แหวนปฏิพัทธ์ (ขาย E-book ที่ meb และ ookbee ในชื่อว่า "หนึ่งใจในรอยกาล" แล้วนะคะ)
ปาฏิหาริย์บางอย่างทำให้ธราต้องย้อนเวลากลับไปในอดีต
เพื่อพบกับทินกร ชายผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือเธอจากการโดนทำร้าย
เขาเป็นดาราดังที่ทำตัวแย่ๆ จนในปัจจุบันชีวิตตกอับ ไร้งานละคร
เธอจึงพยายามที่จะช่วยเหลือเขาเป็นการตอบแทน
แม้ความหวังดีของเธอจะสร้างความหงุดหงิดน่ารำคาญสำหรับเขาแค่ไหน
แต่เธอก็ยังพยายามที่จะทำให้สำเร็จ แต่ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ หัวใจเธอก็ยิ่งพังมากขึ้นเท่านั้น
จนทุกอย่างมาถึงทางเลือก ระหว่างหัวใจกับเป้าหมาย อะไรสำคัญกว่า....
เพื่อพบกับทินกร ชายผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือเธอจากการโดนทำร้าย
เขาเป็นดาราดังที่ทำตัวแย่ๆ จนในปัจจุบันชีวิตตกอับ ไร้งานละคร
เธอจึงพยายามที่จะช่วยเหลือเขาเป็นการตอบแทน
แม้ความหวังดีของเธอจะสร้างความหงุดหงิดน่ารำคาญสำหรับเขาแค่ไหน
แต่เธอก็ยังพยายามที่จะทำให้สำเร็จ แต่ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ หัวใจเธอก็ยิ่งพังมากขึ้นเท่านั้น
จนทุกอย่างมาถึงทางเลือก ระหว่างหัวใจกับเป้าหมาย อะไรสำคัญกว่า....
Tags: รักโรแมนติก,ดารา,นักเขียน
ตอน: ตอนที่ 26 ...หักหน้า
ภายใต้คฤหาสน์อันงดงามหรูหราที่วันนี้ใช้จัดงานใหญ่โต บรรยากาศคึกคักทีเดียว มีผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่ในชุดราตรีอลังการพร้อมด้วยเครื่องประดับเพียบพร้อมทั้งสร้อยคอ กำไลข้อมือ กลุ่มคนส่วนใหญ่เป็นนักแสดงหลักของช่อง จึงไม่น่าแปลกใจเลยสักนิดที่ทั้งงานจะมีแต่ชายหญิงสวยหล่อราวสรรค์สรรค์สร้าง
“อ้าว! เพลิง วันนี้มาเร็วดีนี่ แล้วฟ้าล่ะ” หญิงสาวในชุดราตรีสีทองประดับด้วยสร้อยเพชรราคาหลายล้านเอ่ยทัก มูลค่าองค์ประกอบทุกอย่างที่อยู่ในตัวเธอคงมากกว่าชุดของคนเป็นสิบรวมกัน ดูเลิศหรูที่สุดในงานเลยก็ว่าได้
ทินกรมองคนตรงหน้าอย่างอึ้งๆ ใบหน้าสวยสดงดงามถูกประทินด้วยเครื่องสำอางราคาแพง ขับให้เจ้าของดูสูงส่งยิ่งกว่าทุกคราที่พบกัน สำหรับเขา กัญกรเป็นสตรีที่เพียบพร้อมไปด้วยรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติอย่างแท้จริง
“ไม่รู้เหมือนกันครับ ไม่ได้คุยกันเท่าไหร่”
กัญกรมองเขาอย่างฉงนใจนัก “ทำไมล่ะ มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า”
“มีครับ” ยังไม่ทันที่ผู้บริหารสาวจะเอ่ยถามอะไรต่อมา ชายหนุ่มก็พูดต่อทันที “แต่ครั้งนี้ขอให้เป็นปัญหาของผมกับฟ้าเท่านั้นดีกว่าครับ ผมขอร้อง พี่เกลอย่าเพิ่งว่าผมหรือตัดสินใจทำอะไร ผมขอคิดให้ถี่ถ้วนที่สุดก่อน”
“ยังไงก็คิดให้ดีนะเพลิง อย่าทำอะไรที่ตัวเองต้องมาเสียใจทีหลังนะ” เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่จากกัญกรทำให้เขาอึดอัด ความรักความห่วงใยที่สาวใหญ่มีให้เขามันมากไปจนกลายเป็นโซ่ตรวนบางอย่าง แน่นอนว่าเขาไม่สามารถพูดความรู้สึกตัวเองให้ผู้หญิงคนนี้ฟังทั้งหมดได้
ทินกรเพียงแค่พยักหน้ารับคำก่อนจะเดินออกมาสู่ด้านหน้าคฤหาสน์เพราะไม่พึงประสงค์ปั้นหน้ายิ้มทักทายใครทั้งนั้น ร่างสูงหยัดกายยืนตรงอย่างสง่างามในชุดสูทสีเทาราคาแพง ทรงผมถูกเซ็ทขึ้นไปอย่างดีเปิดเผยกรอบหน้าคม ยิ่งทำให้วันนี้เขาดูหล่อเหลาเป็นพิเศษ จนสาวน้อยทั้งหลายที่กำลังก้าวเท้าเข้าไปในงานหันมามองกันตาโต
“คุณเพลิงนี่ ใช่ไหมน่ะ เข้าไปขอลายเซ็นได้ไหม ฉันยังไม่เคยร่วมงานกับเขาเลย” สาวน้อยในชุดเดรสสีชมพูสดใสเอ่ยถามเพื่อนด้านข้าง
“อย่าเลย หยิ่งจะตาย ฉันเคยร่วมงาน” เพื่อนของเธอคนนั้นเอ่ยตอบ กดเสียงตัวเองให้เบาที่สุด แต่ก็ไม่เบาเกินกว่าที่ทินกรจะได้ยิน สายตาคมตวัดมองมาดุๆ
“ก็รู้นี่ รีบออกไปให้ห่างเลยนะ ก่อนจะเจอดี” พลันที่เสียงเข้มนั้นเอ่ยจบ หญิงสาวทั้งสองก็รีบเดินเข้างานไปอย่างเร็วรี่
ทินกรหงุดหงิดใจนัก ไม่ใช่เพราะถ้อยคำที่ได้ยินจากสองคนนั้นหรอก ในเวลาที่เขากำลังรอคอยบางอย่างอยู่นี้ ต่อให้มีคนมาพูดดีด้วยแค่ไหน ก็ไม่สามารถฉุดอารมณ์เขาให้ดีขึ้นมาได้
“เมื่อไหร่จะมานะยายบ้าเอ๊ย นี่ถ้าเห็นใส่ชุดของหมอนั่นมานะ” พระเอกหนุ่มสบถอย่างหัวเสีย กี่รอบแล้วก็ไม่รู้ที่เขาดูนาฬิกาข้อมือราคาแพงแล้วเพ่งมองไปยังถนนด้านหน้า
พลันที่เห็นรถของปารวัตรเข้าจอดเทียบด้านหน้าคฤหาสน์นั่นแหละ ทินกรก็ยืนอย่างมาดมั่นมากกว่าเดิม ตวัดตาคมมองไปทางอื่นอย่างไม่สนใจนัก เพียงแต่หางตายังอยู่ที่เดิมเพื่อให้เห็นเศษเสี้ยวการเคลื่อนไหว
แต่เพราะเอะใจอะไรบางอย่างกระมัง ทำให้ชายหนุ่มหันกลับมามองเต็มตาอย่างผิดหวังหน่อยๆ
“อ้าว คุณปารวัตรไม่ได้มากับลูกหนี้ของคุณเหรอครับ” ถามไปแล้วพระเอกหนุ่มก็ตะขิดตะขวงใจกับถ้อยคำบางอย่างที่ตัวเองพูด
“อ๋อ เปล่าครับ พอดีชลเขาขอไปแต่งตัวกับดาว เดี๋ยวเขาคงมาด้วยกัน คุณทินกรมีอะไรหรือครับ จะเรียกใช้น้องชลผู้น่ารักของผมหรือเปล่า” เพราะความรู้สึกขุ่นเคืองในใจส่วนลึกนี่กระมังที่ทำให้ปารวัตรเน้นชัดที่คำว่า ‘ของผม’
ทินกรส่งเสียงฮึในลำคอ ไม่ใช่ของคุณหรอก ของผมต่างหาก!
