เล่ห์แฝงรัก
เจ็ดปีก่อน ความเกลียดได้ก่อตัวขึ้นบนฐานความสัมพันธ์อันง่อนแง่นที่เรียกกันว่า ‘รัก’
วริษาเคยมีชีวิตที่สดใส เธอเคยคิดว่าตัวเองเข้มแข็งพอแล้วสำหรับเรื่องร้ายๆ แต่แล้วเธอก็กลับพบว่า สิ่งที่เธอคิดนั้นผิดมาตลอด ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปนับตั้งแต่ได้เจอกับเขา
“ฉันเชื่อไม่ลง”
ชิษณุพงษ์หลับตาลง “ความเชื่อใจของฝนที่มีให้พี่ มันคงหมดไปแล้วใช่ไหม”
วริษานิ่งไป “ใช่” พูดจบเธอก็ก้าวออกจากห้องนั้นมา
วริษาไม่หันกลับไปมองข้างหลังอีกว่าชิษณุพงษ์มีสีหน้าเช่นไร เธอไม่ต้องการที่จะเสี่ยง ไม่ว่าที่เขาบอกมาจะเป็นความจริงหรือไม่ก็ตาม
เรื่องมันผ่านมาแล้ว และจบไปแล้ว

ชิษณุพงษ์เคยเจ็บปวดเพราะความรัก เคยถูกทำร้ายด้วยความรัก และเขาเลิกศรัทธาในความรัก จนความรักแสนเกลียดได้ย้อนกลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้ง เธอคือใครคนนั้น คนที่เขาไม่เคยคิดว่าจะรัก
“ก็ดีน่ะนะที่ฝนพูดออกมาชัดเจน... แต่ว่า--” ไม่ทันให้ได้ตั้งตัว ชิษณุพงษ์ก้มลงมาจนชิด ลมหายใจของเขาเป่ารดผิวแก้มของเธอ ต้นแขนกลมกลึงถูกจับยึดไว้มั่น และมันแน่นจนวริษาเจ็บ เธอนิ่วหน้าแต่ไม่ปริปากอุทธรณ์ “อย่าลืมซะล่ะ ว่าระหว่างนี้ฝนยังใช้นามสกุลของพี่อยู่... ถ้าขืนฝนทำอะไรให้พี่โกรธคงจำได้นะ ว่าสัญญานั่นจะมีผลทันที ลูกต้องอยู่กับพี่และฝนจะไม่ได้เจอกับลูกอีกเลย” พูดจบเขาก็ปล่อยมือ ก่อนเปลี่ยนเป็นรั้งเธอให้เข้าไปชิดกับเขาทั้งตัว นัยน์ตากลมโตเบิกกว้าง วริษาหลุดอุทาน “หน้าที่ของเมีย ฝนอย่าลืมว่ามันหมายความรวมถึงทั้งหมดที่เมียที่ดีควรทำต่อคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี!”

และเจ็ดปีต่อมา สายสัมพันธ์อันเปราะบางนั้น ก็ดึงให้เธอกับเขามาเจอกัน
Tags: ครอบครัว,พ่อแม่ลูก,ซึ้ง,โรแมนติก

ตอน: บทนำ




ความทรงจำนั้นไม่เคยเลือนหาย... ฉันจำได้ไม่เคยลืม

“ฝน... พี่รักฝนนะ” เสียงแหบพร่าพร่ำบอกอยู่แนบริมหูเพราะความปรารถนา ยามเรือนกายของเราสองแนบชิดบดเบียดราวกับจะหลอมรวมเป็นหนึ่ง ความร้อนผะผ่าวลามเลียมกัดกินภายในกาย เพิ่มความอบอุ่นให้เรือนร่างทั้งๆ ที่เราเพิ่งเพิ่งฝ่าสายฝนเย็นเฉียบๆ มาหมาดๆ

