แหวนปฏิพัทธ์ (ขาย E-book ที่ meb และ ookbee ในชื่อว่า "หนึ่งใจในรอยกาล" แล้วนะคะ)
ปาฏิหาริย์บางอย่างทำให้ธราต้องย้อนเวลากลับไปในอดีต

เพื่อพบกับทินกร ชายผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือเธอจากการโดนทำร้าย

เขาเป็นดาราดังที่ทำตัวแย่ๆ จนในปัจจุบันชีวิตตกอับ ไร้งานละคร

เธอจึงพยายามที่จะช่วยเหลือเขาเป็นการตอบแทน

แม้ความหวังดีของเธอจะสร้างความหงุดหงิดน่ารำคาญสำหรับเขาแค่ไหน

แต่เธอก็ยังพยายามที่จะทำให้สำเร็จ แต่ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ หัวใจเธอก็ยิ่งพังมากขึ้นเท่านั้น

จนทุกอย่างมาถึงทางเลือก ระหว่างหัวใจกับเป้าหมาย อะไรสำคัญกว่า....
Tags: รักโรแมนติก,ดารา,นักเขียน

ตอน: ตอนที่ 13 ....คำขอโทษ

ในงานโชว์ตัวสินค้าเสื้อกันฝนยี่ห้อดัง มีนางแบบและนายแบบมากหน้าหลายตาเข้ามาร่วมเปิดงานนี้ ชุดที่สำคัญที่สุดจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากนักแสดงคู่ขวัญที่ถูกกล่าวถึงกันมากที่สุดในเมืองไทย ทั้งคู่เปิดตัวออกด้วยชุดกันฝนต่างลวดลาย ทินกรเป็นชุดสีดำที่ยังคงดูเท่และสมชายชาตรีแม้กระทั่งเวลาเปียกฝน ฝ่ายอัจฉราจะเป็นชุดสีชมพูลวดลายน่ารักสมตัว ปิดท้ายการโชว์ด้วยสายน้ำที่ฉีดกระหน่ำลงมากลางเวที ทั้งคู่เดินฝ่าออกไปยืนที่สุดปลายของทางเดิน ทินกรรั้งเอวอัจฉราเข้ามาใกล้ สัมผัสผิวหน้านวลเนียนนั้นก่อนยิ้มให้สู่ผู้ชมด้านล่าง พร้อมกับเสียงปรบมือที่ดังสนั่นไปทั่วบริเวณ

กัญกรยืนมองโชว์ของทั้งคู่อย่างภาคภูมิใจเป็นที่สุด พลางนึกไปเรื่องทินกรบอกว่าตนเองไม่ได้ซักซ้อมใดๆ แต่ก็ยังทำได้ดีไม่ขาดตกบกพร่อง เขามักจริงจังกับงานเสมอ นี่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เขายืนหยัดอยู่ในวงการนี้ได้โดยที่ไม่ต้องสร้างภาพลักษณ์ที่ดี

ชื่นชมในใจได้ไม่นานนัก คนที่กัญกรนึกถึงก็จูงมืออัจฉรายิ้มร่าเข้ามาหา แต่ระหว่างทางเดินกลับก็ถูกกองทัพนักข่าวดึงตัวเข้าไปสัมภาษณ์เสียก่อน ทินกรผู้รู้หน้าที่ตนเองดีก็ยิ้มให้นักข่าวไม่ต่างจากที่ยิ้มให้กับกัญกรและอัจฉราสักนิด

“เป็นยังไงบ้างคะ กับงานเปิดตัวสินค้าใหม่ของยี่ห้อนี้”

ทินกรยิ้มรับสำหรับคำถามแรก ก่อนตอบ “ดีมากเลยครับ การตอบรับดีพอสมควร มีคนมาเยอะมาก”

“ค่าตัวของการโชว์เท่าไหร่คะ”

