เธอเป็นดั่ง...ยอดชีวัน ภาคพิเศษ

Tags: หม่อมเจ้า,วัง,แอบรัก

ตอน: ๑ | ช า ย เ ส เ พ ล ๒



จดหมายฉบับน้อยมีข้อความเพียงไม่กี่บรรทัดแต่กลับทำให้คนรับก้มหน้าก้มตาอ่านข้อความในนั้นซ้ำไปซ้ำมา...ครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับจะจดจำทุกถ้อยคำในนั้นจนขึ้นใจ

‘อาดนัย’ เป็นชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ อายุล่วงเลยวัยยี่สิบแปดมาเพียงไม่กี่วัน เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูง แม้ไม่ได้บึกบึนเฉกเช่นหนุ่มนักกีฬา หากก็ไม่ได้ผ่ายผอมดั่งคนขี้โรค บ่าของเขากว้าง ไหล่ตั้งตรง อกผึ่งผาย ยามยืดตัวเต็มความสูงจะแผ่รัศมีของความองอาจ สง่างามออกมาสมกับเป็นราชนิกูลพระองค์หนึ่ง

บัดนี้หม่อมเจ้าอัครดนัย สิรภพทรงเกยพระโสณี[1]กับขอบโต๊ะไม้โอ๊คสีน้ำตาลเข้ม เข้ากับห้องอ่านหนังสืออันเคร่งขรึม ตกแต่งด้วยเครื่องเรือนไม้สีน้ำตาลค่อนไปทางดำ มีเพียงฝาผนังเท่านั้นที่เป็นสีครีมอ่อน ช่วยให้ห้องนั้นไม่มืดจนเกินไป ตรงหน้าโต๊ะตัวนั้นคือหน้าต่างกระจกที่ยัดนี้มีไอน้ำเกาะพราว เบื้องนอกมืดครึ้ม ฝนตกเปาะแปะไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

ข้างพระวรกายมีเสื้อถักไหมพรมแขนยาวตัวหนึ่ง และยังมีจดหมายหลายสิบฉบับวางกองระเกะระกะไม่เป็นระเบียบ แต่ละฉบับมีลวดลายอ่อนหวานเกินกว่าจะเป็นของชายหนุ่มคนใดคนหนึ่งได้ กลิ่นหอมจากจดหมายเหล่านั้นยังรวยระริน บางคราท่านชายดนัยมักจะจรดปลายจมูกสูดดม ระลึกถึงเจ้าของจดหมายที่ไม่ได้พบหน้ากันเกือบห้าปี

‘หนูอิน’ เด็กสาวแก้มป่อง ผู้มีรอยยิ้มสดใส และดวงตาดำขลับวาววามบริสุทธิ์

...เป็นภาพความทรงจำที่ท่านชายไม่เคยลืมเลยแม้สักวัน ไม่ว่าจะเป็นภาพของเด็กตัวจ้อย กลมป้อม วิ่งหางเปียชี้พร้อมส่งเสียงหัวเราะกังวานใส

หรือจะเป็นเด็กหญิงฟันหลอ หน้าตาเปรอะเปื้อนด้วยดินโคลน เสื้อผ้ายับย่น และมักจะปีนป่านต้นไม้อย่างไม่เกรงกลัวว่าจะตก

และ...ครั้งสุดท้ายที่พบกัน

‘หนูอิน’ ในวัยสิบเอ็ดปี ตัวผอมสูงผิดกับวัยเด็ก จะมีเหมือนเดิมก็ตรงแก้มยุ้ยๆ และดวงตาสดใสที่จับตาจับใจคู่นั้น

ผมที่เคยสั้นยาวสยายลงมาถึงกลางหลัง ผมดำขลับเงางาม เรียบลื่นราวกับแพรไหม

ท่านชายทรงยังจดจำทุกรายละเอียดของหล่อนได้ จวบจนบัดนี้

แต่ทว่า...พระขนงเข้มเข้าหากันเมื่อหยิบภาพถ่ายใยหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา

ภาพถ่ายที่อยู่ตรงเบื้องพักตร์ในเวลานี้เป็นภาพของสาวน้อยร่างโปร่งระหง ดูน่ารักด้วยแก้มยุ้ยๆ และดูมีเสน่ห์จากดวงตาดำขลับซึ่งทอประกายระยับวาววาม หล่อนกำลังฉีกยิ้มกว้างอวดฟันขาวเรียงเป็นระเบียบ รอยยิ้มนั้นสดใสเฉกเช่นที่เคยเห็นตลอดมา หากจะมีบางสิ่งที่ผิดแผกไปคงจะเป็นผมดำขลับที่ตัดสั้นเลยติ่งหูมาประมาณ 1 นิ้ว สิ่งนี้นี่เองที่ทำให้คนมองต้องขมวดขนง พระเนตรหรี่ลงแสดงความไม่พอพระทัยในส่วนลึก

เด็กสาวผู้นี้เคยมีผมยาวสยายเต็มกลางหลัง ยามถูกมัดไว้กลางศีรษะและปล่อยเป็นหางม้าให้กวัดแกว่งไกวตามการก้าวย่างของหล่อนนั้นเป็นสิ่งที่ทอดเนตรได้อย่างไม่รู้เบื่อ อีกทั้งเส้นผมอันนุ่มสลวยและเรียบลื่นนั้น ยามสัมผัสก็ทรงทำให้เพลิดเพลินได้ไม่น้อย ทรงเคยบอกกับเด็กผู้นั้นว่า

‘อาชอบผมยาวๆ แบบนี้ อย่าไปตัดออกเหมือนสาวๆ สมัยนี้นะหนูอิน’

ทรงเชื่อมั่นมาตลอดว่าอินทุอรจะเชื่อฟัง...เหมือนทุกครั้ง

หากครั้งนี้ต่างออกไป หล่อนตัดผมโดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า ไม่มีวี่แววเลยด้วยซ้ำ แม้เมื่อจดหมายครั้งที่แล้วหล่อนก็ไม่เคยเกริ่นถึง

อินกำลังจะขึ้นม.ศ. 4[2] แล้ว ต้องขยันกว่าเดิมอีกโขเลยเพคะ อินตั้งใจจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ อาดนัยช่วยเป็นกำลังใจให้อินด้วยนะเพคะ

ไม่ได้เล่าเลยสักนิดว่าอยากตัดผม หรือจำเป็นต้องตัดผมเพราะอะไร แล้วจู่ๆ อีกหนึ่งเดือนถัดมา อินทุอรกลับส่งภาพที่มีผมสั้นเกือบประบ่าเช่นนี้มาให้ จะไม่ให้หงุดหงิดได้อย่างไรเล่า

นอกจากหงุดหงิดเรื่องนี้แล้ว ยังทรงหงุดหงิดองค์เองเสียอีก

...รู้ทั้งรู้ว่าไม่ควรก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของอินทุอร เพราะทรงไม่ใช่เจ้าชีวิตของเด็กคนนี้ แต่ช่างยากเหลือเกินที่จะบังคับดวงหทัยขององค์เอง ทรงหักห้ามพระทัยไม่เขียนถึงหล่อนอยู่เป็นเดือนสองเดือน หากท้ายที่สุดแล้วก็ทรงห้ามความคิดถึงไม่ไหวและไม่อาจเก็บความไม่พอพระทัยไว้ได้เช่นกัน เมื่ออาทิตย์ก่อนจึงทรงตอบจดหมายของหล่อนไปว่า

อาอยู่ทางนี้สบายดี ฝนยังตกอยู่ตลอด ส่วนมากก็ปรอยๆ ไม่ตกหนักดอก ยังดีที่เดือนนี้มีแดดออกบ้าง ทำให้คลายเหงาไปได้มาก หนูอินคงอยู่สุขสบายดีใช่ไหมคะ คงสนุกกับเพื่อนๆ จนลืมอาคนนี้ไปเสียแล้ว เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่ลืมคำขอของอาดอก

