รัตติสรวง

Tags: เจ้าหญิง,เจ้าชาย,ศศิอักษร

ตอน: บทที่ ๒ | แ ส น แ ส ง ๑





ผ่านไปค่อนคืน เจ้าของร่างเล็กนอนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอย่างไม่เป็นสุขเท่าไรนัก อาจเพราะผ้าห่มผืนนี้บางเกินไปจึงไม่อาจมอบความอบอุ่นได้มากพอ มันขยับตัวยุกยิก ส่งเสียงอืออาอย่างไม่พอใจในบางครั้ง บ้างก็ถอนหายใจหนักๆ บ้างก็พึมพำอะไรบางอย่างอยู่ในลำคอ...เบาเสียจนเขาไม่ได้ยิน

รัตติธรก้มหน้าลงไปเงี่ยหูฟัง จับใจความได้ว่าหนาว ด้วยความสงสารเขาจึงคิดจะหาผ้าห่มอีกผืนมาห่มให้มัน แต่ก่อนที่จะผุดลุกหรือขยับตัว จู่ๆ มันก็ลืมตาโพลง

ในความมืด...คืนที่เมฆหนาคลี่คลุมไปทั่วท้องนภา ดวงตาของมันกลับวาววาม เป็นประกายจรัสแสงยิ่งกว่าสิ่งใด

ความงดงามนั้นทำให้เขาอดจ้องมองมันอย่างสนอกสนใจและเผลอไผลไม่ได้

ตาสบตา...เพียงอึดใจ มันผุดลุก ยึดผ้าห่มไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ก่อนจะส่งกำปั้นพุ่งตรงมาแต่ก่อนที่จะทันได้กระทบส่วนใดส่วนหนึ่งบนเรือนร่าง เขาก็คว้ามือเล็กไว้ได้เสียก่อนกักขังมือนั้นไว้ในอุ้งมือใหญ่อย่างไม่ยากเย็น

มันพยายามชักออก พลางทำเสียงหงุดหงิด

“ปล่อยนะ!”

“ไม่ปล่อย” เขาเอ่ยเสียงเข้ม จ้องมองมันแน่วนิ่ง“ขืนปล่อย เจ้าก็ชกหน้าข้าน่ะสิ”

“ไม่ชกแล้ว เมื่อกี้เราตกใจ...” มันพูดอุบอิบอยู่ในลำคอ ก่อนจะต่อว่าเขากลับ “เจ้าน่ะแหละผิด ก้มหน้ามาใกล้เราทำไมล่ะ”พูดจบก็พยายามกระชากมือออก แต่เขายังคงจับไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

“หนาวมากหรือ” รัตติธรไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับมัน แต่กลับถามด้วยความเป็นห่วง มันกะพริบตาปริบๆ มองเขา ก่อนจะลดสายตาลง สีหน้าของมันดูดีขึ้น คิ้วที่ขมวดเข้าหากันก็คลายออก

“ไม่มากหรอก”มันทอดถอนใจบางเบาก่อนกระชับผ้าห่มไว้มั่น “เราอยากไปตามหาพ่อ”

“อีกเดี๋ยวก็เช้าแล้ว” ว่าพลางขยับตัวเข้าไปใกล้ แต่เจ้าเด็กหนุ่มคนนี้มันหวงตัวหรือไรไม่ทราบได้จึงขยับหนีไม่ยอมใกล้เขาท่าเดียว “มานั่งใกล้ๆ กันน่า จะได้หายหนาว”

มันทำหน้าครุ่นคิด ก่อนพยักเพยิดไปทางกองไฟเล็กๆที่อยู่ไม่ห่างไปนัก

“อยู่ใกล้ๆ มันก็อุ่นเหมือนกัน”

แม้ไฟจะไม่ลุกโชติช่วง แต่ก็มากพอที่จะมอบความอบอุ่นให้ได้บ้าง

รัตติธรไม่เขยิบเข้าไปใกล้อีก เขายกมือทำสัญญาณบางอย่าง...เพียงไม่นานลูกน้องของเขาก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับโยนกิ่งไม้แห้งสี่ห้ากิ่งลงในกองไฟ

“ไหน...เล่าให้ข้าฟังหน่อยซิว่าเจ้าเป็นใครมาจากไหน ทำไมเจ้ากับพ่อถึงมาเดินเล่นในป่าลึกแบบนี้ มาล่าสัตว์หรือ”

มันทำสีหน้าอึดอัด ราวกับไม่อยากบอกว่ามันเป็นใคร

“เรา...เป็น...เป็นคนนครสรวงไง”

คนฟังทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ แล้วล้มตัวลงนอน

“ที่นี่เป็นเขตนครสรวง เจ้าก็ต้องเป็นคนนครสรวงอยู่แล้ว”

สองมือประสานรองไว้ใต้ท้ายทอย ทอดสายตามองกลุ่มเมฆเบื้องบน ก่อนเอ่ยถามราวกับต้องการชวนคุยมากกว่าอยากรู้จริงๆ จังๆ

“เจ้าสวมชุดทหาร...ชุดของใคร อย่าบอกนะว่าของเจ้า”

เขาคงพูดไม่เข้าหูมันเท่าไร มันจึงหันมามองตาวาวจ้าเลยทีเดียว

“ทำไม!เราเป็นทหารไม่ได้หรือ!”

