สามีรีเทิร์น
เขาต้องจากกับคนรักเพราะถูกกีดกันจากครอบครัวของเธอที่ชอบคนรวย และเมื่อวันที่เขามีพร้อมเขาก็กลับมาเอาคืน เอาคืนทุกอย่างรวมทั้งเมียของเขาที่ถูกใสตะกร้าล้างน้ำยกให้ผู้ชายอื่นด้วย
Tags: สามี, นิยายรัก, ลมหวน, อดีต, กลับมารักกัน

ตอน: ตอนที่ 5 >>> 100%

ตอนที่ 5 (ต่อ)

จากวันเดือน เลื่อนผ่านไปห้าปี

ร่างบางที่กำลังนั่งเหม่อลอยอย่างคนคิดหนักหันไปมองเมื่อได้ยินเสียงของบางอย่างตกลงพื้น เธอเห็นคนเป็นแม่กำลังก้มเก็บกระเป๋าเงินและรีบยัดมันกลับเข้าไปในกระเป๋าถือพลางรีบเดินออกจากบ้านด้วยท่าทีรีบเร่ง

“นั่นคุณแม่จะไปไหนคะ”

“ไปคลายเครียดน่ะ” เหตุผลเดิมๆ ที่คนเป็นแม่ใช้เป็นข้ออ้างในการออกจากบ้านทำให้มินรญาต้องลุกจากโซฟา เดินไปดักหน้าเอาไว้

“คุณแม่จะไปเล่นไพ่อีกแล้วใช่ไหมคะ”

“ก็มันเครียดนี่นา”

“ตั้งแต่เกิดเรื่องแม่สัญญาแล้วนะคะว่าจะเลิก”

“น่านิดหน่อยเอง แม่ไปละ เดี๋ยวเพื่อนๆ จะรอนาน” พูดจบนางรงรองก็เดินฉิวออกจากบ้านไม่แม้แต่จะฟังเสียงเรียกจากลูกสาว

“แม่...แม่...เฮ้อ...” มินรญาที่วันนี้ต่างจากเมื่อห้าปีก่อนทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาอย่างหมดแรง หญิงสาวกวาดมองรอบบ้านหลังใหญ่ที่วันนี้เงียบเหงาเพราะคนรับใช้ที่เคยมีสี่ห้าคนตอนนี้เหลือไว้เพียงคนเดียว แต่ดูท่าหลังจากเดือนนี้เธอจะไม่มีปัญญาจ้างเสียแล้ว

นี่สินะที่ว่าความแน่นอนคือความไม่แน่นอน...เธอที่เคยมีร่ำรวยมาตอนนี้แทบจะไม่เหลืออะไรแล้ว บ้านกับตลาดก็ติดจำนอง ต้นเหตุก็มาจากมารดาที่ติดการพนัน และนับวันยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่ก่อนมีเสี่ยนิติที่เป็นเจ้าของบ่อนคอยให้เงินไปละลายในบ่อน แต่นั่นมันก็เหมือนอัฐยายซื้อขนมยาย แต่เมื่อเสี่ยนิติโดนตำรวจจับหลังจากแต่งงานกับมินรญาได้ไม่กี่วัน วงในว่าโดนเพื่อนสนิทหักหลัง นางรงรองที่ติดการพนันอย่างหนักก็ต้องเอาเงินของตัวเองไปเล่น การพนันยิ่งเล่นก็ยิ่งจม เงินทองที่เคยมีมากมายก็ค่อยๆ ร่อยหรอลง หนักๆ เข้าก็ไปติดหนี้บ่อนสะสมมากจนต้องขายทรัพย์สินบางส่วนเพื่อไปใช้หนี้ จนตอนนี้ในบ้านแทบไม่มีอะไรเหลือแล้ว

