ลิขิตนครา มนตราบาบิโลน
ในหน้าประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์เเละโกลาหลแห่งอารยธรรมเมโสโปเตเมีย หรือตะวันออกใกล้โบราณ ณ อาณาจักรบาบิโลเนียผุดนามชนชาติหนึ่งที่ปกครองอาณาจักร พวกเขาเรียกตัวเองว่า ชาวคัชดู ขณะชาวกรีกเรียกพวกเขาว่า ชาวคาลเดียน
อาณาจักรของพวกเขายืนยงเพียง 75 ปี แต่กลับสรรค์สร้างสิ่งต่างๆ ให้โลกมากมาย
พวกเขาคือผู้สร้างสวนลอยบาบิโลน พวกเขาคือผู้บุกเบิกดาราศาสตร์ โหราศาสตร์ เเละคณิตศาสตร์ ผลงานของพวกเขาคือต้นเค้าความรุ่งเรืองแห่งอารยธรรมกรีกเเละโรมัน
ทว่าจะเป็นเช่นไร เมื่อนักบวชแห่งมหาเทพมาร์ดุคล่วงรู้ถึงชะตากรรมการล่มสลายเเห่งอาณาจักร
ทางเเก้วิธีเดียวคือ การอ้อนวอนร้องขอต่อทวยเทพประจำนครา
เเละทวยเทพก็มิได้พระทัยร้ายเกินรับฟัง ด้วยเหตุนี้บุรุษและสตรีคู่หนึ่งจึงถูกสรรค์เสกเพื่อสนองต่อคำขอนั้น
หนึ่งบุรุษ...เพชกัลดาราเมช เจ้าชายรัชทายาทแห่งอาณาจักรบาบิโลเนีย
หนึ่งสตรี...นลินนา เทวาสถิต นักศึกษามานุษยวิทยาสาวผู้ถูกส่งข้ามห้วงกาลเวลา
และนี่คือประวัติศาสตร์บทใหม่ที่ถูกถักทอ เรื่องราวของอาณาจักรโบราณอันได้ชื่อว่า เป็นมหานคราที่ใหญ่ที่สุดในโลกยุคโบราณ เเละเกือบได้เป็นเมืองหลวงแห่งจักรวรรดิกรีกของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช
ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ถูกเขียนขึ้นแล้ว!
Tags: โรเเมนติก ดราม่า ย้อนเวลา ประวัติศาสตร์
ตอน: มัตติกาจารึกแผ่นที่ 13
มัตติกาจารึกแผ่นที่ ๑๓
ณ เขตพระราชฐานชั้นในคือ สถานอันตระการตาประหนึ่งจำลองสวรรค์ชั้นฟ้ามาวางไว้บนแดนดิน นลินนาจับจ้องตาค้าง หลงลืมความขุ่นข้องหมองมัวไปชั่วขณะ ท่านขันทีนำเธอไปตามโถงทางเดินอันขนาบรายเรียงไปด้วยแจกันสิงห์หมอบโคหมอบปักช่อบุปผชาติสะพรั่งผลิ ตามฝาผนังคือ ภาพเขียนปูนเปียกลงสีสันวิจิตรงดงาม บ้างจำลองภาพเทวตำนาน บ้างเป็นภาพชีวิตประจำวัน บ้างเป็นภาพเสพสังวาสอันดูดดื่มระหว่างเทพีอิชทาร์กับพระสวามี
ตลอดทางอันยาตราเข้าไป สดับได้ถึงเสียงประโคมดุริยางค์เริงรื่นครื้นเครง กระทั่งลุถึงโถงภายใน ลมหายใจก็ปานถูกสะกด ด้วยเบื้องหน้าคือ แหล่งชุมนุมของสนมนางใน นักบวชสาวย้อนคิด ตระหนักแล้วว่า เสียงหัวร่อต่อกระซิกของเหล่าสตรีที่หล่อนได้ยินคราเจ้าชายเพชกัลดาราเมชเสด็จพาไปยลสวนลอยบาบิโลนคงเป็นเสียงของพวกนาง
พวกนางล้วนแต่งกายหรูหราฟู่ฟ่า บ้างจับกลุ่มเล่นเกมกระดาน บ้างลุกขึ้นร่ายรำประโคมดนตรี บ้างเด็ดมาลามาร้อยเป็นมาลัยประดับกาย มีนางทาสแลนางกำนัลคอยปรนนิบัติพัดวี แลสตรีเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นบาทบริจาริกาในกษัตริย์อาเคอร์ดูอานาทั้งสิ้น พวกนางรูปโฉมโนมพรรณแตกต่างกัน บ่งบอกว่า มาจากสถานที่อันแตกต่าง กระนั้นก็ยังคงงดงามเอิบอิ่มตามเชื้อสาย
ขันทีผู้นำทางมองความงามละลานตาเหล่านั้นอย่างเฉยเมย นำเธอฝ่าโถงกลางลัดเลาะจนบรรลุถึงโถงชั้นใน ครั้นถึงขั้นนี้ ขันทีผู้นำทางก็ล่าถอย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนางกำนัลมารับช่วงแทน
“ท่านคือ นลินนา นักบวชที่พระราชินีเชิญมาใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
นลินนาพยักหน้า ยื่นสาส์นประทับตราลัญจกรแห่งพระราชินีให้ดู นางกำนัลวัยกำดัดจึงพยักพักตร์ เชื้อเชิญเธอสู่ด้านใน
บานทวารสนซีดาร์เปิดกว้างรับแสงอรุณ วาตเทพเอนลิลพากลิ่นหอมบางอย่างชายโชยกระทบนาสิก เป็นกลิ่นหวานจางระรวยริน ภายในมัณฑนาด้วยเครื่องเรือนทองคำแลงาช้างปะปนกัน แผกกับที่ประทับของกษัตริย์อาเคอร์ดูอานาอันขาวลออด้วยเครื่องเรือนงาช้างทั้งสิ้น
กลางโถงชั้นใน พระนางแทปปูติประทับสง่าเหนือพระเก้าอี้ขาสิงห์ทองคำ มีนางพัดยืนถวายงานอยู่เบื้องพระปฤษฎางค์ ขณะอีกมุมมีนางดนตรีกำลังบรรเลงดุริยางค์ถวาย ส่วนผู้ประทับอยู่ฝั่งตรงข้ามก็มิใช่ใคร เจ้าหญิงเอนนิกิกาลดิ-นันนา พระราชธิดานั่นเอง
“นลินนา ในที่สุดท่านก็มา”
พลันทอดพระเนตรเธอ เจ้าหญิงพระองค์น้อยก็เสด็จปราดมาหาเธอทันควัน ไม่สนพระทัยนางกำนัลวัยกำดัดผู้กำลังอ้าโอษฐ์กราบทูล ซ้ำยังคว้ามือเธอไว้รวดเร็วจนนลินนาแทบไม่ทันตั้งตัว
“เดี๋ยวเถิดนันนา” พระนางแทปปูติเป็นผู้ปรามขึ้น พระสุรเสียงเนิบเปี่ยมพระเมตตายิ่ง “เหตุใดจึงปฏิบัติต่อท่านนักบวชเช่นนั้น เชิญเถิดท่านนลินนา ขออภัยแทนธิดาข้าด้วย”
นลินนาพยักหน้ารับคำงุนงง สบพระพักตร์อ่อนหวานอันเปี่ยมราศีแห่งพระราชินี ทว่าพระพักตร์ของพระธิดาหาได้สลดลงไม่ ทรงไม่สนพระทัย จูงมือเธอให้ตามเสด็จ แลบัญชาให้นางกำนัลจัดเก้าอี้ทองคำให้เธอนั่งลงข้างเคียง
