มงกุฎแสงดาว (พิริตา) (เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book)
‘วาวพลอย’ เจ้าหญิงพลัดถิ่นผู้ไม่เคยรู้สถานะของตัวเองมาก่อน
จนกระทั่งวันหนึ่งที่ถูกคุกคามด้วยภัยและความจริง การพลัดพรากจากคนที่รักก็มาถึง
พร้อมกับการเดินทางกลับสู่ ‘บ้าน’ ที่เธอไม่เคยรู้จักก็เริ่มต้นขึ้น


ด้วยการนำทางของ ‘หัสตะ’ ชายหนุ่มลูกครึ่งอดีตหน่วยซีลผู้เก่งกล้าสามารถ
ท่ามกลางเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรค อันตรายที่ทั้งคู่ต้องร่วมกันฝ่าฟัน
ความรู้สึกบางอย่างได้ถักทอขึ้นในหัวใจทั้งสองดวง
แต่ทว่าชาติกำเนิดในอดีตกลับเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่กว่า
เจ้าหญิงและผู้นำทางจะทำอย่างไรกับความรักที่ไม่เห็นหนทางเป็นไปได้


Tags: เจ้าหญิง เจ้าชาย มงกุฎ แสงดาว ติดเกาะ โจรสลัด หน่วยซีล ทะเล

ตอน: บทที่ 5



เสียงหวูดผสานกับเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ดังมาให้ได้ยิน เป็นสัญญาณว่าเรือกำลังจะออกจากท่า ภายในห้องพักของเรือขนส่งสินค้า อาหารสำเร็จรูปง่ายๆ ในกล่องพลาสติก ที่อุ่นจนได้ที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นยั่วน้ำลาย ถูกผู้หญิงชื่อจิญจายะนำมาวางให้ตรงหน้าของวาวพลอยกับโก๋

“ทานอาหารก่อนเถอะค่ะ เสร็จแล้วก็นอนพักเอาแรงก่อน ถ้าถึงที่หมายฉันจะปลุกพวกคุณเอง” จิญจายะพูด แล้วทำท่าจะผละจากไป

“เดี๋ยวค่ะ” วาวพลอยเรียกเอาไว้เสียก่อน หญิงสาวผมสั้นจึงหันมา

“พวกคุณเป็นพนักงานของเรือเหรอคะ แล้วจะสามารถพาพวกเราไปถึงจุดหมายได้เหรอคะ” หญิงสาวรีบถามด้วยความข้องใจมากกว่าตั้งใจดูถูก และดูเหมือนอีกฝ่ายจะเข้าใจเจตนาของเธอดี

“อย่าได้กังวลเลยค่ะ ถึงยังไงฉันก็ขอยืนยันว่าเราสามารถพาคุณไปถึงที่หมายได้แน่นอนค่ะ” จิญจายะตอบด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ก่อนจะก้าวออกไปจากห้อง

“โก๋ คนพวกนี้ดูแปลกๆ นะ ว่าไหม” วาวพลอยจึงหันมาทางน้อง ที่กำลังถูไม้ถูมือเตรียมทานอาหารอย่างลิงโลด

“ไม่รู้สิเจ๊ แต่อย่าคิดมากเลยน่า ป้าบอกยังไงก็ตามนั้นแหล่ะ ยังไงซะป้าก็คงมั่นใจในระดับหนึ่งล่ะ กินข้าวเถอะ โก๋หิวจะแย่” โก๋ว่าอย่างไม่สนใจอะไรมากกว่าอาหารตรงหน้า

หลังอาหารโก๋ก็นอนหลับไปอย่างง่ายดาย ผิดกับวาวพลอยที่ยังคิดถึงมารดาอยู่ในความมืด เธอรู้สึกคิดถึงแม่ คิดถึงชีวิตที่ผ่านมา พึ่งไม่กี่ชั่วโมงที่เธอไปทำงาน และใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังเล็กของชุมชนที่พลุกพล่านแห่งนั้น

มีบรรดาเพื่อนบ้านที่เป็นเพื่อนแม่ค้าของนางอัมพร พวกมอเตอร์ไซด์รับจ้าง เพื่อนๆ ของโก๋ อีกทั้งตัวหญิงสาวเองก็มีเพื่อนทั้งที่เคยเรียนมาด้วยกัน และที่ทำงานอยู่พอสมควร จากนี้ไปเธอจะไม่มีวันได้กลับไปพบเจอพวกเขา และมีชีวิตแบบนั้นอีกแล้ว

