In a day รอรักหลังวิวาห์
Tags: อาลี โมนา
ตอน: Chapter 8: Change to (เปลี่ยนไป)
Chapter 8: Change to (เปลี่ยนไป)
“โมนา”
“………………”
“ทำไมไม่รับสาย รู้ไหมว่าทำให้ใครต่อใครเขาวุ่นวายกันไปหมด”
“…………….”
“ผมถาม ทำไมไม่ตอบ”
ฉันเลือกที่จะก้มหน้าแทนคำตอบ เพราะไม่อยากตอบปากตอบคำกันตอนที่อารมณ์เรากำลังเดือดทั้งคู่ ทั้งที่เขาเป็นคนลืมฉันไว้ที่ห้างนั่น ทั้งที่เขาเป็นคนผิด แต่เขาเลือกที่จะตำหนิฉัน หาว่าฉันทำให้คนอื่นเขาวุ่นวาย พูดแบบนี้มันถูกแล้วอย่างนั้นหรอ
“โม นา”
“…………….”
“โอเค ไม่ตอบก็ไม่ต้องตอบ เหอะ”
แล้วเขาก็เดินออกไปจากห้องอย่างไม่สบอารมณ์ ฉันได้แต่หันไปมองแผ่นหลังที่เดินออกจากห้องพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ฉันไม่เข้าใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะใคร ฉันไม่ได้ต้องการจะหาว่าใครผิดใครถูก ฉันแค่อยากได้ยินคำว่าขอโทษ อยากได้ยินคำว่าเป็นห่วงกัน แค่นี้ แต่ทำไมเขาถึงไม่ใส่ใจความรู้สึกฉันเลย พระเจ้า ฉันรู้สึกอ่อนแอเหลือเกิน
Ali part:
ผมเดินออกมาจากห้องด้วยอารมณ์ฉุนเชี่ยว เธอทำให้ผมโมโห ไม่ใช่โมโหเพราะโกรธแต่เพราะอะไรก็ไม่แน่ชัด ผมโทรหา เธอก็ไม่รับ ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบกลับ ผมทำทุกวิธีทางเพื่อต้องการหาเธอ ทั้งประกาศหาในห้าง แต่ก็ไม่มีวี่แววของเธอ ผมตัดสินใจโทรหามุนชิตที่อยู่ที่ไทยเพื่อนสนิทผมที่พ่วงตำแหน่งพี่ชายของเธอเพื่อถามว่าเธอมีเพื่อนอยู่ที่นี่ไหม ผมบอกกับมันว่าผมแค่อยากรู้ แต่มันกลับบอกผมว่าไม่แน่ใจ ผมไม่รู้ว่าผมจะไปหาเธอที่ไหนแล้ว ผมขอดูกล้องวงจรในห้างเขาก็ไม่อนุญาตเพราะผมไม่มีหมายตรวจจากสถานีตำรวจ ตอนนั้นผมรู้สึกมืดไปหมด ผมรู้สึกแย่ที่ทิ้งให้เธออยู่คนเดียว วินาทีที่ผมหาเธอไม่เจอใจผมกลัวไปหมด จนผมตัดสินใจโทรหาคุณพ่อแต่ท่านไม่รับสาย สุดท้ายผมเลยโทรหาอลันถึงได้รู้ว่าเธอกลับมาแล้ว แต่นั้นแหล่ะผมเหยียบคันเร่งเพื่อรีบกลับมาเพื่อให้เห็นกับตาว่าเธอปลอดภัยดีหรือเปล่าบวกกับอารมณ์ที่เดือดปูดๆเพราะหาเธอไม่เจอก่อนหน้านี้ พอถึงห้องผมแค่อยากรู้ว่าทำไมเธอไม่รับสาย บอกผมสักนิดก็ยังดีว่าเธอปลอดภัยดี ผมจะได้ไม่ต้องมาเป็นบ้าเพราะเธอ แต่เธอกลับเงียบใส่และไม่เปิดปากพูดอะไรเลยสักคำ
ทางด้านของอัสมา เธอรู้สึกสะใจที่แผนปั่นป่วนชีวิตคู่ของแฟนเก่าเธอเป็นไปได้ดี
“หึ ป่านนี้คงจะหากันให้วุ่น ดี๊ให้แกรู้ซะบ้างว่าใครคือคนที่ลีสนใจมากกว่ากันระหว่างฉันกับแก โมนา”