นลินนาแลดูกิจวัตรของสตรีในวังอันหากไม่สรวลเสเฮฮา ก็มักหางานเล็กงานน้อยมาทำอยู่ร่ำไป ในพระหัตถ์แห่งพระนางแทปปูติแลเจ้าหญิงเอนนิกิกาลดิ-นันนาคือ ไม้สำหรับปั่นด้ายขนสัตว์ อาณาจักรบาบิโลเนียนั้นเลื่องชื่อด้านผ้าทอขนสัตว์อย่างยิ่ง สตรีจักมีหน้าที่ในการทอผ้าแลปักลาย ขณะบุรุษมีหน้าที่ในการนำสินค้าเหล่านั้นไปขายในต่างแดน พวกนางจึงกุมอำนาจทางเศรษฐกิจส่วนหนึ่งของบาบิโลเนีย แลระหว่างเจ้าหญิงผู้มีพระนามยาวเหยียดกำลังปั่นด้ายอยู่นั้น ก็มีพระดำรัสขึ้น
“ในวันนั้นข้าเสียดายนักที่ไม่ค่อยได้พูดคุยกับท่าน หากเสด็จพี่นัสซาร์มิพาข้าออกมาเสียก่อน เราคงได้สนทนากันเยอะกว่านี้”
นลินนาสดับ จดจำภาพเจ้าชายนาโบนัสซาร์ลากพระขนิษฐาองค์น้อยไปอย่างลนลานได้ดี “หม่อมฉันก็เสียดายเพคะ คงดีหากได้สนทนากันเพิ่มขึ้น”
“หากวันใดท่านว่างก็มาเยือนพระราชวังของข้าเถิด” พระนางแทปปูติตรัสเชื้อเชิญ “ด้วยเชษฐาของนางล้วนเติบใหญ่หมดแล้ว นันนาจึงไม่ค่อยมีสหายนัก นอกจากเจ้าหญิงมันดานาแห่งอาณาจักรเมเดส นางก็ไม่ค่อยสนิทสนมกับผู้อื่นเท่าใด หากท่านเป็นสหายกับนันนาได้ข้าก็ยินดี นอกจากนี้ นันนาสนใจภาษาซูเมอร์เช่นกัน นางชอบอ่านเทวตำนานของชาวซูเมอร์นัก หากท่านจักสอนแก่นางบ้างจักเป็นการดีไม่น้อย”
ครั้นได้ยินกระแสรับสั่งของพระมารดา พระธิดาจึงรีบเสริมทันควัน “ใช่ นลินนา หากว่าง ๆ ท่านก็มาที่นี่เถิด ข้าจักส่งคนไปรับ ร่วมมื้อเย็นกันสักมื้อ เสด็จพ่อทรงชื่นชมในตัวท่านมาก บอกว่า ท่านสนทนาภาษาซูเมอร์ได้ดียิ่ง แลท่านคงไม่ทราบ เรื่องคำแนะนำของท่าน เสด็จพ่อทรงอนุมัติ แลมีพระบรมราชโองการออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว ท่านทราบหรือไม่?”
สิ้นถ้อยดำรัส นักบวชสาวก็นิ่งอั้นทันควัน มิคิดว่า กษัตริย์อาเคอร์ดูอานาจักพระราชทานให้รวดเร็วปานนี้
“ทรงประกาศออกมาแล้วหรือเพคะ!?”
“ใช่!” เจ้าหญิงพระองค์น้อยตรัสตอบพระพักตร์เฉย “มีขุนนางบางท่านไม่พอใจอยู่บ้าง ทว่าท่านมิต้องกังวล เสด็จแม่ก็ทรงเห็นด้วยกับคำแนะนำของท่าน”
“ใช่แล้ว ท่านนลินนา” ในที่สุดก็ถึงคราพระราชินีแห่งบาบิลิม “เรื่องนี้ข้าก็เห็นควร แม้กระทั่งท่านมานิชตูชู อัครมหาเสนาบดีก็ยังเห็นดีด้วย อาณาจักรของเราเพิ่งผ่านพ้นสงครามมา การกระทำสงครามเป็นเรื่องยาก ทว่าการครองแผ่นดินนั้นยากยิ่งกว่า เรามีแคว้นประเทศราชมากมาย แลหลายคราจำต้องยกทัพไปกำราบ ศึกในศึกนอกล้วนควรระวัง การให้ราเมชได้มีส่วนร่วมในการปกครองนับแต่ตอนนี้นับเป็นเรื่องดี เพราะเขาจักเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป”
นักบวชสาวรับฟัง กึ่งดีใจกึ่งกังวลปะปนกัน นอกจากเรื่องพระบรมราชโองการ พระนางแทปปูติยังตรัสเลยไปถึงเหล่าสนมนางในผู้มาจากต่างถิ่นกัน สตรีบางนางเป็นสตรีชาวคัชดู สตรีบางนางเป็นบุตรีของกลุ่มอำนาจเดิมในท้องถิ่น แลบางนางก็เป็นบรรณาการจากแคว้นประเทศราช ทุกนางล้วนมีการเมืองมาเกี่ยวโยงทั้งสิ้น แม้กระทั่งพระนางแทปปูติก็ทรงเป็นบุตรีของขุนพลชาวคัชดูคนสำคัญ เนื่องจากกษัตริย์พระองค์ก่อน กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์มีพระราชประสงค์จักธำรงเชื้อสายของชาวคัชดูไว้ สตรีชาวคัชดูผู้หนึ่งจึงถูกเลือกสรร แลพระนางแทปปูติคือสตรีผู้ผ่านการเลือกสรรนั้น สตรีผู้ต่อมาคือ นางแก้วแห่งจักรพรรดิราช แลกาลข้างหน้าจักทรงเป็นพระชนนีแห่งกษัตริย์บาบิลิม
ครั้นสนทนามาได้พักหนึ่ง พระนางแทปปูติจึงมีพระเสาวนีย์ให้พระราชธิดาพาเธอไปเดินเล่นดูบริเวณรอบ ๆ
เมื่อสบโอกาส เจ้าหญิงเอนนิกิกาลดิ-นันนาจึงทรงทิ้งงานทันควัน เสด็จนำเธอซอกซอนไปตามห้องต่าง ๆ อย่างร่าเริง พาเธอออกสู่ด้านนอก ชี้ชวนให้ทัศนาไปตามแนวปาล์ม บุปผชาติอันผลิสะพรั่งรับสายลมแห่งวสันตฤดู และเทวนารีหินสลักขาวสล้าง ในอุ้งพระหัตถ์ถือเหยือกอันมีวารีพวยพุ่ง
“ทรงเบื่องานในฝ่ายในหรือเพคะ?” นลินนาทูลถาม ครั้นเห็นเจ้าหญิงพระองค์น้อยทรงลิงโลดยิ่งนักประหนึ่งปลากระดี่ได้น้ำ
“ก็มิถึงขั้นนั้นหรอก แต่ข้าเบื่องานปั่นด้ายนัก ให้ทำอย่างอื่นคงสนุกกว่า”
“เช่นงานอะไรหรือเพคะ?”
เจ้าหญิงองค์น้อยทำพักตร์ครุ่นคิด “อย่างดูแลห้องจารึก หรือไม่ก็ดูแลสมบัติที่เสด็จพ่อทรงรวบรวมมาจากนครโบราณ ข้าว่า ของเหล่านั้นน่าสนใจทีเดียว แต่ก่อน เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ทรงอยากให้ข้าเป็นนักบวชแห่งเทพซินที่เมืองอูร์ แต่ตอนนั้นข้ายังเด็กนัก จึงมิอยากจากเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ไป”
นักบวชสาวสดับ เพิ่งเข้าใจนัยยะของพระนามเจ้าหญิงเอนนิกิกาลดิ-นันนา ด้วยคำว่า นันนา คือพระนามของเทพซินในภาษาซูเมอร์! จึ่งมิแปลกที่กษัตริย์อาเคอร์ดูอานาและพระนางแทปปูติจักมีพระราชประสงค์ส่งพระธิดาไปบวชไกลถึงเพียงนั้น
“ถ้าเช่นนั้นก็ทรงเป็นภัณฑารักษ์สิเพคะ หากทรงเป็นภัณฑารักษ์ก็จักได้ดูแลวัตถุโบราณที่พระราชวังเหนือ เมื่อนั้นก็จักทรงได้ทำงานตามปรารถนา”
แววพระเนตรผุดแววสงกา “ภัณฑารักษ์คืออะไรหรือ?”