“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่จัดการครับ ผมและน้องฟ้าไม่สามารถบอกได้ในส่วนนี้ เท่าไหร่ก็เท่านั้น ผมไม่คิดอะไรมากครับ”

“ขอนอกเรื่องนิดหนึ่งนะคะ มีข่าวแว่วๆ มาว่าคุณทินกรแอบกิ๊กกั๊กกับผู้หญิงนอกวงการนี่จริงหรือเปล่าคะ น้องฟ้าว่ายังไงคะ” นักข่าวสาวใจกล้า เปลี่ยนไมค์เข้าไปหาอัจฉราที่มองทินกรอย่างงุนงง พระเอกหนุ่มไม่รอให้เธอตอบ เขาดึงไมค์กลับมาหาตนเอง

“ไม่มีเรื่องแบบนั้นแน่นอนครับ คนนอกวงการไม่ว่าจะแฟนคลับหรือใครก็ไม่สามารถเข้าถึงตัวผมได้ง่ายขนาดนั้นอยู่แล้ว น่าจะเป็นข่าวลือผิดๆ มากกว่านะครับ”

“แต่มีคนแอบเห็นนะคะว่าคุณทินกรทะเลาะกับผู้หญิงคนหนึ่งในที่สาธารณะ และก็มีข่าวลือมาอีกว่าผู้หญิงคนนั้นอยู่คอนโดเดียวกับคุณด้วยน่ะค่ะ” นักข่าวยังคงถามต่ออย่างไม่ลดละ ทินกรเริ่มหน้าเปลี่ยนสีกับคำถามตรงประเด็นนั้น พลางลอบมองอัจฉราเป็นระยะๆ ซึ่งฝ่ายนั้นก็ยังคงยิ้มปกติ ไม่มีท่าทีโกรธเคืองใดๆ

“ถ้าเห็นว่าทะเลาะกันแล้วจะใช้คำว่ากิ๊กกั๊กกันได้ยังไงล่ะครับ ก็แค่พวกแฟนคลับบ้าดาราคนหนึ่ง ผมไม่ได้อะไรกับเขาอยู่แล้ว และเรื่องอยู่คอนโดเดียวกับผมก็ไม่จริงนะครับ ไม่มีอะไรแบบนั้นแน่นอน ผมว่าข่าวลือมั่วมากเลยนะครับ”

“ก็ถ้าไม่สนิทกันแล้วจะทะเลาะกันได้ยังไงล่ะคะ ตกลงว่าผู้หญิงคนนั้นรู้จักกับคุณทินกรเป็นการส่วนตัวหรือเปล่าคะ”

กัญกรที่เห็นทีท่าไม่ดีของทินกร จึงรีบแทรกกลางสื่อมวลชนเข้ามาตอบแทนนักแสดงทั้งคู่ ก่อนจะพาตัวทั้งคู่ออกไป โดยมีการ์ดคุ้มกันอย่างหนาแน่น

“งดตอบคำถามแล้วนะคะ พอดีต้องรีบพาสองคนนี้ไปทำธุระน่ะค่ะ ขอโทษสื่อมวลชนด้วยจริงๆ นะคะ ไว้โอกาสหน้าจะให้เวลาในการสัมภาษณ์นานกว่านี้ค่ะ”

เธอพาคนทั้งคู่ออกมานอกงาน และขับรถมารับด้วยตัวเอง เมื่อทุกคนเข้ามาอยู่พร้อมกันในรถ ทุกคนก็เงียบกันอย่างไม่ได้นัดหมาย หญิงสาววัยกลางคนจ้องหน้าเด็กในสังกัดนิ่ง ก่อนถามเสียงเรียบ

“เรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่เพลิง ทำไมถึงมีข่าวแบบนี้ได้ ปกติเพลิงไม่เคยมีข่าวกับผู้หญิงเลยนะ” ทินกรทำสีหน้าเคร่งเครียดกับคำถามจริงจังที่ผู้จัดการสาวยื่นมาให้ และหากเขาหันมาสังเกตคนที่นั่งด้านหลังสักนิด น่าจะรู้ว่าคนที่อยากได้คำตอบมากที่สุดไม่ใช่กัญกร แต่เป็นอัจฉรา