เมื่อเดือนก่อนนางรงรองก็เพิ่งโดนตำรวจจับ มินรญาไปประกันตัวออกมาพร้อมกับขอร้องให้คนเป็นแม่เลิกเล่น ตอนนั้นนางสัญญาเสียดิบดีเพราะยังกลัวกับการโดนจับ แต่พอเวลาผ่านไปความกลัวนั้นเหือดหายนางรงรองก็กลับไปเล่นอีกเช่นเดิม มันคือโรคร้ายที่เสี่ยนิติทิ้งไว้ชัดๆ

มินรญาถอนหายใจอย่างปลงไม่ตก พลางยกมือขึ้นมาลูบคลึงจี้สร้อยคออย่างเคยชินเมื่อมีเรื่องไม่สบายใจ ก่อนจะก้มมองแล้วยิ้มเศร้าๆ ป่านนี้คนที่ให้แหวนวงนี้กับเธอจะเป็นอย่างไรบ้างนะ



เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย

“ไม่ให้แม่ไปส่งที่เมืองไทยจริงๆ เหรอลูก” นางจินตนาที่กำลังจัดเก็บของใช้ส่วนตัวลงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ถามบุตรชายที่นั่งอ่านหนังสืออยู่

“ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวคุณพ่อบ่น” คุณพ่อที่คูเปอร์เอ่ยถึงคือไลรีย์ อิวานอฟคนเป็นพ่อเลี้ยง ที่ได้แต่งงานกับแม่ของเขาเมื่อห้าปีก่อน “ถ้าแม่อยากไปก็ชวนคุณพ่อตามไปแล้วกันนะครับ”

“จ้ะ แม่จะลองคุยกับคุณพ่อดู จากเมืองไทยมานานแล้วอยากกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดเมืองนอนแล้วเหมือนกัน อยากไปหาป้าจาบแกหน่อย ทุกอย่างคงเปลี่ยนไปเยอะเนาะ”

“ครับ ทุกอย่างคงเปลี่ยนไปแล้ว” คูเปอร์บอกเสียงแผ่วเบา ยิ้มเศร้าๆ แล้วก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ

นางจินตนาที่รู้จักลูกชายดี เงยหน้ามองแล้วได้แต่ถอนหายใจ แม้จะผ่านมานานหลายปี แต่นางรู้ว่าคูเปอร์ยังลืมรักครั้งนั้นไม่ได้

“นั่นสินานไปคนเราก็แก่ตัวไปเรื่อย แล้วนี่ไม่คิดจะแต่งงานแต่งการมีหลานให้แม่เลี้ยงสักคนเลยหรือไง...นางแบบคนล่าสุดที่เราควงแม่ว่าก็โออยู่นะ” นางจินตนาชวนคุยติดตลก

“ไม่ๆ ครับ ผมยังไม่พร้อม” คูเปอร์รีบปฏิเสธ

“เมือไหร่จะพร้อมล่ะ แม่อยากอุ้มหลานแล้วนะ” นางจินตนาบ่นอิดออด “จะทำตัวเจ้าชู้ ควงคนนั้นทีคนนี้ไปถึงเมื่อไหร่”

“ก็จนกว่าจะรู้สึกว่าพอนั่นแหละครับ”

“แล้วเมื่อไหร่ล่ะ” นางจินตนาเริ่มเสียงเข้ม

“ผมเพิ่งอายุสามสิบนิดๆ เองนะครับจะรีบไปไหน ผมออกไปหาคุณพ่อดีกว่า” ว่าแล้วคูเปอร์ก็ลุกขึ้นเดินออกจากบ้านเพื่อเลี่ยงการสนทนาที่พักนี้คนเป็นแม่เริ่มบ่นเรื่องอยากให้เขาแต่งงานมีครอบครัวถี่ขึ้นเรื่อยๆ

ซึ่งตอนนี้เขาเองก็อย่างที่บอก ยังไม่พร้อมและไม่รู้จะพร้อมเมื่อไหร่ ในเมื่อใจมันไม่รู้สึกรักผู้หญิงคนไหนได้เลย