สิ้นรับสั่งถามของพระราชธิดาแห่งกษัตริย์อาเคอร์ดูอานา นักบวชสาวจึงนึกได้ว่า ในสมัยนี้ยังมิมีอาชีพภัณฑารักษ์!
“เอ่อ ภัณฑารักษ์ก็คือ คนที่คอยดูแลของในอาคารที่เราเก็บรักษาวัตถุต่าง ๆ เพคะ เราเรียกอาคารนั้นว่า ‘พิพิธภัณฑ์’ ในที่ที่หม่อมฉันจากมา เรามีพิพิธภัณฑ์มากมาย แล้วเราก็จะมีภัณฑารักษ์ที่เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ คอยดูแลของด้านนั้นโดยเฉพาะ เป็นงานที่น่าสนใจมากทีเดียวเพคะ”
นลินนาตอบไปเช่นนั้น แม้จักไม่ค่อยสนใจการเป็นภัณฑารักษ์นักก็ตาม
“งั้นหรือ ข้าสนใจทีเดียว ข้าจักไปขอกับเสด็จพ่อดู แล้วท่านอยากดูอะไรอีกหรือไม่นลินนา บริเวณนี้ไม่มีสิ่งใดให้ดูแล้ว?”
นักบวชสาวชะงักบาท ทัศนาดูโดยรอบอันมีเพียงอุทยานแบบขั้นบันไดรายเรียงไปด้วยหินสลักรูปมังกรกึ่งอสรพิษมูชฮูชชู, สิงโต และโคตัวผู้ สัตว์สัญลักษณ์แห่งวายุเทพอาดัด ทว่าเธอมิอยากกลับไปเร็วนัก พยายามนึกว่า ตนอยากไปที่ใด ชั่วครู่ความคิดหนึ่งจึงแล่นเข้ามา
“ที่นี่มีห้องเก็บเอกสารใช่ไหมเพคะ?” นักบวชสาวเนตรแพรวพราว จดจำได้ดีว่า บาบิลิมมีอีกฉายาหนึ่งคือ นครแห่งจ้าววิทยาการ “หม่อมฉันอยากไปดูห้องเก็บเอกสารเพคะ”
เจ้าหญิงน้อยทอดพระเนตร สดับนิ่ง ด้วยห้องเก็บเอกสารนั้นอยู่เขตฝ่ายหน้า แลสตรีในราชวงศ์มิได้รับอนุญาตให้ออกฝ่ายหน้าพร่ำเพรื่อเว้นแต่จักมีงานเลี้ยงรื่นเริง มีศาสนพิธี ฤาอยู่ในช่วงเทศกาลสำคัญ กระนั้น ครั้งนี้ถือว่าเป็นข้อยกเว้น “มีสิ ตามข้ามา”
สิ้นรับสั่ง รอยแย้มพระสรวลเริงรื่นก็ผุดขึ้นทันควัน เสด็จนำไปทันที นักบวชสาวโดยเสด็จอย่างไม่รีรอ
การจักออกจากเขตพระราชฐานชั้นในลัดเลาะไปตามที่ประทับของกษัตริย์แห่งบาบิลิม ที่ประชุมราชการ ห้องเฉลียง แลห้องบูชานั้นกินเวลาไม่น้อยเลยทีเดียว ทว่าในที่สุดสองสตรีก็ได้ยาตรามาถึง เจ้าหญิงเอนนิกิกาลดิ-นันนาแลนลินนาต่างยื่นตราประทับของตนเอง โดยนลินนานั้นไม่มีตราประจำตัว จึงจำต้องใช้ตราประทับของวิหาร ด้วยเหตุนี้การกระทำของเธอจึงเท่ากับการกระทำของนักบวชแห่งเทพีอิชทาร์ทุกรูป
ทีแรก อาลักษณ์ผู้ดูแลห้องเก็บเอกสารจักไม่ให้เข้าไป ทว่าจะด้วยข้ออ้าง อำนาจ หรือความดื้อรั้นก็ตาม อาลักษณ์จึงยอมสยบแต่โดยดี แจ้งรายละเอียดต่าง ๆ ให้ฟัง
ห้องเก็บเอกสารมีบัณฑิต ปราชญ์ แลขุนนางเดินอยู่ขวักไขว่ เช่นเดียวกับอาลักษณ์ผู้ต้องคัดลอกบันทึกทุกวัน เนื่องจากชาวบาบิลิมนั้นใคร่รู้ในศาสตร์ต่าง ๆ แลชอบการจดบันทึกนัก เพราะฉะนั้น ในหนึ่งวันอาลักษณ์จักต้องบันทึกเหตุการณ์ประจำวัน หัวข้อการประชุม ตลอดจนพระบรมราชโองการต่าง ๆ รวมทั้งบันทึกโบราณอันรวบรวมมาจากทิศานุทิศ
“ห้องทางฝั่งโน้นเป็นห้องเก็บเอกสารราชการพ่ะย่ะค่ะ ส่วนห้องถัดไปจักรวบรวมมหากาพย์ บทสวด ดาราศาสตร์ เทวตำนาน แลปรัชญาเอาไว้ ถัดไปมีห้องเก็บเอกสารการปกครองแลกฎหมายอยู่ แต่ส่วนลึกสุด...เป็นเอกสารสำคัญ หากมิได้รับพระบรมราชานุญาตจักเข้าไปไม่ได้ หากทรงสนพระทัยห้องใด ทรงเข้าไปในห้องนั้น จักมีผู้ดูแลประจำห้องอยู่ พวกเขาจักเป็นผู้ถวายคำแนะนำให้ฝ่าพระบาทพ่ะย่ะค่ะ”
กราบทูลเสร็จ อาลักษณ์ผู้ดูแลห้องเก็บเอกสารจึงกลับไปประจำที่เดิม นลินนาตาเป็นประกาย ตื่นตากับมัตติจารึกอันอัดแน่นทุกช่องชั้น เนื่องจากบาบิโลเนียไม่มีไม้และโลหะ ช่องเก็บจารึกจึงสรรค์จากดิน วัสดุอันหาง่ายที่สุด
เจ้าหญิงเอนนิกิกาลดิ-นันนาทรงหันมาถามเธอว่า สนใจห้องใด เธอจึงทูลตอบไปว่า สนใจห้องกฎหมาย ทว่าเมื่อเข้าไปแล้ว แลกำลังรับฟังผู้ดูแลประจำห้องให้คำแนะนำด้วยสายตากังขาว่า พวกเธอเข้ามาได้อย่างไรนั้น ก็มีบุรุษผู้หนึ่งที่อยู่ในนั้นก่อนหน้าแล้วเดินโผล่พ้นช่องเก็บจารึกออกมา
บุรุษผู้นั้นพานลินนาหัวใจหยุดเต้น แลเจ้าหญิงเอนนิกิกาลดิ-นันนาพระพักตร์เผือดทันควัน บุรุษผู้นั้นคือ
เจ้าชายซามูลาเอล พระราชโอรสองค์รองในกษัตริย์อาเคอร์ดูอานา!
ในวงพระกรคือ ตำรากฎหมายอันเรียงซ้อนจนแทบล้น คงจักทรงนำไปให้อาลักษณ์คัดลอก เนื่องจากเอกสารในนี้มิสามารถนำออกไปได้ ทว่าพลันสายพระเนตรของเจ้าชายซามูลาเอลแลมาทางพวกเธอ หายนะก็มาเยือน
สายพระเนตรสะดุดลงทันควัน จากนั้นพระสุรเสียงเข้มจึงตามมา
“เหตุใดพวกเจ้ามาอยู่ที่นี่!?”
