียนไม่รู้ตัว)

ยังไงก็คิดถึงทุกคนนะคะ
ตอบเม้นต์ก่อน คุยกันให้หายคิดถึง แล้วค่อยไปอ่านนิยายกันค่ะ

คุณ anOO --- วันนี้ไม่ 30% แล้วนะ จัดเต็มเลยเหมือนเดิม อิอิ

คุณหมู้หมู --- เป็นแฟนเหนียวแน่นหนึบมาก (ปลื้มใจ) สงสัยเสียงเรียกร้อง(ผสมกับพริกและเกลือที่เผาไป) เลยรีบมาต่อตอนที่แล้วแทบไม่ทัน 555

คุณชอบอ่าน --- วันนี้พาคู่ต้นน้ำกับวีต้ามาตามคำเรียกร้องจ้าาาา

คุณ aom --- หวานต่อเนื่อง รึเปล่า??? อิอิ (โดนเขวี้ยงขวด)

คุณ Pat --- วินมาวิน ชอบคำนี้จังเลย จดลิขสิทธิ์ป่ะเนี่ยคำนี้ หุหุ ^^

คุณ Jelly --- สอบเป็นไงบ้างคะ ได้ A แน่นอนเพราะได้อ่านนิยายก่อนไปสอบ (เกี่ยวกันป่ะเนี่ย 555)

----------------------------------------------------------------------

เตือนอีกครั้ง!!! อย่าลืมไปอ่านตอนที่แล้ว 100% ก่อนนะคะ
(มิฉะนั้นจะขาดความหวานขั้นรุนแรง วะฮะฮ่า)

----------------------------------------------------------------------

10.

เสียงเซ็งแซ่ของเหล่าเพื่อนสนิทเงียบกริบลงทันทีที่ร่างของเธอและวินธัยก้าวเข้ามาในบริเวณที่ทางรีสอร์ทจัดไว้สำหรับทานข้าวเช้า

หลังจากคุยกันจนวินธัยเข้าใจแจ่มแจ้ง ปรากฏว่าเสียงเรียกเข้ามือถือของชายหนุ่มก็ดังขึ้น ชนิสาเลขาของเขาโทรมารายงานว่าโปรเจ็คใหญ่ของปีกำลังมีปัญหา คนสนิทกระซิบมาว่าอาจหนอนบ่อนไส้ ขายแคมเปญของเขาให้กับบริษัทคู่แข่ง อยากให้วินธัยกลับไปช่วยดูอีกแรง

“คิดมากอยู่อีกหรอ?” ภัทรนรินทร์ถาม พลางกระชับมือแน่นอย่างให้กำลังใจ วินธัยยิ้มบางๆ แทนคำขอบคุณ

เสียงโห่ร้องดังขึ้นจนต้องหันไปมอง ต้นเสียงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากก้องภพ “โอ๊ย! ฟ้าผ่าโว้ย ไอ้ภัทรสัมผัสมือผู้ชาย”

“อยากลองบ้างมั้ยล่ะ จะสัมผัสให้หน้าหันเลย”

“อ๊ะๆๆ เดี๋ยวนี้ริอาจจะตบแทนเตะแล้วหรอเพื่อน” เจ้าตัวแสบยังไม่หยุดล้อ เรียกเสียงผิวปากเกรียวกราวได้มาก “เห็นแล้วขนลุก สงสารไอ้วินมันจริงจริ๊ง ผู้หญิงในโลกนี้มันไม่มีแล้วหรอวะ”

“ที่จะสัมผัสน่ะตีน ไม่ใช่มือ อย่าเข้าใจผิด

ภัทรนรินทร์แทบถลาเข้าไปยันให้คนที่หัวเราะก๊ากตกเก้าอี้ แต่ติดที่วินธัยฉุดเอาไว้ จึงได้แต่นึกเข่นเขี้ยวพนิตากับมนทิชาในใจ แล้วให้ศีลให้พรเพื่อนปากหมาอย่างก้องภพดังๆ “ขอโทษนะที่มีแซงหน้าแกไปน่ะไอ้ก้อง อย่างแกน่ะเป็นตุ๊ดท่าจะรุ่งกว่าม้าง...”

“โห...ได้ทีเอาใหญ่นะแก” ก้องภพชี้หน้า “แล้วฉันจะเอาไปประกาศให้รู้ทั่วมหาลัยเลย”

“ขอบใจ!”

ก้องภพหัวเราะกับท่าทางค้อนประหลับประเหลือของคนเคยห้าว แล้วกวักมือเรียกวินธัย “เฮ้ยวิน มากินข้าวกัน แล้วเล่ามาให้หมดนะว่านอนตกเตียงท่าไหนถึงได้สมองกลับคิดเอาไอ้ภัทรมาทำแฟน”

เพื่อนฝูงหัวเราะกันคึกครื้นจนน่าหมั่นไส้ วินธัยกลั้นยิ้มเมื่อรู้ว่าคนข้างๆ แกล้งโวยวายแก้เขินไปอย่างนั้น เขาจูงมือคนที่เริ่มเป็นผู้หญิงมากขึ้นทุกวันไปรวมกลุ่มกับเพื่อน แต่หญิงสาวมิวายขู่ทิ้งท้าย

“เงียบให้หมดเลย ไม่อย่างนั้นฉันจะเตะผ่าหมากเอาให้พวกแกทำพันธุ์ไม่ได้เลยคอยดูสิ!”





