คิวปิด...ตัวกวนป่วนรัก
เมื่อเทพคิวปิดถูกลดหน้าที่ให้เป็นแค่ ‘เทพเบ๊’ คิวปิดสาวจึงเร่งปฎิบัติกอบกู้ศักดิ์ศรี แต่ดันแผลงศรพลาด ทำให้ว่าที่เจ้าบ่าวตกหลุมรัก ‘พี่ชาย’ ของสาวคนรัก เรื่องป่วนๆ จึงเริ่มขึ้น !
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอน 18

“คุณจะให้ผมจีบน้องดา !” รักษิตตกใจ หลังจากส่งดาลัดขึ้นรถแล้วพาเซเลน่ากับลักกี้กลับมาบ้านจึงได้ฟังวิธีคลายมนต์ลูกศรในหัวใจของภูมิของคิวปิดสาว ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก ‘สุนัข’ “คุณคิดอะไรของคุณ”

“คิดจะช่วยคุณน้องยาไงล่ะ คุณลองคิดดูสิคะ” คิวปิดสาวบอกพร้อมกับเยื้องย่างไปรอบชายหนุ่มด้วยท่าทางจริงจังราวกับกำลังบอกแผนการที่มีความสำคัญระดับชาติ

“ถ้าเกิดว่าคุณพี่ภูมิเห็นว่าคุณมีคนรักแล้ว คุณพี่ภูมิก็คงไม่อยากเป็นมือที่สามไปแย่งความรักของคนอื่น แต่คุณพี่ภูมิก็คงไม่อยากให้ความเจ็บปวดกร่อนกัดหัวใจจนพังยับเยิน เพราะฉะนั้นคุณพี่ภูมิก็จะต้องถึงต้องรีบหาใครสักตัว...เอ๊ย..สักคนให้มาช่วยรักษาแผลใจ คุณพี่ภูมิจะได้ลืมคุณพี่รักได้ง่ายขึ้น”

คิวปิดสาวหยุดยืนตรงหน้ารักษิต เอ่ยด้วยแววตาเจ้าเล่ห์

“และผู้ที่จะช่วยคุณพี่ภูมิรักษาแผลใจได้ก็ไม่ใช่ใครเลยนอกจากคุณน้องยา แล้วต่อไปภูมิกับรักษิยาก็จะกลับมารักกันดังเดิม เป็นยังไงล่ะ วิธีของฉันเจ๋งเป้งไหม”

รักษิตหรี่ตามองอีกฝ่าย ถามกลับว่า “คุณไปเอาคำพูดพวกนี้มาจากไหน”

“ลักกี้ค่ะ” เซเลน่าบุ้ยหน้าไปทางเจ้าลายจุดที่กำลังนอนหมอบทำหน้าหง่อยอยู่ใกล้ๆ
“ลักกี้มันเป็นอะไรหรือเปล่า ผมเห็นมันซึมตั้งแต่อยู่ที่คลินิกแล้ว” รักษิตห่วงใย

“มันอกหักจากน้องสายไหมค่ะ” เซเลน่ากระซิบบอกข้างหูชายหนุ่ม

ทว่าเขากลับหัวเราะแล้วย่อตัวโยกศีรษะสามเหลี่ยม แซวว่า “ก็บอกแล้วว่ากินให้มันน้อยๆ หน่อย ออกกำลังกายให้มันเยอะๆ น้องสายไหมคงไม่ชอบหมาอ้วนน่ะ”

“ชิ !” ลักกี้สะบัดหัวจากมือใหญ่ ค้อนเจ้านายอย่างไม่จริงจัง “ใช่สิ กระผมไม่ได้หุ่นดีหน้าตาดีอย่างนายรักนี่ ผู้หญิงถึงได้คลั่งไคล้กันทั่วหมู่บ้าน แต่บอกให้นะ ถึงนายรักจะหล่อกว่ากระผม แต่นายรักเร้าใจไม่เท่ากระผมหรอก กระผมถึงเคยมีแฟนมาแล้วห้าตัว แต่นายรักยังไม่เคยมีแฟนสักคน” พูดจบมันก็เดินไปขาหน้าดันๆ ประตูแล้วเดินออกไป