พระสุรเสียงเข้มอันดังขึ้นท่ามกลางความสงัดเงียบเรียกสายตาจากผู้อื่นได้เป็นอย่างดี เจ้าหญิงพระองค์น้อยพระพักตร์เผือดทันควัน ส่วนนลินนานิ่งอั้น มิรู้จักกระทำสิ่งใดต่อไป ความนึกสนุกชั่ววูบอันตรธานหายไปสิ้น
“เอ่อ เสด็จแม่มีรับสั่งให้หม่อมฉันพานลินนามาเดินเล่นเพคะ หม่อมฉันถามนางว่า นางอยากไปที่ใด พอนางตอบว่า อยากมาที่นี่ หม่อมฉันจึงพามา”
เจ้าหญิงเอนนิกิกาลดิ-นันนากราบทูลพระเชษฐาด้วยพักตร์หงอยสลด แม้จักเป็นเพียงความหวาดกลัว หาใช่ความยำเกรง
เจ้าชายซามูลาเอลทอดพระเนตรพระขนิษฐาด้วยประกายคมกริบ จากนั้นสายพระเนตรคมกริบจึงแปรมาทางเธอ พาร่างนักบวชสาวสะดุ้ง กระนั้นก็ยังรักษาอิริยาบถสงบนิ่งไว้ได้ ทว่าภายในกลับหวาดประหวั่น ด้วยยังจดจำสายพระเนตรพิฆาตประดุจหมาป่าในงานเลี้ยงคืนนั้นได้แม่นยำ สายพระเนตรอันทะลุทะลวงประหนึ่งกรงเล็บของสุนัขล่าเนื้อ
ทว่า...ทอดพระเนตรนิ่งสนิท มิมีสุรเสียงใด ๆ เล็ดลอดออกมา ทรงแปรพระเนตรไปทางพระขนิษฐาอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นจึงเอื้อนเอ่ยด้วยสุรเสียงสะกดกลั้น
“นันนา...เจ้าก็ทราบว่า ในห้องนี้คือ ห้องเก็บเอกสารสำคัญ มิใช่ที่เดินเล่นเพ่นพ่าน แลในยามนี้เจ้าสมควรอยู่ในฝ่ายใน หาใช่ที่นี่”
เจ้าหญิงนันนาสดับนิ่ง พระพักตร์มุ่ย พระศอตก ทรงทราบว่า ลงพระเชษฐาซามูลาเอลตรัสเช่นนี้แล้ว จักไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง ถึงอย่างไรก็ต้องเสด็จกลับ นลินนาจับจ้อง รู้สึกเสียดายจับใจ ด้วยตนอยากอ่านตำรากฎหมายของเมโสโปเตเมีย ทั้งประมวลกฎหมายฮัมมูราบี ประมวลกฎหมายอูร์-นัมมู แลประมวลกฎหมายลิพิต-อิชเทอร์ ทั้งสามฉบับล้วนแต่เป็นกฎหมายโบราณอันเก่าแก่ที่สุดในโลกทั้งสิ้น แลกฎหมายทั้งสามฉบับที่ว่านี้ล้วนตกอยู่ในอ้อมพระกรของเจ้าชายซามูลาเอล
มิแปลกใจเลย หากบุรุษเช่นเจ้าชายซามูลาเอลจักสนพระทัยด้านนิติศาสตร์
ครั้นเห็นเจ้าหญิงพระองค์น้อยพระศอตก หมุนพระปฤษฎางค์กลับ นลินนาจึงจำต้องตามเสด็จ สันหลังเสียววาบ รับรู้ได้ว่า มีสายพระเนตรจับจ้องมาจากเบื้องหลัง ทว่ายังมิทันที่พระบาทเล็กบางจักก้าวพ้นห้อง ก็มีสุรเสียงดังแว่วจากห้องข้าง ๆ เป็นสุรเสียงที่นลินนาคุ้นเคยอย่างยิ่ง
“ซิน-มูบัลลิต เจ้าจงนำใบบอกแลศุภอักษรเหล่านี้ไปให้อาลักษณ์คัดลอก ส่วนใบบอกแลศุภอักษรที่ส่งมาวันนี้คงต้องรอเสด็จพ่อทรงพระอักษรเสร็จก่อน จากนั้นค่อยฟังคำของผู้ตรวจการอีกทีว่า สอดคล้องกันหรือไม่”
เจ้าของสุรเสียงนั้นก้าวออกมา ทรงพระดำเนินคู่มากับทหารองครักษ์นายหนึ่ง
ดวงใจนลินนาแทบหยุดเต้น ขณะเจ้าหญิงพระองค์น้อยเงยพระพักตร์ แย้มพระสรวลเริงร่า ตรัสเรียกสุรเสียงใส
“เสด็จพี่ราเมชเพคะ!”
เจ้าชายเพชกัลดาราเมชชะงักพระบาท เบือนพระพักตร์มา แลพ้นพระขนิษฐามาทางเธอ
เนตรของทั้งคู่สบกัน ดวงใจหยุดเต้น คล้ายมีประกายหวามไหวแล่นปะทุขึ้นในหัวใจ
“...มีอะไรหรือนันนา เหตุใดเจ้ามาอยู่ที่นี่?”
เว้นช่วงสงบพระทัยไปพัก องค์รัชทายาทแห่งบาบิลิมจึงตรัส แววพระเนตรบ่งความประหลาดพระทัยที่พบพระขนิษฐาเพียงพระองค์เดียวมาอยู่ที่นี่ ก่อนจักหันไปมีกระแสรับสั่งกับทหารองครักษ์ให้นำเรื่องทั้งหมดไปจัดการ ทหารองครักษ์นายนั้นจึงรีบถวายคำนับแล้วสาวเท้าออกไปรวดเร็ว
“หม่อมฉันพานลินนามาเดินเล่นเพคะ”
สดับดังนั้น ก็ทรงเบือนมาทอดพระเนตรเธอ นักบวชสาวบ่ายหน้าหลบทันควัน มิกล้าสบพระพักตร์ มิเข้าใจตนเองว่า เหตุใดต้องหลบหน้า หรือจักเป็นความกลัวว่า เจ้าชายหนุ่มจักทรงสงกากับวัตถุประหลาดในกระเป๋าตน
“ตอนนี้มีผู้คนพลุกพล่านนัก พี่ว่า เจ้าสมควรอยู่ในฝ่ายในมากกว่า หากอยากอ่านอะไรก็ให้ขันทีเป็นผู้จัดการให้ มันมิดีนักหากจะมาเพ่นพ่านปะปนกับฝ่ายหน้า”
เมื่อพระเชษฐาองค์โตเป็นผู้ตรัสเอง เจ้าหญิงเอนนิกิกาลดิ-นันนาจึงยอมจำนนแต่โดยดี ทว่าครานี้คือ ความยำเกรง มิใช่ความหวาดกลัว
เจ้าชายซามูลาเอลทอดพระเนตรพระเชษฐาอย่างเทิดทูน ถวายบังคมไร้สุรเสียง
เจ้าหญิงเอนนิกิกาลดิ-นันนาทรงยื่นพระหัตถ์มาหมายจะพาเธอออกไปด้วยกัน ทว่าเจ้าชายเพชกัลดาราเมชกลับตรัสขึ้นเสียก่อน
“นันนาเจ้าให้นลินนาอยู่นี่เถิด เดี๋ยวพี่จักพานางไปส่งเอง”
พระอนุชานิ่ง พระขนิษฐาทอดพระเนตรอย่างฉงนพระทัย ทว่านักบวชสาวกลับใจสั่นระรัว ไม่รู้ว่า องค์รัชทายาทแห่งบาบิลิมทรงเรียกเธอไว้ทำไม แลหากพระองค์ตรัสถามเรื่องของในกระเป๋านั่น เธอจักตอบเช่นไร
เมื่อเสร็จธุระ เจ้าชายซามูลาเอลจึงขอพระองค์ไปทรงงานต่อ ทว่าสายพระเนตรสุดท้ายที่นลินนาแลเห็นคือ ประกายความมั่นพระทัยในบางสิ่งบางอย่างวาวโรจน์ขึ้นมา
กระนั้นสิ่งที่นลินนาควรกลัวยิ่งกว่าคือ เหลือเธอกับเจ้าชายเพชกัลดาราเมชแค่สองคน
เธอจะทำอย่างไรดี!?
