เล่ห์รัก..กับดักนายพราน (รีไรท์)
Tags: อิศนะ วรดา ไร่ส้ม เชียงราย
ตอน: ตอนที่ 10.
โกดังใหญ่สำหรับเก็บสินค้าหลายคูหาตั้งเรียงรายต่อกันเป็นรูปเกือกม้าท่ามกลางไร่ส้มที่กินเนื้อที่กว่าภูเขาครึ่งลูก หน้าโกดังใหญ่คือลานซีเมนต์กว้างมีรถบรรทุกสินค้าและรถกระบะของคนงานจอดเรียงรายอยู่หลายคัน อิศนะขับฟอร์จูนเนอร์คันสวยไปจอดที่หน้าอาคารสูงสามชั้นที่มีพื้นที่ต่อจากโกดังใหญ่แค่เพียงสนามหญ้าเล็กๆขั้นกลางเท่านั้น
อาคารสามชั้นรูปทรงทันสมัยตรงหน้าคือสำนักงานใหญ่ของไร่เทพปกรณ์ ชั้นล่างถูกจัดให้เป็นห้องทำงานหลากหลายแผนก ชั้นสองเป็นฝ่ายบัญชีและการเงินส่วนชั้นบนสุดเป็นห้องทำงานของบรรดาเหล่าผู้บริหารภายในไร่ มีห้องประชุมเล็กสำหรับไว้ประชุมงานสำคัญๆและมีห้องผักพ่อนของคนที่อยู่ในครอบครัวเทพปกรณ์โดยเฉพาะ
“แกหายหัวไปไหนมา เจ้าอิศ..”
เสียงทรงอำนาจนั้นดังขึ้นเกือบจะทันทีที่อิศนะผลักประตูห้องเข้ามา แม่เลี้ยงกันยา อิงอร และภานุ ผู้เพิ่งจะได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัวเทพปกรณ์ กำลังนั่งดื่มกาแฟและปรึกษางานกันอยู่ที่โต๊ะประชุมเล็ก อิศนะเดินตรงไปทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามมารดาตอบคำถามอย่างไม่ใส่ใจอะไรนัก
“ก็ไปเรื่อยๆ เที่ยวไปตามเรื่อง แม่ยังไม่ชินอีกหรือ”
“ไปเที่ยวไหนต่อไหน ฉันก็เห็นแกกลับมานอนบ้านทุกที”
“ก็เมา.. ขับรถกลับบ้านไม่ไหว”
อิศนะตอบเรื่อยๆเขาเอื้อมมือไปหยิบถ้วยกาแฟที่ถูกจัดเตรียมไว้กลางโต๊ะมารินกาแฟจากเหยือกแก้ว จากนั้นจึงจัดการเติมน้ำตาลและนมสดลงในถ้วยด้วยท่าทีอันแสนปกติไม่มีพิรุธใดๆทั้งสิ้น
“แกหายหัวไปตั้งแต่เมื่อวานซืน ฉันโทรหาแกเป็นสิบๆรอบ แต่แกไม่ยอมรับสาย ภานุบอกฉันว่าแกไปส่งเพื่อนในเวียง เพื่อนที่ไหน ฉันรู้จักเพื่อนคนนี้ของแกรึเปล่า”
“เพื่อนเก่าเพื่อนแก่สมัยเรียนอยู่เมืองนอก บังเอิญเขาแวะมาเยี่ยมกะทันหัน แม่ไม่รู้จักเขาหรอก”
อิศนะซ่อนพิรุธด้วยการยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ ก่อนจะปรายตาไปมองภานุแล้วยิ้มหยันๆ รู้สึกสะใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก อยากจะรู้เสียจริงๆว่าเจ้าน้องเขยตัวดีของเขามันจะยังทนตีหน้าเฉยแสดงท่าไม่รู้ร้อนรู้หนาวเช่นนี้ต่อไปได้อีกหรือไม่ ถ้าหากมันได้รับรู้ว่าเขาจัดการกับแม่อดีตรักคนสวยของมันอย่างไรบ้าง
. “แล้วทำไมแกไม่ชวนเพื่อนแกให้พักที่บ้านเราเสียก่อนล่ะ งานแต่งยายอิงก็คาราคาซังอยู่แบบนั้นจู่ๆก็หายหัวออกไปจากงาน ทั้งหนูเมย์ ทั้งท่านรองฯ ตามหาตัวแกกันให้ทั่ว ว่าแต่เพื่อนแกคนนี้มันเพื่อนผู้หญิงรึเพื่อนผู้ชาย”
“จะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ช่างเหอะน่า แม่จะมาซักไซ้อะไรผมนักหนา เอาเป็นว่าเขากลับกรุงเทพฯไปแล้ว และตอนนี้ผมก็กลับบ้านแล้ว ยังไม่จบอีกหรือ”
“ยัง..”
