นาฬิกาทรายหวนคืน (Yaoi) - จบ
เมื่อคนรักกลับจำเขาไม่ได้จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น แต่อุบัติเหตุนั้นไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา สิ่งที่แก้ไขได้มีเวลาเพียงสามเดือนเพื่อฟื้นฟูความจำให้กลับมา ซึ่งความทรงจำที่หายไปมาควบคู่กับอาการประหลาดที่เกิดขึ้น และอาจจะไม่มีชีวิตอยู่รอดก่อนที่จะครบสามเดือนความเสี่ยงที่จะย้อนเวลากลับอดีตนั้น จะช่วยให้ความทรงจำกลับมาได้ไหม แล้วคนในอดีตตามมาปัจจุบันทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากเพียงใด สิ่งที่ตามจัดการพวกเขาในเงามืดอยู่นั้นเกิดขึ้นเพราะใครทำไมต้องทำเช่นนี้
เรื่องนี้เป็นภาคต่อจาก ช่องว่างเวลาแห่งรัก ความรักที่เกิดจากการข้ามผ่านกาลเวลา
แต่ฟ้ากลับเล่นตลกเหมือนเป็นบททดสอบว่ารักกันจริงหรือไม่
เรื่องนี้เป็นภาคต่อจาก ช่องว่างเวลาแห่งรัก ความรักที่เกิดจากการข้ามผ่านกาลเวลา
แต่ฟ้ากลับเล่นตลกเหมือนเป็นบททดสอบว่ารักกันจริงหรือไม่
Tags: นิยายรัก อดีต ปัจจุบัน อนาคต นาฬิกาทราย นิยายวาย BL Yaoi
ตอน: ความหวังยังไม่หมดไป
สิ่งที่อินได้ข้อมูลเกี่ยวกับเอกเพิ่มมาจากจิ๋วนั้น ทำให้เขาได้คิดอะไรบางอย่างออก จึงปล่อยให้จิ๋วอยู่กับเอกเพียงสองคน ส่วนตัวของเขานั้นกลับบ้านโดยให้นนท์เป็นคนขับรถ
"จิ๋ว คนที่ชื่ออินเขาไปไหน"
เอกเห็นจิ๋วกลับเข้ามาคนเดียว ส่วนนนท์พอไม่เห็นเจ้านายของตนก็ออกไปอีกคน โดยไม่มีใครพูดอะไรสักคำทำให้เขาอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้และแอบคิดในใจว่าคนพวกนี้สื่อสารกันทางจิตหรือไงถึงไม่พูดอะไรออกมาเลย
"กลับบ้านนะ" จิ๋วยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี
"แล้วเธอคุยอะไรกับเขา" เอกหรี่ตาสงสัยว่าเพื่อนของเขาปิดบังอะไรอยู่กันแน่
"ไม่มีอะไร ฉันกำลังหาข้อมูลเรื่องงานให้พี่นนท์นะ" จิ๋วอธิบายในสิ่งที่เธอโกหกโดยยกนนท์แฟนหนุ่มมาอ้าง เอกมองจิ๋วด้วยสีหน้าที่นิ่งและกำลังจับผิดเพื่อนรักที่โกหกไม่เนียน
"ไม่เอาน่าเอก นายก็รู้ว่าพี่นนท์เขาพึ่งสร้างบริษัทใหม่ แล้วคุณอินก็เป็นนักธุรกิจชื่อดัง ฉันก็จะหาข้อมูลให้แฟนฉันมันผิดหรือไง" เอกขมวดคิ้วคิดตามที่จิ๋วพูด ก็จริงอย่างที่จิ๋วว่าเขารู้ว่านนท์กับจิ๋วกำลังก่อร่างสร้างตัวเหมือนข้าวใหม่ปลามัน หลังจากแต่งงานกันไปได้ไม่นานแต่เรื่องแบบนี้ทำไมนนท์ไม่ถามอินเองล่ะให้จิ๋วถามให้ทำไม
"อืม เชื่อก็ได้ว่าไม่มีอะไร" เอกจำยอมเชื่อตามที่จิ๋วพูดแต่ยังคงเก็บคำถามเอาไว้เพราะเขายังสงสัยอีกมาก
"มากินข้าวเถอะ จะได้ทานยาเนอะ" จิ๋วส่งยิ้มกลับแล้วลากอาหารมาให้เอกทาน เอกจึงสลัดความคิดต่างๆ ออกไปและหันมาสนใจอาหารตรงหน้าแทน