************************************************************************************
ขอโทษด้วยนะคะที่มาอัพช้า เพราะว่า ช่วงนี้ไรท์เตอร์เปิดเทอมแล้วค่ะ จำเป็นต้องปรับตัวหลาย ๆ อย่างเลย และต้องจัดการกับอีกหลาย ๆ เรื่องด้วย เพราะส่วนตัวไม่ชอบเว้นนาน เนื่องจากมันจะต่อไม่ติดค่ะ แต่ที่หายไปส่วนหนึ่งก็คือ ไปคิดพล็อตต่อ กับหาข้อมูลมาด้วยเช่นกัน เนื่องจากพล็อตเนื้อเรื่องช่วงแรกยังไม่ลงตัวเท่าใด ถึงอย่างไรก็ขอให้อ่านนิยายให้สนุกนะคะ เซธ-เวเรทพยายามให้ผู้อ่านได้รับทั้งบันเทิงและสาระสุดความสามารถค่ะ
ณ เขตพระราชฐานชั้นในคือ สถานอันตระการตาประหนึ่งจำลองสวรรค์ชั้นฟ้ามาวางไว้บนแดนดิน นลินนาจับจ้องตาค้าง หลงลืมความขุ่นข้องหมองมัวไปชั่วขณะ ท่านขันทีนำเธอไปตามโถงทางเดินอันขนาบรายเรียงไปด้วยแจกันสิงห์หมอบโคหมอบปักช่อบุปผชาติสะพรั่งผลิ ตามฝาผนังคือ ภาพเขียนปูนเปียกลงสีสันวิจิตรงดงาม บ้างจำลองภาพเทวตำนาน บ้างเป็นภาพชีวิตประจำวัน บ้างเป็นภาพเสพสังวาสอันดูดดื่มระหว่างเทพีอิชทาร์กับพระสวามี
ตลอดทางอันยาตราเข้าไป สดับได้ถึงเสียงประโคมดุริยางค์เริงรื่นครื้นเครง กระทั่งลุถึงโถงภายใน ลมหายใจก็ปานถูกสะกด ด้วยเบื้องหน้าคือ แหล่งชุมนุมของสนมนางใน นักบวชสาวย้อนคิด ตระหนักแล้วว่า เสียงหัวร่อต่อกระซิกของเหล่าสตรีที่หล่อนได้ยินคราเจ้าชายเพชกัลดาราเมชเสด็จพาไปยลสวนลอยบาบิโลนคงเป็นเสียงของพวกนาง
พวกนางล้วนแต่งกายหรูหราฟู่ฟ่า บ้างจับกลุ่มเล่นเกมกระดาน บ้างลุกขึ้นร่ายรำประโคมดนตรี บ้างเด็ดมาลามาร้อยเป็นมาลัยประดับกาย มีนางทาสแลนางกำนัลคอยปรนนิบัติพัดวี แลสตรีเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นบาทบริจาริกาในกษัตริย์อาเคอร์ดูอานาทั้งสิ้น พวกนางรูปโฉมโนมพรรณแตกต่างกัน บ่งบอกว่า มาจากสถานที่อันแตกต่าง กระนั้นก็ยังคงงดงามเอิบอิ่มตามเชื้อสาย
ขันทีผู้นำทางมองความงามละลานตาเหล่านั้นอย่างเฉยเมย นำเธอฝ่าโถงกลางลัดเลาะจนบรรลุถึงโถงชั้นใน ครั้นถึงขั้นนี้ ขันทีผู้นำทางก็ล่าถอย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนางกำนัลมารับช่วงแทน
“ท่านคือ นลินนา นักบวชที่พระราชินีเชิญมาใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
นลินนาพยักหน้า ยื่นสาส์นประทับตราลัญจกรแห่งพระราชินีให้ดู นางกำนัลวัยกำดัดจึงพยักพักตร์ เชื้อเชิญเธอสู่ด้านใน
บานทวารสนซีดาร์เปิดกว้างรับแสงอรุณ วาตเทพเอนลิลพากลิ่นหอมบางอย่างชายโชยกระทบนาสิก เป็นกลิ่นหวานจางระรวยริน ภายในมัณฑนาด้วยเครื่องเรือนทองคำแลงาช้างปะปนกัน แผกกับที่ประทับของกษัตริย์อาเคอร์ดูอานาอันขาวลออด้วยเครื่องเรือนงาช้างทั้งสิ้น
กลางโถงชั้นใน พระนางแทปปูติประทับสง่าเหนือพระเก้าอี้ขาสิงห์ทองคำ มีนางพัดยืนถวายงานอยู่เบื้องพระปฤษฎางค์ ขณะอีกมุมมีนางดนตรีกำลังบรรเลงดุริยางค์ถวาย ส่วนผู้ประทับอยู่ฝั่งตรงข้ามก็มิใช่ใคร เจ้าหญิงเอนนิกิกาลดิ-นันนา พระราชธิดานั่นเอง
“นลินนา ในที่สุดท่านก็มา”
พลันทอดพระเนตรเธอ เจ้าหญิงพระองค์น้อยก็เสด็จปราดมาหาเธอทันควัน ไม่สนพระทัยนางกำนัลวัยกำดัดผู้กำลังอ้าโอษฐ์กราบทูล ซ้ำยังคว้ามือเธอไว้รวดเร็วจนนลินนาแทบไม่ทันตั้งตัว
“เดี๋ยวเถิดนันนา” พระนางแทปปูติเป็นผู้ปรามขึ้น พระสุรเสียงเนิบเปี่ยมพระเมตตายิ่ง “เหตุใดจึงปฏิบัติต่อท่านนักบวชเช่นนั้น เชิญเถิดท่านนลินนา ขออภัยแทนธิดาข้าด้วย”
นลินนาพยักหน้ารับคำงุนงง สบพระพักตร์อ่อนหวานอันเปี่ยมราศีแห่งพระราชินี ทว่าพระพักตร์ของพระธิดาหาได้สลดลงไม่ ทรงไม่สนพระทัย จูงมือเธอให้ตามเสด็จ แลบัญชาให้นางกำนัลจัดเก้าอี้ทองคำให้เธอนั่งลงข้างเคียง
นลินนาแลดูกิจวัตรของสตรีในวังอันหากไม่สรวลเสเฮฮา ก็มักหางานเล็กงานน้อยมาทำอยู่ร่ำไป ในพระหัตถ์แห่งพระนางแทปปูติแลเจ้าหญิงเอนนิกิกาลดิ-นันนาคือ ไม้สำหรับปั่นด้ายขนสัตว์ อาณาจักรบาบิโลเนียนั้นเลื่องชื่อด้านผ้าทอขนสัตว์อย่างยิ่ง สตรีจักมีหน้าที่ในการทอผ้าแลปักลาย ขณะบุรุษมีหน้าที่ในการนำสินค้าเหล่านั้นไปขายในต่างแดน พวกนางจึงกุมอำนาจทางเศรษฐกิจส่วนหนึ่งของบาบิโลเนีย แลระหว่างเจ้าหญิงผู้มีพระนามยาวเหยียดกำลังปั่นด้ายอยู่นั้น ก็มีพระดำรัสขึ้น
“ในวันนั้นข้าเสียดายนักที่ไม่ค่อยได้พูดคุยกับท่าน หากเสด็จพี่นัสซาร์มิพาข้าออกมาเสียก่อน เราคงได้สนทนากันเยอะกว่านี้”
นลินนาสดับ จดจำภาพเจ้าชายนาโบนัสซาร์ลากพระขนิษฐาองค์น้อยไปอย่างลนลานได้ดี “หม่อมฉันก็เสียดายเพคะ คงดีหากได้สนทนากันเพิ่มขึ้น”
“หากวันใดท่านว่างก็มาเยือนพระราชวังของข้าเถิด” พระนางแทปปูติตรัสเชื้อเชิญ “ด้วยเชษฐาของนางล้วนเติบใหญ่หมดแล้ว นันนาจึงไม่ค่อยมีสหายนัก นอกจากเจ้าหญิงมันดานาแห่งอาณาจักรเมเดส นางก็ไม่ค่อยสนิทสนมกับผู้อื่นเท่าใด หากท่านเป็นสหายกับนันนาได้ข้าก็ยินดี นอกจากนี้ นันนาสนใจภาษาซูเมอร์เช่นกัน นางชอบอ่านเทวตำนานของชาวซูเมอร์นัก หากท่านจักสอนแก่นางบ้างจักเป็นการดีไม่น้อย”
ครั้นได้ยินกระแสรับสั่งของพระมารดา พระธิดาจึงรีบเสริมทันควัน “ใช่ นลินนา หากว่าง ๆ ท่านก็มาที่นี่เถิด ข้าจักส่งคนไปรับ ร่วมมื้อเย็นกันสักมื้อ เสด็จพ่อทรงชื่นชมในตัวท่านมาก บอกว่า ท่านสนทนาภาษาซูเมอร์ได้ดียิ่ง แลท่านคงไม่ทราบ เรื่องคำแนะนำของท่าน เสด็จพ่อทรงอนุมัติ แลมีพระบรมราชโองการออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว ท่านทราบหรือไม่?”
