มงกุฎแสงดาว (พิริตา) (เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book)
‘วาวพลอย’ เจ้าหญิงพลัดถิ่นผู้ไม่เคยรู้สถานะของตัวเองมาก่อน
จนกระทั่งวันหนึ่งที่ถูกคุกคามด้วยภัยและความจริง การพลัดพรากจากคนที่รักก็มาถึง
พร้อมกับการเดินทางกลับสู่ ‘บ้าน’ ที่เธอไม่เคยรู้จักก็เริ่มต้นขึ้น


ด้วยการนำทางของ ‘หัสตะ’ ชายหนุ่มลูกครึ่งอดีตหน่วยซีลผู้เก่งกล้าสามารถ
ท่ามกลางเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรค อันตรายที่ทั้งคู่ต้องร่วมกันฝ่าฟัน
ความรู้สึกบางอย่างได้ถักทอขึ้นในหัวใจทั้งสองดวง
แต่ทว่าชาติกำเนิดในอดีตกลับเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่กว่า
เจ้าหญิงและผู้นำทางจะทำอย่างไรกับความรักที่ไม่เห็นหนทางเป็นไปได้


Tags: เจ้าหญิง เจ้าชาย มงกุฎ แสงดาว ติดเกาะ โจรสลัด หน่วยซีล ทะเล

ตอน: บทที่ 29

เปิดจอง‘มงกุฎแสงดาว’
นิยายรักโรแมนติค ผสมผสานการผจญภัย แอ็คชั่น สนุกสนาน และน่าลุ้น!!
จะเป็นอย่างไรเมื่อเจ้าหญิงพลัดถิ่นต้องเดินทางกลับบ้านเมืองของตน
ด้วยการนำทางของหนุ่มลูกครึ่งอดีตหน่วยซีลฯ ที่เป็นดังแสงสว่าง
และแฝงไปด้วยอดีตที่เกี่ยวพันกันอย่างไม่น่าเชื่อ
มงกุฎแสงดาว มี 2 เล่มจบ ราคาเล่มละ 289 บ.
2 เล่ม ในราคาพิเศษเพียง 548 บ. ค่าจัดส่งแบบลงทะเบียน 40 บ.
สั่งจองได้ทาง กล่องข้อความ http://web.facebook.com/pirita.boonta
หรือในเพจ ‘พิริตา อเมทริน นักเขียน’
Email: kanplu@windowslive.com
โทร.062665624 หรือทางไลน์ ID: pirita-ametrine
สั่งพิมพ์ประมาณต้นเดือนสิงหาคมนี้จ้า!!



วันเดินทางมาถึงทุกคนเตรียมพร้อมอยู่ตรงลานหน้าหมู่บ้าน นางมาเรีย นางลินดา พร้อมชาวบ้านต่างก็ออกมาส่งกลุ่มคนเดินทาง วาวพลอยกับโก๋กล่าวลาคนทั้งสองและชาวบ้าน ก่อนจะขึ้นรถที่จอดรออยู่

ภายในรถโฟร์วีล ไดร์ฟคันเดิมตอนหน้านอกจากหรคุณคนขับแล้ว ยังมีวาวพลอย โก๋ และจิญจายะนั่งอยู่ ส่วนหัสตะกับตันเตนั่งอยู่ด้านหลัง ทุกคนยังคงมีอาวุธครบมือ

หญิงสาวโบกมืออำลาคนที่มาส่ง พร้อมทั้งมองร่างสูงผอมของนางมาเรียจนสุดสายตา แอบชื่นชมอยู่ในใจว่าผู้หญิงคนนี้ช่างมีความรักที่ยิ่งใหญ่นัก แต่หัวใจก็เต็มไปด้วยความเข้มแข็งในคราวเดียวกัน

ต่อให้คนที่รักทำผิดก็ยังคงรักและให้อภัย ขณะเดียวกันก็ยึดถือความถูกต้องด้วย เธออยากจะทำได้สักครึ่งหนึ่งของนางมาเรียนัก นับแต่วาวพลอยได้บอกหัสตะถึงการตัดสินใจ จากนั้นมาทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก

หญิงสาวพยายามไม่คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ความโกรธทำให้เธอพยายามปิดกั้นความรู้สึกทุกอย่าง และมากกว่าความโกรธคือความถูกต้อง พ่อของเขาทำร้าย ทำลายครอบครัวของเธอ และบ้านเมืองนี้

ความรู้สึกข้างในจะว่าโกรธแค้นก็ไม่ใช่ แต่ก็ไม่อาจยอมรับได้เช่นกัน มาตอนนี้เธอกับเขาเป็นเหมือนเส้นขนานกันไปเสียแล้ว