แสงอาทิตย์เริ่มจะทอดตัวอยู่เหนือศีรษะ ต้นน้ำจึงพาร่างเปียกปอนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาตลอดเวลาขึ้นเหนือน้ำ ท่ามกลางเสียงอิดออดของศวิตา

“เล่นอีกนิดไม่ได้หรอ นะๆๆ”

“ไม่เอาแล้วแดดร้อน”

“ผู้ชายอะไรกลัวดำ” หล่อนบ่นกระปอดกระแปดขณะที่อยู่บนหลังของต้นน้ำอีกครั้ง หลังจากที่เมื่อครู่โดนเขาจับทุ่มลงน้ำ “เป็นเกย์หรือเปล่าเนี่ย”

ต้นน้ำส่ายหน้าขำๆ เขาเนี่ยนะกลัว มีแต่เธอต่างหากที่เขากลัวว่าจะไม่สบาย “รอให้แดดร่มแล้วค่อยออกมาเล่นใหม่ก็ได้ คนอะไร ทำอย่างกับไม่เคยเห็นทะเล”

“ก็ไม่ค่อยได้มานี่หน่า”

“จริงหรอ?”

“ใช่สิ” หล่อนตอบ “ฉันไม่พิศวาสทะเลสักเท่าไหร่หรอก มันร้อน”

“อ้าว!” ต้นน้ำร้องงงๆ ก็เมื่อครู่ใครกันที่ร้องเย้วๆ อยากเล่นทะเลต่อ แต่นั่นก็แค่ความคิด เมื่อปากเขากลับถามไปอีกเรื่อง “...แล้วบ้านกับเกาะส่วนตัวนี้ล่ะ ไม่ได้ชอบมาทะเลเลยซื้อไว้หรอกหรอ”

ศวิตาชะงักไปกับคำถามพาซื่อของเขา จริงอยู่ที่เธอไม่ชอบทะเลเพราะมันร้อน แต่อีกเหตุผลหนึ่งกลับมีน้ำหนักมากกว่า เหตุผลที่ไม่เคยปริปากเล่าให้ใครฟัง

“แม่ฉันชอบทะเล...เกาะนี้ บ้านหลังนี้ พ่อใช้เงินซื้อมันมาให้แม่” หล่อนเล่าเสียงเรียบนิ่ง “เงินเนรมิตได้ทุกอย่างนั่นแหละ เงินคือพระเจ้าจนทำให้ผู้หญิงพวกนั้นไม่รู้จักพอ พอๆ กับที่ผู้ชายคนนั้นมักมากพอกัน”

“วีต้า...”

“ความมักมากของคนที่ฉันเรียกว่าพ่อ ทำให้แม่ของฉันต้องตาย” น้ำตาอุ่นตกลงบนไหล่เขา โดยที่เจ้าตัวไม่ใยจะปัดออก น้ำเสียงเศร้าเปลี่ยนเป็นความเกรี้ยวกราด “เพราะเขาทำให้แม่ฉันต้องตาย ได้ยินมั้ยต้น? ฉันเกลียดเขา ฉันเกลียดผู้ชายมักมากอย่างนั้น!”

ร่างบอบบางสะอื้นไห้กับไหล่กว้าง ต้นน้ำสงสารเธอจับใจ เขาเคยรู้มาว่าครอบครัวศวิตาไม่อบอุ่นเท่าไหร่นัก แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่เธอจะเล่าให้ใครฟัง แม้ว่าเขาจะอยากแบ่งปันความทุกข์นั้นมากแค่ไหน แต่ก็ไม่กล้าไปสะกิดแผลลึกข้างในใจเธอ

ชายหนุ่มวางร่างเปียกปอนลงบนโซฟา แล้วคลายมือของหญิงสาวออกจากคอตัวเอง ก่อนจะรวบตัวเธอมากอดอย่างปลอบโยน ไม่มีความจาบจ้วงหรืออารมณ์พิศวาสเลยแม้แต่น้อย

“ฉันเกลียดเขา...เกลียด” ศวิตาพึมพำกับอกกว้าง ปล่อยให้น้ำตาที่เคยเก็บไว้ไหลรินลงมาเป็นสาย เพราะเป็นต้นน้ำ ความอ่อนแอที่ซุกซ่อนไว้จึงเผยออกมาอย่างไม่อายใคร

“ยังไงเขาก็เป็นพ่อเธอนะ”

“เขาให้ฉันเกิดมาทำไม ลูกที่เขาไม่ได้รัก เมียที่เขาไม่ได้มีเพียงคนเดียว ทำไมกัน...”

