เพลงซ่อนรัก Romance melody
เจอโรม นักแข่งรถฟอร์มูล่าวัน ผู้ครองตำแหน่งแชมป์หลายสมัย

อุบัติเหตุเมื่อสามเดือนก่อนทำให้เขาโคม่า อยู่โรงพยาบาล

เมื่อฟื้นขึ้นมา เจอโรมจำอะไรไม่ได้เลย

สิ่งที่คนรอบข้างบอกก็คือ เขาเลว เจ้าชู้ และสมควรตาย แม้แต่พ่อแท้ๆ ก็ยังไม่รัก

ความทรงจำของเจอโรมเปรียบเสมือนกระดาษขาว เขาจำอะไรไมได้เลย

จำไม่ได้แม้กระทั่งตัวเอง เคยชอบอะไร เคยทำอะไร

ผู้หญิงคนเดียวที่รู้สีกคุ้นเคย คือ ชาลิสา

แต่เธอเกลียดเขา จนแช่งให้เขาตาย

เพราะเขาเคยลวนลามหญิงสาวบนเครื่องบินและฟาดหน้าเธอด้วยเงินปิดปากเพื่อให้ทุกอย่างเงียบ

เจอโรมตามติดหญิงสาว เพื่อหวังว่า ไวโอลินอันไพเราะของเธอจะทำให้เขาฟื้นจากความจำเสื่อม

แต่ยิ่งใกล้กัน ความจริงก็ยิ่งเปิดเผย..

ว่า เบื้องหลังอุบัติเหตุนั้นมีบางอย่างซุกซ่อนอยู่..


Tags: เพลงโอเปร่า แบดบอย นักดนตรีสุดเซอร์และฆาตกรรม

ตอน: บทที่ ๑ อดีต

มาต่ออีกตอนแล้วนะคะ ขอบคุณสำหรับการต้อนรับค่ะ อ่านกันเลยแล้วกันนะคะ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ของทั้งสองท่านนะคะ


บทที่ ๑ อดีต

Life hurts a lot more than death.
Jim Morrison
การมีชีวิตอยู่เจ็บปวดกว่าความตายนัก
จิม มอร์ริสัน

“คนไข้เป็นยังไงบ้างคะหมอ เขาดีขึ้นบ้างหรือเปล่า”
นายแพทย์จอห์น สมิธ นั่งสบตาหญิงสาวจากฝั่งตรงข้าม หล่อนมาเยี่ยมคนป่วยแทบทุกวัน ยกเว้นช่วงครึ่งเดือนหลังมานี้ที่มาเพียงสัปดาห์ละครั้ง ภาพที่ทุกคนมักเห็นจนชินตาคือ แฟนสาวของคนป่วยมีสีหน้าเศร้าสร้อย นั่งอยู่ข้างเตียงกุมมือชายหนุ่มเอาไว้ สำหรับทุกคน หล่อนคือแฟนที่ช่างเสียสละและไม่เคยทอดทิ้งคนป่วย
“เหมือนเดิมครับ สมองไม่ตอบสนอง กล้ามเนื้อไม่ทำงาน ยังดีที่เราทำกายภาพให้ผู้ป่วยและมีการพลิกตัวอย่างถูกต้อง ทำให้ไม่มีแผลกดทับ”
“เขาไม่มีโอกาสดีขึ้นเลยหรือคะ”
พอพูดจบประโยค นัยน์ตาของหญิงสาวก็แดงก่ำขึ้นมาราวกับสั่งได้ นายแพทย์จอห์นรีบยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ก่อนที่น้ำตาของหล่อนจะรินไหล
“คงไม่ครับ ทีมแพทย์วินิจฉัยแล้วว่าสมองตาย เขาคงต้องอยู่ในสภาพนี้ไปตลอด”
หญิงสาวสะอื้นออกมาก่อนจะเริ่มร้องไห้ นายแพทย์จอห์นยื่นมือไปแตะบ่าหล่อนเบาๆ เขาชินแล้วกับเหตุการณ์เช่นนี้ ในฐานะแพทย์ศัลยกรรมระบบประสาท เขาต้องปลอบญาติคนไข้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