“เปล่าครับ แค่สงสัยว่าคุณปล่อยลูกหนี้ไว้ไกลตัวไกลใจ ไม่กลัวเขาหนีหนี้หรือไงครับ”
“ไม่หรอก ผมไม่ได้เห็นเขาเป็นแค่ลูกหนี้หรือว่าทีมงานนี่ครับ และผมคงไม่เห็นแก่ตัวขนาดที่จะเอาเขามาหนีบไว้ด้วยตลอดหรอก”
เถอะ...เดี๋ยวก็รู้ว่าคนสำคัญ จริงๆ แล้วเธอเป็นของใครกันแน่
“อ้าว นั่นไงครับ ชลกับดาวมาพอดี แต่เอ๊ะ ชุด...” ด้วยถ้อยคำที่ผู้กำกับหนุ่มชะงักไว้ ทำให้ทินกรกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ เจ้าหล่อนต้องใส่ชุดของเขามาแน่นอน
แต่เมื่อหันกลับมามองไล่ระดับชุดนั้นตั้งแต่หัวจรดเท้าจนชัดเจนแก่สายตา เขากลับหงุดหงิดขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
ก็ในเมื่อชุดเกาะอกสีชมพูที่แม่นั่นใส่รัดติ้วจนเห็นเนินเนื้อซ่อนรูปนั่นมันไม่ใช่หนึ่งในชุดของเขา ชายหนุ่มมองอย่างพินิจ หรือว่าจะเป็นชุดของปารวัตร
“ชลเอาชุดนี้มาจากไหน ไม่ใช่ชุดที่พี่ซื้อให้นี่” คำถามนี้ไม่เพียงแต่ปารวัตรเท่านั้นที่รอฟัง แต่ยังมีดาราแถวนี้ที่พยายามจะทำเป็นไม่สนใจยืนฟังอยู่ด้วย
“ชุดพี่ดาวน่ะค่ะ พอดีชลมีปัญหากับชุดนิดหน่อย เลยขอยืมของพี่ดาวมาหมดทั้งเซ็ตเลย ขอโทษด้วยนะคะพี่ปุ่น”
หญิงสาวสบตาทินกรอย่างมีชัยอยู่แวบหนึ่ง นั่นแหละถึงได้ทำให้ชายหนุ่มสังเกตเธอในวันนี้ได้ถนัดตายิ่งขึ้น ดวงหน้าหวานใสอ่อนเยาว์ถูกแต่งแต้มสีสันลงไปจนดูเซ็กซี่ยวนตา ริมฝีปากอิ่มสีชมพูโดดเด่นพอๆ กับดวงตากลมโตล้อมด้วยแพขนตางอนยาว ผมดำที่เคยยุ่งเหยิงถูกม้วนลอนคลอเคลียไปถึงกลางหลัง เกาะอกสีชมพูอวดทรวงอกยั่วใจ ชุดรัดตึงตั้งแต่อกถึงเอว เว้นแต่กระโปรงที่เป็นแบบพลิ้วไหว
ทินกรยังคงมองค้าง แว่วเสียงหัวเราะอย่างขบขันจากคนตัวเล็กที่กำลังเดินผ่านไปนั่นแหละ ถึงได้เรียกให้สติเขากลับมาอยู่กับตัว
...นี่จะใส่มาอ่อยใครกันเนี่ยแม่คุณ
“เดี๋ยว” ทินกรเอ่ยเรียกเบาๆ เมื่อเห็นว่าเธอเป็นคนเดินท้ายสุด “ทำไมไม่ใส่ชุดผมมา ผมสั่งไว้ว่าไง จำไม่ได้เหรอ”
“จำได้สิคะ คุณบอกว่า ผมให้เวลาคุณเลือกชุด ในวันงานห้ามคุณใส่ชุดของหมอนั่นเด็ดขาด อย่าทำให้ผมรู้สึกด้อยกว่าใครอีกเป็นครั้งที่สอง ไม่งั้นครั้งหน้าโดนหนักกว่านี้แน่” หญิงสาวทำเสียงเข้มเป็นผู้ชายเพื่อล้อเลียนชายหนุ่มตรงหน้า
“ถึงฉันจะไม่ใส่ชุดคุณ แต่ฉันก็ไม่ได้ใส่ชุดพี่ปุ่นนี่คะ แล้วฉันผิดคำสั่งคุณตรงไหน”
“ผิด!”
ทินกรสะบัดหน้าไปทางอื่นอย่างพาลๆ เขาแค่รู้ว่าผิด แต่ก็ตอบไม่ถูกว่าผิดอย่างไร ในเมื่อเขาก็สั่งไม่เคลียร์เอง หากจะผิดก็ผิดตรงที่บังอาจมาฉลาดเล่นเล่ห์กับเขานี่แหละ
“ผิดยังไงคะ” ธราเอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวาน แต่สีหน้านั้นดูสะใจเป็นที่สุดที่ได้เอาคืนพ่อพระเอกดัง
“ผมเสียเงินไปเท่าไหร่กับค่าเช่าชุดพวกนั้น แล้วคุณไม่ใส่มา ผมจะเรียกทุนคืนได้จากไหนล่ะ”
“เช่ามาก็ต้องคืนอยู่แล้วนี่คะ คุณก็เอาไปคืนสิ ฉันรู้หรอกว่าดาราดังอย่างคุณ ต่อราคานิดหน่อยร้านเขาก็ยอมแหละ แค่คุณอาจต้องยอมเสียกอดเสียแก้มให้เขารับกำไรนิดหน่อย”
“ไม่มีทางหรอก” พูดไปแล้ว ชายหนุ่มก็นึกบางอย่างได้ก่อนหันมาทางคนตัวเล็กเซ็กซี่ “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องยอมเสียกอดเสียแก้มให้ผมเหมือนกัน เพราะคุณทำให้ผมขาดทุน แต่ขอเพิ่มอีกอย่าง เสียปากด้วยดีไหม หรือจะเสียตัวดีล่ะ”
“คุณเพลิง!” หญิงสาวแผดเสียงลั่นจนคนรอบข้างหันมามอง แต่ยังไม่ทันจะต่อกรอะไร ปารวัตรก็เดินเข้ามาแทรกกลางอย่างรู้หน้าที่
“คุณทินกรมีอะไรกับทีมงานของผมหรือเปล่าครับ ดูตึงเครียดชอบกล”
ทินกรหัวเราะชอบใจก่อนบอก “ผมน่ะไม่มีหรอก แต่ถามชลดูสิว่าเขามีหรือเปล่า”
ชายหนุ่มเดินออกไปทันทีโดยที่เสียงหัวเราะนั้นยังไม่จางหาย และแก้มแดงจัดของธรายังไม่มีทีท่าจะกลับเป็นปกติ
ไม่เพียงแต่ธราเท่านั้นหรอกที่ผิดแผกไปจากเดิม ผู้กำกับหนุ่มที่ยืนมองคนทั้งคู่อยู่นานก็ด้วย ยิ่งได้ยินถ้อยคำที่ทินกรเรียกหญิงสาวอย่างสนิทชิดเชื้อนั่นก็ยิ่งทำให้ความโกรธกรุ่นในใจพุ่งพล่าน
“เอาล่ะครับ เวลานี้ถือว่าได้เวลาอันสมควรแล้วนะครับ ผมว่าทุกคนน่าจะมากันครบแล้ว เรามาเริ่มเล่นเกมส์กันเลยดีกว่า” พิธีกรหนุ่มที่เป็นคนสนิทกับกัญกรเป็นคนประกาศเปิดงานอย่างรื่นเริง ทว่ากลับมีเสียงขัดจากนักแสดงชายคนหนึ่งเสียก่อน
“เดี๋ยวสิครับ น้องฟ้า อัจฉรายังไม่มาเลย” นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ทุกคนในบริเวณนั้นหันมามองที่ทินกรกันเป็นตาเดียวว่าเพราะอะไรแฟนสาวถึงไม่ได้มาพร้อมเขา แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่สลักสำคัญกับพระเอกหนุ่มสักนิด