อิศนะพ่นลมออกจากปากถอนหายใจเฮือกเอื้อมมือไปหยิบเอาหนังสือพิมพ์รายวันที่วางอยู่ใกล้ๆมาเปิดอ่านจังหวะนั้นเองที่นางกันยาได้สังเกตเห็นความผิดปกติของบุตรชาย
“นั่นหน้าแกไปโดนอะไรมา เหมือนรอยเล็บข่วนเลยนะนั่น”
อิศนะเผลอยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองด้านที่มีริ้วรอยถูกข่วนแดงเป็นทางยาว ก่อนจะแสร้งตีหน้าเฉยทำเฉไฉไม่รู้ไม่ชี้เปิดหนังสือพิมพ์อ่านต่อไป
“อ๋อ ทีนี้ฉันเข้าใจล่ะ ไอ้ที่แกหายหัวไปสองคืนเต็มๆบ้านช่องไม่ยอมกลับนี่ แกหายหัวไปอยู่กับผู้หญิงนี่เอง มิน่าล่ะ โทรศัพท์ก็ปิด ตามตัวไม่ได้เลย แล้วนี่ยังมีหน้าให้ผู้หญิงเขาฝากรอยเล็บกลับมาอีกหรือ เจ้าอิศหนอเจ้าอิศ ถ้าหนูเมย์เขารู้เข้า เขาจะคิดยังไง”
“เขาจะคิดยังไงก็เรื่องของเขาสิ เกี่ยวอะไรกับผม”
“หน๊อย แกพูดอย่างนี้ได้ยังไง ฉันทาบทามหนูเมย์ไว้ให้แกแล้วนะ อีกหน่อยแกก็ต้องแต่งงานกับเขา ถ้าแกยังทำตัวมั่วผู้หญิงไม่เลิกอยู่อย่างนี้แกจะไปมองหน้าพ่อแม่เขาได้ยังไง”
“มองไม่ได้ ก็ไม่ต้องมอง ผมไม่เห็นจะสนเลย ผมไม่ใช่คนที่อยากจะแต่งงานกับเขาสักหน่อย ถ้าเด็กนั่นอยากจะแต่งกับผมก็ต้องรับความจริงให้ได้ อย่ามาคาดหวังอะไรจากผม”
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงแกก็ต้องเลิกทำตัวแบบนี้สักที นี่ถ้าแกเกิดมาเป็นผู้หญิงละก็ป่านนี้ฉันคงฉีกผ้าอ้อมแทบไม่ทันไปแล้วมั้ง”
“ก็ดีแล้วไงที่ผมเกิดมาเป็นผู้ชาย ยังไงๆผมก็ไม่มีมดลูก ไม่มีทางที่ผมจะท้องโย้กลับมาประจานให้แม่อับอายขายหน้าชาวบ้านเขาอยู่แล้ว”
เสียงหัวเราะคิกคักนั้นดังมาจากอิงอร หญิงสาวนั่งฟังมารดากับพี่ชายสนทนาโต้ตอบกันมาตั้งแต่เริ่มจำความได้ จนถึงบัดนี้อิงอรก็ยังตัดสินไม่ได้สักทีว่าใครเป็นผู้แพ้หรือผู้ชนะ เวลาพี่ชายถกเถียงกับมารดาด้วยเรื่องต่างๆ เสียงดังเหมือนบ้านจะแตกแต่หล่อนก็เห็นแม่รักใคร่เป็นห่วงเป็นใยพี่ชายหัวดื้อเสียเหลือเกินในยามที่อยู่ลับหลัง
“อะไรยายอิง ทำมาเป็นหัวเราะชอบใจ สนุกนักเหรอเห็นพี่กับแม่ทะเลาะกัน”
“เปล่าซะหน่อย พี่อิศทะเลาะกับแม่ไปเถอะ อย่ามาชวนอิงทะเลาะด้วยเลย”
“ตอนนี้อิงมีผู้ปกครองคนใหม่แล้วนี่ พี่หรือจะกล้าชวนอิงทะเลาะ”
น้ำเสียงเยาะๆแกมประชดประชันนิดๆนั้นทำให้ภานุที่นั่งตรวจตราแปลนงานอยู่เงียบๆต้องเงยหน้าขึ้นมาสบตากับอิศนะ สองหนุ่มประสานสายตากันอยู่ครู่หนึ่งแล้วภานุก็เป็นฝ่ายหลบเช่นทุกครั้งด้วยไม่อยากจะมีปัญหาอะไรกับอิศนะเพราะรู้ดีแก่ใจว่าอีกฝ่ายจงใจที่จะหาเรื่องเขาตลอดเวลาอยู่แล้ว
