รหัสรัก...รหัสหัวใจ
อิงลดา หญิงสาวที่เพิ่งอกหักหมาดๆ ได้รับของขวัญประหลาดเป็นชายหนุ่มรูปงาม ดวงตาสีฟ้า มีชื่อเล่นแปลว่าน้ำแข็ง เขาบอกตัวตัวเองเป็นของขวัญ แต่สำหรับเธอ คิดว่าเขาเป็นหุ่นยนต์ในคราบปีศาจร้ายที่เข้ามาวุ่นวายในชีวิตมากกว่า เพราะเพียงเริ่มได้รู้จักกัน ชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปแบบที่เจ้าตัวไม่เคยคิดมาก่อน
Tags: สิรินดา, รหัสรักรหัสหัวใจ, นิยายรัก
ตอน: 12 : การตัดสินใจ
วันรุ่งขึ้น ฉันติดรถของไอแซคไปที่มหาวิทยาลัยอีกเหมือนเดิม แต่แทนที่จะนั่งอยู่ในห้องแลป ฉันขอเดินไปห้องสมุดแทน ปล่อยให้สามหนุ่มทำงานกันอย่างเงียบๆ โดยไม่ต้องเกร็งว่ามีฉันอยู่ด้วย เมื่อรู้ว่าตัวเองจะได้กลับไปยังโลกที่จากมาในเร็วๆ นี้ ความรู้สึกว่าควรจะทำความรู้จักกับโลกที่กำลังอยู่ให้มากอีกสักนิดก่อนไป ก็เข้ามาแทนที่
ในเมื่ออยู่เฉยๆ เราก็ไม่มีอะไรทำ สู้ออกไปเก็บเกี่ยวสิ่งที่แทบจะไม่มีใครในโลกยุคของฉันได้พบเจอ น่าจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด
ก่อนเป็นแฟนกับเอกวัตร ฉันเป็นคนที่บ้าการอ่านหนังสือ และชอบสะสมหนังสือมาก แต่แฟนของฉันเป็นคนที่ชอบการสังสรรค์ เขาไม่มีเวลาสำหรับการนั่งนิ่งๆ เพื่อเก็บเกี่ยวเรื่องราวในตัวอักษรเป็นวันๆ แบบที่ฉันเคยทำ อย่างมาก ก็อ่านบทความเล็กๆ น้อยๆ ในคอมพิวเตอร์ เท่านั้น
มันจึงเป็นโอกาสที่เหมาะ ที่จะกลับไปหาหนังสืออีกครั้ง นาธานบอกฉันว่า ห้องสมุดที่นี่มีหนังสือทั้งเก่าเป็นร้อยๆ ปี และหนังสือใหม่ มันถูกเก็บไว้ในรูปอิเล็กทรอนิกส์ แต่หน้าตาเหมือนหนังสือในแต่ละยุคทุกอย่าง
“ฉันไปส่งคุณอิงให้เองนะ” นาธานบอกเพื่อน เพราะรู้ว่าส่วนที่ไอแซคกำลังแก้ไขกำลังงวดเข้ามาทุกที
“อาคารห้องสมุด เพิ่งสร้างใหม่ไม่กี่ปีนี่เองครับ” ชายหนุ่มร่างอ้วนบอกฉันระหว่างที่เราเดินไปด้วยกัน “หน้าตาภายนอกมันเหมือนอาคารทั่วไป แต่ที่นั่น ระบบทันสมัย และเป็นโลกแห่งการเรียนรู้อย่างแท้จริง ผมเชื่อว่า ถ้าคุณชอบหนังสือ คุณจะอยู่ที่นั่นได้เป็นวัน เหมือนเจ้าไอแซค”
ฉันเลิกคิ้ว “เขาชอบหนังสือ”
“ครับ มันชอบอ่าน อ่านทุกอย่าง”
เจ้าหุ่นที่พยายามเลียนแบบคน ฉันคิด แต่ก็ไม่พูดออกมา
นาธานใช้บัตรของเขาในการนำฉันเข้าห้องสมุด เขาเดินไปแนะนำมุมต่างๆ คร่าวๆ แล้วก็ทิ้งบัตรสมาชิกไว้ให้เผื่อจะต้องการยืมหนังสือกลับมาอ่านที่บ้าน
“เล่มที่คุณยืม จะส่งเข้าในไอบุ๊กของผม หรือถ้าคุณอยากอ่านแบบที่หน้าตาเหมือนหนังสือจริงๆ ก็สามารถหอบหนังสือพวกนี้กลับบ้านได้” เขากล่าวเสริมก่อนจากไป
อาคารห้องสมุดเป็นอาคารเตี้ยๆ เพียงสามชั้น จัดเป็นโถงโล่งตรงกลางสำหรับโต๊ะอ่านหนังสือ และทำงาน มันไม่มีกลิ่นอับ เพราะหนังสือทุกเล่ม เป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์คล้ายๆ กับแคตตาล็อกหนังที่ไอแซคให้ฉันเปิดดูเมื่อวาน ภายในอาคารมีมุมเครื่องดื่มอยู่ที่ชั้นหนึ่ง สำหรับชั้นสาม มันเป็นมุมประวัติศาสตร์ หลังจากสำรวจคร่าวๆ ฉันก็เปลี่ยนใจลงมาที่ชั้นสองเพื่อหาหนังสือนวนิยายที่สมัยใหม่กว่านั้นมาอ่าน