ทางด้านของอินที่กลับบ้านมากับนนท์นั้น เขาไม่ได้ตรงมาที่บ้านของเขาแต่ไปที่บ้านของนินและได้รีบขึ้นห้องทำงานของนินทันทีที่มาถึง เขาเคยถามนินเรื่องแบบแปลนบ้านว่ามีอยู่ไหมเก็บไว้ที่ไหน ตอนนี้เขาต้องการนำมาใช้เพื่อสร้างบ้านขึ้นมาใหม่จะให้ทุ่มเงินเท่าไหร่ก็ยอมเพียงเพื่อให้บ้านเหมือนเดิมทุกอย่าง และที่สำคัญต้องเสร็จให้ทันภายในหนึ่งเดือนเป็นอย่างมาก นินเคยบอกว่าใช้เวลามากสุดสามเดือนเขาจะทุ่มสุดตัวเพื่อให้ได้บ้านกลับมาเหมือนเดิมภายในเดือนเดียว
"อยู่นี่เอง" อินได้ค้นเอกสารในตู้เก็บเอกสาร เขาได้เห็นกระดาษที่เหมือนแปลนบ้านม้วนไว้อยู่จึงคิดว่าต้องเป็นอันนี้อย่างแน่นอน
"ต้องทำอย่างไรต่อดี" อินลืมคิดไปว่าเราไม่มีความสามารถด้านนี้ ถ้าทำพลาดขึ้นมาจะเป็นยังไงเขาไม่ต้องเสียเวลาเปล่าหรือไง
"ก๊อก ก๊อก" เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบนความสนใจของเขาทันที
"ผมขอเข้าไปได้ไหมครับ" นนท์ถามคนข้างใน
"เข้ามาได้" อินได้ตะโกนออกไปให้นนท์ได้ยิน พอเขาพูดจบก็หันไปสนใจแปลนบ้านตรงหน้าของเขาต่อ
"คุณอินครับมีอะไรให้ผมช่วยไหม เอ๋! นี่เป็นแปลนบ้านของคุณนี่ครับ" นนท์เป็นห่วงว่าอินอาจต้องการความช่วยเหลือ เขาทำงานกับอินมานานพอที่จะรู้ว่าเจ้านายนั้นต้องการอะไรและกังวลใจเรื่องอะไร
"ใช่ ฉันกำลังคิดว่าจะสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมาใหม่" อินตอบนนท์แต่สายตาไม่ละออกจากแปลนบ้าน
"ขึ้นมาใหม่เหรอครับ ทำไมครับ" นนท์สงสัยจึงถามขึ้น
"ถ้าเอกจำเรื่องบ้านได้แสดงว่าความทรงจำระหว่างฉันกับเอกยังไม่หมดไปเลยทีเดียว" อินเริ่มพูดสิ่งที่เขาคิดอยู่
"แต่ใช้เวลานานพอสมควรเลยนะครับ ผมได้ยินคุณท่านเคยบ่นให้ฟังตอนที่บ้านโดนระเบิดไปนะครับ" นนท์จำได้ว่านินนั้นเคยบ่นให้เขาฟังว่าจะสร้างใหม่คงใช้เวลานานและสร้างไม่ได้อีกแล้วด้วย
"แต่ฉันต้องสร้างให้เสร็จภายในหนึ่งเดือนถ้าได้เร็วกว่านั้นยิ่งดี มันไม่มีเวลาแล้ว" อินก้มหัวลงเขาหลับตาแน่นด้วยความเครียด
"ภายในหนึ่งเดือนเหรอครับ มันยากมากนะครับ" นนท์อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาเพราะมันยากเกินไปที่จะให้สิ่งก่อสร้างที่มันหายไปแล้ว กลับมาเหมือนเดิมทุกอย่าง
"รู้อยู่แล้วน่า!" อินหงุดหงิดใจกับสิ่งที่รู้ว่ามันยาก แต่ต้องทำให้ได้จึงเผลอตะคอกใส่นนท์โดยไม่รู้ตัว
"ครับ ครับ" นนท์พยักหน้าเข้าใจความรู้สึกเครียดของเจ้านายและไม่คิดโกรธเลยแม้แต่น้อย
"ขอโทษนะ ฉันเครียดไปหน่อย นายพอจะช่วยเรื่องนี้ได้ไหม พอดีฉันไม่มีความรู้ในการสร้างบ้านไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มจากตรงไหนก่อน" อินหันไปมองหน้านนท์ด้วยสายตาที่ตึงเครียดแต่น้ำเสียงไปในทางอ้อนวอน
"ครับ คุณอินไม่รองปรึกษาคุณไมเคิลดูหล่ะครับ รายนั้นเขาทั้งสร้างบริษัทมาด้วยกันกับคุณนินและยังรู้เรื่องบ้านของคุณอินทั้งหมดเลยนะครับ ไม่แน่เขาอาจจะรู้เกี่ยวกับการสร้างบ้านให้เหมือนเก่าก็ได้นะครับ" นนท์นึกถึงไมเคิลขึ้นมาทันทีเพราะเขารู้มาว่านินกับไมเคิลสร้างบริษัทมาด้วยกันและไม่เพียงแค่นั้นยังเป็นเพื่อนสนิทกันอีกด้วย