“ไม่มีอะไรนะครับพี่เกล ข่าวมันมั่ว” ชายหนุ่มตอบอย่างไม่สนใจอะไรนัก เหมือนเป็นเรื่องเล็กไม่ได้สลักสำคัญกับชีวิตเขา
“เพลิง...รู้ไหมว่าเล่นละครเก่ง แต่โกหกไม่เก่งเอาซะเลย” ทินกรหันกลับมามองหน้าผู้จัดการส่วนตัวด้วยสีหน้าจริงจัง พร้อมทั้งลอบมองอัจฉราที่เอาแต่ก้มหน้านิ่ง

“มันไม่มีอะไรเลยครับพี่ แค่ก่อนหน้านี้ผมเจอเด็กคนหนึ่งที่มาชวนทะเลาะกลางถนนแถมยัง เขวี้ยงกระเป๋าตังผมหายเข้าข้างทางไป หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้เจอเขาอีก เรื่องอยู่คอนโดเดียวกันอะไรนั่นก็ไม่จริง มั่วกันไปหมด เด็กคนนั้นดูเหมือนคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าด้วยซ้ำ จะมีปัญญาอะไรมาจ่ายค่าคอนโดที่ผมอยู่ ที่ผ่านมาผมเคยโกหกพี่กับฟ้าด้วยเหรอ พี่ก็น่าจะรู้นี่ครับว่าพวกนักข่าว ขยันหาเรื่องกันจะตายไป ทำไมไม่เชื่อที่ผมพูด” ชายหนุ่มอธิบายยาวเหยียดให้คนทั้งคู่เข้าใจ เขาหันไปมองหน้าอัจฉรานิ่งนาน จนกว่าเธอจะตอบเขา

“ฟ้าเชื่อพี่เพลิงค่ะ ฟ้าว่าพี่เพลิงไม่น่าจะโกหกฟ้าหรอก” หญิงสาวยิ้มจนตาหยี เมื่อเธอคิดว่าเธอรู้จักตัวตนของเขาดีเพียงพอ ผู้ชายคนนี้จะไม่มีวันผิดสัญญากับเธออย่างแน่นอน เธอมั่นใจ

“พี่อยากให้ฟ้าคิดไว้อย่างหนึ่ง ไม่ว่าพี่จะเจอผู้หญิงคนไหน แต่พี่ไม่มีทางไปรักใครแน่นอน ไม่ลืมสัญญาของเราหรอก” คำตอบรับจากอัจฉราคือรอยยิ้มหวาน เธอไม่ได้ตอบอะไรกลับมาแต่จ้องหน้าเขากลับ สื่อความนัยทุกอย่างผ่านแววตาคู่นั้นจนหมดสิ้น

“โอ๊ย! พอเลย ฉันหมั่นไส้พวกแกเต็มทีแล้ว” กัญกรพูดขึ้นทำลายบรรยากาศโรแมนติกภายในรถ ก่อนจะหันไปบอกทินกรจริงจัง “คราวนี้พี่จะเชื่อเพลิงนะ แต่จำไว้ว่าห้ามยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นนอกจากฟ้าเด็ดขาด เข้าใจไหม”

“เข้าใจครับพี่เกล ผมไม่มีใครหรอก”




นี่ก็เป็นอีกวันที่ธราเดินวนเวียนอยู่ในห้องตัวเอง เป็นบางครั้งที่จับปากกาขึ้นมาเขียนนิยาย แต่ก็ไม่เจอพล็อตเรื่องที่ถูกใจ ฉีกกระดาษขยำทิ้งไปกองเต็มอยู่ในถังขยะ ราวกับว่าสมาธิในการเขียนตอนนี้หายไปพร้อมกับที่เธอย้อนเวลากลับมาในอดีต

