มงกุฎแสงดาว (พิริตา) (เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book)
‘วาวพลอย’ เจ้าหญิงพลัดถิ่นผู้ไม่เคยรู้สถานะของตัวเองมาก่อน
จนกระทั่งวันหนึ่งที่ถูกคุกคามด้วยภัยและความจริง การพลัดพรากจากคนที่รักก็มาถึง
พร้อมกับการเดินทางกลับสู่ ‘บ้าน’ ที่เธอไม่เคยรู้จักก็เริ่มต้นขึ้น


ด้วยการนำทางของ ‘หัสตะ’ ชายหนุ่มลูกครึ่งอดีตหน่วยซีลผู้เก่งกล้าสามารถ
ท่ามกลางเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรค อันตรายที่ทั้งคู่ต้องร่วมกันฝ่าฟัน
ความรู้สึกบางอย่างได้ถักทอขึ้นในหัวใจทั้งสองดวง
แต่ทว่าชาติกำเนิดในอดีตกลับเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่กว่า
เจ้าหญิงและผู้นำทางจะทำอย่างไรกับความรักที่ไม่เห็นหนทางเป็นไปได้


Tags: เจ้าหญิง เจ้าชาย มงกุฎ แสงดาว ติดเกาะ โจรสลัด หน่วยซีล ทะเล

ตอน: บทที่ 9




แสงแดดยามสายสาดส่องลงมา ขณะเรือกำลังแล่นเข้าไปสู่จุดเขียวๆ ที่อยู่ตรงหน้า หลังอาหารเช้าวาวพลอยกับโก๋พากันขึ้นมาอยู่บนดาดฟ้า

พร้อมกับกล้องส่องทางไกลของจิญจายะ โดยมีเจ้าตัวคอยดูอยู่ใกล้ๆ ทั้งสองต่างสลับกันส่องดูเกาะสุตวาอย่างตื่นเต้น เพราะทุกวันเห็นแต่น้ำกับฟ้า ทำให้รู้สึกราวกับว่าไม่ได้พบทัศนียภาพอื่นมานานแรมปี

“เจ๊ ไม่ได้มีแค่เกาะที่เราจะไปเกาะเดียวนะ โน่นที่ไกลลิบๆ ดำตะคุ่มด้านหลัง ด้านข้างหลายๆ อันนั่นก็ใช่” โก๋บอกขณะยื่นกล้องส่องทางไกลให้วาวพลอย ที่ก็รีบรับไปส่องดูทันที

“เออ... จริงด้วยโก๋ ตั้งเยอะแยะ”

“เขาเรียกว่ากลุ่มเกาะมาเรติก มีประมาณสิบกว่าเกาะ ทั้งเกาะขนาดเล็ก ขนาดกลาง จนไปถึงเกาะขนาดใหญ่ บางเกาะก็มีผู้คนอยู่อาศัย บางเกาะก็ไม่มี มองแบบนี้อาจจะดูเหมือนมันใกล้กัน แต่ความจริงแล้วบางเกาะใช้เวลาเป็นวันๆ กว่าจะไปถึง เราจึงเห็นเพียงจุดดำๆ อย่างนั้น”

คำอธิบายมาจากเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะความเบากริบของฝีเท้าเขา วาวพลอยเองก็หายแปลกใจกับการผลุบโผล่แบบนี้ของหัสตะมาตั้งนานแล้ว

“แล้วเกาะที่เรากำลังจะแวะ มีคนอาศัยอยู่เยอะไหมคะ” หญิงสาวถาม ทั้งที่ยังคงถือกล้องส่องทางไกล ส่องไปทางโน้นทีทางนี้ทีไม่หยุด

“สุตวาเป็นเกาะใหญ่พอสมควร ชาวเกาะจริงๆ มีไม่เท่าไหร่ ส่วนมากเป็นพ่อค้าที่แวะพัก แลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้ากัน แล้วก็พวกชาวเรือ เดินเรืออย่างเราตอนนี้ มันคงทำให้พวกคุณผ่อนคลายลงได้บ้าง ถ้าได้เห็นผู้คนอื่นๆ ”

หลังจากชื่นชมทัศนียภาพกันจนพอใจแล้ว ในเวลาที่เรือกำลังแล่นเข้าใกล้ท่าเทียบเรือของเกาะ ทั้งหมดจึงพากันลงมาข้างล่าง

“เตรียมตัวให้พร้อมนะ” หัสตะบอกทุกคน

เขาเอื้อมมือไปเปิดผนังเรือตรงชั้นสองที่เคยราบเรียบเป็นผืนเดียวกัน แต่กลับมีลิ้นชักขนาดใหญ่และยาวซ่อนตัวอยู่ตรงนั้น อาวุธปืนพกทั้งยาวและสั้นหลายขนาด หลายชนิด รวมทั้งสิ่งที่ดูเหมือนระเบิดมือ ถูกซุกซ่อนอยู่ในนั้นอย่างปลอดภัย