“ว่าแต่อิงคิดเอาไว้รึยัง จะไปฮันนิมูนที่ไหน”
“ฮันนิมูนหรือคะ ไม่นี่ อิงกับคุณนุ เราไม่มีโครงการจะไปฮันนิมูนที่ไหน”
“ได้ยังไง แต่งงานทั้งที มันก็ต้องไปฮันนิมูนดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กันหน่อย ไปยุโรปสิ พี่ว่าโรแมนติคดีออก เพื่อนๆพี่ที่แต่งงานแล้วเขาไปฮันนิมูนกันที่นั่นกลับมา เห็นติดอกติดใจอยากจะไปรอบสองรอบสามกันทั้งนั้น เอามั้ย.. ถ้างานนี้แม่เลี้ยงไม่ยอมควัก พี่ออกให้เองก็ได้”
“คะ…”
ทั้งนางกันยาทั้งอิงอรและภานุต่างก็หันมามองหน้าอิศนะเป็นตาเดียว สายตาทุกคู่ที่มองมายังชายหนุ่มเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“นี่พี่อิศพูดจริงหรือพูดเล่น”
“พูดจริงๆ พี่เห็นอิงทำงานหนักทุกวัน เหนื่อยมาก็มากแล้ว พักเรื่องงานไว้ก่อน เดี๋ยวพี่ดูแลให้เอง ลองไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาที่ยุโรปสักเดือนดีมั้ย เดี๋ยวพี่จะโทรหาเพื่อนที่เขาทำบริษัททัวร์จัดการเรื่องวีซ่ากับตั๋วเครื่องบินให้ รับรอง ไม่กี่วันก็เรียบร้อย”
“ทำไมพี่อิศ เกิดจะใจดีอะไรขึ้นมา”
“ก็ถือว่าให้ของขวัญแต่งงานน้องสาวสุดที่รัก ไม่ได้รึไง”
“แม่ว่าไงคะ” อิงอรหันไปขอความคิดเห็นจากผู้เป็นมารดาอย่างลุ้นๆ
“จะว่าไง เจ้ามือเขาเสนอตัวอยู่เหยงๆ ไปฟรี เที่ยวฟรี ใครไม่ไปก็โง่แล้ว”
“เย้.. งั้นเราไปฮันนิมูนที่ยุโรปกันนะคะคุณนุ”
อิงอรกระโดดผลุงลงจากเก้าอี้ตรงเข้าไปโอบกอดรอบๆลำคอของพี่ชายก่อนจะก้มลงไปจุ๊บซ้ายจุ๊บขวาอย่างประจบประแจงราวกับเมื่อครั้งที่หล่อนยังเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ
“พี่อิศรูปหล่อ.. พี่อิศคนดี.. อิงรักพี่อิศที่สุดเลย”
“อิงลองไปเปิดเน๊ตดูก่อนก็ได้ว่ามีที่ไหนน่าไปบ้าง ลองคำนวณค่าใช้จ่ายคร่าวๆ แล้วมาบอกพี่ เดี๋ยวพี่เซ็นเช็คให้วันนี้เลยก็ได้”
“ฮูเร! งั้นไปค่ะคุณนุ ไปเปิดเน๊ตดูเดี๋ยวนี้เลย อิงจะไปอังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส ออสเตรีย ฮังการีไปให้หมดทุกที่เลย” อิงอรผละห่างจากพี่ชายวิ่งอ้อมโต๊ะไปฉุดกระชากลากถูภานุให้ลุกขึ้นตามหล่อนไปจนได้
พอสองหนุ่มสาวลับหายออกไปจากห้องอิศนะก็ถอนหายใจยาว
“เห๊อะ ทัวร์ยุโรป อยู่ๆก็อยากจะเสียเงินล้าน ฉันบอกไว้ก่อนนะ ว่าห้ามมาหักจากบัญชีกลาง ในเมื่อแกเป็นคนเสนอตัว มันก็ต้องหักจากบัญชีส่วนตัวของแก”