สิ้นถ้อยดำรัส นักบวชสาวก็นิ่งอั้นทันควัน มิคิดว่า กษัตริย์อาเคอร์ดูอานาจักพระราชทานให้รวดเร็วปานนี้
“ทรงประกาศออกมาแล้วหรือเพคะ!?”
“ใช่!” เจ้าหญิงพระองค์น้อยตรัสตอบพระพักตร์เฉย “มีขุนนางบางท่านไม่พอใจอยู่บ้าง ทว่าท่านมิต้องกังวล เสด็จแม่ก็ทรงเห็นด้วยกับคำแนะนำของท่าน”
“ใช่แล้ว ท่านนลินนา” ในที่สุดก็ถึงคราพระราชินีแห่งบาบิลิม “เรื่องนี้ข้าก็เห็นควร แม้กระทั่งท่านมานิชตูชู อัครมหาเสนาบดีก็ยังเห็นดีด้วย อาณาจักรของเราเพิ่งผ่านพ้นสงครามมา การกระทำสงครามเป็นเรื่องยาก ทว่าการครองแผ่นดินนั้นยากยิ่งกว่า เรามีแคว้นประเทศราชมากมาย แลหลายคราจำต้องยกทัพไปกำราบ ศึกในศึกนอกล้วนควรระวัง การให้ราเมชได้มีส่วนร่วมในการปกครองนับแต่ตอนนี้นับเป็นเรื่องดี เพราะเขาจักเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป”
นักบวชสาวรับฟัง กึ่งดีใจกึ่งกังวลปะปนกัน นอกจากเรื่องพระบรมราชโองการ พระนางแทปปูติยังตรัสเลยไปถึงเหล่าสนมนางในผู้มาจากต่างถิ่นกัน สตรีบางนางเป็นสตรีชาวคัชดู สตรีบางนางเป็นบุตรีของกลุ่มอำนาจเดิมในท้องถิ่น แลบางนางก็เป็นบรรณาการจากแคว้นประเทศราช ทุกนางล้วนมีการเมืองมาเกี่ยวโยงทั้งสิ้น แม้กระทั่งพระนางแทปปูติก็ทรงเป็นบุตรีของขุนพลชาวคัชดูคนสำคัญ เนื่องจากกษัตริย์พระองค์ก่อน กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์มีพระราชประสงค์จักธำรงเชื้อสายของชาวคัชดูไว้ สตรีชาวคัชดูผู้หนึ่งจึงถูกเลือกสรร แลพระนางแทปปูติคือสตรีผู้ผ่านการเลือกสรรนั้น สตรีผู้ต่อมาคือ นางแก้วแห่งจักรพรรดิราช แลกาลข้างหน้าจักทรงเป็นพระชนนีแห่งกษัตริย์บาบิลิม
ครั้นสนทนามาได้พักหนึ่ง พระนางแทปปูติจึงมีพระเสาวนีย์ให้พระราชธิดาพาเธอไปเดินเล่นดูบริเวณรอบ ๆ
เมื่อสบโอกาส เจ้าหญิงเอนนิกิกาลดิ-นันนาจึงทรงทิ้งงานทันควัน เสด็จนำเธอซอกซอนไปตามห้องต่าง ๆ อย่างร่าเริง พาเธอออกสู่ด้านนอก ชี้ชวนให้ทัศนาไปตามแนวปาล์ม บุปผชาติอันผลิสะพรั่งรับสายลมแห่งวสันตฤดู และเทวนารีหินสลักขาวสล้าง ในอุ้งพระหัตถ์ถือเหยือกอันมีวารีพวยพุ่ง
“ทรงเบื่องานในฝ่ายในหรือเพคะ?” นลินนาทูลถาม ครั้นเห็นเจ้าหญิงพระองค์น้อยทรงลิงโลดยิ่งนักประหนึ่งปลากระดี่ได้น้ำ
“ก็มิถึงขั้นนั้นหรอก แต่ข้าเบื่องานปั่นด้ายนัก ให้ทำอย่างอื่นคงสนุกกว่า”
“เช่นงานอะไรหรือเพคะ?”
เจ้าหญิงองค์น้อยทำพักตร์ครุ่นคิด “อย่างดูแลห้องจารึก หรือไม่ก็ดูแลสมบัติที่เสด็จพ่อทรงรวบรวมมาจากนครโบราณ ข้าว่า ของเหล่านั้นน่าสนใจทีเดียว แต่ก่อน เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ทรงอยากให้ข้าเป็นนักบวชแห่งเทพซินที่เมืองอูร์ แต่ตอนนั้นข้ายังเด็กนัก จึงมิอยากจากเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ไป”
นักบวชสาวสดับ เพิ่งเข้าใจนัยยะของพระนามเจ้าหญิงเอนนิกิกาลดิ-นันนา ด้วยคำว่า นันนา คือพระนามของเทพซินในภาษาซูเมอร์! จึ่งมิแปลกที่กษัตริย์อาเคอร์ดูอานาและพระนางแทปปูติจักมีพระราชประสงค์ส่งพระธิดาไปบวชไกลถึงเพียงนั้น
“ถ้าเช่นนั้นก็ทรงเป็นภัณฑารักษ์สิเพคะ หากทรงเป็นภัณฑารักษ์ก็จักได้ดูแลวัตถุโบราณที่พระราชวังเหนือ เมื่อนั้นก็จักทรงได้ทำงานตามปรารถนา”
แววพระเนตรผุดแววสงกา “ภัณฑารักษ์คืออะไรหรือ?”
สิ้นรับสั่งถามของพระราชธิดาแห่งกษัตริย์อาเคอร์ดูอานา นักบวชสาวจึงนึกได้ว่า ในสมัยนี้ยังมิมีอาชีพภัณฑารักษ์!
“เอ่อ ภัณฑารักษ์ก็คือ คนที่คอยดูแลของในอาคารที่เราเก็บรักษาวัตถุต่าง ๆ เพคะ เราเรียกอาคารนั้นว่า ‘พิพิธภัณฑ์’ ในที่ที่หม่อมฉันจากมา เรามีพิพิธภัณฑ์มากมาย แล้วเราก็จะมีภัณฑารักษ์ที่เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ คอยดูแลของด้านนั้นโดยเฉพาะ เป็นงานที่น่าสนใจมากทีเดียวเพคะ”
นลินนาตอบไปเช่นนั้น แม้จักไม่ค่อยสนใจการเป็นภัณฑารักษ์นักก็ตาม
“งั้นหรือ ข้าสนใจทีเดียว ข้าจักไปขอกับเสด็จพ่อดู แล้วท่านอยากดูอะไรอีกหรือไม่นลินนา บริเวณนี้ไม่มีสิ่งใดให้ดูแล้ว?”
