เพลงซ่อนรัก Romance melody
เจอโรม นักแข่งรถฟอร์มูล่าวัน ผู้ครองตำแหน่งแชมป์หลายสมัย

อุบัติเหตุเมื่อสามเดือนก่อนทำให้เขาโคม่า อยู่โรงพยาบาล

เมื่อฟื้นขึ้นมา เจอโรมจำอะไรไม่ได้เลย

สิ่งที่คนรอบข้างบอกก็คือ เขาเลว เจ้าชู้ และสมควรตาย แม้แต่พ่อแท้ๆ ก็ยังไม่รัก

ความทรงจำของเจอโรมเปรียบเสมือนกระดาษขาว เขาจำอะไรไมได้เลย

จำไม่ได้แม้กระทั่งตัวเอง เคยชอบอะไร เคยทำอะไร

ผู้หญิงคนเดียวที่รู้สีกคุ้นเคย คือ ชาลิสา

แต่เธอเกลียดเขา จนแช่งให้เขาตาย

เพราะเขาเคยลวนลามหญิงสาวบนเครื่องบินและฟาดหน้าเธอด้วยเงินปิดปากเพื่อให้ทุกอย่างเงียบ

เจอโรมตามติดหญิงสาว เพื่อหวังว่า ไวโอลินอันไพเราะของเธอจะทำให้เขาฟื้นจากความจำเสื่อม

แต่ยิ่งใกล้กัน ความจริงก็ยิ่งเปิดเผย..

ว่า เบื้องหลังอุบัติเหตุนั้นมีบางอย่างซุกซ่อนอยู่..


Tags: เพลงโอเปร่า แบดบอย นักดนตรีสุดเซอร์และฆาตกรรม

ตอน: บทที่ ๕ ฉันเกลียดคุณ

มาลงต่อตอนต่อไปแล้วนะคะ ใครรอเรื่องนี้อยู่บ้างเอ่ย...

กำหนดการในงานหนังสือออกมาแล้วนะคะ ช่วงนี้เลยเร่ง หาของที่ระลึกสำหรับแจกนักอ่านมือระวิง ไว้จะมาโพสต์ให้ดูนะคะ คงจะได้มีโอกาสไปพบนักอ่านที่บูท สนพ ที่รักนะคะ วัน เสาร์และอาทิตย์และ วันพฤหัส น่าจะแวะไปค่ะ แวะมาเจอกันพร้อมรับของแจกนะคะ

บทที่ ๕ ฉันเกลียดคุณ

You never get a second chance to make first impression
Pinterest.com
“ออกไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นฉันจะร้องให้คนช่วย”
ทันทีที่เห็นชายหนุ่ม ชาลิสาซึ่งกำลังจะเอาขยะไปทิ้งด้านล่างก็รีบวิ่งกลับเข้าห้องทันที โชคร้ายที่วันนี้ป้ามาเรียไปค้างต่างเมืองกับเพื่อน หญิงสาวจึงอยู่เพียงลำพัง หล่อนรีบงับประตูแต่เจอโรมไม่ยอมและผลักเข้ามา เพราะรูปร่างที่เล็กกว่ากันเกือบเท่าตัวทำให้สู้แรงไม่ไหว สุดท้ายเขาก็เข้ามาในห้องได้ในที่สุด ชาลิสากวาดหาตัวช่วยคือ จนเจอขวดน้ำ หล่อนเขวี้ยงขวดใส่แต่เจอโรมหลบได้ทันพร้อมกับสบถ


“ใจเย็นๆ สิคุณ ฟังผมก่อน ผมไม่ใช่คนร้าย”

“คุณต้องการอะไร ตามฉันมาที่นี่ทำไม ออกไปนะ”

ชาลิสาตกใจสุดขีด ยิ่งนึกถึงสิ่งที่เขาทำบนเครื่องบินก็ยิ่งหวาดหลัว หญิงสาวกำลังจนมุม รู้ทั้งรู้ว่า ตนเสียเปรียบ เนื่องจากเจ้าของห้องชั้นบนทั้งหมดไปทัวร์กับป้ามาเรีย พวกเขาจัดทริปไปค้างที่อินส์บูรก์ด้วยกัน มะรืนนี้ถึงจะกลับส่วนป้าที่อยู่ชั้นสามก็เป็นพวกชอบใส่หูฟังนอนในเวลากลางคืน อีกห้องเป็นนักศึกษาซึ่งป่านนี้คงยังไม่กลับ

“ผมมีเรื่องอยากถามคุณ”