ตอนนี้ลีจะรู้ตัวแล้วยังน่า ว่าโทรศัพท์ปิดการใช้งานอยู่ ใช่ หล่อนเป็นคนจัดการปิดเครื่องโทรศัพท์ของอาลีระหว่างที่เขาเข้าห้องน้ำนั่นเอง เพราะกิเลสของความรักทำให้คนเราทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด เห็นเงาของตัวเองชัดเจนกว่าใครอื่น
3 Days later,
ตอนนี้ฉันกำลังรดน้ำต้นดอกมะลิในสวนที่เริ่มเหี่ยวเช่าเพราะไม่ได้น้ำมาเติมเต็มเป็นเวลาหนึ่งวันเต็ม อลันเป็นเจ้าของต้นดอกมะลิพวกนี้ เมื่อวานเจ้าตัวไม่อยู่บ้านเพราะกำลังยุ่งกับงานวิจัยที่มหาวิทยาลัย วันนี้ฉันเลยอาสามารดน้ำแทน ต้นมะลิพวกนี้มีสภาพไม่ต่างจากฉันตอนนี้เลย ภายนอกอาจดูไม่เป็นไรแต่ข้างในจิตใจตอนนี้มันบอบช้ำอย่างน่าเห็นใจ ฉันไม่เจอหน้าเขามาสามวันเต็มแล้ว ใช่ เขาไม่กลับบ้านตั้งแต่วันนั้น คุณพ่อบอกว่าเขากำลังเคลียงานที่ค้างคาที่บริษัทและท่านยังบอกอีกว่าช่วงนี้มีโปรเจคใหม่ที่ร่วมลงทุนกับบริษัทที่ไทย งานมันเลยรัดกุมเพราะอีกไม่กี่วันต้องบินไปทำธุระที่ไทย อันนี้ฉันก็พอจะทราบแล้วบ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเขาก็น่าจะกลับบ้านมาบ้าง เพราะฉันยังรู้สึกค้างคากับเขาอยู่ และที่สำคัญจะผิดไหมถ้าฉันจะบอกว่า ฉันคิดถึงเขา
“โมนาลูก วันนี้อยากจะไปบริษัทกับพ่อไหม”
“เอ่อ ไม่รบกวนดีกว่าคะพ่อ”
“รบกวนอะไร ไปให้กำลังใจเจ้าลีไง พ่อจะเข้าบริษัทตอนเที่ยงๆ เดี่ยวหนูจะได้ทำอาหารไปฝากมันด้วยไง”
“พี่ลีจะไม่ยุ่งอยู่หรอคะ”
“ไม่หรอก เชื่อพ่อ”
“ก็ได้คะ”
ฉันถือปิ่นโตที่บรรจุอาหารไทยที่ฉันตั้งใจทำมัน เพราะนี่ถือเป็นครั้งแรกที่ฉันได้มาที่ทำงานของเขา บริษัทของเขาไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็มีสาขาการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ พนักงานหลายคนที่เห็นฉันเดินมากับคุณพ่อที่เป็นประธานใหญ่ของที่นี่ต่างให้ความสนใจและยิ้มแย้มอย่างให้ความเคารพ ฉันทำได้เพียงแค่ยิ้มให้พวกเขาเท่านั้น ฉันตื่นเต้นมากฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะเป็นฝ่ายคุยกับเขาก่อน ยังไงซะฉันก็ผิดเหมือนกันที่ไม่ยอมรับสายเขา ฉันต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่
“คุณโมนาภรรยาบอสใช่ไหมคะ”
“คะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักคะ เรียกพี่ว่าพี่ดาเป็นเลขาของบอส คุณโมนาสวยมากเลยคะ ตอนวันงานเสียดายพี่ดาไม่ทันได้ถ่ายรูป”
“เอ่อคะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันคะพี่ดา แล้วพี่ เอ่อ คุณอาลีอยู่รึเปล่าคะ”