“ฟ้ามาแล้วค่ะ” เสียงหวานใสดังขึ้นที่ด้านหลังของทุกคน เสียงรองเท้าส้นสูงดังกระทบพื้นก้าวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ร่างเพรียวสะโอดสะองนั้นเป็นศูนย์รวมสายตาของทุกคน เธออยู่ในชุดเกาะอกลายเสือที่รัดรูปตั้งแต่เต้าทรวงไปจนถึงบั้นท้ายงอนงาม ช่วงไหล่ถูกคลุมปกปิดด้วยเสื้อขนสัตว์สีน้ำตาล ทำให้ความเซ็กซี่เย้ายวนดูลึกลับอยู่ในที
ร่างบางเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างทินกรอย่างมาดมั่น ผิดมาดนางเอกสาวผู้เรียบร้อยใสซื่อ ดวงหน้าหวานที่เคลือบด้วยความเซ็กซี่ปราดมองคนด้านข้าง “มาไม่รอกันเลยนะคะพี่เพลิง”
ชายหนุ่มไม่ได้สนใจจะตอบ แต่กลับมองไปยังด้านซ้ายที่มีธราและปารวัตรยืนอยู่ ความรู้สึกบางอย่างแล่นปราดขึ้นมาจนเขาต้องเอามือทาบบริเวณด้านซ้ายของเสื้อสูทที่ซึ่งมีของบางอย่างอยู่ในนั้น
“เกมส์ที่หนึ่ง แยกทีมงานและนักแสดงออกจากกันก่อนครับ นักแสดงอยู่ทางขวา ทีมงานอยู่ฝั่งซ้าย เดี๋ยวเราจะสร้างสัมพันธ์ระหว่างเบื้องหน้ากับเบื้องหลังนะครับ ทีมงานจับฉลากที่อยู่ในกล่องด้านหน้าได้เลยครับ ถ้าจับได้กระดาษเปล่าก็เสียใจด้วย แต่ถ้าจับได้ชื่อของนักแสดงคนใด ให้เราเข้าไปพูดหรือทำอะไรกับเขาก็ได้ครับ”
ทีมงานเริ่มจับฉลากทีละคนเรียงกันมา หญิงสาวทุกคนต่างก็ตื่นเต้นลุ้นระทึกกับชื่อของบุคคลที่จะได้ รวมถึงธราด้วย แต่เมื่อหยิบจับได้ชื่อนั้นขึ้นมา เธอก็แทบจะเขวี้ยงทิ้งลงไปกับพื้นเสียจริง
“ชลได้ใครน่ะ” ผู้กำกับหนุ่มเอ่ยถามขึ้น พลางชูของตัวเองขึ้นอวด “พี่ได้น้องฟ้า ผู้ชายทุกคนต้องอิจฉาพี่ก็วันนี้แหละ”
ธรากางแผ่นกระดาษออกโชว์ด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย “ได้คุณเพลิงค่ะ”
แต่คนที่ถามกลับไม่ได้สนใจเท่าผู้หญิงคนอื่นที่พากันมารายล้อม “น้องได้คุณเพลิงเหรอ โหย น่าอิจฉาจังเลย”
...น่าอิจฉาตรงไหน มีโอกาสได้ใกล้ชิดดาราทั้งที น่าจะได้คนอื่น ดันได้คนที่เห็นหน้ากันอยู่ทุกวัน
“ใช่ๆ พี่นะอยากได้จะตายแต่ไม่ได้ นี่ถ้าพี่เป็นน้องนะ จะจับหอมแก้มสักฟอดสองฟอด โดนไล่ตะเพิดก็ยอมล่ะวะงานนี้”
ธราไม่ได้ตอบอะไรไปแต่ความคิดชั่วร้ายมาอย่างก็แล่นเข้ามาในหัวสมองเมื่อยามสานสบรอยยิ้มหยันๆ จากหญิงสาวชุดเสือจากฝั่งนักแสดงที่อยู่ตรงข้าม
“เอาล่ะครับ เมื่อทุกคนจับเสร็จแล้ว คนที่ได้ชื่อพระเอกนางเอกเรื่องไหน ให้มายืนอยู่ด้านหน้าเลยครับ” พิธีกรประกาศอีกครั้ง ปารวัตรจูงมือธราเดินออกไปอย่างเป็นเจ้าของทันที หวังว่าทินกรจะเห็นภาพนี้ได้ชัดเจน
หัวใจเขาวูบไหวประหลาดขึ้นมาอีกแล้วที่รู้ว่าธราจับได้คนที่ทำให้เขาไม่สบายใจ
“ก้าวเข้าไปอยู่ด้านหน้านักแสดงที่ตัวเองจับได้เลยครับ ฝั่งนักแสดงยืนนิ่งๆ เท่านั้นนะครับ ห้ามแสดงอาการใดๆ แต่ทีมงานผู้ชายที่ได้นักแสดงผู้หญิง ห้ามลวนลามนะครับ ให้เกียรติกันด้วย”
“อ่า...ไม่รู้จะพูดอะไรดี ก็ขอให้น่ารักแบบนี้ตลอดไป มีรักที่สดใสอย่างที่ใจต้องการนะครับน้องฟ้า” ปารวัตรเอ่ยยิ้มๆ ระคนขัดเขินกับอัจฉรา แต่นางเอกสาวยิ้มร่าพลางเอื้อมมาจับมือผู้กำกับหนุ่มอย่างเป็นกันเอง
“ขอบคุณนะคะพี่ปุ่น” แล้วก็หันไปมองหน้าทินกรที่คาดว่าน่าจะมีปฏิกิริยาอะไรบ้าง แต่ไม่เลย เขาไม่ได้มองมาด้วยซ้ำ
ทินกรยิ้มมุมปากเล็กน้อยที่เห็นว่าคนตรงหน้าเขาคือธรา ยายลิงตัวแสบของเขานั่นเอง ชายหนุ่มพินิจใบหน้าเซ็กซี่นั้นแล้วอยากจะจับมาฟัดสักสองสามตลบ หากไม่ติดว่าที่นี่คือคฤหาสน์ของกัญกรที่มีนักข่าวอยู่มากมาย
ธรายักคิ้วให้เขาเล็กน้อย ก่อนตะโกนดังลั่นจนทุกคนในบริเวณนั้นหันมามอง “ตายแล้ว! นี่คุณเพลิงตัวจริงหรือคะเนี่ย ฉันตามดูละครคุณมาตลอดเลย แต่ยังไม่มีโอกาสได้ร่วมงานกันสักที ดีจังที่ฉันจับได้คุณ ขอหอมแก้มสักฟอดนะคะ”
ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้เอ่ยห้ามปรามอะไร ร่างเล็กก็เขย่งตัวขึ้นหอมแก้มเขาอย่างถนัดถนี่ ทั้งแก้มซ้ายและแก้มขวา หากเขาจะเบี่ยงหลบมันก็คงทำได้ไม่ยากนัก แต่คงเป็นความต้องการส่วนหนึ่งของเขากระมังจึงยอมหันแก้มทั้งสองข้างให้หญิงสาวฝังจมูกลงไปแต่โดยดี มือเล็กประคองหน้าเขาไว้ทั้งคู่ ธรายิ้มจนตาหยี
“คุณมันน่ารักจริงๆ ค่ะคุณเพลิง ไม่เห็นคุณจะหยิ่งเลยสักนิด ใจดีออกจะตายไป ขอบคุณนะคะ” พูดจบหญิงสาวก็ตวัดหางตามองอัจฉราอย่างคนชนะ แววตาฉายชัดในทุกห้วงอารมณ์
...รู้ซึ้งถึงการเป็นคนแพ้หรือยัง!