"จริงสิ นายติดต่อให้ฉันหน่อยนะ ไม่ต้องล่ะ พวกเราไปหาเขาที่บ้านกันเลยดีกว่า นายรู้จักบ้านเขาใช่ไหม" อินยิ้มอย่างดีใจ ทำไมเขาถึงลืมเพื่อนซี้ของน้องชายไปได้ จึงคิดว่าให้นนท์ติดต่อให้แต่เกิดร้อนใจขึ้นมาจึงเปลี่ยนไปหาเองที่บ้านน่าจะดีกว่า อินรีบเก็บของทันทีเพื่อเตรียมไปหาไมเคิล
"รู้จักครับ เดี๋ยวผมขับรถไปให้ครับ" นนท์พยักหน้ารับและทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย
เมื่อนนท์พาอินมาที่บ้านของไมเคิลซึ่งไม่ห่างไกลจากบริษัทที่อินทำงานมากนัก เพราะไมเคิลเป็นหุ้นส่วนสำคัญของบริษัทของอินจึงไม่แปลกที่จะปลูกบ้านใกล้บริษัทที่เขาและนินร่วมกันสร้างมาตั้งแต่ยังหนุ่ม เมื่อนนท์ขับรถมาถึงประตูทางเข้าบ้าน สิ่งที่อินเห็นคือปราสาทไม่ใช่บ้านเพราะมันใหญ่มาก เหมือนอยู่กันหลายครอบครัวเมื่อเทียบกับเขาและนินแล้วชิดซ้ายเลยทีเดียวต่างกันอย่างลิบลับ
"เดี๋ยวผมลงไปกดออดหน้าบ้านก่อนนะครับ" นนท์ลงไปกดออดหน้าบ้านของไมเคิลและรอให้คนมาเปิดประตู เพียงไม่นานมีสาวใช้เดินมาที่ประตูต้อนรับพวกเขา
"มาหาใครคะ" เธอได้ถามนนท์ที่ยืนมองเธออยู่
"ผมมาหาคุณไมเคิลนะครับ" นนท์ยิ้มตอบให้กับเธอ
"ค่ะ เชิญเข้าได้เลยค่ะ" เธอตอบนนท์พร้อมกับเปิดประตูใหญ่ให้นนท์ขับรถเข้าไปข้างในได้ นนท์จึงเดินกลับขึ้นรถเพื่อขับรถเข้าไปจอดข้างในบ้าน
เมื่อนนท์จอดหน้าประตูทางเข้าบ้านให้อินลงได้สะดวกเขาจึงปล่อยให้อินลงไปก่อน ส่วนเขานั้นนำรถไปจอดที่โรงจอดรถสำหรับแขก และอินได้เดินตามสาวใช้เข้าไปข้างในเพื่อไปหาไมเคิลตามที่เขาต้องการ
"เชิญนั่งก่อนนะคะ" สาวใช้ได้พาอินมานั่งที่โซฟา
"ไม่ทราบว่าจะให้ดิฉันเรียนคุณท่านว่าใครมาพบค่ะ" เธอได้ถามเพื่อจะได้ไปบอกคุณท่านของเธอได้ถูก
"ผมอินทราครับ" อินจึงแนะนำตัวอย่างเป็นทางการให้กับสาวใช้ตรงหน้า
"ค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะไปเรียนคุณท่านให้ค่ะ" เธอพูดจบได้ก้มหัวเดินออกไป พอสักพักมีสาวใช้อีกคนนำน้ำมาเสิร์ฟให้อินดื่มเพื่อรอไมเคิล
เวลาผ่านไปไม่กี่นาทีนนท์ที่จัดการกับรถเสร็จได้เดินเข้ามาหาอินทันที
"คุณไมเคิลยังไม่มาเหรอครับ" นนท์มานั่งข้างอินและถามอินขึ้นเพราะเขาไม่เห็นไมเคิล
"ยังเลย" อินขมวดคิ้วด้วยความร้อนใจ
"คุณอินมาพบผมมีธุระอะไรครับ" เสียงทุ้มและต่ำของไมเคิลดึงคนทั้งสองหันมามองต้นเสียง
"สวัสดีครับ" อินและนนท์ยกมือไหว้ชายชราที่กำลังเดินมานั่งที่โซฟา โดยมีสาวใช้ช่วยพยุงเขาให้นั่งลงอย่างนุ่มนวล
"อืม" ไมเคิลแค่ยกมือขึ้นเท่านั้นเป็นการบอกเป็นนัยว่าตามสบาย
"คุณไมเคิลครับผมต้องการปรึกษาเรื่องสร้างบ้านในอดีตของผมให้กลับมาเหมือนเดิม ผมควรทำอย่างไรครับ" อินไม่รอช้ารีบพูดสิ่งที่เขาต้องการทันที
"บ้านในอดีต? " ไมเคิลงงเล็กน้อยกับคำนี้
"ผมขอโทษครับที่ผมพูดไม่ค่อยชัดเจน พอดีผมร้อนใจไปนิด" อินรีบแก้คำและขยายความทันทีเขาตื่นเต้นและร้อนใจมากเกินไปเลยพูดไม่ชัดเจนทำให้คนตรงหน้าเกิดอาการงง