“รู้แล้วน่า เงินแค่นี้ซื้อความสุขให้น้อง จะเป็นไรไป”
“แต่ฉันดูๆหน้าแกแล้ว ไม่ยักเหมือนคนที่กำลังมีความสุข แกมีอะไรในใจรึเปล่า”
อิศนะส่ายหน้านิดๆหลบตามารดาด้วยการก้มลงมองดูถ้วยกาแฟในมือก่อนจะหมุนดูลวดลายรอบๆถ้วยอย่างไม่มีอะไรจะทำ เมื่อเห็นบุตรชายยังคงนั่งนิ่งไม่ปริปากบอกถึงเรื่องที่กำลังครุ่นคิด นางกันยาก็เลิกตอแยด้วยรู้นิสัยบุตรชายดีว่าหากอิศนะไม่อยากจะพูดเสียอย่างต่อให้เอามีดไปจี้คอหอยเขาก็จะไม่มีวันปริปาก
“มาต่อที่เรื่องของแกกับหนูเมย์ ฉันไปหาหลวงพ่อที่วัดท่านให้ฤกษ์มาแล้ว อีกสามเดือนแกเตรียมตัวทันมั้ย แต่ฉันว่าแกคงไม่ต้องเตรียมอะไรมากมาย นอกจากปลิดเอาแม่ผู้หญิงที่เป็นปลิงเกาะแกอยู่ตั้งสามสี่ตัวนั่นออกไปให้หมดก่อนแต่งงานเท่านั้นก็คงพอ”
“คนที่จะแต่งงานคือผมนะครับแม่ แม่ถามผมสักคำสิว่าผมอยากแต่งรึเปล่า ผมไม่ได้รักเด็กคนนั้น แม่ก็รู้ ผมไม่เคยสนเลยด้วยซ้ำแม่ยังจะยัดเยียดให้ผมแต่งงานกับเด็กนั่นอยู่ได้ การแต่งงานที่ไม่มีความรักเป็นพื้นฐาน จะอยู่ด้วยกันได้สักกี่ปี อีกเดี๋ยวเด็กนั่นก็เปิดแน่บ วิ่งร้องห่มร้องไห้กลับไปหาพ่อแม่ของเขาในที่สุด แม่อยากจะให้มันเป็นแบบนั้นหรือ”
“แกจะหาผู้หญิงที่ไหนดีพร้อมเหมาะสมกับแกได้เท่าหนูเมย์ล่ะ ดูผู้หญิงของแกแต่ละคนสิ อยู่กับแกได้นานซะที่ไหน ใครมันจะไปทนคนนิสัยห่ามๆอย่างแกได้ หนูเมย์น่ะ เขารักแกนะ ฉันรู้มาว่าเขาแอบชอบแกมาตั้งแต่สมัยที่แกยังไม่ได้ไปเรียนเมืองนอกเลยด้วยซ้ำ ถึงแกจะไม่รักเขาตอนนี้ก็เถอะ แต่หนูเมย์เขาก็รักแก ยังไงเสียเขาก็ต้องทนแกได้อยู่แล้ว”
“ผมไม่ต้องการให้ใครมาทนผม และผมก็ไม่ต้องการจะทนอยู่กับผู้หญิงคนไหนก็ตามที่ผมไม่อยากจะอยู่ด้วย ที่สำคัญผู้หญิงที่จะเป็นเมียผม ต้องไม่ใช่ผู้หญิงที่วันๆก็มีแต่ตั้งหน้าตั้งตามาคอยพะเน้าพะนอเอาอกเอาใจผม ตามใจผมทุกอย่างทั้งๆที่รู้ว่าสิ่งที่ผมทำมันผิด ผมต้องการผู้หญิงที่จะมาหยุดความห่าม ความบ้า ความไม่ดีทั้งหลายของผมนะครับแม่”
“แล้วแกเจอรึยังล่ะผู้หญิงคนนั้น”
“ยังเลย ไม่รู้ว่ายายบ้านั่นไปตกสำรวจอยู่แถวไหน”
อิศนะพูดด้วยน้ำเสียงเครียดๆพยายามจะให้มันดูเป็นเรื่องตลกแต่นางกันยาไม่มีทีท่าที่จะตลกด้วยเลยสักนิด
“ถ้าตอนนี้แกยังไม่เจอผู้หญิงคนนั้น ฉันถือว่าแกหมดสิทธิ์เลือกแล้ว”
“ผมไม่เข้าใจ แม่ชอบอะไรในตัวเด็กคนนั้นนักหนา”