“นี่มันดึกมากแล้ว มีอะไรไว้คุยกันวันหลังเถอะนะ”
หญิงสาวต่อรอง ระหว่างนั้นก็หาทางหนีไปด้วย โชคร้ายก็คือ ป้ามาเรียมักจะใส่กลอนตรงหน้าต่างทำให้ใช้เป็นทางหนีไม่ได้ ส่วนประตูหน้าซึ่งเป็นทางออกเดียวบัดนี้ก็ถูกชายหนุ่มยืนขวางเอาไว้

“ผมแค่อยากรู้ถามอะไรนิดเดียว กินเวลาไม่มากหรอก”

“แต่ฉันไม่สะดวก อีกประเดี๋ยวป้าฉันก็จะกลับมาแล้ว ท่านคงไม่พอใจนักหากเห็นว่า มีผู้ชายแปลกหน้าเข้ามาในห้อง “ ทางเดียวที่หญิงสาวนึกได้ก็คือ โกหกเพื่อขู่ให้เจอโรมคิดว่า กำลังมีคนกลับมาแต่แท้จริงแล้วกว่าป้าจะกลับก็วันมะรืน

“ทำไมคุณต้องทำท่ากลัวผมขนาดนี้ด้วย ถ้าหากเราสองคนไม่รู้จักกันจริงๆ หรือว่า เมื่อก่อนนี้ผมเคยทำอะไรไม่ดีกับคุณไว้งั้นหรือ”

ชาลิสาจนด้วยคำพูด หล่อนไม่รู้ว่า เจอโรมเป็นอะไรกันแน่ เขาทำเหมือนจำเหตุการณ์อะไรไม่ได้หรือว่า เพราะโคม่าเขาจึงลืมไปว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“ถามจริงๆ เถอะคุณกำลังเล่นเกมอะไรอยู่กันแน่”

“ผมไม่ได้เล่น ผมโคม่าอยู่ที่โรงพยาบาลแต่พอฟื้นขึ้นมาก็จำอะไรไม่ได้เลย”
หญิงสาวอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจเพราะเหตุนี้เองเจอโรมถึงได้มีท่าทีเปลี่ยนไปนั่นเพราะเขาความจำเสื่อม สิ่งที่ชายหนุ่มพูดเป็นเรื่องจริงงั้นหรือชาลิสายังคงระแวง
“คุณหลอกฉันเล่นใช่ไหม”

“ไม่เลย...เมื่อครู่นี้ตอนอยู่ในคอนเสิร์ตอยู่ ผมรู้สึกเหมือนว่า เราสองคนเคยฟังเพลงนี้ด้วยกัน”
“ไม่ใช่แน่ๆ เราสองคนไม่เคยสนิทกัน” หล่อนกอดอกหน้าบึ้ง โต้กลับ
“งั้นสรุปว่า เราสองคนเคยรู้จักกันใช่ไหม คุณถึงได้คอยหลบหน้าผม”
“นี่คุณจำอะไรไม่ได้เลยงั้นหรือ แล้วเรื่องบนเครื่องบินล่ะ จำได้บ้างไหม”
ชาลิสาเป็นคนที่สองที่พูดเกี่ยวกับเครื่องบิน ชายหนุ่มเดาว่า น่าจะหมายถึงเที่ยวบินซึ่งกลับมากเมืองไทย แต่ไม่ว่า จะนึกยังไงเจอโรมก็ยังจำอะไรไม่ได้อยู่ดี

“ผมจำไม่ได้จริงๆ นี่ผมเคยทำอะไรคุณงั้นหรือ”


ชายหนุ่มเอื้อมมือมาแตะบ่าหมายจะปลอบ แต่ชาลิสาซึ่งอยู่ในอารมณ์หวาดระแวงกลับยิ่งกลับ ตกใจ หล่อนปัดมือออกทันที

“นี่คุณจะทำอะไร ...คุณหลอกฉันไหม คุณไม่ได้ความจำเสื่อม ทั้งหมดเป็นแผน”
“เปล่านะ ผมพูดจริงทุกคำ ผมความจำเสื่อมจริงๆ”


มือที่เอื้อมมาทำเอาหญิงสาวตกใจ หล่อนถอยหลังกรูดแต่เจอโรมก็เดินเข้ามา ท่าทางอย่างนั้นทำให้คนที่กลัวอยู่แล้ว ตะคอก

“ออกไปนะ...ฉันบอกให้ออกไปยังไงละ”