เวลาผ่านไปรวดเร็ว...เกือบสองชั่วโมง จู่ๆ ฉันก็ได้ยินเสียงรองเท้าเบาๆ ที่เดินมาหยุดอยู่ใกล้ตัวทำให้ฉันเงยหน้าขึ้น แล้วก็ต้องเบิกตากว้าง คนที่ยืนอยู่ไม่ใช่ใครที่ไหน …. คนที่หน้าตาเหมือนกับแฟนของฉันราวกับแกะ แต่ดูเหมือนอายุของเขาจะมากกว่าราวสิบหรือสิบห้าปี
“คุณ…”
“ฉันอยากคุยกับเธอ”
ฉันขมวดคิ้ว พ่อของไอแซคมีเรื่องอะไรที่จะคุยด้วย เราไม่เคยรู้จักกันเลยนี่นา
“ไปคุยข้างนอกได้ไหม”
"ฉันมองไปรอบๆ ตัว “ในนี้ก็เงียบดีนะคะ”
“แต่ระบบอิเล็กทรอนิกส์มันเยอะเกินไป” แววตาของคนพูดบอกว่าเรื่องที่จะคุยด้วยไม่ใช่เรื่องเล่นๆ สบายๆ แน่ ไม่เช่นนั้นนายแพทย์ใหญ่จากโรงพยาบาลคงไม่เดินมาหาเธอถึงที่แบบนี้
“ก็ได้ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น ไปคุยกันในสวน ที่นั่นเป็นบริเวณที่ปลอดภัย”
ฉันเดินตามผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนให้กำเนิดไอแซคออกจากอาคารห้องสมุด อดที่จะลอบมองเสี้ยวหน้าอันคมคาย มีเอกลักษณ์เฉพาะที่คล้ายคลึงจนแทบจะเป็นพิมพ์เดียวกับเอกวัตรไม่ได้
เมื่อเทียบกับไอแซค ผู้ชายคนนี้สูงน้อยกว่าราวสิบเซ็นติเมตร ซึ่งก็คงพอๆ กับเอกวัตร โชคดีที่เขามีลักษณะการเดิน และการพูดที่ไม่เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นฉันคงทำตัวลำบากกว่านี้มาก
“มีเรื่องอะไรด่วนหรือคะ” ฉันเริ่มคำถามแรก หลังจากที่เราเดินมาถึงสวนเล็กๆ ใกล้ห้องสมุด ไม่ได้บอกว่า ตัวเองก็รู้ว่าเมื่อวานเขาก็เรียกไอแซคไปคุย และพอกลับมา เขาก็นั่งทำงานจนดึกดื่น ไม่หลับไม่นอน
ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าไอแซคเป็นหุ่น การที่อีกฝ่ายไม่นอน ทำงานเพื่อแก้เครื่องย้อนเวลาตลอดคืน คงทำให้ฉันห่วงเขามากกว่านี้
“ฉันเป็นห่วง อยากมาคุยด้วยว่าทุกอย่างโอเคไหม การย้ายเวลาอย่างรวดเร็วอาจเกิดผลกระทบต่อร่างกายของผู้ย้ายเวลาก็ได้ ฉันตรวจเธอไปหนึ่งรอบ แต่ก็ยังไม่ไว้ใจ” คนพูดมองสำรวจไปทั่วตัวของฉัน โชคดีที่รู้ว่าไม่ใช่คนเดียวกันกับคนรัก ฉันจึงไม่รู้สึกอะไรมากนัก
“ไม่ค่ะ ไม่เป็นอะไรเลย”
“แปลกจริง แสดงว่าเธอมีภูมิคุ้มกันที่ดีมาก น่าสนใจ ฉันขอตรวจเธอเพิ่มได้ไหม ตรงนี้แหละ” เมื่อฉันพยักหน้า พ่อของไอแซคก็ดึงอุปกรณ์เล็กๆ คล้ายมือถือออกมาจากกระเป๋า เขาเอามันทาบกับมือของฉัน จากนั้นก็จับฉันเบิกตา แตะข้างใบหู “อาการปกติมากจริงๆ ด้วย” เขาสรุปหลังจากผ่านไปราวห้านาที
“ฉันโชคดีมั้งคะ”
“ดีแล้ว ฉ้นเป็นห่วง และกังวลเรื่องนี้มาก กลัวจะมีเรื่องร้ายๆ ตามมาอีก นี่ก็ไม่เป็นอันทำงานมาหลายวัน ห่วงว่าจะทำยังไงกัน”
ฉันขมวดคิ้ว
“เคยบอกเจ้าไอแซคแล้วว่าอย่าทำอะไรแบบนี้ แต่ก็ไม่เชื่อ ให้ตายเถอะ ยิ่งโต ยิ่งจะพูดกันยากเข้าไปทุกที”