“อะ เอ่อ คือ อยู่คะ แต่พี่ว่าคุณโมนารอสักครู่นะคะ เดี่ยวพี่ดาแจ้งบอสก่อน”
“เอ่อ ไม่ต้องหรอกคะขอโมนาเข้าไปเลยดีกว่า เขาจะได้ประหลาดใจอิอิ”
“เอาอย่างนั้นหรอคะ”
“คะ ไปนะคะพี่ดา”
ก๊อกๆ
“สวัสดีตอนเที่ยงคะ พะ พี่”
“โมนา”
“เอ่อ ขอโทษที่เข้ามาขัดเวลาทำงานนะคะ น้องทำข้าวเที่ยงมาฝากถ้าคุยงานกันเสร็จแล้วบอกนะคะ น้องออกไปรอข้างนอก”
ฉันเข้ามาเห็นภาพที่เขานั่งอยู่บนเกาอี้ โดยมีอัสมายืนพิงที่โต๊ะทำงานฝั่งเดียวกับเขา ทั้งสองดูจะกำลังคุยกันอย่างออกรส ฉันไม่อยากจะคิดมาก ไม่อยากจะคิดไปเอง และไม่อยากตัดสินอะไรกับภาพที่เห็นฉันจึงเลือกที่จะเดินออกมาข้างนอกอย่างใจเย็น แต่หากทว่า
“เดี่ยวโมนา”
ฉันหันไปหาเขาแต่ไม่ได้พูดอะไร
“คุณมาก็ดีแล้วผมยังไม่ได้ทานข้าวเที่ยงเลย ทำอะไรมาละ”
“ทำอาหารไทยมา”
“วาว อาหารไทยขออัสทานด้วยได้ไหมคะลี”
“ได้สิ คุณทำมาเยอะไหม”
“เอ่อก็พอสมควร”
“ดี งั้นเดี่ยวผมกับอัสจะทานก็แล้วกัน”
“มาคะ เดี่ยวอัสช่วยจัดกับข้าว”
อัสมายิ้มอย่างมีเลศนัยให้ฉันก่อนจะเข้ามาแย่งปิ่นโตจากฉันแล้วนำมันไปจัดวางไว้บนโต๊ะรับแขกที่อยู่ถัดจากประตูไปนิด
เขากับอัสมาลงมือทานกับข้าวที่ฉันตั้งใจนำมาเพื่อจะมาทานกับเขา แต่มันคงไม่เป็นอย่างที่หวังเพราะเขาไม่แม้จะถามว่าฉันทานอะไรมาแล้วยัง เขาเอาแต่แนะนำกับข้าวให้อัสมาอย่างสนุกสนาน ทั้งสองทำราวกับว่าห้องนี้มีแค่เขากับเธอเท่านั้น ฉันที่ไม่อยากจะเป็นส่วนเกิน แต่ยังไงซะเขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีฉัน ฉันมีสิทธิ์
“ถ้าคุณอัสมาชอบ สนใจจะเรียนทำอาหารไทยมั๊ยคะ เดี่ยวโมนาสอนให้ฟรี เผื่อจะได้เก็บไว้ทำทานเองหรือไม่ก็ทำให้คนพิเศษทาน”
“อ้อหรอคะ ความจริงก็สนใจนะคะเผื่อจะได้ทำให้ลีทาน อัสหมายถึง ทำให้ลีทานตอนเราต้องไปดูงานต่างประเทศอะไรประมานนั้น”
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจจะได้ แต่ตอนนี้คงไม่ต้องหรอกคะเพราะโมนาจะไปทุกที่ที่พี่ลีไป ไม่ได้ไปในฐานะเพื่อนร่วมงานนะคะ แต่ไปในฐานะ ภ ร ร ย า”
ฉันยิ้มให้ยัยอัสมานั่นไปหนึ่งที หึ อย่าคิดว่าโมนาคนนี้ไม่สู้คน ฉันไปอยู่สิงค์โปมาคนเดียว ทำอะไรก็ต้องแข่งขันกับคนอื่น เรื่องโดนรังแกเมินซะเถอะ
“ผมว่าเรารีบทานข้าวกันดีกว่าจะได้รีบเคลียงานให้เสร็จๆ”
“ดีคะ เพราะน้องจะอยู่รอพี่ลีจนกว่าพี่จะทำงานเสร็จ”
“ผมว่าคุณกลับไปก่อนดีกว่านะ เพราะผมก็ไม่แน่ใจว่ามันจะเสร็จเอาตอนไหน”
“ไม่ดีหรอกคะ จะเสร็จตอนไหนน้องรอได้ ขอแค่เสร็จก็พอแล้ว”
“ก็ตามใจ”
17:30 น.
ตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้ว ฉันที่นั่งดูเขาทำงานมาตั้งแต่บ่าย เขาปลีกตัวพักละหมาดแต่ก็กลับมานั่งทำงานต่อ เอกสารมากมายกองไว้เต็มโต๊ะไปหมด ฉันที่เห็นเป็นเวลาเย็นมากแล้วบวกกับความหิวเพราะไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เที่ยง ความจริงฉันน่าจะหาอะไรทาน แต่แถวบริษัทเขาไม่มีร้านอาหารจะมีก็ต้องนั่งรถออกไป ซึ่งฉันไม่อยากรบกวนเวลาทำงานของเขา จะไปเองก็ไปไม่ถูกและอีกอย่างฉันขับรถยนต์ไม่เป็น แท็กซี่ก็เข้ามาไม่ได้เพราะเป็นเขตส่วนบุคคล
“พี่อาลี”
เขาเงยหน้ามองฉันก่อนจะก้มลงอ่านเอกสารต่อ
“มีอะไร”
“เย็นมากแล้ว น้องว่าพี่กลับมาทำต่อพรุ่งนี้ดีไหมคะ หรือไม่ก็เอากลับไปทำที่บ้านก็ได้”
“ไม่ได้หรอก ผมต้องทำต่อให้เสร็จ”
“แต่นี่มันเย็นแล้วนะ”
“ผมจำได้ว่าบอกให้คุณกลับไปก่อน ไม่ใช่หรอ”
“คะ แต่นี่มันก็”
“ถ้าอยากกลับก็เชิญ ผมไม่ได้ขอให้รอ”
ฉันมองหน้าเขาที่กำลังก้มเซ็นเอกสาร คิ้วที่ผูกกันเป็นปมคงบอกอารมณ์เขาได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้เขากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน ฉันเลือกที่จะเงียบและนั่งรอเขาต่อ เขาเงยหน้ามองฉันแวบหนึ่งก่อนจะทำงานต่อ
เวลาผ่านไปสักพักเสียงท้องที่กำลังร้องเรียกเพราะความหิวทำให้ฉันตัดสินใจลุกขึ้นยืน ในเมื่อเขาไม่ได้ขอให้รอ งั้นฉันก็ควรจะกลับไปทานข้าวซะ
“งั้น น้องกลับก่อนนะ”
ยังไม่ทันพ้นประตูเขาก็พูดขึ้น
“กลับพร้อมกันนี่แหล่ะ ผมเสร็จพอดี”
เขาปิดแฟ้มแล้วลุกขึ้นเดินนำฉันออกมาจากห้อง เขาเดินเร็วมากจนฉันตามไม่ทัน เขาหันมามองฉันก่อนจะเดินกลับมาที่ฉัน
พรึ่บบ
เขายื่นมือมาจับมือฉันให้เดินไปกับเขาโดยไม่พูดอะไร ฉันอึ้งกับการกระทำของเขา ฉันมองมือเขาที่กำลังจับมือฉันด้วยความรู้สึกหลากหลาย บางครั้งเขาทำเหมือนสนใจฉัน แต่บางครั้งเขาก็แทบจะไม่ใส่ใจฉันเลย
“โมนา”
“………………”
“ทำไมไม่รับสาย รู้ไหมว่าทำให้ใครต่อใครเขาวุ่นวายกันไปหมด”
“…………….”
