ตุ๊ดทะลุมิติ (พิภพจอมนาง) โดย นปภา 6 เล่มจบ วางแผงครบแล้ว
"จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อแก๊งตุ๊ดสุดแซ่บวิญญาณทะลุมิติไปอยู่ในร่าง4สาวงาม "โอ๊ย! ผู้ชายคนนั้นก็ดูดี คนนี้ก็อยากได้" แต่ถ้าไม่ใช่พี่ก็ฝ่ายตรงข้ามซะงั้น ถ้าไม่เลือกรักต้องห้ามก็ต้องจับศัตรูกดสถานเดียวละวะ!!!"

คำนำ

นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาเพราะคำมั่นสัญญาที่มีต่อสหาย
ทุกตัวอักษรจึงเกิดจากความรักและความบริสุทธิ์ใจอย่างแท้จริง
หากมีข้อผิดพลาดหรือถ้อยคำไม่เหมาะสม ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
ผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ดูหมิ่นเพศที่สามแต่อย่างใด
ในมุมมองส่วนตัวแล้ว พวกเธอช่างสดใส โดดเด่น เก่งกาจ
บางคนก็น้ำใจงามจนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
เหนือสิ่งอื่นใด ถึงจะแตกต่างแต่พวกเธอก็เป็นคนเหมือนกัน
แล้วทำไมจึงต้องปิดกั้นหวงห้ามไม่ให้มาเป็นตัวเอกในนิยายด้วยเล่า?
เชื่อเถอะ หากคุณได้พิจารณาพวกเธออย่างลึกซึ้ง
ไม่แน่หรอกว่าคุณอาจจะเผลอใจหลงรัก ‘กะเทย’ ก็เป็นได้

ทิ้งท้ายแด่เพื่อนสาว
ขอบคุณสำหรับแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่
สำหรับฉัน พวกแกก็เหมือนกับดอกไม้ มองทีไรอดยิ้มไม่ได้ทุกที
ถึงบางทีฉันจะว่าแกเป็นดอกอุตพิด แต่รู้อะไรไหม?
‘ฉันโคตรรักอุตพิดเลยว่ะ"

ตารกา

Tags: โรแมนติก คอเมดี้ ดราม่าเบาๆ แฟนตาซี กำลังภายใน กะเทย ทะุลุมิติ เกมการเมือง สงคราม หนุ่มๆ แซ่บเวอร์

ตอน: ประมุขพรรคมาร : บทที่ ๑๓ ที่ซ่อนฉุกเฉิน

ประมุขพรรคมาร : บทที่ ๑๓ ที่ซ่อนฉุกเฉิน

หลังจากถูกเพื่อนด่าเรียกสติอยู่ตลอดบ่าย โบ้ก็สำนึกได้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป เขาล้างหน้าล้างตา จัดเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อย แล้วออกมาขอโทษพวกพี่น้อง จากนั้นก็ไปขอขมาบิดา ประมุขมู่ยังโกรธอยู่มาก แต่เมื่อทราบว่านางคุกเข่าอยู่หน้าประตูหลายชั่วยาม ก็ใจอ่อนยอมออกมารับคำขอโทษ

อี้เทาสั่งกับบุตรสาวว่าห้ามพูดเรื่องแดนมายากับประมุขพรรคมารอีก และกำชับให้ทุกคนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น การไม่อธิบายอาจทำให้มีข่าวลือผิดๆ แพร่ออกไป ถึงกระนั้นก็ยังดีกว่าพฤติกรรมไร้ยางอายของบุตรสาวถูกเปิดโปง คนเป็นพ่อเจ็บปวดยิ่งนักที่ลูกรักเปลี่ยนไป หากรู้ว่าผลกระทบจากการฝึกพลังปราณหิมะเป็นเช่นนี้ คงห้ามไม่ให้ข้องเกี่ยวกับวิชาสายสกุลเส้าตั้งแต่แรก

ประมุขมู่ซ่อนความเสียใจเอาไว้ด้วยท่าทีเข้มงวดเย็นชา เหล่าข้ารับใช้และบุตรคนอื่นเห็นเช่นนั้น ก็มิกล้าเอ่ยสิ่งใด รวมถึงไม่กล้าสอบถามจากเจ้าตัวว่าเกิดอะไรขึ้นแน่ โบ้รู้สึกได้ถึงบรรยากาศอึดอัด และการปฏิบัติอย่างระวังเกินพอดี เลยตัดสินใจบอกความจริงทั้งหมดแก่ไป๋อวี้ แล้วให้น้องชายฝาแฝดช่วยไปบอกต่อพี่น้องคนอื่น

โบ้ไม่คิดว่าพฤติกรรมรุกจีบอย่างหนักหน่วงของตัวเองน่าอาย เขาคิดแค่ว่ามันคือความพยายามอย่างหนึ่ง แต่สังคมในโลกใบนี้เห็นต่าง สิ่งที่ไป๋หลินทำน่าอายพอๆ กับการแก้ผ้ากลางถนน เพื่อรักษาเกียรติของพี่สาว ไป๋อวี้จึงตัดเนื้อหาที่ไม่สมควรทิ้ง แล้วสรุปความอย่างระมัดระวังก่อนนำไปบอกต่อ