บรรยากาศแถวนั้นเงียบสนิทตั้งแต่ที่เห็นทีมงานสาวหอมแก้มพระเอกดังที่ขึ้นชื่อว่าเย่อหยิ่งที่สุดในวงการ แต่เขากลับไม่มีท่าทางขัดขืนใดๆ ทั้งที่เขาควรจะไล่ตะเพิดแม่คนนั้นออกไปตั้งแต่เห็นหน้าแล้วด้วยซ้ำ เหตุการณ์สำคัญแบบนี้ไม่แปลกเลยที่นักข่าวจากทุกสำนักจะเก็บภาพไว้ได้ทัน
“เอ่อ...จบเกมส์นี้เลยละกันนะครับ เดี๋ยวเราจะเปิดฟลอร์ให้ได้เต้นรำกัน ขอเชิญทุกคนกลางฟลอร์ได้เลย”
ยายลิงตัวปัญหาของทินกรเดินจากไปแล้ว แต่ทิ้งความขุ่นเคืองค้างไว้ในใจอัจฉราได้อย่างน่าประหลาด นางเอกสาวไม่รอให้ความสัมพันธ์ที่คุกรุ่นของเธอกับทินกรถอยหลังลงคลองแน่ๆ เธอจับมือชายหนุ่มแน่นก่อนจะลากไปกลางฟลอร์เป็นคู่แรกโดยไม่ไถ่ถามสักคำ
“อ๊ะ ห้ามหนีนะคะพี่เพลิง คนมองอยู่ไม่เห็นเหรอ สนใจภาพพจน์หน่อยนะคะ ก็รู้อยู่ว่าเราต้องทำแบบนี้เพื่ออะไร พี่ลืมแล้วหรือคะ” อัจฉราเอ่ยเสียงเครียดเมื่อเห็นว่าเขากำลังจะผละออกจากเธอไป มือบางจิกต้นแขนล่ำของเขาไว้แน่น
เขาหันกลับมายอมเต้นกับเธอก็จริง แต่สายตานั้นเบือนมองไปยังคนตัวเล็กที่เริ่มเข้ามาในฟลอร์กับปารวัตร
“พี่ไม่สนใจชื่อเสียงหรอก แต่พี่รู้ว่าฟ้าสนใจ”
“เดี๋ยวนี้พี่แปลกๆ ไปนะคะ ลืมสัญญาระหว่างเราหรือคะ ไม่รักฟ้าแล้วเหรอ”
นั่นแหละ ชายหนุ่มถึงได้หันกลับมาจ้องลึกในดวงตาอัจฉราด้วยความเจ็บปวดใจ เขาไม่อยากยอมรับนักหรอกว่ายังไงเขาก็เลิกรักคนๆ นี้ไม่ได้อยู่ดี ความผูกพันที่มีให้กันมามันเป็นสายใยที่แน่นแฟ้นเหลือเกิน
“ไม่ลืมหรอก กำลังพยายามทำอยู่นี่ไง” เขาตอบเพียงแค่คำถามแรกของหญิงสาว เลี่ยงที่จะตอบคำถามที่สอง ไม่อยากเอื้อนเอ่ยบางคำออกไป
...คำว่ารัก
เขาละสายตาจากใบหน้างดงามของคนตรงหน้าเพื่อมองหาคนที่งามน้อยกว่าแต่ทำให้เขาอุ่นใจ มองดูร่างเล็กที่ถูกปารวัตรรั้งเอวไว้แนบชิดนั้นก็หงุดหงิดนัก นี่เธอกำลังทำให้เขาอารมณ์เสีย เขากำลังกลายเป็นตัวตลก เป็นของเล่นของแม่นั่นเหมือนที่ตัวเขาเคยพูดดูแคลนเธอไว้ไม่มีผิด
ยืนมองอยู่นิ่งๆ สักพัก แล้วความรู้สึกในใจก็ยิ่งลุกเป็นไฟเมื่อแลเห็นปารวัตรเริ่มโน้มหน้าเข้าไปใกล้หญิงสาวที่ไร้วี่แววจะขัดขืน เวลานั้นเองที่หัวใจเขากู่ก้องร้องบอก
ไม่มีวัน ปารวัตรจะไม่มีวันได้ทำซ้ำรอยเขา!
พรึ่บ!
เป็นจังหวะเดียวกับที่ไฟในคฤหาสน์หลังงามมืดดับลง และนั่นยิ่งเป็นเวลาเหมาะสมที่เขาจะพุ่งออกไปกระชากแม่ตัวดีออกมาแล้วสั่งสอนให้น้ำตานอง
“ต่อไปจะเป็นช่วงเวลาของ...” พิธีกรบนเวทีพูดว่าอะไรบ้าง ทินกรไม่อยากรู้อีกแล้ว เมื่อสายตาปรับชินกับความมืดได้ เขาก็ผละออกจากหญิงสาวที่เกาะกุมเขาไว้ ก่อนจะเดินเร็วรี่เข้าไปหาคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ไม่ห่างนัก
“เดี๋ยว! พี่เพลิง จะไปไหนคะ ว้าย” อัจฉราพยายามเหนี่ยวรั้งเขาไว้แต่เมื่อเดินตามออกไปกลับชนกับคนมากมายจนแทบล้มกลิ้ง
ไม่ใช่ว่าทินกรไม่ชนหรอก เขาก็ชน แต่ถามว่าเขาสนใจไหม ตอบเลยว่าไม่ มือหนาตรงเข้าไปกระชากต้นแขนกลมกลึงแล้วออกแรงดึงออกมาโดยไม่สนใจว่าจะกระแทกกับอะไรบ้าง สัมผัสที่คุ้นเคยและเสียงโวยวายจากคนตัวเล็กนั้นทำให้เขาแน่ใจว่าไม่ผิดตัวแน่นอน
“โอ๊ย ว้าย ใครเนี่ย ปล่อยนะ” เสียงโวยวายจากธราผสานกับเสียงก่นด่าของหลายคนในบริเวณนั้นทำเอาพิธีกรในงานพากันตื่นตระหนก
“เกิดอะไรขึ้นครับ ทีมงาน เปิดไฟเดี๋ยวนี้ เปิดไฟ!”
ณ เวลานั้น ทินกรเดินออกมาไกลจนถึงด้านหน้าคฤหาสน์แล้ว แต่ชายหนุ่มก็อดห่วงคนที่เขากระชากมาไม่ได้ ไวเท่าความคิด ทินกรถอดเสื้อสูทสีเทาสง่างามนั้นออกอย่างลวกๆ แล้วคลุมศีรษะหญิงสาวไว้ โอบประคองไว้ข้างกาย ความใหญ่ของเสื้อตัวนั้นคลุมมิดทั้งชุด ไม่มีโผล่ให้คนด้านหลังเห็น ก่อนจะรีบดึงเธอออกไปอย่างเร็วรี่
“เฮ้ย นั่นใครน่ะ” เสียงประกาศจากไมค์บนเวทีอลังการนั่นทำให้ทุกคนหันมามองด้านหลัง เห็นชายร่างสูงคนหนึ่งโอบประคองหญิงสาวที่ไม่อาจทราบได้ว่าเป็นใครลงจากบันไดคฤหาสน์เหมือนจะมุ่งหน้าไปทางโรงรถ
“เหมือนคุณเพลิงเลย ใช่ไหมน่ะ แล้วผู้หญิงนั่นใคร” ไม่เพียงแต่เสียงที่ดังขึ้นอย่างเซ็งแซ่ แต่ทุกคนรีบแห่กันตามออกไปด้านนอกทันที
ตอนนั้นทินกรจับคนดื้อดึงที่เอาแต่ดิ้นโวยวายบังคับยัดเยียดให้เข้าไปในรถอย่างไร้ความปราณี ก่อนจะรีบสาวเท้านั่งที่ฝั่งคนขับและเหยียบคันเร่งออกไปจนสุด ท่ามกลางความตื่นตะลึงของทุกคนในงาน และอัจฉราที่มองตามรถคันนั้นอย่างเจ็บแค้น
...หักหน้ากันขนาดนี้เลยใช่ไหม ได้! พี่เพลิง...
