ลิขิตรักเก็บตก (พิริตา) เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book
‘หวาย’ หรือ ‘วาสุรีย์’ เจ้าของสวนกล้วยไม้วาสุรีย์ ได้ให้การช่วยเหลือชายหนุ่มต่างชาติที่ถูกทำร้ายปางตายคนหนึ่ง
เขาฟื้นขึ้นมาพร้อมกับอาการความจำเสื่อม ด้วยความเห็นใจเธอจึงตัดสินใจรับภาระดูแลเขาต่อจนกว่าจะรู้ว่าเขาเป็นใคร
และในที่สุดชายชาวต่างชาติหน้ารกที่มีชื่อใหม่หมาดว่า ‘บักสีดา’ ก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของสวนกล้วยไม้วาสุรีย์
ท่ามกลางความสงสัยในที่มาที่ไปของเขา ชายหนุ่มกลับเป็นขวัญใจของคนงานด้วยกันได้ไม่ยาก
ระหว่างนั้นสวนกล้วยไม้วาสุรีย์กลับมีภัยถาโถมรอบด้าน ‘บักสีดา’ จึงกลายเป็นเรี่ยวแรงกำลังสำคัญให้กับหญิงสาวและสวนวาสุรีย์โดยไม่รู้ตัว และก็เช่นกัน... ความเป็นมาของเขายังคงเต็มไปด้วยความมืดดำ อีกทั้งไม่รู้ว่า ‘ภัย’ ที่กำลังเกิดขึ้นกับสวนวาสุรีย์นั้นเกี่ยวข้องกับเขาหรือไม่อย่างไร? เขาเป็นใคร? มาจากไหน?
ปริศนาที่เป็นป้ายติดหน้าผากของเขาจะถูกปลดออกไปได้อย่างไร และที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือทั้งคู่จะฝ่าอันตรายจากผู้ไม่หวังดีไปได้หรือไม่? โปรดตามลุ้นเรื่องราวความรักซ่อนเงื่อน ที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ตื่นเต้น ได้ใน ‘ลิขิตรักเก็บตก’ เร็วๆ นี้!!!




Tags: หวาย แวนด้า กล้วยไม้ สายลับ ฝรั่ง ขี้นก บักสีดา FSB KGB รัสเซีย นครนายก เมมโมรี่การ์ด

ตอน: บทที่ 7 ทีมอารักขาจำเป็น?


​##เปิดจองนิยายรัก 2 เรื่อง 2 รส##
‘ลิขิตรักเก็บตก’
มี 2 เล่มจบ ราคาเล่มละ 339 บ.
2 เล่มลดเหลือ 670 บ.
‘ฝากรักไว้ในสายหมอก’
ราคา 369 บ. ลดเหลือ 360 บ.
*พิเศษ!! สั่งซื้อ 3 เล่ม ในราคาเพียง 999 บ. เท่านั้น*
สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้
ทางอินบ็อกเฟส : pirita ametrine
หรือในเพจ ‘พิริตา อเมทริน นักเขียน’
Email: kanplu@windowslive.com
โทร.0626656247 หรือทางไลน์ ID: pirita-ametrine
วันนี้-20 สิงหาคม นี้ เท่านั้น!!


บทที่ 7

ทีมอารักขาจำเป็น?


“ตอนนี้ หวายต้องขอแรงพวกผู้ชายช่วยกันระมัดระวังให้สวนของเราด้วยนะคะ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นเมื่อคล้อยหลังตำรวจไป เหลือเพียงคนงานชาย ครอบครัวลุงสม และบักสีดาที่ยังรวมตัวกันอยู่ในบ้าน

“เรื่องนั้นคุณหนูหวายไม่ต้องเป็นห่วงครับ ยังไงเสียสวนวาสุรีย์ก็เหมือนบ้านของพวกเรา เรายินดีช่วยกันปกป้องดูแลอยู่แล้วล่ะครับ ขอคุณหนูวางใจ” คนงานชายคนหนึ่งในจำนวนหลายคนบอก แล้วจึงมีเสียงสนับสนุนตามมาอย่างพร้อมเพรียง ส่งผลให้หัวใจคนเป็นเจ้านายเต็มตื้นไปด้วยความซาบซึ้ง

“ขอบคุณจริงๆ ค่ะ เรื่องนี้หวายรบกวนลุงสมช่วยจัดการให้ด้วยนะคะ” ตอนท้ายเธอหันมาทางลุงสม

เหตุผลที่หญิงสาวไว้ใจก็เพราะลุงสมเป็นคนเก่าแก่ ที่เคยจัดการเรื่องนี้สมัยบิดามารดาของเธอยังอยู่ ซึ่งลุงสมก็รับคำ ก่อนพวกคนงานชายจะออกไปข้างนอก เพื่อจัดการเรื่องเวรยามความปลอดภัย เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในตอนนี้

“ลุงสม ป้าแจ้มคะ เรื่องนี้หวายขอร้องอย่าบอกแวนนะคะ หวายไม่อยากให้น้องรู้”