"นี่ครับแปลนบ้านที่ผมต้องการสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้งครับ" อินรีบหยิบแปลนบ้านที่ติดตัวมาให้ไมเคิลดูทันที ไมเคิลให้สาวใช้หยิบมาให้เขาดูให้ใกล้กว่าเดิม เขาได้พิจารณาด้วยสีหน้าที่นิ่ง ทั้งอินและนนท์รอลุ้นว่าไมเคิลจะพูดอะไรออกมาบ้าง
"แปลนนี้นี่เอง ผมจำได้ เพราะผมกับนินเป็นคนช่วยกันเขียนขึ้นมา เป็นแปลนบ้านที่ผมไม่คิดจะลืมเลยเเม้แต่นิดเดียว"
ไมเคิลนึกย้อนอดีตที่ตนและเพื่อนรักได้สร้างสิ่งนี้ขึ้น โดยมีพื้นฐานจากความต้องการของนินที่ต้องการให้เหมือนบ้านพี่ชายของเขา ที่ไมเคิลนิ่งไปนั้นไม่ใช่อะไร เพียงแต่คิดถึงเพื่อนที่จากไปแล้วไม่หวนกลับมาเท่านั้นเอง
"ครับ คุณช่วยแนะนำการสร้างบ้านนี้ขึ้นมาใหม่ได้ไหมครับ ผมขอร้อง" อินก้มหัวพร้อมกับพนมมือขอร้องไมเคิลทันที ไมเคิลมองและยิ้มกับท่าทางของอิน ส่วนนนท์เห็นเจ้านายทำจึงทำตามด้วย
"หึ ทำไมผมต้องช่วย" ไมเคิลยกยิ้มอย่างคนมีเชิงเขาอยากรู้เหตุผลของชายตรงหน้าของเขา
"มีเวลาแค่สามเดือนเท่านั้นครับ ที่จะให้เอกคนรักของผมจำผมได้" อินพยายามอธิบายเหตุผลด้วยความยากลำบาก กว่าจะพูดออกมาได้นั้นเขาต้องกลั่นออกมาจากใจเพราะเขายังไม่อยากยอมรับว่าเกิดเรื่องแบบนี้กับคนรักของเขานั้นเอง
"เอกอีกแล้วเหรอ เมื่อก่อนนินก็เคยขอร้องแบบนี้แต่คนละอย่างกัน คราวที่แล้วทำเพื่อคุณด้วย แต่คราวนี้แค่คนเดียว" ไมเคิลเขารู้ว่าอินและนินรักคนคนเดียวกัน แต่ความรักในครั้งนี้นินสละให้และทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี แล้วทำไมครั้งนี้อินกลับมาหาเขาด้วยตนเองและขอให้ทำเพื่อคนรักของเขา ไมเคิลจึงอยากรู้เหตุผลเพิ่ม เพราะครั้งก่อนเขาทำเพื่อนินที่เป็นเพื่อนรักแต่เมื่อไม่มีนินแล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่เขาต้องช่วย นอกจากมีเหตุผลอะไรที่ทำให้เขาเปลี่ยนใจได้
"ผมขอร้องครับ ผมไม่รู้ว่าจะไปพึ่งใครให้ช่วยเรื่องนี้นอกจากคุณ เอกโดนยาของชายแปลกหน้าและที่สำคัญคนนี้เป็นคนทำให้นินตายเพราะหัวใจวายเฉียบพลัน มันจะเป็นเหตุผลพอไหมครับที่จะให้คุณช่วยผม" เอกรู้ว่าไมเคิลนั้นถ้าไม่มีเหตุผลที่ดีพอเขาจะไม่ยอมทำให้ ยิ่งเป็นคนที่ไม่รู้จักคงหมดสิทธิ์ที่จะให้เขาช่วย
"เกิดอะไรขึ้นกันแน่ คุณเล่าทั้งหมดให้ผมฟังอย่างละเอียด ห้ามตกหล่นเด็ดขาด! " เมื่อไมเคิลได้ยินสิ่งที่อินพูดและเกี่ยวข้องกับเพื่อนรักของเขาด้วยทำให้เขาขมวดคิ้วใช้ความคิดทันที
"ครับ"
อินได้เริ่มต้นเล่าทุกอย่างในวันที่ชายปริศนาคนนั้นโทรมา อินจดจำได้หมดทุกคำพูดจึงสามารถเล่าทุกอย่างออกมาให้ไมเคิลฟังได้โดยง่ายดายโดยไม่มีตกหล่น เมื่อสิ้นเสียงของอินไมเคิลได้พิงหลังกับโซฟาตัวใหญ่และขมวดคิ้วใช้ความคิด
"ผมได้นำเบอร์ที่โทรเข้ามา ให้ตำรวจที่เป็นเพื่อนนินดูแล้วครับ พวกเขาได้ตรวจสอบแต่ว่าไม่สามารถรู้ได้เพราะเป็นโทรศัพท์มือถือที่ใช้แล้วทิ้งและอีกอย่างโทรมาจากต่างประเทศ ยิ่งเช็คยากเข้าไปอีก จึงไม่สามารถจับตัวการได้ว่าเป็นใครครับ" เป็นอีกเรื่องที่อินเครียดเพราะเขาไม่สามารถจับตัวการที่ทำร้ายคนรักและฆ่าน้องชายของเขาได้มันทำให้อินจนมุมจึงต้องหาคนช่วยอีกแรง