พวกพี่น้องคนอื่นๆ มารวมตัวกันรออยู่แล้วที่ม้าหินกลางสวน พอเห็นเขาเดินมา ทุกคนก็ร้องตะโกนให้รีบเดิน ไป๋อวี้เร่งฝีเท้าอย่างไม่อิดออด ขืนไปไม่ทันใจอาจเสี่ยงโดนสามัคคีบาทาของเหล่าพี่น้องได้

“น้องสี่บอกอะไรเจ้าบ้าง นางไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม” ไป๋หลงถามอย่างร้อนใจ

ชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองต้องรับผิดชอบในฐานะที่ทำหน้าที่บกพร่อง ตอนพี่ใหญ่อยู่ทุกอย่างราบรื่นดีไม่เคยมีปัญหา แต่พอเขามารับหน้าที่ดูแลสกุลมู่มันก็เละเทะไปหมด เริ่มจากลู่เสียนหนีออกจากคอก ตามมาด้วยไป๋หลินเกิดเรื่อง แล้วยังปัญหายิบย่อยอีกมากมาย

“ทุกคนไม่ต้องห่วงไป อาเจ๊แค่ไปหลงรักคนที่ไม่แยแสนางก็เลยเจ็บใจ”

ไป๋หลินงดงามปานนางสวรรค์ เพียบพร้อมหาใดเปรียบในสายตาของคนในพรรคเทพสวรรค์ การที่นางถูกปฏิเสธสร้างความตกใจให้เหล่าพี่น้องมากทีเดียว

“บอกข้ามาว่าเจ้าคนเลวนั่นเป็นใคร ข้าจะไปจัดการกับมัน” ไป๋หลงเอ่ยอย่างเดือดดาล

“ข้าเองก็ไม่รู้ อาเจ๊ไม่ยอมบอกอะไร”

ไป๋อวี้แสดงละครสุดความสามารถ ขืนบอกความจริงไปว่าเป็นประมุขพรรคมาร มีหวังได้เกิดเรื่อง

“แน่นะว่าไม่รู้” ไป๋หลงจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของน้องชายอย่างจับผิด

ไป๋อวี้ไม่ถึงขั้นเป็นจอมกะล่อน แต่ถ้าเป็นเรื่องเอาตัวรอดแล้ว เจ้านี่ลื่นยิ่งกว่าปลาไหล

“จะว่าไม่รู้ก็ไม่เชิงนัก” ไป๋อวี้ทำเป็นอมพะนำ

ผลคือโดนพี่ชายคนรองซึ่งมีเรี่ยวแรงมหาศาลเขย่าตัวจนหัวแทบหลุด

“รู้อะไรก็ว่ามา”

“เบามือหน่อยพี่รอง เดี๋ยวก็ช้ำในตายก่อนได้ตอบหรอก” ไป๋หู่ซึ่งเป็นบุตรชายคนที่สามห้าม

ไป๋หลงหยุดเขย่าแต่ยังไม่ปล่อยมือจากน้องชาย

“บอกมาเร็วๆ” ชายหนุ่มเร่งขณะเพิ่มแรงบีบที่ท่อนแขนเรียวงามของไป๋อวี้

“โอ๊ย! บอกแล้วๆ” ไป๋อวี้ครวญครางจนตัวบิด “ข้าไม่รู้ว่าอาเจ๊หลงรักใคร แต่ท่านพ่อรู้”

“เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้ ยังจะกล้าพูดออกมาอีก” ไป๋หลงผลักตัวน้องชายให้ไปไกลๆ อย่างหงุดหงิด

“เอาเถอะ เรื่องมันแล้วไปแล้ว ทุกคนก็อย่าติดใจตัวตนของผู้ชายคนนั้นอีกเลย” ไป๋หู่ซึ่งใจเย็นกว่าใครในบรรดาพี่น้องไกล่เกลี่ย

ไป๋อวี้เกือบจะขอบคุณพี่สามแล้วเชียว ถ้าชายหนุ่มไม่เปิดประเด็นใหม่ขึ้นมาเสียก่อน

“ไป๋หลินเอาแต่ร้องไห้เก็บตัวหลายวัน ข้าว่าอาจมีบางเรื่องที่เรามองข้ามไป”

“ข้ามั่นใจว่าไม่มีเหตุผลอื่น” ไป๋อวี้รีบปรามก่อนกลายเป็นเรื่องใหญ่ “เขาว่าล้านขุนเขาก็ไม่ใหญ่เท่ารัก อาเจ๊อยู่บนเขาหิมะ อ่อนหัดเรื่องสังคม เป็นธรรมดาที่จะต้องเสียใจมาก”

จังหวะนั้นน้องเล็กอย่างไป๋ซานก็เสริมขึ้นมาได้อย่างพอเหมาะ

“พี่สี่หยิ่งทระนงในศักดิ์ศรี นางคงเสียความมั่นใจและเจ็บปวดมาก”