เมื่อเหลือเพียงตัวเธอ บักสีดา กับครอบครัวลุงสม ซึ่งต่างก็สนิทสนมกับน้องชายของเธอเป็นอย่างดี วาสุรีย์จึงรีบขอร้องสองสามีภรรยา หญิงสาวไม่อยากให้น้องเป็นห่วงพะวักพะวงจนไม่เป็นอันเรียน เพราะรู้ดีว่าน้องชายเป็นห่วงตนไม่น้อยไปกว่าที่เธอห่วงเขาเช่นกัน

“เรื่องนั้นอย่าห่วงเลยครับคุณหนู เราจะไม่พูดหรอกครับ” ลุงสมที่เข้าใจความรู้สึกของเจ้านายดีบอก “แต่เรื่องสำคัญกว่านั้นก็คือ ตอนนี้ตัวคุณหนูเองไม่ปลอดภัยเลยนะครับ” ตอนท้ายลุงสมไม่วายวกมาเรื่องความปลอดภัยของเธอต่อ

“นั่นสิคะคุณหนู ลองมันเข้ามาได้แบบนี้แล้ว คุณหนูจะอยู่คนเดียวแบบเดิมไม่ได้แล้วนะคะ มันไม่ปลอดภัย นี่ถ้าไม่ได้บักสีดาช่วยป่านนี้คุณหนูไม่แย่หรือคะ” ป้าแจ้มก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความคิดเห็นอย่างไม่สบายใจ

เจ้าของชื่อที่ถูกเอ่ยถึงนั่งอยู่ข้างๆ เจิด พยายามทำความเข้าใจกับภาษาท่าทางของป้าแจ้มอย่างสุดความสามารถ

“หวายไม่เป็นไรแล้วค่ะป้า หวายมีทุกคนรอบข้างคอยดูแลแล้ว ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็เพราะหวายไม่ทันระวังตัว ไม่ได้หยิบปืนลงมาด้วย แต่ต่อไปหวายจะไม่ประมาทแบบนี้อีกแล้วค่ะ” วาสุรีย์พยายามทำท่าทางให้เห็นว่าเธอไม่เป็นไร อีกทั้งก็มั่นใจในการดูแลความปลอดภัยที่กำลังจะจัดขึ้น

“แต่ลุงว่ายายแจ้มพูดถูกนะครับคุณหนู ต่อไปคุณหนูจะอยู่คนเดียวไม่ได้แล้วนะครับ ลุงว่าให้บักสีดามันอยู่ที่นี่คอยดูแลคุณหนูดีกว่า” ข้อเสนอของคนงานเก่าแก่ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นหันมามองลุงสมเป็นตาเดียว และตัวหญิงสาวเองก็อ้าปากค้าง อย่างไม่เชื่อว่าลุงสมจะมีข้อเสนอเช่นนี้

“โอ้ว... ว้าว ความคิดพ่อสุดยอดดดด” เจิดที่พยายามหาช่องสอดขึ้น พร้อมยกนิ้วโป้งให้บิดาทั้งสองข้าง

แต่เมื่อเห็นลูกน้องข้างตัวมองหน้าเขาอย่างขอคำอธิบาย เจิดจึงไม่รีรอจะบอกกับเพื่อนต่างไซด์ต่างภาษา ถึงสิ่งที่ลุงสม ป้าแจ้ม และวาสุรีย์กำลังคุยกัน โดยใช้ภาษาอังกฤษคำไทยคำร่วมกับภาษามือ แต่จนแล้วจนรอดบักสีดาก็รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างอยู่นั่นเอง

“มันจะไม่งามมั้งตาสม คุณหนูเป็นผู้หญิงนะ” และป้าแจ้มก็ท้วงขึ้น ลุงสมจึงหันไปทางภรรยา

“แกก็บอกเองไม่ใช่เหรอว่าบักสีดามันดูแลปกป้องคุณหนูได้ดี เรื่องงามไม่งามข้ารู้น่า เอาเป็นว่าให้เจ้าเจิดมันมาอยู่กับบักสีดาด้วยดีกว่ามีอะไรจะได้ช่วยกัน แล้วก็ให้นังบังอรมานอนเป็นเพื่อนคุณหนูอีกคนจะได้ดูไม่น่าเกลียด” ป้าแจ้มนิ่งคิดตามคำของสามีครู่หนึ่ง

“เออ... เป็นความคิดที่ดี เอาตามนี้เถอะนะคะคุณหนู” ก่อนจะเออออห่อหมกในที่สุด

“แต่ว่า... ” เจ้าตัวที่กำลังอึ้งกับข้อเสนอของลุงสมเริ่มมีอาการอึกอัก พลางปรายตาไปทางคนตัวโตที่กำลังมองมาอย่างงุนงงสงสัย

“เอ่อ... เรื่องนี้เกี่ยวกับผมใช่ไหม” จนเขาอดรนทนไม่ได้จึงถามวาสุรีย์ขึ้น พร้อมชี้นิ้วมาที่ตนเอง

“ก็... ใช่ คือลุงสมกับป้าแจ้มเสนอให้คุณมาอยู่ที่บ้านหลังนี้กับฉัน รวมทั้งเจิดกับบังอรด้วย” หญิงสาวอธิบายด้วยสีหน้าอิหลักอิเหลื่อ