โลกของเธอจะไม่มีพวกเขาอีกต่อไป แม้แต่แม่ผู้ที่เลี้ยงดูตัวเธอมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ป่านนี้ก็ไม่รู้จะไปตกระกำลำบากอยู่ที่ไหน ชาตินี้จะมีโอกาสพบเจอกันอีกหรือไม่ก็ไม่อาจรู้ ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนเกินจะรับได้ทัน

ความโดดเดี่ยว อ้างว้าง หวาดกลัว อีกทั้งแปลกหน้าต่อสิ่งต่างๆ ทำให้วาวพลอยปล่อยน้ำตารินไหลอยู่ในความมืด ก่อนจะหลับลงไปทั้งน้ำตา

“ตื่นได้แล้วค่ะ คุณวาวพลอย คุณโก๋” เสียงเรียกดังขึ้น ทำให้วาวพลอยกับโก๋ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นอย่างยังงัวเงีย และพบว่าผู้หญิงผมสั้นคนเดิมยืนอยู่ในห้อง

“กี่โมงแล้วคะ ถึงแล้วเหรอคะ” วาวพลอยรีบถามขึ้น จิญจายะเพียงแต่ยิ้มน้อยๆ ตามแบบของเธอพลางตอบ

“ตีห้าค่ะ ยังไม่ถึงหรอกค่ะ แต่เรากำลังจะไปลงเรืออีกลำ จัดการธุระส่วนตัว เก็บสัมภาระแล้วตามฉันมาข้างนอกนะคะ” ว่าแล้วก็ออกไปจากห้อง

วาวพลอยกับโก๋จึงรีบจัดการทุกอย่างในเวลาอันรวดเร็ว ก่อนจะออกไปข้างนอกตามคำสั่ง ซึ่งที่นั่นมีชายหนุ่มตัวสูงใหญ่ที่เป็นหัวหน้า กับจิญจายะรออยู่ก่อนแล้ว แต่มาตอนนี้ชุดพนักงานถูกเปลี่ยนเป็นชุดเสื้อกางเกงสีทึม ทะมัดทะแมงขึ้น

พอทั้งสองเข้าไปสมทบ คนที่รออยู่ก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง ร่างสูงใหญ่นั้นก้าวนำไปยังท้ายเรือ พอพ้นออกจากประตูก็เป็นชานพัก เชื่อมต่อกับบันไดเหล็กเล็กๆ ที่ใช้เป็นทางขึ้นลง

ในความมืดสลัววาวพลอยมองเห็นเรือสองชั้นลำหนึ่งที่มีขนาดเล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับเรือขนส่งสินค้าลำนี้ เรือทั้งสองกำลังลอยลำอยู่เคียงกัน

“จิญเธอนำพวกเขาลงเรือไปก่อน” ชายหนุ่มสั่งลูกน้องสาว ที่ก็รีบรับคำ

“ตามฉันลงมาเลยค่ะ” แล้วจิญจายะจึงหันมาบอกกับคนทั้งคู่

ขณะเดียวกันนั้นเองมีผู้ชายคนหนึ่งสวมชุดเหมือนพนักงานเรือสินค้า เดินเข้ามาหาคนที่ยืนอยู่หลังสุด

“ขอบใจมากนะเพื่อน” หัสตะเอ่ยเป็นภาษาอังกฤษกับพนักงานคนนั้น ที่มีหน้าตาบ่งบอกว่าไม่ใช่สัญชาติไทย

“ยินดีที่เจอนาย ไว้มีโอกาสเราคงได้เจอกันอีกนะ โชคดีเพื่อน ระวังตัวด้วย” แล้วทั้งคู่ก็สวมกอดกันเร็วๆ ก่อนที่เจ้าของร่างสูงใหญ่นั้นจะตามลงไปยังเรือลำที่จอดเทียบรออยู่เป็นคนสุดท้าย