“มีอะไรเกิดขึ้นบนเครื่องบิน ผมอยากรู้ ช่วยบอกผมหน่อย”
ท่าทางที่ก้าวเข้ามาทำให้ชาลิสากลัวสุดขีด หล่อนหลับตาปี๋ ยกแจกันขึ้นเหนือศีรษะก่อนจะทุ่มไปข้างหน้าจนสุดแรงเพื่อป้องกันตัว เนื่องจากอยู่ในระยะประชิดทำให้ชายหนุ่มหลบไม่ทัน เสียงแก้วกระทบเนื้อก่อนที่แจกันจะแตกกระจาย แต่พอลืมตาเห็นภาพตรงหน้าก็ยิ่งตกใจกว่าเดิม ชายหนุ่มตรงหน้ามีแผลแตกตรงศีรษะ เลือดสดไหลอาบใบหน้า

“คุณ...” หล่อนเอื้อมมือไปแต่แล้วหดกลับ ใจหนึ่งก็อยากจะช่วยห้ามเลือดเพราะมนุษย์ธรรม สุดท้ายก็ต้องตัดใจเพราะความกลัวมีมากกว่า” ฉันขอร้อง กลับไปก่อนเถอะนะ ฉันไม่พร้อมจะคุยอะไรทั้งนั้นในตอนนี้ ถ้าคุณยังดื้ออีกฉันจะโทรแจ้งตำรวจ”

ชาลิสาหยิบโทรศัพท์บ้านขึ้นมาเพื่อขู่ และเห็นความลังเล เขายกมือกุมขมับคล้ายกำลังปวดศีรษะในเสี้ยววินาทีนั้นเองที่หญิงสาวรีบผลักชายหนุ่มออกไป คงเพราะมีบาดแผลที่ศีรษะเขาถึงไม่มีเรี่ยวแรงขัดขืน สุดท้ายหญิงสาวก็ทำสำเร็จ เมื่อปิดประตูลงหญิงสาวก็ทรุดตัวลงกับพื้นพร้อมกับปิดหน้าร้องไห้



“คิดยังไงถึงบุกเข้าไปในบ้านคนอื่นยามวิกาลแบบนี้”

อัลเบิร์ตบ่นด้วยความหงุดหงิดระหว่างที่ช่วยทำแผลให้กับเจอโรม เขาตกใจตอนที่เห็นชายหนุ่มเดินเลือดอาบออกมา จากตึก แม้จะพยายามบังคับให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลแต่พ่อหนุ่มหัวดื้อก็ไม่ยอม สุดท้ายจึงต้องพากลับมาบ้าน โชคดีที่บาดแผลไม่ลึกนักแต่กระนั้นก็ยังต้องใช้ผ้าก๊อซปิดแผลเอาไว้

“ผมไม่คิดว่า เธอจะตกใจขนาดนี้”


“ใครไม่ตกใจสิแปลก อยู่ๆ มีผู้ชายบุกเข้าไปในบ้าน นี่ดีแค่ไหนแล้วที่เธอไม่เอาปืนไล่ยิงคุณ” อัลเบิร์ตจอดรถรออยู่พักหนึ่ง แต่จู่ๆ นึกสังหรณ์ใจจึงตามขึ้นไปดู แต่พอเห็นสภาพเจอโรมเลือดอาบก็ตกใจมาก

“เธอคงไม่ใจร้ายอย่างนั้นหรอกมั้ง”
“แล้วคุณจำได้หรือว่า เธอเป็นใคร”
สิ่งที่อัลเบิร์ตไม่เข้าใจก็คือ เพราะอะไรเจอโรมถึงมุ่งมั่นกับการติดตามหญิงสาว นับตั้งแต่โรงละครจนถึงที่พัก หญิงสาวคงตกใจเพราะคิดว่า เจอโรมจะทำร้ายเพราะขนาดเขาเองยังคิดว่า ชายหนุ่มจะทำมิดีมิร้ายหญิงสาว

“ผมคิดว่า เคยรู้จักเธอ”

“นักศึกษาคนนั้นนะหรือ”

พ่อบ้านอาวุโสจอดรถรออยู่ใกล้ๆ โรงละคร เขาจึงเห็นตั้งแต่เจอโรมวิ่งไล่ตามหญิงสาวขึ้นไปบนที่พักด้วยความเป็นห่วงจึงถือโอกาสรีบตามขึ้นไป

“ผมรู้สึกคุ้นหน้าเธอ”

