In a day รอรักหลังวิวาห์
Tags: อาลี โมนา
ตอน: Chapter 5: Bridal house (เรือนหอ)
Chapter 5: Bridal house (เรือนหอ)
“อ้าวพี่โมนามาอยู่หลบอยู่ในสวนนี่เอง พอดีพี่ลีถามหาอ่ะครับ”
“เอ่อขอบคุณนะอลัน เดี่ยวพี่ตามไป”
“พี่เป็นอะไรรึเปล่า ถ้าเหนื่อยก็นั่งพักก่อนก็ได้ครับเดี่ยวผมไปบอกพี่ลีให้”
“ไม่ต้องหรอกพี่โอเค พี่ไปก่อนนะ”
ฉันยิ้มให้อลันก่อนเดินเข้างาน ฉันแค่รู้สึกเหนื่อยๆมันหน่วงใจแปลกๆ เพราะตั้งแต่ที่ยัยนั่นมา เขาแทบจะไม่สนใจฉันเลย แม้แต่ชื่อยัยนั่นเขายังไม่คิดจะแนะนำให้ฉันรู้เลยว่าเธอเป็นใคร และเป็นอะไรกับเขา เพราะถ้าเป็นเพื่อนคงจะเป็นเพื่อนที่สนิทมากๆถึงขั้นนั่งเป็นเพื่อนยัยนั่นทานข้าวแถมยังจะพูดคุยกันอย่างสนิทสนมโดยไม่สนใจว่าฉันมองอยู่
“หายไปไหนมารู้มั๊ยว่าแขกถามหา”
“ขอโทษคะ นึกว่าคุณจะยืนต้อนรับแขกกับเพื่อน…สนิท!”
“หึ ยังไม่ทันไรก็...”
“ก็อะไรคะ?”
เขาไหวไหล่ใส่ฉันพร้อมยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย
“นี่คุณก็อะไร บอกมานะ”
“พี่ เรียกพี่สิ ฉันอายุมากว่าเธอนะ เรียกให้สมกับที่เป็นภรรยาผมหน่อย”
“เอ่อ พะ พี่อาลี เมื่อกี้จะบอกก็อะไร”
“ไม่บอก”
ฉันรู้สึกเขินอายและหมั่นไส้กับหน้าตาหล่อๆที่ยิ้มล้อเลียนฉัน ยอมรับว่าเมื่อกี้ฉันรู้สึกน้อยใจเขา แต่พอมาเจอคำพูดคล้ายกับอ้อนปนล้อเลียนบวกกับหน้าตากวนใส่ฉันมันทำให้ฉันลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไปปลิดทิ้ง บางทีฉันอาจคิดมากไป ฉันเงยหน้าพร้อมสะกิดแขนถามเขาถึงคำพูดก่อนหน้านี้ แต่เหมือนเขาจะสนุกโดยการยืนกอดอกแล้วส่ายหน้าไปมาด้วยใบหน้ายิ้มกวนๆ
“มายืนสวีตตรงนี้นี่เองคู่บ่าวสาวแขกถามหาแล้วครับ”
“เหอะ ขอบใจที่บอกครับคุณพี่เขย”
“เอ่อโมนาไปก่อนนะ”
“เดี่ยวไปพร้อมกันนี่แหละ มา”
พรึ่บบ!!