ช่องนิรภัยนั้นถูกออกแบบและสร้างมาให้ป้องกันแรงกระแทก พร้อมทั้งกันน้ำได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มหยิบปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติออกมากระบอกหนึ่ง

“คุณยิงปืนเป็นหรือเปล่า” หัสตะหันมาถามวาวพลอย

“เอ่อ... ไม่เป็นค่ะ” หญิงสาวสั่นศีรษะ

“ผมเป็นนิดหน่อยครับหัวหน้า” โก๋รีบบอก ด้วยท่าทางกระตือรือร้น

“ถ้าอย่างนั้นนายเอาไปกระบอกหนึ่ง พกไว้ป้องกันตัวเท่านั้น อย่าใช้หากไม่จำเป็น และอย่าให้ใครเห็น” เขาส่งปืนให้โก๋

“ส่วนคุณ ตอนนี้อย่าห่างจากผม” แล้วจึงหันมาทางวาวพลอยอีกครั้ง

“ตะ...แต่ว่า คุณจิญก็อยู่กับฉันตลอดแล้วนี่คะ” หญิงสาวทำหน้าอิหลักอิเหลื่อ ด้วยไม่เห็นความจำเป็นที่เธอจะต้องทำตัวติดกับเขาสักเท่าไหร่

“นั่นมันตอนอยู่บนเรือ ไม่มีคนอื่นให้ต้องระวัง แต่ที่นี่คนค่อนข้างหลากหลาย การคุ้มกันต้องรัดกุมที่สุด” ชายหนุ่มบอกท่าทางจริงจัง ก่อนจะหันไปสั่งการกับหรคุณและตันเต ถึงรายละเอียดอีกนิดหน่อย

แล้วเรือก็ดับเครื่องยนต์ตรงท่าเทียบเรือ ซึ่งเป็นน้ำลึก มีการสร้างสะพานไม้เชื่อมต่อไปยังฝั่งอีกประมาณสิบกว่าเมตร ตรงท่าเทียบมีเรือหลากหลายแบบและขนาดจอดอยู่ก่อนแล้ว

บ้างก็เป็นเรือหาปลาของชาวประมงพื้นบ้าน บ้างก็เป็นเรือเช่า เรือท่องเที่ยว เรือสินค้าเล็ก แม้แต่เรือยอร์ชส่วนตัวก็มีอยู่สอง-สามลำ

เจ้าของร่างบอบบางอำพรางตัวด้วยชุดเสื้อยืดตัวโคร่งทับด้วยแจ็คเก็ตกับกางเกงยีนส์ขายาว สวมหมวกแก็ป มองเผินๆ ดูราวกับหนุ่มน้อย เธอก้าวไปพร้อมกับกลุ่มของหัสตะ

บนเกาะมีลักษณะเหมือนเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่ง ผู้คนพลุกพล่านพอสมควร บ้านเรือนของชาวบ้านก็ปลูกสร้างแบบง่ายๆ ตามวัสดุที่มีอยู่บนเกาะ กระจายกันไปทั่ว แต่ก็มีด้านหนึ่งที่มีบ้านเรือนปลูกกันอยู่อย่างหนาแน่น ซึ่งเป็นโซนค้าขายและที่ตั้งของร้านรวงต่างๆ นั่นเอง

บ้านเรือนกึ่งร้านค้าที่เรียงรายขายของกิน ซึ่งได้มาจากทะเลเป็นส่วนใหญ่ มีพวกผักผลไม้บ้างเล็กน้อย อีกทั้งยังมีของใช้จำเป็นต่างๆ และที่พัก ร้านอาหารไว้คอยต้อนรับแขกผู้แวะมาเยือน

หัสตะแบ่งพรรคพวกออกเป็นสองกลุ่ม เพื่อแยกย้ายกันไปหาซื้อของต่างๆ โดยหรคุณ จิญจายะกับโก๋ไปด้านหนึ่ง ส่วนหัสตะ วาวพลอย ตันเตไปอีกด้าน และนัดเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งหลังเสร็จธุระ

“เราคงต้องตุนพวกเสบียงไว้ให้มากหน่อย จากหมู่เกาะนี้ไปคงไม่ได้แวะที่ไหนอีก” หัสตะเปรย ขณะเดินนำเข้าไปยังซอยเล็กๆ ที่มีร้านขายของกินสารพัดชนิด ทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก

พ่อค้าแม่ค้าต่างก็ส่งเสียงเรียกลูกค้าที่เดินผ่านไปมาเสียงเจื้อยแจ้ว ทั้งเป็นภาษาอังกฤษและภาษาพื้นเมืองของเกาะผสมปนเปกันจนฟังแทบไม่ได้ศัพท์ ผู้คนที่กำลังเลือกซื้อสินค้าเดินกันให้ขวักไขว่ บ้างก็สวมใส่ผ้าฝ้ายหยาบๆ

บ้างก็แต่งกายตามสมัยนิยมทั่วไป บ้างก็เน้นสีสันสดใสตามแต่วัฒนธรรมของตน บ่งบอกว่าที่นี่เป็นศูนย์รวมของผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ แต่โดยรวมแล้วความแตกต่างนั้นกลับดูกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวอย่างน่าประหลาดใจ

“เขาเอาสินค้าเหล่านี้มาจากไหนคะ” วาวพลอยถาม

สายตามองสำรวจอาหารสำเร็จรูป ในรูปแบบซองและกล่องหลายชนิดที่วางขายอยู่ในร้านทั่วไป แต่โลโก้ที่แปะอยู่บนบรรจุภัณฑ์เหล่านี้ส่วนมากเป็นภาษาที่เธออ่านไม่ออก

“จากหลายเมืองที่อยู่ตรงชายฝั่ง จะมีพ่อค้านำลงเรือมาขาย แล้วก็เอาของทะเลจากที่นี่กลับไป สินค้าที่มาจากฝั่งจึงแพงมากเพราะมาไกล แต่ขณะเดียวกันสินค้าจากทะเลที่นี่ก็จะแพงมากเหมือนกันเมื่อถึงฝั่งเพราะเป็นของดีหายาก” ชายหนุ่มอธิบาย

พลางหยิบอาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุงส่งให้พ่อค้าหลายถุงส่วนมากเป็นผัก ผลไม้แห้งแปลกๆ ที่วาวพลอยไม่เคยเห็นมาก่อน

“มันแพงไม่ใช่เหรอคะ” หญิงสาวอดกระซิบถามไม่ได้

“เราจำเป็นต้องใช้ มันจะทำให้อาหารมีรสชาติดีขึ้น” เขาหันมาบอกเธอด้วยรอยยิ้มบาง

ก่อนจะส่งเงินหน้าตาแปลกๆ ให้กับพ่อค้า ซึ่งวาวพลอยพึ่งรู้ว่าเป็นเงินสกุลของรัฐหนึ่งที่อยู่ใกล้กับริตถาวดี เป็นเงินตราที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในหมู่เกาะมาเรติกและแถบใกล้เคียง

“พวกท่านมาจากเมืองไหนกัน ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน พ่อค้าใหม่หรือเปล่า” พ่อค้าทอนเงินให้ พร้อมกับถามคนทั้งสามเป็นภาษาอังกฤษแปลกแปร่ง แต่ไม่มีท่าทางแปลกใจแต่อย่างใด คงเพราะคนแปลกหน้ากับเกาะสุตวาเป็นของคู่กันนั่นเอง

“เปล่า เราเพียงแต่ล่องเรือเที่ยวไปเรื่อยๆ แล้วก็ต้องการเสบียงเพิ่มเติมน่ะ” หัสตะตอบ

“อ้อ... อย่างงั้นหรือ แล้วไม่รับพวกถั่วเพิ่มสักหน่อยหรือ นี่พ่อค้าจากฝั่งภูศิยาน์เพิ่งเอามาส่งให้ ที่นั่นมีพืชพันธุ์สมบูรณ์ของเขาก็อร่อย” พ่อค้ารีบแนะนำสินค้าในตอนหลัง พร้อมส่งถุงสินค้าให้หัสตะ

ชายหนุ่มรับมาพลิกดูแล้วจึงตัดสินใจซื้อเพิ่มอีกสองถุง จากนั้นจึงซื้อของเพิ่มเติมจากอีกหลายร้าน ในตอนที่หัสตะกำลังเลือกของ โดยมีตันเตกับเขาหิ้วพะรุงพะรัง วาวพลอยกวาดสายตามองไปทั่วด้วยความตื่นตาตื่นใจ

แต่แล้วสายตาของหญิงสาวก็สะดุดกับร้านขายเครื่องประดับทำจากเปลือกหอยสีสวยที่อยู่ติดกัน เธอจึงรีบเข้าไปดู เปลือกหอยรูปร่างแปลกตา หลากสีเหลื่อมประกายมุกถูกนำมาเรียงร้อยเป็นสร้อยคอ สร้อยข้อมือ ต่างหูดูสวยงาม