____________________________________________________________________________________
ฝาก E-book ด้วยนะคะ ที่ www.mebmarket.com ค่า ชื่อเรื่องว่า "หนึ่งใจในรอยกาล" น้าาา
แล้วก็ฝากเพจด้วยค่ะ ชื่อเพจว่า "เอวาลิน - นักเขียน"
ขอบคุณคนที่มาเม้นให้ทุกตอนเลยนะคะ กำลังใจเดียวก็สำคัญกับเรามากเลยแหละ ^^ ถ้าจะให้ดี ซื้ออีบุคด้วยนะคะ 5555 (ปล.เราตอบไม่เป็นง่าา)
“อ้าว! เพลิง วันนี้มาเร็วดีนี่ แล้วฟ้าล่ะ” หญิงสาวในชุดราตรีสีทองประดับด้วยสร้อยเพชรราคาหลายล้านเอ่ยทัก มูลค่าองค์ประกอบทุกอย่างที่อยู่ในตัวเธอคงมากกว่าชุดของคนเป็นสิบรวมกัน ดูเลิศหรูที่สุดในงานเลยก็ว่าได้
ทินกรมองคนตรงหน้าอย่างอึ้งๆ ใบหน้าสวยสดงดงามถูกประทินด้วยเครื่องสำอางราคาแพง ขับให้เจ้าของดูสูงส่งยิ่งกว่าทุกคราที่พบกัน สำหรับเขา กัญกรเป็นสตรีที่เพียบพร้อมไปด้วยรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติอย่างแท้จริง
“ไม่รู้เหมือนกันครับ ไม่ได้คุยกันเท่าไหร่”
กัญกรมองเขาอย่างฉงนใจนัก “ทำไมล่ะ มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า”
“มีครับ” ยังไม่ทันที่ผู้บริหารสาวจะเอ่ยถามอะไรต่อมา ชายหนุ่มก็พูดต่อทันที “แต่ครั้งนี้ขอให้เป็นปัญหาของผมกับฟ้าเท่านั้นดีกว่าครับ ผมขอร้อง พี่เกลอย่าเพิ่งว่าผมหรือตัดสินใจทำอะไร ผมขอคิดให้ถี่ถ้วนที่สุดก่อน”
“ยังไงก็คิดให้ดีนะเพลิง อย่าทำอะไรที่ตัวเองต้องมาเสียใจทีหลังนะ” เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่จากกัญกรทำให้เขาอึดอัด ความรักความห่วงใยที่สาวใหญ่มีให้เขามันมากไปจนกลายเป็นโซ่ตรวนบางอย่าง แน่นอนว่าเขาไม่สามารถพูดความรู้สึกตัวเองให้ผู้หญิงคนนี้ฟังทั้งหมดได้
ทินกรเพียงแค่พยักหน้ารับคำก่อนจะเดินออกมาสู่ด้านหน้าคฤหาสน์เพราะไม่พึงประสงค์ปั้นหน้ายิ้มทักทายใครทั้งนั้น ร่างสูงหยัดกายยืนตรงอย่างสง่างามในชุดสูทสีเทาราคาแพง ทรงผมถูกเซ็ทขึ้นไปอย่างดีเปิดเผยกรอบหน้าคม ยิ่งทำให้วันนี้เขาดูหล่อเหลาเป็นพิเศษ จนสาวน้อยทั้งหลายที่กำลังก้าวเท้าเข้าไปในงานหันมามองกันตาโต
“คุณเพลิงนี่ ใช่ไหมน่ะ เข้าไปขอลายเซ็นได้ไหม ฉันยังไม่เคยร่วมงานกับเขาเลย” สาวน้อยในชุดเดรสสีชมพูสดใสเอ่ยถามเพื่อนด้านข้าง
“อย่าเลย หยิ่งจะตาย ฉันเคยร่วมงาน” เพื่อนของเธอคนนั้นเอ่ยตอบ กดเสียงตัวเองให้เบาที่สุด แต่ก็ไม่เบาเกินกว่าที่ทินกรจะได้ยิน สายตาคมตวัดมองมาดุๆ
“ก็รู้นี่ รีบออกไปให้ห่างเลยนะ ก่อนจะเจอดี” พลันที่เสียงเข้มนั้นเอ่ยจบ หญิงสาวทั้งสองก็รีบเดินเข้างานไปอย่างเร็วรี่
ทินกรหงุดหงิดใจนัก ไม่ใช่เพราะถ้อยคำที่ได้ยินจากสองคนนั้นหรอก ในเวลาที่เขากำลังรอคอยบางอย่างอยู่นี้ ต่อให้มีคนมาพูดดีด้วยแค่ไหน ก็ไม่สามารถฉุดอารมณ์เขาให้ดีขึ้นมาได้
“เมื่อไหร่จะมานะยายบ้าเอ๊ย นี่ถ้าเห็นใส่ชุดของหมอนั่นมานะ” พระเอกหนุ่มสบถอย่างหัวเสีย กี่รอบแล้วก็ไม่รู้ที่เขาดูนาฬิกาข้อมือราคาแพงแล้วเพ่งมองไปยังถนนด้านหน้า
พลันที่เห็นรถของปารวัตรเข้าจอดเทียบด้านหน้าคฤหาสน์นั่นแหละ ทินกรก็ยืนอย่างมาดมั่นมากกว่าเดิม ตวัดตาคมมองไปทางอื่นอย่างไม่สนใจนัก เพียงแต่หางตายังอยู่ที่เดิมเพื่อให้เห็นเศษเสี้ยวการเคลื่อนไหว
แต่เพราะเอะใจอะไรบางอย่างกระมัง ทำให้ชายหนุ่มหันกลับมามองเต็มตาอย่างผิดหวังหน่อยๆ
“อ้าว คุณปารวัตรไม่ได้มากับลูกหนี้ของคุณเหรอครับ” ถามไปแล้วพระเอกหนุ่มก็ตะขิดตะขวงใจกับถ้อยคำบางอย่างที่ตัวเองพูด
“อ๋อ เปล่าครับ พอดีชลเขาขอไปแต่งตัวกับดาว เดี๋ยวเขาคงมาด้วยกัน คุณทินกรมีอะไรหรือครับ จะเรียกใช้น้องชลผู้น่ารักของผมหรือเปล่า” เพราะความรู้สึกขุ่นเคืองในใจส่วนลึกนี่กระมังที่ทำให้ปารวัตรเน้นชัดที่คำว่า ‘ของผม’
ทินกรส่งเสียงฮึในลำคอ ไม่ใช่ของคุณหรอก ของผมต่างหาก!