ในขณะที่หัสตะเองก็ได้แต่มองดูหญิงสาวอยู่ห่างๆ ด้วยตระหนักดีว่าบิดาของเขาทำเรื่องที่เกินอภัยกับครอบครัวเจ้าหญิงรัชทายาท และบ้านเมืองริตถาวดี เขารู้ว่ามันไม่ยุติธรรมที่จะทำร้ายจิตใจเธอซ้ำแบบนี้อีก

ความรู้สึกผิดทำให้ชายหนุ่ม ไม่กล้าแม้กระทั่งจะเข้าไปหา และเอ่ยคำขอโทษ หรืออธิบายอะไรให้เป็นการแก้ตัวอีก หัสตะพยายามยอมรับความเจ็บปวดนั้นอยู่เงียบๆ บรรยากาศระหว่างคนทั้งคู่จึงอึมครึมจนคนรอบข้างรู้สึกอึดอัดไปตามๆ กัน

การเดินทางยาวนานหลายชั่วโมงจบลงในช่วงเย็นที่รอบข้างยังคงเป็นป่า หัสตะจึงตัดสินใจหยุดพักที่นั่น เพราะเป็นจุดที่ใกล้กับบริเวณนัดพบกับทางฝ่ายริตถาวดี ซึ่งอยู่ห่างไปไม่ถึงสองกิโลเมตร ตามกำหนดการพรุ่งนี้เช้าหลังจากทานอาหารเสร็จก็จะเดินทางต่อไปอีกนิดหน่อยจึงจะถึงจุดนัดพบ

ระหว่างนั้นเพื่อความแน่นอนและปลอดภัย ชายหนุ่มจะต้องสำรวจตรวจตราความเรียบร้อยที่จุดนัดพบก่อนจะพาตัวเจ้าหญิงไปส่งด้วย เย็นนั้นทุกคนจึงช่วยกันตั้งเต็นท์และเตรียมอาหาร

แม้แต่วาวพลอยเองก็ไม่เว้น และเธอก็รู้สึกคล่องขึ้น หลังผ่านการเดินทางอันยากลำบากมาพอสมควรแล้ว ค่ำคืนหลังจากกองไฟถูกจุดขึ้น ทุกคนล้อมวงร่วมทานอาหารง่ายๆ กัน จนกระทั่งเสร็จสิ้น

“พวกผู้หญิงเข้าไปนอนเอาแรงกันก่อนเถอะ พรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางกันแต่เช้า” หัสตะหันมาทางจิญจายะและวาวพลอย ซึ่งพอหญิงสาวสบตากับเขาเข้าเธอก็มองเมินไปทางอื่น ส่วนจิญจายะก็รีบลุกขึ้น

“ถ้าอย่างนั้นฉันขอไปทำธุระส่วนตัวแป๊บนึงนะคะ” ว่าแล้วก็รีบจ้ำอ้าวเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว วาวพลอยที่มัวแต่ทำหน้าเชิด รีบลุกขึ้นตาม แต่ก็ไม่เห็นหลังจิญจายะเสียแล้ว

“ให้โก๋ไปเป็นเพื่อนไหมอะเจ๊” โก๋รีบถามขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไปใกล้ๆ นี่เอง คุณจิญก็ไปก่อนแล้ว” หญิงสาวปฏิเสธ พลางเดินไปทางเดียวกันกับจิญจายะ

หวังจะพบจิญจายะที่นั่นแต่กลับไม่เห็นแสงไฟฉายแต่อย่างใด วาวพลอยจึงรีบทำธุระส่วนตัวในความมืดอย่างรวดเร็ว และขณะกำลังจะหันหลังกลับ เธอได้ยินเสียงพูดคุยดังเบาๆ ห่างจากจุดที่ยืนอยู่หลายก้าว

แม้เสียงนั้นจะคุ้นหู แต่ก็ฟังไม่ออกว่าพูดอะไรเพราะมันเบาราวกับกระซิบ หญิงสาวรู้เพียงแต่ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของจิญจายะ วาวพลอยมองเห็นแสงไฟเรืองๆ อยู่ในความมืด จากเครื่องมือสื่อสารที่คุ้นเคย

จิญจายะคงคุยโทรศัพท์กับใครสักคน

แต่ก็แปลกนักที่พูดอย่างพยายามออมเสียงอย่างนี้ หรือจะมีความลับอะไรกัน วาวพลอยคิด ก่อนจะเลิกสนใจเพราะไม่อยากเสียมารยาท หญิงสาวกลับมาก็มุดเข้าเต็นท์และนอนหลับไป โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจิญจายะกลับเข้ามานอนตั้งแต่เมื่อไหร่