หญิงสาวตามจิญจายะกับโก๋ลงมาบนเรืออีกลำที่จอดเทียบรออยู่ มีผู้ชายอีกสองคนที่แต่งตัวเหมือนจิญจายะกับหัสตะรอรับอยู่ก่อนแล้ว

“คุณวาวพลอย คุณโก๋คะ นี่เพื่อนร่วมทีมของเรา ตันเต กับ หรคุณ ค่ะ” จิญจายะแนะนำให้รู้จักชายหนุ่มทั้งสองคน เมื่อไปยืนอยู่บนเรือลำใหม่แล้ว

วาวพลอยสังเกตเห็นว่าคนที่ชื่อหรคุณมีหน้าตาคล้ายหัสตะ แม้จะมีส่วนผสมทางฝั่งตะวันตกไม่มากเท่า แต่มีร่างสูงใหญ่พอๆ กัน

“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับครับ คุณวาวพลอย เอ่อ... คงเป็นเจ้าหญิงชลันตาสินะครับ” หญิงสาวได้แต่ยิ้มรับกับคำทักทายจากหรคุณ

ก่อนที่เขาจะขอตัวกลับขึ้นไปยังห้องควบคุมเรือ หัสตะลงมายังเรือเป็นคนสุดท้าย แล้วเรือส่งสินค้ากับเรือลำนี้ก็แยกจากกันในทันที ต่างก็หันหน้าไปคนละทิศทาง

จิญจายะก้าวนำวาวพลอยกับโก๋เข้าไปในเคบินของเรือสองชั้น ที่มีห่วงยางและเสื้อชูชีพสีสดแขวนไว้อยู่หลายมุม เรือลำนี้มีลักษณะเหมือนเรือท่องเที่ยวทั่วไป ยาวประมาณสิบกว่าเมตร ทำจากไม้และไฟเบอร์

ตรงหัวเรือ รอบๆ กราบเรือ และดาดฟ้ากั้นด้วยราวเหล็กแข็งแกร่งชั้นบนเป็นห้องควบคุมเรือ ส่วนห้องที่อยู่ติดกันเป็นห้องที่ใช้พักผ่อน ชั้นล่างนอกจากจะมีเคบินแล้ว ยังเป็นส่วนของห้องนอน ห้องครัว ห้องน้ำ พร้อมสรรพ

“เดี๋ยวค่ะ คือ... ฉันมีคำถาม” วาวพลอยเอ่ยขึ้น

ทั้งจิญจายะและตันเต ต่างมองไปทางหัวหน้า ราวกับว่าเขาเท่านั้นที่จะเป็นคนตัดสินใจ แม้แต่เรื่องการตอบคำถามนี้ ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่พยักหน้า

“ฉันอยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับการเดินทางบ้างค่ะ อย่างน้อยฉันก็เป็นคนที่พวกคุณจะต้องนำทางไป น่าจะบอกกันบ้างว่าจะไปทางไหน ยังไง มีแผนการอะไรบ้าง”

“เราจะเดินเรือในเขตน้ำลึก ใช้เส้นทางที่เป็นเขตทะเลหลวงเพื่อหลบเลี่ยงปัญหาทางด้านเขตแดนและการตรวจตรา จนกว่าจะเข้าสู่เขตน่านน้ำของริตถาวดี นั่นอาจจะใช้เวลาประมาณเดือนกว่าเล็กน้อย หากไม่มีปัญหาอะไร” หัสตะตอบเสียงเรียบ

“ตายจริง! นี่อย่าบอกนะคะ ว่าพวกคุณลักลอบเดินเรืออย่างผิดกฎหมาย” วาวพลอยร้องขึ้นท่าทางตกใจไม่น้อย

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เพียงแต่เรามีใบอนุญาตเดินเรือในบางประเทศที่จะต้องผ่านเท่านั้นเอง ที่สำคัญเราเลือกเดินเรือในเขตน้ำลึกและเขตทะเลหลวงก็เพื่อหลบหลีกพวกที่ตามตัวคุณ” สาเหตุสำคัญที่ได้รับรู้ทำให้วาวพลอยพูดไม่ออกไปชั่วครู่

“คุณไม่ต้องกังวลไป ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น เรามีวิธีจัดการกับทุกอย่างในแบบของเรา ขอคุณจงวางใจ” คำยืนยันต่อมาจากเจ้าของร่างสูงใหญ่นั้นส่งผลให้หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่

