ห้วงฝันวันรัก (ผ่านพิจารณาสนพ.)
กิรณา ย้ายมาอยู่บ้านหลังใหม่ได้เพียงไม่นาน แต่แล้วชีวิตกลับต้องพลิกผันเมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่ง หล่อนได้ข้ามผ่านไปยังช่วงเวลาอนาคต!
ภายใต้ความลึกลับของกาลเวลาที่ชวนพิศวงนั้น ไม่มีสิ่งใดเลวร้ายไปกว่าการที่หญิงสาวต้องมารับรู้ถึงการจากไปอย่างกะทันหันของบุพการี โดยไร้ซึ่งต้นสายปลายเหตุ ดรัล ในฐานะเพื่อนบ้านที่แสนดี แม้จะไม่ค่อยถูกชะตากับสาวข้างบ้านอย่างกิรณาตั้งแต่แรกพบเสียเท่าไหร่ แต่จำต้องยื่นมือเข้ามาช่วยคลี่คลายเงื่อนงำที่เกิดขึ้น
อดีต ปัจจุบัน อนาคต...เหตุการณ์ในช่วงเวลาใดกันแน่ที่มีแต่ความหลอกลวง...
ภายใต้ความลึกลับของกาลเวลาที่ชวนพิศวงนั้น ไม่มีสิ่งใดเลวร้ายไปกว่าการที่หญิงสาวต้องมารับรู้ถึงการจากไปอย่างกะทันหันของบุพการี โดยไร้ซึ่งต้นสายปลายเหตุ ดรัล ในฐานะเพื่อนบ้านที่แสนดี แม้จะไม่ค่อยถูกชะตากับสาวข้างบ้านอย่างกิรณาตั้งแต่แรกพบเสียเท่าไหร่ แต่จำต้องยื่นมือเข้ามาช่วยคลี่คลายเงื่อนงำที่เกิดขึ้น
อดีต ปัจจุบัน อนาคต...เหตุการณ์ในช่วงเวลาใดกันแน่ที่มีแต่ความหลอกลวง...
Tags: เวลา ดราม่า ไซไฟ ฆาตกรรม หมอ บรรณารักษ์ สืบ อนาคต อบอุ่น เพื่อนบ้าน โรแมนติก
ตอน: บทที่ 2---100%
บทที่ 2 (ต่อ)
“หว้าสามารถไปอนาคตได้!?”
เสียงหลงๆ นั้นของทิวัตถ์ ยังดีที่ร้านอาหารมีผู้คนจอแจ รถวิ่งผ่านตลอด เลยไม่มีใครได้ยิน
หากทว่ากิรณาซึ่งนั่งอยู่กับทิวัตถ์ได้ยินเสียงหลงๆ นั้นเต็มสองหู ! ทิวัตถ์เองก่อนหน้านี้ก็กำลังซดน้ำก๋วยเตี๋ยวอย่างเอร็ดอร่อยเกือบสำลักติดคอ สบมองกิรณาอย่างเหลือเชื่อ
กิรณาเป็นคนนัดเพื่อนออกมาทานมื้อเที่ยงด้วยกันเอง ที่จริงหล่อนโทรศัพท์หาทิวัตถ์ตั้งแต่ตอนที่รู้ว่าตัวเองอยู่ในกาลเวลาอนาคตแล้ว แต่เพื่อนกลับปิดเครื่อง ตื่นมาตอนเช้ากลับมาอยู่ในช่วงเวลาปัจจุบันกิรณาเลยรีบโทร.นัดเจอเพื่อนเพื่อเล่าสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ให้เพื่อนฟัง หล่อนกำลังร้อนใจ ไม่รู้จะปรึกษาใครแล้วจริงๆ มีก็แต่ทิวัตถ์ที่หล่อนพอจะพึ่งได้ในยามนี้
“ช่วงนี้ที่บ้านหว้ามีเรื่องเครียดๆ เลยเก็บเอาไปฝันรึเปล่า” ทิวัตถ์ลองหาเหตุผลให้กิรณา
แต่พอเห็นสาวเจ้านิ่วหน้ามองมาลักษณะเคืองๆ ทิวัตถ์เลยไม่กล้าพูดต่อ นอกจากยิ้มเจื่อน
กิรณาเลยถอนใจออกมา
“ฟังนะวัต เรารู้ว่าสิ่งที่เราเล่ามันออกดูเหลือเชื่อเกินไปหน่อย แต่เราสัมผัสมันได้และก็จดจำได้ทุกอย่าง ทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกคำพูด ทุกความรู้สึก ทุกอย่างจริงๆ วัต มันชัดเจนมากเหมือนเรากำลังเผชิญอยู่กับมันจริงๆ แค่เป็นช่วงเวลาในอนาคตอีกสองเดือนข้างหน้า”
