คู่หมั้นคืนเหงาใจ
ตำนานหนุ่มหล่อเลิศล้ำแห่งค่ำคืนเหงาใจ

ความรักเหงา ๆ รานร้าวและเร้าใจ ต่างคนต่างมีกิเลสตัณหา ต้องชดใช้บุญกรรมแห่งความรัก ติดตามข้ามภพชาติศาสนา หนึ่งหญิงสองชายผูกพัน
อ่านเรื่องนี้จบ แล้วคุณจะสงสารใคร? ระหว่าง...

นักดนตรีหนุ่มรูปหล่อ พ่อรวย ราวกับในตำนาน เทพบุตรจุติลงมาเกิดอย่าง ยุติ ผู้ตกอยู่ในวังวนแห่งความเปลี่ยวเหงา ทุกค่ำคืนผ่านไปจิตใจโหยหา แค่เพียงเป็นคนที่เขาเผลอใจรัก แต่เขาไม่ได้เลือก กลายเป็นเหมือนส่วนเกิน มิใช่ส่วนสำคัญ

หรือ... อภิมหาเศรษฐีหนุ่ม ใบหน้าสวยงามเลิศล้ำอย่าง ไทธรรพ์ ผู้เป็นที่รักยิ่งดั่งชีวิตจิตใจของสาวสวย ถึงแม้เขาจะเจ้าชู้ไปบ้าง แต่ทั้งชีวิตจิตใจทุ่มเทในรักจริงจัง แต่ความหวังกลับหักพังสลาย สุดท้ายต้องอยู่เดียวดายข้างกายไร้คู่ครอง

หรือ... สาวสวยแชมป์มวยไทยหญิง เพชรน้ำหนึ่ง ถึงจะมีเพียบพร้อมทุกสิ่ง แต่ต้องเกิดมาใช้เวรใช้กรรม ที่เคยกระทำไว้ในชาติก่อน แม้จะสามารถยืนหยัดขึ้นมายิ่งใหญ่ และจิตใจเข้มแข็ง ทนทานต่อความทุกข์กายทุกข์ใจได้ แต่ลึกลงไปข้างในนั้น ไร้ซึ่งความสุขแท้จริง
Tags: ไตรติมา, คู่หมั้นคืนเหงาใจ, ดราม่า, ซึ้ง, โรแมนติก,

ตอน: ตอน 4 [1]


ตอน 4 [1]

ยุติตื่นนอนตอนเย็นมาก เขาไม่ได้นอนที่บ้านตนเอง หากแต่นอนในห้องนั่งเล่นฝั่งกระท่อมตายาย เดินออกมาที่ริมระเบียง เพื่อสูดอากาศยามโพล้เพล้ใกล้ค่ำ

“ป่านนี้น่าจะหกโมงเย็นกว่า หนึ่งคงตื่นนอนแล้ว อยู่ไหนนะหรือจะไปบ้านเราแล้ว เดี๋ยวค่อยถามตายายดีกว่า” เขารำพึงกับตัวเอง แล้วเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว ออกมาคุยกับตายายในห้องครัว

“หนึ่งล่ะครับคุณตาคุณยาย” เขาเอ่ยถาม อีกทั้งสายตาเหลียวซ้ายแลขวามองหา

“หนึ่งอยู่บนห้องเขานั่นแหละ เห็นว่าจะไม่ออกไปไหน” คุณตาตอบ

พอดีกับภาสกรเดินเข้ามาในห้องครัวอีกคน ยุติมองดูชายหนุ่มอีกคนด้วยสายตามีคำถาม

“เอ้อ... ยุติ นี่คนขับรถของหนึ่ง” คุณตาแนะนำกับยุติโดยไม่รอให้ถามก่อน “กร... มากินข้าวเย็นด้วยกันเลย แล้วรู้จักกันไว้ซะสิเพื่อนบ้านแขกประจำของบ้านเรา นี่... ‘ยุติ’ เธอเรียกเขาว่า ‘พี่ยุติ’ ก็ได้เพราะเขาอายุมากกว่าเธอ” คุณตาพูดกับภาสกร