ใช่ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว จากที่เคยอยู่บ้านสุขสบายงานบ้านปัดกวาดเช็ดถูไม่เคยได้ทำ แต่พอทุกอย่างเปลี่ยนไป ในวันหยุดมินรญาต้องกวาดบ้านซักผ้า ทำงานบ้านเองทั้งหมด ช่วงสายๆ เธอถึงจะออกไปตลาดเพื่อเก็บค่าเช่าแผงที่ตอนนี้ถือเป็นรายได้หลักของครอบครัว ถึงแม้จะเยอะพอสมควร แต่มันก็ยังไม่พอให้คนเป็นแม่ได้ถลุง

“แม่คะดูให้หน่อยค่ะว่ามีใครมา” มินรญาที่กำลังตากผ้าตะโกนบอกมารดาที่อยู่ในบ้าน ซึ่งนางรงรองที่เหมือนเฝ้ารอการมาของใครสักคนอยู่ก่อนแล้วรีบกุลีกุจอลุกขึ้นเดินไปดูหน้าบ้าน และเมื่อรู้ว่าเป็นใครนางก็รีบเดินเปิดประตูต้อนรับ เพื่อพาแขกเข้าไปนั่งในบ้าน

"น้ำคะ ไม่คิดว่าคุณวีระจะมาเช้าขนาดนี้” นางถามด้วยน้ำเสียงฉอเลาะยิ้มแย้มแจ่มใส

“ขอบคุณครับ” นายวีระตอบรับพลางกวาดสายตามองหาเป้าหมายที่ทำให้ตนเดินทางมาที่บ้านหลังนี้แต่เช้า และปฏิกิริยานั้นก็สร้างความพอใจให้กับนางรงรองยิ่ง

“ยัยมิ้นอยู่หลังบ้านแน่ะคะ เดี๋ยวฉันไปตามให้นะคะ” ว่าแล้วนางก็รีบเดินไปที่หลังบ้าน และเมื่อไปถึงนางก็ดึงผ้าในมือของลูกสาวที่กำลังตากทิ้งลงตะกร้า

“ผ้าเอาไวก่อนตอนนี้แม่มีคนที่อยากให้ลูกพบ”

“รอก่อนได้ไหมคะ เหลือแค่ไม่กี่ตัวเอง”

“ไม่ได้ คุณวีระอุตส่าห์มาแต่เช้า”

เมื่อได้ยืนชื่อที่ไม่คุ้นหูทำให้มินรญาถอนหายใจหยิบผ้าในตะกร้ามาตากต่อ “แม่กำลังจะจับมิ้นใส่พานยกให้ผู้ชายอีกแล้วใช่ไหมคะ”

“พูดอะไรน่าเกลียด การที่แม่หวังดีอยากหาผัวดีๆ มีฐานะ ให้ลูกนี่มันผิดมากหรือไงห๊ะ...”

“มิ้นยังไม่อยากมีใคร ตอนนี้มิ้นทำงานมีความสุขดีอยู่แล้ว ถ้าอยากจะให้มิ้นสบาย ขอแค่แม่เลิกเล่นการพนันอยู่กันตามประสาแม่ลูกแค่นี้มิ้นก็พอใจแล้วละคะ”

“สุขสบายเหรอ ทุกวันนี้แกต้องออกไปทำงานนอกบ้านงกๆ วันหยุดก็ทำงานบ้านตากผ้าล้างจานทำเองทุกอย่าง แม่บอกเลยว่ารับไม่ได้ ทุกวันนี้ก็อายคนแทบแย่ แกหาผัวรวยๆ สักคนชีวิตเดิมๆ เราก็จะกลับมา เชื่อแม่”

“ไม่ค่ะ แม่กลับไปบอกคุณวีระอะไรนั่นให้กลับไปเถอะค่ะ มิ้นมีงานที่จะต้องทำอีกเยอะแยะไม่มีเวลาไปคุยกับเขาหรอก”