"เรื่องชายปริศนาคนนั้นผมขอจัดการเอง ผมรู้จักกับตำรวจนายนั้นที่คุณพูดถึง เพราะเขาเป็นญาติของผมเอง ตอนนี้คุณจัดการเรื่องคนรักของคุณต่อได้ตามสบาย" ไมเคิลพูดกับอินด้วยดวงตาที่คาดเดายากว่าคิดอะไรอยู่ แต่จากสายตาที่อินมองเหมือนไมเคิลกำลังโกรธและแค้นคนที่เป็นตัวการให้นินจากไปก่อนวัยอันควรโดยที่ไม่มีใครรู้
"ตอนนี้ผมควรทำอย่างไรครับ ช่วยแนะนำผมด้วยครับ" อินถามอีกครั้งเพราะเขาไม่แน่ใจว่าต้องเริ่มจากตรงไหนก่อน
"ต้องรีบสร้างบ้านให้กลับมาเหมือนเดิม เอาอย่างนี้นะครับผมจะช่วยอีกแรงจะได้เสร็จทันเวลาที่คุณต้องการ" ไมเคิลได้เสนอตัวที่จะช่วยให้อิน
"ผมขอให้เสร็จภายในหนึ่งเดือนจะเป็นการขอมากไปไหมครับ" อินต้องการให้เร็วกว่าที่พูดด้วยซ้ำไปแต่รู้ว่าไม่สามารถเป็นไปได้
"หึ เร็วกว่านี้ยังได้ สองอาทิตย์เป็นยังไง ผมจะให้ผู้ชำนาญด้านนี้มาช่วยอีกครั้ง" ไมเคิลได้ยกยิ้มอย่างมีเชิง เรื่องแบบนี้ทำไมเขาจะทำไม่ได้แค่มีเงิน มีแรงงานที่ชำนาญการเพียงไม่นานก็เสร็จ
"จริงเหรอครับ ขอบคุณครับ" อินรู้สึกตื้นตันใจจนไม่สามารถหาอะไรมาแทนได้มากกว่าการขอบคุณ
"แต่ยังขาดอีกอย่าง" ไมเคิลหยุดพูดและมองหน้าอินด้วยสีหน้าที่นิ่ง
"จิ๋ว คนที่ชื่ออินเขาไปไหน"
เอกเห็นจิ๋วกลับเข้ามาคนเดียว ส่วนนนท์พอไม่เห็นเจ้านายของตนก็ออกไปอีกคน โดยไม่มีใครพูดอะไรสักคำทำให้เขาอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้และแอบคิดในใจว่าคนพวกนี้สื่อสารกันทางจิตหรือไงถึงไม่พูดอะไรออกมาเลย
"กลับบ้านนะ" จิ๋วยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี
"แล้วเธอคุยอะไรกับเขา" เอกหรี่ตาสงสัยว่าเพื่อนของเขาปิดบังอะไรอยู่กันแน่
"ไม่มีอะไร ฉันกำลังหาข้อมูลเรื่องงานให้พี่นนท์นะ" จิ๋วอธิบายในสิ่งที่เธอโกหกโดยยกนนท์แฟนหนุ่มมาอ้าง เอกมองจิ๋วด้วยสีหน้าที่นิ่งและกำลังจับผิดเพื่อนรักที่โกหกไม่เนียน
"ไม่เอาน่าเอก นายก็รู้ว่าพี่นนท์เขาพึ่งสร้างบริษัทใหม่ แล้วคุณอินก็เป็นนักธุรกิจชื่อดัง ฉันก็จะหาข้อมูลให้แฟนฉันมันผิดหรือไง" เอกขมวดคิ้วคิดตามที่จิ๋วพูด ก็จริงอย่างที่จิ๋วว่าเขารู้ว่านนท์กับจิ๋วกำลังก่อร่างสร้างตัวเหมือนข้าวใหม่ปลามัน หลังจากแต่งงานกันไปได้ไม่นานแต่เรื่องแบบนี้ทำไมนนท์ไม่ถามอินเองล่ะให้จิ๋วถามให้ทำไม
"อืม เชื่อก็ได้ว่าไม่มีอะไร" เอกจำยอมเชื่อตามที่จิ๋วพูดแต่ยังคงเก็บคำถามเอาไว้เพราะเขายังสงสัยอีกมาก
"มากินข้าวเถอะ จะได้ทานยาเนอะ" จิ๋วส่งยิ้มกลับแล้วลากอาหารมาให้เอกทาน เอกจึงสลัดความคิดต่างๆ ออกไปและหันมาสนใจอาหารตรงหน้าแทน
ทางด้านของอินที่กลับบ้านมากับนนท์นั้น เขาไม่ได้ตรงมาที่บ้านของเขาแต่ไปที่บ้านของนินและได้รีบขึ้นห้องทำงานของนินทันทีที่มาถึง เขาเคยถามนินเรื่องแบบแปลนบ้านว่ามีอยู่ไหมเก็บไว้ที่ไหน ตอนนี้เขาต้องการนำมาใช้เพื่อสร้างบ้านขึ้นมาใหม่จะให้ทุ่มเงินเท่าไหร่ก็ยอมเพียงเพื่อให้บ้านเหมือนเดิมทุกอย่าง และที่สำคัญต้องเสร็จให้ทันภายในหนึ่งเดือนเป็นอย่างมาก นินเคยบอกว่าใช้เวลามากสุดสามเดือนเขาจะทุ่มสุดตัวเพื่อให้ได้บ้านกลับมาเหมือนเดิมภายในเดือนเดียว