...ป่านนี้ยายทิพย์กับพี่อันนาจะว่าไงบ้างเนี่ย ที่เราหายไปแบบนั้น

หญิงสาวยีหัวตัวเองจนผมยุ่งพันกันไปหมด ก่อนจะได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังลั่นห้อง

“ใครโทรมาดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้นะ” เธอวางปากกาในมือลง ก่อนจะรีบไปรับโทรศัพท์โดยเร็ว เสียงปลายสายทักทายอย่างอารมณ์ดี

…[ไงชล นี่พี่เองนะ พี่ปุ่น] หญิงสาวนิ่งไปสักพัก ก่อนจะนึกขึ้นได้

“อ้าวพี่ปุ่น สวัสดีค่ะพี่ มีอะไรหรือเปล่าคะ พี่จะทวงเสื้อเหรอ”

…[เปล่าๆ แค่อยากโทรมาคุยด้วยเฉยๆ พอดีเคลียร์งานเสร็จแล้ว ว่างๆ เลยหาเพื่อนคุย สะดวกหรือเปล่า] แว่วเสียงหัวเราะคิกคักจากชายหนุ่มปลายสาย เธอก็อดยิ้มไม่ได้ นึกไปถึงใบหน้าคมเข้มที่ได้เห็นเมื่อกลางวัน ผิวกายคร้ามแดดและปราดเปรียวนั้นให้ความอบอุ่นได้มากกว่าความหล่อเหลากำยำที่ทินกรมีเสียอีก

“ได้ค่ะพี่ปุ่น ตอนนี้ชลก็ว่างๆ อยู่พอดี”

เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่รู้ที่คนทั้งคู่ถือโทรศัพท์คุยกันอย่างสนุกสนานภายในห้องของตนเอง เวลาผ่านไปนานกระทั่งมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นหน้าห้องของธรา แต่คนเคาะกลับไม่รอให้ไปเปิด เขาเปิดเข้ามาเองเหมือนเคาะเพื่อแจ้งให้ทราบแต่ไม่รอคำอนุญาตเสียมากกว่า

“อ้าว คุณ....” ธราเอ่ยพึมพำเบาๆ เมื่อเห็นใบหน้าคมเข้มของคนที่เธอเพิ่งนึกเปรียบเทียบไปเมื่อครู่ เขาจ้องมองเธอที่กำลังถือโทรศัพท์ยิ้มคิกคักด้วยสีหน้านิ่งๆ แล้วเดินออกจากห้องไปโดยไม่พูดจาเลยสักคำ

“พี่ปุ่นคะ แค่นี้ก่อนนะคะ พอดีพี่ชายชลมาหาน่ะค่ะ” ล่ำลากันอยู่สักพัก ร่างบางก็เดินตามไปเคาะประตูห้องข้างๆ แต่ข้างในยังคงเงียบ

“นี่คุณ! เปิดประตูหน่อยสิ” หญิงสาวเอ่ยโวยวายเมื่อเคาะเป็นรอบที่สาม แต่คนในห้องก็ยังไม่มีทีท่าจะมาเปิด “คุณ! ฉันบอกให้มาเปิดไง หรือจะให้ตะโกนเรียกป้าแม่บ้านมาไขกุญแจ”

ไม่นานนัก ประตูก็เปิดออก เผยให้เห็นชายหนุ่มในชุดกางเกงขาสั้น ไร้ซึ่งเสื้อผ้าปกปิดด้านบน ธรายืนมองแผงอกล่ำนิ่ง จนเขาต้องเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดุๆ

“เข้ามาสิ! จะยืนให้ใครเห็น” เธอเดินเข้ามาในห้องช้าๆ เสมองไปทางอื่นอย่างขัดเขิน

“ทำไมคุณไม่ใส่เสื้อล่ะคะ” น้ำเสียงที่ธราเอ่ยออกไปนั้นสั่นๆ พิกล และคล้ายว่าทินกรจะจับสังเกตเรื่องนี้ได้ เขาหันกลับมาส่งสายตาเจ้าเล่ห์