ไม่นานพี่น้องคนอื่นก็คล้อยตามและเข้าใจถึงสาเหตุแห่งความเสียใจของไป๋หลิน ไป๋อวี้เห็นว่าหมดเรื่องแล้วจึงเดินออกจากวงสนทนาไปเงียบๆ ไม่คิดว่าคล้อยหลังไม่ทันไร ประเด็นตามหาตัวคนเลวที่ทำให้ไป๋หลินเสียใจจะถูกยกขึ้นมาพูดอีก วิเคราะห์กันหน้าดำหน้าแดงอยู่พักใหญ่ หวยก็ไปออกที่บรรดาองค์ชายของเจียงเฉียง องค์ชายสามกับองค์ชายหกที่รูปงามโดดเด่นกว่าพี่น้อง ถูกหมายหัวว่าเป็นผู้ต้องสงสัยทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้เลย


ทางด้านแก๊งตุ๊ด เมื่อช่วยกันสะสางปัญหาของโบ้เรียบร้อยแล้ว สี่สาวก็มารวมตัวกันที่ห้องโบ้อีกครั้ง คืนนี้ทุกคนตั้งใจจะอยู่ด้วยกันยันเช้า จึงไม่นอนในสถานที่ที่พ่อบ้านจัดเตรียมเอาไว้ให้ เตียงถูกยกให้คนท้องกับพวกร่างกายไม่แข็งแรงอย่างหน่อมกับแว่น เจ้หอบหมอนมานอนเอกเขนกแบบสวยๆ อยู่บนตั่ง ส่วนเจ้าของห้องนั่งพับเพียบเป็นนางทาสในเรือนเบี้ยอยู่ที่พื้น

โบ้รู้ว่าเพื่อนๆ ยังเคืองกันอยู่ เลยพยายามสงบเสงี่ยมเจียมตัว แต่ก็ทำได้ไม่นานนักหรอก โบ้ก็ยังเป็นโบ้คิดอะไรแล้วไม่ได้พูดมีหวังอึดอัดจนอกแตกตาย แถมยังเมาท์เรื่องผู้ชายกันด้วย ไม่แสดงความคิดเห็นไม่ได้แล้ว

ผู้ชายคนแรกที่ทุกคนพูดถึงคือสามีสุดประเสริฐของหน่อม แว่นเห็นเป็นจังหวะเหมาะเลยถือโอกาสถาม

“ท่านแม่ทัพชอบกะละมังทองคำไหม”

“ชอบสิ แปลกใจใหญ่ตอนรู้ว่าเป็นถังซักผ้า”

ทีแรกจินไท่คิดว่าเป็นอ่างล่างหน้า แต่ก็นึกสงสัยว่าทำไมขนาดจึงใหญ่กว่าปกติ

“แล้วได้ลองใช้งานหรือยัง”

แว่นถามไปอย่างนั้นเอง เขาไม่คิดหรอกว่าจะมีใครยอมให้องค์หญิงซักผ้า แต่คำตอบที่ได้กลับผิดคาด หน่อมเคยเอามาใช้ครั้งสองครั้ง แต่คนที่ปลื้มโปรดมันจริงๆ คือจินไท่

“ท่านแม่ทัพบอกว่าถังมันหนักไปหน่อยแต่ก็ใช้ดีมาก ไม่ต้องห่วงว่าเวลาเผลอขยี้ผ้าแรงๆ ก้นจะทะลุเหมือนถังไม้”

แว่นกำลังจะชมสามีเพื่อนว่าเป็นพ่อบ้านพ่อเรือนอยู่เชียว แต่พี่เล่นซะขนาดถังพังนี่ไม่อยากจะนึกถึงสภาพผ้า

“เรื่องถังซักผ้าปล่อยมันไปเถอะค่ะ ถามอย่างอื่นที่น่าสนใจกันดีกว่า” โบ้ส่ายตัวไปมาอย่างตื่นเต้น

“แกจะถามอะไร ถ้าไม่เข้าเรื่องเจอดีแน่” เจ้ขู่เอาไว้ก่อน

“เข้าเรื่องแน่นอนค่ะ ชัดเจน ลึกตรงประเด็น และทุกคนอยากรู้” โบ้จีบปากจีบคอ

“พอๆ ไม่ต้องเกริ่นมาก หยุดลำไย มีอะไรก็พูดมา”

“คนสวยอยากรู้ว่า...” โบ้ไม่วายทำเป็นลากเสียง ก่อนจะหันไปทำตาบ้องแบ๊วใส่หน่อม “คืนแต่งงานใครรุกใครรับคะ”

“อิจูออน! ยุ่งอะไรกับเขายะ”

“หรือเจ้ไม่อยากรู้คะ”

“อยาก แต่มันเสียมารยาท”

“งั้นคนสวยพลีชีพเองค่ะ เจ้หลบไป” ว่าแล้วก็ถลามาเกาะขอบเตียง ส่งสายตาปิ๊งๆ มาทางหน่อม “เพื่อนกันต้องไม่มีความลับต่อกันใช่ไหมคะ”

หน่อมทำท่าอึกอัก สักพักก็หน้าแดงเมื่อนึกย้อนไปถึงคืนเข้าหอ

“เล่าหน่อยสิคะ คนสวยอยากรู้ เล่าหน่อยนะ” โบ้เห็นเพื่อนเงียบก็เลยพยายามตื๊อ

“บอกๆ มันตัดรำคาญไปเถอะ ไม่ต้องลงลึกหรอก พูดแค่อยู่ ‘บน’ หรือ ‘ล่าง’ ก็พอ” แว่นเสนอทางออกให้

