วิวาห์ [ไร้] รัก
แนะนำเรื่องแบบย่อๆ
"ครั้ง นี้ถือว่าฉันขอร้องคุณเถอะนะคะ ช่วยกลับมาให้ลูกได้เจอหน้าคุณบ้าง ให้เวลาแกบ้าง ทำเหมือนแกมีค่าในสายตาคุณบ้างจะได้ไหม ... ทำเพื่อแกสักครั้ง ทำให้แกได้มีความทรงจำดีๆกับพ่อของแกบ้าง”
ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
"ครั้งนี้ถือว่าฉันขอร้องคุณเถอะนะคะ ช่วยกลับมาให้ลูกได้เจอหน้าคุณบ้าง ให้เวลาแกบ้าง ทำเหมือนแกมีค่าในสายตาคุณบ้างจะได้ไหม ฉันทรมานเหลือเกิน ทรมานจริงๆเวลาที่ลูกถามหาคุณ สงสารแกเถอะนะคะ ทำเพื่อแกสักครั้ง ทำให้แกได้มีความทรงจำดีๆกับพ่อของแกบ้าง”
“หึ เด็กที่เกิดจากผู้หญิงแพศยาอย่าเธอ ก็สมควรแล้วที่ฉันจะไม่สนใจ”
Tags: นิยาย,รัก,ดราม่า,เศร้า,แอบรัก
ตอน: ไร้รัก :: Chapter 1 :: 40%
ก๊อก ก๊อก
ร่างสูงของเลขาสาวประเภทสอง เดินเข้าภายในห้องทำงานส่วนตัวของเจ้านายสาวด้วยสีหน้าของเธอไม่สู้ดีนัก หลังจากได้รับโทรศัพท์สายด่วนจากทางโรงเรียนของคุณหนูอิงฟ้าเมื่อสักครู่
“คุณเดือนคะ ทางโรงเรียนแจ้งมาว่ายังไม่เห็นคุณพ่อของคุณหนูอิงฟ้าไม่ได้ไปร่วมงานที่โรงเรียนจัดขึ้น ตอนนี้คุณหนูร้องไห้ใหญ่แล้วนะคะ” เอ่ยบอกผู้เป็นมารดาของหนูน้อย
พราวสิตางศุ์ ธรรมนุกูลสกุล หรือคุณเดือน หญิงสาวสวยผู้มีความสามารถเป็นถึงรองประธานกรรมการบริหารบริษัทพรรณรายณ์ จิวเวลรี่ แอน โปรดักชั่น จำกัด(มหาชน) บุตรสาวคนสุดท้องของหม่อมเจ้ามหรรณพ พรรณรายณ์ กับหม่อมนภาพราว พรรณรายณ์
“เดี่ยวเดือนจะไปที่โรงเรียน รบกวนคุณวีว่าช่วยเลื่อนนัดทั้งหมดของวันนี้ออกไปก่อน” พราวสิตางศุ์พูดเพียงเท่านั้นก่อนจะรีบเดินออกไป
ใช้เวลาไม่นานหญิงสาวก็มาถึงจุดหมาย ถือว่าโชคดีที่วันนี้รถไม่ค่อยติดมากนัก เมื่อมาถึงก็รีบตรงเข้าไปหาลูกสาวที่ร้องไห้อยู่คนเดียวในห้องเรียน โดยมีครูพี่เลี้ยงคอยอยู่เป็นเพื่อน
“ขอบคุณมากนะคะ” เธอเอ่ยขอบคุณครูท่านั้น ก่อนจะเข้าไปปลอบบุตรสาวตัวน้อย
“ฮือๆ....คุณแม่....อึก คะ....ทำไมคุณพ่อไม่มา....ฮือ ฮือ” สาวร่างน้อยพูเสียงสะอื้น
“คุณพ่อมีธุระ มีงานเยอะแยะมากเลย....วันนี้คุณแม่เลยให้มาแทนคุณพ่อแล้วนะ ไม่ร้องคนดีของแม่ ไม่ร้องนะ” กอดร่างลูกสาวตัวน้อยไวแนบอก ยกมือลูบหัวอย่างแผ่วเบา ใช่ว่าเธอจะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด แต่จะให้ทำอย่างไรได้ เมื่อเขาคนนั้นไม่ต้องการแม้แต่เหลียวแลในบางครั้ง เพียงบางเวลาเท่านั้นบางเวลาที่สำคัญอย่างเช่นวันนี้ ขอร้องให้มาเพียงเพื่อรักษาจิตใจของลูก หลายวันที่ผ่านมาเธอได้แต่อ้อนวอน คิดเพียงว่าเขาเข้าใจ คงจะไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่จะมา แต่สุดท้ายคำตอบที่ได้คือน้ำตาของลูก