"อยู่นี่เอง" อินได้ค้นเอกสารในตู้เก็บเอกสาร เขาได้เห็นกระดาษที่เหมือนแปลนบ้านม้วนไว้อยู่จึงคิดว่าต้องเป็นอันนี้อย่างแน่นอน
"ต้องทำอย่างไรต่อดี" อินลืมคิดไปว่าเราไม่มีความสามารถด้านนี้ ถ้าทำพลาดขึ้นมาจะเป็นยังไงเขาไม่ต้องเสียเวลาเปล่าหรือไง
"ก๊อก ก๊อก" เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบนความสนใจของเขาทันที
"ผมขอเข้าไปได้ไหมครับ" นนท์ถามคนข้างใน
"เข้ามาได้" อินได้ตะโกนออกไปให้นนท์ได้ยิน พอเขาพูดจบก็หันไปสนใจแปลนบ้านตรงหน้าของเขาต่อ
"คุณอินครับมีอะไรให้ผมช่วยไหม เอ๋! นี่เป็นแปลนบ้านของคุณนี่ครับ" นนท์เป็นห่วงว่าอินอาจต้องการความช่วยเหลือ เขาทำงานกับอินมานานพอที่จะรู้ว่าเจ้านายนั้นต้องการอะไรและกังวลใจเรื่องอะไร
"ใช่ ฉันกำลังคิดว่าจะสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมาใหม่" อินตอบนนท์แต่สายตาไม่ละออกจากแปลนบ้าน
"ขึ้นมาใหม่เหรอครับ ทำไมครับ" นนท์สงสัยจึงถามขึ้น
"ถ้าเอกจำเรื่องบ้านได้แสดงว่าความทรงจำระหว่างฉันกับเอกยังไม่หมดไปเลยทีเดียว" อินเริ่มพูดสิ่งที่เขาคิดอยู่
"แต่ใช้เวลานานพอสมควรเลยนะครับ ผมได้ยินคุณท่านเคยบ่นให้ฟังตอนที่บ้านโดนระเบิดไปนะครับ" นนท์จำได้ว่านินนั้นเคยบ่นให้เขาฟังว่าจะสร้างใหม่คงใช้เวลานานและสร้างไม่ได้อีกแล้วด้วย
"แต่ฉันต้องสร้างให้เสร็จภายในหนึ่งเดือนถ้าได้เร็วกว่านั้นยิ่งดี มันไม่มีเวลาแล้ว" อินก้มหัวลงเขาหลับตาแน่นด้วยความเครียด
"ภายในหนึ่งเดือนเหรอครับ มันยากมากนะครับ" นนท์อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาเพราะมันยากเกินไปที่จะให้สิ่งก่อสร้างที่มันหายไปแล้ว กลับมาเหมือนเดิมทุกอย่าง
"รู้อยู่แล้วน่า!" อินหงุดหงิดใจกับสิ่งที่รู้ว่ามันยาก แต่ต้องทำให้ได้จึงเผลอตะคอกใส่นนท์โดยไม่รู้ตัว
"ครับ ครับ" นนท์พยักหน้าเข้าใจความรู้สึกเครียดของเจ้านายและไม่คิดโกรธเลยแม้แต่น้อย
"ขอโทษนะ ฉันเครียดไปหน่อย นายพอจะช่วยเรื่องนี้ได้ไหม พอดีฉันไม่มีความรู้ในการสร้างบ้านไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มจากตรงไหนก่อน" อินหันไปมองหน้านนท์ด้วยสายตาที่ตึงเครียดแต่น้ำเสียงไปในทางอ้อนวอน
"ครับ คุณอินไม่รองปรึกษาคุณไมเคิลดูหล่ะครับ รายนั้นเขาทั้งสร้างบริษัทมาด้วยกันกับคุณนินและยังรู้เรื่องบ้านของคุณอินทั้งหมดเลยนะครับ ไม่แน่เขาอาจจะรู้เกี่ยวกับการสร้างบ้านให้เหมือนเก่าก็ได้นะครับ" นนท์นึกถึงไมเคิลขึ้นมาทันทีเพราะเขารู้มาว่านินกับไมเคิลสร้างบริษัทมาด้วยกันและไม่เพียงแค่นั้นยังเป็นเพื่อนสนิทกันอีกด้วย