ลมหายใจเขาร้อนผ่าว

ลมหายใจฉันสะดุด

สัมผัสของเขาที่แตะต้องราวกับก้อนถ่านแดงอังไฟนาบลงกับผิว

ฉันหอบหายใจหนักราวเพิ่งผ่านการวิ่งมาหมาดๆ ยามเงยหน้าขึ้นมองสบกับนัยน์ตาคู่คมยาวเรียวของเขา ซึ่งเห็นเป็นประกายแม้ในยามมืดสลัวเช่นนี้ ตัวฉันสะท้านเมื่อเขารุกเร้าหนักขึ้น มือใหญ่แข็งแรงที่แตะต้องฉันอย่างทะนุถนอมเริ่มลูบผ่านเสื้อผ้าชุดนักศึกษาที่เปียกฝนแนบเนื้อของฉัน และมันก็ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจ

“ฝน... นะ” คำกระซิบอ้อนวอนของเขามาพร้อมกับชายกระโปรงฉันที่ถูกรั้งให้ขึ้นสูง และต้องสะดุ้งกับความร้อนวาบของฝ่ามือเขา

สำนึกถึงความควรไม่ควรจวนเจียนขาดรั้งสติที่น้อยนิดของฉันไว้

“อย่า”

ทว่า... ใครจะรู้ เสียงห้ามนั้นช่างแผ่วเบาหนักหนา ฉันไม่รู้ตัวเลยว่ามือของฉันทั้งสองข้างที่วางทาบกับอกกว้างนั้น สิ้นไร้แล้วซึ่งเรี่ยวแรงผลักดัน แม้จะรู้สึกตัว แม้จะรู้ดีว่าเสื้อที่สวมอยู่กำลังหลุดหล่นออกจากร่าง แต่ฉันก็จนปัญญาที่จะดิ้นหนี

อารมณ์วาบหวามครอบงำฉันแทบจะสมบูรณ์แล้ว

สติเฮือกสุดท้ายดึงฉันให้ต้านทาน เมื่อเขาแนบริมฝีปากร้อนๆ ทาบลงเนื้อเหนือเนินอก และฝ่ามือเขารุกรานไปถึงไหนๆ ฉันผลักไสเขา ดิ้นรนหนีอารมณ์เบื้องต่ำที่ไม่เคยพานพบ แต่... มันไม่เป็นผล

เขาเป็นคนรักของฉัน คนที่ฉันคิดว่าเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาว และตอนนี้เขาก็แปลงร่างเป็นซาตานผู้หิวโหย

ครอบงำ ดื่มกิน และตักตวงซึ่งทุกสิ่งที่ฉันมี

แล้วความเปล่าเปลือยก็เข้าสัมผัสฉัน จากสะดุ้งฉันสะท้านไปทั้งตัวในเงามืด แสงเพียงเล็กน้อยส่องให้เห็นเงาลางเลือนสะท้อนในกระจก ฉันเปลือยเปล่า ร่างของฉันขาวโพลนในความอนธการ

“ฝน”

เสียงเรียกของเขาดึงฉันให้หายตื่นตะลึง เรามองสบตากัน ใบหน้าของเขาถูกเงามืดครอบงำ และฉันก็เอื้อมมือไปสัมผัส

ใคร่หรือ

รักหรือ

ปรารถนาหรือ

ฉันเจอมันในแววตาเขา และฉันก็หลุดจากการควบคุมตัวเอง มันเหมือนดั่งต้องมนต์ ฉันหลงลืมทุกสิ่งไป และปรารถนาเพียงความอบอุ่นจากร่างกำยำล่ำสันซึ่งแนบชิดอยู่ในขณะนี้

ฉันไม่ปฏิเสธ ไม่ผลักไสหรือวิ่งหนีเขาอีกต่อไปแม้ว่าจะถูกช้อนขึ้นอุ้ม อกกว้างอบอุ่นคือที่ที่ฉันซุกหน้าแนบ และตระหนักรู้ว่ามันร้อนเร่าราวกับเตาหลอมที่พร้อมจะละลายฉันในทันใดที่ฉันตัดสินใจกระโจนลงไป

ฉันพร้อมยอมรับทุกสิ่ง ฉันโอบกอดเขาไว้ แม้เมื่อแผ่นหลังได้แตะลงกับที่นอนแสนนุ่ม ซึ่งเหมือนหลุมทรายดูดกักฉันทั้งตัว

“พี่รักฝน”

สามคำ เพียงสามคำ ฉันยิ้มรับคำหวานป้อยอชิดริมหู และปล่อยให้สัมผัสร้อนรุ่มป่ะป่ายไปทั่วเนื้อตัว ฉันประคองแก้มสากไว้ในมือยามเมื่อเขาเกาะกอดแสดงซึ่งความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของฉัน

เรามองสบตากันในความมืดอีกครั้ง ในดวงตานั้นเปล่งประกายวาววับ ฉันมองสบ ไล้มือสำรวจทั่วใบหน้าซึ่งซ่อนไว้ในเงามัว

ฉันรักเขา รักอย่างที่สุด เขาคือรักแรกและรักสุดท้ายของฉัน

ความรักหอมหวาน เขาคือเจ้าชายและฉันคือเจ้าหญิง นี่จะเป็นดั่งตอนจบในนิทาน เราจะครองรักกันตราบชั่วนิจนิรันดร

“พี่รักฝนและเราจะมีอนาคตร่วมกัน”

คำมั่นของเขาคือหลักฐานชั้นดี ฉันยิ้ม น้ำตาคลอ แตะจุมพิตลงบนริมฝีปากหยักสวยได้รูปนั้น และฉันไม่ลังเลอีกต่อไปที่จะมอบตัวให้กับคนที่หวังฝากชีวิตไว้ ดังนั้นฉันจึงโอบกอดเขาไว้แน่นในวงแขน เมื่อเราเชื่อมหัวใจไว้เป็นดวงเดียวกัน เขาโอบรัดราวกับกลัวฉันหลุดหาย และเราสบตากันเมื่อหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว

จากนี้ไป เราสองคนจะครองรักกันตลอดไป...

มันควรจะจบลงตรงนั้น แต่ฉันก็เพิ่งรู้... ว่ามันไม่ใช่ เพราะแท้ที่จริงนี่ก็เป็นเพียงแค่บทเริ่มต้นของละครชีวิตของฉัน... ก็เท่านั้น



ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 ก.ย. 2559, 13:19:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 ก.ย. 2559, 13:19:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 1615





   บทที่ ๑ >>
ดังปัณณ์ 29 ก.ย. 2559, 13:28:20 น.
สวัสดีค่า หายหน้าหายตาไปนานจำหนอนได้ป่าวววววววว วันนี้กลับมาพร้อมนิยายเก่าแต่รีไรต์ใหม่ค่า

เรื่องนี้เปิดให้โหลดทาง E-BOOK แล้วนะงับ https://goo.gl/g2pcqS

และ

แจ้งข่าว
นิยายเรื่องนี้เดิมชื่อ รอยร้าวในหัวใจ ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์มธุรดาในรูปแบบ E-BOOK ภายใต้นามปากกาฟ้าสวย และ สนพ. ก็ขาดการติดต่อกับหนอนน้อยไปหลังจากครึ่งปีแรกค่ะ
แม้จะพยายามทวงถามถึงข้อตกลงและค่าตอบแทนที่ควรจะได้ซึ่งเคยตกลงกันไว้ตามสัญญาแต่ก็เงียบหาย สุดท้ายหนอนน้อยจึงตัดสินใจขอยกเลิกสัญญาผ่านทาง E-Mail เพราะไม่สามารถติดต่อ สนพ.ได้เลยนอกจากทางนี้ (โทรศัพท์ไม่มีผลใดๆ ในการณ์นี้ค่ะ TT TT) ซึ่งก็แน่นอนว่าไม่ได้รับการตอบกลับเช่นกัน ฉะนั้นเมื่อหนอนน้อยได้แจ้งไปแล้ว และไม่มีการตอบกลับ หนอนน้อยจึงถือว่านี่คือการตอบรับการยกเลิกสัญญา
ดังนั้นหนอนน้อยจึงได้นำนิยายเรื่องนี้มาทำใหม่ในนามของ ร้อย:เรียง:เพียง:คำ และเปลี่ยนชื่อนิยายเป็น เล่ห์แฝงรัก
ถึงอย่างไรขอฝากให้ติดตามนิยายเรื่องนี้กันด้วยนะคะ
ขอกำลังใจให้หนอนน้อยหน่อยเน้อ >/////< รักเค้าน้อยๆ แต่ขอให้รักเค้านานๆ น้า

ฝากพี่ณุกับหนูฝนด้วยนะค้า


Zephyr 20 ต.ค. 2559, 13:20:04 น.
แง่ว อัพกี่เรื่องกะอ่านค่า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account