“สวัสดีครับพี่ยุติ ผมชื่อภาสกร เรียกผมว่ากรก็ได้ครับ เพิ่งมาทำงานวันนี้วันแรก”

“ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” ยุติสังเกตดูภาสกรจากการแต่งตัวใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนสีน้ำเงินเข้ม รูปร่างหน้าตาค่อนข้างดี “แล้ว... กรมาพักที่บ้านนี้ด้วยหรือเปล่า”

“เปล่าครับ บ้านผมอยู่ใกล้แค่นี้เอง คุณหนึ่งให้มาทำงานตอนหกโมงเย็นเลิกงานตีห้ากลับบ้านเช้ามืด แล้วพี่ยุติเพิ่งกลับจากที่ทำงานเหรอครับ”

“เปล่าหรอก พี่นอนในห้องคุณตาคุณยายนี่เอง เพิ่งตื่นนอนออกมาทานข้าวเย็น พี่เป็นนักดนตรีในผับเดี๋ยวจะออกไปทำงานแล้ว เป็นคนกลางคืนนอนกลางวันเหมือนมนุษย์ค้างคาวเลย” ยุติพูดเล่นอย่างมีอัธยาศัยแล้วยิ้มให้ภาสกรอย่างเป็นมิตร

“ต่อไปผมคงจะเหมือนกัน” ภาสกรกล่าวพร้อมยิ้มรับด้วยท่าทีเป็นมิตรต่อกัน



เช้ามืดยังไม่ทันสว่างดี ยุติเดินถือหม้อหูหิ้ว ภายในบรรจุด้วยข้าวต้มหมูสับที่ตั้งใจทำด้วยฝีมือของตนเอง มุ่งหมายจะมาอวดกับสาวข้างบ้านว่าตนเองคือผู้ชายที่ทำอาหารเป็น เพราะอยากให้เธอปลื้ม ...ชื่นชมในตัวเขา

“มาทันเวลาพอดี หนึ่งยังไม่เข้านอน” ยุติยิ้มแย้มทักทาย แต่อีกฝ่ายไม่หันมองกลับเดินเลี่ยงหลบ

“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ขอตัวขึ้นไปนอนก่อน”

“อ้าว... เดี๋ยวก่อนสิ หนึ่ง หนึ่ง ...หนึ่ง” ยุติร้องเรียก เกิดอาการเก้ออีกแล้ว

“ผมอุตส่าห์ลงมือทำเองต้มข้าวต้มใส่หมูนิดใส่ผักหน่อย แถมใส่สาหร่าย เห็ดหอม เนื้อกุ้งสับอีกเพียบ อยากจะอวดฝีมือให้หนึ่งได้ชิมซะหน่อย เฮ้อ... เสียความตั้งใจหมด” ยุติเดินเข้าห้องครัวแล้วมาบ่นอยู่กับคุณยาย

“หมู่นี้หนึ่งเป็นอะไรไม่รู้ ยายว่าแปลกแท้... เงียบมาก ไม่พูดคุยกับใครแม้แต่กับยายและตา”



เพชรน้ำหนึ่งตื่นนอนตอนเย็นในอาการไม่สู้ดี

“ไม่เอา... ไม่... ไม่... หนึ่งกลัว หนึ่งไม่ได้ชอบ อย่าทำหนึ่ง ใครก็ได้ ช่วยด้วย ช่วยหนึ่งด้วย อย่าาาา...” เสียงร้องละเมอดังลั่นห้องนอนแต่ไม่มีใครได้ยิน เพชรน้ำหนึ่งตื่นนอนขึ้นมาในอาการพรวดลุกขึ้น ถอนหายใจเฮือกอย่างกระหืดกระหอบ ทำให้นึกแปลกใจ

‘ทำไมฝันร้ายซ้ำติดต่อกันอีกแล้ว ภาพฝันร้ายนี่มันติดตา อาจจะกลายเป็นภาพหลอนต่อไปอีกนาน เย็นนี้งดไปบ้านน้าเพ็ญพิศดีกว่า ใจคอไม่ปกติเลยเรา’