“เปล่าครับ แค่สงสัยว่าคุณปล่อยลูกหนี้ไว้ไกลตัวไกลใจ ไม่กลัวเขาหนีหนี้หรือไงครับ”
“ไม่หรอก ผมไม่ได้เห็นเขาเป็นแค่ลูกหนี้หรือว่าทีมงานนี่ครับ และผมคงไม่เห็นแก่ตัวขนาดที่จะเอาเขามาหนีบไว้ด้วยตลอดหรอก”
เถอะ...เดี๋ยวก็รู้ว่าคนสำคัญ จริงๆ แล้วเธอเป็นของใครกันแน่
“อ้าว นั่นไงครับ ชลกับดาวมาพอดี แต่เอ๊ะ ชุด...” ด้วยถ้อยคำที่ผู้กำกับหนุ่มชะงักไว้ ทำให้ทินกรกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ เจ้าหล่อนต้องใส่ชุดของเขามาแน่นอน
แต่เมื่อหันกลับมามองไล่ระดับชุดนั้นตั้งแต่หัวจรดเท้าจนชัดเจนแก่สายตา เขากลับหงุดหงิดขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
ก็ในเมื่อชุดเกาะอกสีชมพูที่แม่นั่นใส่รัดติ้วจนเห็นเนินเนื้อซ่อนรูปนั่นมันไม่ใช่หนึ่งในชุดของเขา ชายหนุ่มมองอย่างพินิจ หรือว่าจะเป็นชุดของปารวัตร
“ชลเอาชุดนี้มาจากไหน ไม่ใช่ชุดที่พี่ซื้อให้นี่” คำถามนี้ไม่เพียงแต่ปารวัตรเท่านั้นที่รอฟัง แต่ยังมีดาราแถวนี้ที่พยายามจะทำเป็นไม่สนใจยืนฟังอยู่ด้วย
“ชุดพี่ดาวน่ะค่ะ พอดีชลมีปัญหากับชุดนิดหน่อย เลยขอยืมของพี่ดาวมาหมดทั้งเซ็ตเลย ขอโทษด้วยนะคะพี่ปุ่น”
หญิงสาวสบตาทินกรอย่างมีชัยอยู่แวบหนึ่ง นั่นแหละถึงได้ทำให้ชายหนุ่มสังเกตเธอในวันนี้ได้ถนัดตายิ่งขึ้น ดวงหน้าหวานใสอ่อนเยาว์ถูกแต่งแต้มสีสันลงไปจนดูเซ็กซี่ยวนตา ริมฝีปากอิ่มสีชมพูโดดเด่นพอๆ กับดวงตากลมโตล้อมด้วยแพขนตางอนยาว ผมดำที่เคยยุ่งเหยิงถูกม้วนลอนคลอเคลียไปถึงกลางหลัง เกาะอกสีชมพูอวดทรวงอกยั่วใจ ชุดรัดตึงตั้งแต่อกถึงเอว เว้นแต่กระโปรงที่เป็นแบบพลิ้วไหว
ทินกรยังคงมองค้าง แว่วเสียงหัวเราะอย่างขบขันจากคนตัวเล็กที่กำลังเดินผ่านไปนั่นแหละ ถึงได้เรียกให้สติเขากลับมาอยู่กับตัว
...นี่จะใส่มาอ่อยใครกันเนี่ยแม่คุณ
“เดี๋ยว” ทินกรเอ่ยเรียกเบาๆ เมื่อเห็นว่าเธอเป็นคนเดินท้ายสุด “ทำไมไม่ใส่ชุดผมมา ผมสั่งไว้ว่าไง จำไม่ได้เหรอ”
“จำได้สิคะ คุณบอกว่า ผมให้เวลาคุณเลือกชุด ในวันงานห้ามคุณใส่ชุดของหมอนั่นเด็ดขาด อย่าทำให้ผมรู้สึกด้อยกว่าใครอีกเป็นครั้งที่สอง ไม่งั้นครั้งหน้าโดนหนักกว่านี้แน่” หญิงสาวทำเสียงเข้มเป็นผู้ชายเพื่อล้อเลียนชายหนุ่มตรงหน้า
“ถึงฉันจะไม่ใส่ชุดคุณ แต่ฉันก็ไม่ได้ใส่ชุดพี่ปุ่นนี่คะ แล้วฉันผิดคำสั่งคุณตรงไหน”
“ผิด!”
ทินกรสะบัดหน้าไปทางอื่นอย่างพาลๆ เขาแค่รู้ว่าผิด แต่ก็ตอบไม่ถูกว่าผิดอย่างไร ในเมื่อเขาก็สั่งไม่เคลียร์เอง หากจะผิดก็ผิดตรงที่บังอาจมาฉลาดเล่นเล่ห์กับเขานี่แหละ
“ผิดยังไงคะ” ธราเอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวาน แต่สีหน้านั้นดูสะใจเป็นที่สุดที่ได้เอาคืนพ่อพระเอกดัง
“ผมเสียเงินไปเท่าไหร่กับค่าเช่าชุดพวกนั้น แล้วคุณไม่ใส่มา ผมจะเรียกทุนคืนได้จากไหนล่ะ”
“เช่ามาก็ต้องคืนอยู่แล้วนี่คะ คุณก็เอาไปคืนสิ ฉันรู้หรอกว่าดาราดังอย่างคุณ ต่อราคานิดหน่อยร้านเขาก็ยอมแหละ แค่คุณอาจต้องยอมเสียกอดเสียแก้มให้เขารับกำไรนิดหน่อย”
“ไม่มีทางหรอก” พูดไปแล้ว ชายหนุ่มก็นึกบางอย่างได้ก่อนหันมาทางคนตัวเล็กเซ็กซี่ “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องยอมเสียกอดเสียแก้มให้ผมเหมือนกัน เพราะคุณทำให้ผมขาดทุน แต่ขอเพิ่มอีกอย่าง เสียปากด้วยดีไหม หรือจะเสียตัวดีล่ะ”
“คุณเพลิง!” หญิงสาวแผดเสียงลั่นจนคนรอบข้างหันมามอง แต่ยังไม่ทันจะต่อกรอะไร ปารวัตรก็เดินเข้ามาแทรกกลางอย่างรู้หน้าที่
“คุณทินกรมีอะไรกับทีมงานของผมหรือเปล่าครับ ดูตึงเครียดชอบกล”
ทินกรหัวเราะชอบใจก่อนบอก “ผมน่ะไม่มีหรอก แต่ถามชลดูสิว่าเขามีหรือเปล่า”
ชายหนุ่มเดินออกไปทันทีโดยที่เสียงหัวเราะนั้นยังไม่จางหาย และแก้มแดงจัดของธรายังไม่มีทีท่าจะกลับเป็นปกติ
ไม่เพียงแต่ธราเท่านั้นหรอกที่ผิดแผกไปจากเดิม ผู้กำกับหนุ่มที่ยืนมองคนทั้งคู่อยู่นานก็ด้วย ยิ่งได้ยินถ้อยคำที่ทินกรเรียกหญิงสาวอย่างสนิทชิดเชื้อนั่นก็ยิ่งทำให้ความโกรธกรุ่นในใจพุ่งพล่าน
“เอาล่ะครับ เวลานี้ถือว่าได้เวลาอันสมควรแล้วนะครับ ผมว่าทุกคนน่าจะมากันครบแล้ว เรามาเริ่มเล่นเกมส์กันเลยดีกว่า” พิธีกรหนุ่มที่เป็นคนสนิทกับกัญกรเป็นคนประกาศเปิดงานอย่างรื่นเริง ทว่ากลับมีเสียงขัดจากนักแสดงชายคนหนึ่งเสียก่อน
“เดี๋ยวสิครับ น้องฟ้า อัจฉรายังไม่มาเลย” นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ทุกคนในบริเวณนั้นหันมามองที่ทินกรกันเป็นตาเดียวว่าเพราะอะไรแฟนสาวถึงไม่ได้มาพร้อมเขา แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่สลักสำคัญกับพระเอกหนุ่มสักนิด