มองแล้วคล้ายจะรำคาญโบ้ แต่ที่จริงคือกลัวเป้าหมายอายม้วนจนหนีไปก่อน ถ้าอยากรู้ความลับหน่อมต้องอย่าไปกระแซะมาก ค่อยๆ ใช้ลูกล่อลูกชนให้แง้มปากบอกมาทีละนิดจะได้ผลกว่า

หน่อมดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าเมื่อมีสายตาสามคู่มองมาอย่างกดดัน บรรยากาศในห้องตกอยู่ในความเงียบพักใหญ่ พอเยี่ยมหน้าออกมา พวกเพื่อนๆ ก็ยังจ้องมาไม่เลิก ก็เลยจำเป็นต้องตอบคำถาม

เสียงแผ่วๆ ดังออกมาจากริมฝีปากพอให้คนข้างๆ ได้ยินเท่านั้น คนอื่นฟังไม่ถนัดเลยขอให้แว่นทวนคำให้

“อิหน่อมมันบอกว่า ‘ตัวเลือกไม่ได้มีแค่บนกับล่างนะ’”

ขาดคำเสียงกรีดร้องของแก๊งตุ๊ดก็ดังระงม แน่นอนว่าหลังจากนั้นบทสนทนาก็เปลี่ยนเป็นเรตสิบแปดบวกทันที แรกๆ คนตอบก็เขิน แต่คุยไปคุยมา คนถามกลับเป็นฝ่ายหน้าแดงเสียเอง ครึ่งชั่วยามผ่านไป หัวข้อการสนทนาก็ขยับจากใต้สะดือมาเป็นท้อง

“ตอนนี้ต้นเดือนห้า แกน่าจะคลอดประมาณเดือนสิบเอ็ดใช่ไหม” เจ้นับนิ้ว

“หมอหลวงบอกว่ากำหนดคร่าวๆ คือกลางเดือนสิบเอ็ด”

หน่อมรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ไม่ใช่เพราะมีอาการแพ้ท้อง แต่เพราะประจำเดือนไม่มาก็เลยลองให้หมอหลวงที่ติดตามมาตรวจอาการ แล้วก็จริงดังคาด ในตัวเขากำลังมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดมากทีเดียว ในอกไม่เพียงเอ่อล้นด้วยความปีติ เขายังรู้สึกว่าตัวเองเข้มแข็งขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า

“แล้วจะบอกท่านแม่ทัพเมื่อไร”

“ตั้งใจไว้ว่าจะบอกก่อนลงเขา ถ้าท่านแม่ทัพมาอย่าเพิ่งพูดอะไรนะ”

เดินทางมาหุบเขาหิมะหนนี้จินไท่ไม่เพียงแต่ได้พบกับอาจารย์ ยังได้เจอสหายเก่าอีกหลายคน หน่อมอยากให้เขาได้สังสรรค์เต็มที่ จึงไม่รีบร้อนบอกข่าวดี

“ฉันกับอิแว่นน่ะสบายมาก แต่คอยดูอิโบ้เอาไว้แล้วกันอย่าให้มันโป๊ะแตก”

“คนสวยก็เก็บความลับเป็นนะคะ” โบ้ตัดพ้อ

“ย่ะ! แกน่ะตัวเหยียบให้แซดเลย”

โบ้ทำปากยื่นอย่างน้อยอกน้อยใจ หน่อมเห็นแล้วสงสารเพราะโดนด่ามาทั้งวันแล้ว เลยเปลี่ยนประเด็นให้

“เออใช่...เจ้ล่ะเป็นไงบ้าง จะแต่งเมื่อไร”

หน่อมอยู่กับจินไท่ตลอด เลยได้ยินเรื่องราวของซั่วเย่ามาบ้าง จินไท่ไม่อาจรั้งขุนพลคนสำคัญให้ทำหน้าที่ต่อ จึงล้มเหลวในฐานะผู้บัญชาการ แต่ในฐานะสหายร่วมรบนี่ถือเป็นเรื่องน่ายินดี เมื่อก่อนซั่วเย่ามีชีวิตอยู่เพียงเพื่อทำภารกิจเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาใช้ชีวิตเพื่อตัวเองเป็นแล้ว

“ไม่รู้สิ พร้อมเมื่อไรก็เมื่อนั้น เผลอๆ อาจจะมีแค่พิธีง่ายๆ”

ซั่วเย่าส่งจดหมายมาแจ้งข่าวเป็นระยะ เขาบอกว่าภารกิจสุดท้ายก่อนปลดประจำการล่าช้ากว่ากำหนด จากที่ว่าจะเสร็จกลางปีก็เลื่อนออกไปอีกหลายเดือน แต่ถึงจะงานยุ่งปานใด ชายหนุ่มก็ทยอยส่งข้าวของมาให้ไม่ขาด ทั้งสินสอดตามประเพณี ตลอดจนเครื่องใช้จำเป็นในพิธีแต่งงาน เรื่องเรือนหอก็จัดเตรียมเอาไว้แล้ว เหลือแต่ตกแต่งเท่านั้น