“ลักกี้มันพูดว่าอะไร” รักษิตได้ยินแต่เสียงหงิกๆ สลับกับเห่าอยู่นาน

“ลักกี้บอกว่า ถึงคุณจะหล่อกว่ามัน แต่คุณคงเร้าใจไม่เท่ากับมัน เพราะมันเคยมีแฟนมาแล้วห้าตัว แต่คุณพี่รักไม่เคยมี” เซเลน่าบอกเสร็จแล้วถาม “คุณพี่รักไม่เคยมีแฟนเลยเหรอคะ”

พอรักษิตพยักหน้ารับ เซเลน่าถึงกับตะลึง จากสมุดรักบันทึกมนุษย์โลก มนุษย์ชาย-หญิงเปลี่ยนคู่กันบ่อยมาก ไม่น่าเชื่อว่าบนโลกจะมีมนุษย์ที่ไม่เคยมีคนรักเลยทั้งๆ ที่อายุเขาก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้วหลงเหลืออยู่ด้วย

“ทำไมละคะ” เซเลน่าถาม

“ผมยังไม่เจอคนที่ถูกใจ”

“จริงเหรอ ? มนุษย์สาวบนโลกมีตั้งหลายล้านคน มันจะต้องมีสักคนบ้างแหละที่ถูกใจคุณพี่รัก”

“ถึงคนบนโลกมีมาก แต่การจะหาใครสักคนที่ใช่ มันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะ และผมก็ไม่ได้อยากหาด้วย ผมเชื่อว่าถ้าถึงเวลาผมจะได้พบกับคนคนนั้นเอง” รักษิตไม่เข้าใจว่าขณะพูด ทำไมเขาถึงไม่อยากละสายตาไปจากหญิงสาวตรงหน้า

และดวงตาคู่นั้นทำให้ใบหน้าของคนถูกมองร้อนผ่าว จนต้องหลบสายตาพร้อมๆ กับเตือนตัวเองไม่ให้คิดเข้าข้างตัวเอง หล่อนไม่มีทางจะเป็น ‘คนคนนั้น’ ของเขาได้ เพราะเขามี ‘คนคนนั้น’ อยู่แล้ว

“ฉันว่าคุณได้พบกับคนคนนั้นแล้วแหละ” คิวปิดสาวยิ้มเจ้าเล่ห์กลบเกลื่อน ครั้นเห็นอีกฝ่ายขมวดคิ้ว จึงเสริมต่อ “ก็คือคุณดาลัดไง ฉันว่าคุณกับคุณดาลัดดูเหมาะสมกันมากพอๆ กับคุณพี่ภูมิกับคุณน้องยาเลย เพราะเหตุนี้ไงฉันถึงอยากให้คุณจีบคุณดาลัดเป็นแฟนซะเลย”

“แต่ผมไม่ได้รักน้องดา”

“ถึงตอนนี้คุณจะไม่ได้รัก แต่อย่าลืมสิว่าสมุดเนื้อคู่-คู่ถัดไประบุเอาไว้ว่าคุณกับคุณดาลัดเป็นเนื้อคู่กัน ยังไงสักวันคุณกับคุณดาลัดก็จะต้องลงเอยกันอยู่ดี”

“เป็นไปได้ไหมคุณว่ารายชื่อในสมุดเนื้อคู่อะไรนั้นจะผิดพลาด” เขาไม่ได้รู้สึกพิเศษกับดาลัดมากไปกว่าเอ็นดูในฐานะน้องสาว จึงมองไม่เห็นความเป็นไปได้เลยว่าเขากับดาลัดจะลงเอยกันได้อย่างไร

“สมุดเนื้อคู่-คู่ถัดไปไม่เคยผิดพลาด” คิวปิดสาวยืนยัน ก่อนเกาะแขนชายหนุ่มเว้าวอน “คุณจีบคุณดาลัดเถอะนะ ทำให้คุณดาลัดมาเป็นคนรักของคุณให้ได้ เผื่อว่าวิธีนี้จะทำให้คุณพี่ภูมิกลับไปรักคุณน้องยาได้เหมือนเดิม”
“แล้วถ้ามันไม่ได้ผลล่ะ”