ไม่ใช่ด้วยความโล่งใจ แต่เพราะความปลงใจมากกว่า ก็ ‘ลงเรือลำเดียวกัน’ แล้วนี่ ต่อให้ผิดกฎหมายหรือเผชิญอันตรายยังไงเธอก็ทำอะไรไม่ได้แล้วในตอนนี้ ทำไมการเป็นเจ้าหญิงถึงได้ยุ่งยากอย่างนี้ก็ไม่รู้ หญิงสาวบ่นกับตัวเองในใจ ก่อนจะฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้

“เออ... จริงสิ แล้วพวกคุณเป็นใครในริตถาวดีคะ ใช่คนของท่านลุงฉันหรือเปล่า ถึงได้รับความไว้วางใจให้ทำงานนี้” หญิงสาวยิงคำถามอีกครั้งถึงสิ่งที่อยากรู้

“เราเป็นทหารรับจ้าง ไม่ขึ้นตรงอยู่กับใครหรือหน่วยงานใด เรารับงานมาจากคนของลุงคุณอีกที แต่ไม่ต้องห่วง เราเป็นทหารเดนตายที่ถูกฝึกมาอย่างดี เวลารับงานเราเต็มที่เสมอ รับรองว่าคุณจะไปถึงริตถาวดีได้อย่างปลอดภัย” ชายหนุ่มยังอธิบายด้วยน้ำเสียงและหน้าตาราบเรียบ ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ

แม้วาวพลอยจะรู้สึกหมั่นไส้ท่าทีนั้นของหัสตะ แต่ก็พอใจในคำตอบของเขาไม่น้อย

“อ้อ... มาตรการความปลอดภัยของเราอีกอย่างก็คือ... การปลอมตัว จิญจัดการด้วย” แต่เสียงสั่งการต่อมาของชายหนุ่มทำให้เจ้าของดวงหน้างามซึ้งรู้สึกแปลกๆ เสียนี่

“ค่ะ หัวหน้า” หญิงสาวร่างสูงโปร่งรับคำอย่างกริ่งเกรง

แล้วคนเป็นหัวหน้าทีมก็เดินขึ้นบันไดเล็กๆ ไปยังชั้นสอง ทิ้งให้วาวพลอยและโก๋อยู่กับจิญจายะ ที่กำลังมองวาวพลอยเหมือนเห็นของเล่นชิ้นใหม่ยังไงยังงั้น ส่งผลให้คนถูกมองรู้สึกเย็นสันหลังวาบ จนต้องถามออกไปอย่างหวั่นๆ

“เอ่อ... อะไรคือการปลอมตัวคะคุณจิญ”

*-*-*-*-*-*

“กรี๊ด!! ” วาวพลอยกรีดร้องเมื่อปอยผมยาวสลวยของเธอหล่นลงมากองแทบเท้า หญิงสาวรู้สึกถึงระดับความยาวที่เหลืออยู่บนหัวได้โดยอัตโนมัติ

“อยู่เฉยๆ สิคะคุณวาวพลอย ไม่อย่างนั้นคัตเตอร์จะแทงเอานะคะ” จิญจายะเงื้อง่ามีดคัตเตอร์อันเล็กในมือตามศีรษะที่สะบัดไปมาของวาวพลอย พลางร้องบอก

“ไม่เอานะคะคุณจิญ ฉันไม่ตัดสั้นแบบนี้” หญิงสาวยังร้องและพยายามขัดขืนอย่างสุดความสามารถ

“แต่นี่เป็นคำสั่งของหัวหน้านะคะ” จิญจายะเองก็ไม่หยุดพยายาม

วาวพลอยรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังสนุกกับงานที่ได้รับมอบหมายเสียเหลือเกิน นี่มันเวรกรรมอะไรของเรากันนะถึงได้มาเจอแต่คนแบบนี้ หน้าตาก็ดี โรคจิตชะมัด! หญิงสาวแอบค่อนในใจ

“เกิดอะไรขึ้นจิญ” เสียงเอะอะโวยวายนั้นคงดังไปถึงหูหัสตะ เขาจึงกลับลงมาจากห้องควบคุมเรือชั้นบนอีกครั้ง