“วีต้าฟังฉันนะ” ต้นน้ำกดหัวคนที่จะถอยห่างอย่างหนีความจริงเข้ากับอกเขา “ฉันรู้ว่าเธอเจ็บปวด แต่ฉันก็เชื่อว่าทุกคนล้วนมีเหตุผลของตัวเองทั้งนั้น”

“สำหรับเขามันคือความเห็นแก่ตัว!”

“ไม่ว่าจะอะไร” เขาแก้ “ไม่ว่าเหตุผลคืออะไรวีต้า เธอจะต้องเข้มแข็ง อย่าให้ความเกลียดชังบั่นทอนจิตใจตัวเอง ฉันชอบวีต้าที่สดใสร่าเริง ความหม่นหมองไม่เหมาะกับเธอสักนิดรู้มั้ย?”

“ฉันรู้ว่าต้องทำอย่างไรให้ตัวเองดูดี ให้คนอื่นรัก” หล่อนตอบ “ฉันรู้ว่าเมื่อไหร่ต้องสวย มีเสน่ห์หรือสดใส รู้ว่าเมื่อไหร่ต้องใช้มารยา เพราะฉันรู้อย่างไรล่ะว่าผู้ชายมันก็เหมือนกันหมดทุกคนนั่นแหละ”

“แล้วฉันล่ะ...” มือเรียวกำเสื้อเชิ้ตของเขาแน่น ยามเขาเอ่ยถามน้ำเสียงเว้าวอน “ฉันล่ะวีต้า...มองตาฉันแล้วบอกว่าฉันเหมือนผู้ชายพวกนั้น ฉันคือผู้ชายที่เธอเกลียดยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือ ฉัน...”

“พอที” ศวิตาร้อง “ก็เพราะไม่ใช่ ฉันถึงไม่เคยเกลียดนาย มีแต่เกลียดตัวเองอยู่แบบนี้...เพราะฉันมันไร้ค่า”

ต้นน้ำปิดกั้นคำพูดที่กำลังจะด่าทอตัวเองของศวิตาเสีย ความหวานละมุนคละเคล้าด้วยความเค็มปร่าของน้ำตาทำให้หญิงสาวเบียดตัวเข้าหาความอบอุ่นอย่างหยุดตัวเองไม่ได้ ชายหนุ่มถอนริมฝีปากออก แล้วเอ่ยเบาๆ “ไม่ว่าเธอจะเป็นใครหรือผ่านอะไรมาก็ตาม เธอคือสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับฉันเสมอวีต้า”

นัยน์ตาที่ฉ่ำไปด้วยน้ำตาช้อนขึ้นมองคนที่เอ่ยประโยคเมื่อครู่ออกมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง หากนี่เป็นเพียงการปลอบใจ มันก็ไม่ต่างกับน้ำทิพย์ที่ชะโลมหัวใจแห้งเหี่ยวของเธอให้กลับมาชุ่มชื่นได้ แม้ว่าวันพรุ่งนี้หรือต่อๆ ไปเธอจะเป็นเพียงคนไร้ค่า แต่ถ้าในสายตาเขาเธอมีค่า แม้ไม่ต้องมากที่สุด เธอก็พอใจแล้ว

“ต้น...พิสูจน์ให้ฉันเห็น”

ชายหนุ่มสบดวงตาหวานและเข้าใจว่าการพิสูจน์นั้นต้องทำอย่างไร ในตอนนี้ศวิตาไม่ต่างจากเรือน้อยที่ลอยเคว้งคว้างกลางทะเลสุดแต่จะถูกพัดพาไปทางใด สภาพจิตใจหล่อนบอบช้ำเพราะแผลที่เขาเปิดมันอีกครั้ง และเขาจะเป็นคนที่ปิดตายมันเอง

เขาอุ้มร่างระหงขึ้น เป้าหมายคือห้องนอนที่ใกล้ที่สุด ชายหนุ่มสาวเท้าอย่างรวดเร็วผ่านประตูไปถึงเตียงกว้างสีชมพูของศวิตาแล้วจึงว่างหล่อนลง ก่อนจะประทับจูบไปทั่วอย่างปลอบโยน

“ต้น...” หล่อนครางยามที่เขาแตะแต้มจุดอ่อนไหว อิ่มเอมยามที่เขาแตะต้อง แม้จะรู้ว่าผิด แต่บัดนี้ไฟที่จุดไว้มันโหมกระพือเกินกว่าจะถอนตัว

ทุกการกระทำที่อ่อนโยนของเขาทำให้ความทุกข์ค่อยๆ จางหายไป หล่อนบอกตัวเองว่าเขาไม่เหมือนผู้ชายพวกนั้น ต้นน้ำดีเกินกว่าที่หัวใจหล่อนจะปฏิเสธได้

ต้นน้ำพรมจูบไปทั่วเรือนร่างสมส่วนอย่างตีตราเป็นเจ้าของ เรือนร่างเกือบเปล่าเปลือยที่อยู่ตรงหน้าไม่ทำให้เขารู้สึกอะไรมากไปกว่าเพราะหล่อนคือศวิตา ผู้หญิงที่เขาเฝ้าแอบรักมาตลอดสี่ปี หล่อนคือผู้หญิงที่กุมหัวใจรักและภักดีของเขาไว้

ผิดไหมถ้าเขาจะขอสิทธิในตัวหล่อน...