“ทำไม กลัวเหรอ” ชายหนุ่มพูดพร้อมทั้งย่างเท้าเข้ามาหาร่างบางตรงหน้า เป็นจังหวะเดียวกับที่เธอก้าวถอยหลัง แต่ก็ไม่ทันการเมื่ออ้อมแขนอันแข็งแรงรั้งเอวเธอเข้าไปใกล้

“คุณเพลิง! นี่จะทำอะไร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ” หญิงสาวดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนของคนที่เอาแต่หัวเราะในลำคอ ไม่นานนักเขาก็เหวี่ยงร่างเธอออกห่าง

เจ้าตูบที่นอนอยู่ตรงมุมห้องเดินมาหาธราช้าๆ พลางครางหงิงๆ หญิงสาวจับมันมาไว้ในอ้อมแขนอย่างเอ็นดู

“ไม่ได้อยากจะแตะต้องนักหรอก” เขาหันมาพูดสีหน้าจริงจัง แม้ว่าหญิงสาวจะมีทีท่าหมั่นไส้เสียเต็มประดาก็ตาม “ที่ผมไปเคาะห้องคุณน่ะเพราะมีเรื่องจะคุยด้วย ไม่คิดว่าจะคุยกับแฟนอยู่ เออนี่ถามหน่อยสิ ถ้าคุณมีแฟน แล้วทำไมคุณไม่ไปอยู่กับแฟนคุณล่ะ มาวุ่นวายกับผมเพื่อ?”

หญิงสาวหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที กับท่าทางยียวนของพระเอกหนุ่ม “ไม่ใช่แฟนฉันซะหน่อย”

“ไม่ใช่แฟน งั้นใคร” เขาถามเสียงเรียบ ทว่าดูสนใจมากขึ้น ธราหัวเราะร่าพลางกอดอกมองเขา

“แล้วคุณจะมาอยากรู้ทำไม อย่าบอกนะว่า....” หญิงสาวกลั้นยิ้มก่อนพูดต่อ “หึงฉัน”

ทินกรระเบิดหัวเราะออกมาทันทีที่ฟังจบ “ผมเนี่ยนะหึงคุณ ฝันไปเหอะ ช่วยคิดอะไรที่มันเป็นไปได้หน่อยได้ไหม หรือว่าสมองมีแต่เรื่องเพ้อฝันไร้สาระ”

ธรายักไหล่ พยายามไม่สนใจคำพูดเขาก่อนจะถือวิสาสะเปิดทีวีและนอนเล่นบนเตียงเขาราวกับเป็นเจ้าของ ทินกรมองตาค้าง ขยับขาจะเดินเข้าไปเหวี่ยงลง แต่หญิงสาวบนเตียงส่ายนิ้วชี้ไปมาอย่างรู้ทัน

“อ๊ะๆ อย่านะคุณเพลิง เสื้อผ้าก็ไม่ใส่ ถ้าเดินเข้ามา ฉันจับปล้ำไม่รู้ด้วยนะคุณ” พระเอกหนุ่มไม่พูดอะไรต่อ แต่กลับเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หาเสื้อผ้าใส่แทน และนั่งบนเตียงใกล้ๆ ธรา หญิงสาวขำคิกคัก ยิ่งตลกเสียจริงที่เห็นว่าเขาเป็นผู้ชายที่หวงตัวมากกว่าผู้หญิงเสียอีก

“วันนี้มีนักข่าวมาถามผมเรื่องคุณ มันต้องมีใครเอาไปพูดต่อแน่ๆ” เขาพูดเข้าประเด็นที่ต้องการจะบอกเธอในวันนี้ หญิงสาวบนเตียงเด้งลุกขึ้นมานั่งฟังเขาอย่างจริงจังทันที

“เรื่องฉัน? ยังไงคะ”