“ฉันก็จะคิดหาวิธีใหม่ต่อไป ส่วนคุณกับคุณดาลัดก็รักกันต่อไปได้อย่างไม่มีปัญหา ดีซะอีก...คุณสองคนลงเอยกันเร็วขึ้น จะได้ให้กำเนิดทายาทมนุษย์รุ่นใหม่ ตกลงนะคะ...นะคะๆๆ” หญิงสาวอ้อน

“ไม่ตกลง” รักษิตยืนยันหนักแน่น “ผมไม่ได้คิดอะไรกับน้องดาเลยสักนิดจะให้ผมไปจีบน้องดา ผมทำไม่ได้หรอก แล้วอีกอย่างผมก็รู้สึกว่าไม่มันยุติธรรมกับน้องดาด้วย ถ้าเกิดว่าน้องดาเกิดมีใจให้ผมขึ้นมา ทั้งๆ ที่ความจริงผมไม่ได้คิดอะไรเลยนอกจากอยากทำให้ภูมิกลับไปรักน้องสาวผมเหมือนเดิม ผมว่าคนที่น่าสงสารที่สุดก็คือน้องดา”

“แต่...” คิวปิดสาวจะแย้ง แต่อีกฝ่ายสวนขึ้นก่อน

“ไม่มีแต่ เราจะไม่ใช้วิธีนี้แก้ปัญหาเรื่องไอ้ภูมิ” เขาสรุป “ตอนนี้คุณขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนผ้าซะ ผมจะไปป้อนยาลักกี้”

สั่งจบ ชายหนุ่มก็คว้าถุงยาแก้อักเสบที่หมอเมษจัดให้ ก่อนเดินออกไปทางหลังบ้าน เลยไม่ทันได้เห็นแววตามุ่งมั่นปนเจ้าเล่ห์ของคิวปิดสาว...ในเมื่อเขาไม่ให้ความร่วมมือก็เห็นทีว่าหล่อนจะต้องใช้ตัวช่วย

คิดแล้วเซเลน่าก็หยิบโทรศัพท์มือถือของรักษิตที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกใสแล้ววิ่งขึ้นไปบนห้องนอน ถอดสร้อยปีกนกออกแปลงร่างเป็นคิวปิด ก่อนใช้อิทธิฤทธิ์พิมพ์ข้อความบอกข่าวดีเรื่องได้งานใหม่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ก่อนกดส่งออกไปยังหมายเลขของภูมิ !

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ได้ผลอย่างที่คิด เพราะไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ภูมิก็ปรากฏตัวที่หน้าบ้านพร้อมกับดอกทิวลิปสีขาวช่อโตที่เขาสั่งให้เลขาฯ สรรหาร้านที่ดีที่สุดโดยไม่เกี่ยงราคา เพื่อเป็นของขวัญแสดงความดีใจให้กับคนพิเศษ

พอก้าวลงจากรถก็เปิดประตูรั้วเข้าไปโดยไม่กดออดเหมือนเช่นทุกครั้ง โรงจอดรถไม่มีรถของรักษิยาจอดอยู่ ภูมิจึงยิ่งสบายใจที่จะได้ไม่ต้องพบหน้าอดีตคนรัก และเขาก็ภาวนาขอให้หญิงสาวความจำเสื่อมไม่อยู่บ้านอีกคน เขาจะได้ถือโอกาสอยู่ตามลำพังกับรักษิต

ซึ่งดูเหมือนผู้ที่ภูมินึกถึงจะรู้เท่าทันความคิดของเขา หล่อนจึงเก็บตัวอยู่บนชั้นสองของบ้าน เปิดโอกาสให้ภูมิได้ ‘สวีท’ กับรักษิตเต็มที่

“รัก รัก” ภูมิเรียกเมื่อเข้ามาในตัวบ้านแล้วไม่เห็นใครสักคน เขาเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานก็ไม่พบรักษิต

“ไม่ต้องน้อยใจไปหรอกน่าลักกี้ นายทั้งหล่อทั้งเร้าใจ เดี๋ยวก็หาแฟนใหม่ได้”