“แล้วทำไมท่าทางคุณเหมือนมีปัญหา” ส่งผลให้คนตัวโตหน้ารกต้องถามตรงๆ

“ก็ไม่ถึงกับมีปัญหา แต่มันแค่รู้สึกแปลกๆ เท่านั้นเอง”

ตอนเขาไม่สบายมาพักอยู่ที่นี่ เพราะความที่มีจิตใจเอื้อเฟื้อต่อทุกคนอยู่แล้วเธอจึงไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าเขาต้องเป็นฝ่ายมาดูแลเธอ ทำให้วาสุรีย์รู้สึกแปลกๆ ด้วยกลัวว่าจะเป็นเรื่องไม่งามไปเสียนี่

“ถ้าอย่างนั้นเอาตามที่ลุงสม กับป้าแจ้มเสนอมาก็ได้ครับ” เขาไม่ได้บอกหญิงสาวแต่อย่างใด แต่กลับบอกสองสามีภรรยาเป็นภาษาไทยแปร่งๆ แทน และเจิดก็สอดขึ้นกลางป้องในทันที

“ผมว่าเอาตามที่พ่อกับแม่ว่าดีกว่านะครับคุณหวาย ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ผมจะมาคุมความประพฤติของลูกน้องเอง” เจิดทำท่าจริงจังสุดชีวิต

“ทำปากดีไปไอ้เจิด เมื่อกี้ข้าเห็นเอ็งวิ่งตามหลังคนอื่นเขาต้อยๆ ” ป้าแจ้มว่าอย่างนึกหมั่นไส้ลูกชายเต็มแก่

“ก็แหม... แม่ คนพึ่งหายจากท้องเสีย มันก็ไม่ค่อยมีแรงอะดิ จริงไหม บักสีดา” เจิดว่าแก้เก้อพลางกอดคอบักสีดา ที่ได้แต่ยิ้ม

“เอาเป็นว่าตกลงตามนี้นะครับคุณหนู เพราะถ้าคุณหนูไม่ยอมลุงคงต้องบอกเรื่องนี้กับคุณแวน แล้วก็คุณรามสูรย์ด้วย” ลุงสมนำจุดอ่อนของ

หญิงสาวมาขู่ ซึ่งก็ทำให้วาสุรีย์ถอนหายใจอย่างยอมจำนน

เพราะไม่อาจให้เรื่องนี้ถึงหูน้องชายได้ แล้วยิ่งรามสูรย์ผู้เป็นอาซึ่งเป็นเจ้าของรีสอร์ทอยู่ต่างอำเภอก็ยิ่งให้รู้เรื่องไม่ได้ เพราะอาของเธอคนนี้กับปู่ย่าที่อยู่กรุงเทพฯ เป็นตัวตั้งตัวตีคัดค้านไม่ให้เธอสานต่องานของสวนวาสุรีย์

และสนับสนุนให้เธอขายมันไปเสีย แต่หญิงสาวก็ยังดื้อดึงมาจนถึงป่านนี้ นี่หากอาของเธอรวมทั้งปู่ย่ารู้เรื่องที่เกิดขึ้น คงเอามาเป็นเหตุผลให้เธอขายที่นี่อีกครั้งเป็นแน่

“ก็ได้ค่ะ” วาสุรีย์รับคำอย่างไม่มีทางเลือก

นอกจากจะกลัวน้องและอารู้เรื่องแล้ว ที่สำคัญเธอรู้ว่าทุกคนที่นี่รักและหวังดีกับตนมากแค่ไหน นี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้หญิงสาวตั้งใจจะยืนหยัดต่อสู้ ไม่ยอมขายที่ให้กับเสี่ยทรงชัย เพราะหากไม่มีสวนวาสุรีย์คนงานเก่าแก่ที่อยู่ประจำ และคนที่เช้าไปเย็นกลับอีกจำนวนหนึ่งคงเดือดร้อนเป็นแน่

ลุงสมกับป้าแจ้มจัดแจงเรื่องคนที่จะมาพักในบ้าน ขณะคนงานแบ่งหน้าที่กันไปตรวจตรา และบางส่วนก็ไปนอนพักเอาแรง จนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้ถึงจะคิดวางแผนอย่างจริงจัง

“ตอนนี้คุณจะเล่าให้ผมฟังได้หรือยัง ว่ามีเงื่อนงำอะไรในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น” เสียงทุ้มห้าวของบักสีดา ทำให้เจ้าของร่างโปร่งบางที่กำลังรอบังอร ลูกสาวคนงานมานอนเป็นเพื่อน ตามที่ได้ตกลงกันไว้อยู่ตรงห้องโถงรับแขก ต้องหันมาสนใจ

หญิงสาวมองร่างใหญ่ที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ และนั่งลงตรงข้ามกับเธอ ดวงหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครารกรุงรังนั้นดูเคร่งเครียด ดวงตาของเขาดูจริงจังกว่าครั้งไหนๆ วาสุรีย์จึงต้องเล่าให้เขาฟังถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งข้อพิพาทเรื่องที่ดิน ทั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการตายของบุพการี เพราะมันเกี่ยวพันกันจนไม่อาจแยกได้