“ฟ้ามาแล้วค่ะ” เสียงหวานใสดังขึ้นที่ด้านหลังของทุกคน เสียงรองเท้าส้นสูงดังกระทบพื้นก้าวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ร่างเพรียวสะโอดสะองนั้นเป็นศูนย์รวมสายตาของทุกคน เธออยู่ในชุดเกาะอกลายเสือที่รัดรูปตั้งแต่เต้าทรวงไปจนถึงบั้นท้ายงอนงาม ช่วงไหล่ถูกคลุมปกปิดด้วยเสื้อขนสัตว์สีน้ำตาล ทำให้ความเซ็กซี่เย้ายวนดูลึกลับอยู่ในที
ร่างบางเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างทินกรอย่างมาดมั่น ผิดมาดนางเอกสาวผู้เรียบร้อยใสซื่อ ดวงหน้าหวานที่เคลือบด้วยความเซ็กซี่ปราดมองคนด้านข้าง “มาไม่รอกันเลยนะคะพี่เพลิง”
ชายหนุ่มไม่ได้สนใจจะตอบ แต่กลับมองไปยังด้านซ้ายที่มีธราและปารวัตรยืนอยู่ ความรู้สึกบางอย่างแล่นปราดขึ้นมาจนเขาต้องเอามือทาบบริเวณด้านซ้ายของเสื้อสูทที่ซึ่งมีของบางอย่างอยู่ในนั้น
“เกมส์ที่หนึ่ง แยกทีมงานและนักแสดงออกจากกันก่อนครับ นักแสดงอยู่ทางขวา ทีมงานอยู่ฝั่งซ้าย เดี๋ยวเราจะสร้างสัมพันธ์ระหว่างเบื้องหน้ากับเบื้องหลังนะครับ ทีมงานจับฉลากที่อยู่ในกล่องด้านหน้าได้เลยครับ ถ้าจับได้กระดาษเปล่าก็เสียใจด้วย แต่ถ้าจับได้ชื่อของนักแสดงคนใด ให้เราเข้าไปพูดหรือทำอะไรกับเขาก็ได้ครับ”
ทีมงานเริ่มจับฉลากทีละคนเรียงกันมา หญิงสาวทุกคนต่างก็ตื่นเต้นลุ้นระทึกกับชื่อของบุคคลที่จะได้ รวมถึงธราด้วย แต่เมื่อหยิบจับได้ชื่อนั้นขึ้นมา เธอก็แทบจะเขวี้ยงทิ้งลงไปกับพื้นเสียจริง
“ชลได้ใครน่ะ” ผู้กำกับหนุ่มเอ่ยถามขึ้น พลางชูของตัวเองขึ้นอวด “พี่ได้น้องฟ้า ผู้ชายทุกคนต้องอิจฉาพี่ก็วันนี้แหละ”
ธรากางแผ่นกระดาษออกโชว์ด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย “ได้คุณเพลิงค่ะ”
แต่คนที่ถามกลับไม่ได้สนใจเท่าผู้หญิงคนอื่นที่พากันมารายล้อม “น้องได้คุณเพลิงเหรอ โหย น่าอิจฉาจังเลย”
...น่าอิจฉาตรงไหน มีโอกาสได้ใกล้ชิดดาราทั้งที น่าจะได้คนอื่น ดันได้คนที่เห็นหน้ากันอยู่ทุกวัน
“ใช่ๆ พี่นะอยากได้จะตายแต่ไม่ได้ นี่ถ้าพี่เป็นน้องนะ จะจับหอมแก้มสักฟอดสองฟอด โดนไล่ตะเพิดก็ยอมล่ะวะงานนี้”
ธราไม่ได้ตอบอะไรไปแต่ความคิดชั่วร้ายมาอย่างก็แล่นเข้ามาในหัวสมองเมื่อยามสานสบรอยยิ้มหยันๆ จากหญิงสาวชุดเสือจากฝั่งนักแสดงที่อยู่ตรงข้าม
“เอาล่ะครับ เมื่อทุกคนจับเสร็จแล้ว คนที่ได้ชื่อพระเอกนางเอกเรื่องไหน ให้มายืนอยู่ด้านหน้าเลยครับ” พิธีกรประกาศอีกครั้ง ปารวัตรจูงมือธราเดินออกไปอย่างเป็นเจ้าของทันที หวังว่าทินกรจะเห็นภาพนี้ได้ชัดเจน
หัวใจเขาวูบไหวประหลาดขึ้นมาอีกแล้วที่รู้ว่าธราจับได้คนที่ทำให้เขาไม่สบายใจ
“ก้าวเข้าไปอยู่ด้านหน้านักแสดงที่ตัวเองจับได้เลยครับ ฝั่งนักแสดงยืนนิ่งๆ เท่านั้นนะครับ ห้ามแสดงอาการใดๆ แต่ทีมงานผู้ชายที่ได้นักแสดงผู้หญิง ห้ามลวนลามนะครับ ให้เกียรติกันด้วย”
“อ่า...ไม่รู้จะพูดอะไรดี ก็ขอให้น่ารักแบบนี้ตลอดไป มีรักที่สดใสอย่างที่ใจต้องการนะครับน้องฟ้า” ปารวัตรเอ่ยยิ้มๆ ระคนขัดเขินกับอัจฉรา แต่นางเอกสาวยิ้มร่าพลางเอื้อมมาจับมือผู้กำกับหนุ่มอย่างเป็นกันเอง
“ขอบคุณนะคะพี่ปุ่น” แล้วก็หันไปมองหน้าทินกรที่คาดว่าน่าจะมีปฏิกิริยาอะไรบ้าง แต่ไม่เลย เขาไม่ได้มองมาด้วยซ้ำ
ทินกรยิ้มมุมปากเล็กน้อยที่เห็นว่าคนตรงหน้าเขาคือธรา ยายลิงตัวแสบของเขานั่นเอง ชายหนุ่มพินิจใบหน้าเซ็กซี่นั้นแล้วอยากจะจับมาฟัดสักสองสามตลบ หากไม่ติดว่าที่นี่คือคฤหาสน์ของกัญกรที่มีนักข่าวอยู่มากมาย
ธรายักคิ้วให้เขาเล็กน้อย ก่อนตะโกนดังลั่นจนทุกคนในบริเวณนั้นหันมามอง “ตายแล้ว! นี่คุณเพลิงตัวจริงหรือคะเนี่ย ฉันตามดูละครคุณมาตลอดเลย แต่ยังไม่มีโอกาสได้ร่วมงานกันสักที ดีจังที่ฉันจับได้คุณ ขอหอมแก้มสักฟอดนะคะ”
ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้เอ่ยห้ามปรามอะไร ร่างเล็กก็เขย่งตัวขึ้นหอมแก้มเขาอย่างถนัดถนี่ ทั้งแก้มซ้ายและแก้มขวา หากเขาจะเบี่ยงหลบมันก็คงทำได้ไม่ยากนัก แต่คงเป็นความต้องการส่วนหนึ่งของเขากระมังจึงยอมหันแก้มทั้งสองข้างให้หญิงสาวฝังจมูกลงไปแต่โดยดี มือเล็กประคองหน้าเขาไว้ทั้งคู่ ธรายิ้มจนตาหยี
“คุณมันน่ารักจริงๆ ค่ะคุณเพลิง ไม่เห็นคุณจะหยิ่งเลยสักนิด ใจดีออกจะตายไป ขอบคุณนะคะ” พูดจบหญิงสาวก็ตวัดหางตามองอัจฉราอย่างคนชนะ แววตาฉายชัดในทุกห้วงอารมณ์
...รู้ซึ้งถึงการเป็นคนแพ้หรือยัง!