“ไม่ใช่ว่าเราไม่เชื่อหว้า”
ทิวัตถ์พยายามอธิบายให้เพื่อนเข้าใจเช่นกัน แต่แล้วรู้สึกประดักประเดื่อยามเอ่ยต่อว่า “เราอยากจะเข้าใจหว้านะ แต่...เอ่อ...หว้าลองคิดดู มันจะเป็นไปได้ไงที่อยู่ดีๆ คนเราจะสามารถตื่นมาในช่วงเวลาปัจจุบันกับอนาคตสลับกันไปมาได้โดยไม่มีสาเหตุอะไรที่ทำให้มันเกิด มันดู...เอิ่ม...ไม่น่าเป็นไปได้”
“แต่นี่มันเรื่องคอขาดบาดตายเชียวนะวัต” กิรณาชักฉุน “ถ้าเกิดเป็นเรื่องจริงขึ้นมา ใจคอวัตไม่คิดจะให้เราทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยพ่อแม่เราก่อนที่มันจะสายเกินไปเลยเหรอ”
ท่าทีอีกฝ่ายที่เงียบไป กิรณาดูก็รู้แล้วว่าเพื่อนฟังเป็นเรื่องตลกเสียมากกว่า ไม่ว่าหล่อนพูดอะไรไปเพื่อนก็คงไม่เชื่ออยู่ดีเลยน้อยใจลุกออกจากโต๊ะอาหารไปดื้อๆ ทำเอาคนฟังอย่างทิวัตถ์งุนงง รีบวางเงินค่าอาหารไว้บนโต๊ะ วิ่งตามกิรณาออกมาติดๆ
“อะไรกันหว้า เรื่องแค่นี้ก็ต้องโกรธเราด้วยเหรอ”
“เราไม่ได้โกรธ” กิรณาตอบปัด
เนื่องจากเป็นร้านอาหารตามสั่งข้างทาง หญิงสาวจอดรถไว้ริมฟุตปาธใกล้ๆ เดินมาถึงรถได้ก็จะเปิดประตูก้าวขึ้นรถไป แต่ยังอุตส่าห์เหลือบมองเพื่อนด้วยหางตา รายนั้นยังคงยืนหน้าเสียอยู่ข้างหลังนึกโทษตัวเองที่ทำให้สาวเจ้าโกรธเคือง หากกิรณาไม่มีอารมณ์มาสนใจอาการเพื่อน ใจหล่อนยังค้างคาอยากเคลียร์ให้รู้เรื่องมากกว่าเลยบอกเพื่อนทั้งที่ยังไม่ยอมหันกลับมามองหน้า
“ที่เราพูดไปเมื่อกี้วัตไม่ต้องเชื่อเราก็ได้ แต่ที่เราบอก...ก็แค่อยากให้วัตรู้ว่าเราไว้ใจวัตที่สุด วัตไม่มาเป็นเราวัตไม่รู้หรอกว่าในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้เรากลุ้มใจมากแค่ไหน”
พูดเท่านั้นกิรณาก็ตัดใจจะขึ้นรถ หากทิวัตถ์คว้าแขนกิรณาไว้
“แล้วหว้าบอกเรื่องนี้ให้ที่บ้านรู้รึยัง”
กิรณาส่ายหน้าแทนคำตอบ ทิวัตถ์เลยจับหญิงสาวให้หันกลับมาคุยด้วยดีๆ ท่าทีของทิวัตถ์ที่เริ่มสนใจมากขึ้น ไม่ได้ฟังเป็นเรื่องตลกเหมือนตอนแรก น้ำเสียงกิรณาเลยอ่อนลง
“วัตก็รู้ว่าพ่อแม่เราเป็นยังไง เราไม่กล้าบอกหรอก ขืนบอกไปได้หาว่าเราบ้าพอดี”
กิรณาอ้างไปอย่างนั้น ใจจริงลึกๆ แล้วหล่อนกลัวมากกว่าว่าถ้าบิดามารดารู้แล้วเกิดเชื่อขึ้นมา จะทำให้ใจเสียเปล่าๆ
ทิวัตถ์สบมองสาวตรงหน้าแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้ ดึงมือเพื่อนมาเกาะกุม
“แล้วตอนนี้หว้ามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพ่อแม่หว้ายังไง เป็นอุบัติเหตุ...หรือเป็นการฆาตกรรม” #
“หว้าสามารถไปอนาคตได้!?”