เขาเอื้อมมือมาจับมือฉันให้เดินตามหลังเขา โดยมีพี่มุนชิตที่เดินนำไปก่อนแล้ว ใจฉันเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ ใบหน้ารู้สึกเห่อร้อนขึ้นไปอีก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาจับมือฉัน ถึงแม้จะมีถุงมือสีขาวใสบางๆกั้นอยู่แต่มันก็ทำให้ฉันคิดไปไกลและที่สำคัญเป็นครั้งแรกที่ฉันปล่อยให้เพศตรงข้ามที่ไม่ใช่คนในครอบครัวได้จับมือถือแขนฉัน โดยไม่คิดที่จะปฏิเสธ
-
-
งานแต่งของฉันเสร็จลุล่วงไปด้วยดี แขกที่มาแสดงความยินดีก็กลับกันหมดแล้วรวมถึงครอบครัวของฉันเองก็บินกลับไทยทันทีหลังจากส่งตัวฉัน ที่กลับไทยด่วนเพราะพรุ่งนี้คุณพ่อและพี่มุนชิตมีประชุมสำคัญ และหลังจากนี้ไปฉันต้องอยู่ที่บ้านของเขาที่นี่ และตอนนี้เป็นเวลาที่ฉันรู้สึกตื่นเต้นและเขินอายมากที่สุดเท่าที่ฉันเคยรู้สึกมาก็ว่าได้ เพราะตอนนี้ฉันนั่งอยู่ในห้องของเขา บนปลายเตียงนุ่มสีขาวสดใสที่ยืดหยุ่นด้วยสปริงชั้นดี ฉันทำตัวไม่ถูกเมื่อต้องมาอยู่กับเขาสองคนในห้องนอนแบบนี้ ฉันไม่รู้ว่าฉันกลัวหรืออะไรกันแน่ที่ทำให้ใจฉันสั่นบวกกับมืออันเย็นเชียบ ฉันประสานนิ้วมือทั้งสองข้างเข้าไว้แน่น เพื่อคลายความเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่เปิดทำงานอยู่
“คุณจะอาบน้ำก่อนไหม”
“เอ่อ กะ ก็ ดีเหมือนกันคะ งั้น นะ น้องไปอาบน้ำก่อนนะ”
“ไปสิ”
ฉันรีบวิ่งเข้าห้องน้ำโดยไม่ลืมหยิบชุดนอนและของใช้ส่วนตัวด้วยความเขินอาย ตายแน่ๆฉันจะทำไงดีฉันรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก นี่ฉันกำลังจะ โอะ โอ๊ยยย แค่คิดก็ เอาไงดี พระเจ้าฉันอายเหลือเกิน หลังจากนั้นฉันก็จัดการธุระจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ฉันอยู่ในชุดนอนก้าวออกจากห้องน้ำโดยส่วมใส่ผ้าคลุมศรีษะผืนเดิมที่ฉันใส่ก่อนเข้าห้องน้ำ
“ไม่ถอดผ้าคลุมออกละ ผมเปียกๆเดี่ยวก็ไม่สบายหรอก”
“คือ นะ น้อง”
“ผมเป็นสามีคุณนะ”
“แต่ว่า คือยังไงละ”
“มาเดี่ยวผมถอดให้”
ฉันถอยหลังหนึ่งก้าวเมื่อเขาทำท่าเดินเขามา
“ไม่เป็นไรคะ พี่ไปอาบน้ำเถอะ เดี่ยวน้องถอดเอง”
เขาหรี่ตามองฉันพร้อมทำหน้าตาครุ่นคิด
“แน่ใจนะ”
“คะ”
แล้วเขาก็หันหลังเดินเข้าห้องน้ำไปทันที โล่งอกไปที แล้วนี่ฉันจะอายอะไรเนี้ย เขาเป็นสามีฉันนะ ใจเย็นๆ โอ้ อัลลอฮ์ฉันควรจะทำยังไงดี ได้โปรดชี้นำข้าพเจ้าในทางที่ถูกต้องด้วยเถิด
ครืดดด
ครืดดด
เสียงโทรศัพท์เขาสั่นอยู่บนปลายเตียง ฉันที่กำลังใช้ความคิดจึงหันไปสนใจเสียงโทรศัพท์ที่สั่นอยู่อย่างต่อเนื่องมาดู
“Beb Asma” อัสมาที่รักงั้นหรอ ใคร แล้วทำไมถึงได้เมมชื่อเหมือนคนรักกัน ฉันรู้สึกโหวงๆในใจ ไม่ๆฉันจะไม่คิดมาก
ครืดดด
ครืดดด
ฉันตัดสินใจรับสายโดยพูดเป็นภาษาอังกฤษแทน
“ฮัลโหล่”
“...........”