นักบวชสาวชะงักบาท ทัศนาดูโดยรอบอันมีเพียงอุทยานแบบขั้นบันไดรายเรียงไปด้วยหินสลักรูปมังกรกึ่งอสรพิษมูชฮูชชู, สิงโต และโคตัวผู้ สัตว์สัญลักษณ์แห่งวายุเทพอาดัด ทว่าเธอมิอยากกลับไปเร็วนัก พยายามนึกว่า ตนอยากไปที่ใด ชั่วครู่ความคิดหนึ่งจึงแล่นเข้ามา
“ที่นี่มีห้องเก็บเอกสารใช่ไหมเพคะ?” นักบวชสาวเนตรแพรวพราว จดจำได้ดีว่า บาบิลิมมีอีกฉายาหนึ่งคือ นครแห่งจ้าววิทยาการ “หม่อมฉันอยากไปดูห้องเก็บเอกสารเพคะ”
เจ้าหญิงน้อยทอดพระเนตร สดับนิ่ง ด้วยห้องเก็บเอกสารนั้นอยู่เขตฝ่ายหน้า แลสตรีในราชวงศ์มิได้รับอนุญาตให้ออกฝ่ายหน้าพร่ำเพรื่อเว้นแต่จักมีงานเลี้ยงรื่นเริง มีศาสนพิธี ฤาอยู่ในช่วงเทศกาลสำคัญ กระนั้น ครั้งนี้ถือว่าเป็นข้อยกเว้น “มีสิ ตามข้ามา”
สิ้นรับสั่ง รอยแย้มพระสรวลเริงรื่นก็ผุดขึ้นทันควัน เสด็จนำไปทันที นักบวชสาวโดยเสด็จอย่างไม่รีรอ
การจักออกจากเขตพระราชฐานชั้นในลัดเลาะไปตามที่ประทับของกษัตริย์แห่งบาบิลิม ที่ประชุมราชการ ห้องเฉลียง แลห้องบูชานั้นกินเวลาไม่น้อยเลยทีเดียว ทว่าในที่สุดสองสตรีก็ได้ยาตรามาถึง เจ้าหญิงเอนนิกิกาลดิ-นันนาแลนลินนาต่างยื่นตราประทับของตนเอง โดยนลินนานั้นไม่มีตราประจำตัว จึงจำต้องใช้ตราประทับของวิหาร ด้วยเหตุนี้การกระทำของเธอจึงเท่ากับการกระทำของนักบวชแห่งเทพีอิชทาร์ทุกรูป
ทีแรก อาลักษณ์ผู้ดูแลห้องเก็บเอกสารจักไม่ให้เข้าไป ทว่าจะด้วยข้ออ้าง อำนาจ หรือความดื้อรั้นก็ตาม อาลักษณ์จึงยอมสยบแต่โดยดี แจ้งรายละเอียดต่าง ๆ ให้ฟัง
ห้องเก็บเอกสารมีบัณฑิต ปราชญ์ แลขุนนางเดินอยู่ขวักไขว่ เช่นเดียวกับอาลักษณ์ผู้ต้องคัดลอกบันทึกทุกวัน เนื่องจากชาวบาบิลิมนั้นใคร่รู้ในศาสตร์ต่าง ๆ แลชอบการจดบันทึกนัก เพราะฉะนั้น ในหนึ่งวันอาลักษณ์จักต้องบันทึกเหตุการณ์ประจำวัน หัวข้อการประชุม ตลอดจนพระบรมราชโองการต่าง ๆ รวมทั้งบันทึกโบราณอันรวบรวมมาจากทิศานุทิศ
“ห้องทางฝั่งโน้นเป็นห้องเก็บเอกสารราชการพ่ะย่ะค่ะ ส่วนห้องถัดไปจักรวบรวมมหากาพย์ บทสวด ดาราศาสตร์ เทวตำนาน แลปรัชญาเอาไว้ ถัดไปมีห้องเก็บเอกสารการปกครองแลกฎหมายอยู่ แต่ส่วนลึกสุด...เป็นเอกสารสำคัญ หากมิได้รับพระบรมราชานุญาตจักเข้าไปไม่ได้ หากทรงสนพระทัยห้องใด ทรงเข้าไปในห้องนั้น จักมีผู้ดูแลประจำห้องอยู่ พวกเขาจักเป็นผู้ถวายคำแนะนำให้ฝ่าพระบาทพ่ะย่ะค่ะ”
กราบทูลเสร็จ อาลักษณ์ผู้ดูแลห้องเก็บเอกสารจึงกลับไปประจำที่เดิม นลินนาตาเป็นประกาย ตื่นตากับมัตติจารึกอันอัดแน่นทุกช่องชั้น เนื่องจากบาบิโลเนียไม่มีไม้และโลหะ ช่องเก็บจารึกจึงสรรค์จากดิน วัสดุอันหาง่ายที่สุด
เจ้าหญิงเอนนิกิกาลดิ-นันนาทรงหันมาถามเธอว่า สนใจห้องใด เธอจึงทูลตอบไปว่า สนใจห้องกฎหมาย ทว่าเมื่อเข้าไปแล้ว แลกำลังรับฟังผู้ดูแลประจำห้องให้คำแนะนำด้วยสายตากังขาว่า พวกเธอเข้ามาได้อย่างไรนั้น ก็มีบุรุษผู้หนึ่งที่อยู่ในนั้นก่อนหน้าแล้วเดินโผล่พ้นช่องเก็บจารึกออกมา
บุรุษผู้นั้นพานลินนาหัวใจหยุดเต้น แลเจ้าหญิงเอนนิกิกาลดิ-นันนาพระพักตร์เผือดทันควัน บุรุษผู้นั้นคือ
เจ้าชายซามูลาเอล พระราชโอรสองค์รองในกษัตริย์อาเคอร์ดูอานา!
ในวงพระกรคือ ตำรากฎหมายอันเรียงซ้อนจนแทบล้น คงจักทรงนำไปให้อาลักษณ์คัดลอก เนื่องจากเอกสารในนี้มิสามารถนำออกไปได้ ทว่าพลันสายพระเนตรของเจ้าชายซามูลาเอลแลมาทางพวกเธอ หายนะก็มาเยือน
สายพระเนตรสะดุดลงทันควัน จากนั้นพระสุรเสียงเข้มจึงตามมา
“เหตุใดพวกเจ้ามาอยู่ที่นี่!?”