คำตอบผุดขึ้นยามที่สบดวงตาเว้าวอนที่ฉ่ำปรือไปด้วยอารมณ์พิศวาสที่เขาเป็นผู้มอบให้ แต่แฝงไปด้วยความเชื่อใจและอะไรบางอย่าง ชายหนุ่มกำหมัดแน่น รู้สึกทรมานและอยากปลดปล่อยเหลือเกิน ติดที่ว่าศวิตาไม่ควรเป็นผู้รองรับอารมณ์ดิบของเขา คนที่เขารักมากจะรู้สึกอย่างไรเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าคนที่เธอไม่เคยรู้สึกเกินไปกว่าคำว่าเพื่อนได้ก้าวล้ำเส้นไปมากแล้ว

ชายหนุ่มตวัดผ้าห่มผืนบางคลุมร่างงดงามเอาไว้ ก่อนจะรวบตัวหล่อนมากอดแน่น มอบจุมพิตลงบนขมับแรงๆ อย่างหักห้ามใจ

ศวิตาแหงนหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจ แล้วก็สรุปกับตัวเองในใจว่าหล่อนั้นช่างไร้ค่า และน่าขยะแขยงเกินกว่าที่เขาจะ ‘รัก’

“ไม่ใช่ไม่รัก” เขาตอบให้อย่างรู้ใจ ชายหนุ่มมองดวงตาที่เริ่มมีน้ำตารื้นขึ้นมาอย่างใจหาย แล้วเอ่ยต่อว่า “แต่เพราะเธอมีค่ามากเกินกว่านั้นรู้ตัวไหม หืม?”

“ต้น...”

“ฉันจะไม่ให้เธอต้องจดจำภาพที่เลวร้ายแบบนั้น ฉันจะไม่ยอมเป็นผู้ชายมักมากในสายตาเธอ วีต้า...สำหรับฉันเธอคือสิ่งที่มีค่าที่สุด”

หญิงสาวกลั้นสะอื้นกับอกแกร่ง มือน้อยกอดเขาไว้อย่างหวงแหน อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาพูดแบบนี้เพราะมีใจให้ แต่ก็ยังไม่กล้า

มือใหญ่ไล้น้ำตาออกให้อย่างแผ่วเบา แล้วทัดปอยผมที่หลุดลุ่ยปรกแก้มไว้ที่หู ก่อนจะจุมพิตที่ขมับอย่างแสนรัก น้ำเสียงทุ้มนุ่มกระซิบที่ข้างหู “นอนนะคนเก่ง”

“ฉันไม่อยากหลับตา...กลัวว่าตื่นมาแล้วจะไม่เจอใคร”

“เจอสิ...สัญญา”

เพียงคำสัญญาจากปากเขา ศวิตาก็เข้าสู่ห้วงนิทรารมย์อย่างง่ายดาย ริมฝีปากอวบอิ่มมีรอยยิ้มประดับอย่างสุขใจ สองมือน้อยโอบกอดเรือนร่างใหญ่แน่นอย่างหวงแหน จนต้นน้ำอดไม่ได้ที่จะชื่นใจแก้มชมพูของคนข้างกายที่หลับไปแล้ว

“วีต้า...ฉันรักเธอ”





“คุณสา เรื่องไปถึงไหนแล้ว” วินธัยเอ่ยปากถามทันทีที่เจอเลขาสาวหน้าห้อง หลังจากที่รีบขับรถกลับมา

“ทางสวิสเซอร์แลนด์ตอบกลับมาว่ารายละเอียดโปรเจ็คของเราทับซ้อนกับอีกบริษัทค่ะ” ชนิสารายงาน “ทางนั้นอยากคุยกับเจ้านายโดยตรงค่ะ”

“คอนเฟอเรนซ์เรียบร้อย?”

“เรียบร้อยค่ะ ตอนนี้ทุกคนที่เกี่ยวข้องรออยู่ในห้องประชุมใหญ่ค่ะ จะเริ่มการประชุมเลยไหมคะ?”