“เขาเป็นหุ่นที่เหมือนคนมากๆ เลยนะคะ จนบางที ฉันยังคิดว่าเขาเป็นคน ยกเว้นที่หน้าตาเขาดูดีเกินไป”
ผู้สูงวัยกว่าชะงักเท้ากึก เขาอาจจะไม่คิดว่าฉันรู้แล้วว่าไอแซคไม่ใช่คน
“เธอรู้…”
ฉันพยักหน้า “โดยบังเอิญค่ะ แต่ก็ไม่รู้อะไรมาก เพราะข้อมูลของเขามันเป็นภาษาเทคนิคจนอ่านแล้วมึนไปหมด คุณสร้าง…”
ฉันพูดได้แค่นั้น พ่อของไอแซคก็ทำสัญญานไม่ให้ฉันพูดมากไปกว่านั้น
“ขอโทษค่ะ”
“อย่าเอ่ยออกมาอีก ถ้าไม่จำเป็น โอเคไหม”
“ค่ะ” ฉันพยักหน้า
“แต่เมื่อรู้แล้วอย่างนี้ก็ดีแล้ว เราจะได้คุยกันง่ายขึ้น นั่งสิ” คนพูดชี้มือไปที่เก้าอี้นั่งเล่นใกล้ตัว ฉันทรุดตัวลงนั่ง และเขาก็นั่งลงตามมา
“ลูกชายของฉันประสบอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน เกือบเอาชีวิตไม่รอด ฉันเป็นหมอ แต่ก็สนใจเรื่องพวกนี้ ก็เลยหาทางรักษาเขา จะว่าไปแล้ว...ไอแซคเป็นส่วนผสมของอะไรหลายอย่างที่...พิเศษมาก”
คนพูดเอามือประสานกัน แล้วก็วางลงบนตัก “เขาเป็นอัจฉริยะ อย่างที่ฉันเคยฝันอยากให้ลูกของฉันเป็นแบบนี้ เขาจิตใจดี...แบบที่โลกในยุคนี้ต้องการ”
ถ้าเขาเป็นคนจริงๆ ได้ลูกชายแบบนี้ คนเป็นพ่อคงภูมิใจไม่น้อย
“เขาหมกมุ่นกับการสร้างโลกให้สวย พลิกฟื้นธรรมชาติให้กลับมาใหม่ สนใจชีววิทยามากเป็นพิเศษ”
เพราะคงอยากรู้จักชีวิตในส่วนที่ตัวเองไม่มี หรือไม่ได้เป็น ฉันคิด แล้วก็คิดไปถึงหน้าคมคายที่เคยเอ่ยอะไรคล้ายๆ กับการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้เป็นเรื่องที่ดี เป็นเรื่องสำคัญ เพราะเขาเองก็อยากมีชีวิต ที่เป็นชีวิตจริงๆ ใช่ไหม…
“เขามีค่ากับโลกยุคนี้มาก แต่การที่เขาเอาเธอกลับมาที่นี่ มัน...ทำให้ฉันต้องคิดอะไรใหม่”
ฉันมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ
“ฉันยื่นคำสั่งเด็ดขาดให้ไอแซคแก้เครื่องนั่นให้เสร็จภายในสามวัน ไม่ว่าจะทำยังไงก็แล้วแต่ เพื่อให้เธอไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องที่่เขาก่อขึ้นมากไปกว่านี้” น้ำเสียงของคนพูดดูเฉียบขาด “ฉันไม่อยากให้เรื่องมันเลวร้ายไปกว่านี้ ซึ่งเดาไม่ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น...ฉันถือว่าไอแซคทำผิดร้ายแรงเกินกว่าจะรับได้...ที่สำคัญ เขาไม่เชื่อฟัง ผิดกฎที่ตั้งไว้อย่างร้ายแรง”
ฉ้นรู้สึกเหมือนตัวเองหยุดหายใจ พอจะเข้าใจอะไรบางอย่างที่ผู้ชายข้างตัวพยายามจะพูด ข้อมูลที่นาธานเล่าให้ฟังว่า โลกที่เขาอยู่ตอนนี้ ไม่นิยมสร้างหุ่นยนต์ที่หน้าเหมือนคนกันแล้ว และมันผิดกฎหมาย หุ่นทุกตัวที่เหมือนคนจะถูกทำลายเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอย่างที่เกิดมาก่อนหน้านั่นเอง
“คุณหมายความว่ายังไงคะ…”
“ฉันอยากรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดนี่ … และป้องกันไม่ให้เรื่องมันลามปามไปมากกว่านี้ ไอแซคจะต้อง...หยุด”
ฉันเอามือปิดปาก บอกตัวเองว่า...ใจหาย!
ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่ใช่คน แต่การกระทำหลายๆ อย่างภายในไม่กี่วันที่รู้จักกันมัน…
“ฉ้นยื่นคำขาดเรียบร้อยแล้ว ก็เลยอยากจะมาบอกเธอให้สบายใจ ทุกอย่างจะเรียบร้อย วันสองวันนี่ก็ขอให้อดทนหน่อย หลังจากนาธานกับไอแซคซ่อมเครื่องของพวกเขาเรียบร้อย และส่งเธอกลับ ฉันจะปิดโครงการนี้ให้...ฉันหมายถึงโครงการขอฉันด้วย”
พ่อของไอแซคไม่ได้พูดตรงๆ เพราะเขาอาจกลัวใครได้ยิน หรือรู้เข้า แต่ฉันเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร ผู้สูงไว้มีสีหน้าเคร่งเครียด แววตาเศร้าลึกๆ มีน้ำตาเอ่อ ก่อนที่เจ้าตัวจะกระพริบไล่มันกลับไป...ไอแซคคงเหมือนลูกของเขาเช่นกัน การตัดสินใจแบบนี้คงไม่ง่ายนักสำหรับเขา
ฉันกุมมือตัวเองแน่น
“คุณ...ไม่ต้องทำอะไรร้ายแรงขนาดนี้ก็ได้มั้งคะ แค่ฉันได้กลับบ้าน...ฉันก็พอใจแล้ว ไม่เห็นจะต้อง เอิ่ม...”
“เขาจะต้องไม่ทำอะไรแบบนี้อีก...มันเป็นทางเดียวเท่านั้น” ผู้พูดเอามือกุมศรีษะตัวเอง ไหล่ลู่ เสียงเหนื่อย “ไอแซคไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง เขาเป็นลูกที่ดี เป็นคนที่เกิดมาเพื่อจะสร้างสรรค์สิ่งสวยงามให้โลก แต่ไม่คิดว่า เขาจะกล้าทำอะไรที่เกินกว่ากฎที่ตั้งไว้ จะว่าไปแล้วฉันก็เตรียมใจกับเรื่องนี้มานานมากแล้ว รู้ว่าสักวันมันอาจเกิดเรื่องจากการกระทำของเขา...ไม่คิดว่ามันจะร้ายแรงขนาดนี้ ฉัน…”
ฉันเองก็พูดไม่ออก เพราะตัวเองก็ไม่รู้ว่าผลกระทบของการย้ายข้ามเวลาของฉันมันจะมีอะไรตามมาอีก ในเชิงวิทยาศาสตร์และความมั่นคงของมนุษยชาติ มันน่าเป็นห่วงอย่างที่พ่อของไอแซคพูดจริงๆ คนเป็นพ่อ คงไม่อยากทำลายลูกหรอกถ้า...ไม่จำเป็น
ไอแซค ที่คุณทำดีกับฉันเมื่อวาน ชุดสิบกว่าชุด รองเท้า แถมบริการอำนวยความสะดวกเสียราวกับฉันเป็นเจ้าหญิงในนิยาย … มันเป็นเพราะเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า...เขารู้ว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่อีกไม่กี่วัน
ใจหาย ความรู้สึกบางอย่างที่บอกไม่ถูกแล่นมาเอ่อจนล้นถึงอก ความรู้สึกที่ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันคืออะไร เขาไม่ใช่คนที่รู้จัก แต่ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนที่ แคร์ฉัน...ในทุกๆ เรื่อง
“เธอ...ร้องให้หรือนั่น”
น้ำตามันไหลออกมาเอง ชีวิตหนึ่ง ที่รู้ตัวเองว่าไม่มีชีวิตเหมือนคนอื่น และอยากมีชีวิตเหมือนมนุษย์ทั่วไปให้มากที่สุด กำลังจะถูกทำลาย เพราะทำเรื่องผิดร้ายแรงเพื่อรักษาชีวิตใครอีกคนไว้
ไอแซคกลัวฉันตาย… เขาจึงพาฉันมาที่นี่ แต่เพราะเรื่องนี้...ม้นทำให้เขา...ถูกตัดสินจากผู้ที่สร้างเขามาว่า เขาควรจะ...ตาย
“ฉัน...ไม่รู้สิคะ มันบอกไม่ถูก ฉันไม่อยากให้...เอิ่ม”
พ่อของไอแซคส่ายหน้า “มันไม่มีทางเลือกจริงๆ เพื่อให้ทุกอย่างปลอดภัย ที่สำคัญ ฉันอยากขออะไรไว้อย่าง” น้ำเสียงคนพูดเจ็บปวดลึกๆ
“คะ”