บรรยากาศแถวนั้นเงียบสนิทตั้งแต่ที่เห็นทีมงานสาวหอมแก้มพระเอกดังที่ขึ้นชื่อว่าเย่อหยิ่งที่สุดในวงการ แต่เขากลับไม่มีท่าทางขัดขืนใดๆ ทั้งที่เขาควรจะไล่ตะเพิดแม่คนนั้นออกไปตั้งแต่เห็นหน้าแล้วด้วยซ้ำ เหตุการณ์สำคัญแบบนี้ไม่แปลกเลยที่นักข่าวจากทุกสำนักจะเก็บภาพไว้ได้ทัน
“เอ่อ...จบเกมส์นี้เลยละกันนะครับ เดี๋ยวเราจะเปิดฟลอร์ให้ได้เต้นรำกัน ขอเชิญทุกคนกลางฟลอร์ได้เลย”
ยายลิงตัวปัญหาของทินกรเดินจากไปแล้ว แต่ทิ้งความขุ่นเคืองค้างไว้ในใจอัจฉราได้อย่างน่าประหลาด นางเอกสาวไม่รอให้ความสัมพันธ์ที่คุกรุ่นของเธอกับทินกรถอยหลังลงคลองแน่ๆ เธอจับมือชายหนุ่มแน่นก่อนจะลากไปกลางฟลอร์เป็นคู่แรกโดยไม่ไถ่ถามสักคำ
“อ๊ะ ห้ามหนีนะคะพี่เพลิง คนมองอยู่ไม่เห็นเหรอ สนใจภาพพจน์หน่อยนะคะ ก็รู้อยู่ว่าเราต้องทำแบบนี้เพื่ออะไร พี่ลืมแล้วหรือคะ” อัจฉราเอ่ยเสียงเครียดเมื่อเห็นว่าเขากำลังจะผละออกจากเธอไป มือบางจิกต้นแขนล่ำของเขาไว้แน่น
เขาหันกลับมายอมเต้นกับเธอก็จริง แต่สายตานั้นเบือนมองไปยังคนตัวเล็กที่เริ่มเข้ามาในฟลอร์กับปารวัตร
“พี่ไม่สนใจชื่อเสียงหรอก แต่พี่รู้ว่าฟ้าสนใจ”
“เดี๋ยวนี้พี่แปลกๆ ไปนะคะ ลืมสัญญาระหว่างเราหรือคะ ไม่รักฟ้าแล้วเหรอ”
นั่นแหละ ชายหนุ่มถึงได้หันกลับมาจ้องลึกในดวงตาอัจฉราด้วยความเจ็บปวดใจ เขาไม่อยากยอมรับนักหรอกว่ายังไงเขาก็เลิกรักคนๆ นี้ไม่ได้อยู่ดี ความผูกพันที่มีให้กันมามันเป็นสายใยที่แน่นแฟ้นเหลือเกิน
“ไม่ลืมหรอก กำลังพยายามทำอยู่นี่ไง” เขาตอบเพียงแค่คำถามแรกของหญิงสาว เลี่ยงที่จะตอบคำถามที่สอง ไม่อยากเอื้อนเอ่ยบางคำออกไป
...คำว่ารัก
เขาละสายตาจากใบหน้างดงามของคนตรงหน้าเพื่อมองหาคนที่งามน้อยกว่าแต่ทำให้เขาอุ่นใจ มองดูร่างเล็กที่ถูกปารวัตรรั้งเอวไว้แนบชิดนั้นก็หงุดหงิดนัก นี่เธอกำลังทำให้เขาอารมณ์เสีย เขากำลังกลายเป็นตัวตลก เป็นของเล่นของแม่นั่นเหมือนที่ตัวเขาเคยพูดดูแคลนเธอไว้ไม่มีผิด
ยืนมองอยู่นิ่งๆ สักพัก แล้วความรู้สึกในใจก็ยิ่งลุกเป็นไฟเมื่อแลเห็นปารวัตรเริ่มโน้มหน้าเข้าไปใกล้หญิงสาวที่ไร้วี่แววจะขัดขืน เวลานั้นเองที่หัวใจเขากู่ก้องร้องบอก
ไม่มีวัน ปารวัตรจะไม่มีวันได้ทำซ้ำรอยเขา!
พรึ่บ!
เป็นจังหวะเดียวกับที่ไฟในคฤหาสน์หลังงามมืดดับลง และนั่นยิ่งเป็นเวลาเหมาะสมที่เขาจะพุ่งออกไปกระชากแม่ตัวดีออกมาแล้วสั่งสอนให้น้ำตานอง
“ต่อไปจะเป็นช่วงเวลาของ...” พิธีกรบนเวทีพูดว่าอะไรบ้าง ทินกรไม่อยากรู้อีกแล้ว เมื่อสายตาปรับชินกับความมืดได้ เขาก็ผละออกจากหญิงสาวที่เกาะกุมเขาไว้ ก่อนจะเดินเร็วรี่เข้าไปหาคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ไม่ห่างนัก
“เดี๋ยว! พี่เพลิง จะไปไหนคะ ว้าย” อัจฉราพยายามเหนี่ยวรั้งเขาไว้แต่เมื่อเดินตามออกไปกลับชนกับคนมากมายจนแทบล้มกลิ้ง
ไม่ใช่ว่าทินกรไม่ชนหรอก เขาก็ชน แต่ถามว่าเขาสนใจไหม ตอบเลยว่าไม่ มือหนาตรงเข้าไปกระชากต้นแขนกลมกลึงแล้วออกแรงดึงออกมาโดยไม่สนใจว่าจะกระแทกกับอะไรบ้าง สัมผัสที่คุ้นเคยและเสียงโวยวายจากคนตัวเล็กนั้นทำให้เขาแน่ใจว่าไม่ผิดตัวแน่นอน
“โอ๊ย ว้าย ใครเนี่ย ปล่อยนะ” เสียงโวยวายจากธราผสานกับเสียงก่นด่าของหลายคนในบริเวณนั้นทำเอาพิธีกรในงานพากันตื่นตระหนก
“เกิดอะไรขึ้นครับ ทีมงาน เปิดไฟเดี๋ยวนี้ เปิดไฟ!”
ณ เวลานั้น ทินกรเดินออกมาไกลจนถึงด้านหน้าคฤหาสน์แล้ว แต่ชายหนุ่มก็อดห่วงคนที่เขากระชากมาไม่ได้ ไวเท่าความคิด ทินกรถอดเสื้อสูทสีเทาสง่างามนั้นออกอย่างลวกๆ แล้วคลุมศีรษะหญิงสาวไว้ โอบประคองไว้ข้างกาย ความใหญ่ของเสื้อตัวนั้นคลุมมิดทั้งชุด ไม่มีโผล่ให้คนด้านหลังเห็น ก่อนจะรีบดึงเธอออกไปอย่างเร็วรี่
“เฮ้ย นั่นใครน่ะ” เสียงประกาศจากไมค์บนเวทีอลังการนั่นทำให้ทุกคนหันมามองด้านหลัง เห็นชายร่างสูงคนหนึ่งโอบประคองหญิงสาวที่ไม่อาจทราบได้ว่าเป็นใครลงจากบันไดคฤหาสน์เหมือนจะมุ่งหน้าไปทางโรงรถ
“เหมือนคุณเพลิงเลย ใช่ไหมน่ะ แล้วผู้หญิงนั่นใคร” ไม่เพียงแต่เสียงที่ดังขึ้นอย่างเซ็งแซ่ แต่ทุกคนรีบแห่กันตามออกไปด้านนอกทันที
ตอนนั้นทินกรจับคนดื้อดึงที่เอาแต่ดิ้นโวยวายบังคับยัดเยียดให้เข้าไปในรถอย่างไร้ความปราณี ก่อนจะรีบสาวเท้านั่งที่ฝั่งคนขับและเหยียบคันเร่งออกไปจนสุด ท่ามกลางความตื่นตะลึงของทุกคนในงาน และอัจฉราที่มองตามรถคันนั้นอย่างเจ็บแค้น
...หักหน้ากันขนาดนี้เลยใช่ไหม ได้! พี่เพลิง...
____________________________________________________________________________________
ฝาก E-book ด้วยนะคะ ที่ www.mebmarket.com ค่า ชื่อเรื่องว่า "หนึ่งใจในรอยกาล" น้าาา
แล้วก็ฝากเพจด้วยค่ะ ชื่อเพจว่า "เอวาลิน - นักเขียน"
ขอบคุณคนที่มาเม้นให้ทุกตอนเลยนะคะ กำลังใจเดียวก็สำคัญกับเรามากเลยแหละ ^^ ถ้าจะให้ดี ซื้ออีบุคด้วยนะคะ 5555 (ปล.เราตอบไม่เป็นง่าา)
เอวาลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 พ.ย. 2559, 14:25:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 พ.ย. 2559, 14:25:19 น.
จำนวนการเข้าชม : 874
<< ตอนที่ 25 ...นิทรรศการในห้องของเรา | ตอนที่ 27 ...ลักหลับ >> |