วินธัยพยักหน้าให้เลขาแล้วบอกว่าอีกห้านาทีเขาตามไป เมื่อพ้นร่างของชนิสาแล้วผู้บริหารหนุ่มก็จับจูงมือคนไม่ยอมกลับบ้านให้เข้ามาในห้องด้วยกัน

“ใจเย็นๆ นะ ดูสิเครียดจนคิ้วจะชนกันอยู่แล้ว” ภัทรนรินทร์แกล้งแซวแล้วใช้หัวแม่มือคลึงหว่างคิ้วเขาเบาๆ ปากก็พูดต่อเพราะอ่านสายตาได้ “รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ ไม่ต้องห่วง ฉันอยู่ในนี้แหละไม่ไปไหน”

“จะกลับก่อนก็ได้ เดี๋ยวให้คนรถไปส่ง เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”

“จะบ้ารึปล่า ถ้านายขับรถแล้วยังบอกไม่เหนื่อย ฉันนั่งเฉยๆ จะเหนื่อยได้ยังไง”

เขายิ้มแล้วจูงกึ่งลากร่างโปร่งไปที่ประตูห้องซึ่งซ่อนอยู่หลังตู้หนังสืออย่างแนบเนียน “รอในนี้ก็ได้ ถ้าร้อนก็อาบน้ำ ชุดฉันหยิบใส่ได้ จะนอนก็ตามสบาย”

“ไม่เอาอ่ะ”

“ตามใจ” เขาบอกก่อนที่เธอจะเดินหนีออกมา ให้เขาได้มีเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นชุดที่พร้อมเข้าประชุม





ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงที่วินธัยหายจ๋อมเข้าห้องประชุมไป ภัทรนรินทร์นั่งเล่นเดินเล่นอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมกว้างๆ ของเขาจนเริ่มเบื่อเลยตัดสินใจนอนพักสายตาบนโซฟา แต่คิดไปคิดมาก็เกรงว่าจะมีใครเปิดประตูเข้ามาแล้วเอาไปนินทาได้ สุดท้ายก็ตัดสินใจยืมห้องวินธัยชั่วคราว

เตียงนอนสีดำพาดลายขาวขนาดกว้างขวางตั้งอยู่เบื้องหน้าจนเธออยากจะกระโจนเข้าใส่ ติดที่ว่ากลิ่นเหงื่อและคราบเกลือที่อาจจะติดมาจากทะเลทำให้ละอายใจเกรงว่าเตียงนุ่มๆ ของคนอื่นจะเปื้อนเอาได้

คิดแบบนั้นเลยถือวิสาสะเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบชุดนอนของชายหนุ่มมาแล้วเดินเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว ก่อนจะออกมาล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้างไปพลาง จากที่กะว่าจะพักสายตากลายเป็นหลับยาวไปด้วยความเหนื่อยล้า

ในความฝัน ภัทรนรินทร์รู้สึกว่ามีบางอย่างคืบคลานอยู่บนตัวเธอ ความมืดช่วยอำพรางมิให้เห็นว่าสิ่งมีชีวิตที่ลมหายใจใกล้ชิดนั้นคือสิ่งใดรู้แต่ว่าไออุ่นจากร่างกายที่เคลื่อนไหวบนตัวเธอทำให้หญิงสาวพลิกกายหนีอย่างรำคาญ

สิ่งก่อกวนตามมาอย่างไม่ลดละ ลมอุ่นรินรดที่ซอกคอของเธอ ก่อนจะกระซิบอะไรบางอย่างที่ฟังไม่รู้เรื่องแต่พอจะรู้ว่าเจ้าของเสียงเป็นผู้หญิง

หากแต่ความฝันก็คือความฝัน

ภัทรนรินทร์ปล่อยให้นางในความฝันปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากร่างกาย คิดขอโทษวินธัยในใจ...ถือซะว่าเป็นแค่ความฝันละกันนะวิน

‘มีอย่างที่ไหนจะให้ผู้หญิงมาถอดเสื้อผ้าให้เรา’ หล่อนคิดในฝัน ก่อนจะลงมือทำในสิ่งที่ผู้ชายควรเป็นฝ่ายทำเสียมากกว่า เรียกเสียงครางเบาๆ จากนางในฝันอย่างพอใจ

“พี่วิน...”

มือที่กำลังลูบไล้เรือนร่างเย้ายวนถึงกับชะงัก คิ้วขมวด ถามตัวเองในใจว่านี่มันฝันของใครกันแน่ เธอ...หรือวินธัย แต่ที่แน่ๆ สติรับรู้สุดท้ายคือเธออยู่ในห้องนอนของวินธัยชัวร์ๆ

“เฮ้ย!”

“กรี๊ด!”

ภัทรนรินทร์กระเด้งออกราวกับถูกผลัก ร่างโปร่งวิ่งถลาไปยังปุ่มเปิดไฟที่เธอมั่นใจว่าไม่ได้ปิดมันก่อนนอนแน่ๆ แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อนางในฝันที่นั่งอยู่บนเตียงเป็นใครก็ไม่รู้

“กรี๊ดๆๆ แกเป็นใครน่ะ แล้วมาอยู่ในห้องพี่วินได้ยังไง” อนุสราเปิดฉากฉะก่อน ทั้งที่สภาพยังไม่เรียบร้อยดีนัก มือรีบกลัดกระดุมเสื้อเมื่อเข้าใจผิดว่าภัทรนรินทร์เป็นหนุ่มน้อยหน้าหวาน “ตอบฉันมานะ มานั่งจ้องหาสวรรค์วิมานอะไรกันหา!”