เสียงรักษิตพูดดังมาจากหลังบ้าน ภูมิยิ้มแล้วประทับจูบลงบนกลีบดอกทิวลิปที่อยู่กลางช่อ หวังส่งความรู้สึกผ่านดอกไม้ไปยังผู้รับ ก่อนเดินผ่านห้องครัวไปหลังบ้าน หากเท้าสองข้างของภูมิชะงัก ร้อนวูบไปทั้งตัวราวกับนั่งอยู่บนกองไฟ เมื่อเห็นรักษิตอยู่ในชุดกางเกงขาสั้นตัวเดียวกำลังนั่งหันหลังฟอกสบู่ให้ลักกี้อยู่ตรงลานปูนสำหรับซักล้าง แผ่นหลังกว้างเปลือยเปล่าเผยให้เห็นกล้ามเนื้อแข็งแรงที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อผุดพราว ประกอบกับฟองสบู่ลอยฟูฟ่องรอบๆ กายเขายิ่งเสริมความเซ็กซี่จนภูมิเผลอตัวกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ แล้วค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้ ดวงตาเล็กหยีภายใต้แว่นกรอบใสจ้องแผ่นหลังอย่างไม่ละสายตา

“นายรักระวัง !” ลักกี้เห่าเตือนเจ้านายเมื่อหันไปเห็นท่าทางของภูมิ

รักษิตหันกลับไปด้านหลัง พอเห็นภูมิยืนอยู่ในระยะประชิดก็ถึงกับสะดุ้ง “ไอ้ภูมิ ! นะ...นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่” ถามพร้อมกับผุดลุกขึ้น ครั้นเห็นสายตาโลมเลียของอีกฝ่ายก็รีบคว้าเสื้อยืดบนราวตากผ้ามาสวมทับ

“เมื่อตะกี้นี้ พอดีเห็นนายอาบน้ำให้ลักกี้อยู่ก็เลยไม่อยากกวน” ภูมิบอก ก่อนก้าวเข้าไปใกล้และยื่นช่อดอกไม้ในมือ “ถึงฉันจะรู้อยู่แล้วว่าคนเก่งอย่างนายต้องได้งานนี้แน่ แต่ถึงยังไงฉันก็ต้องขอแสดงความยินดีกับนายด้วยนะ คนเก่งของฉัน”

“บรื๋อ...” ร่างลักกี้สั่น ขนลุกในคำพูดที่ได้ยิน

เช่นเดียวกับ ‘คนเก่งของภูมิ’ ที่รู้สึกพะอืดพะอมไม่แพ้กัน หากต้องซ่อนความรู้สึกเอาไว้ เตือนตัวเองว่าภูมิโดนลูกศร...เดี๋ยวก็หาย ก่อนจะนึกขึ้นได้

“ว่าแต่นายรู้ได้ยังไงว่าฉันได้งานแล้ว”

“ก็นายส่งแมสเสจไปบอกฉันเอง”

“เฮ้ย ! ฉันเปล่านะ” รักษิตปฏิเสธ

“เปล่าได้ยังไง นี่ไง” ภูมิเปิดข้อความในโทรศัพท์มือถือยื่นให้รักษิตดู

‘ฉันได้งานใหม่ อยากให้นายมาแสดงความยินดีจัง’ รักษิตอ่านข้อความในโทรศัพท์ที่ส่งจากเบอร์มือถือของเขา เขามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ความจำสั้นถึงขนาดว่าส่งข้อความไปหาใครแล้วจำไม่ได้ และคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือเกิดจากระบบโทรศัพท์ขัดข้อง ขณะกำลังใช้ความคิดอยู่นั้น รักษิตแหงนหน้าขึ้นไปเห็นร่างบางยืนแอบมองลงมาทางเขาอยู่หลังผ้าม่าน ก่อนจะผลุบหลบหายไป

รักษิตเข้าใจแล้วว่าข้อความนั้นเป็นฝีมือของใคร

“ตกลงนายส่งใช่ไหม” ภูมิถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไป

“อืม...ฉันเอง พอดีวันนี้มีอะไรต้องทำหลายอย่างก็เลยลืม” รักษิตโกหก ไม่อยากทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ แล้วรับช่อดอกไม้มาจากภูมิ บอกสั้นๆ ว่า “ขอบใจมาก”