สมองเป็นอวัยวะสำคัญ ทำหน้าที่ควบคุมความเป็นไปของร่างกาย เมื่อถูกกระทบกระเทือนอย่างหนัก ทั้งจากอุบัติเหตุ เนื้องอก หรือโรคร้ายอื่นๆ สมองก็มักจะรับความบอบช้ำไม่ไหว เกิดภาวะสมองตาย หลังจากนั้นระบบต่างๆ ในร่างกายก็พากันหยุดทำงาน ผู้ป่วยบางคนโชคดีสมองฟื้นคืนมา สุดท้ายก็ได้กลับบ้าน แต่ส่วนใหญ่ไม่โชคดีเช่นนั้น อย่างผู้ป่วยรายนี้ที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เขาขับรถด้วยความเร็วสูงก่อนชนเข้ากับรถสี่คันที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นก่อน ส่งผลให้รถลอยขึ้นสูงแล้วพลิกคว่ำ ความรุนแรงจากการชนทำให้ชิ้นส่วนของรถบางส่วนตกลงใส่ฝูงชน

คนป่วยถูกนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที แต่ถึงอย่างนั้นอาการของเขาก็หนักมาก ทำให้ชายหนุ่มนอนเป็นเจ้าชายนิทรามาถึงสามเดือนแล้ว
“โธ่... ทำไมถึงโชคร้ายอย่างนี้”
“ผมเข้าใจครับ เขาโชคร้ายจริงๆ ที่ผมเรียกคุณมาก็เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับสภาวะที่เขาเป็นอยู่ คือทางเราคิดว่า...”
นายแพทย์จอห์นกำลังจะพูดถึงการไม่กู้ชีพหากหัวใจหยุดเต้น เพราะในกรณีเช่นนี้ โอกาสที่คนป่วยจะฟื้นขึ้นมาเป็นปกติเท่ากับศูนย์ ยิ่งให้ความช่วยเหลือมากเท่าไรก็ยิ่งเป็นการทรมานคนป่วยมากเท่านั้น
“ไม่นะคะ ฉันไม่ยอม ถึงยังไงก็ต้องช่วยเขาให้ถึงที่สุด”
“แต่คุณแพทริเซียครับ ผมว่าการที่เขายังอยู่ต่อไปในสภาพแบบนี้ มีแต่จะทรมานนะครับ อันที่จริงหลายๆ ประเทศมีกฎหมายเกี่ยวกับการุณยฆาต ด้วยซ้ำ”
“ฉันทราบค่ะ แต่ฉันตัดสินใจเรื่องนี้ไม่ได้ ฉันรักเขา”
หญิงสาวตอบเสียงสั่น น้ำตาหลั่งไหลออกมาไม่ขาดสาย หล่อนสะอื้นตัวโยนจนนายแพทย์หนุ่มต้องดึงตัวเข้ามากอดปลอบ
“ผมทราบครับ ผมกำลังติดต่อญาติเขาที่เหลืออยู่ผ่านคุณเดวิดและคุณอัลเบิร์ต ผมแค่แจ้งคุณไว้ก่อนเพราะเห็นว่าคุณผูกพันกับเขามาก”

“ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย ทำไม…” หญิงสาวคร่ำครวญอย่างขมขื่น

“ไม่มีใครเลือกได้หรอกครับ ทุกอย่างพระเจ้ากำหนดไว้แล้ว ทั้งเขา ผม และคุณ เพียงแต่เรายังไม่รู้ว่า อะไรรอเราอยู่ข้างหน้าเท่านั้นเอง”