*-*-*-*-*-*

เจ้าของร่างบอบบางสาวเท้าเข้าไปในสายหมอกช้าๆ เธอรู้สึกเหมือนกำลังล่องลอยมากกว่ากำลังเหยียบย่างบนพื้น แสงบางอย่างสว่างอยู่ตรงหน้า หญิงสาวรีบเร่งตรงไป ก็พบว่าสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าเป็นบ้านไม้หลังเดิมในชุมชนที่เธอจากมานั่นเอง พอเธอเปิดประตูเข้าไปในบ้าน

‘ยัยพลอย เราไปไหนมา พี่กับแม่เป็นห่วงแทบแย่แน่ะ’ ตะวันพราวกำลังนอนเอกเขนกดูทีวีอยู่บนโซฟาตัวเก่าในห้องรับแขกเล็กๆ เอ่ยถามทันทีที่เห็นหน้าน้องสาว

‘เอ่อ... พลอยไปริตถาวดีมาค่ะพี่พราว แล้วแม่ล่ะคะ แม่อยู่ไหน’ หญิงสาวถามพลางมองหามารดา

‘แม่อยู่ในครัว กำลังเตรียมของไปขาย’ สิ้นคำของตะวันพราวเสียงผัดอะไรบางอย่างก็ดังมา พร้อมกลิ่นฉุนของพริกแกงที่เธอคุ้นเคย

วาวพลอยรีบวิ่งเข้าไปในครัว ร่างผอมบางของนางอัมพรกำลังง่วนอยู่หน้ากระทะ ความดีใจท่วมท้นในจิตใจของหญิงสาว

‘แม่...แม่จ๋า’ วาวพลอยร้องขึ้นและวิ่งเข้าไปหานางอัมพรที่มองเธออย่างดีใจเช่นกัน

‘พลอยลูกแม่ ในที่สุดหนูก็กลับมาหาแม่’ นางอัมพรอ้าแขนรอวาวพลอย

แต่พอหญิงสาวโผเข้าสู่อ้อมกอดนั้น มันกลับว่างเปล่าไม่มีร่างของมารดา ไม่มีบ้าน ไม่มีอะไรอื่นนอกจากหมอกควันเช่นเดิม

“แม่...แม่ พี่พราว แม่จ๋า... ” วาวพลอยร้องไห้โฮปริ่มว่าจะขาดใจ

“คุณวาวพลอย คุณวาวพลอย” เสียงเรียกของจิญจายะปลุกหญิงสาวให้ตื่นขึ้น เธอรู้สึกถึงน้ำตาที่กำลังไหลลงมาอาบแก้ม หัวใจที่เจ็บปวดคลายลงไปเมื่อรู้ว่าเป็นเพียงความฝันเท่านั้น

“ฝันร้ายหรือคะ”

“ค่ะ ฉันฝันถึงแม่... ” วาวพลอยพูดยังไม่ทันจบ เสียงเอะอะก็ดังมาจากข้างนอก พร้อมกับเสียงปืนดังระรัว

ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้วาวพลอยนึกรู้ว่าต้องมีเหตุการณ์

เลวร้ายบางอย่างเกิดขึ้นด้านนอกอย่างแน่นอน หญิงสาวรีบผุดลุกขึ้น

“คุณจิญเราออกไปดูกันเถอะค่ะ” แต่จิญจายะกลับดึงตัววาวพลอยเอาไว้

“ปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้ชายเขาเถอะค่ะคุณวาวพลอย เราออกไปจะทำให้พวกเขาพะวักพะวงมากกว่า หมอบลงค่ะ” จิญจายะบอก

“แต่ว่า... ” วาวพลอยทำท่าจะค้าน แต่พอเห็นท่าทางจิญจายะไม่เปลี่ยนใจเธอจึงพูดไม่ออก และหมอบลงตามคำสั่งของอีกฝ่าย

จิญจายะกระชับปืนพกสั้นในมือขณะแง้มประตูเต็นท์ออกนิดหนึ่ง เพื่อมองดูเหตุการณ์ภายนอก แต่เพียงครู่ก็หันมาทางวาวพลอย

“ไปจากที่นี่กันเร็ว! ” พูดพลางดึงมีดที่เหน็บอยู่ตรงซอกเอวกรีดเต็นท์ทางด้านหลัง และหันมาดึงมือวาวพลอยที่ลุกขึ้นนั่งอย่างงงๆ