อนุสราตวาดแหว หัวเสียอย่างหนัก จริงๆ แล้วหล่อนบังเอิญผ่านมาได้ยินวินธัยพูดกับชนิสาว่าจะนอนไม่ให้ใครเข้ามารบกวน หล่อนจึงคิดว่าโอกาสทองมาเยือนเพราะหากอยู่ที่บ้านไม่มีทางแน่ที่หล่อนจะจู่โจมเข้ามาถึงห้องนอนชายหนุ่มที่หมายปองไว้ แต่เพราะวันนี้ชนิสาค่อนข้างวุ่นวายจึงทำให้การดูแลนี้หละหลวม ง่ายเสียยิ่งกว่าง่ายที่จะฉวยโอกาสเข้ามา ลึกๆ หล่อนเชื่อมั่นในตัวเองว่าไม่มีผู้ชายคนไหนที่จะต้านทานเรือนร่างและมารยาหญิงได้แม้แต่วินธัยก็เถอะ

แต่ฟ้าไม่เข้าข้างหล่อนเสียเลย เมื่อคนบนเตียงไม่ใช่คนที่หวัง

“ตอบสิ ว่าแกเป็นใคร!”

ภัทรนรินทร์กะพริบตาปริบๆ ก่อนเอ่ยตอบ “เธอนั่นแหละเป็นใครยัยผีบ้า เที่ยวคิดว่าฉันเป็นวินแล้วมาลวนลามกันแบบนี้ หรือว่า... เป็นคู่ขา?!?”

สมองคิดไปก่อนคำพูดแล้ว และคนเจ้ามารยาอย่างอนุสราก็พอจะเดาได้จึงสมอ้างอย่างไม่ตะขิดตะขวง “ใช่! ฉันเป็นคนรักของเขา เป็นเมียคนแรก...แล้วก็ไม่รู้ว่าเมียจะมาหาผัวมันผิดตรงไหน แกนั่นแหละเป็นใคร มาอยู่ในห้องพี่วินได้ยังไง หรือว่า...”

“ถ้าใช่แล้วจะทำไม...ฉันก็เป็นคู่ขาของวินเหมือนกัน” ภัทรนรินทร์ตวาดก้อง ความโกรธแล่นเป็นริ้วๆ ขึ้นมาจนใบหน้าร้อนเห่อ ก่อนจะค่อยๆ สงบสติอารมณ์ตัวเอง ไม่ให้มันอยู่เหนือความคิดที่อยากจะปรี่เข้าไปหักคอขาวๆ ของผู้หญิงปากร้ายตรงหน้าและถลาไปบีบคอคนที่มีเมียแล้วอีกคน

“ไม่จริง! พี่วินเป็นผู้ชาย”

“ผู้ชายที่ชอบผู้ชายด้วยกันน่ะสิ” ได้ทีใส่ไฟมันซะเลย เอาให้ไม่มีผู้หญิงมาเกาะแกะอีกเลยคอยดู

“ไม่จริงงงง”

ภัทรนรินทร์ยิ้มเยาะ ก่อนจะถือโอกาสซ้ำเติม “ฮึ! เธอน่ะเมียคนแรกของวินฉันไม่สงสัยหรอก แต่ถามหน่อยเถอะว่าวินเขาเป็นสามีคนที่เท่าไหร่ของเธอล่ะ

“กรี๊ดดด!!!” อนุสรากรีดร้อง กระทืบเท้าเร่าๆ จนเธอต้องเอามืออุดหู

แล้วระฆังหมดเวลาก็ก้าวเข้ามา พร้อมเสียงทุ้มที่ตวาดลั่น “หยุดนะ!”

“ฮือๆ พี่วินช่วยนุชด้วย”

“เกิดอะไรขึ้น”

สายตาคมของวินธัยที่มองมาทำให้น้องสาวร่วมโลกของเขาถึงกับต้องรีบคิดหาคำโกหก “มัน...มันจะปล้ำนุชค่ะพี่วินช่วยด้วย นุชแค่ได้ยินว่าพี่วินกลับมาแล้วเลยเข้ามาหา แต่มันก็ลากนุชเข้ามาในห้องแล้วก็...ฮือ”

...พระเจ้า...

