รหัสรัก...รหัสหัวใจ
อิงลดา หญิงสาวที่เพิ่งอกหักหมาดๆ ได้รับของขวัญประหลาดเป็นชายหนุ่มรูปงาม ดวงตาสีฟ้า มีชื่อเล่นแปลว่าน้ำแข็ง เขาบอกตัวตัวเองเป็นของขวัญ แต่สำหรับเธอ คิดว่าเขาเป็นหุ่นยนต์ในคราบปีศาจร้ายที่เข้ามาวุ่นวายในชีวิตมากกว่า เพราะเพียงเริ่มได้รู้จักกัน ชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปแบบที่เจ้าตัวไม่เคยคิดมาก่อน
Tags: สิรินดา, รหัสรักรหัสหัวใจ, นิยายรัก
ตอน: 17. ผมรักคุณ
"ชอบห้องสมุดที่นี่จัง อยากให้สมัยโน้นมีแบบนี้บ้าง" ฉันรำพึงกับตัวเอง มองไปรอบกาย ห้องสมุดขนาดกว้างใหญ่ มีหนังสือทุกประเภทรอบโลก มันถูกจัดเก็บในรูปอิเล็กทรอนิกส์บนกระดาษแบบพิเศษที่คือหน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดบางเท่ากระดาษ การเปิดมันให้ความรู้สึกเหมือนหนังสือจริงๆ แถมสบายตากว่าหนังสือจริงๆ เสียอีก
...นอกจากนั้นที่นั่งที่นี่ก็มีมุมเป็นส่วนตัว ให้นั่งอ่านหนังสือสบายๆ แบบเป็นสัดส่วนอยู่หลายที่
"มีผู้หญิงไม่มากนักหรอกที่ชอบหนังสือ" คนที่ยืนเลือกหนังสืออยู่ข้างๆ เอ่ย
ฉันเลิกคิ้ว
"สมัยนี้ เขาอยากได้อะไรก็ดีดนิ้ว ค้นเอาทีเดียว ไม่มามัวนั่งอ่านทีละบรรทัดอย่างนี้หรอก ที่นี่จะกลายเป็นที่เก็บของเก่าเข้าไปทุกที นักศึกษาของที่นี่ ค้นหนังสือทุกเล่มได้จากไอบุ๊ค หรือไม่ก็คอมพิวเตอร์ของตัวเอง"
มิน่า คนถึงไม่มากอย่างที่คิด
"ฉันชอบแบบนี้มากกว่า อาจจะเป็นเพราะฉันคุ้นกว่า"
"ผมก็เหมิอนกัน" เขาตอบ "ผมจะขึ้นไปเอาเล่มที่อ่านค้างไว้ที่ชั้นบนนะ คุณนั่งรออยู่ที่นี่ เดี๋ยวผมมา"
ฉันพยักหน้า ได้หนังสือ แล้วก็หามุมนั่ง จมกับเรื่องราวในนั้นจนลืมเวลา
ไอแซคหายไปนาน...นานมาก ฉันเริ่มวิตกจึงตัดสินใจเดินตามขึ้นไปชั้นบน
ป้ายบอกทางบอกว่าชั้นบนเป็นประวัติศาสตร์ ฉันขมวดคิ้ว ไม่นึกว่าเขาจะสนใจด้านนี้ นักวิทยาศตร์น่าจะสนใจเรื่องของอนาคต แต่ทำไม...
คนที่ฉันตามหายืนอยู่กลางห้อง บริเวณที่ตั้งของหน้าจอคอมพิวเตอร์แบบทัชสกรีนขนาดกลาง ก้มตัวลงบนหน้าจอขนาดใหญ่ตรงหน้า สักพักก็ลากมือเพื่อเลื่อนหน้าจอ จมอยู่ในภวังค์ของการอ่านข้อความจากหน้าจอ
เขาขยับตัวนิดหนึ่งเมื่อได้ยินเสียงเท้า (ซึ่งฉันคิดว่าเดินเบามากแล้ว)
"คุณหายมานาน..."
