เล่ห์บุพเพ
พันธนาการที่ไม่ได้เริ่มต้นด้วยความรัก ทำให้มนต์พระจันทร์ต้องการอิสรภาพคืน ทว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อการพบกันอีกครั้งระหว่างเธอและเขามีกฏเกณฑ์ทางหน้าที่กำหนดไว้ว่าระหว่างคอนซัลและวิศวกรห้ามมีความสัมพันธ์กันนอกเหนือจากเพื่อนร่วมงานธรรมดา มนต์พระจันทร์จึงไม่อาจทวงถามถึงอิสรภาพที่รอคอยได้เสียที ในขณะที่วิณรุจน์เองก็ทำราวกับไม่รู้จักเธอ..ซ้ำยังกลายมาเป็นชู้ เรื่องวุ่นๆจึงเกิดขึ้น

ตัวอย่างจ้า

"อยากหย่านักใช่มั้ย" วิณรุจน์เอ่ยถามหลังจากมีโอกาสอยู่กันตามลำพัง

"ค่ะ ทะเบียนสมรสมันทำให้พระจันทร์ลำบาก"เธอเอ่ยราบเรียบ

Tags: มนต์พระจันทร์/วิณรุจน์/คอนซัล/โปรเจ็คแมนเนเจอร์

ตอน: บทที่8----------เล่ห์บุพเพ--------40%

สวัสดีค่า...มาตามสัญญาแล้วนะคะ ไม่ลืมแน่นอน

รักและคิดถึงคอนักอ่านเสมอ

...........รจนาไฉน

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



ร่วมสองเดือนที่เธอแทบไม่มีเวลานั่งพักจิบกาแฟชิลๆในแบบที่ชอบ ไม่มีเวลาแม้จะสำรวจความงดงามของรีสอร์ทที่เธอพักอยู่ ที่นี่ตกแต่งสวยงาม ด้านหน้าห่างไปราวสองร้อยเมตรติดลำแม่น้ำโขง อีกฝั่งของแม่น้ำโขงเป็นประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนด้านหลังเป็นเนินเขาที่มองเห็นภูเขาอยู่ลิบๆ

เมื่อสองเดือนก่อนเธอยังอยู่ชื่นชมความงามของท้องทะเลภาคใต้ มาวันนี้กระโดดมาทำงานไกลถึงภาคเหนือ คนละเรื่องกันเลย ธรรมชาติของแต่ละภูมิภาคช่างแตกต่างกันสิ้นเชิงทั้งที่อยู่ในแผ่นดินเดียวกัน โลกช่างสรรสร้างแท้ๆ

มือบางยกถ้วยกาแฟหอมกรุ่นจรดปากอิ่ม สายตากวาดมองต้นไม้ใบหญ้าที่ทางรีสอร์ทนำมาประดับตกแต่งไว้ เหลือบไปเห็นต้นกาสะลองที่กำลังออกดอกสีขาวสะพรั่งเต็มต้น กลิ่นหอมละมุนลอยปะทะปลายจมูกจางๆมาตามลม บ้านที่กรุงเทพฯก็มีอยู่สองต้น คนที่นำมาปลูกก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ห้องข้างๆนี่แหละ

“พี่รุจน์ปลูกต้นอะไรคะ” เด็กหญิงผมเปียนึกสงสัยหลังจากเห็นเขาเพียรขุดหลุมเองตั้งแต่เช้าทั้งที่คนสวนก็มี
วิณรุจน์ละสายตาจากงานที่กำลังสาละวนอยู่เงยขึ้นมองคนถามด้วยความรำคาญนิดก่อนจะตอบเสียงห้วนอย่างเคย

“กาสะลอง” เขาเห็นดอกมันสวยแปลกตาดีจึงซื้อมา อีกทั้งจะปลูกไว้ให้เป็นร่มเงา กะว่าจะสั่งให้ช่างมาปลูกศาลาเล็กๆเพิ่มอีกหลังเพราะที่ที่เขาใช้นั่งอ่านหนังสือประจำ แม่ตัวยุ่งก็ดันมาแย่งไปก่อนทุกที