แต่ที่เด่นสะดุดตาของวาวพลอยก็คือ แหวนเงินที่วางเรียงกันเกือบสิบวง เพราะตรงหัวแหวนเป็นเม็ดกลมๆ เหมือนไข่มุกมีทั้งสีขาว สีครีม สีม่วงอ่อน สีฟ้าน้ำทะเล และสีน้ำเงิน

แต่ทุกสีล้วนเหลื่อมประกายมุกดูสวยงามจนเธอต้องหยิบวงสีฟ้าน้ำทะเลขึ้นมาดูใกล้ๆ อดไม่ได้ที่จะลองสวมแหวนวงนั้นเข้ากับนิ้ว และมันก็เข้าได้กับนิ้วนางข้างซ้ายพอดี

“นี่เป็นมุกแท้ที่ได้มาจากทะเลลึกนะพ่อหนุ่ม ถ้าขึ้นฝั่งไปละก็ราคาจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวเลย เพราะเป็นของหายาก มีที่เกาะสุตวาที่เดียวเท่านั้น หากพ่อหนุ่มซื้อเยอะป้าจะลดให้” เจ้าของร้านเป็นหญิงวัยกลางคนบอกกับวาวพลอยเป็นภาษาอังกฤษเจือสำเนียงพื้นเมือง แต่ก็พอฟังรู้เรื่องและสื่อสารกันได้ เพราะคิดว่าหนุ่มน้อยหน้าหวานตรงหน้าเป็นพ่อค้าต่างเมืองนั่นเอง

“เอ่อ... คือ ฉันไม่ได้เป็นพ่อค้าหรอกป้า” วาวพลอยหมุนแหวนตรงนิ้วไปมา

“อ้าวเหรอ เห็นหน้าแปลกๆ แต่พ่อหนุ่มจะซื้อไว้ใส่เองก็ได้นี่ หรือจะเอาไปเป็นของกำนัลสาวๆ ก็เหมาะเลยทีเดียว ของสวยๆ งามๆ มีราคาอย่างนี้สาวๆ บนฝั่งคงชอบมาก ป้าขายให้ไม่แพงหรอก” เจ้าของร้านยังพยายามขายของไม่ลดละ

“สนใจแหวนวงนั้นเหรอ” หัสตะที่พึ่งตามมาถาม พลางมองแหวนในนิ้วนางของหญิงสาว ซึ่งเธอเอาแต่มองมันอย่างไม่ยอมละสายตา

“เอ่อ... เปล่า แค่เห็นว่ามันสวยดี ไม่มีอะไรหรอก เสร็จแล้วเหรอ” วาวพลอยตัดใจถอดแหวนออกจากนิ้ววางมันลงบนแผงตามเดิม ก่อนจะถามเขาในตอนท้าย ชายหนุ่มพยักหน้า

“ตอนนี้เราไปร้านที่นัดกับพวกหรคุณไว้กันเถอะ” เขาบอก

“มาฉันช่วยหิ้ว” หญิงสาวเห็นว่าทั้งเขาและตันเตต่างก็มีของในมือมากพอดู จึงอาสาช่วยอีกแรง

ชายหนุ่มทั้งสองจึงส่งของเบาๆ ให้วาวพลอยสอง-สามถุง แล้วหญิงสาวก็ก้าวตามตันเตที่เดินนำไป



หัสตะยืนมองตามร่างที่เดินตามตันเตไปอย่างครุ่นคิด เขาเหลือบมองแหวนวงนั้น ก่อนร่องรอยอ่อนโยนจะถูกจุดขึ้นในดวงตาคู่คม และรอยยิ้มบางระบายบนใบหน้าหล่อเหลาโดยไม่รู้ตัว





**‘มงกุฎแสงดาว’ รูปแบบ E-Book สนใจเข้าไปโหลดฉบับเต็มกันได้นะคะ ที่

MEB

https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InV
zZXJfaWQiO3M6NjoiNzEyOTE2IjtzO
jc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjY2NzYiO30

ookbee

http://www.ookbee.com/Shop/Book/3cbffb2b-d724-41df-87e9-b81cd2f83d83

ebooks.in.th

http://www.ebooks.in.th/ebook/34430/%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%81
%E0%B8%B8%E0%B8%8E%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B
8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7/



Hytexts

http://www.hytexts.com/ebook/book/B004883



นายอินทร์ปัณณ์

https://www.naiin.com/product/detail/184068/



ซีเอ็ด

https://www.se-ed.com/product/มงกุฎแสงดาว-PDF.aspx?no=9786164063174



banbanbook



http://banbanbook.com/banbanbook/cart/get_detail_book/1110



กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ก.ค. 2559, 20:37:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ก.ค. 2559, 20:37:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 798





<< บทที่ 8   บทที่ 10 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account