ปลายสายตา ฉันเห็นเขาเอามือปัดเพื่อเปลี่ยนหน้าจอ
"ทำไมจะต้องปิดกันด้วย อยากรู้อะไรก็ถามกันตรงๆ ก็ได้" ฉันกอดอก จากปลายสายตาเห็นรูปตัวเองที่หน้าจอแวบหนึ่ง
ใบหน้าของคนตรงหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย...วิทยการ ทำให้หุ่นแสดงอารมณ์ได้ขนาดนี้เลยหรือนี่
"บอกมาว่าอยากรู้อะไร"
คนฟังนิ่งไปพักหนึ่ง "ผม...หาข้อมูลของคุณหลังจากปีที่คุณจากมา แปลกใจว่ามันไม่มีอะไรเลย ไม่ว่าจะหายังไงก็ตาม"
...ข้อมูลประวัติศาสตร์ที่มากที่สุดในโลก รวมอยู่ที่นี่... ด้านหนึ่งของฝาหนัง มีข้อความบนโปสเตอร์อิเล็กทรอนิกส์แปะไว้
"ก็ฉันยังไม่ได้กลับไป พอกลับไปประวัติศาสตร์ก็เปลี่ยนไปเอง" ฉันบอก "นายไม่เคยอ่านนิยายวิทยาศาสตร์เหรอ เรื่องแบบนี้อ่านได้จากนิยายวิทยาศาสตร์ทั่วไป เอาเป็นว่า...ถ้ากลับไปได้ ฉันจะเขียนจดหมายหานายก็แล้วกันนะ นายจะได้รู้ว่าฉันสบายดี เอ แล้วฉันจะส่งมาหานายได้ยังไงล่ะ"
"ไม่ต้องส่งหรอก แค่เก็บมันไว้ดีๆ ผม...จะหามันให้เจอเอง"
แววตาคนตอบจริงจัง
"นี่ฉันพูดเล่น นายอยากรู้เรื่องของฉันทำไมนักหนา"
คนตรงข้ามฉันพยักหน้า "ผม..."
"นายรู้สึกผิดสินะ" ฉันเอ่ยขึ้นก่อนที่เขาจะพูดต่อ
"ก็...."
"ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว จะมองหาฉันในอดีตเพื่ออะไร...อดีตมันไม่สำคัญเท่าปัจจุบันหรอกนะ สรุป อยากรู้อะไรถามมา"
คนฟังนิ่งไปอึดใจ ก่อนจะเบือนสายตาหนี
ฉันไม่ได้มีประสบการณ์มากมายที่จะเข้าใจท่าทางนั้น
"โอเค ไม่ถามก็ตามใจ แต่ออกไปจากตรงนี้กันเถอะ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่าไปค้นเรื่องเก่าๆ แบบนั้น" ฉันก้าวไปหาร่างสูง ดึงเขาออกมาจากตรงนั้น
"แล้วนี่จะไปไหน" เขาถามเพราะแทนที่จะลากเขากลับด้านล่าง ฉันกลับพาเขาเดินเลยมาห้องติดกัน
ฉันชี้ไปที่เสา ซึ่งมีตัวอักษรเรืองแสงแสดงอยู่ - - นิทรรศการหุ่นยนต์ - - "อยากรู้เรื่องนี้ แต่คงดูคนเดียวไม่รู้เรื่อง มาอธิบายให้หน่อย"
ดูอีกฝ่ายไม่อยากเข้ามาที่นี่นัก เพราะเท้าของเขาหยุดนิ่งทันที แววตาของเขาที่ฉันบังเอิญหันกลับไปเห็นเข้ามัน...เจ็บปวด
ฉันลืมหายใจ ไม่ทันได้คิดว่าเรื่องราวข้างในอาจทำร้ายจิตใจสิ่งที่อยากจะเป็นมนุษย์
"ความจริง มันก้คือความจริง และมันก็แค่ความจริง" ฉันเลื่อนมือไปจับมือหนาท้้งของข้าง บีบเบาๆ "ฉันแค่อยากรู้ว่าโลกสมัยนี้มันก้าวไปถึงไหนแล้ว บอกตรงๆ นะ สำหรับฉันนายไม่ใช่หุ่นยนต์ ถ้านายไม่บอก ฉันก็ไม่มีทางรู้ได้ เข้าใจไหม"
อุ้งมือหนาอุ่นราวกับเป็นสิ่งมีชีวิต มันให้ความรู้สึกต่างจากฝ่ามือผู้ชายคนเดียวที่เคยสัมผัสฉ้นใกล้ชิด เขาบืบมือตอบ แววตาที่มองกลับมาก็...ยากเกินหยั่งถึงจริงๆ
"ขอบคุณครับ...มัน..."
ฉันยิ้ม "อย่าคิดมาก เข้าไปกันเถอะ"
มือหนายังรั้งไว้
"อะไร"
"ผม...เอิ่ม ขอกอดคุณสักครั้งได้ไหม"
จู่ เขาก็ปล่อยประโยคที่เป็นเหมือนหมัดฮุกเข้าที่ท้องของฉันอย่างจัง จะมาขอกอดกันหน้าห้องนิทรรศการประวัตศาสตร์ของหุ่นยนต์นี่นะ
"......"