“อีกแล้วหรอ แต่วันนี้หนูฟ้าอยากให้คุณพ่อมามากเลย เพื่อนๆทุกคนมีคุณพ่อกันหมดเลยแต่หนูฟ้าไม่มี”
“หนู ฟ้ามีคุณพ่อนะคะ แต่คุณพ่อไม่ว่าง ต้องทำงานหาเงินเยอะๆให้หนูฟ้าซื้อของเล่นไงคะ คุณพ่อยังฝากคุณแม่ให้บอกด้วยนะคะว่าคุณพ่อรักหนูฟ้ามากๆเลยนะคะ”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อ ทำให้ลูกผิดหวัง เพราะเขาไม่เคยให้ความสนใจกับลูกสาวคนนี้เลย ทุกครั้งที่ลูกถามถึงเขา เหมือนหัวใจฉันแตกออกเป็นเศษเสี้ยวของฝุ่นผง ทรมานเหลือเกินที่ต้องคอยปลอบลูกว่าคุณพ่อของเขาต้องทำงาน ต้องหาเงิน ทั้งๆที่ทุกอย่างล้วนเป็นคำโกหก แต่เธอไม่อยากให้ลูกต้องเสียใจที่ไม่ได้รับความรักจากคนเป็นพ่อเลย
เธอเข้าใจลูกดีทำไมวันนี้เขาถึงได้เสียใจที่คุณพ่อเขาไม่มา เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญของคนเป็นพ่อ และเป็นวันที่โรงเรียนจัดงานที่จะทำให้ลูกๆ ได้รำลึกถึงพระคุณของพ่อ ในวันที่ 4 ธันวาคม วันที่คนเป็นลูกจะไดแสดงความรัก ความกตัญญูต่อคนเป็นพ่อ ได้กราบทดแทบพระคุณ และวันที่ครอบครัวควรจะมีความสุข แต่ความสุขนั้นไม่เคยเกิดขึ้นกับครอบครัวนี้เลยสักครั้ง
ภายในบ้านหลังใหญ่ที่ใครๆ ต่างก็เรียกว่าคฤหาสน์ แต่ไม่เคยเลยที่คฤหาสน์หลังนี้จะสร้างความสุข ความสบายใจให้คนที่อยู่อาศัย ภาพภายนอกอาจดูสวยหรู แต่ภายในกลับเป็นไปในทางตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
“คุณแม่คะ ทำไมคุณพ่อยังไม่กลับบ้านคะ” ลูกสาวถามด้วยน้ำเสียงและแววตาแสนเศร้า คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หนูน้อยจะถามถึงคนเป็นพ่อ เพราะเวลานี้ก็ล่วงเลยมาจนนาฬิกาบอกเวลา 21.20 น. แล้ว ปรกติลูกสาวเธอควรจะนอนหลับได้แล้ว แต่วันนี้ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ยอม บอกจะรอคุณพ่อเธอ ในมือยังถือขอบางอย่าง ซึ่งตอนนี้เริ่มช้ำ เริ่มเหี่ยวไปตามกาลเวลา ร่างบางได้แต่มองลูกสาว แล้วแอบหันหลังเช็ดน้ำตาไหลออกมา
“คุณพ่อคงติดงาน เดี่ยวเราขึ้นไปนอนก่อนดีไหมคะ พรุ่งนี้หนูฟ้าค่อยมาหาคุณพ่อ ดีไหมค่ะ”
“แต่หนูฟ้าอยากกอด อยากกราบคุณพ่อวันนี้” น้ำสียงที่แสนเบาราวกับกระซิบ หนูน้อยทำได้เพียงก้มหน้ามองดอกไม้ในมือแล้วหยดน้ำใสๆก็เริ่มไหลออกมา เธอทำได้เพียงแค่กอดลูกไว้ กอดเพื่อจะปลอบประโลม
“แม่ขอโทษนะคะหนูฟ้า แม่ขอโทษหนูจริงๆ” ร่างบางได้แต่กอดลูกสาวไว้แล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา แม่ขอโทษนะคะที่ทำให้ลูกเกิดมาในครอบครัวที่ไม่อบอุ่น ต้องพบเจอแต่เรื่องไม่ดี พบเจอแต่สิ่งที่ทำให้ลูกต้องเสียใจ เธอได้แต่พูดมันในใจ เพราะสำหรับคนเป็นแม่แล้วการที่ต้องเห็นน้ำตาแห่งความเสียใจของลูก มันเหมือนเอามีดมาทิ่มแทงที่หัวใจอย่างช้าๆ
