ห้วงฝันวันรัก (ผ่านพิจารณาสนพ.)
กิรณา ย้ายมาอยู่บ้านหลังใหม่ได้เพียงไม่นาน แต่แล้วชีวิตกลับต้องพลิกผันเมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่ง หล่อนได้ข้ามผ่านไปยังช่วงเวลาอนาคต!

ภายใต้ความลึกลับของกาลเวลาที่ชวนพิศวงนั้น ไม่มีสิ่งใดเลวร้ายไปกว่าการที่หญิงสาวต้องมารับรู้ถึงการจากไปอย่างกะทันหันของบุพการี โดยไร้ซึ่งต้นสายปลายเหตุ ดรัล ในฐานะเพื่อนบ้านที่แสนดี แม้จะไม่ค่อยถูกชะตากับสาวข้างบ้านอย่างกิรณาตั้งแต่แรกพบเสียเท่าไหร่ แต่จำต้องยื่นมือเข้ามาช่วยคลี่คลายเงื่อนงำที่เกิดขึ้น

อดีต ปัจจุบัน อนาคต...เหตุการณ์ในช่วงเวลาใดกันแน่ที่มีแต่ความหลอกลวง...
Tags: เวลา ดราม่า ไซไฟ ฆาตกรรม หมอ บรรณารักษ์ สืบ อนาคต อบอุ่น เพื่อนบ้าน โรแมนติก

ตอน: บทที่ 4---100%

บทที่ 4 (ต่อ)



เสียงเอะอะโวยวายของใครบางคนดังมาจากที่ไกลๆ ฉุดกิรณาตื่นจากภาพอันน่าสะพรึงกลัวนั้น หญิงสาวกะพริบตาถี่ปรับเลนส์สายตาสู้แสงไฟนีออนบนเพดานห้อง พยายามยันกายลุกขึ้นนั่ง แต่แล้วกลับรู้สึกเจ็บแปลบที่ศีรษะ ทำท่าจะทรุดฮวบลงไปนอนอย่างเก่า ถ้าไม่มีมือของใครบางคนเข้ามาช่วยประคอง

“คุณ...”

กิรณาเบิกตากว้างด้วยความตกใจแกมฉงน ที่คนเข้ามาช่วยประคองนั้นเป็นดรัลชายหนุ่มข้างบ้าน เขาคงอ่านท่าทางเมื่อครู่ของหญิงสาวออกจึงช่วยขยับหมอนด้านหลังให้ เพื่อที่หล่อนจะได้นั่งเอนกายสบายขึ้น

“นี่ฉันอยู่ที่ไหนเหรอคะ” กิรณาถามเสียงแหบพร่า ยังคงมีอาการเบลอๆ กวาดตามองไปรอบกาย

“ยายลูกหว้า ฟื้นแล้วเหรอลูก”

อรวีเพิ่งออกมาจากห้องน้ำ พอเห็นลูกสาวขยับกายเท่านั้นก็ดีใจหาย รีบกระวีกระวาดมาดูอาการ

“เป็นไงบ้างลูก แม่รู้เรื่องตกใจแทบแย่ นึกว่าจะไม่ได้เห็นหน้าลูกเสียแล้ว...อ๋อ... ลูกอยู่โรงพยาบาลน่ะจ้ะ” ประโยคท้ายมารดาบอกลูกสาว เพราะเห็นยังนั่งเงียบงุนงงเหมือนยังจับต้นชนปลายไม่ถูก

ตอนนั้นเองกิรณาก้มมองดูตัวเองแล้วพบว่าอยู่ในชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาลจริงอย่างที่มารดาว่า แถมยังมีสายน้ำเกลือโยงระยาอยู่ข้างเตียง ส่วนเสียงเอะอะโวยวายที่หล่อนได้ยินในยามแรกนั้นดังมาจากหน้าประตูห้อง