เมื่อหยิบนาฬิกาข้างหัวเตียงขึ้นมาดูเวลาห้าโมงเย็นแล้ว



ไม่ค่อยได้เจอหน้าเพชรน้ำหนึ่ง เหมือนถูกหลบหน้าจนยากจะพบเจอ ยุติตื่นนอนตอนเย็นออกมาคุยกับคุณตาขณะกำลังนั่งเล่นที่ศาลาริมน้ำ

“หมู่นี้ไม่ได้เจอหนึ่งเลยนะครับ เขาตื่นแล้วใช่ไหมครับ”

“คงตื่นแล้วแต่ไม่ลงมาจากห้อง ไฟที่ห้องก็ไม่เปิด ตาเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน ปกติหนึ่งตื่นแล้วเคยออกไปที่บ้านยุติ นี่ไม่ได้ไปเลย เอ้อ... แล้วแม่ของยุติบ่นถึงหนึ่งบ้างหรือเปล่า”

“แม่ถามว่าหนึ่งหายไปไหนทำไมไม่มา ส่วนผมสงสัยเขาโกรธกับใครหรือเปล่า หรือว่าเขาโกรธอะไรผม เขาพูดถึงผมบ้างไหมครับคุณตา” ชายหนุ่มใช้คำถามหยั่งใจ

“หนึ่งไม่ได้คุยกับใคร ตากับยายไม่รู้หรอกว่าหนึ่งคิดอะไรอยู่ แม้แต่คนขับรถหนึ่งก็ไม่ได้สั่งอะไรไม่ได้ออกไปไหนด้วย ส่วนพ่อแม่ของหนึ่งยิ่งไม่ต้องพูดถึงไม่ค่อยได้เจอหน้าหนึ่งเลย สองคนนั่นเอาแต่ขยันทำมาหากินไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”

“น่าเป็นห่วงหนึ่ง ผมกลัวจะเป็นอะไรไป ขออนุญาตคุณตาขอผมปีนขึ้นไปดูที่หน้าต่างห้องของหนึ่งหน่อยนะครับ จะขึ้นไปทางต้นไม้ข้างโรงรถ ขอโทษนะครับ”

“อย่างนั้นก็ได้ เดี๋ยวตาตามไปดูด้วย มันมืดแล้วมองไม่ค่อยถนัดนะเพราะห้องหนึ่งไม่เปิดไฟ” คุณตาบอก แล้วเดินตามกันไป คุณตายืนรอ...

ปล่อยให้ชายหนุ่มปีนต้นมะขามใหญ่ที่มีกิ่งก้านสาขายื่นข้ามผ่านโรงรถเข้าไปใกล้กับระเบียง เขาไต่ไปตามกิ่งนั้น ก้าวลงถึงพื้นระเบียง มองเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างกระจกที่สูงจากพื้นจรดฝ้าเพดาน และเขาต้องตกใจที่เห็นร่างบางนอนราบเรียบอยู่บนเตียงนอน ในใจกังวลกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไป

“หนึ่ง... เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมไม่ลงไปข้างล่าง ตื่นหรือยัง หนึ่ง...” ยุติตะโกนออกไปในความมืดสลัว เขาเห็นเธอชันกายลุกขึ้นพิงหมอน

“พี่ยุติ... ขึ้นมาบนนี้ได้ไง” เพชรน้ำหนึ่งออกจะตกใจมาก ชั่วครู่เธอจึงลุกพรวด เปิดประตูวิ่งออกจากห้องนอนไป

“ยาย... หนึ่งกลัว... พี่ยุติปีนขึ้นไปบนห้องหนึ่ง” เธอพูดรัวเร็วอย่างคนตื่นตระหนก หลังจากวิ่งลงมาชั้นล่างแล้ว

“ยุตินั่นเหรอ ปีนขึ้นไปบนห้องนอนหนึ่ง ไหนพายายไปดูที” ยายถามอย่างประหลาดใจ หญิงสาวค่อยพายายเดินขึ้นไปชั้นบน เข้าไปในห้องนอนของตน ยายเป็นคนเปิดไฟภายในห้อง