เดิมทีหลังบ้านก็มีศาลาพักผ่อนแล้วหนึ่งหลัง ครั้นเมื่อมารดารับเด็กคนนี้เข้ามาร่วมชายคาเดียวกัน มันก็ถูกมนต์พระจันทร์ยึดครองคนเดียว เขาชอบลงมานั่งอ่านหนังสือที่นั่นเพราะเงียบสงบดี

“ปลูกทำไมก็ไม่รู้..รกจะตาย” มนต์พระจันทร์พึมพำเบาๆไม่เห็นด้วยนัก เพราะที่นี่ต้นไม้ก็เยอะพออยู่แล้ว วิณรุจน์เหลือบมองคนบ่นด้วยความไม่สบใจนัก แล้วก้มหน้าก้มตาขุดหลุมที่ใกล้จะเสร็จต่อ ซักพักเขาถึงเอ่ยตอบ

“จะทำศาลาเพิ่ม”

“ทำไปทำไม” เธอถามเร็วจี๋ด้วยความสงสัย มองใบหน้าหล่อเหลาชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อ

“ต่อไปเธอก็มาใช้ที่นี่ เพราะหลังโน้น...ของฉัน เข้าใจนะ” เขาตอบตัดรำคาญ

มนต์พระจันทร์จึงถึงบางอ้อ ที่แท้เธอก็ไปแย่งมุมโปรดของเขานั่นเอง มนต์พระจันทร์เบ้ปากนิด อะไรที่เป็นเธอดูเหมือนจะเป็นปัญหาสำหรับเขาไปซะหมด อยู่ตรงส่วนไหนของบ้านก็ขวางหูขวางตาร่ำไป แต่ช่างเถอะอยากจะเหนื่อยก็ตามใจ ร่างบางไม่นึกอยากสนทนากับเขาต่อจึงเดินกลับเข้าบ้านซะ

ระหว่างที่กำลังคิดอะไรเพลินๆมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น มือบางหยิบมันขึ้นมาดูก่อนจะยิ้มละมุน

“ว่าไงช่อ คิดเรื่องไม่ออกหรือปิดต้นฉบับเสร็จแล้วถึงโทร.หาฉันได้” เธอเดาเพราะทุกครั้งก็มักจะเป็นเช่นนั้น

“เปล่า คิดถึง แกเล่นหายเงียบไปเลย นึกว่าออกนอกประเทศไปแล้วซะอีก” ช่อรดาตอบก่อนจะเริ่มถามต่อ “แล้วเป็นไง งานใหม่สนุกมั้ย เจอเทพบุตรบ้างรึเปล่า” ช่อรดาถามแล้วหัวเราะคิก

“ฉันมาทำงานนะ ไม่ได้มาหาเทพบุตร” มนต์พระจันทร์ตอบกลั้วขัน ก่อนที่ช่อรดาจะยิงคำถามกลับมาใหม่ทันควัน

“ถ้าไม่เจอเทพบุตร แล้วสามีล่ะ เจอรึยัง” ช่อรดากะจะแหย่เล่นเฉยๆแต่กลับทำให้มนต์พระจันทร์เงียบไป “เงียบแบบนี้ อย่าบอกนะว่า..” ช่อรดาเดาทว่าก็ตาโตเมื่อมนต์พระจันทร์ตอบกลับเพียงสั้นๆคำเดียว

“อืม” เธอชักสีหน้ายุ่งยากใจนิด

“ฉันพูดเล่นนะ ไม่คิดว่าจะจริง แล้วเขาว่าไงบ้างล่ะ” ช่อรดาถามต่อเร็วจี๋ด้วยความสนใจ