กิรณามีสีหน้าเหยเกออกมา กุมศีรษะบริเวณเดิมเพราะรู้สึกเจ็บแปลบไม่ต่างจากยามแรกที่ฟื้น ขณะเดียวกันก็ยังคงแปลกใจตัวเองที่มานอนอยู่โรงพยาบาลได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้หล่อนจำได้ว่านั่งรถมากับทิวัตถ์แท้ๆ

หญิงสาวพยายามนึกทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ครู่ จู่ๆ ภาพตอนที่ทิวัตถ์ถูกรถกระบะคันสีดำขับไล่บี้มาบนถนน ก็แล่นผ่านเข้ามาในหัวสมอง ตัดสลับกับภาพที่รถของเพื่อนพุ่งชนเสาไฟฟ้าข้างถนนอย่างจัง สติกิรณากลับมาทันใด หันมาถามมารดาหน้าตาตื่น

“วัตละคะแม่ วะ...หว้าจำได้ว่าเรากำลังนั่งรถกลับบ้าน อยู่ดีๆ ก็มีใครไม่รู้ จงใจขับรถมาเบียดรถเราตกถนน แล้วก็ยังมีคนแก่...”

“ใจเย็นๆ ก่อนลูกหว้า” กลัวลูกสาวใจเสียไปมากกว่านี้อรวีเลยรีบเอ่ยปลอบ

“ก่อนหน้านี้ลูกกับวัตหมดสติกันไปทั้งคู่ แต่ตอนนี้ตาวัตปลอดภัยดีแล้วละจ้ะ เจ้าหน้าที่ตำรวจเขาช่วยเรียกรถพยาบาลให้ แล้วก็ยังมีพลเมืองดีอีกสองสามคนที่เขาเห็นเหตุการณ์เลยพอจะเล่ากับตำรวจได้บ้าง โชคดีนะที่ตาวัตขับรถไม่เร็วมาก ลูกเลยแค่หัวแตกกับมีฟกช้ำดำเขียวตามตัวนิดหน่อย”

“แล้วแม่รู้เรื่องนี้ได้ไงคะ แล้ว...เอ่อ...พ่อมาด้วยรึเปล่าคะแม่”

“มาจ้ะ แต่กำลังคุยกับตำรวจอยู่หน้าห้อง”

“คุยกับตำรวจเหรอคะ” ลูกสาวหน้าเหวอ

“ตอนที่รู้เรื่องลูกจากทางโรงพยาบาล พ่อกับแม่กำลังคุยอยู่กับตำรวจที่บ้านพอดี บ้านเราถูกค้นน่ะลูก ตอนนั้นพ่อแกอยู่บ้านคนเดียว ส่วนแม่เองก็เพิ่งกลับมาจากจ่ายตลาดปากหมู่บ้าน เบื้องต้นตำรวจเขาเลยสันนิษฐานว่า ขโมยขึ้นบ้าน เพราะมีเครื่องประดับกับของใช้มีค่าในบ้านบางส่วนหายไปน่ะจ้ะ”

เห็นสองแม่ลูกมีเรื่องภายในครอบครัวต้องคุยกันอีกมาก คนนอกอย่างดรัลจึงเริ่มอึดอัด เขาไม่อยากเสียมารยาทนั่งฟังเลยเป็นฝ่ายขอตัวกลับบ้านก่อน อรวีจากที่กำลังเป็นห่วงอาการลูกสาวจึงหันมาเอ่ยขอบคุณชายหนุ่มข้างบ้าน ที่มีน้ำใจขับรถมาส่งหล่อนกับสามีที่โรงพยาบาล ขณะที่คนป่วยบนเตียงแม้ยังตื่นตระหนกตกใจกับข่าวใหม่ที่เพิ่งได้รับจากมารดา แต่พอดรัลเอ่ยลาก็เกิดอาการเสียดายขึ้นมา

ก็หล่อนยังอยากให้เขาอยู่ด้วยกัน คอยนั่งเป็นกำลังใจก็ยังดี

กิรณายังคงมองตามหลังชายหนุ่มข้างบ้านไปตาละห้อย ประจวบเหมาะกับที่จำรัสเพิ่งให้การกับตำรวจเสร็จเข้ามาในห้องพอดี