"โอเค...ถือว่าผมไม่ได้พูดก็แล้วกัน" คนพูดดึงมือของฉันเดินตรงไปยังทิศที่เป็นนิทรรศการ "ผมจะอธิบายเรื่องวิวัฒนาการของการทำงานของสมองของหุ่นยนต์ให้ฟัง" เขาพาฉันไปที่ชั้นแสดงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หน้าตาแปลกๆ ด้านขวาของห้อง
"สมองของหุ่นยนต์เริ่มจากความพยายามของคนที่จะทำให้คอมพิวเตอร์รู้จักอะไรๆ เหมือนที่พวกเขารู้จัก แรกๆ มันเป็นระบบการรู้จำต่างๆ เช่น ระบบรู้จักเสียงพูด ระบบรู้จำใบหน้าเขาคิดม้นขึ้นมาเพื่อเอามาใช้ในงานต่างๆ แทนคน เช่นแสกนใบหน้าหาตัวคนร้าย"
"สมัยที่ฉันจากมามีเรื่องพวกนี้แล้ว"
"นั่นเป็นระยะต้นของการพัฒนาสมองหุ่นยนต์ ระยะนั้น มนุษย์ทำอะไรไปไม่ได้มากไปกว่าทำให้คอมพิวเตอร์หาคำตอบอะไรจากข้อมูลมากๆ ให้พวกเขา ทำงานแทนให้ เพราะขีดจำกัดของฮาร์ดแวร์ ทำให้มนุษย์พัฒนาความสามารถของสมองหุ่นยนต์ไปไม่ได้มากกว่านั้น"
ฉันพยักหน้า คนนำทางดึงฉันมาอีกตู้ มันเป็นตู้กระจก ข้างในเป็นหุ่นยนต์ขนาดจิ๋ว "หุ่นยนต์ตัวแรกที่มีสมองเกิดขึ้นเมื่อสามสิบปีที่แล้ว เราส่งมันขึ้นไปเก็บข้อมูลบนดวงจันทร์ โดยมันจะต้องทำการทดสอบสภาพภูมิศาสตร์บนนั้น และเลือกได้ว่าจะเอาหิน ดิน ฝุ่น ตรงไหนบ้างมาทดสอบ เจ้าตัวนี้คิดได้เอง และเลือกข้อมูลที่จะส่งกลับมาที่โลก"
หุ่นหน้าตาประหลาด ต่างจากร่างสูงที่อยู่ข้างๆ ฉันไกล
"เทคโนโลยี deep learning กับอุปกรณ์ที่ทำให้ความจุในสมองของหุ่นยนต์มีมหาศาล และทำงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ"
เขาพาฉันมาหยุดที่ตู่ใสๆ ล่าสุด "นี่เป็นโครงการสร้างหุ่นยนต์ที่มีสมองเหมือนมนุษย์โครงการแรก เกิดขึ้นเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว"
รูปพ่อของไอแซคยืนอยู่กับเพื่อนอีกคน "แต่โครงการนั้นล้มเหลว เพราะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นก่อน นักวิทยาศาสตร์อีกท่านเสียชีวิต พ่อของผมตัดสินใจล้มเลิกโครงการ ส่งข้อมูลทังหมดกลับให้รัฐบาล และผันตัวเองไปเป็นหมออย่างเดียว"
"พ่อของคุณเป็นคนคิด..."
"เปล่า เพื่อนของท่านซึ่งเป็นศาสตราจารย์ด้านสมองกลฝังตัวและ deep learning เป็นคนคิด พ่อผมเป็นหมอด้านระบบประสาท สองคนนั่นทำงานร่วมกัน"
ชายหนุ่มเลื่อนปลายนิ้วไปแตะที่ภาพสองนักคิดผู้ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษ "ยังไม่มีใครแกะโครงสร้างโปรแกรมที่ศาสตราจารย์ท่านนั้นทำไว้ได้จนทะลุ มีบางคนบอกว่า ท่านยังคิดไม่เสร็จด้วยซ้ำ หุ่นแบบที่คิดได้แบบคนไม่มีจริง"
"ก็เลย..."