เสียงหลงๆ นั้นของทิวัตถ์ ยังดีที่ร้านอาหารมีผู้คนจอแจ รถวิ่งผ่านตลอด เลยไม่มีใครได้ยิน
หากทว่ากิรณาซึ่งนั่งอยู่กับทิวัตถ์ได้ยินเสียงหลงๆ นั้นเต็มสองหู ! ทิวัตถ์เองก่อนหน้านี้ก็กำลังซดน้ำก๋วยเตี๋ยวอย่างเอร็ดอร่อยเกือบสำลักติดคอ สบมองกิรณาอย่างเหลือเชื่อ
กิรณาเป็นคนนัดเพื่อนออกมาทานมื้อเที่ยงด้วยกันเอง ที่จริงหล่อนโทรศัพท์หาทิวัตถ์ตั้งแต่ตอนที่รู้ว่าตัวเองอยู่ในกาลเวลาอนาคตแล้ว แต่เพื่อนกลับปิดเครื่อง ตื่นมาตอนเช้ากลับมาอยู่ในช่วงเวลาปัจจุบันกิรณาเลยรีบโทร.นัดเจอเพื่อนเพื่อเล่าสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ให้เพื่อนฟัง หล่อนกำลังร้อนใจ ไม่รู้จะปรึกษาใครแล้วจริงๆ มีก็แต่ทิวัตถ์ที่หล่อนพอจะพึ่งได้ในยามนี้
“ช่วงนี้ที่บ้านหว้ามีเรื่องเครียดๆ เลยเก็บเอาไปฝันรึเปล่า” ทิวัตถ์ลองหาเหตุผลให้กิรณา
แต่พอเห็นสาวเจ้านิ่วหน้ามองมาลักษณะเคืองๆ ทิวัตถ์เลยไม่กล้าพูดต่อ นอกจากยิ้มเจื่อน
กิรณาเลยถอนใจออกมา
“ฟังนะวัต เรารู้ว่าสิ่งที่เราเล่ามันออกดูเหลือเชื่อเกินไปหน่อย แต่เราสัมผัสมันได้และก็จดจำได้ทุกอย่าง ทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกคำพูด ทุกความรู้สึก ทุกอย่างจริงๆ วัต มันชัดเจนมากเหมือนเรากำลังเผชิญอยู่กับมันจริงๆ แค่เป็นช่วงเวลาในอนาคตอีกสองเดือนข้างหน้า”
“ไม่ใช่ว่าเราไม่เชื่อหว้า”
ทิวัตถ์พยายามอธิบายให้เพื่อนเข้าใจเช่นกัน แต่แล้วรู้สึกประดักประเดื่อยามเอ่ยต่อว่า “เราอยากจะเข้าใจหว้านะ แต่...เอ่อ...หว้าลองคิดดู มันจะเป็นไปได้ไงที่อยู่ดีๆ คนเราจะสามารถตื่นมาในช่วงเวลาปัจจุบันกับอนาคตสลับกันไปมาได้โดยไม่มีสาเหตุอะไรที่ทำให้มันเกิด มันดู...เอิ่ม...ไม่น่าเป็นไปได้”
“แต่นี่มันเรื่องคอขาดบาดตายเชียวนะวัต” กิรณาชักฉุน “ถ้าเกิดเป็นเรื่องจริงขึ้นมา ใจคอวัตไม่คิดจะให้เราทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยพ่อแม่เราก่อนที่มันจะสายเกินไปเลยเหรอ”