“ตำรวจว่ายังไงบ้างคะคุณ” อรวีเห็นสามีกลับเข้ามาในห้องก็เอ่ยถามด้วยใจร้อนรน

จำรัสหน้าหงิก เห็นแววตาละห้อยคู่นั้นของลูกสาวเข้าก็กระแอมไอออกมา นั่นแหละคนตาละห้อยถึงได้รู้ตัวยิ้มเจื่อน กลับมาสนใจมารดาที่ยังคงนั่งอยู่เคียงข้าง

“ตำรวจพวกนี้มันใช้ไม่ได้ ไอ้เราก็อุตส่าห์บอกแล้วว่าต้องเป็นฝีมือคนพวกนั้น ยังจะมาเสียเวลาหาหลักฐานบ้าบออะไรอีกก็ไม่รู้”

“คนพวกนั้น ?” เป็นลูกสาวที่เอะใจกับคำพูดแปลกๆ ของบิดา

อรวีได้ยินลูกสาวถามเท่านั้นก็อดไม่ได้ เล่าให้ฟังทันทีอย่างกับรอเวลานี้มานานแล้ว

“คนพวกนั้นที่พ่อเขาพูดถึง คือพวกเสี่ยเฮงเจ้าของตลาดแถวบ้านเราไงลูก เอ๊ะ ลูกยังจำผู้หญิงที่มาบ้านเราคราวก่อนได้ใช่มั้ย”

กิรณานึกตามมารดาแล้วพยักหน้า ภาพสาวใหญ่ รูปร่างสูงโปร่งระหงที่บดบังใบหน้าด้วยแว่นกันแดดสีดำขนาดใหญ่นั้นยังอยู่ในความทรงจำ

“ผู้หญิงคนนั้นนั่นแหละเป็นลูกสาวของเสี่ยเฮง พวกมันคอยส่งคนมาตามตื๊อขอซื้อที่ดินบ้านเราหลายครั้งแล้ว”

“ที่ดินบ้านเรา? ร้านสุขภัณฑ์ของเราน่ะเหรอคะแม่”

อรวีพยักหน้าแทนคำตอบ แต่สีหน้านั้นไม่สู้ดีเอาเสียเลย ทำเอากิรณาใจหายวาบ ละล่ำละลักถามเป็นเดือดเป็นร้อนแทนบิดามารดาขึ้นมาทันใด จำรัสเลยหันมาเอ็ดภรรยาเสียงเขียว

“เห็นมั้ย ผมบอกแล้วว่าอย่าบอกเจ้าลูกหว้ามัน คุณก็ไม่เชื่อ”

“แต่เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้วนะคะคุณ ยังคิดจะปิดลูกอีกเหรอ”

อรวีไม่ฟังเสียงสามี ยังบอกลูกสาวต่อ

“อย่าเพิ่งตื่นตูมไปยายลูกหว้า ยังไงพ่อกับแม่ก็ไม่มีทางยกที่ดินบ้านเราให้คนพวกนั้นเด็ดขาด...เอิ่ม...แม่ขอโทษนะลูก ที่ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ลูกฟัง ก็พ่อเขาน่ะสิ เป็นห่วงไม่เข้าท่า กลัวว่าลูกทำงานตัวคนเดียวอยู่ที่นี่แล้วรู้เรื่องเข้าจะทำให้ไม่สบายใจเปล่าๆ”

“แต่นั่นมันทั้งบ้านทั้งกิจการของครอบครัวเราเลยนะคะ ถ้าขายไปแล้วไหนจะคนงานเราอีก”

ครานั้นเองที่จำรัสถอนใจออกมา...ไหนๆ ก็ห้ามภรรยาไม่ได้แล้วก็ไม่รู้จะปิดบังลูกสาวไปอีกทำไม