"มีผมคนเดียว และเป็นความลับสุดยอดที่บอกใครไม่ได้" เขาตอบ ยิ้มแห้งแล้ง "ไม่รู้จะดีใจดีไหม"
ยังมีอีกหลายคำถามที่อยากจะถาม อย่างเช่น เขาโตขึ้นตามวัยได้อย่างไร (เพราะนาธานบอกว่าเขาเป็นเพื่อนกับไอแซคมาตั้งแต่เด็ก) ทำไมเข้าถึงกินอาหารได้เหมือนคน แต่แววตาของอีกฝ่ายทำให้ฉันไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา
"แปลกแยก ... นั่นแหละความรู้สึกของผม แปลกแยกอยู่ข้างใน แล้วมันก็กัดกร่อนผมเสมอมา" เสียงนั่นไม่เบาไปกว่าเสียงกระซิบ แต่มันก็สั่นสะเทือนเข้าไปถึงหัวใจ
โดดเดี่ยว อ้างว้างเหลือเกิน
"ฉันเข้าใจแล้ว" ฉันยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่เอ่อขึ้นมาที่ขอบตาของตัวเอง "ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมนายถึงได้อยากจะรักษาชีวิตของฉันไว้นัก"
ไม่ใช่เพราะว่าเป็นฉัน แต่เป็นใครก็แล้วแต่ ถ้าเขารู้ว่าคนคนนั้นจะทำลายชีวิตัวเอง เขาก็คงจะห้าม เพราะเขารู้ว่ามันสำคัญมากแค่ไหน และอย่างที่ห้ามใจไม่ได้ ฉันเปิดแขนออกกว้าง ผวาเข้ากอดร่างสูงนั่นพร้อมเสียงสะอื้น
มีบางคน หรือบางสิ่ง ที่ถึงแม้มีชีวิตอยู่ แต่ก็เหมือนไม่มีชีวิต หรือไม่สามารถมีชีวิตได้อย่างแท้จริง
ทั้งๆ ที่เขามีคุณสมบัติควรจะมีชีวิตอยู่ทุกประการ
แต่ฉันสิ ไม่คิดแม้แต่จะรักตัวเอง รักชีวิตของตัวเอง ไม่เห็นค่าของการมีชีวิตอยู่เลยสักนิด
"ฉันขอโทษนะไอแซค...ขอโทษ"
ร่างสูงยืนนิ่ง ปล่อยให้ฉันกอด แต่ด้วยร่างของเขาหนากว่ามาก ทำให้ฉันกอดได้เพียงต้นแขนของเขาเท่านั้น ไอแซคใช้แขนข้างที่ว่างอยู่ดึงฉันเข้าสู่อ้อมอก และกอดฉันไว้ทั้งตัว
"ผมรักคุณ"
"....."
"เอิ่ม...ผมขอโทษ ผม"
"นายหมายถึง นายรักชีวิตของฉันใช่ไหม" ฉันอมยิ้มกับอกกว้าง เพราะคิดว่าคนร่างสูงที่กำลังกอดฉันอยู่นี่คงเลือกใช้คำผิด ระบบสมองอัจฉริยะของเขาคงทำงานผิดปกติเพราะสถานการณ์ไม่คุ้นเคยนี้
"ฉันเข้าใจ ฉันซึ้งใจแล้ว"
มันอุ่นสบายเหลือเกินที่ได้อยู่ในอ้อมกอดกว้างๆ แบบนี้
"นายมีเสียงหัวใจด้วย"
"ผมมีหัวใจ" เขาตอบ
ฉันขยับหูเข้าชิดด้านที่เป็นหัวใจของเขาอีกนิด เสียงของมันดังเหมือนเสียงหัวใจของมนุษย์มากๆ "นายมีหัวใจจริงๆ" ฉันเดาเอาว่ามันคงเป็นหัวใจอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำเลียนแบบหัวใจมนุษย์ ขนาดหุ่นคล้ายคนยังทำได้ หัวใจเทียมทำไมจะทำให้เหมือนจริงมากๆ ไม่ได้
"สัญญานะ ว่าคุณกลับไป จะไม่ฆ่าตัวตายอีก จะรักษาชีวิตนี้ไว้ให้นานที่สุด"
ฉันพยักหน้ากับอกกว้าง
"สัญญานะ ว่าจะเขียนถึงผม"
ฉันพยักหน้าอีก
"พ่อนายบอกว่า จะทำโทษที่นายพาฉ้นกลับมา รู้ไหมเขาจะจัดการยังไง"
"ผมก็ไม่รู้ แต่ผมไม่สนใจหรอก ดีเสียอีก ท้ายที่สุด ผมก็จะได้ตายได้เหมือนคนอื่นๆ"
"ไอซ์ ..." ฉันดึงตัวเองออกมา "อย่าพูดแบบนี้นะ"
"...."
ฉันจ้องกลับไปยังดวงตาสีเข้ม ที่ไม่รู้ว่ามันเป็นของจริง หรือผลผลิตของเทคโนโลยี แต่มันมีความรู้สึกมากมายอยู่ในนั้น
"ฉันแคร์ชีวิตของนาย นายเป็นคนดี นายทำประโยชน์ให้คนอื่น นายไม่ควรที่นายจะถูกท่านทำแบบนี้"
ประโยคนั้น ทำให้ฉันถูกอีกฝ่ายดึงเข้าไปกอดอีกรอบ พร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ อย่างมีความสุข
"บางเรื่องชะตาคงลิขิตไว้แล้ว ช่างมันเถอะ...แค่วันนี้ คุณเปลี่ยนใจ จะไม่ทำร้ายตัวเองอัก ผมก็ดีใจที่สุดแล้ว"
.........