“ทุกอย่าง หนูเมย์เป็นเด็กน่ารักมีสัมมาคารวะ หน้าตาก็สะสวย แล้วเขาก็รักแก ที่สำคัญไปกว่านั้น เขามีพ่อเป็นถึงท่านรองผู้ว่าฯ อีกหน่อยพ่อเขาก็จะได้ขึ้นเป็นผู้ว่าฯ พอเกษียณเขาก็จะลงเล่นการเมืองต่อ แกคิดดูสิต่อไปในวันข้างหน้าเวลาแกไปทำอะไร ทำธุรกิจที่ไหนแกก็มั่นใจได้ว่าแกมีแบลค แกไม่จำเป็นจะต้องไปกลัวคู่แข่งที่ไหน เส้นสายแกมีอยู่แล้ว”
“ไปๆ มาๆ ก็ไม่พ้นเรื่องของผลประโยชน์” อิศนะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยๆก่อนจะยักไหล่อย่างไม่สนใจ “ถ้าผมจะทำธุรกิจอะไรสักอย่าง ผมก็จะทำอย่างตรงไปตรงมา เพราะฉะนั้นไอ้ระบบเส้นสายที่แม่พูดถึงมันไม่มีความจำเป็นอะไรกับผมเลยสักนิด ผมไม่ได้อคติกับเรื่องแต่งงานเพื่อผลประโยชน์หรอกนะครับแม่ แต่ผมสนว่าผมรักผู้หญิงคนนั้นด้วยหรือเปล่า ถ้าผมรักเขา ผมก็แต่งได้ ส่วนไอ้ผลประโยชน์ทั้งหลายแหล่ที่ได้มานั่นผมถือเป็นของแถม แต่นี่ ผมไม่ได้รักเมสินีเลยและแน่ใจว่ายังไงก็ไม่มีวันรักเพราะฉะนั้นผมแต่งกับเขาไม่ได้จริงๆ”
อิศนะทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะผุดลุกเดินออกไปจากห้องไม่เปิดโอกาสให้ผู้เป็นมารดาได้ซักไซ้ไล่เรียงอะไรอีกต่อไป
++++++++++++++++++++++++++++++
อิศนะทำงานของตนเองจนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบบ่ายสามโมงชายหนุ่มจึงขับรถออกจากไร่ตรงเข้าสู่ตัวเมืองเชียงราย เขาแวะที่ซุปเปอร์มาเก็ตแห่งหนึ่งเพื่อซื้อข้าวของเครื่องใช้ต่างๆให้แก่วรดา
อิศนะเสียเวลาอยู่นานมากในการเดินสำรวจข้าวของ จนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่ได้อะไรสักชิ้น พนักงานขายสาวคนหนึ่งยืนจับตามองอิศนะอยู่นานแล้วด้วยความที่เขาเป็นหนุ่มหน้าตาหล่อจัดที่ไม่ค่อยจะมีให้เห็นบ่อยนักหล่อนจึงตัดสินใจเดินเข้าไปถามไถ่
“มีอะไรให้ช่วยมั้ยค่ะ เห็นยืนงงๆอยู่นานแล้ว”
"เอ่อ...อ่า...ครับ คุณมาก็ดีแล้ว ผมกำลังต้องการความช่วยเหลือจากคุณมากๆเลยตอนนี้”
อิศนะหัวเราะเก้อๆพนักงานขายสาวมองหน้าชายหนุ่มยิ้มๆเสมือนเข้าใจความลำบากของเขา หล่อนมองตระกร้าเปล่าๆในมืออิศนะอย่างเห็นใจ
“จะซื้ออะไรหรือคะ บอกดิฉันได้ค่ะ เดี๋ยวจัดหาให้”
อิศนะยิ้มแหยๆรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวตลกก็ไม่ปาน