เอะ ทำไมเงียบ
“ฮัลโหล่ คือพี่ลีอาบน้ำอยู่คะ ถ้ามะ”
“ภรรยาลีสินะ”
“ค่ะ อ้อคะ”
“ฉันเป็นแฟนลีและเขายังรักฉัน แกอย่าคิดว่าเขาจะรักแก ที่เขาแต่งงานกับแกก็เพราะถูกบังคับ”
“ฉันไม่รู้หรอกนะคะว่าคุณต้องการอะไร แต่ฉันอยากบอกให้คุณรู้ไว้นะคะว่าฉันคือคนที่เขาเลือก! สวัสดี”
ฉันวางสายใส่ยัยอัสมาอะไรนั่นด้วยความรู้สึกโมโห หรืออย่างไรก็ไม่แน่ชัดอาจเรียกว่าอาการหึง หวงก็ได้เพราะทันทีที่เธอคนนั้นบอกว่า “พี่ลีรักเขา และถูกบังคับให้แต่งงาน” ฉันก็ถึงกับเลือดขึ้นหน้า ใจเย็นๆ ฉันเลือกที่จะเดินไปนั่งบนเตียงด้านข้างและวางโทรศัพท์เขาดังเดิม
แกร็กก
“ยังไม่ถอดผ้าคลุมอีกหรอ”
“ค่ะ อ้อ คือน้องไม่ชิน”
เขาที่อยู่ในชุดนอนเสื้อยืดสีเทาพร้อมกางเกงขายาวสีขาวสบายๆเดินมานั่งข้างฉัน
“เดี่ยวก็ชิน”
แล้วเขาก็จับปลายผ้าคลุมศีรษะฉันออก โดยที่ฉันไม่ได้ปฏิเสธ เขาวางผ้าคลุมของฉันข้างๆเขาแล้วนำมือมาจับไหล่ฉันทั้งสองข้างพร้อมจ้องมองหน้าฉัน ฉันไม่รู้ว่าฉันกำลังเข้าข้างตัวเองอยู่รึเปล่าเพราะฉันรู้สึกเหมือนแววตาที่มองมาที่ฉันนั้นดูอบอุ่นและแพรวพราวเหมือนแววตาที่มองของรักอย่างรักใคร่ แต่แวบเดียวต่อมาเขาก็ผละจากฉันและลุกขึ้นยืนแล้วเดินหันหลังออกไปจากห้องโดยไม่บอกกล่าวอะไรกับฉันเลย ฉันที่งงกับอาการของเขาได้แต่หันไปมองแผ่นหลังของเขาที่เดินออกจากห้องไปด้วยความไม่เข้าใจ
05:00 AM. (เวลาท้องถิ่น)
ฉันตื่นนอนอย่างงัวเงียก่อนจะมองไปรอบๆห้อง ฉันเด้งขึ้นมาอยู่ในท่านั่ง เมื่อคืนฉันรอเขาจนเผลอหลับไป แต่เช้านี้เขาก็ไม่ได้นอนอยู่ในห้องนี้กับฉัน แสดงว่าเขาไม่ได้กลับเข้าห้อง อยู่ดีๆ สมองพลันนึกถึงคำพูดของเธอคนนั้นเมื่อคืน สักพักฉันรู้สึกว่าตาฉันคลอไปด้วยน้ำตาขึ้นมาดื้อๆ นี่หรอวันแรกของชีวิตหลังแต่งงาน
“อ้าวพี่โมนามาอยู่หลบอยู่ในสวนนี่เอง พอดีพี่ลีถามหาอ่ะครับ”
“เอ่อขอบคุณนะอลัน เดี่ยวพี่ตามไป”
“พี่เป็นอะไรรึเปล่า ถ้าเหนื่อยก็นั่งพักก่อนก็ได้ครับเดี่ยวผมไปบอกพี่ลีให้”
“ไม่ต้องหรอกพี่โอเค พี่ไปก่อนนะ”
ฉันยิ้มให้อลันก่อนเดินเข้างาน ฉันแค่รู้สึกเหนื่อยๆมันหน่วงใจแปลกๆ เพราะตั้งแต่ที่ยัยนั่นมา เขาแทบจะไม่สนใจฉันเลย แม้แต่ชื่อยัยนั่นเขายังไม่คิดจะแนะนำให้ฉันรู้เลยว่าเธอเป็นใคร และเป็นอะไรกับเขา เพราะถ้าเป็นเพื่อนคงจะเป็นเพื่อนที่สนิทมากๆถึงขั้นนั่งเป็นเพื่อนยัยนั่นทานข้าวแถมยังจะพูดคุยกันอย่างสนิทสนมโดยไม่สนใจว่าฉันมองอยู่
“หายไปไหนมารู้มั๊ยว่าแขกถามหา”
“ขอโทษคะ นึกว่าคุณจะยืนต้อนรับแขกกับเพื่อน…สนิท!”
“หึ ยังไม่ทันไรก็...”
“ก็อะไรคะ?”