“อ้าว... ยุติจริงด้วย ขึ้นมาบนระเบียงห้องหนึ่งได้ยังไง” ยายถาม เมื่อไฟฟ้าสว่างจึงเห็นทุกอย่างกระจ่างขึ้น แล้วเดินไปที่ประตูตรงระเบียง เปิดให้เขาเข้ามาในห้อง

“ผมเป็นห่วงหนึ่งครับ เลยปีนจากต้นมะขามเข้ามาที่ระเบียงห้อง เพราะหนึ่งเอาแต่เก็บตัวเงียบ ไม่พูดคุยไม่เจอใครมาสองวันแล้ว เย็นนี้ก็ไม่เห็นลงไปข้างล่าง ผมกลัวหนึ่งจะเป็นอะไร”

“ก็จริงของพี่เขา ทำไมหมู่นี้เอาแต่เก็บตัว เป็นอะไรหรือเปล่าหนึ่ง”

“เปล่า หนึ่งไม่ได้เป็นอะไร” แทนที่จะตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างปกติ แต่เธอกลับพูดเสียงดัง และท่าทางก็เหมือน... หวาดกลัวอะไรบางอย่าง เกาะตัวอยู่ข้างประตูห้องนอน

“ทำไม ทำท่าอย่างนั้น แปลกจังหนึ่ง” ยุติเดินเข้าไปหา แต่หญิงสาวกลับรีบหลบเขา เข้าไปยืนทางข้างหลังผู้เป็นยาย เกาะไหล่ยาย และก้มหน้าไม่ยอมมองใครด้วย

“เป็นอะไรไปล่ะ หนึ่งของยาย”

“หนึ่งกลัวพี่ยุติ ยายบอกให้พี่ยุติออกไป หนึ่งไม่อยากเจอ”

“กลัวยุติ? กลัวทำไม เขาไม่ได้ทำอะไรหนึ่งนี่นา” คุณยายยิ่งแปลกใจกับคำตอบ พอกันกับยุติที่กำลังทำหน้างง

“ยายไล่พี่ยุติไปที หนึ่งกลัว” หญิงสาวยังก้มหน้าก้มตา พูดย้ำกับยายอีก

“อย่างนั้นยุติออกไปจากห้องนี้ก่อนเถอะ หนึ่งกลัวอะไรไม่รู้” ยายบอกกับชายหนุ่ม

เขาจึงทำตาม เดินออกจากห้องแล้วลงไปที่ห้องครัว ได้เจอกับตาที่นั่งรออยู่ในห้องครัวพร้อมกับภาสกร

“หนึ่งเป็นอะไรไม่รู้ครับ ...แปลกมาก บอกกับคุณยายว่ากลัวผม ทั้งที่ผมก็ไม่เคยไปทำอะไร ...ที่น่ากลัวกับหนึ่งเขานะครับ” ชายหนุ่มว่าอย่างนั้น ลงนั่งข้างภาสกร

“ผมวันนี้ก็ยังไม่เจอหน้าคุณหนึ่งเลย”

“เดี๋ยว ถ้ายายลงมาจากห้องของหนึ่ง ค่อยถามอีกทีดีกว่า” คุณตาบอก นั่งรอกันอยู่พักหนึ่ง

“หนึ่งเป็นอะไรไปล่ะยาย” คุณตาเอ่ยถาม เมื่อคุณยายเดินเข้ามาด้วยสีหน้ายุ่ง หัวคิ้วเกือบจะเข้ามาชนกัน

“หนึ่งบอกว่าฝันร้ายมาสองวันแล้วฝันซ้ำกัน พอถามว่าฝันเหมือนตอนเด็กใช่ไหมที่ฝันเห็นไฟไหม้ตัวเอง หนึ่งก็ส่ายหน้า ขอให้เล่าให้ฟังก็ไม่ยอมเล่า บอกว่ายังเล่าไม่ได้ยังกลัวอยู่ ยายเป็นห่วงสุขภาพจิตของหนึ่งจริงเลยนะตา”