“แกนี่ ทำตัวเป็นป้าภาวินีไปได้” มนต์พระจันทร์ต่อว่าขันๆไม่จริงจัง

“ก็คนมันอยากรู้นี่ ว่าไง สามีแกคงจะอึ้งจนตาค้างไปเลยมั้งที่เจอภรรยาแสนสวยแบบไม่ทันตั้งตัว” ช่อรดาเย้าขันๆ

“อึ้งอะไร หน้าฉันเขายังไม่มองด้วยซ้ำ ทำงานที่นี่มาสองเดือน ถ้าไม่นับเรื่องงานก็...” มนต์พระจันทร์ทำท่านับนิ้วตัวเองนิดแล้วพูดต่อ “ห้าคำ ถึงรึเปล่าก็ไม่รู้ที่พูดกับฉัน”

“แล้วแบบนี้จะรู้เรื่องกันมั้ยเนี่ย” ช่อรดาแสดงความเห็น

“ก็นั่นน่ะสิ อย่าคุยเรื่องนี้เลย ขี้เกียจคิดว่ะ” มนต์พระจันทร์ตัดบท เพราะเธอก็คิดทุกครั้งที่สมองว่างเช่นกัน แต่ก็ยังไม่เห็นช่องทาง เธอเองก็ต้องระวังตัวไม่น้อยด้วยหน้าที่

“โอเค.ไม่คุยก็ไม่คุย ว่าแต่แกพักอยู่ที่ไหน ในหรือนอกพื้นที่โครงการ” ช่อรดาเปลี่ยนเรื่อง

“นอกโครงการ ทำไมเหรอ”

“ฉันก็ว่าจะไปเที่ยวหาแกน่ะสิ ไม่ได้ไปเชียงรายซะนาน อีกอย่างทางสำนักพิมพ์โยนงานใหม่ให้ด้วย กะว่าจะไปพักผ่อนซะหน่อยเผื่อจะคิดพล็อตเรื่องออก”

“ก็ดีสิ แล้วจะมาเมื่อไหร่ล่ะ”

“คงอีกซักพัก รอให้ปิดต้นฉบับอีกเรื่องเสร็จก่อน” ช่อรดาตอบตามแผนที่วางไว้

“จะมาเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน” มนต์พระจันทร์สรุปก่อนจะวางสายลง

เสียงประตูระเบียงหลังบ้านจากห้องข้างๆขยับนิดก่อนที่มันจะเปิดออก ร่างสูงๆของวิณรุจน์ก้าวออกมาที่ระเบียง เขาชะงักเท้านิดเมื่อสายตาปะทะกับร่างบางของมนต์พระจันทร์ที่นั่งยู่ริมระเบียงก่อนแล้ว

ระเบียงหลังห้องพักแฝดเป็นแบบเดี่ยวคือไม่มีอะไรกั้น เชื่อมต่อกันเป็นโชนเดียวและโต๊ะกับเก้าอี้ก็มีเพียงชุดเดียว ซึ่งตอนที่เขาไม่เคยกลับห้องพักเธอก็ถือวิสาสะลากมันมาวางฝั่งห้องเธอ ร่างบางลุกจากเก้าอี้เตรียมจะเข้าห้องเพราะเขาคงไม่อยากจะเจอหน้าเธอนัก ทว่าเสียงเข้มที่ดังขึ้นก็ทำให้เธอต้องชะงักเท้าลง

“เดี๋ยว..”

มนต์พระจันทร์หันไปมองเขานิด ยกสองมือกอดอกรอฟังว่าเขาจะพูดอะไรกับเธอ

“คุณแม่เป็นไงบ้าง” วิณรุจน์เอ่ยน้ำเสียงอ่อนลงกว่าในคราแรก มนต์พระจันทร์สะบัดหางตามองคนถามนิดก่อนตอบ

“สบายดีค่ะ” นี่เขาไม่เคยโทร.หาแม่เลยหรือ เธอคิดก่อนจะพูดต่อพร้อมทั้งเหน็บไปในคราวเดียวกัน “ถ้าคุณห่วงท่าน ก็ควรจะโทร.หา ท่านบ้าง” เกิดจากกระบอกไม้ไผ่รึไง ถึงทำราวกับท่านไม่มีตัวตน เธออยากพูดแบบนี้มากกว่า