“แต่เธอไม่ใช่สเปคคุณ และผมไม่เคยเห็นคุณควงเธอมาก่อน”

“นี่คุณรู้จักแฟนผมหมดทุกคนเลยงั้นหรืออัลเบิร์ต”

พ่อบ้านอาวุโสหลุบตาลง นิโคลัสเป็นห่วงลูกชายที่ใช้ชีวิตเสเพลจึงให้เขาช่วยสอดส่องดูแล แม้จะไม่พอใจพฤติกรรมของเจอโรมแต่หน้าที่เขาก็คือ ดูแลเรื่องความปลอดภัยให้กับอีกฝ่าย หลายครั้งที่พ่อบ้านรู้สึกเบื่องานนี้เหลือเกิน แต่บุญคุณค้ำคอเลยเลี่ยงไม่ได้
“มันเป็นหน้าที่ผม พ่อคุณสั่งเอาไว้ แต่ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนั้นมาก่อน สาบานได้ คู่ควงคุณส่วนใหญ่ไม่ก็นางแบบ หรือไม่ก็พวกดารา แต่ไม่มีนักศึกษา คุณเคยบอกว่า พวกนี้น่ารำคาญ จ้องแต่จะรีดไถเงิน”

“คุณรู้เรื่องส่วนตัวผมเยอะกว่าที่คิด”
“แต่ถ้าคุณอยากรู้ว่า เธอเป็นใคร ผมมีวิธีที่ดีกว่าการบุกรุกบ้านคนอื่น”
“คุณช่วยผมได้ใช่ไหม”
เจอโรมพูดด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย สีหน้ายามนี้เหมือนเด็กได้ของเล่น อัลเบิร์ตขมวดคิ้ว ไม่เคยเห็นชายหนุ่มในมุมนี้มาก่อน บางอย่างเปลี่ยนไปแล้วจนอัลเบิร์ตแทบตั้งรับไม่ทัน ทั้งความชอบ แม้แต่ปฏิกิริยากับสิงเล็กๆ น้อยๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขามั่นใจว่า หากพอใจผู้หญิงคนไหน เจอโรมคงใช้กำลังหักหาญเป็นแน่ แม้วันต่อมาจะมีเรื่องยุ่งยากเมื่อหญิงสาวซึ่งเป็นเจ้าทุกข์โวยวายว่าจะแจ้งความแต่นักแข่งรถหนุ่มก็จะลอยตัวอยู่เหนือปัญหาทุกๆ อย่าง ปล่อยให้ผู้จัดการส่วนตัวจัดการเรื่องวุ่นวายทั้งหมดจนเงียบไปในที่สุด

“ถ้าอยากรู้ชื่อและแบคกราวน์นิดหน่อย ผมคิดว่า พอหาข้อมูลให้ได้ แต่คุณต้องสัญญามาก่อนว่า จะไม่ทำอะไรที่ไม่ให้เกียรติเธอ”

“ผมสาบานได้อัลเบิร์ต ผมแค่อยากรู้จักเธอ บางทีผมอาจจะจำอะไรได้มากขึ้น”
“เธอคนนั้นมาเกี่ยวอะไรกับความทรงจำของคุณด้วย”


“เกี่ยวสิ เพราะเธอคือ ผู้หญิงคนเดียวที่ผมรู้สึกคุ้น ตั้งแต่ผมฟื้นขึ้นมา ผมเหมือนไม่รู้จักใครเลย แต่ผมเห็นเธอที่โรงพยาบาล และก็ที่โบสถ์เมื่อวานนี้ ผมคิดว่า เราสองคนเคยรู้จักกัน และบางทีผมอาจจะจำอดีตได้”

“คุณจะอยากรู้อดีตไปทำไม มันไม่มีอะไรน่าจดจำหรอก” อัลเบิร์ตค่อน


“ผมรู้ว่า ผมเคยเป็นคนไม่ดี ผมคงย้อนกลับไปแก้ไขอดีตของตัวเองไม่ได้ แต่ผมอยากรู้เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้มันเกิดซ้ำเดิมอีก ผมจะเป็นเจอโรมคนใหม่ ไม่เชื่อคอยดูก็แล้วกัน”


