ณ ที่ซึ่งเรารักกัน
ถ้าเธอมานั่งทำตัวเรียบร้อยเจี๋ยมเจี้ยมดีงามเหมือนสาวหลงยุคในนิยายทั้งหลาย
หรือจะมาทำตัวโดดเด่นเป็นสง่ามีความรู้ความสามารถด้านภาษาก็ไม่ได้อีก
เพราะกว่าจะพอเอ่ยถามฝรั่งที่มาแต่งงานกับพี่สาวข้างบ้านว่ากินข้าวหรือยังได้คล่องปากก็เพิ่งไม่กี่เดือนมานี้นี่เอง
ดังนั้นจะให้เธอแปลเอกสารสัญญาระหว่างชาติเหมือนแม่มณีจันทร์...คงเป็นชาติหน้าที่จะทำได้

แล้วฟ้าให้เธอมาทำอะไรที่นี่?

คนคิดมากนั่งเหม่อมองท้องฟ้าสดใส โอเค...ฟ้ายุคนี้สวยกว่าเมืองฟ้าอมรยุคเธอนัก แต่ก็นั่นแหละ

มันไม่ใช่บ้านเธอ ไม่ใช่ที่ทางของเธอ

เฮ้อ...ขืนอยู่นานต่อไปอีกหน่อยคงไม่ได้ความ

คุณหลวงยุคนี้ถูกสาวสมัยใหม่หลงยุคมางาบไปหมดแล้ว สาวสมัยเก่าขาดดุลคนรุ่นเธอมามากพอละ

อีกอย่าง...เธอไม่นิยมคนแก่กว่า...หลายร้อยปี


เพราะฉะนั้น ต่อให้จะหวั่นไหวกับ ‘คุณหลวง’ รูปงามตาคมปลาบนั่นมากเท่าไหร่ เธอก็ควรจะกลับบ้านไปหาพี่อดัม เลวีนกับเพลง Lost star ดีกว่า

เพราะตอนนี้...เธอรู้สึกหลงทางอยู่จริงๆ

Tags: ย้อนเวลา, รัก, ไทยโบราณ, รัชกาลที่ 5, คุณหลวง

ตอน: บทที่ 1 : วันแรกของการย้อนเวลา [50%]




ว่างเปล่า...

ไม่มีอะไรแม้แต่อย่างเดียว นอกจากต้นไม้ ท้องร่องที่มีน้ำขังขอดนิดเดียว และก็ต้นหญ้า ต้นไม้ ต้นไม้!

แม้แต่เศษเหล็กสักท่อนก็ไม่มี!!!

เก็ดถวาถลาไปข้างหน้าเท่าที่ความเจ็บจะเอื้ออำนวย ดวงตากลมโตกวาดมองไปทั่วบริเวณที่ ‘หมอแผนโบราณ’ บอกว่าเก็บตกเธอได้จากไหน

คนที่เคลมตัวเองว่าเป็นหมอจัดแจงพันผ้าเพื่อให้กล้ามเนื้อส่วนที่ยังเจ็บอยู่เคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด ยังดีที่เมื่อตรวจคร่าวๆ แล้ว เก็ดถวาไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่ามีรอยฟกช้ำและถลอกตามเนื้อตามตัวเล็กน้อย จึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เข็มฉีดยากระบอกเบ้อเริ่ม รวมถึงยาแปลกๆ ที่หน้าตาดูไม่เหมือนพาราที่เธอรู้จักเลย

แต่เพราะท่าทางคล่องแคล่วในการทำแผล มือที่เบาอย่างเหลือเชื่อ ทำให้เธอพอไว้ใจเขาได้บ้าง

พอจัดการกับเนื้อตัวร่างกายเรียบร้อย เก็ดถวาก็ขอให้อีกฝ่ายพาเธอมายังที่ที่พบกันครั้งแรก ชายหนุ่มดูท่าทางไม่ค่อยแน่ใจที่จะให้เธอขยับเขยื้อนในตอนนี้ แต่เมื่อทนลูกตื้อของหญิงสาวไม่ไหว เขาก็ได้แต่พาเธอออกมาเดินดุ่มเข้ามายัง ‘ท้องร่อง’ ที่ว่าในที่สุด

“...ความจริงแล้วฉันต้องขออภัยหล่อนอีกอย่าง ฉันไม่มีคนช่วย เลยต้องอุ้มหล่อนออกมา...” ชายหนุ่มผู้นำทางที่ตอนนี้กำลังตามหลังเธอต้อยๆ เอ่ยเสียงอ่อย “ฉันไม่ได้ตั้งใจหมิ่น...”