“คุณคิดว่าคนร้ายชุดดำนี่เป็นคนของเสี่ยนั่นจริงๆ เหรอ” ชายหนุ่มถามขึ้นเสียงเรียบ ดวงตาจับจ้องเจ้าของดวงหน้างามตรงหน้าอย่างไม่วางตา

วาสุรีย์เม้มริมฝีปากอย่างไม่มั่นใจในความคิดของตนนัก

“ฉันก็แค่สงสัยค่ะ แต่ทุกอย่างมันประจวบเหมาะไปหมด อีกอย่างฉันก็ไม่มีศัตรูที่ไหน นอกจากที่พึ่งรู้ตัวตอนเช้าแล้วตอนดึกก็ถูกจู่โจมอย่างนี้ คุณจะให้ฉันสงสัยใครล่ะคะ” หญิงสาวให้เหตุผล

“นั่นสินะ” ชายหนุ่มรำพึงกับตัวเองมากกว่า สายตาที่มองคนตรงหน้าเต็มไปด้วยความเห็นใจ เพราะไม่คิดว่าผู้หญิงบอบบางอย่างเธอจะต้องแบกรับอะไรแบบนี้ “ผมเสียใจด้วยนะ เรื่องพ่อกับแม่คุณ”

“ขอบคุณค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว แต่ถ้าไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้นฉันก็คงไม่รู้สึกอะไรมาก แต่เมื่อเกิดความสงสัยคลางแคลงใจแบบนี้ ก็ต้องหาทางพิสูจน์กันต่อไป” วาสุรีย์คิดไปถึงสารวัตรทวิพันธุ์ หวังอยู่ในใจว่าเขาจะพยายามสืบเรื่องนี้จนสำเร็จในวันหนึ่ง ไม่ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนเธอก็จะรอวันนั้น

“ผมอาจจะเป็นคนนอกสำหรับสวนวาสุรีย์ แต่ผมยินดีที่จะช่วยเหลือคุณทุกอย่างนะครับคุณหวาย และตอนนี้ผมก็เห็นด้วยเต็มร้อยกับลุงสมที่จะให้พวกผมมาอยู่ที่นี่เพื่อคอยดูแลคุณ ผมอาจจะไม่สมประกอบในบางสิ่ง แต่ขอรับรองว่าตราบใดที่ผมยังอยู่ ผมจะไม่ปล่อยให้ใครมาทำอะไรคุณได้” น้ำเสียงและท่าทางเต็มไปด้วยความจริงจังจริงใจนั้น ทำให้คนฟังอุ่นวาบในหัวใจ

“ขอบคุณค่ะ”

หญิงสาวไม่แปลกใจที่เขากล้าพูดออกมาอย่างนี้ เพราะจากที่เห็นฝีมือการต่อสู้ของเขาเธอรู้สึกได้ว่าไม่ธรรมดา และมาตอนนี้วาสุรีย์ก็ไม่อาจเก็บงำความสงสัยนั้นเอาไว้ในใจได้อีกต่อไป

“คุณมีฝีมือมากนะคะ เหมือนคนที่ถูกฝึกมาอย่างดี คุณทำได้ยังไง หรือว่า... คุณจำได้แล้วว่าตัวเองเป็นใคร”

“โอ๊ะ... เปล่าหรอกครับ ผมคงทำไปตามสัญชาตญาณมั้งครับ ผมรู้สึกว่าคุณกำลังมีอันตรายแล้วผมก็อยู่เฉยไม่ได้ แต่ผมก็รู้สึกนะว่าเหมือนผมเคยต่อสู้อะไรแบบนี้มาก่อน” พูดถึงตอนนี้ คนตัวโตก็มีสีหน้าท่าทางหมกมุ่นครุ่นคิดขึ้นมาบ้าง

“หรือว่า... จะเกี่ยวกับเรื่องที่คุณถูกทำร้ายคะ” วาสุรีย์อดไม่ได้จะคิดไปในแง่มุมนี้ แต่บักสีดากลับนิ่วหน้าราวกับพยายามเค้นความคิดอย่างหนัก

“ไม่รู้สิ ไม่เอาดีกว่า ผมไม่อยากคิดมากกลัวจะปวดหัวอีก บางทีการปล่อยวางมันลงอาจจะทำให้ความทรงจำของผมคืนมาง่ายกว่าก็ได้” เขาว่าพร้อมกับใบหน้าครุ่นคิดเคร่งเครียดเมื่อครู่คลายลงไป

“จริงสินะคะ” หญิงสาวเองก็พึ่งรู้สึกตัว จึงได้แต่พึมพำออกมาอย่างเห็นด้วย

แม้จะไม่รู้แน่ชัดว่าสาเหตุที่เขาปวดหัวนั้นเกิดจากสมองถูกกระทบกระเทือน หรือเป็นเพราะเค้นความคิดอย่างหนักกันแน่ แต่เธอก็ไม่อยากเห็นชายหนุ่มมีอาการแบบนั้นอีกเหมือนกัน