เห็นเขาต้องวุ่นวายเจ้ก็เกือบหลุดปากว่าอยู่กินกันเฉยๆ ก็ได้ ห้องที่ร้านก็มีว่างไม่จำเป็นต้องปลูกบ้านหลังใหญ่โต แต่พอคิดว่าซั่วเย่าเป็นพวกเคร่งธรรมเนียม ทั้งยังหยิ่งในศักดิ์ศรี เจ้ก็ต้องยอมตามใจเขา

“พิธีง่ายๆ นี่มีอะไรบ้างคะ” โบ้ยกมือถาม

เจียงเฉียงมีหลายลัทธิเลยมีการแต่งงานหลากหลายรูปแบบ คำว่าง่ายของครอบครัวหนึ่งอาจเป็นเรื่องยุ่งยากของอีกครอบครัวเลยก็ได้

“เช้าตื่นมายกน้ำชาคารวะผู้ใหญ่ จุดธูปไหว้ฟ้าดิน ตอนเที่ยงมีกินเลี้ยง แล้วส่งตัวเข้าหอเป็นอันเสร็จ”

“ไม่ได้นะคะ!” โบ้ประท้วง “หนูอยากได้ช่อดอกไม้เจ้าสาว อย่างน้อยๆ จัดปาร์ตี้สละโสดก็ยังดี ไม่ต้องกลัวเหนื่อยหรือวุ่นวาย คนสวยยินดีจัดการให้ทุกอย่าง”

โบ้กระตือรือร้นสุดขีด เพราะงานแต่งหน่อมก็พลาดมาหนหนึ่งแล้ว ถ้าต้องอดสนุกในงานแต่งเจ้เขาคงเศร้า

“ไม่เป็นไร เกรงใจ เก็บเอาไว้ทำในงานแต่งตัวเองเถอะ” เจ้บอกปัด

ที่ไม่รับน้ำใจไม่ใช่สบประมาท แค่รู้เช่นเห็นชาติจนประมาทไม่ลง ระดับโบ้ไม่ต้องเป็นแม่งานหรอก แค่ให้เฉียดเข้าไปในครัวที่ทำอาหารเลี้ยงแขกก็เกิดหายนะได้แล้ว

“ก็ได้ค่ะ” โบ้จำต้องยอมถอย ด้วยถือคติงานใครก็ต้องตามใจคนนั้น “แต่อาจจะนานหน่อยนะคะ ต้องรอท่านประมุขใจอ่อนก่อน”

“นี่แกยังไม่เลิกบ้าอีกเหรอ” เจ้เอ็ด

หน่อมไม่ว่าอะไร ส่วนแว่นมองมาด้วยสายตา ‘กูว่าแล้ว’ เป็นเชิงบอกว่าคนอย่างโบ้ไม่รู้จักคำว่าเข็ด

“ไม่มีทางค่ะ ผู้ชายหล่อเลิศแซ่บเวอร์เบอร์นั้นใครจะลืมลง ประกาศตรงนี้เลยว่าซั่วเย่าของเจ้นี่อย่างเก่งเป็นได้แค่ระดับเทพบุตรยี่เป็ง แต่ท่านประมุขของหนูนี่มิสเตอร์จักรวาล”

“พอๆๆ แกทำให้ฉันปวดหัวจะบ้าแล้ว” เจ้นวดขมับ

“ช่วงนี้แกก็มโนไปก่อน อย่าเพิ่งสร้างเรื่องเข้าใจไหม ฉันขี้เกียจวิ่งขึ้นเขามาหาบ่อยๆ”

แว่นยอมเปลืองน้ำลายเตือนอีกหน แม้จะไม่มั่นใจว่าโบ้จะรักษาสัญญาที่ว่าจะไม่ไปยุ่งวุ่นวายกับประมุขพรรคมารได้นานแค่ไหน

“รับทราบค่ะ” โบ้ทำท่าวันทยหัตถ์

ต่อให้ทุกคนไม่ว่าอะไร โบ้ก็มีเหตุผลส่วนตัวที่ทำให้ไม่สามารถกลับไปตามตื๊อเทพบุตรในฝันได้ทันที

“เธออย่าว่าเราวุ่นวายเลยนะ แต่เราว่าเธอน่าจะลองมองพี่หยางดูบ้าง” หน่อมซึ่งเงียบอยู่นานแนะ

ไม่ใช่แค่หน่อมที่สนับสนุน แต่เพื่อนทุกคนในกลุ่มเห็นตรงกันว่าชายหนุ่มเป็นคนดี หยางเจี้ยนได้คะแนนไปเกินร้อย ตอนที่ขอไป๋หลินแต่งงานแม้ว่านางอาจตั้งครรภ์กับชายอื่น ถึงจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดแต่เหตุการณ์นี้ก็ได้พิสูจน์ถึงความจริงใจของชายหนุ่ม โบ้มองเห็นความดีของเขา แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนความรู้สึก

“ขอเว้นพี่หยางไว้คนหนึ่งเถอะค่ะ พวกเราโตมาด้วยกันเหมือนพี่น้อง แค่คิดว่าต้องแต่งงานกัน ฟ้ามันก็ทำท่าจะผ่าแล้ว” โบ้ส่ายหน้ารัวๆ พลางกอดแขนตัวเอง

“อย่าเรื่องมากน่าอิโบ้ สายเลือดเดียวกันรึก็ไม่ใช่ ไม่ว่าแกจะบ้าไร้สติแค่ไหนพี่หยางก็รับได้หมด หายากนะคนที่รักเราในสิ่งที่เราเป็น” แว่นช่วยกล่อม

“ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ค่ะ” โบ้ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด

ปกติโบ้เป็นจอมโลเลอ่อนไหว แต่พอเป็นเรื่องของความรักกลับชัดเจนอย่างไม่น่าเชื่อ ข้อดีของโบ้คือรู้ว่าความต้องการของตัวเองคืออะไร แต่ข้อเสียคือมักพุ่งเข้าใส่เป้าหมายโดยปราศจากความยั้งคิด พวกเพื่อนๆ จึงต้องช่วยกันรั้งเอาไว้

“ไอ้ที่ใช่ก็ไม่ควร แกห้ามลืมเด็ดขาดนะว่าตอนจบโรเมโอกับจูเลียตมันตายห่านทั้งคู่” แว่นย้ำ

“เข้าใจแล้วค่ะ” โบ้ตอบรับก่อนจะลุกพรวดจากพื้น ตรงดิ่งไปที่ประตูห้อง

“แกจะหนีไปไหน” เจ้ทำเสียงเข้ม

“ไม่ได้หนีค่ะ แค่ปวดอึ๊ จะไปเอาสมบัติออกจากลำไส้ ไม่ได้ถ่ายมาเกินอาทิตย์แล้ว”

“ปวดจริงหรือแค่ข้ออ้าง” เจ้มองอย่างระแวง

“ถ้าไม่เชื่อจะไปเฝ้าไหมละคะ กำลังอยากได้อาสาสมัครคุ้ยกระโถนอยู่พอดี”

จบประโยคเสียงตดก็ดังสนั่นแบบไม่อายฟ้าอายดิน

“อิทุเรศ! รีบออกไปเลย” เจ้กระพือพัดในมือไล่กลิ่น

แว่นที่จมูกดีกว่าใครพุ่งตัวหนีตายไปหาอากาศบริสุทธิ์ที่หน้าต่าง ส่วนหน่อมที่อยู่ในทิศทางลมพอดีหนีไม่ทัน เลยมุดลงไปใต้ผ้าห่ม ใช้ต่างหลุมหลบภัย

โบ้วิ่งออกไปหาที่ปลดทุกข์โดยพลัน ทั้งยังไม่ลืมเปิดประตูห้องเอาไว้ระบายกลิ่น เขาหายไปนานจนเพื่อนๆ อดคิดไม่ได้ว่าเจ้าตัวตกส้วมตายไปแล้ว ในความเป็นจริงโบ้ยังอยู่รอดปลอดภัยดี และกำลังขมีขมันกับการมองหาของบางอย่าง ที่บอกว่ากำลังหาอาสาสมัครคุ้ยกระโถนไม่ใช่มุก แต่เป็นเรื่องซีเรียสระดับชาติ

ก่อนถูกประมุขพรรคมารจับยัดใส่กล่องส่งกลับบ้าน มารเงินตั้งใจจะยึดแหวนอันธการคืน แต่โบ้มือไวกว่าเลยจัดการมุบมิบของด้วยการกลืนลงท้อง

“แหวนจ๋าออกมาเถอะ อย่าเล่นซ่อนหากันอีกเลย” โบ้อ้อนวอนเมื่อไม่พบสิ่งที่ต้องการ ตราบใดที่บัตรผ่านวีไอพียังค้างอยู่ในลำไส้แบบนี้ โบ้ก็ไม่สามารถกลับไปหาท่านประมุขสุดที่รักได้



ขณะที่โบ้คร่ำครวญหวนไห้อยู่กับกระโถนในห้องน้ำ ประมุขพรรคมารผู้รูปงามสะเทือนภพก็กำลังเอ่ยถึงหญิงสาวเช่นกัน มารเงินต้องการทราบความเคลื่อนไหวในยุทธภพ ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากที่ส่งไป๋หลินไปให้บิดาของนาง

“เป็นดังที่ท่านประมุขคาดการณ์ ศัตรูที่เฝ้าอยู่ในเขตชายป่าตลอดจนที่หุบเขาหิมะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ขอรับ”

“เฝ้าดูไปอีกสักระยะก็แล้วกัน อย่าเพิ่งด่วนทำอะไร” มารเงินเอ่ยพลางแปรงขนมารนิลไปด้วย

ชายหนุ่มเพิ่งค้นพบว่าการดูแลสัตว์เลี้ยงเป็นการฆ่าเวลาที่ไม่เลวเลย กว่าจะแปรงให้ทั่วตัวก็หมดวันพอดี ทั้งยังได้ขนนุ่มนิ่มกองโตเอามาไว้ยัดหมอน ขนของมารนิลมีค่ามาก สามารถใช้เป็นส่วนประกอบของยาได้หลายขนาน ถ้าหมอยาทั่วแผ่นดินรู้ว่าประมุขพรรคมารกำลังใช้วัตถุดิบล้ำค่าอย่างเสียของ คงหลั่งน้ำตาเป็นแน่

“ขออภัยขอรับ ข้าคิดว่าเราควรจะวางแผนโต้กลับเอาไว้ด้วยเผื่อเหตุฉุกเฉิน”

“นี่เป็นความคิดเจ้าหรือเด็กน้อยพวกนั้น”