วิณรุจน์หันมองคนพูดแล้วถอนใจบางเบา ที่เขาไม่โทร.หามารดาเลยสองสามเดือนหลังก็เพราะคนตรงหน้านี่แหละ โทร.ไปทีไรท่านก็คอยแต่จะบ่นแล้วก็พูดกรอกหูเรื่องเมีย ทั้งที่เรื่องระหว่างเขากับมนต์พระจันทร์เกิดจากอะไรมารดาเองก็รู้ดี เขาจึงเบื่อที่จะฟังและพูดประโยคเดิมๆกับท่านว่าเขากับมนต์พระจันทร์ไม่ได้เป็นอะไรกัน

วิณรุจน์มองใบหน้าหวานหยดราวกับกำลังประเมินว่าเขาควรจะถามเรื่องนี้ออกไปดีรึเปล่า แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะพูด

“ทำไมเธอถึงมาทำงานที่นี่ได้ทั้งที่..” เขาละคำถามไว้แค่นั้นเพราะเกรงว่าใครจะมาได้ยินเข้า และมนต์พระจันทร์ก็เข้าใจความหมายดีว่าเขาจะสื่ออะไร

วิณรุจน์คงหมายถึงทะเบียนสมรส เพราะการที่เธอสมัครเข้ามาในตำแหน่งนี้ ทางรัฐบาลจะต้องตรวจสอบประวัติเธออย่างละเอียดปิดบังไม่ได้ มนต์พระจันทร์ตวัดสายตามองคนถามด้วยความไม่สบใจนัก

ถือว่าเป็นโชคของเธอ เพราะเธอเองก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดทางรัฐบาลถึงเลือกเธอให้มาทำหน้าที่นี้ ถ้าอ่านโปรไฟล์และหลักฐานที่ใช้แนบการสมัครแล้ว เจ้าหน้าที่จากรัฐบาลจะต้องรู้ว่าเธอกับโปรเจ็คใหญ่ของที่นี่เกี่ยวข้องกันอย่างไร เว้นซะแต่ว่าเขาไม่ได้ดูให้ละเอียดหรือไม่ก็เลือกเธอก่อนที่วิณรุจน์จะย้ายมาคุมไซต์งานที่นี่ ซึ่งอย่างหลังมีความเป็นไปได้น้อยมากเพราะเท่าที่รู้ วิณรุจน์ย้ายมาดูแลโครงการนี้ตั้งแต่ก่อนหน้าที่เธอจะถูกส่งตัวมาราวสองเดือน

“ก็ความสามารถไงคะ หรือคิดว่าตัวเองเก่งอยู่คนเดียว” เธอตอบพาลๆสะบัดค้อนให้เขาแล้วเดินเข้าห้องพักหน้าตาเฉย หงุดหงิดที่เขาถามไม่คิด เป็นเพราะตัวเองไม่ใช่เหรอที่ทำให้เธอลำบาก ยังลอยหน้าลอยตาพูดออกมาได้ งานดีๆได้แสดงความสามารถตามที่ถนัด เขาไม่คิดจะให้เธอได้ลองทำบ้างหรือไร ห่วงแต่ตัวเอง น่าหมั่นไส้นักเชียว
แต่ถ้าย้อนกลับไปได้แล้วเธอรู้ว่าเขาทำงานอยู่ที่นี่ เธอจะยังมารึเปล่า คำตอบก็คือมา...มาขอหย่าไง
------------------------------------------------------------------------Part one----------------------------------------------------------------



รจนาไฉน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 พ.ย. 2559, 21:25:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 พ.ย. 2559, 21:25:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 982





<< บทที่7----------เล่ห์บุพเพ--------100%   บทที่8----------เล่ห์บุพเพ--------100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account