“คือ...ผมอยากได้เสื้อผ้า แล้วก็ของใช้ส่วนตัวของผู้หญิง เอ่อ...ยังไงดีล่ะ คือ...ผมกับแฟน...แบบว่าเราวิวาห์เหาะกันแบบปัจจุบันทันด่วน เขาไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาเลย ส่วนของผมมีพร้อมแล้ว ขาดก็แต่ของใช้จำเป็นของแฟนเท่านั้น”
พนักงานขายสาวทำหน้าผิดหวังเล็กน้อยที่ได้รับรู้ว่าหนุ่มหน้าหล่อหุ่นกระชากใจตรงหน้ามีเจ้าของหัวใจไปเรียบร้อยแล้ว เธอยิ้มเจือนๆจากนั้นจึงออกเดินนำอิศนะไปยังแผนกของใช้ต่างๆของสตรี ทั้งเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆจนครบถ้วนที่ชายหนุ่มอยากได้
ระหว่างรอชำระเงินที่เคาน์เตอร์อิศนะหยิบธนบัตรสีม่วงใบหนึ่งส่งให้พนักงานขายสาวคนนั้นเป็นการตอบแทนที่หล่อนมีน้ำใจช่วยเหลือเขาเลือกซื้อของ พนักงานขายสาวปฏิเสธที่จะรับเงินของเขาพร้อมทั้งกล่าวคำขอบคุณชายหนุ่มอย่างจริงใจ
“ขอบคุณค่ะ แต่ดิฉันรับไม่ได้จริงๆ เออ...จริงสิ ยังมีอีกอย่างนะคะ ที่คุณยังไม่ได้ซื้อ พอดีที่นี่เราไม่มีขายด้วยสิ คุณเดินไปซื้อที่ร้านขายยาตรงหัวมุมถนนโน้นก็ได้ค่ะ”
“เอ...ดูๆก็น่าจะครบแล้วนี่นา อะไรหรือครับที่ขาด”
“แหม...ก็พวกอุปกรณ์คุมกำเนิด พวกถุงยางอนามัย ยาคุมกำเนิดอะไรพวกนี้น่ะค่ะ อย่าบอกนะคะ ว่าพวกคุณวิวาห์เหาะกันโดยไม่ได้คิดถึงเรื่องการวางแผนครอบครัวเลย”
“อ่า...อ๋อ...ครับ ผมลืมไปจริงๆน่ะแหละ ดีนะที่คุณเตือน ไม่งั้นล่ะลูกดกแน่ๆ ขอบคุณมากครับ”
อิศนะยิ้มแก้เก้อ แกล้งอือๆออๆไปตามเรื่องก่อนจะรีบชำระเงินแล้วคว้าถุงข้าวของไปขึ้นรถขับออกไปจากซุปเปอร์มาเก็ตแห่งนั้นโดยไม่ได้แวะร้านขายยาที่หัวมุมถนนนั่นเลย
+++++++++++++++++++++++++++++++
ตลอดทั้งวันที่วรดาพยายามสำรวจหาทางหนีทีไล่ ทางป่าสักนั่นเห็นจะไม่อยู่ในความคิดเพราะหล่อนจะไม่เสี่ยงกับงูเงี้ยวเขี้ยวขอทุกชนิด ทางเนินป่าหญ้าคานั่นเห็นจะเหมาะสุดเดินข้ามเนินลูกนั้นแล้วอ้อมเขาไปอีกด้านก็เข้าสู่เขตไร่เทพปกรณ์แล้วมิใช่หรือดูท่าว่ามันจะเป็นไปได้กว่าทางอื่น
อะไรๆมันก็แย่ตรงที่คนของอิศนะนั่นแหละทั้งเจ้ายักษ์จอนิกับนายฟุก๋วยท่าทางเด๋อด๋านั่น พวกมันผลัดเวรกันเฝ้ามองหล่อนแทบไม่ให้คลาดสายตา ไหนจะแม่สุนาหน้าหักกับแม่สาวน้อยมะขิ่น ที่วนเวียนอยู่รอบๆตัวหล่อนครั้นพอเจ้านายของพวกมันมาถึงเท่านั้นคนพวกนี้ก็กลับหายหัวไปอยู่เสียที่ไหนก็ไม่รู้
เสียงรถที่แล่นเข้ามาจอดที่หน้าเรือนแพทำให้วรดาต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ครู่ต่อมาหล่อนก็ได้ยินเสียงย่ำเท้าโครมครามตรงมาที่ระเบียง