ชายหนุ่มต้องพักฟื้นอยู่บ้านอีกหลายวันกว่าแผลที่ศีรษะจะหายจากการอักเสบ อัลเบิร์ตบังคับให้เขาไปหาหมอในวันรุ่งขึ้น โชคดีที่แผลไม่ลึกมากแต่กระนั้นนายแพทย์จอห์นก็ยังจับชายหนุ่มไปเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมองอีกครั้ง ขึ้นตอนการตรวจยุ่งยากกว่าเดิมเพราะต้องตรวจอย่างละเอียด และตามด้วยการตรวจคลื่นสมอง ผลทั้งหมดออกมาเป็นที่น่าพอใจแพทย์จึงอนุญาตให้กลับบ้าน

พ่อบ้านอาวุโสไม่ยอมให้ออกไปตะลอนข้างนอก เจอโรมจึงฆ่าเวลาด้วยการทำกายภาพบำบัดและว่ายน้ำ นายแพทย์จอห์นบอกว่า กล้ามเนื้อของเขากำลังฟื้นฟูกลับมา คงใช้เวลาอีกหนึ่งเดือนถึงจะใกล้เคียงกับเดิม เขาถูกส่งไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การกีฬาเพื่อเตรียมสำหรับการออกกำลังกายที่หนักขึ้น ฟื้นฟูกล้ามเนื้อมัดที่จำเป็นในการแข่งรถ

การเป็นนักแข่งรถมืออาชีพสิ่งสำคัญที่สุดคือ สายตา สมองตลอดจนความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ แพทย์จะค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักตรงแขนข้างที่หักเพื่อสร้างความยืดหยุ่นก่อนเตรียมความพร้อมด้านอื่นๆ เจอโรมเพิ่งอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเสร็จ ตอนที่อัลเบิร์ตเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับแฟ้มเอกสาร สีหน้าเขาทำให้เดาได้

“นี่ของที่คุณต้องการ”

เจอโรมเปิดเอกสารด้านในออกดู ภายในมีรูปถ่ายพร้อมใบสมัครเข้าเรียนดนตรีในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เขาเดาไม่ผิดว่า หญิงสาวมาเรียนดนตรีในออสเตรีย แต่นึกไม่ถึงว่า ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้กลับมีความสามารถล้นเหลือ พรสวรรค์ของเด็กหญิงเริ่มต้นตั้งแต่อายุได้สี่ขวบ หล่อนเริ่มหัดเล่นไวโอลิน ชายหนุ่มเห็นคลิปวีดีโอไวโอลินหลายอันด้วยกัน ตั้งแต่เด็ก หญิงสาวมีชื่อวา ชาลิสา ชื่อเล่นว่า ชาร์ลอต

“เธอเป็นคนไทยอย่างนั้นหรือ”

“ใช่...ลูกครึ่ง พ่อเป็นออสเตรีย มารดาเป็นคนไทย แต่โตมาด้วยการเลี้ยงดูของแม่”
เพราะเหตุนี้สีตาของหญิงสาวถึงได้แปลกกว่าคนอื่นเพราะเชื้อสายนั่นเอง เจอโรมชอบตาของชาลิสา ซึ่งเป็นสีควันบุหรี่ ให้ความรู้สึกลึกลับและก็เศร้าสร้อยไปในคราวเดียว
“เธอเคยได้แชมป์ไวโอลินตั้งแต่อายุ 10 ขวบ”
“แล้วทำไมเธอถึงไม่เดินสายนี้ต่อ”

“ก็เพราะแม่ของเธอทำงานหนัก เพื่อส่งเสีย การเดินทางไปแข่งที่ต่างประเทศต้องใช้ทุนทรัพย์มาก และเธอเองก็ไม่ได้เรียนไวโอลินกับสถาบันดนตรีที่มีงบด้านนี้ให้ ครูที่สอนเธอเคยเป็นแชมป์แต่ตอนนี้เลิกเล่นไวโอลินไปแล้ว ชาลิสาจึงตัดสินใจที่จะไม่ประกวดต่อ”
ชายหนุ่มพลิกดูรูปถ่ายของหญิงสาวในวัยเด็ก หล่อนยิ้มให้กล้อง แต่สิ่งที่เห็นอยู่เสมอๆ ผ่านทางแววตาคือ ความเศร้า

“น่าเสียดาย คนมีพรสวรรค์”

“เธอถึงได้มุ่งมั่นของทุนมาเรียนต่อที่ออสเตรีย โดยพักอยู่กับป้า ก็อะพาร์ตเมนต์ที่คุณไปโดนตีหัวจนเลือดอาบมายังไงล่ะ”

“เธอมีป้าอยู่ที่นี่ด้วยหรือ”