มารเงินหันมาสบตาซีหยุน มือที่เคยขยับเป็นจังหวะหยุดอยู่กับที่ ส่งผลให้มารนิลที่กำลังเพลินครางออกมาด้วยความไม่พอใจ

“เป็นความคิดของข้าเองขอรับ”

ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่ามู่อี้เทาเห็นเกียรติของธิดาสำคัญกว่าศักดิ์ศรี จึงไม่ก่อสงครามในตอนนี้ แต่ซีหยุนมองไกลไปกว่านั้น ต่อให้ประมุขอุดรปรารถนาสันติ ผู้นำสูงสุดในยุทธภพคนอื่นก็ยังมองมารเงินเป็นภัยร้ายแรงที่ต้องเร่งกำจัด ที่ยังไม่มีการเคลื่อนไหว ก็เพราะยังเตรียมตัวไม่พร้อม ถ้ามีโอกาสพวกมันต้องบุกมาแน่

ประมุขพรรคมารไม่ตอบกลับทันที ชายหนุ่มโยนแปรงทิ้งแล้วหันไปสั่งสัตว์เลี้ยงตัวโต

“ข้าขี้เกียจแปรงขนให้แล้ว กลับไปอยู่ในที่ของเจ้า”

มารนิลลุกขึ้นทำตามคำสั่งอย่างแช่มช้า มันเดินเอื่อยๆ ออกไป แต่ก็ใช่ว่าจะปล่อยตัวการที่ทำให้นายท่านอารมณ์เสียไปง่ายๆ หางเป็นพวงของมันตวัดฟาดใส่หน้าของผู้อาวุโสลำดับสองอย่างจงใจ การฆาตกรรมด้วยขนหางอันฟูนุ่มอาจดูน่าขบขัน แต่ในความเป็นจริงขนหางของมารนิลอันตรายมาก เพราะร่างกายของมันคือแหล่งผลิตพิษ คนธรรมดาสัมผัสเพียงเส้นขนหนึ่งเส้นก็ทำให้ผิวไหม้ได้

ซีหยุนมีวรยุทธ์สูงร่างกายต้านพิษได้หลายชนิด แต่เพราะเริ่มชราแล้ว ร่างกายไม่สมบูรณ์เหมือนเก่าจึงมีรอยแดงจางๆ ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า พร้อมอาการคันยุบยิบ น่านับถือที่ผู้อาวุโสลำดับสองไม่คิดจะยกมือขึ้นมาเกา ซีหยุนยังคงคุกเข่ารอฟังคำสั่งของนายเหนือหัวอย่างสงบสำรวม

“เจ้าอยากก่อสงครามทวงความยิ่งใหญ่ให้พรรคมารหรือไม่” มารเงินตั้งคำถาม

“หากนั่นเป็นความปรารถนาของท่านประมุขข้าน้อยก็ยินดีพลีชีพ ทว่าในตอนนี้ข้าน้อยตระหนักดีว่าท่านประมุขต้องการความสงบ จึงเตรียมหาทางป้องกันไม่ให้ท่านประมุขมีเหตุระคายใจ”

“พูดได้ดี แต่ก็ยังมีเรื่องมากวนใจข้าตลอด”

“ข้าน้อยด้อยสามารถ จึงไม่อาจจัดการปัญหาต่างๆ ได้ลำพัง ขอท่านประมุขโปรดอภัย”

ซีหยุนค้อมกายลงต่ำ เมื่อนายเหนือหัวไม่ว่ากระไรเขาจึงเอ่ยต่อว่า

“สถานการณ์ตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก ธิดาของประมุขอุดรก็ทำความเสียหายเอาไว้มาก คนของเราที่บาดเจ็บล้วนโกรธแค้น ถ้าไม่จัดการอะไรบ้างเกรงว่าจะเกิดความวุ่นวาย”

“จัดการไปตามสมควรก็แล้วกัน”

มารเงินยอมผ่อนผันให้ แต่ก็ใช่ว่าโอนอ่อนในทุกเรื่อง เขายังไม่ละความพยายามที่จะรักษาชีวิตอันแสนสบายให้ยืดยาวต่อไป

“ถ้าตึงมือมากนัก ก็บอกเจ้าเด็กน้อยพวกนั้นว่าข้าฟื้นก่อนกำหนด ยังอ่อนแออยู่มาก”

“ท่านประมุข!”

ซีหยุนตกใจไม่น้อยเมื่อนายเหนือหัวมีคำสั่งให้เปิดเผยจุดอ่อน สถานการณ์ตอนนี้ล่อแหลมและอ่อนไหวมาก พวกคนรุ่นใหม่ที่มีใจคิดทรยศล้วนกำลังรอโอกาส แล้วยังมีปริศนาการตื่นก่อนกำหนดของท่านประมุขที่ยังไม่คลี่คลายอีก

“เจ้าจะตกใจทำไม เดิมทีความลับนี้มันก็ไม่เป็นความลับอยู่แล้วไม่ใช่รึ ในเมื่อเจ้าอยากหางานทำนัก ก็ใช้โอกาสนี้จัดการเจ้าพวกเด็กเกเรที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยซะ”