“ไม่เปิดอ่านการ์ดหน่อยเหรอ”

รักษิตพ่นลมหายใจเบาๆ แล้วจับการ์ดใบเล็กที่ห้อยอยู่ติดก้านช่ออ่านข้อความที่เขียนด้วยลายมือของภูมิ ‘เป็นกำลังใจให้นายเสมอ ฉันรักนาย…ภูมิ’

“จะต้องน้ำเน่าเห็นเงาจันทร์แน่ๆ” ลักกี้สังเกตจากอาการผงะเล็กน้อยของรักษิต ทว่าชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของช่อดอกไม้จะไม่ทันสังเกตเห็นอาการนั้นเลย เขาจึงยิ้ม ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ

“ฉันทำตามที่นายบอกแล้วนะว่าไม่ให้พูดคำว่ารักบ่อยๆ ฉันก็เลยใช้วิธีเขียนแทน”

“ขอบใจ”

“รัก วันนี้ฉันอยู่กินข้าวเย็นด้วยนะ ฉันเอาไวน์มาด้วย ฉันอยากฉลองให้นาย”

“ไม่ดีมั้ง” รักษิตปฏิเสธทันควัน

“ทำไม”

“ยายังทำใจเรื่องนายไม่ได้ ฉันว่านายกลับไปก่อนเถอะนะ เอาไว้ให้อะไรๆ มันเคลียร์แล้วเราค่อยมาฉลองกัน” รักษิตเสนอ แต่ใบหน้าของอีกฝ่ายกลับตึง รอยยิ้มเมื่อสักครู่หายไป

“ฉันว่าอาจจะถึงเวลาแล้วนะที่ยาจะต้องรู้ความจริงสักที เราจะได้ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ อีก”

“เรา ?”

“ใช่ นายเองก็คิดไม่ต่างจากฉันไม่ใช่เหรอรัก ไม่อย่างงั้นนายคงไม่พยายามปิดบังยาเรื่องที่ฉันรักนาย หรือส่งข้อความมาหาฉันหรอก”

“ภูมิ ฉันว่านายชักเพ้อไปใหญ่แล้ว”

“ฉันไม่ได้เพ้อ นายยอมรับตัวเองเถอะรักว่านายรักฉัน สมัยนี้เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องธรรมดาแล้ว หรือถ้าใครจะไม่เข้าใจก็ช่างปะไร ขอแค่ให้เรารักกันก็พอ” ภูมิเอ่ยเสียงซึ้งพร้อมกับจับมือของรักษิตมาเกาะกุม

“จะบ้าเหรอไอ้ภูมิ !” รักษิตชักมือออก ยืนยันเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้คิดอะไรกับนาย”

ลักกี้สงสารเจ้านายประกอบกับตัวมันก็ทนฟังความในใจของผู้ชายกับผู้ชายไม่ไหวอีกต่อไป เลยสะบัดตัว ให้ฟองสบู่บนตัวกระเด็นใส่สองหนุ่ม “นี่แน่ๆๆ”

“ลักกี้หยุดนะ !” ภูมิสั่งพร้อมยกมือป้องหน้า โยกตัวหลบฟองสบู่เป็นพัลวัน

“ไม่หยุด นี่แน่ๆๆๆ !”

แต่ภูมิไม่ยอมแพ้ เขาเดินอ้อมตัวลักกี้ไปหารักษิตที่กำลังยกมือป้องกันฟองสบู่เข้าตา

“รัก ฉันรู้ว่ามันยากที่จะยอมรับในสิ่งที่เราเป็น แต่เราไม่ได้ทำอะไรผิด เราแค่รักกัน เราไม่ได้ไปฆ่าใครสักหน่อย อย่าฝืนใจตัวเองกันอีกเลยนะรัก แค่นี้ฉันก็ทรมานจะแย่อยู่แล้ว”

รักษิตสะบัดมือภูมิออกจากแขนอย่างโมโห “ไอ้ภูมิ ! นายคิดอะไรกับฉัน ฉันไม่ว่า แต่จงเข้าใจซะใหม่ว่าฉันไม่ได้คิดอะไรกับนาย” รักษิตพูดอย่างใจเย็น

“ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่เคยเห็นนายจะชอบผู้หญิงคนไหนสักคน นั่นก็แสดงว่านายชอบผู้ชาย”

“แล้วใครบอกว่าฉันไม่ชอบผู้หญิง ! แต่ที่ผ่านมาฉันยังไม่เจอคนที่ฉันถูกใจ ฉันถึงไม่ชอบใคร แต่ตอนนี้ฉันเจอแล้ว ฉันเจอผู้หญิงที่ฉันชอบแล้ว” ในที่สุดก็ต้องยอมใช้แผนของคิวปิดสาวไปโดยปริยาย ผิดแค่ยามพูดเขาไม่ได้นึกถึงดาลัดหญิงสาวที่เป็นเนื้อคู่ของเขา แต่วงหน้าของเจ้าของแผนการเองต่างหากที่ปรากฏอยู่ในสายตา

ภูมิหยุดนิ่ง เลิกคลั่ง ลักกี้ก็เลยหยุดสะบัดตัว

“นายชอบใคร” ภูมิถามเสียงนิ่ง

“นายอย่ารู้เลย เอาเป็นว่านายตัดใจจากฉันเถอะนะภูมิ ฉันไม่ได้คิดอะไรกับนายจริงๆ และไม่มีวันจะคิดด้วย” รักษิตพูดพร้อมกับแตะบ่าภูมิปลอบใจ ทว่า ‘เจ้าของบ่า’ กลับสะบัดมือของเขาแล้วหันหลังเดินออกไป รักษิตไม่ตามภูมิไป เขาต้องการจัดการกับ ‘ต้นเหตุ’ มากกว่า

ดังนั้นเขาจึงล้างตัวให้ลักกี้อย่างเร็ว แล้วหอบช่อดอกทิวลิปไปวางไว้บนโต๊ะกินข้าว จากนั้นก้าวฉับๆ ขึ้นไปเคาะประตูห้องรักษิยา และเรียก

“เอแคร์ เปิดประตู”

“มีอะไรคะ ฉันนอนหลับอยู่” คนในห้องตะโกนตอบเสียงงัวเงีย แต่ชายหนุ่มไม่หลงกล

“เอแคร์ เปิดประตูแล้วออกมาคุยกันให้รู้เรื่อง...เดี๋ยวนี้” ถึงคำสั่งนั้นจะไม่มีคำรุนแรงน่ากลัว แต่ด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นมีพลังให้คนที่อยู่ข้างในต้องจำนน ออกมารับโทษสิ่งที่ก่อไว้ แสร้งหาวหวอดๆ โดยลืมไปว่าตัวเองยังอยู่ในชุดเดรสสีฟ้า ทรงผมรวบหางม้ายังเรียบเหมือนเดิมเป็นหลักฐานยืนยันอย่างชัดเจนว่าหญิงสาวไม่ได้นอนหลับอย่างที่พูด

“รู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป” รักษิตถามทันที

“ฉันทำอะไรเหรอคะ” เซเลน่าไม่ยอมรับ

“เราโกหกคนอื่นกันมากพอแล้วนะเอแคร์ เราอย่าโกหกกันเองอีกเลย”

เซเลน่าอึ้งแล้วยอมรับเสียงอ่อน “ก็คุณพี่รักอยากไม่ร่วมมือกับฉันเองนี่ ฉันก็เลยต้องเตือนความจำให้คุณพี่รักว่าตอนนี้คุณพี่ภูมิเป็นยังไง”

“โอเค ผมเห็นชัดแจ่มแจ้งแล้ว แต่คุณคิดบ้างไหมว่าถ้าเกิดว่าไอ้ภูมิมันหอบดอกไม้มาแสดงความดีใจกับผม มาพูดหวานๆ กับผมตอนที่ยาอยู่จะเป็นยังไง”

“จริงด้วย” เซเลน่าเพิ่งจะได้ฉุกคิด จริงอย่างที่เขาบอก เวลาช่วงหกโมงเย็นถึงหนึ่งทุ่มเป็นเวลาที่รักษิยากลับบ้าน ถ้าหญิงสาวกลับมาเห็นสิ่งที่ภูมิปฏิบัติกับพี่ชายเข้า ความลับเรื่องรักษิตเป็นมือที่สามต้องแตกแน่ “ฉันลืมคิดไป ฉันขอโทษนะคะคุณพี่รัก อย่าโกรธฉันเลยนะ”