ที่อาเคยบอกว่าไม่อยากให้หนูอินตัดผม คงเป็นการบังคับหนูอินมากจนเกินไปกระมัง
ก่อนจะลงท้ายด้วยคำว่าคิดถึงหนูอินเสมอ แต่คำลงท้ายคงจะแห้งแล้งเกินไปจนคนรับรู้สึกได้ เพราะไม่กี่อาทิตย์หลังจากนั้น ก็ทรงได้รับจดหมายจากหล่อน เขียนมาขอโทษขอโพยเสียยกใหญ่

อินไปเที่ยวทะเลอยู่เป็นอาทิตย์ ตากแดดทุกวันจนผมเสีย ผมของอินไม่สวยเหมือนก่อนแล้วก็เลยต้องตัดเพคะ ตอนที่อาดนัยกลับมาจะได้เห็นผมของอินสวยเหมือนเดิมไงเพคะ อาดนัยขา อย่ากริ้วเลยนะเพคะ อินสัญญาว่าต่อแต่นี้ไปอินจะไม่ตัดผมสั้นแบบนี้อีกแล้ว ไม่ตัดจริงๆ นะเพคะ อินสัญญา

ป.ล. แทนคำขอโทษ อินถักเสื้อไหมพรมมาให้ด้วยเพคะ อินไม่แน่ใจว่าอาดนัยจะโปรดไหมหรือจะใส่ได้หรือเปล่า ถ้าใส่ไม่ได้หรือไม่โปรด ก็อย่าทิ้งนะเพคะ ไม่อย่างนั้นอินคงเสียใจแย่ วันที่อาดนัยกลับเมืองไทยก็เอามันกลับมาให้อินด้วยนะเพคะ อินจะใส่เอง

เสื้อไหมพรมสีเทาตัวนั้น ท่านชายเคยสวมเพียงครั้งเดียว มันออกจะคับไปสักหน่อยและรูปทรงยังบิดเบี้ยวไปนิด ไม่เหมือนฉลองพระองค์ตัวใดที่ทรงเคยมีมาก่อนแม้แต่ตัวเดียว

เปล่าหรอก...ทรงไม่นึกอายที่จะสวมมัน เพียงแต่ทรงเกรงว่ามันจะเก่าเร็ว จึงเก็บมันไว้ในตู้เสียเป็นส่วนใหญ่ เพิ่งจะเอาออกมาดูก็วันนี้เอง

ท่านชายทรงหยิบเสื้อไหมพรมผืนนั้นขึ้นมา ไล้มือบนเนื้อผ้าอันอ่อนนุ่มและอบอุ่นอย่างแผ่วเบา

พระทัยลอยละลิ่ว...ไปไกลแสนไกล

ณ ดินแดนอีกฟากหนึ่ง...บ้านเกิดเมืองนอนที่ทรงจากมาหลายปี คงถึงเวลาที่ต้องกลับไปแล้วกระมัง


[1] พระโสณี = สะโพก

[2] ระบบการศึกษาหลักสูตร พ.ศ. ๒๕๐๓ แบ่งเป็น ประถมศึกษาตอนต้น คือ ป.๑ - ๔ , ประถมศึกษาตอนปลาย คือ ป.๕ - ๗ , มัธยมศึกษาตอนต้น คือ ม.ศ. ๑ - ๓ , มัธยมศึกษาตอนปลาย คือ ม.ศ. ๔ - ๕ และมี ม.ศ. ๖ สำหรับกลุ่มที่เรียนสายอาชีพ






ศศิภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ส.ค. 2559, 09:37:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ส.ค. 2559, 09:37:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 1307





<< ๑ | ช า ย เ ส เ พ ล ๑   ๑ | ช า ย เ ส เ พ ล ๓ >>
แว่นใส 5 ส.ค. 2559, 12:40:07 น.
คิดถึงก็เขียนมาสิ


Zephyr 6 ส.ค. 2559, 09:46:56 น.
เล่นไม่กลับหลายปี
ให้หนูอินมีแฟนตัดหน้าเลย อิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account