“อย่างนั้นน่าเป็นห่วงนะหนึ่งเป็นเด็กคิดมาก เมื่อตอนเด็กหนึ่งอายุสิบขวบเคยพาไปพบจิตแพทย์ หมอบอกว่าปกติเพียงแต่เครียดมากเท่านั้น แต่ตอนนั้นทำยังไงหนึ่งถึงหายขวัญเสียนะยาย” คุณตาถามคุณยาย

“แม่หนึ่งกับคุณเพ็ญพิศ รู้จักแม่ชีที่นั่งวิปัสสนาได้ เลยพาหนึ่งไปไหว้ แล้วจากวันนั้น ก็สอนให้สวดมนต์ก่อนนอน พร้อมกับนั่งสมาธิ ไม่นานก็หาย ไม่ฝันร้ายบ่อยอีก”

“งั้น คงต้องบอกแม่หนึ่ง ให้พาหนึ่งไปหาแม่ชีคนนั้นอีกที ดีไหมยาย”

“ยายก็ว่าอย่างนั้นล่ะตา”



ขณะเดียวกันนั้นที่บ้านอมตนครา

“ลิต... ลูกเจอหนึ่งบ้างไหม จู่ ๆ หายไปไม่มาบ้านเราเลย”

“ไม่เจอเลยแม่ เดี๋ยวผมว่าจะไปหาหนึ่งที่บ้านโน้น” ลิลิตพูดคุยกับแม่ ขณะกำลังกินข้าวเย็นด้วยกัน

“อ้าวยุติ... กินข้าวมาแล้วหรือยังลูก” แม่เอ่ยทัก

“โอ๊ย!! ผมกินไม่ลงหรอก กินที่บ้านโน้นมาหน่อยเดียว ไม่รู้หนึ่งเป็นอะไรไปสภาพดูเหมือนโรคจิตเลย โวยวายเสียงดังบอกว่ากลัวผม ผมก็ไม่รู้ว่าผมไปทำอะไรให้เขาถึงต้องกลัวมากขนาดนั้น สงสัยอาการกำเริบโรคจิตไม่ปกติ แกอย่าจีบหนึ่งเลยนะลิต ฉันไม่อยากได้น้องสะใภ้เป็นคนจิตใจไม่ปกติ” ยุติบ่นเสียงดัง

“ยุติก็พูดเกินไป แม่ไม่เห็นหนึ่งจะเป็นอย่างนั้นเลย ลิตอย่าไปฟังพี่เขานะลูก ถ้าอยากจีบหนึ่งแม่สนับสนุนเต็มที่ เอามาเป็นลูกสะใภ้แม่ให้ได้นะลูกรักของแม่ ตอนนี้แม่มีแต่ลิตเท่านั้นที่ดูยังเป็นลูกชายของแม่อยู่ นอกจากนั้นแล้วพึ่งไม่ได้เลย” แม่ว่ากระทบ พลางมองค้อนลูกชายคนโต

“โธ่แม่... อยากจะให้ลิตมันจีบหนึ่งอยู่ได้ นี่ผมจะบอกให้นะ หนึ่งไม่ใช่สเป็กของลิตหรอก ไม่ใช่สาวน้อยแสนดี สาวพรหมจารีบริสุทธิ์ผุดผ่อง ลิตเชื่อพี่เหอะพี่ไม่ชอบหนึ่ง” ที่ยุติพูดมาทั้งหมดไม่มีใครรู้ว่าใจจริงเขาจงใจพูดเพื่อไม่ต้องการให้น้องชายไปตามจีบสาวสวยที่ใจเขาหมายปองอยู่เช่นกัน

“อ้อ... แกไม่ชอบหนึ่ง แต่แม่ไม่ชอบแฟนแก ถ้ายังขืนดื้อไม่เลิก ตามรับตามส่งแม่นั่น สักวันแม่จะตัดออกจากกองมรดก”