“โอ้ย ฉันไม่ถือหรอก!” หญิงสาวโบกไม้โบกมือเป็นเชิงให้เขาหยุดพูดเสียที แหงแหละ...ถ้าเขาเห็นเธอนอนขดในท้องร่องอย่างที่ว่าจริง แล้วมัวแต่คิดถึงความควรไม่ควรแทนที่จะรีบเอาเธอมาปฐมพยาบาลให้เร็วที่สุดล่ะก็ เธอจะเอาเข็มฉีดยาแทงเขาให้พรุนจริงๆ ด้วย “คุณแน่ใจนะว่าเก็บฉันมาจากแถวนี้จริง?”

“ใช่แล้ว” ผู้ชายตาคมผมเรียบแปล้ทรงคุณลุงพยักหน้า มือใหญ่ หากแต่ขาวสะอาดชี้ไปที่บริเวณท้องร่องใกล้กับต้นไม้ใหญ่ “หล่อนนอนสลบอยู่ตรงนั้น แม่ปริกแกจะเดินไป...เอ่อ...ทุ่ง...แกเจอหล่อนเข้า จึงได้มาเรียกให้ฉันมาช่วย”

เก็ดถวาชะงักกึกเมื่อเห็นบริเวณที่เขาชี้ หญิงสาวหันกลับมามองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง มือเท้าสะเอวฉับ “คุณอย่ามั่วได้มั้ย ถ้าไม่อยากช่วยก็บอกทางแค่นั้นก็ได้ ตอนที่ฉันขับลงข้างทางน่ะ ฉันอยู่บนถนนหลวงนะยะ ถนนลาดยาง ไม่ใช่ทางแคบจนเกวียนยังผ่านไม่ได้แบบนี้”

ผู้ชายตาสวยหรี่ตาลง น้ำเสียงเย็นขึ้นเล็กน้อย “แม่ปริกมาเจอหล่อนที่นี่ ไม่มีใคร...มั่วสุมอะไรทั้งนั้น”

“มั่วสุม...?” เออ ช่างเหอะ แค่นี้เธอก็มีเรื่องให้ปวดหัวมากพอแล้ว เก็ดถวาตัดสินใจปล่อยผ่านประเด็นที่ตนเองไม่เข้าใจ แล้วมุ่งเข้าสู่แก่นเรื่องทันควัน “เอาล่ะ สิ่งที่ฉันจะพูดต่อไปนี้ก็คือ ฉันขับรถอยู่บนถนนหลวงหมายเลข 9 กำลังจะเดินทางไปหาญาติที่บางปะอิน ฉันเจอคนตัดหน้าตอนจะเลี้ยวเข้ามาในซอยหนึ่ง เลยหักหลบ รถแฉลบลงข้างทาง มีต้นไม่อยู่ข้างหน้าจริง แต่ฉันแน่ใจว่า...”

หญิงสาวชี้มือไปยังต้นไม้ใหญ่ตรงหน้าประกอบคำพูด แต่เมื่อมองตามมือของตนเองไปยังต้นไม้ที่ว่า เสียงในคอกลับเงียบหายไปเสียเฉยๆ

...ที่เธอเห็นนั่น...ไม่ใช่รอยถลอกของต้นไม้ใช่ไหม?

ร่างโปร่งบางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ต้นไม้ปริศนาทีละก้าว ยิ่งเดินก็ยิ่งรู้สึกว่าคุ้นตากับไม้ใหญ่นี่มากขึ้นทุกขณะ...

ไม่จริงน่า...

“มีอะไรรึ หล่อน...”

“เงียบก่อน”

เก็ดถวารีบยกมือห้ามเขาทั้งที่ตนเองยังคงจ้องเขม็งไปยังต้นไม่ไม่วางตา รอยถลอกนั่นเมื่อมองใกล้ๆ ก็จะเห็นได้ว่ามีสีเหลือบเงิน...กระทั่งเศษแผ่นสีเล็กๆ ติดอยู่เต็ม

อา...ทั้งความสูง ทั้งรอยชน มันเท่ากับกันชนรถเธอเลยนี่นา!!!

อย่าบอกนะว่าต้นไม้กลางทุ่งนาป่าเขียวต้นนี้ กับต้นที่อยู่ข้างถนนหลวงหมายเลข 9 มันเป็นต้นเดียวกัน?

หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าอย่างตกตะลึง

“เรือ (ship) หายแล้ว!!!...”

น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงแววงุนงงสุดขีดดังมาจากเบื้องหลัง “ประเดี๋ยวรถหาย ประเดี๋ยวเรือหาย ตกลงหล่อนทำสิ่งใดหล่นหายบ้างกันแน่?”

“มันเป็นคำอุทานย่ะ!” หญิงสาวแว้ดอีกฝ่ายเข้าให้อย่างเหลืออด ก่อนจะเข่าอ่อน ทรุดลงนั่งแปะกลางดงหญ้าเสียอย่างนั้น “โอ้ย...ไม่จริง ไม่จริงๆๆๆๆ”

ชายหนุ่มมองดูร่างโปร่งบางยกมือขึ้นขยุ้มผมเต็มกำมือพลางสั่นศีรษะไปมาอยู่ครู่หนึ่งด้วยสายตาเวทนา

หรือจะเป็นคนบ้าหลงมาจากที่ใด?