ครั้นเห็นใบหน้าของชายหนุ่มยังบึ้งตึงจึงหลับตา วาดนิ้วชี้ไปบนอากาศเหมือนกำลังใช้เวทมนตร์

“โอม...ปะติโถๆๆ ปะติโถถังโถ ขอให้คุณพี่รักหายโกรธฉัน ถ้ามนตร์นี้ได้ผลขอให้คุณพี่รักยิ้มด้วยเถอะ...เพี้ยง” แล้วชี้นิ้วไปที่ใบหน้าคม

ชายหนุ่มคว้ามือเล็กตรงหน้า ดวงตาคมมองหญิงสาวเชิงตำหนิ ที่จริงความโกรธหายไปตั้งแต่หญิงสาวเริ่มท่องคาถาแล้ว แต่เขาไม่อยากให้หญิงสาวเคยตัวจึงวางฟอร์มดุ “คราวหลังก็จำเอาไว้ จะทำอะไรคิดให้รอบคอบก่อน เข้าใจไหม”

“เข้าใจแล้วค่ะ” หญิงสาวรับคำพร้อมยิ้มสดใส ก่อนนึกขึ้นได้ “ตกลงคุณพี่รักยอมจีบคุณน้องดาแล้วใช่ไหมคะ”

“เอาเป็นว่าผมจะลองเปิดใจกับน้องดาก็แล้วกัน ถ้าคุณสัญญาว่าคุณจะไม่ก่อเรื่องอีก” รักษิตจำยอม พร้อมๆ กับที่เสียงรถของรักษิยาดังขึ้นจากหน้าบ้าน ชายหนุ่มสั่งให้เซเลน่าเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนค่อยลงไปข้างล่าง เพราะกลัวว่าชุดราคาแพงของน้องสาวจะเปื้อน

ส่วนตัวเขาเข้าห้องไปเปลี่ยนชุดที่เปื้อนน้ำและฟองสบู่อย่างเร็ว ก่อนลงไปหาน้องสาวที่กำลังหิ้วถุงของสดสำหรับทำอาหารมื้อค่ำที่แวะซื้อจากซูเปอร์มาเก็ต

“ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลยจ๊ะยา” รักษิตทักทาย แต่อีกฝ่ายไม่ตอบ หากถามกลับว่า

“พี่ภูมิมาเหรอคะพี่รัก”

ผู้เป็นพี่ชายอึ้ง “ยาเจอภูมิด้วยเหรอ”

“ค่ะ ยาเห็นรถพี่ภูมิขับสวนออกไปจากหมู่บ้าน แต่พี่ภูมิไม่เห็นยาหรอกค่ะ ยาก็ไม่แน่ใจว่าพี่ภูมิไม่เห็นจริงๆ หรือว่าแกล้งไม่เห็น”

รักษิยาตัดพ้อ ถนนของหมู่บ้านเป็นถนนเลนเดียว และตอนนั้นก็ไม่มีรถคันอื่นนอกจากรถของหล่อนกับภูมิ หล่อนเองยังเห็นรถของคนรักหนุ่มแล่นมาแต่ไกล ทว่าอีกฝ่ายกลับทำเหมือนไม่เห็นรถของหล่อน เอาแต่มองตรงไปข้างหน้า

“ภูมิไม่ได้แกล้งหรอก พี่ว่ายาอย่าคิดมากเลยนะจ๊ะ” รักษิตปลอบใจ

“แล้วพี่ภูมิมาที่นี่ทำไมคะ”

รักษิตอึ้ง ครั้นเห็นน้ำตาคลอหน่วยดวงตาของน้องสาว ทำให้เขาพูดออกไปว่า “ก็มาหายาไง”

“จริงเหรอคะ” ดวงตาคู่สวยเป็นประกายขึ้นมาอย่างฉับพลัน นั่นยิ่งทำให้รักษิตจำใจต้องโกหกน้องสาว

“จ้ะ แต่พอดีว่าภูมิมันมีธุระด่วนก็เลยต้องรีบกลับ”