ท่าทีอีกฝ่ายที่เงียบไป กิรณาดูก็รู้แล้วว่าเพื่อนฟังเป็นเรื่องตลกเสียมากกว่า ไม่ว่าหล่อนพูดอะไรไปเพื่อนก็คงไม่เชื่ออยู่ดีเลยน้อยใจลุกออกจากโต๊ะอาหารไปดื้อๆ ทำเอาคนฟังอย่างทิวัตถ์งุนงง รีบวางเงินค่าอาหารไว้บนโต๊ะ วิ่งตามกิรณาออกมาติดๆ
“อะไรกันหว้า เรื่องแค่นี้ก็ต้องโกรธเราด้วยเหรอ”
“เราไม่ได้โกรธ” กิรณาตอบปัด
เนื่องจากเป็นร้านอาหารตามสั่งข้างทาง หญิงสาวจอดรถไว้ริมฟุตปาธใกล้ๆ เดินมาถึงรถได้ก็จะเปิดประตูก้าวขึ้นรถไป แต่ยังอุตส่าห์เหลือบมองเพื่อนด้วยหางตา รายนั้นยังคงยืนหน้าเสียอยู่ข้างหลังนึกโทษตัวเองที่ทำให้สาวเจ้าโกรธเคือง หากกิรณาไม่มีอารมณ์มาสนใจอาการเพื่อน ใจหล่อนยังค้างคาอยากเคลียร์ให้รู้เรื่องมากกว่าเลยบอกเพื่อนทั้งที่ยังไม่ยอมหันกลับมามองหน้า
“ที่เราพูดไปเมื่อกี้วัตไม่ต้องเชื่อเราก็ได้ แต่ที่เราบอก...ก็แค่อยากให้วัตรู้ว่าเราไว้ใจวัตที่สุด วัตไม่มาเป็นเราวัตไม่รู้หรอกว่าในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้เรากลุ้มใจมากแค่ไหน”
พูดเท่านั้นกิรณาก็ตัดใจจะขึ้นรถ หากทิวัตถ์คว้าแขนกิรณาไว้
“แล้วหว้าบอกเรื่องนี้ให้ที่บ้านรู้รึยัง”
กิรณาส่ายหน้าแทนคำตอบ ทิวัตถ์เลยจับหญิงสาวให้หันกลับมาคุยด้วยดีๆ ท่าทีของทิวัตถ์ที่เริ่มสนใจมากขึ้น ไม่ได้ฟังเป็นเรื่องตลกเหมือนตอนแรก น้ำเสียงกิรณาเลยอ่อนลง
“วัตก็รู้ว่าพ่อแม่เราเป็นยังไง เราไม่กล้าบอกหรอก ขืนบอกไปได้หาว่าเราบ้าพอดี”
กิรณาอ้างไปอย่างนั้น ใจจริงลึกๆ แล้วหล่อนกลัวมากกว่าว่าถ้าบิดามารดารู้แล้วเกิดเชื่อขึ้นมา จะทำให้ใจเสียเปล่าๆ
ทิวัตถ์สบมองสาวตรงหน้าแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้ ดึงมือเพื่อนมาเกาะกุม
“แล้วตอนนี้หว้ามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพ่อแม่หว้ายังไง เป็นอุบัติเหตุ...หรือเป็นการฆาตกรรม” #
สรัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 มิ.ย. 2560, 14:58:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 มิ.ย. 2560, 14:58:10 น.
จำนวนการเข้าชม : 695
<< บทที่ 2---75% | บทที่ 3---25% >> |