“เมื่อกลับบ้านไป เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ได้ไหม เป็นเรื่องเดียวที่เธอจะช่วยได้”
ฉันสูดหายใจเข้าปอดลึก ตอบอะไรไม่ได้ นอกจากพยักหน้า เพราะน้ำตาม้นไหลออกมาอีกโดยห้ามใจไม่ได้
ในเมื่ออยู่เฉยๆ เราก็ไม่มีอะไรทำ สู้ออกไปเก็บเกี่ยวสิ่งที่แทบจะไม่มีใครในโลกยุคของฉันได้พบเจอ น่าจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด
ก่อนเป็นแฟนกับเอกวัตร ฉันเป็นคนที่บ้าการอ่านหนังสือ และชอบสะสมหนังสือมาก แต่แฟนของฉันเป็นคนที่ชอบการสังสรรค์ เขาไม่มีเวลาสำหรับการนั่งนิ่งๆ เพื่อเก็บเกี่ยวเรื่องราวในตัวอักษรเป็นวันๆ แบบที่ฉันเคยทำ อย่างมาก ก็อ่านบทความเล็กๆ น้อยๆ ในคอมพิวเตอร์ เท่านั้น
มันจึงเป็นโอกาสที่เหมาะ ที่จะกลับไปหาหนังสืออีกครั้ง นาธานบอกฉันว่า ห้องสมุดที่นี่มีหนังสือทั้งเก่าเป็นร้อยๆ ปี และหนังสือใหม่ มันถูกเก็บไว้ในรูปอิเล็กทรอนิกส์ แต่หน้าตาเหมือนหนังสือในแต่ละยุคทุกอย่าง
“ฉันไปส่งคุณอิงให้เองนะ” นาธานบอกเพื่อน เพราะรู้ว่าส่วนที่ไอแซคกำลังแก้ไขกำลังงวดเข้ามาทุกที
“อาคารห้องสมุด เพิ่งสร้างใหม่ไม่กี่ปีนี่เองครับ” ชายหนุ่มร่างอ้วนบอกฉันระหว่างที่เราเดินไปด้วยกัน “หน้าตาภายนอกมันเหมือนอาคารทั่วไป แต่ที่นั่น ระบบทันสมัย และเป็นโลกแห่งการเรียนรู้อย่างแท้จริง ผมเชื่อว่า ถ้าคุณชอบหนังสือ คุณจะอยู่ที่นั่นได้เป็นวัน เหมือนเจ้าไอแซค”
ฉันเลิกคิ้ว “เขาชอบหนังสือ”
“ครับ มันชอบอ่าน อ่านทุกอย่าง”
เจ้าหุ่นที่พยายามเลียนแบบคน ฉันคิด แต่ก็ไม่พูดออกมา
นาธานใช้บัตรของเขาในการนำฉันเข้าห้องสมุด เขาเดินไปแนะนำมุมต่างๆ คร่าวๆ แล้วก็ทิ้งบัตรสมาชิกไว้ให้เผื่อจะต้องการยืมหนังสือกลับมาอ่านที่บ้าน
“เล่มที่คุณยืม จะส่งเข้าในไอบุ๊กของผม หรือถ้าคุณอยากอ่านแบบที่หน้าตาเหมือนหนังสือจริงๆ ก็สามารถหอบหนังสือพวกนี้กลับบ้านได้” เขากล่าวเสริมก่อนจากไป
อาคารห้องสมุดเป็นอาคารเตี้ยๆ เพียงสามชั้น จัดเป็นโถงโล่งตรงกลางสำหรับโต๊ะอ่านหนังสือ และทำงาน มันไม่มีกลิ่นอับ เพราะหนังสือทุกเล่ม เป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์คล้ายๆ กับแคตตาล็อกหนังที่ไอแซคให้ฉันเปิดดูเมื่อวาน ภายในอาคารมีมุมเครื่องดื่มอยู่ที่ชั้นหนึ่ง สำหรับชั้นสาม มันเป็นมุมประวัติศาสตร์ หลังจากสำรวจคร่าวๆ ฉันก็เปลี่ยนใจลงมาที่ชั้นสองเพื่อหาหนังสือนวนิยายที่สมัยใหม่กว่านั้นมาอ่าน
เวลาผ่านไปรวดเร็ว...เกือบสองชั่วโมง จู่ๆ ฉันก็ได้ยินเสียงรองเท้าเบาๆ ที่เดินมาหยุดอยู่ใกล้ตัวทำให้ฉันเงยหน้าขึ้น แล้วก็ต้องเบิกตากว้าง คนที่ยืนอยู่ไม่ใช่ใครที่ไหน …. คนที่หน้าตาเหมือนกับแฟนของฉันราวกับแกะ แต่ดูเหมือนอายุของเขาจะมากกว่าราวสิบหรือสิบห้าปี
“คุณ…”
“ฉันอยากคุยกับเธอ”
ฉันขมวดคิ้ว พ่อของไอแซคมีเรื่องอะไรที่จะคุยด้วย เราไม่เคยรู้จักกันเลยนี่นา
“ไปคุยข้างนอกได้ไหม”
"ฉันมองไปรอบๆ ตัว “ในนี้ก็เงียบดีนะคะ”