ซีหยุนลองตรองดูก็เข้าใจถึงสิ่งที่มารเงินต้องการ เขาไม่จำเป็นต้องบอกเรื่องสุขภาพของท่านประมุขกับทุกคน แต่สามารถเลือกบอกกับบางคนเพื่อดูท่าที คนทรยศย่อมเผยธาตุแท้ออกมาเมื่อมีโอกาสแว้งกัด สิ่งที่ซีหยุนควรให้ความใส่ใจในตอนนี้คือสงครามภายในมากกว่าภายนอก

“ข้าเข้าใจแล้วขอรับ”

“ดี ต่อไปก็จัดการเรื่องในพรรคให้เต็มที่ เรื่องมือดีที่มายุ่งวุ่นวายในถ้ำนิทราข้าจะให้จิวซือจัดการ”

ถ้ำนิทราคือสถานที่จำศีลของมารเงิน มันปิดตายจากด้านในทำให้คนนอกไม่สามารถเข้ามาได้ นอกจากนี้บริเวณหน้าถ้ำยังมีมารนิลเฝ้าเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง ทั้งที่แน่นหนาปลอดภัยถึงเพียงนี้ก็ยังมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญย่องเข้ามา

ช่วงที่หลับไปเพราะร่างกายเสื่อมสังขาร มารเงินจำเป็นต้องดูดซับพลังจาก ผลึกสุริยัน ผลึกจันทราและผลึกดาราเพื่อสร้างร่างกายใหม่ โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณห้าสิบปี แต่มารเงินกลับตื่นก่อนเวลาถึงสิบปี เมื่อกลับไปตรวจสอบในถ้ำนิทราก็พบว่าผงผลึกราหูกระจายอยู่โดยรอบ ผลึกนี้ขัดขวางการดูดซับพลัง ถ้าปล่อยให้เวลาผ่านไปจะเป็นพิษต่อร่างกาย จึงต้องฝืนตื่นก่อนกำหนดในสภาพที่ไม่สมบูรณ์

มารเงินย่อมไม่พอใจในตัวผู้บุกรุก ทว่าปณิธานแห่งความเกียจคร้านก็ชนะทุกสิ่ง เขายกภาระอันแสนวุ่นวายให้เหล่าข้ารับใช้ที่กระตือรือร้นจัดการ ส่วนตัวเองนอนเอกเขนกรับบทจอมมารที่กำลังอ่อนแออย่างมีความสุข

“ลี่ชง!” ท่านประมุขเรียกพ่อบ้านฝึกหัดที่คอยรับใช้อยู่ห่างๆ “พาผู้อาวุโสลำดับที่สองไปใส่ยาด้วย”

“ขอรับ” ลี่ชงรับคำ

ชายหนุ่มทราบในทันทีว่ายาที่ว่าคือทาแก้พิษจากการสัมผัสขนมารนิล ซีหยุนเองก็เข้าใจค้อมกายคำนับอย่างตื้นตันในความใส่ใจของท่านประมุข

“อ้อ! เกือบลืมไปเลย ช่วงนี้เจ้าคงยุ่งมาก ถ้านางบุกมาอีก ก็เปิดทางให้มาที่ห้องข้าได้เลย ไม่จำเป็นต้องขัดขวาง”

ท่านประมุขไม่เจาะจงว่าสั่งผู้ใด สองข้ารับใช้ต่างวัยจึงพร้อมใจกันรับคำ คล้อยหลังคนทั้งคู่ไม่นาน รอยยิ้มสดใสที่หาได้ยากยิ่งก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้ามารเงิน

เขาไม่คิดว่านางจะกลับมาอีกหน แต่ถ้ากลับมาจริง ก็จะยอมเล่นด้วยอีกสักครั้ง ภาพหญิงสาวหยิบแหวนอันธการเข้าปากแล้วกลืนลงไป ยังติดตรึงอยู่ในความทรงจำมารเงิน ชายหนุ่มอดขำไม่ได้ เมื่อนึกถึงกรรมวิธีที่นางต้องทำเพื่อให้ได้แหวนคืนมา

-โปรดติดตามตอนต่อไป-
สวัสดีท้ายตอนค่า
ขอพื้นทีให้แก๊งตุ๊ดอีกตอนสองตอนนะคะ
เพราะโบ้ยังไปหาท่านประมุขไม่ได้
ให้เวลาลำไส้ไฟต์กับน้องแหวนนิสนึง 5555
คืนนี้ราตรีสวัสดิ์พบกันพุธหน้าค่า ^O^





นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.ค. 2559, 00:21:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.ค. 2559, 00:21:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 1178





<< ประมุขพรรคมาร : บทที่ ๑๒ ความจริงของเหตุการณ์   ประมุขพรรคมาร : บทที่ ๑๔ ปราการเทพสวรรค์ >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 27 ก.ค. 2559, 17:56:43 น.
อ๊าว ท่านมารก็เห็นเหรอเนี่ย 5555 เห็นความตั้งใจแล้วเลยจะยอมปล่อยๆ แล้วใช่ม้า


Zephyr 1 ส.ค. 2559, 08:22:34 น.
มารเงินเริ่มสนุกละสินะ
หละงจากเงียบเหงามานาน
เอาโบ้เป็นเมีย นี่ คงมีไรให้หัวปั่นทุกวันอ่ะ
คิดดีๆนะท่านประมุข หึหึ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account