“เอาเป็นว่าตอนนี้เรื่องของผมวางมันไว้ก่อนก็แล้วกัน เรื่องของคุณสำคัญกว่า คุณจะว่าอะไรไหมถ้าผมอยากมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้มากกว่าที่เป็นอยู่ ผมหมายถึงเรื่องการดูแลสวนวาสุรีย์ช่วยทุกคนน่ะครับ ถ้าคุณจะอนุญาต” เขาถามด้วยท่าทีมุ่งมั่น แต่ก็มีแววกริ่งเกรงอยู่ในที

“อือ... ตามใจคุณก็แล้วกันค่ะ เพราะเรื่องนี้ฉันให้ลุงสมเป็นคนจัดการ คุณไปคุยกับลุงสมเองก็แล้วกัน ยังไงก็ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวส่งยิ้มบางให้อีกฝ่ายที่จ้องเธออยู่ก่อนแล้ว

“คุณขอบคุณผมมากเกินไปแล้ว บอกแล้วไงว่ามันเป็นสิ่งที่ผมอยากทำเพื่อคุณ” ถ้อยคำเต็มไปด้วยความจริงจังจริงใจนั้นส่งผลให้คนฟังนิ่งอึ้ง ทั้งตกประหม่าระคนตื้นตันในคราวเดียวกัน

มากกว่านั้นคือประกายที่สะท้อนชัดเจนอยู่ในดวงตาคู่คม ซึ่งเธอมักจะสัมผัสถึง ‘บางสิ่งบางอย่าง’ เสมอยามได้สบตากับคนตัวโต และมันก็ส่งผลให้หัวใจดวงน้อยหวั่นไหว เต้นผิดจังหวะอยู่ในอกอย่างไร้เหตุผล ความรู้สึกแบบนี้อีกแล้ว... วาสุรีย์รู้สึกตัวพร้อมกับความร้อนเริ่มผะผ่าวบนใบหน้า

เจ้าของใบหน้ารกรื้นไม่อาจถอนสายตาจากดวงหน้างาม และดวงตาคู่สีน้ำตาลสดใสนั้นได้เลย เกิดอะไรขึ้นกับหัวใจเขาก็สุดรู้ แต่ที่รู้ๆ ก็คือยิ่งเห็นท่าทีเก้อเขิน ริมฝีปากบางเม้มอย่างพยายามซ่อนความรู้สึก

แก้มเนียนซับสีชมพูระเรื่อของหญิงสาวก็ทำให้หัวใจเขาปั่นป่วน ช่างน่ารัก น่ามองไม่รู้เบื่อ ปรารถนาจะได้สัมผัสแก้มนุ่ม และเรียวปากบาง

สีหวานนั้นสักครั้ง แต่ทว่าก่อนที่จินตนาการจะเตลิดไปไกลกว่านี้...

“คุณหวายคะ” เสียงของบังอรก็ดังขึ้น ทำให้ทั้งคู่รู้สึกตัว

“บังอร เข้ามาเถอะจ้ะ” หญิงสาวรีบร้องบอกไปพร้อมปรับสีหน้าให้เป็นปกติ

ก่อนเด็กสาวร่างอวบรุ่นราวคราวเดียวกับเจิด ที่อยู่ในชุดเสื้อกางเกงนอนขายาวลายการ์ตูนจะก้าวเข้ามาในบ้าน

“เกิดเรื่องอะไรหรือคะคุณหวาย หนูหลับเป็นตายเลย แม่ไปปลุกเมื่อกี้นี้เอง” เด็กสาวถามหน้าตื่น

“ไม่มีอะไรมากหรอกจ้ะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวเราขึ้นไปนอนกันดีกว่า พรุ่งนี้ก็ต้องทำงาน” วาสุรีย์ไม่อยากให้บังอรตื่นตกใจในตอนนี้ ซึ่งเด็กสาวก็ไม่ได้เซ้าซี้อีก แต่ทว่า....

“คุณหวายครับ ซุปเปอร์เจิดมาแว้ววว! ”

เสียงนั้นทำให้คนทั้งสามต้องหันไปมองทางประตู เจิดถือปืนลูกซองเดินเข้าบ้านมา ด้วยท่าทางวางกล้ามราวกับปูเกเรมากกว่าจะเท่ห์อย่างที่พยายามทำ

“ตายแล้ว! นั่นแกจะไปรบกับใครวะ ไอ้เจิด” บังอรถามขึ้น

“อ้าว... นังบังอร เอาแต่นอนจริงๆ เลยเอ็ง เขาเกิดเรื่องกันจนบ้านจะแตกยังไม่รู้เรื่องอีก” เจิดกัดบังอรเข้าให้ คนถูกกัดทำท่าจะฮึ่มฮั่มตอบ เดือดร้อนเจ้านายสาวต้องรีบยกมือหย่าศึก

“ช่างเถอะๆ เจิด ว่าแต่เอาปืนมาจากไหน” ก่อนถามเจิดต่อ ได้ผลเพราะเจิดหันมาลูบคลำปืนกระบอกนั้น ราวกับมันเป็นของรักของหวง