“เป็นอะไร นั่งหน้างอเป็นม้าหมากรุกเชียว”
อิศนะเดินหอบข้าวของพะรุงพะรังมาวางรวมๆไว้บนโต๊ะก่อนจะเอ่ยถามหญิงสาว วรดาปรายตามองผู้มาใหม่ด้วยหางตาก่อนจะสะบัดหน้าหันกลับไปมองธารน้ำใสเบื้องหน้าไม่ยอมตอบอะไรทั้งนั้น อิศนะเดินมาทรุดตัวลงนั่งที่ม้านั่งยาวฝั่งตรงข้ามก่อนจะทำทีเป็นหลิ่วตามองหญิงสาวพร้อมกับยิ้มนิดๆที่มุมปาก
“ถามก็ไม่ยอมตอบ เอ...ท่าทางจะงอน ทำไม ไม่เห็นหน้าผมแค่ครึ่งวัน ทนคิดถึงผมไม่ได้แล้วหรือ"
“จะบ้าเหรอ คนอย่างคุณมีดีอะไรให้ฉันคิดถึง”
“ผมหรือ มีดีเยอะเชียว หล่อ.. เร้าใจ.. เฟรนลี่.. สปอร์ต.. เพอเฟ็คแมน”
“คุณนี่มัน...หลงตัวเองชัดๆ”
“ธรรมดา ก็คนมันมีดี"
วรดาเม้มปากแน่นไม่อยากจะเชื่อจริงๆว่าตนเองจะได้มาพบเจอกับผู้ชายที่แสนจะยียวนกวนประสาทเช่นนี้ มองหน้ายิ้มๆของอิศนะแล้ววรดาก็ได้แต่บอกตนเองให้อดทนอดกลั้นเข้าไว้ แต่เมื่อแน่ใจแล้วว่าทำอย่างไรก็คงไม่สำเร็จหล่อนจึงผุดลุกทันทีตั้งใจจะเดินหนีชายหนุ่มไปเสียให้ไกลจากตรงนั้น
“อย่าเพิ่งไปซี ผมมีข่าวด่วนข่าวร้อนมาบอกคุณด้วยนะ”
อิศนะตามมาคว้าแขนหญิงสาวเอาไว้ กระชากเบาๆให้หล่อนหันกลับไปเผชิญหน้ากับเขา ก่อนจะยื่นหน้ามาบอกข่าวล่ามาเร็วของเขา “อาทิตย์หน้า พี่นุของคุณกับเมีย จะไปฮันนิมูนกันที่ยุโรป”
“แล้วคุณมาบอกฉันทำไม”
“บอกให้รู้ไว้ เผื่อคุณจะตัดใจจากผัวชาวบ้าน หันมาเอาใจใส่ผัวตัวเองบ้างไง”
วรดาสะบัดแขน แต่สะบัดเท่าไหร่ๆก็ไม่อาจหลุดพ้นไปจากการเกาะกุมของอิศนะ
“นี่ เมื่อไหร่คุณจะตายๆไปซะทีนะ ทำไมคุณไม่รถคว่ำคอหักตายไปซะเลย”
“อยู่ดีๆก็อยากจะเป็นหม้าย มาแช่งผัวตัวเองทำไม บ้ารึเปล่า”
“ทุเรศ อย่างคุณน่ะ มันไม่ใช่สักหน่อย”
“แล้วอย่างไหนมันถึงจะใช่ ช่วยอธิบายมาให้เข้าใจหน่อยสิ ถ้าอย่างผมไม่ใช่ แล้วไอ้หน้าไหนมันถึงจะใช่ เมื่อวานนี้คุณนอนกับใคร กับผมไม่ใช่หรือ”
คราวนี้วรดาสะบัดแขนหลุดและไม่รอช้าหล่อนฟาดฝ่ามือลงไปที่ใบหน้าคร้ามคมของชายหนุ่มเต็มแรง อิศนะหน้าหันสะบัดดวงตาคู่คมฉายแววฉุนโกรธขึ้นมาทันทีทันใดเมื่อหันกลับมามองหน้าหญิงสาว
“คุณนี่กล้าดีมากเลยนะ วรดา..”
“นี่มันยังน้อยไป ถ้าตอนนี้ฉันมีมีดอยู่ในมือละก็นะ ฉันเสียบอกคุณทะลุไปนานแล้ว”
“โหดจริงๆเลย แต่ผมชอบแหะ มีเมียดุๆแบบนี้ ชีวิตค่อยมีสีสันขึ้นมาหน่อย”
“คุณนี่มันเป็นคนแบบไหนกันแน่นะ บ้า.. ประสาท..”