"จริงสิ นายติดต่อให้ฉันหน่อยนะ ไม่ต้องล่ะ พวกเราไปหาเขาที่บ้านกันเลยดีกว่า นายรู้จักบ้านเขาใช่ไหม" อินยิ้มอย่างดีใจ ทำไมเขาถึงลืมเพื่อนซี้ของน้องชายไปได้ จึงคิดว่าให้นนท์ติดต่อให้แต่เกิดร้อนใจขึ้นมาจึงเปลี่ยนไปหาเองที่บ้านน่าจะดีกว่า อินรีบเก็บของทันทีเพื่อเตรียมไปหาไมเคิล
"รู้จักครับ เดี๋ยวผมขับรถไปให้ครับ" นนท์พยักหน้ารับและทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย
เมื่อนนท์พาอินมาที่บ้านของไมเคิลซึ่งไม่ห่างไกลจากบริษัทที่อินทำงานมากนัก เพราะไมเคิลเป็นหุ้นส่วนสำคัญของบริษัทของอินจึงไม่แปลกที่จะปลูกบ้านใกล้บริษัทที่เขาและนินร่วมกันสร้างมาตั้งแต่ยังหนุ่ม เมื่อนนท์ขับรถมาถึงประตูทางเข้าบ้าน สิ่งที่อินเห็นคือปราสาทไม่ใช่บ้านเพราะมันใหญ่มาก เหมือนอยู่กันหลายครอบครัวเมื่อเทียบกับเขาและนินแล้วชิดซ้ายเลยทีเดียวต่างกันอย่างลิบลับ
"เดี๋ยวผมลงไปกดออดหน้าบ้านก่อนนะครับ" นนท์ลงไปกดออดหน้าบ้านของไมเคิลและรอให้คนมาเปิดประตู เพียงไม่นานมีสาวใช้เดินมาที่ประตูต้อนรับพวกเขา
"มาหาใครคะ" เธอได้ถามนนท์ที่ยืนมองเธออยู่
"ผมมาหาคุณไมเคิลนะครับ" นนท์ยิ้มตอบให้กับเธอ
"ค่ะ เชิญเข้าได้เลยค่ะ" เธอตอบนนท์พร้อมกับเปิดประตูใหญ่ให้นนท์ขับรถเข้าไปข้างในได้ นนท์จึงเดินกลับขึ้นรถเพื่อขับรถเข้าไปจอดข้างในบ้าน
เมื่อนนท์จอดหน้าประตูทางเข้าบ้านให้อินลงได้สะดวกเขาจึงปล่อยให้อินลงไปก่อน ส่วนเขานั้นนำรถไปจอดที่โรงจอดรถสำหรับแขก และอินได้เดินตามสาวใช้เข้าไปข้างในเพื่อไปหาไมเคิลตามที่เขาต้องการ
"เชิญนั่งก่อนนะคะ" สาวใช้ได้พาอินมานั่งที่โซฟา
"ไม่ทราบว่าจะให้ดิฉันเรียนคุณท่านว่าใครมาพบค่ะ" เธอได้ถามเพื่อจะได้ไปบอกคุณท่านของเธอได้ถูก
"ผมอินทราครับ" อินจึงแนะนำตัวอย่างเป็นทางการให้กับสาวใช้ตรงหน้า
"ค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะไปเรียนคุณท่านให้ค่ะ" เธอพูดจบได้ก้มหัวเดินออกไป พอสักพักมีสาวใช้อีกคนนำน้ำมาเสิร์ฟให้อินดื่มเพื่อรอไมเคิล
เวลาผ่านไปไม่กี่นาทีนนท์ที่จัดการกับรถเสร็จได้เดินเข้ามาหาอินทันที
"คุณไมเคิลยังไม่มาเหรอครับ" นนท์มานั่งข้างอินและถามอินขึ้นเพราะเขาไม่เห็นไมเคิล
"ยังเลย" อินขมวดคิ้วด้วยความร้อนใจ
"คุณอินมาพบผมมีธุระอะไรครับ" เสียงทุ้มและต่ำของไมเคิลดึงคนทั้งสองหันมามองต้นเสียง
"สวัสดีครับ" อินและนนท์ยกมือไหว้ชายชราที่กำลังเดินมานั่งที่โซฟา โดยมีสาวใช้ช่วยพยุงเขาให้นั่งลงอย่างนุ่มนวล
"อืม" ไมเคิลแค่ยกมือขึ้นเท่านั้นเป็นการบอกเป็นนัยว่าตามสบาย
"คุณไมเคิลครับผมต้องการปรึกษาเรื่องสร้างบ้านในอดีตของผมให้กลับมาเหมือนเดิม ผมควรทำอย่างไรครับ" อินไม่รอช้ารีบพูดสิ่งที่เขาต้องการทันที
"บ้านในอดีต? " ไมเคิลงงเล็กน้อยกับคำนี้
"ผมขอโทษครับที่ผมพูดไม่ค่อยชัดเจน พอดีผมร้อนใจไปนิด" อินรีบแก้คำและขยายความทันทีเขาตื่นเต้นและร้อนใจมากเกินไปเลยพูดไม่ชัดเจนทำให้คนตรงหน้าเกิดอาการงง
"นี่ครับแปลนบ้านที่ผมต้องการสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้งครับ" อินรีบหยิบแปลนบ้านที่ติดตัวมาให้ไมเคิลดูทันที ไมเคิลให้สาวใช้หยิบมาให้เขาดูให้ใกล้กว่าเดิม เขาได้พิจารณาด้วยสีหน้าที่นิ่ง ทั้งอินและนนท์รอลุ้นว่าไมเคิลจะพูดอะไรออกมาบ้าง