“พ่อให้มาครับคุณหวาย มีใบเรียบร้อย เห็นว่ามีมานานแต่ไม่เคยใช้ คราวนี้แหล่ะจะได้ใช้เสียที ข้าเท่ห์ไหมวะบักสีดา” เขาหันไปถามผู้เป็นทั้งเพื่อนและลูกน้องตัวโคร่งในตอนท้าย พลางแอ็คท่าแบกปืนยาวเหมือนพระเอกหนังบู๊

“กู๊ด... ” ชายหนุ่มยกนิ้วโป้งสองนิ้วให้พร้อมรอยยิ้มขำ เจิดหัวเราะร่า ชอบอกชอบใจ

“มันต้องอย่างนี้สิวะไอ้ลูกน้อง... แล้วข้าจะสอนเอ็งยิงทีหลัง คืนนี้เราไปพักก่อนดีกว่า” ว่าแล้วก็ตบหลังลูกน้องป้าบๆ

“เออ... จริงสิ คุณรออยู่ตรงนี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันลงมา”

หญิงสาวพึ่งนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงบอกกับบักสีดา แล้ววิ่งปรู๊ดขึ้นไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ไม่กี่อึดใจก็กลับมาพร้อมกับวัตถุสีดำที่อยู่ในซองหนัง

“ฉันมีอยู่สองกระบอก คุณเอาติดตัวไว้กระบอกหนึ่งก็แล้วกัน” วาสุรีย์ส่งมันให้กับชายหนุ่ม

“บักสีดามันจะยิงเป็นเหรอครับคุณหวาย” เจิดว่าอย่างไม่เห็นด้วยซักเท่าไหร่

“เอาเถอะน่าเจิด ถ้าไม่เป็นเจิดก็สอนเขาก็แล้วกัน” เจ้านายสาวแกล้งบอกลูกน้องไปอย่างนั้น แต่ในใจรู้สึกมั่นใจว่าเขาใช้เป็น และบักสีดาก็รับมามองดูปราดเดียว

“ขอบคุณมากครับ คุณขึ้นไปพักผ่อนกันต่อเถอะ” แล้วจึงหันมาบอกหญิงสาว

ก่อนที่วาสุรีย์กับบังอรจะขึ้นไปข้างบน โดยมีสายตาของชายหนุ่มมองตามจนลับสายตา นั่นไม่ได้เล็ดลอดสายตาเหยี่ยวอย่างเจิดไปได้เลย เจิดกระตุกยิ้มมุมปากหมายมาด ดวงตาหรี่มองอย่างมีเล่ห์กลเล็กๆ ด้วยนึกสนุก

เมื่อมาถึงบนห้อง บังอรคงงุ่นง่วงจากการหลับขาดตอนจึงหลับต่อในทันทีที่หัวถึงหมอน วาสุรีย์ออกมาจากห้องน้ำเห็นคนที่มานอนเป็นเพื่อนหลับปุ๋ยไปแล้วก็อดขำไม่ได้ ครอบครัวนี้คิดยังไงนะถึงตั้งชื่อลูกว่าบังอร หญิงสาวคิดอย่างขำๆ

ก่อนจะก้าวไปยังตู้ที่เก็บข้าวของเครื่องใช้บางส่วนของบิดา มารดา ลิ้นชักด้านล่างสุดเปิดค้างเอาไว้ อาวุธสีดำอีกกระบอกนอนนิ่งอยู่ในนั้น พร้อมกับลูกกระสุน

ปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติที่บิดาของเธอมีไว้ครอบครองสองกระบอก กระบอกหนึ่งที่เธอให้บักสีดาเอาไว้ป้องกันตัวเมื่อครู่ แต่กระบอกนี้หญิงสาวคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี ซึ่งนับว่าโชคดีที่บิดาได้ฝึกสอนให้วาสุรีย์กับน้องชายยิงปืนมาตั้งแต่ย่างเข้าวัยรุ่น

วาสุรีย์ไม่เคยคิดว่าจะได้ใช้มันจริงๆ แต่มาตอนนี้คงหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว หญิงสาวดึงปืนกระบอกนั้นออกจากซองหนังสีน้ำตาลเก่าๆ ลูบมันเบาๆ มันเป็นกระบอกที่เหมาะมือที่สุด เธอทดลองเล็ง จนเป็นที่พอใจแล้วจึงบรรจุลูกกระสุน และนำกลับไปซุกไว้ใต้หมอน ก่อนจะล้มตัวลงนอน เพราะความเหนื่อยอ่อน

วาสุรีย์จึงหลับไปในเวลาอันรวดเร็ว

*-*-*-*-*-*

ทางด้านชายหนุ่มหน้ารก ทรุดตัวนั่งลงบนเตียงในห้องชั้นล่าง มาตอนนี้เขาต้องนอนกับเพื่อนร่วมห้องอย่างเจิดเหมือนเดิม บักสีดาลูบปืนกึ่งอัตโนมัติที่อยู่ในมืออย่างใช้ความคิด

แต่นั่นไม่ได้ทำให้เจิดที่ลอบมองอยู่ทุกอิริยาบถสนใจถามว่าเจ้าหน้ารกนี่ยิงปืนเป็นหรือไม่ เพราะเขาก็ไม่ถนัดเหมือนกัน ที่ทำเป็นแบกปืนทะมัดทะแมงก็เพราะอยากเท่ห์เหมือนพระเอกหนังบู๊เท่านั้น ที่สำคัญคือตอนนี้มีเรื่องเด็ดกว่านั้นที่เจิดให้ความสนใจ