ภัทรนรินทร์อยากจะไปลากหม่าม้ามานั่งดูละครหลังข่าวตรงหน้าเสียให้ได้ ติดที่ว่าสายตาคาดคั้นของวินธัยที่ส่งมาเท่านั้น “ฉันเปล่า”

“เกิดอะไรขึ้นภัทร”

“ก็บอกว่าไม่มีอะไรไงเล่า!” หล่อนตอบอย่างหัวเสีย เกลียดสายตาแบบนี้และหงุดหงิดที่วินธัยไม่ปัดป้องตัวเองจากยัยผู้หญิงออเซาะเสียที “ถามเมียนายดูสิ”

วินธัยขมวดคิ้ว แล้วพอจะเดาเรื่องได้ จึงหันไปถามคนที่ยืนเกาะแขนเขาแน่น “เธอเข้ามาในห้องฉันทำไมอนุสรา”

“นุชผิดหรอคะที่เข้ามาหาพี่วิน มันสิผิด มันจะข่มขืนนุชนะ”

ถ้อยคำเกินจริงของคนพูดกำลังได้ผล เมื่อชายหนุ่มชะงัก ภาพที่เคยเห็นภัทรนรินทร์นัวเนียกับพนิตาบนเรือลำใหญ่ฉายวาบเข้ามาในสมอง กว่าจะรู้ตัวก็ห้ามสายตาผิดหวังไว้ไม่ทันเพราะมันถูกส่งไปให้ภัทรนรินทร์เสียแล้ว

“จริงๆ นะคะพี่วิน”

“เธอออกไปได้แล้ว” เขาแกะมือหล่อนออก

“แต่ว่า...”

“ไม่มีแต่ และฉันจำไม่ได้ว่าเคยอนุญาตให้เธอเข้ามาในห้องฉันตั้งแต่เมื่อไหร่อนุสรา...เชิญ!”

อนุสราจับสาบเสื้อทำงานเข้าหากัน ก่อนจะหันไปมองภัทรนรินทร์เป็นเชิงว่าฝากไว้ก่อน แล้วเดินกระแทกส้นปึงปังออกไป ทิ้งให้ภัทรนรินทร์เม้มปากแน่นก้าวฉับๆ ไปหยิบเสื้อผ้าที่แขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าเขาแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปโดยไม่เอ่ยอะไรกับเจ้าของห้องสักคำ

เสียงเลื่อนประตูกั้นห้องทำงานกับห้องนอนทำให้คนที่นั่งอยู่ในห้องน้ำถอนหายใจออกมาแรงๆ ก็ยอมรับอยู่หรอกว่าตัวเองก็มีส่วนผิดที่เผลอทำรุ่มร่ามกับยัยอนุสราอะไรนั่น แต่ใครใช้ให้แม่นั่นเข้ามาในห้องโดยพลการล่ะ หล่อนก็นึกว่าฝันเสียอีก

ไม่รู้ล่ะ จะโทษเธอคนเดียวไม่ได้จริงๆ ด้วย

แต่ก็อดน้อยใจวินธัยไม่ได้ที่ไม่เชื่อใจเธอเอาเสียเลย

เมื่อระบบความคิดเริ่มสับสนและตื้อไปหมด ทำให้ร่างโปร่งทิ้งตัวลงบนชักโครกแล้วหยิบมือถือจากกระเป๋ากางเกงตัวเก่าขึ้นมา กดเบอร์ปลายทางที่คุ้นเคย ไม่ไยว่าเจ้าของห้องจะรออยู่หรือไม่

กลับไปได้ก็ดี...คนบ้า!





เสียงมือถือที่ดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มที่เพิ่งผล็อยหลับไปไม่นานสะดุ้งเบาๆ แล้วรีบใช้มือที่ว่างจากการหนุนของศวิตาควานหาตัวต้นเสียง

“ไอ้ภัทร” ต้นน้ำพึมพำชื่อที่กระพริบอยู่บนหน้าจอมือถือแล้วกดปิดเสียง ปล่อยให้มันสั่นอยู่สักพักก่อนจะค่อยๆ จัดท่าให้หญิงสาวนอนสบายๆ แล้วออกไปคุยตรงระเบียงด้วยเกรงว่าเสียงของเขาจะปลุกเธอให้ตื่นจากฝันดี

แต่ทันทีที่ความอุ่นยวบของที่นอนหายไป คนที่ต้นน้ำคิดว่าหลับฝันดีกลับกำมือแน่นใต้ผ้าห่มจนเล็บสีสวยจิกฝ่ามือตัวเอง หัวใจเรียกร้องรุนแรงให้คว้าเขากลับมาครอบครองยิ่งได้รู้ว่าคนที่ต้นน้ำลุกไปคุยด้วยนั้นเป็นภัทรนรินทร์ไม่ใช่ใครอื่นด้วยแล้วยิ่งทำให้ความรู้สึกผิดปะทุหักล้างกับความจริงและความถูกต้องอย่างบ้าคลั่ง

...ตัวจริงของเขามาแล้วสินะ

เปลือกตาสีอ่อนค่อยๆ ลืมขึ้น ดวงตาที่เคยงดงามเป็นประกายบัดนี้กลับวาวไปด้วยหยาดน้ำที่คลอเต็มคลองจักษุ ริมฝีปากเม้มแน่นเมื่อเห็นท่าทางราวกับกำลังปฏิเสธอะไรบางอย่างๆ ลุกลี้ลุกลน ยิ่งเห็นเขาแคร์อีกฝ่ายมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกเศร้ามากขึ้นเท่านั้น