“นี่แกจะหักหน้าแม่หรือไง...คนนั้นก็ไม่ดีคนนี้ก็ไม่เอา อย่าให้รู้นะว่าแอบไปคบกับผู้ชายในที่ทำงาน ชอบนักไอ้พวกไม่มีจะกิน”

“แม่คะ แม่เลิกดูถูกคนนั้นคนนี้เสียทีได้ไหมคะ บางคนถึงเขาเงินเดือนจะไม่มากมายแต่เขาก็ไม่ได้เป็นหนี้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดเหมือนเรา ทุกวันนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วนะคะ ครอบครัวเราไม่เหมือนเดิม ถ้าโดนคนอื่นดูถูกย้อนกลับมาบ้างมันเจ็บนะคะ” พูดจบมินรญาก็ถือตะกร้าเดินเข้าบ้าน

“ไปอาบน้ำอาบท่าแล้วลงมาพบคุณวีระนะ” นางรงรองตะโกนตามหลัง แต่มินรญาก็ไม่ได้คิดจะหันกลับมาตอบรับหรือปฏิเสธ

แต่มันก็เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้สุดท้ายก่อนออกไปตลาดเธอก็ได้มานั่งพูดคุยกับนายวีระตามความต้องการของคนเป็นแม่ แต่ก็ไม่นานเธอก็ขอตัวด้วยเหตุผลว่ามีธุระที่ต้องไปทำต่อ แม้อีกฝ่ายจะอาสาพาไปแต่เธอก็ปฏิเสธ แล้วรีบออกจากบ้านตรงไปตลาดเพื่อเก็บค่าเช่าแผง

“ขอบคุณค่ะ” มินรญาเอ่ยขอบคุณกับแม่ค้าเช่าแผงที่ตอนนี้เปลี่ยนหน้าเกือบทุกเจ้าแล้ว บางแผงตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นเช่นแผงของป้าจาบ

“ป้าจาบสบายดีนะคะ”

“สบายดีค่ะ แต่ให้อยู่บ้านเฉยๆ ก็บ่นไม่มีอะไรทำ” อีกฝ่ายตอบเสียงกลั้วหัวเราะพลางยื่นเงินค่าเช่าแผงให้มินรญา

“คนแก่ก็แบบนี้แหละค่ะ” มินรญาตอบกลับยิ้มๆ ก่อนจะเดินมาหยุดหน้าแผงขายผักที่มากี่ครั้งเธอก็ยังรู้สึกคิดถึงระคนเจ็บปวด มือบางยื่นไปลูบที่แผงเบาๆ อย่างลืมตัวทุกครั้ง ภาพในอดีตที่เคยมีความสุขหลังไหลเข้ามาในหัวจนเธอเผลอยิ้มออกมา

“คุณมิ้นคะ...คุณมิ้น...คุณมิ้น!” หญิงสาวถึงกับสะดุ้งสุดตัว ดึงมือกลับแล้วหันไปกะพริบตาปริบๆ มองป้าเจ้าของแผง “คะป้า”

“ค่าแผงจ้ะ”

“อ๋อ...ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มรับแหยๆ แล้วรีบเดินไปที่แผงอื่น

“เป็นอะไรวะ ทำไมคุณมิ้นชอบมายืนเหมอหน้าแผงของข้าจังวะ บางทีก็ทำหน้ายิ้มบางทีก็ทำหน้าเศร้า หรือเจ้าทีแรง” ป้าเจ้าของแผงชวนหญิงรุ่นหลานแผงข้างๆ คุยอย่างสงสัย

“ไม่หรอกป้า ตอนฉันมาช่วยป้าจาบขายของใหม่ๆ ได้ยินเขาพูดกันว่า คุณมิ้นน่ะเคยชอบพอกับลูกชายเจ้าของแผงนี้น่ะ แต่สุดท้ายก็ผิดหวังเพราะคุณนายรงรองกีดกันถึงขั้นไล่อีกฝ่ายออกจากห้องเช่าและไม่ให้ขายของต่อเลยนะ”