“ตอนนี้บริษัทของเขากำลังลำบาก คุณพ่อก็เพิ่งมาเสีย ฉันกำลังให้เดวิดทำเรื่องขอต่อศาลเพื่อเป็นผู้จัดการมรดก คุณหมอคิดว่าพอมีทางช่วยเรื่องนี้ได้ไหมคะ”
นายแพทย์จอห์นชะงักไปเล็กน้อย พยายามไม่คิดไปในแง่ร้าย เขาสบตาหญิงสาวก่อนที่หล่อนจะหลั่งน้ำตาออกมาอีกครั้ง
“คุณหมอรู้ใช่ไหมคะว่า มันเป็นเรื่องยากมากๆ คุณพ่อท่านไม่น่าเลย... ฉันเองก็ทิ้งเขาไปไม่ได้ ฉันต้องคอยอยู่ข้างๆ เขา ฉันอยากทำอะไรเพื่อเขาได้มากกว่านี้”

“ครับ ผมเข้าใจ ผมจะลองปรึกษากับทีมดูว่าพอจะทำอะไรได้ไหมนะครับ แล้วผมจะรีบแจ้งคุณทันที”

เสียงเตือนจากอินเทอร์คอมดังขึ้น นายแพทย์หนุ่มกดปุ่มเพื่อฟังเสียงจากอีกฝั่ง น้ำเสียงพยาบาลสาวที่ลอดออกมาแหบพร่า สะกดความตื่นตะหนกไว้ไม่อยู่

“คะ…คุณหมอคะ เกิดเรื่องแล้วค่ะ คนไข้ห้องวีไอพีค่ะ คุณหมอช่วยมาที่นี่ด่วนเลยค่ะ”


“คุณได้ยินผมไหมครับ ถ้าได้ยิน กะพริบตาหนึ่งครั้งนะครับ ผมจะได้ทราบ”
คนไข้บนเตียงกะพริบตาหนึ่งครั้ง นายแพทย์หนุ่มยิ้มดีใจเมื่อพบเรื่องมหัศจรรย์ที่สุดในชีวิต เขายื่นมือไปจับมือคนไข้
“ทีนี้ลองบีบมือผม ถ้าคุณเข้าใจ บีบมือผมแรงๆ นะครับ”
คนป่วยทำตามอย่างว่าง่าย รอบเตียงมีพยาบาลสาวยืนอยู่หลายคน ทีมแพทย์ที่ดูแลต่างส่งกำลังใจให้ชายหนุ่ม
หลังจากเจนและอลิซาเบทวิ่งมาถึงห้องผู้ป่วยวีไอพี พวกหล่อนก็พบสาเหตุที่ทำให้เสียงสัญญาณฉุกเฉินดังขึ้น อัตราการเต้นของหัวใจของชายหนุ่มเร็วกว่าปกติทำให้เครื่องวัดสัญญาณชีพร้องเตือน พร้อมทั้งส่งสัญญาณไปที่เคาน์เตอร์พยาบาล
พวกหล่อนแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นสภาพคนไข้ ชายผู้เคยนอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนเป็นเวลาสามเดือนกำลังดิ้นรนไปมา แต่ที่น่าดีใจคือ เขาลืมตา แม้สีหน้าดูอิดโรย แต่ก็มองออกว่าสมองเริ่มรับรู้ เมื่อตรวจเบื้องต้นแล้ว พวกหล่อนจึงรีบกดอินเทอร์คอมเรียกแพทย์เจ้าของไข้

“ดีมาก ทีนี้ลองยกแขนทั้งสองข้างขึ้นสิครับ”

ชายหนุ่มทำตาม แม้แขนสองข้างจะสั่นไปบ้าง เนื่องจากไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน ทำให้กล้ามเนื้อลดขนาดลง
“ครับ ไม่ต้องรีบ ค่อยๆ ยกครับ ยกแขนซ้ายก่อน ตามด้วยแขนขวา อย่างนั้นครับดีมาก”

คนป่วยทำตามคำสั่งได้ มันเหมือนกับว่าจู่ๆ ก็มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น คนป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าสมองตาย กลับฟื้นขึ้นมาได้ และตอนนี้เขาหายใจได้ด้วยตัวเองภายใต้หน้ากากออกซิเจนที่ครอบไว้