เสียงรถยนต์ที่แว่วดังเข้ามาทำให้ร่างของหนูน้อยรีบผละออกจากอ้อมกอดของคนเป็นแม่ แล้วเช็ดน้ำตาออกอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่ต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง รอยยิ้มกว้างเผยออกมาอย่างดีใจ ชั่งบีบหัวใจของคนเป็นแม่อย่างมาก
“คุณแม่คะ คุณพ่อมาแล้ว” หนูน้อยรีบวิ่งออกไปรอรับคุณพ่อหน้าบ้านอย่างรวดเร็ว
ร่างสูงของเขาคนนั้น กำลังลงจากรถเมื่อมองเห็นเธอ ใบหน้าที่แสนบึ้งตึงแสดงออกมาอย่างชัดเจน สภาพของเขาตอนนี้ไม่ต้องถามเธอก็เดามันได้ไม่ยากว่าก่อนหน้านี้เขาทำอะไรมา เสื้อผ้าที่หลุดลุ่ย รอยยับยู่ยี่ดูไม่เรียบร้อย คงหนีไม่พ้นบรรดาผู้หญิงของเขา ใช่ว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เคยเกิดขึ้น แต่ทุกครั้งที่เธอเห็นกลับไม่คุ้นชินกับมันซักที ได้แต่ข่มใจตัวเองไว้
“สวัสดีคะคุณพ่อ” หนูน้อยยกมือขึ้นไหว้คนเป็นพ่อ แต่เขากลับไม่ได้แสดงสีหน้าที่แตกต่างจากเดิม ซ้ำยังเดินเข้าไปในบ้านโดยไม่พูดกับลูกสักคำ ปล่อยให้สองแม่ลูกได้แต่มอง และเดินตามเขาเข้าไปในบ้าน
“คุณพ่อคะ วันนี้ที่โรงเรียนหนูฟ้าจัดงานวันพ่อ แต่คุณพ่อไม่ว่างไป คุณพ่อต้องทำงานเยอะแยะ หนูฟ้าเลยเอามาลัยมากราบคุณพ่อที่บ้านคะ” เขาหยุดเดิน หันกลับมามองหน้าลูกสาว พร้อมกับที่ร่างของหนูน้อยก้มลงกราบที่เท้าของเขา แล้วยื่นมาลัยไปให้ เขาได้แต่นิ่งอยู่พักหนึ่งจึงจะยื่นมือไปรับมาลัยพวงนั้นก่อนจะหันกลับแล้ว เดินขึ้นห้องไปอย่างเงียบๆ
“เดี่ยวเราขึ้นไปนอนกันดีกว่านะคะ วันนี้อยากฟันนิทานเรื่องอะไรดีเอ่ย”
“เอาเรื่องหนูน้อยหมวกแดงคะ” หนูน้อยบอกคนเป็นแม่พร้อมกับรอยยิ้ม แค่นี้เธอก็มีความสุขแล้ว แค่ได้เห็นรอยยิ้มของลูก เธอก็หายเหนื่อย เรื่องที่เสียใจก็พลอยหายไปด้วย
หลังจากกล่อมลูกสาวนอนหลับแล้ว จึงได้กลับเข้าห้องนอนใหญ่ที่เธอกับคนที่ได้ชื่อว่าสามีใช้ร่วมกัน ครั้งหนึ่งเคยเป็นห้องหอ หญิงสาวเคยคิดว่าจะได้อยู่อย่างมีความสุข แต่ทุกอย่างล้วนเป็นเพียงภาพฝัน ประตูห้องน้ำที่เปิดออกเผยให้เห็นร่างสูงที่เดินออกมาพร้อมผ้าขนหนูคลุมร่าง กายท่อนล่างเท่านั้น ท่อนบนที่เปลือยเปล่าแสดงให้เห็นกล้ามเนื้ออย่างชัดเจน ร่างสูงเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวกลับออกมาพร้อมชุดนอนก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียง นอนหลังใหญ่
“คุณธี วันนี้คุณควรจะไปร่วมงานที่ทางโรงเรียนจัดนะคะ คุณรู้ไหมหนูฟ้ารอคุณ แกได้แต่นั่งมองประตูห้องกิจกรรมตลอดจนจบงาน แกคงหวังจะได้เห็นคุณไป ถึงแม้ฉันจะบอกแกว่าคุณติดงานแล้วก็ตาม แต่ก็ยังหวังว่าจะเห็นคุณ”
“เธอมีสิทธิตำหนิฉันด้วยหรอ” เขาพูดออกมาทั้งที่ไม่หันมามองหน้าเธอแม้แต่น้อย