พระสุรเสียงเข้มอันดังขึ้นท่ามกลางความสงัดเงียบเรียกสายตาจากผู้อื่นได้เป็นอย่างดี เจ้าหญิงพระองค์น้อยพระพักตร์เผือดทันควัน ส่วนนลินนานิ่งอั้น มิรู้จักกระทำสิ่งใดต่อไป ความนึกสนุกชั่ววูบอันตรธานหายไปสิ้น
“เอ่อ เสด็จแม่มีรับสั่งให้หม่อมฉันพานลินนามาเดินเล่นเพคะ หม่อมฉันถามนางว่า นางอยากไปที่ใด พอนางตอบว่า อยากมาที่นี่ หม่อมฉันจึงพามา”
เจ้าหญิงเอนนิกิกาลดิ-นันนากราบทูลพระเชษฐาด้วยพักตร์หงอยสลด แม้จักเป็นเพียงความหวาดกลัว หาใช่ความยำเกรง
เจ้าชายซามูลาเอลทอดพระเนตรพระขนิษฐาด้วยประกายคมกริบ จากนั้นสายพระเนตรคมกริบจึงแปรมาทางเธอ พาร่างนักบวชสาวสะดุ้ง กระนั้นก็ยังรักษาอิริยาบถสงบนิ่งไว้ได้ ทว่าภายในกลับหวาดประหวั่น ด้วยยังจดจำสายพระเนตรพิฆาตประดุจหมาป่าในงานเลี้ยงคืนนั้นได้แม่นยำ สายพระเนตรอันทะลุทะลวงประหนึ่งกรงเล็บของสุนัขล่าเนื้อ
ทว่า...ทอดพระเนตรนิ่งสนิท มิมีสุรเสียงใด ๆ เล็ดลอดออกมา ทรงแปรพระเนตรไปทางพระขนิษฐาอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นจึงเอื้อนเอ่ยด้วยสุรเสียงสะกดกลั้น
“นันนา...เจ้าก็ทราบว่า ในห้องนี้คือ ห้องเก็บเอกสารสำคัญ มิใช่ที่เดินเล่นเพ่นพ่าน แลในยามนี้เจ้าสมควรอยู่ในฝ่ายใน หาใช่ที่นี่”
เจ้าหญิงนันนาสดับนิ่ง พระพักตร์มุ่ย พระศอตก ทรงทราบว่า ลงพระเชษฐาซามูลาเอลตรัสเช่นนี้แล้ว จักไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง ถึงอย่างไรก็ต้องเสด็จกลับ นลินนาจับจ้อง รู้สึกเสียดายจับใจ ด้วยตนอยากอ่านตำรากฎหมายของเมโสโปเตเมีย ทั้งประมวลกฎหมายฮัมมูราบี ประมวลกฎหมายอูร์-นัมมู แลประมวลกฎหมายลิพิต-อิชเทอร์ ทั้งสามฉบับล้วนแต่เป็นกฎหมายโบราณอันเก่าแก่ที่สุดในโลกทั้งสิ้น แลกฎหมายทั้งสามฉบับที่ว่านี้ล้วนตกอยู่ในอ้อมพระกรของเจ้าชายซามูลาเอล
มิแปลกใจเลย หากบุรุษเช่นเจ้าชายซามูลาเอลจักสนพระทัยด้านนิติศาสตร์
ครั้นเห็นเจ้าหญิงพระองค์น้อยพระศอตก หมุนพระปฤษฎางค์กลับ นลินนาจึงจำต้องตามเสด็จ สันหลังเสียววาบ รับรู้ได้ว่า มีสายพระเนตรจับจ้องมาจากเบื้องหลัง ทว่ายังมิทันที่พระบาทเล็กบางจักก้าวพ้นห้อง ก็มีสุรเสียงดังแว่วจากห้องข้าง ๆ เป็นสุรเสียงที่นลินนาคุ้นเคยอย่างยิ่ง
“ซิน-มูบัลลิต เจ้าจงนำใบบอกแลศุภอักษรเหล่านี้ไปให้อาลักษณ์คัดลอก ส่วนใบบอกแลศุภอักษรที่ส่งมาวันนี้คงต้องรอเสด็จพ่อทรงพระอักษรเสร็จก่อน จากนั้นค่อยฟังคำของผู้ตรวจการอีกทีว่า สอดคล้องกันหรือไม่”
เจ้าของสุรเสียงนั้นก้าวออกมา ทรงพระดำเนินคู่มากับทหารองครักษ์นายหนึ่ง
ดวงใจนลินนาแทบหยุดเต้น ขณะเจ้าหญิงพระองค์น้อยเงยพระพักตร์ แย้มพระสรวลเริงร่า ตรัสเรียกสุรเสียงใส
“เสด็จพี่ราเมชเพคะ!”
เจ้าชายเพชกัลดาราเมชชะงักพระบาท เบือนพระพักตร์มา แลพ้นพระขนิษฐามาทางเธอ
เนตรของทั้งคู่สบกัน ดวงใจหยุดเต้น คล้ายมีประกายหวามไหวแล่นปะทุขึ้นในหัวใจ
“...มีอะไรหรือนันนา เหตุใดเจ้ามาอยู่ที่นี่?”
เว้นช่วงสงบพระทัยไปพัก องค์รัชทายาทแห่งบาบิลิมจึงตรัส แววพระเนตรบ่งความประหลาดพระทัยที่พบพระขนิษฐาเพียงพระองค์เดียวมาอยู่ที่นี่ ก่อนจักหันไปมีกระแสรับสั่งกับทหารองครักษ์ให้นำเรื่องทั้งหมดไปจัดการ ทหารองครักษ์นายนั้นจึงรีบถวายคำนับแล้วสาวเท้าออกไปรวดเร็ว
“หม่อมฉันพานลินนามาเดินเล่นเพคะ”
สดับดังนั้น ก็ทรงเบือนมาทอดพระเนตรเธอ นักบวชสาวบ่ายหน้าหลบทันควัน มิกล้าสบพระพักตร์ มิเข้าใจตนเองว่า เหตุใดต้องหลบหน้า หรือจักเป็นความกลัวว่า เจ้าชายหนุ่มจักทรงสงกากับวัตถุประหลาดในกระเป๋าตน
“ตอนนี้มีผู้คนพลุกพล่านนัก พี่ว่า เจ้าสมควรอยู่ในฝ่ายในมากกว่า หากอยากอ่านอะไรก็ให้ขันทีเป็นผู้จัดการให้ มันมิดีนักหากจะมาเพ่นพ่านปะปนกับฝ่ายหน้า”
เมื่อพระเชษฐาองค์โตเป็นผู้ตรัสเอง เจ้าหญิงเอนนิกิกาลดิ-นันนาจึงยอมจำนนแต่โดยดี ทว่าครานี้คือ ความยำเกรง มิใช่ความหวาดกลัว
เจ้าชายซามูลาเอลทอดพระเนตรพระเชษฐาอย่างเทิดทูน ถวายบังคมไร้สุรเสียง
เจ้าหญิงเอนนิกิกาลดิ-นันนาทรงยื่นพระหัตถ์มาหมายจะพาเธอออกไปด้วยกัน ทว่าเจ้าชายเพชกัลดาราเมชกลับตรัสขึ้นเสียก่อน
“นันนาเจ้าให้นลินนาอยู่นี่เถิด เดี๋ยวพี่จักพานางไปส่งเอง”
พระอนุชานิ่ง พระขนิษฐาทอดพระเนตรอย่างฉงนพระทัย ทว่านักบวชสาวกลับใจสั่นระรัว ไม่รู้ว่า องค์รัชทายาทแห่งบาบิลิมทรงเรียกเธอไว้ทำไม แลหากพระองค์ตรัสถามเรื่องของในกระเป๋านั่น เธอจักตอบเช่นไร
เมื่อเสร็จธุระ เจ้าชายซามูลาเอลจึงขอพระองค์ไปทรงงานต่อ ทว่าสายพระเนตรสุดท้ายที่นลินนาแลเห็นคือ ประกายความมั่นพระทัยในบางสิ่งบางอย่างวาวโรจน์ขึ้นมา
กระนั้นสิ่งที่นลินนาควรกลัวยิ่งกว่าคือ เหลือเธอกับเจ้าชายเพชกัลดาราเมชแค่สองคน
เธอจะทำอย่างไรดี!?
************************************************************************************
ขอโทษด้วยนะคะที่มาอัพช้า เพราะว่า ช่วงนี้ไรท์เตอร์เปิดเทอมแล้วค่ะ จำเป็นต้องปรับตัวหลาย ๆ อย่างเลย และต้องจัดการกับอีกหลาย ๆ เรื่องด้วย เพราะส่วนตัวไม่ชอบเว้นนาน เนื่องจากมันจะต่อไม่ติดค่ะ แต่ที่หายไปส่วนหนึ่งก็คือ ไปคิดพล็อตต่อ กับหาข้อมูลมาด้วยเช่นกัน เนื่องจากพล็อตเนื้อเรื่องช่วงแรกยังไม่ลงตัวเท่าใด ถึงอย่างไรก็ขอให้อ่านนิยายให้สนุกนะคะ เซธ-เวเรทพยายามให้ผู้อ่านได้รับทั้งบันเทิงและสาระสุดความสามารถค่ะ
เซธเวเรท
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 ส.ค. 2559, 23:44:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ส.ค. 2559, 00:57:51 น.
จำนวนการเข้าชม : 1065
<< Happy Mother’s day : Amandari’s Story | แจ้งความคืบหน้า >> |
แว่นใส 30 ส.ค. 2559, 12:48:13 น.
น้องชายจะทำอะไรนะ
น้องชายจะทำอะไรนะ
Zephyr 30 ส.ค. 2559, 21:59:51 น.
เอ เจ้าชายองค์รองชักตะมีบางสิ่ง
เอ เจ้าชายองค์รองชักตะมีบางสิ่ง