“ไปไหนคะ เกิดอะไรขึ้นกับพวกเราเหรอคะ” ไม่มีคำตอบ จิญจายะกลับดึงวาวพลอยให้ลุกขึ้นและออกมาจากเต็นท์อย่างรวดเร็ว

หญิงสาววิ่งตามแรงดึงของจิญจายะอย่างทุลักทุเล หกล้มหกลุกอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งทั้งคู่มาถึงบริเวณที่เป็นป่าโปร่ง ห่างจากจุดที่กำลังมีการต่อสู้พอสมควรจึงหยุดลงในที่สุด

“พวกเขาล่ะคะ คุณหัสตะ น้องชายฉันกับพวกเราจะเป็นยังไงบ้าง” แม้จะเหนื่อยแทบหายใจไม่ทัน แต่ในใจวาวพลอยก็ยังห่วงหัสตะกับโก๋ และพรรคพวก

“ไม่ต้องห่วงพวกนั้นหรอก พวกเขาเอาตัวรอดได้” จิญจายะเอ่ยเสียงเย็น ขณะมองไปรอบๆ เหมือนมองหาอะไรสักอย่าง

“ฉันพาเจ้าหญิงมาแล้ว” แล้วจึงตะโกนราวกับบอกใครสักคน และเสียงสวบสาบก็ดังขึ้น พร้อมกับร่างของชายฉกรรจ์สี่-ห้าคนก้าวออกมาจากที่ซ่อน

“เธอทำได้ดีมาก” ชายคนที่ก้าวออกมาข้างหน้าเอ่ยชมกลั้วเสียงหัวเราะ วาวพลอยมองจิญจายะกับกลุ่มคนเหล่านั้นอย่างงงงัน

“คุณจิญ นี่มันอะไรกันคะ” หญิงสาวถามเสียงเบาหวิว เริ่มเดาสิ่งที่เกิดขึ้นได้รางๆ

พร้อมกับภาพที่จิญจายะปลีกตัวออกมาคุยโทรศัพท์ตามลำพังด้วยเสียงและท่าทางแปลกๆ เมื่อคืนนี้ฉายชัดขึ้นมาในหัว เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนเลยตลอดการเดินทางร่วมกัน หรือว่า... นี่คือสาเหตุที่แท้จริง

จิญจายะไม่ตอบคำถามของวาวพลอย และไม่หันมามองเธอด้วยซ้ำ ราวกับถ้อยคำของเธอเป็นอากาศธาตุกระนั้น แต่กลับกระชากข้อมือหญิงสาวอย่างแรง

“เจ้าหญิงอยู่นี่ พ่อของฉันล่ะ” สิ้นคำของจิญจายะ

คนที่เป็นหัวหน้าก็ส่งสัญญาณให้ลูกน้องคนหนึ่ง ซึ่งมันก็รีบก้าวเข้าไปหลังโขดหิน ลากตัวใครคนหนึ่งที่มีลักษณะหลังงองุ้ม คลุมหน้าด้วยผ้าออกมา

“เอาไอ้แก่นี่ไป เอาตัวเจ้าหญิงมา” คนร้ายบอก คนที่ถูกลากตัวออกมาไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาแต่อย่างใด

“พ่อ... มองฉันสิ ฉันจิญจายะนะพ่อ” จิญจายะไม่วางใจจึงเรียกขึ้น ก่อนที่เจ้าของร่างหลังงองุ้มจะเงยหน้าขึ้นมา เขาเป็นชายชราหน้าเหี่ยวย่น และดวงตาก็เต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความทุกข์โศกจนเห็นได้ชัด

“จิญจายะลูกพ่อ” ชายคนนั้นเอ่ยออกมาเสียงสั่น น้ำตารินไหลอาบแก้มยับย่นนั้น จิญจายะตัวสั่นแต่ก็พยายามควบคุมเอาไว้

“ปล่อยพ่อของฉัน แล้วเอาตัวเจ้าหญิงไป” วาวพลอยพยายามขัดขืนเมื่อคนร้ายในกลุ่มนั้นเข้ามากระชากตัวเธอ พร้อมกับที่ชายชราถูก

จิญจายะดึงตัวไป

“’โทษทีนะเจ้าหญิง เป็นเพราะหัวหน้านั่นแหล่ะที่ทำให้ฉันต้องทำอย่างนี้” จิญจายะบอก ก่อนจะหันหลังกลับ แต่ทว่าเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด พร้อมกับร่างของชายชราล้มลงไปกองกับพื้น