“ฉันรู้ตัวดีคะว่าไม่มีสิทธิ เพียงแต่อยากให้คุณคิดถึงจิตใจของลูกหน่อย ช่วยสนใจแกสักนิดนะคะ” เธอพูดออกไป แม้จะรู้ดีว่ามันคงไม่มีผล แต่อย่างน้อยเธอก็ได้พยายามทำเพื่อลูก อยากให้แกมีความสุขบ้างแม้เพียงน้อยนิดก็ยังดี
ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบ ธีธัชไม่ได้ตอบโต้อะไรออกมา หญิงสาวเองก็ไม่อาจรู้ได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ไม่นานเสียงหายใจสม่ำเสมอจากร่างสูงบ่งบอกว่าเขาได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว ร่างบางได้แต่หันไปมองแผ่หลังของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีอย่างหนักใจ คงไม่มีอะไรสามารถมาเปลี่ยนแปลงความคิดของเขาได้ถ้าหากยังเลือกที่จะไม่ ปล่อยวางทิฐิที่มี ถึงแม้จะแต่งงานอยู่ร่วมกันมาหลายปีแต่ทุกอย่างก็ไม่เคยเปลี่ยนเขายังคงเป็น คนเดิม ก่อนแต่งงานเป็นอย่างไรหลังแต่งานก็ยังเป็นอย่างนั้น เรื่องผู้หญิงที่รายล้อมเขาก็เช่นกัน ไม่มีเลยสักครั้งที่จะไม่ลำบากใจกับเรื่องนี้ เธอกลัวเพียงว่าหากลูกโตขึ้นได้รับรู้ว่าพ่อเขาเป็นคนเช่นนี้คงเสียใจไม่น้อย เสียงพลิกตัวของคนข้างตัวดึงห้วงความคิดของหญิงสาวไปจนหมด ได้แต่หันกลับไปมองเขาก่อนที่เธอจะเอื้อมมือไปปิดไฟแล้วทิ้งตัวลงนอน
นี่สินะอย่างที่ใครหลายคนกล่าวไว้เมื่อคนที่ไม่ได้ใคร่เสน่หาต่อกันต้องมาร่วมหอลงโลงเดียวกัน ความสุขความสบายใจก็ย่อมไม่เกิด เธอเองก็ไม่ได้อยากให้งานแต่งงานครั้งนี้เกิดขึ้น แต่เพราะว่าต้องรับผิดชอบต่อผลพวงที่เกิดขึ้นจากความไม่ได้ตั้งใจ ก็เหมือนต่างฝ่ายต่างต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ตนเองก่อขึ้น
ถ้าหากชีวิตคู่ที่ดำเนินอยู่ทุกวันนี้ เพียงเขาเลือกเรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจและปรับตัวเข้าหาซึ่งกันและกัน คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะมีความสุข แต่ถ้าหากฝ่ายหนึ่งพยายามแต่อีกฝ่ายกลับวิ่งหนีคงไม่เกิดประโยชน์ที่จะพยายามเพราะมันคงไม่มีวันสำเร็จผล เหมือนคำกล่าวที่ว่า ตบมือข้างเดียวไม่มีวันดัง หลายคนคงเปรียบเทียบคำกล่าวนี้กับความรัก แต่สำหรับเธอแล้วกลับเป็นสิ่งที่คอยย้ำเตือนใจตัวเองเสมอไม่ว่าจะพยายามทำดี สักแค่ไหนแต่มันก็ไม่มีวันมีค่าในสายตาคู่นั้น คู่ที่มองว่าเธอเป็นเพียงผู้หญิงแพศยา
-----------------------------------------------
สวัสดีนักอ่านทุกคน ทั้งที่อ่านแล้วเม้น และนักอ่านนิรนาม (เม้น ให้เราหน่อยนะ ไม่ต้องพิมพ์อะไรเยอะ แค่บอกว่า ต่อๆ , รอๆ , มาเร็วๆ ฯลฯ แค่ประโยคสั้นแค่นี้นักเขียนก็ดีใจแล้ว อย่างน้อยก็ได้รู้ว่ายังมีคนรออ่าน) และต้องขอบคุณนักอ่านทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆ หากนิยายเรื่องนี้มีข้อผิดพลาดประการใด นักอ่านทุกคนสามารถติชมได้เสมอ เรายินดีน้อมรับและนำมาปรับใช้เพื่อให้นิยายมีคุณภาพมากที่สุด