“ไหนแฟนผม ผมยังไม่มีแฟน เพื่อนที่ทำงานทั้งนั้นน่า คงจะเป็นเพื่อนแม่เก็บมาเล่าให้แม่ฟังอีกล่ะสิ แม่ก็ไปเชื่อเขา ชอบเชื่อคนอื่นมากกว่าลูกตัวเอง แล้วแม่เลยคิดมาก”

“แกไม่คิดมากหรือจะสิ้นคิดก็เรื่องของแก ไม่ต้องมาสอนน้องเลย ลิตคิดจีบหนึ่งก็ดีแล้ว เพราะหนึ่งเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่ายมาตั้งแต่เล็ก กริยามารยาทเรียบร้อยอ่อนหวาน แถมทั้งสวยทั้งรวยเป็นลูกสาวคนเดียว มีมรดกของสองตระกูลทั้งทรัพย์สินที่ดินของตระกูลอนัญชนา ทั้งเงินทองของตระกูลพ่อแม่บุญธรรมชาวญี่ปุ่นนั่นยิ่งรวยกว่าเข้าไปอีก”

“งก... เห็นแก่เงิน” ยุติพูดเสียงเบาพร้อมป้องปากนินทาให้น้องชายฟัง

แต่มารดาได้ยินถึงกับค้อนขวับ

“แม่ไม่ได้เห็นแก่มรดกอะไรนั่นมากหรอกนะ แม่อยากให้ลูกชายแม่ได้ลูกสะใภ้ที่ดี ไม่ต้องไปกัดก้อนเกลือกิน ลำบากลำบนช่วยกันสร้างฐานะ เลี้ยงลูกเต้าให้โตมา ท่ามกลางความยากจนข้นแค้น ไม่สมหน้าตาฐานนะของเรา ฟังไว้นะลิต ลูกต้องมีสะใภ้ให้แม่แบบในอุดมคติของลูกให้ได้ ทั้งสวยทั้งเพียบพร้อมฐานะการศึกษานิสัยใจคอเรียบร้อยอ่อนหวาน แล้วต้องเป็นคนดีด้วย”

“มันแน่อยู่แล้วครับแม่ ผมไม่มีทางทำให้แม่ผิดหวังหรอก” ลิลิตยิ้มให้แม่ของเขาอย่างผู้เป็นลูกรัก

“แม่จะบอกให้นะ เงินฝากในบัญชีฝากประจำที่แม่ฝากให้ลูกทั้งสองคนเท่ากันมาตลอด ตอนนี้รวมทั้งต้นทั้งดอก เป็นเงินหลายสิบล้านอยู่ แม่มอบมรดกยกให้ลูกลิตของแม่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนของยุติ บัญชีเงินฝากนั้นยังเก็บไว้อยู่ที่แม่ เพราะไม่แน่ใจว่า...จะให้ดีหรือไม่ให้ดี”

“หา! แม่” ยุติ อุทานมองหน้าน้องชาย ตาเบิกโต ความอิจฉาน้อง ...ผุดขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ น้องชายเลิกคิ้ว พยักหน้ารับ “แม่ลำเอียง ไม่ยุติธรรม” ยุติต่อว่า และนึกน้อยใจ ...จนต้องถอยห่าง เดินหนีออกมาจากห้องรับประทานอาหาร แล้วเชิดหน้า เมื่อมาอยู่คนเดียวลำพัง “ฉันไม่ยอมปล่อยให้แกไปจีบหนึ่งได้หรอกลิต ฉันจะใส่ร้ายป้ายสี ให้แกเลิกจีบไปเองเลยล่ะ สุดหล่ออย่างพี่ยุติคนนี้เรื่องอะไรจะมาแพ้น้องชายตัวเอง แต่ทำยังไงถึงจะได้บัญชีเงินฝากจากแม่นะยิ่งต้องการใช้เงินอยู่ด้วย เฮ้อ...” แต่ข้อหลังนี้ยุติจนปัญญาตัวเอง
.
__...__...__...__...__...__...__...__...__...__...__...__...__...__



ไตรติมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 พ.ย. 2559, 19:52:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 พ.ย. 2559, 19:52:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 858





<< ตอน 3 [2]   ตอน 4 [2] >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account