คุยได้ไม่นานริมฝีปากของต้นน้ำก็ปรากฏรอยยิ้ม...ผู้ชายที่จนวินาทีนี้เธอก็ยังมั่นใจว่าเขาไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นๆ

รอยยิ้ม...ที่บัดนี้เจ้าของเขามาทวงคืนเสียแล้ว

รอยยิ้ม...ที่เธอได้รับเพียงเศษเสี้ยว ไม่ต่างจากพื้นที่แคบๆ ในหัวใจของต้นน้ำที่เธอขอจับจอง

ศวิตาปิดเปลือกตาลงช้าๆ ปล่อยให้น้ำตาร่วงรินสู่หมอนขาวกับหัวใจที่ปวดร้าวปานจะขาดใจ แม้ว่าวันนี้เธอจะยังมีเขาอยู่เต็มหัวใจ แต่เชื่อว่าเวลาและความห่างไกลคงจะบรรเทาความรักนี้ให้เหลือแต่เพียงเสี้ยวความทรงจำดีๆ ให้ยิ้มได้ทุกครั้งที่คิดถึงมัน

ต้นน้ำ...ฉันรักนาย


---------------------------------------------------------
คำขวัญวันนี้ : ป้ายไฟช่วยต่อชีวิต ชูกันวันนิดจิตแจ่มใส 555

เจอกันใหม่ไม่เกิน 3 สัปดาห์จ้า

ปล. เม้าท์มอยกันมาเน้อ อ่านทุกความเห็น ตอบทุกคอมเม้นต์ ^^





เจ้าชายน้อย
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ส.ค. 2554, 00:20:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ส.ค. 2554, 00:20:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 1824





<< 9. รู้หรือยังว่ามันไม่เหมือน   11. ฉันรักแกนะภัทร >>
aom 3 ส.ค. 2554, 09:10:31 น.
ตอนแรกก็หวานอยู่ดีๆ ทำไมตอนท้ายมันถึงเศร้าอย่างนี้ล่ะเนี่ย

สู้ๆนะคะคนเขียน เป็นกำลังใจให้ และรอตอนต่อไปคะ


grazioso 3 ส.ค. 2554, 09:34:32 น.
มาชูป้ายไฟ โบกไปโบกมาให้ค่า :)

ตอนที่แล้วหวานหยด ตอนนี้เค้าลางฝนฟ้าคะนอง อึมครึมกันมาเลย แอบสงสารคู่ต้นน้ำ ขอให้เข้าใจกันไวไวนะคะ ส่วนคู่เอกในดวงใจอย่างสาวภัทรกับนายวิน ยังไงก็เอาใจช่วยทั้งคู่เหมือนกันค่ะ แต่โดยส่วนตัวแอบเชียร์นายวินยังไงก็ไม่รู้ ๕๕๕๕๕๕ เป็นกำลังใจให้คุณเจ้าชายน้อยเสมอค่า


anOO 3 ส.ค. 2554, 09:52:40 น.
เฮ้อ!!! งานนี้นายวินคงต้องง้อกันหน่อยข้อหาไม่ไว้ใจกัน
ส่วนต้นน้ำ ได้เวลาที่ต้องเคลียร์กับวีต้าจริงๆ จังๆ แล้วมั้ง
วีต้าเข้าใจผิดมานานต้องรีบแก้น๊า
ปล.สงสัยต้องเปลี่ยนจากคบเพลิงเป็นป้ายไฟแล้วล่ะ
ถือบ่อยๆ ไฟเริ่มลามมือหมดแล้ว 555


sai 3 ส.ค. 2554, 12:36:06 น.
หวานต้นจืดปลายแล้วอ่ะไรเตอร์ๆๆๆ


Pat 3 ส.ค. 2554, 19:48:20 น.
^^หวานหลายตอน ขมตอน อิอิ


ชอบอ่าน 3 ส.ค. 2554, 22:47:45 น.
สนุกอะ


Jelly 4 ส.ค. 2554, 20:54:21 น.
ตึ่งกันทั้ง 2 คู่


หมู้หมู 7 ส.ค. 2554, 11:52:21 น.
ต้นน้ำ กะ วีต้า.. นี่.. ใยบางๆ นี่ มันช่าง... แกะกะ จริงๆๆ แต่ก็นั่นแหละ มันจริงอย่างนี้แหละ


หมู้หมู 7 ส.ค. 2554, 11:55:15 น.
มาไวๆน้า เค้าลุ้น ต้นน้ำกะวีต้า มากมาย ตอนนี้ ^^


roseolar 11 ส.ค. 2554, 20:26:30 น.
พี่ปริ๊นท์ คิดถึงงงงง
ตามมาอ่านแล้ว ต้นน้ำนะต้นน้ำ อย่าปล่อยให้วีต้าเข้าใจผิดน้า ลุ้นลุ้น กลั๊วกลัววีต้าหนีไป แง้แง้ ห้ามหนีไปนะตัวเอง


AHA 14 ส.ค. 2554, 16:40:37 น.
มาก่อน 3 week เอาไปสิบป้ายไฟเลย...


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account