ปล. ทวงนิยายได้เลยได้ที่แฟนเพจเลยนะ
ร่างสูงของเลขาสาวประเภทสอง เดินเข้าภายในห้องทำงานส่วนตัวของเจ้านายสาวด้วยสีหน้าของเธอไม่สู้ดีนัก หลังจากได้รับโทรศัพท์สายด่วนจากทางโรงเรียนของคุณหนูอิงฟ้าเมื่อสักครู่
“คุณเดือนคะ ทางโรงเรียนแจ้งมาว่ายังไม่เห็นคุณพ่อของคุณหนูอิงฟ้าไม่ได้ไปร่วมงานที่โรงเรียนจัดขึ้น ตอนนี้คุณหนูร้องไห้ใหญ่แล้วนะคะ” เอ่ยบอกผู้เป็นมารดาของหนูน้อย
พราวสิตางศุ์ ธรรมนุกูลสกุล หรือคุณเดือน หญิงสาวสวยผู้มีความสามารถเป็นถึงรองประธานกรรมการบริหารบริษัทพรรณรายณ์ จิวเวลรี่ แอน โปรดักชั่น จำกัด(มหาชน) บุตรสาวคนสุดท้องของหม่อมเจ้ามหรรณพ พรรณรายณ์ กับหม่อมนภาพราว พรรณรายณ์
“เดี่ยวเดือนจะไปที่โรงเรียน รบกวนคุณวีว่าช่วยเลื่อนนัดทั้งหมดของวันนี้ออกไปก่อน” พราวสิตางศุ์พูดเพียงเท่านั้นก่อนจะรีบเดินออกไป
ใช้เวลาไม่นานหญิงสาวก็มาถึงจุดหมาย ถือว่าโชคดีที่วันนี้รถไม่ค่อยติดมากนัก เมื่อมาถึงก็รีบตรงเข้าไปหาลูกสาวที่ร้องไห้อยู่คนเดียวในห้องเรียน โดยมีครูพี่เลี้ยงคอยอยู่เป็นเพื่อน
“ขอบคุณมากนะคะ” เธอเอ่ยขอบคุณครูท่านั้น ก่อนจะเข้าไปปลอบบุตรสาวตัวน้อย
“ฮือๆ....คุณแม่....อึก คะ....ทำไมคุณพ่อไม่มา....ฮือ ฮือ” สาวร่างน้อยพูเสียงสะอื้น
“คุณพ่อมีธุระ มีงานเยอะแยะมากเลย....วันนี้คุณแม่เลยให้มาแทนคุณพ่อแล้วนะ ไม่ร้องคนดีของแม่ ไม่ร้องนะ” กอดร่างลูกสาวตัวน้อยไวแนบอก ยกมือลูบหัวอย่างแผ่วเบา ใช่ว่าเธอจะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด แต่จะให้ทำอย่างไรได้ เมื่อเขาคนนั้นไม่ต้องการแม้แต่เหลียวแลในบางครั้ง เพียงบางเวลาเท่านั้นบางเวลาที่สำคัญอย่างเช่นวันนี้ ขอร้องให้มาเพียงเพื่อรักษาจิตใจของลูก หลายวันที่ผ่านมาเธอได้แต่อ้อนวอน คิดเพียงว่าเขาเข้าใจ คงจะไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่จะมา แต่สุดท้ายคำตอบที่ได้คือน้ำตาของลูก
“อีกแล้วหรอ แต่วันนี้หนูฟ้าอยากให้คุณพ่อมามากเลย เพื่อนๆทุกคนมีคุณพ่อกันหมดเลยแต่หนูฟ้าไม่มี”
“หนู ฟ้ามีคุณพ่อนะคะ แต่คุณพ่อไม่ว่าง ต้องทำงานหาเงินเยอะๆให้หนูฟ้าซื้อของเล่นไงคะ คุณพ่อยังฝากคุณแม่ให้บอกด้วยนะคะว่าคุณพ่อรักหนูฟ้ามากๆเลยนะคะ”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อ ทำให้ลูกผิดหวัง เพราะเขาไม่เคยให้ความสนใจกับลูกสาวคนนี้เลย ทุกครั้งที่ลูกถามถึงเขา เหมือนหัวใจฉันแตกออกเป็นเศษเสี้ยวของฝุ่นผง ทรมานเหลือเกินที่ต้องคอยปลอบลูกว่าคุณพ่อของเขาต้องทำงาน ต้องหาเงิน ทั้งๆที่ทุกอย่างล้วนเป็นคำโกหก แต่เธอไม่อยากให้ลูกต้องเสียใจที่ไม่ได้รับความรักจากคนเป็นพ่อเลย