“ผมถาม ทำไมไม่ตอบ”
ฉันเลือกที่จะก้มหน้าแทนคำตอบ เพราะไม่อยากตอบปากตอบคำกันตอนที่อารมณ์เรากำลังเดือดทั้งคู่ ทั้งที่เขาเป็นคนลืมฉันไว้ที่ห้างนั่น ทั้งที่เขาเป็นคนผิด แต่เขาเลือกที่จะตำหนิฉัน หาว่าฉันทำให้คนอื่นเขาวุ่นวาย พูดแบบนี้มันถูกแล้วอย่างนั้นหรอ
“โม นา”
“…………….”
“โอเค ไม่ตอบก็ไม่ต้องตอบ เหอะ”
แล้วเขาก็เดินออกไปจากห้องอย่างไม่สบอารมณ์ ฉันได้แต่หันไปมองแผ่นหลังที่เดินออกจากห้องพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ฉันไม่เข้าใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะใคร ฉันไม่ได้ต้องการจะหาว่าใครผิดใครถูก ฉันแค่อยากได้ยินคำว่าขอโทษ อยากได้ยินคำว่าเป็นห่วงกัน แค่นี้ แต่ทำไมเขาถึงไม่ใส่ใจความรู้สึกฉันเลย พระเจ้า ฉันรู้สึกอ่อนแอเหลือเกิน
Ali part:
ผมเดินออกมาจากห้องด้วยอารมณ์ฉุนเชี่ยว เธอทำให้ผมโมโห ไม่ใช่โมโหเพราะโกรธแต่เพราะอะไรก็ไม่แน่ชัด ผมโทรหา เธอก็ไม่รับ ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบกลับ ผมทำทุกวิธีทางเพื่อต้องการหาเธอ ทั้งประกาศหาในห้าง แต่ก็ไม่มีวี่แววของเธอ ผมตัดสินใจโทรหามุนชิตที่อยู่ที่ไทยเพื่อนสนิทผมที่พ่วงตำแหน่งพี่ชายของเธอเพื่อถามว่าเธอมีเพื่อนอยู่ที่นี่ไหม ผมบอกกับมันว่าผมแค่อยากรู้ แต่มันกลับบอกผมว่าไม่แน่ใจ ผมไม่รู้ว่าผมจะไปหาเธอที่ไหนแล้ว ผมขอดูกล้องวงจรในห้างเขาก็ไม่อนุญาตเพราะผมไม่มีหมายตรวจจากสถานีตำรวจ ตอนนั้นผมรู้สึกมืดไปหมด ผมรู้สึกแย่ที่ทิ้งให้เธออยู่คนเดียว วินาทีที่ผมหาเธอไม่เจอใจผมกลัวไปหมด จนผมตัดสินใจโทรหาคุณพ่อแต่ท่านไม่รับสาย สุดท้ายผมเลยโทรหาอลันถึงได้รู้ว่าเธอกลับมาแล้ว แต่นั้นแหล่ะผมเหยียบคันเร่งเพื่อรีบกลับมาเพื่อให้เห็นกับตาว่าเธอปลอดภัยดีหรือเปล่าบวกกับอารมณ์ที่เดือดปูดๆเพราะหาเธอไม่เจอก่อนหน้านี้ พอถึงห้องผมแค่อยากรู้ว่าทำไมเธอไม่รับสาย บอกผมสักนิดก็ยังดีว่าเธอปลอดภัยดี ผมจะได้ไม่ต้องมาเป็นบ้าเพราะเธอ แต่เธอกลับเงียบใส่และไม่เปิดปากพูดอะไรเลยสักคำ
ทางด้านของอัสมา เธอรู้สึกสะใจที่แผนปั่นป่วนชีวิตคู่ของแฟนเก่าเธอเป็นไปได้ดี
“หึ ป่านนี้คงจะหากันให้วุ่น ดี๊ให้แกรู้ซะบ้างว่าใครคือคนที่ลีสนใจมากกว่ากันระหว่างฉันกับแก โมนา”
ตอนนี้ลีจะรู้ตัวแล้วยังน่า ว่าโทรศัพท์ปิดการใช้งานอยู่ ใช่ หล่อนเป็นคนจัดการปิดเครื่องโทรศัพท์ของอาลีระหว่างที่เขาเข้าห้องน้ำนั่นเอง เพราะกิเลสของความรักทำให้คนเราทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด เห็นเงาของตัวเองชัดเจนกว่าใครอื่น