ไม่ทันที่จะคิดอะไรต่อ ‘คนบ้า’ ที่กำลังนั่งสะกดกลั้นเสียงกรีดร้องก็หันขวับมาหา ดวงตากลมโตแวววับไปด้วยหยาดน้ำใส ทว่าน้ำเสียงกลับมั่นคงอย่างประหลาด

“คุณหมอคะ”

“อ...อะไร?” ถูกเรียกอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้เขาสะดุ้งอยู่บ้าง

เก็ดถวาไม่สนใจท่าทางสะดุ้งน้อยๆ ของอีกฝ่าย แต่เอ่ยต่อ “คุณหมอช่วยตบฉันหน่อยได้ไหมคะ?”

“หา?”

“ตบฉันที” หญิงสาวรีบลุกขึ้นมาด้วยสีหน้าร้อนรน “ฉันต้องกำลังฝันอยู่แน่ๆ ฝันว่าตัวเองย้อนเวลา ย้อนอดีต ย้อนบ้าย้อนบออะไรก็ไม่รู้แหละ แต่ฉันไม่ชอบฝันแบบนี้ เพราะงั้นฉันจะตื่นแล้ว คุณหมอช่วยตบหน่อย เอาแรงๆ เลย ฉันจะได้ตื่นเสียที”

“หล่อนเป็นบ้าไปแล้ว ฉันทำไม่ได้หรอก!”

“ได้สิคะ” เก็ดถวาเร่งอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกจนตรอก มือเล็กรีบคว้าข้อมือชายหนุ่มขึ้นกำแน่น ขณะที่เขาก็พยายามดึงมือออกมาสุดชีวิต สีหน้าตื่นตระหนก “คุณหมอต้องช่วยฉัน ฉันต้องตื่นเดี๋ยวนี้!”

เขาสลัดมือออกจากการเกาะกุมของหญิงสาวได้ในที่สุด ก่อนจะรีบคว้าไหล่บางนั้นเอาไว้แน่นเมื่อเห็นเธอจะถลาเข้ามาบังคับให้เขาตบหน้าอีก “ฟังฉันนะ! หล่อนมิได้กำลังฝัน! และฉัน หลวงพิพัฒน์เวชกร ไม่มีทางทำอันตรายแก่สตรีเป็นอันขาด!”

คำพูดหนักแน่นและน้ำเสียงเด็ดขาด เป็นยิ่งกว่าน้ำเย็นที่สาดเข้าใส่หน้า เก็ดถวาหยุดดิ้นรนโดยสิ้นเชิง หญิงสาวอ้าปากค้าง ใบหน้าฉายแววตกตะลึงขณะพูดออกมาช้าๆ

“หลวง...พิพัฒน์...เวชกร?”

“ราชทินนามของฉันเอง ตัวฉันชื่อพัฒน์” เขาบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย

เก็ดถวากะพริบตาปริบๆ ความคิดแล่นโลดไปถึงตอนที่เธออยู่สมัยม.ปลาย แล้วมีอยู่ครั้งหนึ่งที่อาจารย์ให้หาข้อมูลเกี่ยวกับบรรดาศักดิ์ขุนนางในสมัยรัตนโกสินทร์ แล้วเธอก็ได้เขียนบรรดาศักดิ์ขุนนางที่เป็นนายแพทย์...

ใช่...นายแพทย์

...ในสมัยรัชกาลที่ห้า

“คุณหมอคะ” หญิงสาวส่งเสียงเหมือนเพ้อ ใบหน้าซีดเผือด “ช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหมคะ ว่า ณ ตอนนี้ วันนี้ เวลานี้ เป็นพ.ศ.อะไร?”

“ตอนนี้เป็นรัตนโกสินทร์ศกที่ 113” อีกฝ่ายตอบด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนเหมือนกำลังปลอบเด็ก แม้จะดูแปลกใจหน่อยๆ ที่เธอถามคำถามขั้นพื้นฐานขนาดนี้ “หากพูดเป็นพุทธศักราชก็...2430”

เก็ดถวาทรุดฮวบลงอีกครั้ง คงจะลงไปนั่งแปะบนพื้นดินอีกรอบแน่ ถ้าไม่ได้อ้อมแขนแข็งแรงของ ‘คุณหลวง’ ที่รีบคว้าเธอเอาไว้ได้ทัน

2430...

เธอกำลังย้อนเวลา...


อา...ใครก็ได้ เอากระจกมาให้เธอที!!!



ปณัชญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 มิ.ย. 2559, 01:54:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 มิ.ย. 2559, 01:54:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 973





<< บทนำ   บทที่ 1 : วันแรกของการย้อนเวลา [100%] >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account