“รู้สึกเหนื่อยไหมครับ หรือว่ายังเจ็บตรงไหนไหม”
สายตาคนป่วยมองไปที่แขนข้างที่หัก บาดแผลสมานกันดีแล้วแต่คงยังรู้สึกขัดเวลาขยับ อาจเพราะเขาไม่ได้ใช้งานมันเลย แม้จะมีนักกายภาพมาดูแลให้ทุกวันก็ตาม
“ครับ ผมทราบ แขนของคุณหัก แต่จะดีขึ้นเรื่อยๆ ผมดีใจมากที่คุณฟื้น เราทุกคนเป็นห่วงคุณมาก เอาอย่างนี้นะครับ ถ้าคุณไม่เหนื่อย ผมขออนุญาตเอาหน้ากากออกซิเจนออก เราจะได้สื่อสารกันได้ ดีไหมครับ”
คนป่วยพยักหน้า นายแพทย์หนุ่มจึงดึงหน้ากากออก เขามองมอนิเตอร์วัดระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนก็พบว่าคงตัวดี การหายใจไม่ได้เร็วขึ้น นั่นหมายความว่า ระบบร่างกายเขาปรับตัวได้ดีมากถึงมากที่สุด

“คุณรู้ไหมว่า ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน”

ชายหนุ่มพยักหน้า พยายามเปล่งเสียงออกจากลำคอ เขามองไปรอบๆ เห็นทั้งแพทย์และพยาบาลยืนรายล้อมอยู่
“โรงพยา...บาล” เขาเปล่งถ้อยคำออกมาได้ในที่สุด เจนถึงกับยกมือปาดน้ำตาที่รินออกมา หล่อนหันไปจับมืออลิซาเบท ทั้งคู่ต่างดีใจที่สุดท้ายแล้วคนป่วยก็ฟื้นเสียที

“ครับ ใช่... ที่นี่คือโรงพยาบาล”
นายแพทย์จอห์นบอกชื่อโรงพยาบาลในออสเตรีย ชายหนุ่มพยักหน้า
“ผมชื่อจอห์นนะครับ เป็นหมอที่ดูแลคุณ ส่วนนี่คือทีมของเรา คุณเป็นความมหัศจรรย์ของเราเลยนะครับ ตอนนี้คุณคงยังสับสน พักผ่อนสักพัก แล้วผมจะพาคุณไปเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมองอีกครั้ง แล้วหลังจากนั้น เราค่อยคุยกันยาวๆ นะครับ”
“ผมอยู่ที่นี่นานหรือยัง”
“สามเดือนครับ คุณโคม่าอยู่สามเดือน ผมเพิ่งจะเรียกญาติคุณมาคุยเรื่องสมองตาย”
ผู้ป่วยขมวดคิ้ว ความสงสัยมากมายถ่ายทอดผ่านนัยน์ตาคู่นั้น

“ญาติผม…”

“คุณแพทริเซียไงครับ”

เขายังคงขมวดคิ้วเช่นเดิม ใบหน้าคมสันซีดเผือด
“ผมขอแสดงความเสียใจด้วย คุณพ่อคุณเพิ่งเสียไปเมื่ออาทิตย์ก่อน”

คนป่วยสีหน้างุนงันยิ่งกว่าเดิม ราวกับไม่เข้าใจสิ่งที่เพิ่งได้ยิน มือเอื้อมไปเกาะข้างเตียงพยายามที่จะลุกขึ้นนั่ง
“พ่อผม”
“คุณนิโคลัสยังไงล่ะครับ”
“ผม เอ่อ... จำไม่ได้”
“อะไรนะครับ”
นายแพทย์จอห์นขมวดคิ้วบ้าง เขาจ้องมองชายหนุ่มอีกครั้งด้วยความประหลาดใจเช่นเดียวกัน มือยื่นไปสัมผัสคนป่วยและรับรู้ได้ถึงความตื่นตระหนก
“ใจเย็นๆ ครับ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ ตอนนี้คุณอาจจะจำอะไรไม่ได้เพราะสมองคุณกระทบกระเทือน ไม่แปลกหรอกครับ คนไข้หลายคนเป็นแบบนี้ แต่ก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้คุณนอนพักก่อนเถอะนะครับคุณเจอโรม เดี๋ยวผมจะให้พยาบาลพาคุณไปเอกซเรย์สมอง แล้วเราค่อยมาคุยเรื่องทั้งหมดกัน”