“เอาน่า อยู่ๆกันไป เดี๋ยวคุณก็ชิน”
อิศนะบอกยิ้มๆก่อนจะพยักพเยิดหน้าให้วรดาหันไปมองบนโต๊ะ
“ซื้อของมาให้ตั้งเยอะแยะ จะไม่ดูหน่อยหรือ”
วรดาถอนหายใจเฮือก จำต้องเดินตามเขามารื้อค้นดูถุงข้าวของที่อิศนะหอบมาวางกองเอาไว้บนโต๊ะตั้งแต่มาถึงออกเปิดดู ข้าวของที่อิศนะซื้อมามีตั้งแต่เสื้อกันหนาว เป็นเสื้อไหมพรมสีฟ้าและสีชมพูอย่างละตัว เสื้อยืดเนื้อดีสองสามตัว ผ้าถุงลายดอกดวงโตๆหลายผืน กางเกงเล หนังสืออ่านเล่นของผู้หญิงจำพวกนิตยสารรายปักษ์ สบู่ โลชั่น แชมพูสระผม สิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัวของผู้หญิงอื่นๆไม่เว้นแม้แต่ผ้าอนามัยยี่ห้อดัง
“คุณซื้อของพวกนี้เป็นด้วยหรือ”
“ผมให้พนักงานขายที่ซุปเปอร์ช่วยเลือกน่ะ มีแค่ถุงนั้นถุงเดียวที่ผมลงทุนเดินเข้าร้านไปซื้อด้วยตัวเอง”
วรดามองถุงกระดาษตรงหน้าสลับกับหน้าชายหนุ่มอย่างสงสัย หญิงสาวหยิบถุงสิ่งของที่อิศนะบุ้ยใบ้บอกว่าเขาเป็นคนซื้อเองกับมือมาเปิดดู แก้มขาวๆของหญิงสาวระเรื่อขึ้นมาทันตา
"บ้า.. คุณนี่หน้าไม่อาย”
“กะอีแค่ซื้อชุดชั้นใน จะไปอายทำไม ของๆคุณผมก็เห็นหมดแล้ว พอจะกะไซส์ถูกอยู่หรอกน่า ไม่ต้องกลัวไปว่าคุณจะใส่ไม่ได้ รึถ้าเกิดมันใส่ไม่ได้ขึ้นมาจริงๆ พรุ่งนี้ผมกลับไปซื้อให้ใหม่ก็ยังได้”
ทั้งน้ำเสียงทั้งสายตาวาวๆของอิศนะทำให้วรดารู้สึกอับอายเสียจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี หญิงสาวจึงเงื้อง้ากำปั้นน้อยๆของหล่อนขึ้นทุบไหล่ทุบอกชายหนุ่มอย่างเคืองแค้น
“ทะลึ่งที่สุดเลย คนอะไร”
อิศนะหัวเราะร่วนรวบเก็บสองมือเล็กของหญิงสาวแล้วรั้งร่างบางเข้ามากอดหลวมๆ
“ปล่อยฉัน”
วรดาออกคำสั่ง ขณะยกสองมือทั้งผลักทั้งดันอกกว้างออกห่าง
“คุณเขิน แล้วคุณมาทุบผมทำไมล่ะ แต่เวลาคุณอายหน้าแดงนี่ ดูๆไปก็น่ารักดีเหมือนกันนะ”
ไม่พูดเปล่าอิศนะยังพยายามจะยื่นหน้าเข้ามาหอมแก้มแดงโดยธรรมชาติของหญิงสาวเสียอีกด้วย วรดาเบี่ยงหน้าหลบหดคอหนีปลายจมูกโด่งๆนั่นทันทีก่อนจะกระทืบเท้าสุดแรงเกิดไปบนปลายรองเท้าผ้าใบของอิศนะ ฉวยจังหวะที่ชายหนุ่มยังไม่ทันได้ตั้งหลักสวนเข่าขึ้นไปเต็มๆที่กลางหว่างขา
"โอ๊ะ คุณ...”
ร่างใหญ่โตของอิศนะทรุดฮวบลงกับพื้น จุกจนหน้าเขียว มือไม้ทั้งสองข้างประสานกันอยู่ที่ตำแหน่งเดียว...ตำแหน่งที่วรดาตั้งใจจะถวายเข่าให้ด้วยความแค้น
++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
โอชิน
โอชิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ต.ค. 2560, 18:12:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ต.ค. 2560, 18:12:28 น.
จำนวนการเข้าชม : 1119
<< ตอนที่ 9. |