“พ่อ...พ่อ!! ” จิญจายะกรีดร้อง พลางหอบเอาร่างของชายชราที่เปื้อนเปรอะไปด้วยเลือดขึ้นมากอดเอาไว้

“หนี... ไป หนีไป... ลูกพ่อ” ถ้อยคำสุดท้ายดังแผ่วเบา ลมหายใจรวยรินลงไปทุกขณะ เพียงไม่กี่วินาทีก็สิ้นใจคาอ้อมกอดของลูกสาวนั่นเอง

“พวกแก... พวกแกทำอย่างนี้ทำไม! ” จิญจายะกรีดร้องด้วยความเสียใจ น้ำตาไหลพรากอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้

“นักโทษแหกคุกก็ต้องถูกจัดการขั้นเด็ดขาด รวมทั้งคนที่ช่วยมันแหกคุกด้วย” คนเป็นหัวหน้าพูดอย่างเย็นชา

พลางเล็งปืนไปยังจิญจายะ ซึ่งมาตอนนี้ไม่มีสติใดๆ หลงเหลืออยู่อีกแล้ว เสียงปืนดังขึ้นพร้อมกับตัวของหญิงสาวฟุบลงกับร่างที่แน่นิ่งของบิดา

“คุณจิญ!! ” วาวพลอยกรีดร้อง ประสานกับเสียงปืนที่ดังกระหึ่มขึ้นอย่างไม่รู้ทิศทาง

ร่างบอบบางถูกกลุ่มคนร้ายดึงตัวไปหลบหลังต้นไม้ แล้วมันก็ยิงต่อสู้กลับไปอย่างดุเดือด

“เราสู้ต่อไปไม่ไหวแล้วนะพี่ พวกมันกำลังล้อมเราไว้” จนกระทั่งลูกน้องคนหนึ่งของมันพูดขึ้นด้วยเสียงร้อนรน เมื่อสถานการณ์ตรงหน้าไม่เป็นดังที่คิด

“มันเป็นพวกไหน ก็ไหนว่าพวกมันมีกันไม่กี่คนไงล่ะพี่” อีกคนถามอย่างไม่เข้าใจเช่นกัน

“เท่าที่เห็นก็เป็นอย่างนั้นนี่หว่า หรือว่า... จะเป็นพวกทหาร ถ้าเป็นพวกทหารจริงพวกมันรู้ได้ยังไงกันวะ จุดที่นัดไม่ใช่ตรงนี้เสียหน่อยนี่หว่า” คนเป็นหัวหน้าครุ่นคิดนิดหนึ่ง

“แล้วเราจะเอายังไงต่อไปดีล่ะพี่”

“หาทางถอยก่อน อย่าพึ่งฆ่าเจ้าหญิง เก็บมันไว้เป็นตัวประกัน” มันสั่งลูกน้อง

ก่อนจะพากันถอยออกจากวงล้อมที่ใกล้เข้ามา เสียงปืนยังคงดังกึกก้องไปทั่วราวป่า วาวพลอยเห็นคนร้ายถูกยิงตายไปต่อหน้าต่อตา หญิงสาวทั้งหวาดกลัวทั้งตื่นตระหนก



ตัวหัวหน้าคนร้ายตรงมากระชากร่างของวาวพลอย หลังจากคนที่ควบคุมตัวเธอถูกยิงตาย มันพาหญิงสาวถอยออกมา พร้อมกับพวกอีกสองคน วาวพลอยไม่รู้ว่าฝ่ายที่รุกคืบเข้ามาเป็นฝ่ายไหน แต่คงไม่ใช่พวกของหัสตะ เพราะรู้สึกได้ว่ามีมากมายเหลือเกิน




**‘มงกุฎแสงดาว’ รูปแบบ E-Book สนใจเข้าไปโหลดฉบับเต็มกันได้นะคะ ที่

MEB

https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNzEyOTE2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjY2NzYiO30

ookbee

http://www.ookbee.com/Shop/Book/3cbffb2b-d724-41df-87e9-b81cd2f83d83

ebooks.in.th

http://www.ebooks.in.th/ebook/34430/%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%8E%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7/



Hytexts

http://www.hytexts.com/ebook/book/B004883



นายอินทร์ปัณณ์

https://www.naiin.com/product/detail/184068/



ซีเอ็ด

https://www.se-ed.com/product/มงกุฎแสงดาว-PDF.aspx?no=9786164063174



banbanbook



http://banbanbook.com/banbanbook/cart/get_detail_book/1110



กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ก.ค. 2559, 13:26:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ก.ค. 2559, 13:26:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 854





<< บทที่ 28   บทที่ 30 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account