“แต่ระบบอิเล็กทรอนิกส์มันเยอะเกินไป” แววตาของคนพูดบอกว่าเรื่องที่จะคุยด้วยไม่ใช่เรื่องเล่นๆ สบายๆ แน่ ไม่เช่นนั้นนายแพทย์ใหญ่จากโรงพยาบาลคงไม่เดินมาหาเธอถึงที่แบบนี้
“ก็ได้ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น ไปคุยกันในสวน ที่นั่นเป็นบริเวณที่ปลอดภัย”
ฉันเดินตามผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนให้กำเนิดไอแซคออกจากอาคารห้องสมุด อดที่จะลอบมองเสี้ยวหน้าอันคมคาย มีเอกลักษณ์เฉพาะที่คล้ายคลึงจนแทบจะเป็นพิมพ์เดียวกับเอกวัตรไม่ได้
เมื่อเทียบกับไอแซค ผู้ชายคนนี้สูงน้อยกว่าราวสิบเซ็นติเมตร ซึ่งก็คงพอๆ กับเอกวัตร โชคดีที่เขามีลักษณะการเดิน และการพูดที่ไม่เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นฉันคงทำตัวลำบากกว่านี้มาก
“มีเรื่องอะไรด่วนหรือคะ” ฉันเริ่มคำถามแรก หลังจากที่เราเดินมาถึงสวนเล็กๆ ใกล้ห้องสมุด ไม่ได้บอกว่า ตัวเองก็รู้ว่าเมื่อวานเขาก็เรียกไอแซคไปคุย และพอกลับมา เขาก็นั่งทำงานจนดึกดื่น ไม่หลับไม่นอน
ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าไอแซคเป็นหุ่น การที่อีกฝ่ายไม่นอน ทำงานเพื่อแก้เครื่องย้อนเวลาตลอดคืน คงทำให้ฉันห่วงเขามากกว่านี้
“ฉันเป็นห่วง อยากมาคุยด้วยว่าทุกอย่างโอเคไหม การย้ายเวลาอย่างรวดเร็วอาจเกิดผลกระทบต่อร่างกายของผู้ย้ายเวลาก็ได้ ฉันตรวจเธอไปหนึ่งรอบ แต่ก็ยังไม่ไว้ใจ” คนพูดมองสำรวจไปทั่วตัวของฉัน โชคดีที่รู้ว่าไม่ใช่คนเดียวกันกับคนรัก ฉันจึงไม่รู้สึกอะไรมากนัก
“ไม่ค่ะ ไม่เป็นอะไรเลย”
“แปลกจริง แสดงว่าเธอมีภูมิคุ้มกันที่ดีมาก น่าสนใจ ฉันขอตรวจเธอเพิ่มได้ไหม ตรงนี้แหละ” เมื่อฉันพยักหน้า พ่อของไอแซคก็ดึงอุปกรณ์เล็กๆ คล้ายมือถือออกมาจากกระเป๋า เขาเอามันทาบกับมือของฉัน จากนั้นก็จับฉันเบิกตา แตะข้างใบหู “อาการปกติมากจริงๆ ด้วย” เขาสรุปหลังจากผ่านไปราวห้านาที
“ฉันโชคดีมั้งคะ”
“ดีแล้ว ฉ้นเป็นห่วง และกังวลเรื่องนี้มาก กลัวจะมีเรื่องร้ายๆ ตามมาอีก นี่ก็ไม่เป็นอันทำงานมาหลายวัน ห่วงว่าจะทำยังไงกัน”
ฉันขมวดคิ้ว
“เคยบอกเจ้าไอแซคแล้วว่าอย่าทำอะไรแบบนี้ แต่ก็ไม่เชื่อ ให้ตายเถอะ ยิ่งโต ยิ่งจะพูดกันยากเข้าไปทุกที”
“เขาเป็นหุ่นที่เหมือนคนมากๆ เลยนะคะ จนบางที ฉันยังคิดว่าเขาเป็นคน ยกเว้นที่หน้าตาเขาดูดีเกินไป”
ผู้สูงวัยกว่าชะงักเท้ากึก เขาอาจจะไม่คิดว่าฉันรู้แล้วว่าไอแซคไม่ใช่คน
“เธอรู้…”
ฉันพยักหน้า “โดยบังเอิญค่ะ แต่ก็ไม่รู้อะไรมาก เพราะข้อมูลของเขามันเป็นภาษาเทคนิคจนอ่านแล้วมึนไปหมด คุณสร้าง…”
ฉันพูดได้แค่นั้น พ่อของไอแซคก็ทำสัญญานไม่ให้ฉันพูดมากไปกว่านั้น
“ขอโทษค่ะ”
“อย่าเอ่ยออกมาอีก ถ้าไม่จำเป็น โอเคไหม”
“ค่ะ” ฉันพยักหน้า
“แต่เมื่อรู้แล้วอย่างนี้ก็ดีแล้ว เราจะได้คุยกันง่ายขึ้น นั่งสิ” คนพูดชี้มือไปที่เก้าอี้นั่งเล่นใกล้ตัว ฉันทรุดตัวลงนั่ง และเขาก็นั่งลงตามมา
“ลูกชายของฉันประสบอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน เกือบเอาชีวิตไม่รอด ฉันเป็นหมอ แต่ก็สนใจเรื่องพวกนี้ ก็เลยหาทางรักษาเขา จะว่าไปแล้ว...ไอแซคเป็นส่วนผสมของอะไรหลายอย่างที่...พิเศษมาก”