“เอ่อ... คุณวาวพลอยเธอ... ” จิญจายะพยายามจะอธิบายแต่ติดหอบเล็กน้อย

“ฉันไม่ตัด ยังไงก็ไม่ตัด” วาวพลอยโพล่งขึ้น สายตามองไปทางหัสตะท่าทางเอาเรื่อง พร้อมกับมือทั้งสองข้างกุมหัวตัวเองเอาไว้อย่างปกป้องเต็มที่ ทั้งที่ผมเริ่มแหว่งไปแล้วเป็นบางส่วน

“คุณอยากเป็นจุดเด่นหรือไง คุณรู้ไหมว่าผู้หญิงเดินทางทางเรือมันอันตรายแค่ไหน” เขาพูดขึ้นด้วยท่าทางที่ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ เช่นเคย

“ยังไงฉันก็ไม่เอา ฉันจะไปทั้งอย่างนี้แหล่ะ” หญิงสาวดื้อดึง ทำหน้าเชิดท้าทาย

“แต่โก๋ว่าเจ๊ตัดเถอะ เพื่อความปลอดภัยของเจ๊ไง” โก๋ที่มองดูเหตุการณ์เงียบๆ มานาน อดรนทนไม่ได้จึงแทรกขึ้นด้วยความเป็นห่วงและหวังดี แต่วาวพลอยกลับหันมาทำตาเขียวปั๊ด

“ไม่ต้องมาออกความคิดเห็นเลยโก๋ อย่าลืมสิว่าเราเป็นพวกพี่นะ” พร้อมกับแหวใส่น้องชาย

“ถ้าอย่างนั้นอย่าหาว่าผมใจร้ายก็แล้วกัน” หัสตะพูดอย่างตัดสินใจเด็ดขาด วาวพลอยหันขวับมาทางเขา

“คุ... คุณจะทำอะไร” ยังไม่ทันสิ้นคำ ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มก็ตรงเข้ารวบตัวคนดื้อเอาไว้ในทันที

เจ้าของร่างบอบบางพยายามดิ้นรน แต่หัสตะกลับรัดเธอแน่น พร้อมกับที่มือบางทั้งสองข้างก็ถูกรวบไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวของเขา จนหญิงสาวกระดิกแทบไม่ได้ เธอได้แต่ส่งเสียงร้องโวยวายโหวกเหวก

“จิญจัดการเลย” ชายหนุ่มรีบร้องสั่งจิญจายะ ที่ก็รีบใช้มีดคัตเตอร์ตัดผมยาวของหญิงสาวตามคำสั่งทันที

“อีตาบ้า ปล่อยฉัน! คอยดูนะ ฉันจะสั่งตัดหัวคุณทันทีที่ถึงริตถาวดีเลย” วาวพลอยตะโกนลั่น

แต่คนตัวโตหาฟังไม่ อีกทั้งคนมีหน้าที่ตัดผมก็รีบจัดการจนผมสวยๆ สั้นกุดในเวลาอันรวดเร็ว หญิงสาวหันไปเห็นโก๋กำลังกลั้นหัวเราะอยู่ไม่ไกลก็ยิ่งเดือดขึ้นมาปุดๆ

“โก๋ ทำไมไม่ช่วยพี่ไอ้น้องทรพี” น้องทรพีทำหน้าสลด แต่แววตายังเต็มไปด้วยความขบขัน

ร่างบอบบางถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ผมที่เคยยาวสลวยมาตอนนี้สั้นเพียงแค่ใบหู แถมยังหาทรงไม่ได้อีกต่างหาก ชายหนุ่มอีกคนในทีมที่ชื่อตันเต ตามเข้ามาสมทบเพราะได้ยินเสียงเอะอะ

พอเห็นสภาพของวาวพลอยเขาก็หันไปสบตากับโก๋ ก่อนจะพากันหัวเราะงอก่องอขิงอยู่ตรงนั้นอย่างกลั้นไม่อยู่

“หยุดนะโก๋ ไอ้น้องทรยศ ไม่ช่วยแล้วยังจะหัวเราะเยาะอีกเหรอ ไอ้น้องบ้า พี่จะสั่งตัดหัวเราอีกคนคอยดูสิ” หญิงสาวไม่กล้าว่าตันเตจึงหันมาตวาดแว้ดใส่น้องชายเพื่อระบายอารมณ์ ดวงหน้างามงอง้ำ