เธอเข้าใจลูกดีทำไมวันนี้เขาถึงได้เสียใจที่คุณพ่อเขาไม่มา เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญของคนเป็นพ่อ และเป็นวันที่โรงเรียนจัดงานที่จะทำให้ลูกๆ ได้รำลึกถึงพระคุณของพ่อ ในวันที่ 4 ธันวาคม วันที่คนเป็นลูกจะไดแสดงความรัก ความกตัญญูต่อคนเป็นพ่อ ได้กราบทดแทบพระคุณ และวันที่ครอบครัวควรจะมีความสุข แต่ความสุขนั้นไม่เคยเกิดขึ้นกับครอบครัวนี้เลยสักครั้ง
ภายในบ้านหลังใหญ่ที่ใครๆ ต่างก็เรียกว่าคฤหาสน์ แต่ไม่เคยเลยที่คฤหาสน์หลังนี้จะสร้างความสุข ความสบายใจให้คนที่อยู่อาศัย ภาพภายนอกอาจดูสวยหรู แต่ภายในกลับเป็นไปในทางตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
“คุณแม่คะ ทำไมคุณพ่อยังไม่กลับบ้านคะ” ลูกสาวถามด้วยน้ำเสียงและแววตาแสนเศร้า คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หนูน้อยจะถามถึงคนเป็นพ่อ เพราะเวลานี้ก็ล่วงเลยมาจนนาฬิกาบอกเวลา 21.20 น. แล้ว ปรกติลูกสาวเธอควรจะนอนหลับได้แล้ว แต่วันนี้ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ยอม บอกจะรอคุณพ่อเธอ ในมือยังถือขอบางอย่าง ซึ่งตอนนี้เริ่มช้ำ เริ่มเหี่ยวไปตามกาลเวลา ร่างบางได้แต่มองลูกสาว แล้วแอบหันหลังเช็ดน้ำตาไหลออกมา
“คุณพ่อคงติดงาน เดี่ยวเราขึ้นไปนอนก่อนดีไหมคะ พรุ่งนี้หนูฟ้าค่อยมาหาคุณพ่อ ดีไหมค่ะ”
“แต่หนูฟ้าอยากกอด อยากกราบคุณพ่อวันนี้” น้ำสียงที่แสนเบาราวกับกระซิบ หนูน้อยทำได้เพียงก้มหน้ามองดอกไม้ในมือแล้วหยดน้ำใสๆก็เริ่มไหลออกมา เธอทำได้เพียงแค่กอดลูกไว้ กอดเพื่อจะปลอบประโลม
“แม่ขอโทษนะคะหนูฟ้า แม่ขอโทษหนูจริงๆ” ร่างบางได้แต่กอดลูกสาวไว้แล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา แม่ขอโทษนะคะที่ทำให้ลูกเกิดมาในครอบครัวที่ไม่อบอุ่น ต้องพบเจอแต่เรื่องไม่ดี พบเจอแต่สิ่งที่ทำให้ลูกต้องเสียใจ เธอได้แต่พูดมันในใจ เพราะสำหรับคนเป็นแม่แล้วการที่ต้องเห็นน้ำตาแห่งความเสียใจของลูก มันเหมือนเอามีดมาทิ่มแทงที่หัวใจอย่างช้าๆ
เสียงรถยนต์ที่แว่วดังเข้ามาทำให้ร่างของหนูน้อยรีบผละออกจากอ้อมกอดของคนเป็นแม่ แล้วเช็ดน้ำตาออกอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่ต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง รอยยิ้มกว้างเผยออกมาอย่างดีใจ ชั่งบีบหัวใจของคนเป็นแม่อย่างมาก
“คุณแม่คะ คุณพ่อมาแล้ว” หนูน้อยรีบวิ่งออกไปรอรับคุณพ่อหน้าบ้านอย่างรวดเร็ว