“มิน่าละ รักต่างชนชั้นสินะ คนรวยก็งี้แหละ”

“รวยเหรอ เดี๋ยวนี้ได้ยินว่ามีแค่เปลือกแล้วนะป้า” หญิงสาวพูดโน้มหน้ามากระซิบอย่างกลัวใครจะมาได้ยิน

“จริงเหรอ” คนที่เพิ่งรู้ทำตาโตหูผึ่ง

“จริงสิป้า ฉันได้ยินเขาลือกันน่ะ ตอนนี้คุณนายรงรองแทบเหลือแต่ตัวแล้วนะ ทั้งบ้านทั้งตลาดก็ติดจำนอง คุณมิ้นที่เคยอยู่สุขสบายยังต้องออกไปหางานทำ มีผัวไม่กี่วันผัวก็โดนจับข้อหาค้ายา แต่ก็น่าแปลกนะที่ยังไม่มีผัวใหม่จนถึงตอนนี้”

“แม่หม้ายเหรอ ยังสาวยังแส้แท้ๆ ชีวิตไม่แน่ไม่นอนจริงๆ เร็วๆ นี้คุณนายรงรองคงได้รู้รสชาติของความจน”

“ไม่แน่หรอก แกอาจกำลังหาผู้ชายรวยๆ ให้ลูกสาวแก เพื่อมากู้ฐานะอยู่ก็ได้นะ”

“คงงั้นแหละ แต่คนแบบนี้อยากให้จนดูสักครั้งจริงๆ” อีกฝ่ายพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนจะยุติการสนทนาเมื่อมีลูกค้ามาเลือกซื้อของ โดยไม่รู้เลยว่าคนที่พวกเขานินทานั้นยืนหลบฟังอยู่ไม่ไกล ก่อนเธอจะยิ้มเนื่อยๆ แล้วพึมพำว่า

“นั่นสินะ ถ้าแม่ลองมาอยู่ในจุดที่พี่คู้ปและแม่เคยอยู่แม่จะสำนึกในสิ่งที่เคยทำไหมนะ”



หลังจากมาถึงเมืองไทยได้เพียงหนึ่งวัน ในวันรุ่งขึ้นคูเปอร์ก็เข้าบริษัทแต่เช้า เขาหมกตัวอยู่ที่นั่นจนเย็นจึงกลับห้อง แต่ระหว่างทางกลับนั้นชายหนุ่มกลับรู้สึกอยากไปดูทีเดิมที่เคยจากมา ไม่ใช่ต้องใช้คำว่าโดนไล่น่าถูกต้องกว่า

คิดมาถึงตอนนี้คูเปอร์ได้แต่ยิ้มเยาะ ความเจ็บปวดเมื่อห้าปีนั้นยังฝังลึกลงในความรู้สึก เขาไม่เคยลืมและไม่เคยคิดจะลืมว่า...

เขาต้องระเหเร่ร่อนเพราะใคร

เขาต้องเสียคนรักเพราะใคร

คูเปอร์เคลื่อนรถมาจอดหน้าตลาด เขาถอดเนคไทและสูทเอาไว้ในรถ คลายกระดุมและพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นแล้วลงจากรถเดินเข้าไปข้างในพร้อมกับกวาดสายตาสำรวจ

ภายในตลาดไม่เปลี่ยนไปเท่าไหร่แต่ที่เปลี่ยนคือหน้าตาแม่ค้า เขาไม่คุ้นสักคน ตอนแรกเขากะว่าจะเดินดูเฉยๆ พอมาถึงแผงขายผักที่เคยเป็นของป้าจาบ เขาก็อดที่จะเดินเข้าไปดูผักและชวนแม่ค้าคุยไม่ได้

“มาขายที่นี่นานหรือยังครับ”

“ก็นานแล้วค่ะ พอดีมาขายแทนป้าสามีนะคะ”

คูเปอร์เลิกคิ้วแล้วถามต่อ “ป้าสามีที่ว่า ใช่ป้าจาบหรือเปล่าครับ”