3 Days later,
ตอนนี้ฉันกำลังรดน้ำต้นดอกมะลิในสวนที่เริ่มเหี่ยวเช่าเพราะไม่ได้น้ำมาเติมเต็มเป็นเวลาหนึ่งวันเต็ม อลันเป็นเจ้าของต้นดอกมะลิพวกนี้ เมื่อวานเจ้าตัวไม่อยู่บ้านเพราะกำลังยุ่งกับงานวิจัยที่มหาวิทยาลัย วันนี้ฉันเลยอาสามารดน้ำแทน ต้นมะลิพวกนี้มีสภาพไม่ต่างจากฉันตอนนี้เลย ภายนอกอาจดูไม่เป็นไรแต่ข้างในจิตใจตอนนี้มันบอบช้ำอย่างน่าเห็นใจ ฉันไม่เจอหน้าเขามาสามวันเต็มแล้ว ใช่ เขาไม่กลับบ้านตั้งแต่วันนั้น คุณพ่อบอกว่าเขากำลังเคลียงานที่ค้างคาที่บริษัทและท่านยังบอกอีกว่าช่วงนี้มีโปรเจคใหม่ที่ร่วมลงทุนกับบริษัทที่ไทย งานมันเลยรัดกุมเพราะอีกไม่กี่วันต้องบินไปทำธุระที่ไทย อันนี้ฉันก็พอจะทราบแล้วบ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเขาก็น่าจะกลับบ้านมาบ้าง เพราะฉันยังรู้สึกค้างคากับเขาอยู่ และที่สำคัญจะผิดไหมถ้าฉันจะบอกว่า ฉันคิดถึงเขา
“โมนาลูก วันนี้อยากจะไปบริษัทกับพ่อไหม”
“เอ่อ ไม่รบกวนดีกว่าคะพ่อ”
“รบกวนอะไร ไปให้กำลังใจเจ้าลีไง พ่อจะเข้าบริษัทตอนเที่ยงๆ เดี่ยวหนูจะได้ทำอาหารไปฝากมันด้วยไง”
“พี่ลีจะไม่ยุ่งอยู่หรอคะ”
“ไม่หรอก เชื่อพ่อ”
“ก็ได้คะ”
ฉันถือปิ่นโตที่บรรจุอาหารไทยที่ฉันตั้งใจทำมัน เพราะนี่ถือเป็นครั้งแรกที่ฉันได้มาที่ทำงานของเขา บริษัทของเขาไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็มีสาขาการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ พนักงานหลายคนที่เห็นฉันเดินมากับคุณพ่อที่เป็นประธานใหญ่ของที่นี่ต่างให้ความสนใจและยิ้มแย้มอย่างให้ความเคารพ ฉันทำได้เพียงแค่ยิ้มให้พวกเขาเท่านั้น ฉันตื่นเต้นมากฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะเป็นฝ่ายคุยกับเขาก่อน ยังไงซะฉันก็ผิดเหมือนกันที่ไม่ยอมรับสายเขา ฉันต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่
“คุณโมนาภรรยาบอสใช่ไหมคะ”
“คะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักคะ เรียกพี่ว่าพี่ดาเป็นเลขาของบอส คุณโมนาสวยมากเลยคะ ตอนวันงานเสียดายพี่ดาไม่ทันได้ถ่ายรูป”
“เอ่อคะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันคะพี่ดา แล้วพี่ เอ่อ คุณอาลีอยู่รึเปล่าคะ”
“อะ เอ่อ คือ อยู่คะ แต่พี่ว่าคุณโมนารอสักครู่นะคะ เดี่ยวพี่ดาแจ้งบอสก่อน”