คนพูดเอามือประสานกัน แล้วก็วางลงบนตัก “เขาเป็นอัจฉริยะ อย่างที่ฉันเคยฝันอยากให้ลูกของฉันเป็นแบบนี้ เขาจิตใจดี...แบบที่โลกในยุคนี้ต้องการ”
ถ้าเขาเป็นคนจริงๆ ได้ลูกชายแบบนี้ คนเป็นพ่อคงภูมิใจไม่น้อย
“เขาหมกมุ่นกับการสร้างโลกให้สวย พลิกฟื้นธรรมชาติให้กลับมาใหม่ สนใจชีววิทยามากเป็นพิเศษ”
เพราะคงอยากรู้จักชีวิตในส่วนที่ตัวเองไม่มี หรือไม่ได้เป็น ฉันคิด แล้วก็คิดไปถึงหน้าคมคายที่เคยเอ่ยอะไรคล้ายๆ กับการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้เป็นเรื่องที่ดี เป็นเรื่องสำคัญ เพราะเขาเองก็อยากมีชีวิต ที่เป็นชีวิตจริงๆ ใช่ไหม…
“เขามีค่ากับโลกยุคนี้มาก แต่การที่เขาเอาเธอกลับมาที่นี่ มัน...ทำให้ฉันต้องคิดอะไรใหม่”
ฉันมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ
“ฉันยื่นคำสั่งเด็ดขาดให้ไอแซคแก้เครื่องนั่นให้เสร็จภายในสามวัน ไม่ว่าจะทำยังไงก็แล้วแต่ เพื่อให้เธอไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องที่่เขาก่อขึ้นมากไปกว่านี้” น้ำเสียงของคนพูดดูเฉียบขาด “ฉันไม่อยากให้เรื่องมันเลวร้ายไปกว่านี้ ซึ่งเดาไม่ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น...ฉันถือว่าไอแซคทำผิดร้ายแรงเกินกว่าจะรับได้...ที่สำคัญ เขาไม่เชื่อฟัง ผิดกฎที่ตั้งไว้อย่างร้ายแรง”
ฉ้นรู้สึกเหมือนตัวเองหยุดหายใจ พอจะเข้าใจอะไรบางอย่างที่ผู้ชายข้างตัวพยายามจะพูด ข้อมูลที่นาธานเล่าให้ฟังว่า โลกที่เขาอยู่ตอนนี้ ไม่นิยมสร้างหุ่นยนต์ที่หน้าเหมือนคนกันแล้ว และมันผิดกฎหมาย หุ่นทุกตัวที่เหมือนคนจะถูกทำลายเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอย่างที่เกิดมาก่อนหน้านั่นเอง
“คุณหมายความว่ายังไงคะ…”
“ฉันอยากรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดนี่ … และป้องกันไม่ให้เรื่องมันลามปามไปมากกว่านี้ ไอแซคจะต้อง...หยุด”
ฉันเอามือปิดปาก บอกตัวเองว่า...ใจหาย!
ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่ใช่คน แต่การกระทำหลายๆ อย่างภายในไม่กี่วันที่รู้จักกันมัน…
“ฉ้นยื่นคำขาดเรียบร้อยแล้ว ก็เลยอยากจะมาบอกเธอให้สบายใจ ทุกอย่างจะเรียบร้อย วันสองวันนี่ก็ขอให้อดทนหน่อย หลังจากนาธานกับไอแซคซ่อมเครื่องของพวกเขาเรียบร้อย และส่งเธอกลับ ฉันจะปิดโครงการนี้ให้...ฉันหมายถึงโครงการขอฉันด้วย”
พ่อของไอแซคไม่ได้พูดตรงๆ เพราะเขาอาจกลัวใครได้ยิน หรือรู้เข้า แต่ฉันเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร ผู้สูงไว้มีสีหน้าเคร่งเครียด แววตาเศร้าลึกๆ มีน้ำตาเอ่อ ก่อนที่เจ้าตัวจะกระพริบไล่มันกลับไป...ไอแซคคงเหมือนลูกของเขาเช่นกัน การตัดสินใจแบบนี้คงไม่ง่ายนักสำหรับเขา
ฉันกุมมือตัวเองแน่น
“คุณ...ไม่ต้องทำอะไรร้ายแรงขนาดนี้ก็ได้มั้งคะ แค่ฉันได้กลับบ้าน...ฉันก็พอใจแล้ว ไม่เห็นจะต้อง เอิ่ม...”