“ค่ะ คุณรู้จักแกด้วยเหรอคะ”

“ครับ” ชายหนุ่มตอบพลางเปิดยิ้ม เล่นเอาแม่ค้าใจสั่นตาพร่า “ทำไมแกไม่เคยบอกนะว่ารู้จักคนหล่อขนาดนี้กันนะ”

“อ๋อ ผมเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศนะครับ ยังไงฝากความคิดถึงแกด้วยนะครับ” คูเปอร์ตอบเสียงกลั้วหัวเราะ พลางเลือกดูผักที่พอจะอุดหนุนคนกันเองได้

“ได้ค่ะ” แก้วตอบรับเสียงแข็งขัน

“ผมเอานี่ครับ” ชายหนุ่มยืนผักที่จะซื้อให้แม่ค้าใส่ถูกให้ห้ากำ

“คนกันเองเดี๋ยวฉันแถมให้อีกอย่างละกัน”

“ขอบคุณครับ นี่เงินครับไม่ต้องทอนนะครับ”

“อุ๊ย ขอบคุณมากค่ะ หล่อแถมยังใจดีอีกนะคะเนี่ย แล้วมาอุดหนุนอีกนะคะ”

“ครับ” คูเปอร์ยิ้มแล้วหันไปมองแผงขายผักแผงข้างๆ เล็กน้อย ภาพเด็กหนุ่มที่รับจ้างเข็นผักและมาช่วยคนเป็นแม่ขายผักผุดขึ้นมาในหัว แม้จะลำบากไปบ้างแต่มันก็คือช่วงเวลาแห่งความสุขที่สุดช่วงหนึ่ง จนมีคนมาทำลายมัน

คูเปอร์กัดกรามแน่น นึกถึงวันที่ตัวเองและมารดาโดนดูถูก อยากรู้เสียแล้วสิว่าถ้าคุณนายรงรองมาเจอเขาในตอนนี้จะมีท่าทีรังเกียจอย่างในอดีตหรือเปล่า

“นี่ๆ นังแก้วมีข่าวล่ามาแรงจะบอก”

“เรื่องอะไรเหรอป้า”

“เรื่องคุณนายรงรองน่ะสิ”

ชื่อของนางรงรองทำให้คูเปอร์ที่กำลังจะเดินออกจากตรงนั้นหยุดยื่นฟังอย่างตั้งใจ และเพื่อไม่ให้เป็นที่จับตาเขาเลยแสร้งทำเป็นไปเลือกผักแผงที่ตนและมารดาเคยเช่าขาย

“แม่ค้าแผงโน้นนะบอกว่าไปเจอคุณนายกำลังโดนเจ้าหนี้ตามทวงเงินค่าพนันที่ค้างไว้ที่บ่อนไม่ยอมจ่าย เห็นว่าเงินหลายล้านอยู่นะ” นางจีบปากจีบคอเล่าอย่างสนุกปาก

“ฉันว่าคราวนี้คงหนีไม่พ้นได้ขายบ้านขายตลาดเป็นแน่”

“ขายจะเหลือมาใช้หนี้เท่าไหร่กันเชียว อย่าลืมนะว่าทั้งบ้านทั้งตลาดติดจำนองอยู่ด้วย”

ฟังแค่นั้นคูเปอร์ที่พอจะจับต้นชนปลายเรื่องราวของคุณนายรงรองได้พอลางๆ ก็เดินผละออกมา

นี่มันเกิดอะไรขึ้น คนที่เรียกได้ว่ารวยแถมมีลูกเขยรวยล้นฟ้าถึงต้องมาตกอยู่ในสถานะติดหนี้จนต้องขายสมบัติกิน

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณทุกคอมเม้นและทุกการติดตามนะคะ ^_^



เกศมณี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ก.ย. 2559, 16:19:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ก.ย. 2559, 16:19:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 1011





<< ตอนที่ 5 >>> 50%   ตอนที่ 6 >>> 50% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account