“เอ่อ ไม่ต้องหรอกคะขอโมนาเข้าไปเลยดีกว่า เขาจะได้ประหลาดใจอิอิ”
“เอาอย่างนั้นหรอคะ”
“คะ ไปนะคะพี่ดา”
ก๊อกๆ
“สวัสดีตอนเที่ยงคะ พะ พี่”
“โมนา”
“เอ่อ ขอโทษที่เข้ามาขัดเวลาทำงานนะคะ น้องทำข้าวเที่ยงมาฝากถ้าคุยงานกันเสร็จแล้วบอกนะคะ น้องออกไปรอข้างนอก”
ฉันเข้ามาเห็นภาพที่เขานั่งอยู่บนเกาอี้ โดยมีอัสมายืนพิงที่โต๊ะทำงานฝั่งเดียวกับเขา ทั้งสองดูจะกำลังคุยกันอย่างออกรส ฉันไม่อยากจะคิดมาก ไม่อยากจะคิดไปเอง และไม่อยากตัดสินอะไรกับภาพที่เห็นฉันจึงเลือกที่จะเดินออกมาข้างนอกอย่างใจเย็น แต่หากทว่า
“เดี่ยวโมนา”
ฉันหันไปหาเขาแต่ไม่ได้พูดอะไร
“คุณมาก็ดีแล้วผมยังไม่ได้ทานข้าวเที่ยงเลย ทำอะไรมาละ”
“ทำอาหารไทยมา”
“วาว อาหารไทยขออัสทานด้วยได้ไหมคะลี”
“ได้สิ คุณทำมาเยอะไหม”
“เอ่อก็พอสมควร”
“ดี งั้นเดี่ยวผมกับอัสจะทานก็แล้วกัน”
“มาคะ เดี่ยวอัสช่วยจัดกับข้าว”
อัสมายิ้มอย่างมีเลศนัยให้ฉันก่อนจะเข้ามาแย่งปิ่นโตจากฉันแล้วนำมันไปจัดวางไว้บนโต๊ะรับแขกที่อยู่ถัดจากประตูไปนิด
เขากับอัสมาลงมือทานกับข้าวที่ฉันตั้งใจนำมาเพื่อจะมาทานกับเขา แต่มันคงไม่เป็นอย่างที่หวังเพราะเขาไม่แม้จะถามว่าฉันทานอะไรมาแล้วยัง เขาเอาแต่แนะนำกับข้าวให้อัสมาอย่างสนุกสนาน ทั้งสองทำราวกับว่าห้องนี้มีแค่เขากับเธอเท่านั้น ฉันที่ไม่อยากจะเป็นส่วนเกิน แต่ยังไงซะเขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีฉัน ฉันมีสิทธิ์
“ถ้าคุณอัสมาชอบ สนใจจะเรียนทำอาหารไทยมั๊ยคะ เดี่ยวโมนาสอนให้ฟรี เผื่อจะได้เก็บไว้ทำทานเองหรือไม่ก็ทำให้คนพิเศษทาน”
“อ้อหรอคะ ความจริงก็สนใจนะคะเผื่อจะได้ทำให้ลีทาน อัสหมายถึง ทำให้ลีทานตอนเราต้องไปดูงานต่างประเทศอะไรประมานนั้น”
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจจะได้ แต่ตอนนี้คงไม่ต้องหรอกคะเพราะโมนาจะไปทุกที่ที่พี่ลีไป ไม่ได้ไปในฐานะเพื่อนร่วมงานนะคะ แต่ไปในฐานะ ภ ร ร ย า”
ฉันยิ้มให้ยัยอัสมานั่นไปหนึ่งที หึ อย่าคิดว่าโมนาคนนี้ไม่สู้คน ฉันไปอยู่สิงค์โปมาคนเดียว ทำอะไรก็ต้องแข่งขันกับคนอื่น เรื่องโดนรังแกเมินซะเถอะ
“ผมว่าเรารีบทานข้าวกันดีกว่าจะได้รีบเคลียงานให้เสร็จๆ”
“ดีคะ เพราะน้องจะอยู่รอพี่ลีจนกว่าพี่จะทำงานเสร็จ”
“ผมว่าคุณกลับไปก่อนดีกว่านะ เพราะผมก็ไม่แน่ใจว่ามันจะเสร็จเอาตอนไหน”
“ไม่ดีหรอกคะ จะเสร็จตอนไหนน้องรอได้ ขอแค่เสร็จก็พอแล้ว”
“ก็ตามใจ”
17:30 น.
ตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้ว ฉันที่นั่งดูเขาทำงานมาตั้งแต่บ่าย เขาปลีกตัวพักละหมาดแต่ก็กลับมานั่งทำงานต่อ เอกสารมากมายกองไว้เต็มโต๊ะไปหมด ฉันที่เห็นเป็นเวลาเย็นมากแล้วบวกกับความหิวเพราะไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เที่ยง ความจริงฉันน่าจะหาอะไรทาน แต่แถวบริษัทเขาไม่มีร้านอาหารจะมีก็ต้องนั่งรถออกไป ซึ่งฉันไม่อยากรบกวนเวลาทำงานของเขา จะไปเองก็ไปไม่ถูกและอีกอย่างฉันขับรถยนต์ไม่เป็น แท็กซี่ก็เข้ามาไม่ได้เพราะเป็นเขตส่วนบุคคล
“พี่อาลี”
เขาเงยหน้ามองฉันก่อนจะก้มลงอ่านเอกสารต่อ
“มีอะไร”
“เย็นมากแล้ว น้องว่าพี่กลับมาทำต่อพรุ่งนี้ดีไหมคะ หรือไม่ก็เอากลับไปทำที่บ้านก็ได้”
“ไม่ได้หรอก ผมต้องทำต่อให้เสร็จ”
“แต่นี่มันเย็นแล้วนะ”
“ผมจำได้ว่าบอกให้คุณกลับไปก่อน ไม่ใช่หรอ”
“คะ แต่นี่มันก็”
“ถ้าอยากกลับก็เชิญ ผมไม่ได้ขอให้รอ”
ฉันมองหน้าเขาที่กำลังก้มเซ็นเอกสาร คิ้วที่ผูกกันเป็นปมคงบอกอารมณ์เขาได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้เขากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน ฉันเลือกที่จะเงียบและนั่งรอเขาต่อ เขาเงยหน้ามองฉันแวบหนึ่งก่อนจะทำงานต่อ
เวลาผ่านไปสักพักเสียงท้องที่กำลังร้องเรียกเพราะความหิวทำให้ฉันตัดสินใจลุกขึ้นยืน ในเมื่อเขาไม่ได้ขอให้รอ งั้นฉันก็ควรจะกลับไปทานข้าวซะ
“งั้น น้องกลับก่อนนะ”
ยังไม่ทันพ้นประตูเขาก็พูดขึ้น
“กลับพร้อมกันนี่แหล่ะ ผมเสร็จพอดี”
เขาปิดแฟ้มแล้วลุกขึ้นเดินนำฉันออกมาจากห้อง เขาเดินเร็วมากจนฉันตามไม่ทัน เขาหันมามองฉันก่อนจะเดินกลับมาที่ฉัน
พรึ่บบ
เขายื่นมือมาจับมือฉันให้เดินไปกับเขาโดยไม่พูดอะไร ฉันอึ้งกับการกระทำของเขา ฉันมองมือเขาที่กำลังจับมือฉันด้วยความรู้สึกหลากหลาย บางครั้งเขาทำเหมือนสนใจฉัน แต่บางครั้งเขาก็แทบจะไม่ใส่ใจฉันเลย
TheW
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ส.ค. 2559, 22:18:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ส.ค. 2559, 22:18:44 น.
จำนวนการเข้าชม : 1207
<< Chapter7: Forgot (ลืม) | Chapters 9: Sulk (งอน) >> |