‘เจอโรม’
ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกคุ้นกับชื่อนี้เลยแม้แต่น้อย ทั้งที่คนรอบข้างพากันบอกว่ามันคือชื่อของเขา พยาบาลสาวที่ชื่อเจนใช้ไอแพดส่วนตัวค้นประวัติให้เขาดู ภาพถ่ายในหลายๆ อิริยาบถบ่งบอกว่า ก่อนจะประสบอุบัติเหตุนั้น เขาเคยเป็นนักแข่งรถที่มีชื่อเสียงมาก

นอกจากตำแหน่งแชมป์การแข่งรถเจ็ดสมัยติดแล้ว เขายังได้รับการบันทึกไว้ว่าเป็นนักแข่งอายุน้อยที่สุดที่ได้เป็นแชมป์อีกด้วย เส้นทางชีวิตของเขากำลังรุ่งโรจน์และจะดีขึ้นเรื่อยๆ หากไม่เกิดอุบัติเหตุเสียก่อน


เขาจำอะไรไม่ได้เลย จำไม่ได้แม้กระทั่งว่า ก่อนหน้านี้ตัวเองเคยเป็นคนอย่างไร ชอบหรือไม่ชอบอะไร มีคนรักหรือไม่ บ้านอยู่ที่ไหน ครอบครัวของเขามีใครบ้าง แม้กระทั่งบิดาที่ทุกคนพากันแสดงความเสียใจต่อการจากไป ชายหนุ่มกลับจำไม่ได้สักนิด สมองที่ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนักทำให้ความทรงจำทุกอย่างเลือนหายไปหมด
ความวุ่นวายเกิดขึ้นเมื่อทนายความประจำตัวที่ชื่อ เดวิด เดินเข้ามาในห้อง แม้จะเป็นช่วงเวลาแค่สิบห้านาที แต่เรื่องที่เขาพูดนั้นมีมากมาย หนึ่งในนั้นคือการให้สัมภาษณ์สื่อ ชายหนุ่มไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเสียใจที่มีคนรอคอยเขามากขนาดนี้ ข้างนอกห้องบรรดานักข่าวกำลังชะเง้อชะแง้มองเข้ามา ประหนึ่งฝูงแร้งที่กำลังจ้องจะรุมทึ้งเหยื่ออันโอชะ จนเขาต้องร้องขอให้พยาบาลสาวรูดม่านปิด

เจอโรมต้องการอยู่ตามลำพังสักพัก เจนยื่นไอแพดมาให้ หล่อนพยายามเหลือเกินที่จะให้เขาดูรูปในอดีตของตัวเองเผื่อว่าจะนึกอะไรขึ้นมาได้บ้าง จากรูปถ่ายทั้งหมด เขาเพิ่งสังเกตว่ามีผู้หญิงล้อมรอบตัวเขามากหน้าหลายตา แต่ละคนล้วนแต่หุ่นเอกซ์อึ๋มสะบึมด้วยกันทั้งนั้น พวกหล่อนเกาะแขนเขาราวกับปลิง หน้าตาดูยินดีเหลือเกินที่ได้อยู่เคียงข้างนักแข่งรถผู้มีชื่อเสียง จนกระทั่งถึงรูปสุดท้าย


“คนนี้คือแพทริเซีย เธอบอกว่าเป็นคู่หมั้นข



tangtangmeow
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ก.ย. 2560, 17:48:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ก.ย. 2560, 18:10:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 878





<< บทนำ   บทที่ ๒ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account