“นักข่าวมาถามประมาณว่าผมกิ๊กกั๊กกับผู้หญิงนอกวงการ เพราะเห็นทะเลาะกันในที่สาธารณะ และมีข่าวมาว่าผมอยู่คอนโดเดียวกับผู้หญิงคนนั้น หมายถึงคุณเนี่ยแหละ ไม่มีใครหรอก” ชายหนุ่มนั่งกอดอกสีหน้าเคร่งเครียด เหยียดสายตามองตัวปัญหาที่ยังนั่งยิ้ม

“เขาอาจไม่ได้หมายถึงฉันก็ได้ นึกดูดีๆ สิ คุณไปกินเรี่ยราดไว้ที่ไหนแล้วลืมหรือเปล่า”

“นี่คุณ! ผมไม่ใช่คนแบบนั้นนะ ถ้าผมเลวขนาดนั้น คืนแรกที่คุณมานอนอยู่ในห้องผม คุณไม่มีทางมานั่งยิ้มระรื่นที่นี่ได้อีกหรอก อาจจะไปนั่งตรวจครรภ์อยู่ในแผนกสูติที่โรงพยาบาลนู่น”

“โหย ครั้งเดียวก็ถึงกับไปตรวจครรภ์เชียวเหรอ มันจะเก่งไปเปล่าคุณ” หญิงสาวขำคิกคัก แต่ก็ต้องหุบยิ้มเมื่อหันไปเห็นแววแห่งความหงุดหงิดบนใบหน้าคมเข้ม “ใจเย็นสิ ฉันไม่เล่นแล้วก็ได้ เอาเป็นว่าฉันสัญญาว่าจะไม่บอกใครเรื่องนี้แล้วกัน ถ้าใครถามฉันก็จะบอกไม่รู้ไม่เห็น แล้วก็จะไม่ยุ่งวุ่นวายกับคุณจนเกินพอดี ตกลงไหม”

เขาพยักหน้ารับแบบไม่สนใจอะไรมากนัก พลันเหลือบไปเห็นเพลงละครที่ตัวเองเล่นดังขึ้น ชายหนุ่มก็รีบคว้ารีโมทมากดเปลี่ยนช่องทันที

“อ้าวคุณ จะเปลี่ยนทำไมล่ะ เรื่องนี้สนุกนะเมื่อคืนฉันดูอยู่” หญิงสาวโวยวายใส่เขา พลางยื้อแย่งรีโมทกันไปมา

“ก็ผมไม่อยากดู นี่มันรีโมทผม และที่นี่ก็ห้องผม เพราะฉะนั้นคุณไม่มีสิทธินะ อยากดูก็กลับไปห้องตัวเองนู่น” เขาเสมองไปทางอื่นเมื่อเห็นสีหน้าธราที่จ้องมองมายิ้มๆ

“อย่าบอกนะว่า...คุณเขินหน้าตัวเองน่ะ” หญิงสาวก้มมามองหน้าเขาใกล้ๆ อีก ทินกรดันหน้าเธอออกอย่างฉุนเฉียว แต่ธรามองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นอาการฉุนเฉียวเพื่อปกปิดบางอย่าง เมื่อจับได้ก็หันไปแอบขำคิกคัก

“ขำอะไร”

“ก็ขำคุณน่ะสิ คนอะไร กล้าทุกอย่าง แต่ไม่กล้าดูละครที่ตัวเองเล่น ขี้ขลาด” ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะส่งรีโมทคืนให้เจ้าหล่อน ธราหัวเราะลั่นอย่างผู้ชนะ ก่อนจะกดกลับไปที่ช่องเดิม

“นี่ไงคุณ หล่อจะตาย หล่อกว่าตัวจริงอีก ถ้าฉันได้แฟนหน้าตาอย่างคุณในทีวีนะ ฉันคงรักตายเลย” ธราพูดออกมาอย่างไม่คิดอะไรมาก สายตาจับจ้องไปยังหน้าจออย่างสนใจ โดยไม่รู้เลยสักนิดว่าชายหนุ่มด้านข้างหันขวับกลับมาแทบจะทันทีที่ได้ยินประโยคเมื่อครู่จากเธอ