“พี่ภูมิคงมีเรื่องให้คิดเยอะจริงๆ อย่างที่พี่รักบอก เพราะเมื่อตะกี้ยาเห็นหน้าพี่ภูมิเครียดน่าดู แล้วก็ยังทำท่าเหมือนปาดน้ำตาด้วย แต่ยาคิดว่าตัวเองคิดมากไป พี่ภูมิคงจะแค่ยกมือลูบแก้มธรรมดามากกว่า ว่าแต่ทำไมไม่โทรไปบอกยาล่ะคะ ยาจะได้รีบกลับ” เพราะหญิงสาวเองก็อยากพบคนรักหนุ่มมาก

“พี่โทรแล้วจ้ะ แต่สัญญาณไม่มี” รักษิตบอกแล้วเปลี่ยนเรื่อง “เข้าบ้านเถอะจ้ะ จะได้ทำกับข้าวทานกัน วันนี้พี่มีข่าวดีมาบอกด้วยนะ”

“ข่าวอะไรคะ”

“เอาไว้รู้พร้อมกันดีกว่า เย็นนี้พงษ์จะกลับบ้าน”

“โอเคค่ะ” รักษิยารับคำ เรื่องภูมิมาหาทำให้หล่อนอารมณ์ดีขึ้น

“มา พี่ช่วยเอาของไปเก็บในครัว จะได้ไปอาบน้ำให้ลักกี้ต่อ” รักษิตรับถุงของหนักอึ้งในมือน้องสาวมาหิ้ว เดินนำไปยังห้องครัวพลางสนทนากับน้องสาวเรื่องอาการของเจ้าลักกี้

ครั้นถึงประตูทางเข้าครัว รักษิตถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าช่อดอกทิวลิปของภูมิวางอยู่บนโต๊ะ ว่าจะใช้ร่างหนาบังสายตาน้องสาว แต่ไม่ทันแล้ว เพราะรักษิยาถามขึ้นว่า

“ดอกไม้ของใครคะนั่น สวยจัง”

“เอ่อ...” รักษิตอึกอักก่อนตอบ “ภูมิฝากไว้ให้ยาจ้ะ พี่ลืมบอก”

รักษิยาวางถุงของไว้บนโต๊ะ หยิบช่อดอกทิวลิปขึ้นมาชื่นชม ก่อนนึกขึ้นได้ “แต่เอ๊ะ พี่ภูมิรู้ว่ายาไม่ชอบกลิ่นดอกทิวลิปนี่คะ พี่รักต่างหากที่ชอบดอกทิวลิป”

“บางทีภูมิอาจจะแฝงความหมายอะไรบางอย่างที่อยากจะบอกยาก็ได้” รักษิตว่าไปเรื่อย

หัวใจของรักษิยาพองโต...พี่ภูมิยังเป็นคนเดิม และอีกไม่นานความรักของหล่อนกับเขาคงจะกลับมาเหมือนเดิม

ระหว่างที่รักษิยากำลังมีความสุขอยู่กับความงามของดอกทิวลิปดอกโต โดยเอาช่อดอกไม้อยู่ห่างจากจมูกเพราะแก้กลิ่น รักษิตจึงสังเกตเห็นการ์ดใบเล็กที่ห้อยอยู่กับก้านช่อ เขาจะเข้าไปหาทางจัดการซ่อนหรือทำลาย แต่ไม่ทัน เพราะรักษิยาเห็นมันเข้าแล้ว

“อุ๊ย ! มีการ์ดด้วยค่ะพี่รัก” หญิงสาวหันมาบอกพี่ชาย แล้วไม่รอช้า คว้าการ์ดมาเปิดอ่านด้วยความตื่นเต้น

ผิดกับผู้เป็นพี่ชายที่กำลังเหงื่อแตกพลั่ก เพราะรู้ดีว่าข้อความในการ์ดเขียนว่าอะไร !

************************************************

ปล. ขออนุญาตลงตอนนี้เป็นตอนสุดท้ายนะคะ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ ^^



สาธิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ส.ค. 2554, 01:29:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ส.ค. 2554, 01:29:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 1480





<< ตอน 17   
jink 10 ส.ค. 2555, 19:13:32 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account