...นอกจากนั้นที่นั่งที่นี่ก็มีมุมเป็นส่วนตัว ให้นั่งอ่านหนังสือสบายๆ แบบเป็นสัดส่วนอยู่หลายที่
"มีผู้หญิงไม่มากนักหรอกที่ชอบหนังสือ" คนที่ยืนเลือกหนังสืออยู่ข้างๆ เอ่ย
ฉันเลิกคิ้ว
"สมัยนี้ เขาอยากได้อะไรก็ดีดนิ้ว ค้นเอาทีเดียว ไม่มามัวนั่งอ่านทีละบรรทัดอย่างนี้หรอก ที่นี่จะกลายเป็นที่เก็บของเก่าเข้าไปทุกที นักศึกษาของที่นี่ ค้นหนังสือทุกเล่มได้จากไอบุ๊ค หรือไม่ก็คอมพิวเตอร์ของตัวเอง"
มิน่า คนถึงไม่มากอย่างที่คิด
"ฉันชอบแบบนี้มากกว่า อาจจะเป็นเพราะฉันคุ้นกว่า"
"ผมก็เหมิอนกัน" เขาตอบ "ผมจะขึ้นไปเอาเล่มที่อ่านค้างไว้ที่ชั้นบนนะ คุณนั่งรออยู่ที่นี่ เดี๋ยวผมมา"
ฉันพยักหน้า ได้หนังสือ แล้วก็หามุมนั่ง จมกับเรื่องราวในนั้นจนลืมเวลา
ไอแซคหายไปนาน...นานมาก ฉันเริ่มวิตกจึงตัดสินใจเดินตามขึ้นไปชั้นบน
ป้ายบอกทางบอกว่าชั้นบนเป็นประวัติศาสตร์ ฉันขมวดคิ้ว ไม่นึกว่าเขาจะสนใจด้านนี้ นักวิทยาศตร์น่าจะสนใจเรื่องของอนาคต แต่ทำไม...
คนที่ฉันตามหายืนอยู่กลางห้อง บริเวณที่ตั้งของหน้าจอคอมพิวเตอร์แบบทัชสกรีนขนาดกลาง ก้มตัวลงบนหน้าจอขนาดใหญ่ตรงหน้า สักพักก็ลากมือเพื่อเลื่อนหน้าจอ จมอยู่ในภวังค์ของการอ่านข้อความจากหน้าจอ
เขาขยับตัวนิดหนึ่งเมื่อได้ยินเสียงเท้า (ซึ่งฉันคิดว่าเดินเบามากแล้ว)
"คุณหายมานาน..."
ปลายสายตา ฉันเห็นเขาเอามือปัดเพื่อเปลี่ยนหน้าจอ
"ทำไมจะต้องปิดกันด้วย อยากรู้อะไรก็ถามกันตรงๆ ก็ได้" ฉันกอดอก จากปลายสายตาเห็นรูปตัวเองที่หน้าจอแวบหนึ่ง
ใบหน้าของคนตรงหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย...วิทยการ ทำให้หุ่นแสดงอารมณ์ได้ขนาดนี้เลยหรือนี่
"บอกมาว่าอยากรู้อะไร"
คนฟังนิ่งไปพักหนึ่ง "ผม...หาข้อมูลของคุณหลังจากปีที่คุณจากมา แปลกใจว่ามันไม่มีอะไรเลย ไม่ว่าจะหายังไงก็ตาม"
...ข้อมูลประวัติศาสตร์ที่มากที่สุดในโลก รวมอยู่ที่นี่... ด้านหนึ่งของฝาหนัง มีข้อความบนโปสเตอร์อิเล็กทรอนิกส์แปะไว้
"ก็ฉันยังไม่ได้กลับไป พอกลับไปประวัติศาสตร์ก็เปลี่ยนไปเอง" ฉันบอก "นายไม่เคยอ่านนิยายวิทยาศาสตร์เหรอ เรื่องแบบนี้อ่านได้จากนิยายวิทยาศาสตร์ทั่วไป เอาเป็นว่า...ถ้ากลับไปได้ ฉันจะเขียนจดหมายหานายก็แล้วกันนะ นายจะได้รู้ว่าฉันสบายดี เอ แล้วฉันจะส่งมาหานายได้ยังไงล่ะ"
"ไม่ต้องส่งหรอก แค่เก็บมันไว้ดีๆ ผม...จะหามันให้เจอเอง"
แววตาคนตอบจริงจัง
"นี่ฉันพูดเล่น นายอยากรู้เรื่องของฉันทำไมนักหนา"
คนตรงข้ามฉันพยักหน้า "ผม..."
"นายรู้สึกผิดสินะ" ฉันเอ่ยขึ้นก่อนที่เขาจะพูดต่อ
"ก็...."
"ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว จะมองหาฉันในอดีตเพื่ออะไร...อดีตมันไม่สำคัญเท่าปัจจุบันหรอกนะ สรุป อยากรู้อะไรถามมา"
คนฟังนิ่งไปอึดใจ ก่อนจะเบือนสายตาหนี
ฉันไม่ได้มีประสบการณ์มากมายที่จะเข้าใจท่าทางนั้น
"โอเค ไม่ถามก็ตามใจ แต่ออกไปจากตรงนี้กันเถอะ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่าไปค้นเรื่องเก่าๆ แบบนั้น" ฉันก้าวไปหาร่างสูง ดึงเขาออกมาจากตรงนั้น
"แล้วนี่จะไปไหน" เขาถามเพราะแทนที่จะลากเขากลับด้านล่าง ฉันกลับพาเขาเดินเลยมาห้องติดกัน
ฉันชี้ไปที่เสา ซึ่งมีตัวอักษรเรืองแสงแสดงอยู่ - - นิทรรศการหุ่นยนต์ - - "อยากรู้เรื่องนี้ แต่คงดูคนเดียวไม่รู้เรื่อง มาอธิบายให้หน่อย"
ดูอีกฝ่ายไม่อยากเข้ามาที่นี่นัก เพราะเท้าของเขาหยุดนิ่งทันที แววตาของเขาที่ฉันบังเอิญหันกลับไปเห็นเข้ามัน...เจ็บปวด
ฉันลืมหายใจ ไม่ทันได้คิดว่าเรื่องราวข้างในอาจทำร้ายจิตใจสิ่งที่อยากจะเป็นมนุษย์
"ความจริง มันก้คือความจริง และมันก็แค่ความจริง" ฉันเลื่อนมือไปจับมือหนาท้้งของข้าง บีบเบาๆ "ฉันแค่อยากรู้ว่าโลกสมัยนี้มันก้าวไปถึงไหนแล้ว บอกตรงๆ นะ สำหรับฉันนายไม่ใช่หุ่นยนต์ ถ้านายไม่บอก ฉันก็ไม่มีทางรู้ได้ เข้าใจไหม"
อุ้งมือหนาอุ่นราวกับเป็นสิ่งมีชีวิต มันให้ความรู้สึกต่างจากฝ่ามือผู้ชายคนเดียวที่เคยสัมผัสฉ้นใกล้ชิด เขาบืบมือตอบ แววตาที่มองกลับมาก็...ยากเกินหยั่งถึงจริงๆ
"ขอบคุณครับ...มัน..."
ฉันยิ้ม "อย่าคิดมาก เข้าไปกันเถอะ"
มือหนายังรั้งไว้
"อะไร"
"ผม...เอิ่ม ขอกอดคุณสักครั้งได้ไหม"
จู่ เขาก็ปล่อยประโยคที่เป็นเหมือนหมัดฮุกเข้าที่ท้องของฉันอย่างจัง จะมาขอกอดกันหน้าห้องนิทรรศการประวัตศาสตร์ของหุ่นยนต์นี่นะ
"......"
"โอเค...ถือว่าผมไม่ได้พูดก็แล้วกัน" คนพูดดึงมือของฉันเดินตรงไปยังทิศที่เป็นนิทรรศการ "ผมจะอธิบายเรื่องวิวัฒนาการของการทำงานของสมองของหุ่นยนต์ให้ฟัง" เขาพาฉันไปที่ชั้นแสดงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หน้าตาแปลกๆ ด้านขวาของห้อง
"สมองของหุ่นยนต์เริ่มจากความพยายามของคนที่จะทำให้คอมพิวเตอร์รู้จักอะไรๆ เหมือนที่พวกเขารู้จัก แรกๆ มันเป็นระบบการรู้จำต่างๆ เช่น ระบบรู้จักเสียงพูด ระบบรู้จำใบหน้าเขาคิดม้นขึ้นมาเพื่อเอามาใช้ในงานต่างๆ แทนคน เช่นแสกนใบหน้าหาตัวคนร้าย"
"สมัยที่ฉันจากมามีเรื่องพวกนี้แล้ว"
"นั่นเป็นระยะต้นของการพัฒนาสมองหุ่นยนต์ ระยะนั้น มนุษย์ทำอะไรไปไม่ได้มากไปกว่าทำให้คอมพิวเตอร์หาคำตอบอะไรจากข้อมูลมากๆ ให้พวกเขา ทำงานแทนให้ เพราะขีดจำกัดของฮาร์ดแวร์ ทำให้มนุษย์พัฒนาความสามารถของสมองหุ่นยนต์ไปไม่ได้มากกว่านั้น"
ฉันพยักหน้า คนนำทางดึงฉันมาอีกตู้ มันเป็นตู้กระจก ข้างในเป็นหุ่นยนต์ขนาดจิ๋ว "หุ่นยนต์ตัวแรกที่มีสมองเกิดขึ้นเมื่อสามสิบปีที่แล้ว เราส่งมันขึ้นไปเก็บข้อมูลบนดวงจันทร์ โดยมันจะต้องทำการทดสอบสภาพภูมิศาสตร์บนนั้น และเลือกได้ว่าจะเอาหิน ดิน ฝุ่น ตรงไหนบ้างมาทดสอบ เจ้าตัวนี้คิดได้เอง และเลือกข้อมูลที่จะส่งกลับมาที่โลก"