“โธ่เจ๊ ก็มันตลกจริงๆ นี่” โก๋พยายามกลั้นหัวเราะ

ตันเตเองรีบจรลีจากไปเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรร้ายแรง และกลัวจะโดนสั่งตัดหัวไปด้วยอีกคน ส่วนเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่ทำหน้านิ่งกลับซ่อนรอยยิ้มขำเอาไว้

“คราวนี้ก็เรื่องเสื้อผ้า เตรียมมาเรียบร้อยใช่ไหม” ก่อนหันไปถามจิญจายะเสียงเข้ม หญิงสาวร่างสูงโปร่งรับคำ

“แต่ฉันก็มีเสื้อผ้าที่เตรียมมาด้วยเหมือนกันนะคะ” วาวพลอยว่า ขณะที่จิญจายะนำเสื้อผ้าออกมาจากเป้เดินทางใบใหญ่

“ของคุณเอาทิ้งไปซะ อ้อ... รวมทั้งอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ ด้วย และต่อไปนี้อย่าได้ติดต่อใครโดยพลการ การสื่อสารทุกอย่างให้ขึ้นอยู่กับพวกเราเท่านั้น” หัสตะสั่งด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจในแบบของเขา และก็อีกครั้งที่วาวพลอยต้องทำตาโต

“หมายความว่า... โทรศัพท์มือถือก็ต้องทิ้งอย่างนั้นเหรอ” ก่อนจะร้องขึ้นอย่างขัดใจ

“ใช่ ถ้าไม่อยากให้คนที่ตามล่าตัวคุณรู้พิกัดและเส้นทางที่เราใช้” หัสตะตอกย้ำ ก่อนหันไปทางจิญจายะอีกครั้ง

“จิญจัดการด้วย ให้เหลือเพียงของจำเป็นเท่านั้นที่ติดตัวไป ที่เหลือโยนทิ้งทะเลให้หมด” ชายหนุ่มสั่งลูกน้องสาว ก่อนจะก้าวขึ้นไปชั้นบนอีกครั้ง

วาวพลอยมองตามร่างสูงใหญ่จนลับตา มาตอนนี้ดวงตาคู่หวานซึ้งเปล่งประกายวาววะวับด้วยความโมโหกับคำสั่งอันเด็ดขาดนั้น โดยเฉพาะเรื่องโทรศัพท์มือถือ

รู้สึกเสียดายไม่เท่าไหร่ แต่ที่สำคัญโทรศัพท์มือถือเป็นช่องทางเดียวที่มารดาจะสามารถติดต่อเธอได้ หญิงสาวไม่รู้หรอกว่ากลางทะเลมันจะมีสัญญาณหรือไม่อย่างไร



เธอรู้เพียงแต่ว่ามันคือความอุ่นใจเดียวที่เธอมีอยู่ แต่ตอนนี้มันกำลังจะถูกตัดขาดลง และที่น่าเจ็บใจก็คือเธอทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง นอกจากต้องยอมรับสภาพ วาวพลอยรู้สึกว่างโหวงในใจอย่างบอกไม่ถูก





**‘มงกุฎแสงดาว’ รูปแบบ E-Book สนใจเข้าไปโหลดฉบับเต็มกันได้นะคะ ที่

MEB

https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6

NjoiNzEyOTE2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjY2NzYiO30

ookbee

http://www.ookbee.com/Shop/Book/3cbffb2b-d724-41df-87e9-b81cd2f83d83

ebooks.in.th

http://www.ebooks.in.th/ebook/34430/%E0%B8%A1%E0

%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%8E%E0%

B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8

%B2%E0%B8%A7/



Hytexts

http://www.hytexts.com/ebook/book/B004883



นายอินทร์ปัณณ์

https://www.naiin.com/product/detail/184068/



ซีเอ็ด

https://www.se-ed.com/product/มงกุฎแสงดาว-PDF.aspx?no=9786164063174



banbanbook



http://banbanbook.com/banbanbook/cart/get_detail_book/1110



กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 มิ.ย. 2559, 15:16:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 มิ.ย. 2559, 15:16:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 856





<< บทที่ 4   บทที่ 6 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account