“เขาจะต้องไม่ทำอะไรแบบนี้อีก...มันเป็นทางเดียวเท่านั้น” ผู้พูดเอามือกุมศรีษะตัวเอง ไหล่ลู่ เสียงเหนื่อย “ไอแซคไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง เขาเป็นลูกที่ดี เป็นคนที่เกิดมาเพื่อจะสร้างสรรค์สิ่งสวยงามให้โลก แต่ไม่คิดว่า เขาจะกล้าทำอะไรที่เกินกว่ากฎที่ตั้งไว้ จะว่าไปแล้วฉันก็เตรียมใจกับเรื่องนี้มานานมากแล้ว รู้ว่าสักวันมันอาจเกิดเรื่องจากการกระทำของเขา...ไม่คิดว่ามันจะร้ายแรงขนาดนี้ ฉัน…”
ฉันเองก็พูดไม่ออก เพราะตัวเองก็ไม่รู้ว่าผลกระทบของการย้ายข้ามเวลาของฉันมันจะมีอะไรตามมาอีก ในเชิงวิทยาศาสตร์และความมั่นคงของมนุษยชาติ มันน่าเป็นห่วงอย่างที่พ่อของไอแซคพูดจริงๆ คนเป็นพ่อ คงไม่อยากทำลายลูกหรอกถ้า...ไม่จำเป็น
ไอแซค ที่คุณทำดีกับฉันเมื่อวาน ชุดสิบกว่าชุด รองเท้า แถมบริการอำนวยความสะดวกเสียราวกับฉันเป็นเจ้าหญิงในนิยาย … มันเป็นเพราะเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า...เขารู้ว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่อีกไม่กี่วัน
ใจหาย ความรู้สึกบางอย่างที่บอกไม่ถูกแล่นมาเอ่อจนล้นถึงอก ความรู้สึกที่ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันคืออะไร เขาไม่ใช่คนที่รู้จัก แต่ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนที่ แคร์ฉัน...ในทุกๆ เรื่อง
“เธอ...ร้องให้หรือนั่น”
น้ำตามันไหลออกมาเอง ชีวิตหนึ่ง ที่รู้ตัวเองว่าไม่มีชีวิตเหมือนคนอื่น และอยากมีชีวิตเหมือนมนุษย์ทั่วไปให้มากที่สุด กำลังจะถูกทำลาย เพราะทำเรื่องผิดร้ายแรงเพื่อรักษาชีวิตใครอีกคนไว้
ไอแซคกลัวฉันตาย… เขาจึงพาฉันมาที่นี่ แต่เพราะเรื่องนี้...ม้นทำให้เขา...ถูกตัดสินจากผู้ที่สร้างเขามาว่า เขาควรจะ...ตาย
“ฉัน...ไม่รู้สิคะ มันบอกไม่ถูก ฉันไม่อยากให้...เอิ่ม”
พ่อของไอแซคส่ายหน้า “มันไม่มีทางเลือกจริงๆ เพื่อให้ทุกอย่างปลอดภัย ที่สำคัญ ฉันอยากขออะไรไว้อย่าง” น้ำเสียงคนพูดเจ็บปวดลึกๆ
“คะ”
“เมื่อกลับบ้านไป เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ได้ไหม เป็นเรื่องเดียวที่เธอจะช่วยได้”
ฉันสูดหายใจเข้าปอดลึก ตอบอะไรไม่ได้ นอกจากพยักหน้า เพราะน้ำตาม้นไหลออกมาอีกโดยห้ามใจไม่ได้
สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ต.ค. 2559, 05:33:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ต.ค. 2559, 11:58:37 น.
จำนวนการเข้าชม : 1780
<< 11 : เหมือนจะเป็น...ข่าวดี | 13: การเริ่มต้น ของการลาจาก >> |
Zephyr 25 ต.ค. 2559, 15:32:15 น.
ฮือออออ ม่ายยยยย
คุณพ่อใจร้าย ไม่ต้องการไอซ์แล้ว
เอามาให้เค้ามา รับเลี้ยงเองค่ะ
ฮือออออ ม่ายยยยย
คุณพ่อใจร้าย ไม่ต้องการไอซ์แล้ว
เอามาให้เค้ามา รับเลี้ยงเองค่ะ
ปิ่นนลิน 25 ต.ค. 2559, 18:48:33 น.
โถ่ ไอแซค
โถ่ ไอแซค
สิรินดา 27 ต.ค. 2559, 13:11:18 น.
อุอิ
อุอิ