หุ่นหน้าตาประหลาด ต่างจากร่างสูงที่อยู่ข้างๆ ฉันไกล
"เทคโนโลยี deep learning กับอุปกรณ์ที่ทำให้ความจุในสมองของหุ่นยนต์มีมหาศาล และทำงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ"
เขาพาฉันมาหยุดที่ตู่ใสๆ ล่าสุด "นี่เป็นโครงการสร้างหุ่นยนต์ที่มีสมองเหมือนมนุษย์โครงการแรก เกิดขึ้นเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว"
รูปพ่อของไอแซคยืนอยู่กับเพื่อนอีกคน "แต่โครงการนั้นล้มเหลว เพราะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นก่อน นักวิทยาศาสตร์อีกท่านเสียชีวิต พ่อของผมตัดสินใจล้มเลิกโครงการ ส่งข้อมูลทังหมดกลับให้รัฐบาล และผันตัวเองไปเป็นหมออย่างเดียว"
"พ่อของคุณเป็นคนคิด..."
"เปล่า เพื่อนของท่านซึ่งเป็นศาสตราจารย์ด้านสมองกลฝังตัวและ deep learning เป็นคนคิด พ่อผมเป็นหมอด้านระบบประสาท สองคนนั่นทำงานร่วมกัน"
ชายหนุ่มเลื่อนปลายนิ้วไปแตะที่ภาพสองนักคิดผู้ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษ "ยังไม่มีใครแกะโครงสร้างโปรแกรมที่ศาสตราจารย์ท่านนั้นทำไว้ได้จนทะลุ มีบางคนบอกว่า ท่านยังคิดไม่เสร็จด้วยซ้ำ หุ่นแบบที่คิดได้แบบคนไม่มีจริง"
"ก็เลย..."
"มีผมคนเดียว และเป็นความลับสุดยอดที่บอกใครไม่ได้" เขาตอบ ยิ้มแห้งแล้ง "ไม่รู้จะดีใจดีไหม"
ยังมีอีกหลายคำถามที่อยากจะถาม อย่างเช่น เขาโตขึ้นตามวัยได้อย่างไร (เพราะนาธานบอกว่าเขาเป็นเพื่อนกับไอแซคมาตั้งแต่เด็ก) ทำไมเข้าถึงกินอาหารได้เหมือนคน แต่แววตาของอีกฝ่ายทำให้ฉันไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา
"แปลกแยก ... นั่นแหละความรู้สึกของผม แปลกแยกอยู่ข้างใน แล้วมันก็กัดกร่อนผมเสมอมา" เสียงนั่นไม่เบาไปกว่าเสียงกระซิบ แต่มันก็สั่นสะเทือนเข้าไปถึงหัวใจ
โดดเดี่ยว อ้างว้างเหลือเกิน
"ฉันเข้าใจแล้ว" ฉันยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่เอ่อขึ้นมาที่ขอบตาของตัวเอง "ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมนายถึงได้อยากจะรักษาชีวิตของฉันไว้นัก"
ไม่ใช่เพราะว่าเป็นฉัน แต่เป็นใครก็แล้วแต่ ถ้าเขารู้ว่าคนคนนั้นจะทำลายชีวิตัวเอง เขาก็คงจะห้าม เพราะเขารู้ว่ามันสำคัญมากแค่ไหน และอย่างที่ห้ามใจไม่ได้ ฉันเปิดแขนออกกว้าง ผวาเข้ากอดร่างสูงนั่นพร้อมเสียงสะอื้น
มีบางคน หรือบางสิ่ง ที่ถึงแม้มีชีวิตอยู่ แต่ก็เหมือนไม่มีชีวิต หรือไม่สามารถมีชีวิตได้อย่างแท้จริง
ทั้งๆ ที่เขามีคุณสมบัติควรจะมีชีวิตอยู่ทุกประการ
แต่ฉันสิ ไม่คิดแม้แต่จะรักตัวเอง รักชีวิตของตัวเอง ไม่เห็นค่าของการมีชีวิตอยู่เลยสักนิด
"ฉันขอโทษนะไอแซค...ขอโทษ"
ร่างสูงยืนนิ่ง ปล่อยให้ฉันกอด แต่ด้วยร่างของเขาหนากว่ามาก ทำให้ฉันกอดได้เพียงต้นแขนของเขาเท่านั้น ไอแซคใช้แขนข้างที่ว่างอยู่ดึงฉันเข้าสู่อ้อมอก และกอดฉันไว้ทั้งตัว
"ผมรักคุณ"
"....."