ร่างสูงของเขาคนนั้น กำลังลงจากรถเมื่อมองเห็นเธอ ใบหน้าที่แสนบึ้งตึงแสดงออกมาอย่างชัดเจน สภาพของเขาตอนนี้ไม่ต้องถามเธอก็เดามันได้ไม่ยากว่าก่อนหน้านี้เขาทำอะไรมา เสื้อผ้าที่หลุดลุ่ย รอยยับยู่ยี่ดูไม่เรียบร้อย คงหนีไม่พ้นบรรดาผู้หญิงของเขา ใช่ว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เคยเกิดขึ้น แต่ทุกครั้งที่เธอเห็นกลับไม่คุ้นชินกับมันซักที ได้แต่ข่มใจตัวเองไว้
“สวัสดีคะคุณพ่อ” หนูน้อยยกมือขึ้นไหว้คนเป็นพ่อ แต่เขากลับไม่ได้แสดงสีหน้าที่แตกต่างจากเดิม ซ้ำยังเดินเข้าไปในบ้านโดยไม่พูดกับลูกสักคำ ปล่อยให้สองแม่ลูกได้แต่มอง และเดินตามเขาเข้าไปในบ้าน
“คุณพ่อคะ วันนี้ที่โรงเรียนหนูฟ้าจัดงานวันพ่อ แต่คุณพ่อไม่ว่างไป คุณพ่อต้องทำงานเยอะแยะ หนูฟ้าเลยเอามาลัยมากราบคุณพ่อที่บ้านคะ” เขาหยุดเดิน หันกลับมามองหน้าลูกสาว พร้อมกับที่ร่างของหนูน้อยก้มลงกราบที่เท้าของเขา แล้วยื่นมาลัยไปให้ เขาได้แต่นิ่งอยู่พักหนึ่งจึงจะยื่นมือไปรับมาลัยพวงนั้นก่อนจะหันกลับแล้ว เดินขึ้นห้องไปอย่างเงียบๆ
“เดี่ยวเราขึ้นไปนอนกันดีกว่านะคะ วันนี้อยากฟันนิทานเรื่องอะไรดีเอ่ย”
“เอาเรื่องหนูน้อยหมวกแดงคะ” หนูน้อยบอกคนเป็นแม่พร้อมกับรอยยิ้ม แค่นี้เธอก็มีความสุขแล้ว แค่ได้เห็นรอยยิ้มของลูก เธอก็หายเหนื่อย เรื่องที่เสียใจก็พลอยหายไปด้วย
หลังจากกล่อมลูกสาวนอนหลับแล้ว จึงได้กลับเข้าห้องนอนใหญ่ที่เธอกับคนที่ได้ชื่อว่าสามีใช้ร่วมกัน ครั้งหนึ่งเคยเป็นห้องหอ หญิงสาวเคยคิดว่าจะได้อยู่อย่างมีความสุข แต่ทุกอย่างล้วนเป็นเพียงภาพฝัน ประตูห้องน้ำที่เปิดออกเผยให้เห็นร่างสูงที่เดินออกมาพร้อมผ้าขนหนูคลุมร่าง กายท่อนล่างเท่านั้น ท่อนบนที่เปลือยเปล่าแสดงให้เห็นกล้ามเนื้ออย่างชัดเจน ร่างสูงเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวกลับออกมาพร้อมชุดนอนก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียง นอนหลังใหญ่
“คุณธี วันนี้คุณควรจะไปร่วมงานที่ทางโรงเรียนจัดนะคะ คุณรู้ไหมหนูฟ้ารอคุณ แกได้แต่นั่งมองประตูห้องกิจกรรมตลอดจนจบงาน แกคงหวังจะได้เห็นคุณไป ถึงแม้ฉันจะบอกแกว่าคุณติดงานแล้วก็ตาม แต่ก็ยังหวังว่าจะเห็นคุณ”
“เธอมีสิทธิตำหนิฉันด้วยหรอ” เขาพูดออกมาทั้งที่ไม่หันมามองหน้าเธอแม้แต่น้อย
“ฉันรู้ตัวดีคะว่าไม่มีสิทธิ เพียงแต่อยากให้คุณคิดถึงจิตใจของลูกหน่อย ช่วยสนใจแกสักนิดนะคะ” เธอพูดออกไป แม้จะรู้ดีว่ามันคงไม่มีผล แต่อย่างน้อยเธอก็ได้พยายามทำเพื่อลูก อยากให้แกมีความสุขบ้างแม้เพียงน้อยนิดก็ยังดี
ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบ ธีธัชไม่ได้ตอบโต้อะไรออกมา หญิงสาวเองก็ไม่อาจรู้ได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ไม่นานเสียงหายใจสม่ำเสมอจากร่างสูงบ่งบอกว่าเขาได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว ร่างบางได้แต่หันไปมองแผ่หลังของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีอย่างหนักใจ คงไม่มีอะไรสามารถมาเปลี่ยนแปลงความคิดของเขาได้ถ้าหากยังเลือกที่จะไม่ ปล่อยวางทิฐิที่มี ถึงแม้จะแต่งงานอยู่ร่วมกันมาหลายปีแต่ทุกอย่างก็ไม่เคยเปลี่ยนเขายังคงเป็น คนเดิม ก่อนแต่งงานเป็นอย่างไรหลังแต่งานก็ยังเป็นอย่างนั้น เรื่องผู้หญิงที่รายล้อมเขาก็เช่นกัน ไม่มีเลยสักครั้งที่จะไม่ลำบากใจกับเรื่องนี้ เธอกลัวเพียงว่าหากลูกโตขึ้นได้รับรู้ว่าพ่อเขาเป็นคนเช่นนี้คงเสียใจไม่น้อย เสียงพลิกตัวของคนข้างตัวดึงห้วงความคิดของหญิงสาวไปจนหมด ได้แต่หันกลับไปมองเขาก่อนที่เธอจะเอื้อมมือไปปิดไฟแล้วทิ้งตัวลงนอน
นี่สินะอย่างที่ใครหลายคนกล่าวไว้เมื่อคนที่ไม่ได้ใคร่เสน่หาต่อกันต้องมาร่วมหอลงโลงเดียวกัน ความสุขความสบายใจก็ย่อมไม่เกิด เธอเองก็ไม่ได้อยากให้งานแต่งงานครั้งนี้เกิดขึ้น แต่เพราะว่าต้องรับผิดชอบต่อผลพวงที่เกิดขึ้นจากความไม่ได้ตั้งใจ ก็เหมือนต่างฝ่ายต่างต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ตนเองก่อขึ้น
ถ้าหากชีวิตคู่ที่ดำเนินอยู่ทุกวันนี้ เพียงเขาเลือกเรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจและปรับตัวเข้าหาซึ่งกันและกัน คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะมีความสุข แต่ถ้าหากฝ่ายหนึ่งพยายามแต่อีกฝ่ายกลับวิ่งหนีคงไม่เกิดประโยชน์ที่จะพยายามเพราะมันคงไม่มีวันสำเร็จผล เหมือนคำกล่าวที่ว่า ตบมือข้างเดียวไม่มีวันดัง หลายคนคงเปรียบเทียบคำกล่าวนี้กับความรัก แต่สำหรับเธอแล้วกลับเป็นสิ่งที่คอยย้ำเตือนใจตัวเองเสมอไม่ว่าจะพยายามทำดี สักแค่ไหนแต่มันก็ไม่มีวันมีค่าในสายตาคู่นั้น คู่ที่มองว่าเธอเป็นเพียงผู้หญิงแพศยา
-----------------------------------------------
สวัสดีนักอ่านทุกคน ทั้งที่อ่านแล้วเม้น และนักอ่านนิรนาม (เม้น ให้เราหน่อยนะ ไม่ต้องพิมพ์อะไรเยอะ แค่บอกว่า ต่อๆ , รอๆ , มาเร็วๆ ฯลฯ แค่ประโยคสั้นแค่นี้นักเขียนก็ดีใจแล้ว อย่างน้อยก็ได้รู้ว่ายังมีคนรออ่าน) และต้องขอบคุณนักอ่านทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆ หากนิยายเรื่องนี้มีข้อผิดพลาดประการใด นักอ่านทุกคนสามารถติชมได้เสมอ เรายินดีน้อมรับและนำมาปรับใช้เพื่อให้นิยายมีคุณภาพมากที่สุด
ปล. ทวงนิยายได้เลยได้ที่แฟนเพจเลยนะ
ดินสอสีเทา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ก.ย. 2559, 19:00:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ต.ค. 2559, 19:14:00 น.
จำนวนการเข้าชม : 958
<< Chapter 1 :: ปฐมบท :: 100% | ไร้รัก :: Chapter 1 :: 80% >> |