“พี่สาวแท้ๆ ของพ่อ เป็นคนเอื้อเฟื้อที่พักและอาหาร เธอไม่มีเพื่อนสนิทและชอบไปไหนมาไหนเพียงคนเดียว ที่สำคัญเธอยังไม่มีแฟน”


เจอโรมเหลือบมองพ่อบ้านอาวุโสครู่หนึ่ง เห็นแววตาล้อเลียนอยู่ในนั้น
“ข้อมูลคุณละเอียดจริงๆ”

“ก็เผื่อคุณอยากรู้”

“คุณไม่กลับว่า ผมจะปล้ำเธองั้นหรือ” เจอโรมพูดติดตลก แต่อัลเบิร์ตกลับโต้ว่า
“ผมว่า ดูจากบาดแผลเมื่อหลายวันก่อน ผู้หญิงคนนี้มีพิษสงพอตัวทีเดียว เธอคงไม่ยอมให้คุณเป็นฝ่ายกระทำแน่ เผลอๆ ผมอาจจะต้องหามคุณส่งโรงพยาบาลในคราวหน้าหรือไม่ก็เตรียมตัวจัดงานศพไปเลย” พ่อบ้านอาวุโสเย้า

“นี่คุณอยู่ข้างผมหรือเธอกันแน่”

“ผมอยู่ข้างคนดีต่างหาก ผมหาข้อมูลทุกอย่างให้แล้ว ที่เหลือก็แล้วแต่ว่า คุณจะทำยังไงต่อไปแต่ถ้าคุณทำอะไรที่เป็นการไม่ให้เกรียติผู้หญิงเหมือนที่เคยทำกับลูกสาวผมละก็ ผมจะแพ่นกบาลคุณให้แตกอีกแผลหนึ่งเอง”

แม้จะเป็นคำพูดเรียบๆ แต่เจอโรมก็มองออกว่า อัลเบิร์ตพูดจริงไม่ได้ขู่ เขาส่ายหน้า
“พอเลย ผมไม่อยากถูกคุณหมอจอห์นส่งเข้าอุโมงค์อีกแล้ว ผมรู้สึกเหมือนตัวเองถูกส่งออกไปนอกอวกาศยังไงไม่รู้”

เจอโรมหมายถึง เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ พักนี้เขาต้องถูกส่งเข้าเครื่องที่ว่า บ่อยเกินไปเสียแล้ว ถ้าเลือกได้ชายหนุ่มไม่อยากไปโรงพยาบาลอีกด้วยซ้ำ


“อ้อ...มีอีกอย่างที่คุณควรรู้ไว้ เกี่ยวกับชาลิสา...สาเหตุที่คุณบอกว่า คุณกับเธอผมคิดว่า เป็นเพราะตอนนั่งเครื่องบินกลับจากเมืองไทย คุณเคยนั่งติดกับเธอบนเครื่อง...”

ความทรงจำบางอย่างผุดขึ้นแต่เพียงแว็บเดียว ที่เจอโรมรู้สึกเหมือนกำลังดูภาพยนตร์อยู่ในหัว ภาพทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เขาเห็นหญิงสาวเดินตรงมาหา แอร์โฮสเตสโอบไหล่และพาหล่อนมานั่งข้างๆ เพียงไม่นานหล่อนก็เผลอหลับ...ภาพทุกอย่างพร่าเลือน จนชายหนุ่มไม่แน่ใจว่า มันคือ จินตนาการหรือ ความทรงจำกันแน่ เจอโรมอึ้งรู้สึกราวกับคนละเมอ
“คุณ...คุณ..ได้ยินที่ผมพูดหรือเปล่า”

“คุณว่าอะไรนะ” เจอโรมถามย้ำ

“เมื่อครู่นี้ที่ผมพูดเสียยาว คุณไม่ได้ยินเลยงั้นหรือ”

“ขอโทษทีอัลเบิร์ต ผมคงสับสนนิดหน่อย จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนฝัน”

“นี่คุณจำอะไรได้แล้วหรือ”

“ยัง..ผมแค่พยายามนึกว่า มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบเดียวกับที่คุณเล่าหรือเปล่า แต่ก็ยังนึกไม่ออก มันเหมือนฝันๆ ยังไงก็ไม่รู้ แต่ถ้าผมจำได้เมื่อไหร่ รับรองว่า จะบอกคุณคนแรกเลย"






tangtangmeow
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ต.ค. 2560, 15:04:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ต.ค. 2560, 15:04:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 807





<< บทที่ ๔ ผู้หญิงที่คุ้นเคย   บทที่ ๖ โอกาสที่สอง >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account