"เอิ่ม...ผมขอโทษ ผม"
"นายหมายถึง นายรักชีวิตของฉันใช่ไหม" ฉันอมยิ้มกับอกกว้าง เพราะคิดว่าคนร่างสูงที่กำลังกอดฉันอยู่นี่คงเลือกใช้คำผิด ระบบสมองอัจฉริยะของเขาคงทำงานผิดปกติเพราะสถานการณ์ไม่คุ้นเคยนี้
"ฉันเข้าใจ ฉันซึ้งใจแล้ว"
มันอุ่นสบายเหลือเกินที่ได้อยู่ในอ้อมกอดกว้างๆ แบบนี้
"นายมีเสียงหัวใจด้วย"
"ผมมีหัวใจ" เขาตอบ
ฉันขยับหูเข้าชิดด้านที่เป็นหัวใจของเขาอีกนิด เสียงของมันดังเหมือนเสียงหัวใจของมนุษย์มากๆ "นายมีหัวใจจริงๆ" ฉันเดาเอาว่ามันคงเป็นหัวใจอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำเลียนแบบหัวใจมนุษย์ ขนาดหุ่นคล้ายคนยังทำได้ หัวใจเทียมทำไมจะทำให้เหมือนจริงมากๆ ไม่ได้
"สัญญานะ ว่าคุณกลับไป จะไม่ฆ่าตัวตายอีก จะรักษาชีวิตนี้ไว้ให้นานที่สุด"
ฉันพยักหน้ากับอกกว้าง
"สัญญานะ ว่าจะเขียนถึงผม"
ฉันพยักหน้าอีก
"พ่อนายบอกว่า จะทำโทษที่นายพาฉ้นกลับมา รู้ไหมเขาจะจัดการยังไง"
"ผมก็ไม่รู้ แต่ผมไม่สนใจหรอก ดีเสียอีก ท้ายที่สุด ผมก็จะได้ตายได้เหมือนคนอื่นๆ"
"ไอซ์ ..." ฉันดึงตัวเองออกมา "อย่าพูดแบบนี้นะ"
"...."
ฉันจ้องกลับไปยังดวงตาสีเข้ม ที่ไม่รู้ว่ามันเป็นของจริง หรือผลผลิตของเทคโนโลยี แต่มันมีความรู้สึกมากมายอยู่ในนั้น
"ฉันแคร์ชีวิตของนาย นายเป็นคนดี นายทำประโยชน์ให้คนอื่น นายไม่ควรที่นายจะถูกท่านทำแบบนี้"
ประโยคนั้น ทำให้ฉันถูกอีกฝ่ายดึงเข้าไปกอดอีกรอบ พร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ อย่างมีความสุข
"บางเรื่องชะตาคงลิขิตไว้แล้ว ช่างมันเถอะ...แค่วันนี้ คุณเปลี่ยนใจ จะไม่ทำร้ายตัวเองอัก ผมก็ดีใจที่สุดแล้ว"
.........
สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 เม.ย. 2560, 21:58:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 เม.ย. 2560, 22:22:24 น.
จำนวนการเข้าชม : 1770
<< 16: ฉันหรือเธอที่เปลี่ยนไป | 18. การกลับไป >> |
สิรินดา 9 เม.ย. 2560, 10:40:47 น.
รบทราบค่าาา
รบทราบค่าาา
ปริยาธร 9 เม.ย. 2560, 20:22:19 น.
เย้ ดีใจจัง พี่ตากลับมาอัพนิยายต่อแล้ว
เย้ ดีใจจัง พี่ตากลับมาอัพนิยายต่อแล้ว
สิรินดา 9 เม.ย. 2560, 21:23:08 น.
@ปริยาธร - - คิดถึงทุกคน คิดถึงนิยายทุกวัน แต่เวลาไม่มี ต่อไปนี้จะพยายามไม่อ้างโน้นอ้างนี้ ถ้าเราจะทำ เราจะเขียน
ก็ต้องหาเวลามาเขียนให้ได้ - - พยายามค่ะ พยายาม
@ปริยาธร - - คิดถึงทุกคน คิดถึงนิยายทุกวัน แต่เวลาไม่มี ต่อไปนี้จะพยายามไม่อ้างโน้นอ้างนี้ ถ้าเราจะทำ เราจะเขียน
ก็ต้องหาเวลามาเขียนให้ได้ - - พยายามค่ะ พยายาม