เขาไหวไหล่ใส่ฉันพร้อมยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย
“นี่คุณก็อะไร บอกมานะ”
“พี่ เรียกพี่สิ ฉันอายุมากว่าเธอนะ เรียกให้สมกับที่เป็นภรรยาผมหน่อย”
“เอ่อ พะ พี่อาลี เมื่อกี้จะบอกก็อะไร”
“ไม่บอก”
ฉันรู้สึกเขินอายและหมั่นไส้กับหน้าตาหล่อๆที่ยิ้มล้อเลียนฉัน ยอมรับว่าเมื่อกี้ฉันรู้สึกน้อยใจเขา แต่พอมาเจอคำพูดคล้ายกับอ้อนปนล้อเลียนบวกกับหน้าตากวนใส่ฉันมันทำให้ฉันลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไปปลิดทิ้ง บางทีฉันอาจคิดมากไป ฉันเงยหน้าพร้อมสะกิดแขนถามเขาถึงคำพูดก่อนหน้านี้ แต่เหมือนเขาจะสนุกโดยการยืนกอดอกแล้วส่ายหน้าไปมาด้วยใบหน้ายิ้มกวนๆ
“มายืนสวีตตรงนี้นี่เองคู่บ่าวสาวแขกถามหาแล้วครับ”
“เหอะ ขอบใจที่บอกครับคุณพี่เขย”
“เอ่อโมนาไปก่อนนะ”
“เดี่ยวไปพร้อมกันนี่แหละ มา”
พรึ่บบ!!
เขาเอื้อมมือมาจับมือฉันให้เดินตามหลังเขา โดยมีพี่มุนชิตที่เดินนำไปก่อนแล้ว ใจฉันเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ ใบหน้ารู้สึกเห่อร้อนขึ้นไปอีก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาจับมือฉัน ถึงแม้จะมีถุงมือสีขาวใสบางๆกั้นอยู่แต่มันก็ทำให้ฉันคิดไปไกลและที่สำคัญเป็นครั้งแรกที่ฉันปล่อยให้เพศตรงข้ามที่ไม่ใช่คนในครอบครัวได้จับมือถือแขนฉัน โดยไม่คิดที่จะปฏิเสธ
-
-
งานแต่งของฉันเสร็จลุล่วงไปด้วยดี แขกที่มาแสดงความยินดีก็กลับกันหมดแล้วรวมถึงครอบครัวของฉันเองก็บินกลับไทยทันทีหลังจากส่งตัวฉัน ที่กลับไทยด่วนเพราะพรุ่งนี้คุณพ่อและพี่มุนชิตมีประชุมสำคัญ และหลังจากนี้ไปฉันต้องอยู่ที่บ้านของเขาที่นี่ และตอนนี้เป็นเวลาที่ฉันรู้สึกตื่นเต้นและเขินอายมากที่สุดเท่าที่ฉันเคยรู้สึกมาก็ว่าได้ เพราะตอนนี้ฉันนั่งอยู่ในห้องของเขา บนปลายเตียงนุ่มสีขาวสดใสที่ยืดหยุ่นด้วยสปริงชั้นดี ฉันทำตัวไม่ถูกเมื่อต้องมาอยู่กับเขาสองคนในห้องนอนแบบนี้ ฉันไม่รู้ว่าฉันกลัวหรืออะไรกันแน่ที่ทำให้ใจฉันสั่นบวกกับมืออันเย็นเชียบ ฉันประสานนิ้วมือทั้งสองข้างเข้าไว้แน่น เพื่อคลายความเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่เปิดทำงานอยู่
“คุณจะอาบน้ำก่อนไหม”
“เอ่อ กะ ก็ ดีเหมือนกันคะ งั้น นะ น้องไปอาบน้ำก่อนนะ”
“ไปสิ”
ฉันรีบวิ่งเข้าห้องน้ำโดยไม่ลืมหยิบชุดนอนและของใช้ส่วนตัวด้วยความเขินอาย ตายแน่ๆฉันจะทำไงดีฉันรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก นี่ฉันกำลังจะ โอะ โอ๊ยยย แค่คิดก็ เอาไงดี พระเจ้าฉันอายเหลือเกิน หลังจากนั้นฉันก็จัดการธุระจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ฉันอยู่ในชุดนอนก้าวออกจากห้องน้ำโดยส่วมใส่ผ้าคลุมศรีษะผืนเดิมที่ฉันใส่ก่อนเข้าห้องน้ำ
“ไม่ถอดผ้าคลุมออกละ ผมเปียกๆเดี่ยวก็ไม่สบายหรอก”
“คือ นะ น้อง”
“ผมเป็นสามีคุณนะ”
“แต่ว่า คือยังไงละ”
“มาเดี่ยวผมถอดให้”
ฉันถอยหลังหนึ่งก้าวเมื่อเขาทำท่าเดินเขามา
“ไม่เป็นไรคะ พี่ไปอาบน้ำเถอะ เดี่ยวน้องถอดเอง”
เขาหรี่ตามองฉันพร้อมทำหน้าตาครุ่นคิด
“แน่ใจนะ”
“คะ”
แล้วเขาก็หันหลังเดินเข้าห้องน้ำไปทันที โล่งอกไปที แล้วนี่ฉันจะอายอะไรเนี้ย เขาเป็นสามีฉันนะ ใจเย็นๆ โอ้ อัลลอฮ์ฉันควรจะทำยังไงดี ได้โปรดชี้นำข้าพเจ้าในทางที่ถูกต้องด้วยเถิด
ครืดดด
ครืดดด
เสียงโทรศัพท์เขาสั่นอยู่บนปลายเตียง ฉันที่กำลังใช้ความคิดจึงหันไปสนใจเสียงโทรศัพท์ที่สั่นอยู่อย่างต่อเนื่องมาดู
“Beb Asma” อัสมาที่รักงั้นหรอ ใคร แล้วทำไมถึงได้เมมชื่อเหมือนคนรักกัน ฉันรู้สึกโหวงๆในใจ ไม่ๆฉันจะไม่คิดมาก
ครืดดด
ครืดดด
ฉันตัดสินใจรับสายโดยพูดเป็นภาษาอังกฤษแทน
“ฮัลโหล่”
“...........”