“เฮ้ย! บักสีดาขี้นก ข้าถามเอ็งจริงๆ นะโว้ย! เอ็งชอบคุณหวายใช่ไหม ข้าเห็นเอ็งมองตามตาละห้อยเชียว” เจิดผลักไหล่บักสีดาอย่างกระเซ้าเย้าแหย่

“อะไรนะ... ” เขาไม่ค่อยเข้าใจ เจิดก็เลยตั้งท่าอธิบายต่อ

“ก็เองน่ะสิ ชอบคุณหวายชิมิล่า ไม่ต้องงงๆ แบบว่า เลิฟๆ ไลค์ๆ น่ะ” พยายามอธิบายอย่างสุดความสามารถด้วยการใช้มือไม้ประกอบ

นอกจากที่เจิดพยายามอธิบายแล้ว บวกกับแปลจากท่าทางล้อเลียนอีกอย่าง คนตัวโตพอเข้าใจได้ถึงสิ่งที่เจิดพยายามสื่อสาร จึงได้แต่ลูบหน้ารกๆ ของตัวเองแก้เก้อ

นึกอยากจะพูดแต่ก็ติดที่ไม่เข้าใจภาษาไทยมากนัก และเจิดเองก็ไม่ได้รู้ภาษาอังกฤษซักเท่าไหร่ เดี๋ยวพูดไปจะไม่เข้าใจกันเปล่าๆ ที่สำคัญมันเกี่ยวกับหญิงสาวด้วย มันเป็นเรื่องที่เขาต้องระมัดระวัง

“พูดอะไรของนาย” ที่สุดก็ได้แต่ยิ้มเขินเสียอย่างนั้น

“อ้าว... ไอ้นี่ ทำเป็นอายๆ สายตาเอ็งเวลามองคุณหวายนะแทบจะกลืนกิน อย่านึกว่าข้าไม่รู้นะโว้ย” เจิดผลักไหล่เขาแรงๆ เย้าแหย่อีกครั้ง แต่คนตัวโตกลับไม่สะเทือน

“แล้วยังไง” บักสีดาถามกลับเป็นภาษาไทยติดปาก นั่นทำให้เจิดตบเข่าตัวเองฉาดอย่างขัดใจเสียเต็มประดา

“แล้วยังไง? บ๊ะ ไอ้นี่พูดออกมาได้ ชอบแล้วทำไมไม่จีบวะ จีบน่ะ เข้าใจป่ะ” แล้วก็พยายามสื่อสารต่อด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยอารมณ์ เพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจง่ายๆ แต่ทว่า...

“ไม่เข้าใจ” คนความจำเสื่อมพูดแปร่งๆ

“อ้าว ไอ้นี่ บทจะโง่ก็โง่ได้ใจเชียวเอ็ง เอางี้ง่ายๆ เลยนะ เอ็งอยากให้คุณหวายชอบไหมล่ะ ข้ามีวิธีนะ” เจิดยังใช้วิธีสื่อสารแบบเดิม ที่ค่อนข้างใช้เวลากว่าจะเข้าใจ

“แล้วต้องทำยังไง” เมื่อเข้าใจก็คิดว่าน่าจะลองฟังดูสักหน่อย นั่นทำให้เจิดยิ้มอย่างสาสมใจ

“นี่... อย่างแรกเราต้องรู้ว่าหญิงเป็นยังไง แล้วก็หาวิธีจีบที่มัน ‘ใช่เลย’ น่ะ เข้าใจไหม” ก่อนจะร่ายต่อตามวิธีการสื่อสารที่เขาชักใช้จนคล่องแล้วตอนนี้ นั่นคือออกท่าออกทางไปด้วยนั่นเอง “อย่างคุณหวายเป็นหญิงไทยใจนักเลง มันต้องใช้หลายมุกหน่อย”

“หญิงไทยใจนักเลง? ” คนตัวโตหน้ารกทวนคำพร้อมขมวดคิ้วมุ่น เจ้าแผนการทำเสียงจึ๊กจั๊กในปากอย่างขัดใจ

“เออ... สิวะ ก็ประมาณว่าผู้หญิงที่ห้าวหาญ ไม่กลัวใคร นักเลง มาเฟียอะไรอย่างนั้นน่ะ”

“มาเฟียเลยรึ? ” ชายหนุ่มตาโตกับคำอธิบายนั้น เจิดจึงรีบโบกมือ

“เอ่อ... ความจริงก็ไม่ได้ถึงขั้นนั้น สงสัยข้าจะพูดแรงไป เอางี้... จะหมายความว่ายังไงเอ็งไม่ต้องไปสนใจมาก เอาเป็นว่ามาคุยเรื่องมุกที่จะใช้ดีกว่า อย่างคุณหวายเอ็งต้องใช้ทั้งมุกควาย และมุกถึงเนื้อถึงตัวโว้ย! ” แล้วก็ปัดเรื่องที่ยุ่งยากแก่การอธิบายทิ้งไป มาเข้าประเด็นสำคัญต่อ