เนิ่นนานที่เขามองพวงแก้มชมพูระเรื่อจากดวงหน้าหวานผิวสีน้ำผึ้งนั้น ผมเผ้าที่ปล่อยไว้ไม่สนใจจะหวีให้เรียบร้อยก็ขับให้ใบหน้านั้นดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ

“นี่คุณเพลิง ฉันยังไม่ได้คืนเสื้อให้คุณเลยอ่ะ รอก่อนนะ ตอนนี้ฉันไม่มีเสื้อผ้าใส่ พรุ่งนี้คุณว่างเปล่า ไปซื้อเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม” หญิงสาวหันกลับมาเอ่ยเสียงหวาน ชายหนุ่มสะบัดหน้าหลบสายตานั้นทันทีเช่นกัน เขาล้มตัวลงนอนอย่างไม่ใส่ใจอะไรในคำพูดเธอ

“เรื่องอะไรผมจะต้องไป เราไม่ได้สนิทกันเลยนะ อย่ามาลามปาม” ธราหน้าหม่นหมองลงอย่างผิดหวัง ทินกรที่ลอบมองสีหน้าเธออยู่ได้ไม่นานก็ควักแบงค์พันที่เพิ่งกดมาใหม่ให้เธอไปหนึ่งใบ “เอาเงินไปแทนแล้วกัน แล้วผมจะคิดเงินคุณกลับสองเท่าเลยคอยดู”

หญิงสาวคว้าหมับทันทีที่เขาส่งให้ พลางยิ้มระรื่น “ก็ยังดี ขอบคุณนะคะ”

เจ้าตูบเอียงคอมองอย่างน่าเอ็นดู มันดูร่าเริงเป็นพิเศษเมื่อเห็นว่าวันนี้เจ้านายทั้งสองไม่ทะเลาะกัน ธราก้มลงมองสุนัขตัวน้อยที่นั่งกระดิกหางรัวเร็วอยู่ที่พื้น

“ไปก่อนนะจ๊ะเจ้าตูบ ไว้วันหลังจะมาหาใหม่”

“จะมานี่ถามเจ้าของห้องก่อนไหม ว่าให้เข้าหรือเปล่า” น้ำเสียงดุเข้มดังขึ้น แต่หญิงสาวไม่ได้สนใจสักนิด

เธอยิ้มหวานให้เขาก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปทางประตู และก่อนที่ประตูจะปิดลง เสียงนุ่มทุ้มก็เอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก เบาจนแทบเหมือนกระซิบ แต่ก็พอที่จะให้หญิงสาวด้านหลังประตูนั้นได้ยินอย่างแจ่มชัด

“ขอโทษนะ เรื่องเมื่อคืน”

ธรารีบปิดประตูลงอย่างรู้หน้าที่ ทินกรคงไม่ชอบใจแน่หากเธอจะเห็นสีหน้าเขาที่พูดประโยคนั้นออกมา ความรู้สึกบางอย่างชัดเจนขึ้นในหัวใจ ชายผู้นี้ไม่ใช่คนที่จะเลวไปเสียทั้งหมด ผิดก็ยังยอมรับผิดและรู้จักขอโทษ

“ฉันจะทำให้คุณกลับมาดังได้อีกครั้งแน่ๆ คุณทินกร”





เอวาลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ก.ค. 2559, 20:45:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.ค. 2559, 20:45:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 875





<< ตอนที่ 12 ...ความลับของคนสองคน   ตอนที่ 14 ...ตัวก่อปัญหา >>
Zephyr 3 ก.ค. 2559, 23:24:20 น.
ดีมากค่า
พยายามเข้านะ กึกุ
ถึงจะยากก็เถอะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account