“อย่างที่แกรู้ ว่าไอ้เฮงมันกำลังวางแผนทำหมู่บ้านจัดสรรระดับพรีเมียม ก็ไอ้โครงการหมู่บ้านคนรวยที่มันร่วมหุ้นกับพวกนักธุรกิจนั่นแหละ มันเลยต้องการที่ดินร้านเราด้วย” จำรัสพยายามใจเย็นที่สุดไล่เรียงเรื่องราวทั้งหมดให้ลูกสาวฟัง “แต่เอาจริงๆ ฉันกับแม่แกกลัวจะไม่ใช่แค่นั้น นอกจากพื้นที่ตลาดที่พวกมันมี ไอ้เฮงกับลูกสาวมันเปิดบ่อนอยู่ที่ท้ายตลาดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถ้าโครงการหมู่บ้านคนรวยทำสำเร็จขึ้นมาจริงๆ อาจมีโครงการแฝงอยู่ในนั้น”

“พ่อกับแม่กลัวว่า ทางเสี่ยเฮงอาจใช้โครงการหมู่บ้านคนรวยยกระดับบ่อนของพวกมันน่ะลูก” อรวีเสริม

“โธ่คุณ ของอย่างนี้มันเห็นๆ อยู่ ระหว่างนี้พวกมันก็ไล่ซื้อที่ดินรอบๆ ได้เกือบหมดแล้ว เหลือก็แค่บ้านเรากับที่ดินข้างๆ อีกสองสามแปลง ไม่อย่างนั้นพวกมันคงไม่เล่นเราหนักแบบนี้หรอก”

พูดแล้วจำรัสก็หัวเราะหึ

“เรื่องที่แกเจอวันนี้ ฉันก็มั่นใจว่าเป็นฝีมือของพวกมัน โจรที่มาค้นบ้านแกด้วย หน็อย พ่อคนนึงล่ะไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าที่บ้านถูกปล้นจะเป็นฝีมือโจรธรรมดา พวกมันนั่นแหละแผนสูง คิดจะบีบเราให้ยอมขายที่ให้เลยส่งคนมารื้อค้นบ้านแกเสียกระจุย แต่กลัวตำรวจรู้เลยทำเป็นขโมยของเราบังหน้าน่ะสิ ดีนะที่พ่ออยู่เฝ้าบ้าน”

“ดีอะไรกันละคะคุณ” อรวีแย้ง “บุญแค่ไหนที่พวกมันเจอคุณออกมาจากห้องนอนแล้วไม่ทำอะไร แค่ตกใจเผ่นหนีไป”

ระหว่างที่บิดามารดากำลังเถียงกันสลับกับพรั่งพรูเรื่องราวทั้งหมดออกมา ลูกสาวที่เพิ่งรู้เรื่องถึงกับหน้าซีดเผือด กิรณาไม่คาดคิดมาก่อนว่าครอบครัวหล่อนจะต้องมาเผชิญหน้ากับพวกมีอิทธิพล ภาพที่ตัวเองกรีดร้องอยู่ในรถของทิวัตถ์ก่อนประสบอุบัติเหตุจนหมดสติไปทำให้หญิงสาวเสียวสันหลังวาบ รู้สึกหวั่นกลัวอยู่ในใจ อดนึกเลยผ่านไปถึงรอยยิ้มสุดท้ายที่หญิงสาวแปลกหน้าผู้นั้นมอบให้ก่อนออกจากบ้านไปไม่ได้

แม้ลูกสาวของเสี่ยเฮงจะดูสวยสง่าดุจนางพญา สะดุดตาตั้งแต่แรกเห็นก็ตาม หากทว่ารอยยิ้มเชือดเฉือนของสาวเจ้านั้นบ่งบอกได้ดีว่า เป็นกุหลาบสวยอาบยาพิษชัดๆ #




สรัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 มิ.ย. 2560, 15:05:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 มิ.ย. 2560, 15:05:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 697





<< บทที่ 4---60%   บทที่ 5---35% >>
สรัน 23 มิ.ย. 2560, 15:25:50 น.
ขอบคุณคะแนนโหวตจ้า ^O^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account