เสียงขุ่นเขียวนั่นอีก...ไม่เคยมีใครกล้าขึ้นเสียงกับเขาเช่นนี้มาก่อน นับตั้งแต่เล็กจนโต ด้วยนิสัยที่หล่อหลอมจากผู้เป็นพ่อ...ทั้งความเป็นผู้นำและเอาจริงเอาจังทำให้ผู้คนในอัศวคีรีมีความเกรงอกเกรงใจเขาค่อนข้างมาก คนที่กล้าขึ้นเสียงกับเขาจึงมีเพียงชรัณ...ผู้เป็นลุง กับคนสนิทอย่างอนลเพียงเท่านั้น

“ข้าไม่ได้พูดว่าเจ้าเป็นไม่ได้ ถึงเจ้าจะเป็นผู้ชาย” คิ้วของมันกระตุก ไม่รู้ว่าไม่พอใจในคำพูดไหนของเขากันแน่ “แต่เจ้ายังเด็กเกินไป”

“ข้าไม่เด็กแล้วนะ โตแล้ว!”

มันค้านเสียงแข็ง คงไม่ชอบใจที่เขาว่ามันว่ายังเด็กกระมัง...

“แต่ก็โตไม่มากพอที่จะจับอาวุธ”

“ฮื่อ! ใช่ที่ไหน” คราวนี้เป็นมันที่กระเถิบเข้ามาใกล้เขาเอง“เรายิงธนูเป็นนะ ดาบก็ใช้ได้...” มันชี้มือชี้ไม้มายังกริชที่คาดอยู่บนเอวของเขา “ขว้างกริชเราก็พอได้”

“งั้นหรือ”น้ำเสียงเขาไม่ค่อยเชื่อเท่าไรนัก มันจึงท้า

“ไว้มาแข่งกันไหมล่ะ”

เป็นคำท้าที่เป็นไปตามอารมณ์...เด็กหนุ่มเลือดร้อนถูกสบประมาทก็ต้องเป็นแบบนี้ทุกคนนั่นละ

“ได้ ถ้าเจ้าต้องการแบบนั้น วันหลังเรามาแข่งกันดูสักตั้ง”

มันพยักหน้าหงึกหงัก ทำท่าทางจริงจังอย่างน่าขัน

“ไว้เราตามพ่อเจอเมื่อไร ค่อยมาตกลงกันว่าจะแข่งอะไร ตกลงไหม”

รัตติธรเลิกคิ้วน้อยๆ ก่อนพยักหน้าและทำเสียงอืออารับคำในลำคอ

เวลานั้นแสงตะวันเริ่มปรากฏอยู่ริมขอบฟ้า คนตัวเล็กรีบผุดลุกด้วยสีหน้ายินดี

“เราออกไปตามหาพ่อได้หรือยัง”

เรื่องช่วยคน เขาไม่นิ่งดูดายแน่นอน ชายหนุ่มลุกตามพร้อมกับเอ่ยถาม

“พ่อเจ้าอายุประมาณเท่าไร อ้วนหรือผอม ผมสีอะไร ท่าทางเป็นยังไง...” เห็นมันมองอย่างงงๆ เขาจึงอธิบายสั้นๆ “เจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าจะไปตามหาพ่อเจ้าให้”

“ได้ไง” มันแหวเข้าให้ พลางขมวดคิ้วใส่เขาอีกครั้ง “พ่อเรานะ เราต้องออกไปตามสิ เจ้าเองก็ไม่รู้จักพ่อเราด้วย”

“ก็แค่บอกลักษณะของพ่อเจ้ามา” ชายหนุ่มกวาดตามองเสื้อผ้าที่อีกฝ่ายสวม ก่อนพยักหน้า “ถ้าข้าเดาไม่ผิด พ่อเจ้าคงสวมชุดแบบเจ้าสินะ” ก้าวพรวดเดียวประชิดตัวอีกฝ่าย ก้มมองสัญลักษณ์สีดำที่ปักอยู่บนปกเสื้อที่มันสวม “รูปหงส์”

ครั้นเลื่อนสายตาไปที่ต้นแขนข้างซ้ายก็เห็นแถบผ้าสีแดงสองแถบเย็บติดอยู่กับตัวเสื้อชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนดวงตาจะสว่างวาบ

“พ่อเจ้าเป็นราชองครักษ์หรือ”

ดวงตากลมโตเบิกโตขึ้นเล็กน้อยราวกับนึกไม่ถึงว่าเขาจะรู้ส่วนรัตติธรถามโดยไม่คิดจะเอาคำตอบอยู่แล้วจึงไม่ได้ซักอะไรต่อ ทำเพียงบีบบ่าของอีกฝ่ายเบาๆ

“ไม่ต้องห่วง ไม่เกินเย็นนี้ ข้าจะพาตัวพ่อเจ้ากลับมาให้ได้”

พูดจบก็ทำท่าว่าจะเดินจากไป แต่กลับเอี้ยวตัวมาถาม

“ว่าแต่เจ้าชื่ออะไร”

คนถูกถามนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบด้วยเสียงกังวานใส

“แสนแสง...เราชื่อแสนแสง”



ศศิภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ธ.ค. 2559, 10:25:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ธ.ค. 2559, 10:25:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 806





<< บทที่ ๑ | เ จ้ า ห นู ตั ว ม อ ม ๒   บทที่ ๒ | แ ส น แ ส ง ๒ >>
Zephyr 18 ธ.ค. 2559, 22:58:38 น.
ชื่อจริง? ชื่อปลอม?


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account