“มุกควาย ถึงเนื้อถึงตัว? ” แต่ประโยคต่อมาก็เป็นปัญหาอีกจนได้ จนคนหวังดีอยากช่วยเกาหัวอย่างอึดอัดใจ เพราะอธิบายยังไงก็ดูเหมือนจะเป็นปัญหาอยู่ร่ำไป

“บ๊ะ ไอ้นี่เอ็งก็เจ้าปัญหาเหลือเกิน เอางี้เอ็งไม่ต้องสนใจความหมายที่ไม่จำเป็น เอาเป็นว่าเอ็งทำตามที่ข้าบอก พูดตามที่ข้าบอกแบบตรงเป๊ะๆ เลยนะ รับรองคุณหวายต้องชอบเอ็งแหงแก๋ เชื่อข้า” แล้วก็ตัดสินใจเข้าบทเรียนกันเลยดีกว่าชักแม่น้ำมาแล้วก็ยิ่งมีปัญหา พอมีปัญหายิ่งอธิบายก็ยิ่งไม่เข้าใจ

“แน่ใจนะ ว่าได้ผล” บักสีดาหน้ารกแห่งสวนวาสุรีย์ถาม อย่างไม่ค่อยเชื่อถือเพื่อนผู้หวังดีสักเท่าไหร่

“ของมันแน่อยู่แล้วน่าบักขี้นก ข้าน่ะเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องผู้หญิงเชียวนะโว้ย!! ” เจิดโอ่ ทำหน้าจริงจังสุดชีวิต ทำให้คนฟังพยักหน้าหงึกหงัก

เจิดแอบหัวเราะในใจ ที่สามารถทำให้ฝรั่งขี้นกเชื่อได้ เขาเห็นมันมองเจ้านายสาวตาวาวจึงอดรนทนไม่ได้ต้องยื่นมือเข้าไปสอด เอ๊ย! ช่วย ด้วยข้อเสนอที่น่าสนุกไม่น้อย

แม้จะต้องใช้เวลาในการสื่อสารกันมากอยู่สักหน่อย แต่เขาเชื่อว่าเจ้านี่มันฉลาดคงเรียนรู้ได้ง่าย มันเป็นความหวังดีจากใจล้วนๆ นะเออ... แต่แอบปนความอยากแกล้งไปครึ่งหนึ่ง

ก็คุณหวายเจ้านายที่เขาให้ฉายาว่า หญิงไทยใจนักเลง คนนี้จีบได้ง่ายๆ ที่ไหนกันเล่า ผ่านเมืองนอกเมืองนามาก็ตั้งนาน ไม่เห็นจะหิ้วแฟนมาให้ดูเสียที อย่าว่าแต่หนุ่มตาน้ำข้าวที่ไหนเลย แม้แต่สารวัตรทวิพันธุ์เองที่เปิดตัวเปิดใจว่าหลงรักเสียขนาดนั้น เจ้านายสาวของเขายังไม่หวั่นไหว

แล้วเจ้าบักสีดาขี้นกนี่ก็นะ... ช่างไม่เจียมกะลาหัวอยากมาชอบคุณหวายดีนัก ต้องให้เจอฤทธิ์หญิงไทยใจนักเลงเสียหน่อยเป็นไง วิธีการที่เขาเตรียมไว้ให้ก็สุดแสนเพอร์เฟกต์

ไอ้ปล่อยมุกควายนั้นไม่เท่าไหร่ อย่างดีคงแค่รำคาญ แต่ไอ้มุกถึงเนื้อถึงตัวนี่สิ เห็นทีไอ้บักสีดาขี้นกได้คางเหลืองแน่!! เจิดคิดอย่างนึกสนุก ตามประสาคนทะเล้นและขี้แกล้งเป็นนิสัย


**ลิงค์ E-Book 'ลิขิตรักเก็บตก' ค่าาา**
#Meb
เล่ม 1
https://www.mebmarket.com/index.php?action=
BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQi
O3M6NjoiNzEyOTE2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M
เล่ม 2
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data
=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3
M6NjoiNzEyOTE2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiNTg2MjUiO30

#ookbee
เล่ม 1
http://www.ookbee.com/shop/BookInfo?pid=274409f7-13d0-4632-811d-bf78ed5a4645&affiliateCode=1168c15837084f8bbb5cf6fde0ca707d
เล่ม2
http://www.ookbee.com/shop/BookInfo?pid=897b2657-9548-401d-bb1b-76bf11bd35ef&affiliateCode=1168c15837084f8bbb5cf6fde0ca707d

#hytexts
https://www.hytexts.com/ebook/B012230-ลิขิตรักเก็บตก (เล่ม 1)
https://www.hytexts.com/ebook/B012231-ลิขิตรักเก็บตก (เล่ม 2)

#นายอินทร์ปัณณ์
เล่ม 1
https://naiin.com/product/detail/215446/
เล่ม 2
https://naiin.com/product/detail/215447/



กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ก.ค. 2560, 13:05:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ก.ค. 2560, 13:05:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 675





<< บทที่ 6 ผู้บุกรุก   บทที่ 8 คนสำคัญ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account