เอะ ทำไมเงียบ
“ฮัลโหล่ คือพี่ลีอาบน้ำอยู่คะ ถ้ามะ”
“ภรรยาลีสินะ”
“ค่ะ อ้อคะ”
“ฉันเป็นแฟนลีและเขายังรักฉัน แกอย่าคิดว่าเขาจะรักแก ที่เขาแต่งงานกับแกก็เพราะถูกบังคับ”
“ฉันไม่รู้หรอกนะคะว่าคุณต้องการอะไร แต่ฉันอยากบอกให้คุณรู้ไว้นะคะว่าฉันคือคนที่เขาเลือก! สวัสดี”
ฉันวางสายใส่ยัยอัสมาอะไรนั่นด้วยความรู้สึกโมโห หรืออย่างไรก็ไม่แน่ชัดอาจเรียกว่าอาการหึง หวงก็ได้เพราะทันทีที่เธอคนนั้นบอกว่า “พี่ลีรักเขา และถูกบังคับให้แต่งงาน” ฉันก็ถึงกับเลือดขึ้นหน้า ใจเย็นๆ ฉันเลือกที่จะเดินไปนั่งบนเตียงด้านข้างและวางโทรศัพท์เขาดังเดิม
แกร็กก
“ยังไม่ถอดผ้าคลุมอีกหรอ”
“ค่ะ อ้อ คือน้องไม่ชิน”
เขาที่อยู่ในชุดนอนเสื้อยืดสีเทาพร้อมกางเกงขายาวสีขาวสบายๆเดินมานั่งข้างฉัน
“เดี่ยวก็ชิน”
แล้วเขาก็จับปลายผ้าคลุมศีรษะฉันออก โดยที่ฉันไม่ได้ปฏิเสธ เขาวางผ้าคลุมของฉันข้างๆเขาแล้วนำมือมาจับไหล่ฉันทั้งสองข้างพร้อมจ้องมองหน้าฉัน ฉันไม่รู้ว่าฉันกำลังเข้าข้างตัวเองอยู่รึเปล่าเพราะฉันรู้สึกเหมือนแววตาที่มองมาที่ฉันนั้นดูอบอุ่นและแพรวพราวเหมือนแววตาที่มองของรักอย่างรักใคร่ แต่แวบเดียวต่อมาเขาก็ผละจากฉันและลุกขึ้นยืนแล้วเดินหันหลังออกไปจากห้องโดยไม่บอกกล่าวอะไรกับฉันเลย ฉันที่งงกับอาการของเขาได้แต่หันไปมองแผ่นหลังของเขาที่เดินออกจากห้องไปด้วยความไม่เข้าใจ
05:00 AM. (เวลาท้องถิ่น)
ฉันตื่นนอนอย่างงัวเงียก่อนจะมองไปรอบๆห้อง ฉันเด้งขึ้นมาอยู่ในท่านั่ง เมื่อคืนฉันรอเขาจนเผลอหลับไป แต่เช้านี้เขาก็ไม่ได้นอนอยู่ในห้องนี้กับฉัน แสดงว่าเขาไม่ได้กลับเข้าห้อง อยู่ดีๆ สมองพลันนึกถึงคำพูดของเธอคนนั้นเมื่อคืน สักพักฉันรู้สึกว่าตาฉันคลอไปด้วยน้ำตาขึ้นมาดื้อๆ นี่หรอวันแรกของชีวิตหลังแต่งงาน
TheW
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ส.ค. 2559, 23:41:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ส.ค. 2559, 23:41:36 น.
จำนวนการเข้าชม : 971
<< Chapter 4: Meet for the first time (ดูตัว) | Chapter 6: Puzzle (สับสน) >> |