"แปลนนี้นี่เอง ผมจำได้ เพราะผมกับนินเป็นคนช่วยกันเขียนขึ้นมา เป็นแปลนบ้านที่ผมไม่คิดจะลืมเลยเเม้แต่นิดเดียว"
ไมเคิลนึกย้อนอดีตที่ตนและเพื่อนรักได้สร้างสิ่งนี้ขึ้น โดยมีพื้นฐานจากความต้องการของนินที่ต้องการให้เหมือนบ้านพี่ชายของเขา ที่ไมเคิลนิ่งไปนั้นไม่ใช่อะไร เพียงแต่คิดถึงเพื่อนที่จากไปแล้วไม่หวนกลับมาเท่านั้นเอง
"ครับ คุณช่วยแนะนำการสร้างบ้านนี้ขึ้นมาใหม่ได้ไหมครับ ผมขอร้อง" อินก้มหัวพร้อมกับพนมมือขอร้องไมเคิลทันที ไมเคิลมองและยิ้มกับท่าทางของอิน ส่วนนนท์เห็นเจ้านายทำจึงทำตามด้วย
"หึ ทำไมผมต้องช่วย" ไมเคิลยกยิ้มอย่างคนมีเชิงเขาอยากรู้เหตุผลของชายตรงหน้าของเขา
"มีเวลาแค่สามเดือนเท่านั้นครับ ที่จะให้เอกคนรักของผมจำผมได้" อินพยายามอธิบายเหตุผลด้วยความยากลำบาก กว่าจะพูดออกมาได้นั้นเขาต้องกลั่นออกมาจากใจเพราะเขายังไม่อยากยอมรับว่าเกิดเรื่องแบบนี้กับคนรักของเขานั้นเอง
"เอกอีกแล้วเหรอ เมื่อก่อนนินก็เคยขอร้องแบบนี้แต่คนละอย่างกัน คราวที่แล้วทำเพื่อคุณด้วย แต่คราวนี้แค่คนเดียว" ไมเคิลเขารู้ว่าอินและนินรักคนคนเดียวกัน แต่ความรักในครั้งนี้นินสละให้และทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี แล้วทำไมครั้งนี้อินกลับมาหาเขาด้วยตนเองและขอให้ทำเพื่อคนรักของเขา ไมเคิลจึงอยากรู้เหตุผลเพิ่ม เพราะครั้งก่อนเขาทำเพื่อนินที่เป็นเพื่อนรักแต่เมื่อไม่มีนินแล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่เขาต้องช่วย นอกจากมีเหตุผลอะไรที่ทำให้เขาเปลี่ยนใจได้
"ผมขอร้องครับ ผมไม่รู้ว่าจะไปพึ่งใครให้ช่วยเรื่องนี้นอกจากคุณ เอกโดนยาของชายแปลกหน้าและที่สำคัญคนนี้เป็นคนทำให้นินตายเพราะหัวใจวายเฉียบพลัน มันจะเป็นเหตุผลพอไหมครับที่จะให้คุณช่วยผม" เอกรู้ว่าไมเคิลนั้นถ้าไม่มีเหตุผลที่ดีพอเขาจะไม่ยอมทำให้ ยิ่งเป็นคนที่ไม่รู้จักคงหมดสิทธิ์ที่จะให้เขาช่วย
"เกิดอะไรขึ้นกันแน่ คุณเล่าทั้งหมดให้ผมฟังอย่างละเอียด ห้ามตกหล่นเด็ดขาด! " เมื่อไมเคิลได้ยินสิ่งที่อินพูดและเกี่ยวข้องกับเพื่อนรักของเขาด้วยทำให้เขาขมวดคิ้วใช้ความคิดทันที
"ครับ"
อินได้เริ่มต้นเล่าทุกอย่างในวันที่ชายปริศนาคนนั้นโทรมา อินจดจำได้หมดทุกคำพูดจึงสามารถเล่าทุกอย่างออกมาให้ไมเคิลฟังได้โดยง่ายดายโดยไม่มีตกหล่น เมื่อสิ้นเสียงของอินไมเคิลได้พิงหลังกับโซฟาตัวใหญ่และขมวดคิ้วใช้ความคิด
"ผมได้นำเบอร์ที่โทรเข้ามา ให้ตำรวจที่เป็นเพื่อนนินดูแล้วครับ พวกเขาได้ตรวจสอบแต่ว่าไม่สามารถรู้ได้เพราะเป็นโทรศัพท์มือถือที่ใช้แล้วทิ้งและอีกอย่างโทรมาจากต่างประเทศ ยิ่งเช็คยากเข้าไปอีก จึงไม่สามารถจับตัวการได้ว่าเป็นใครครับ" เป็นอีกเรื่องที่อินเครียดเพราะเขาไม่สามารถจับตัวการที่ทำร้ายคนรักและฆ่าน้องชายของเขาได้มันทำให้อินจนมุมจึงต้องหาคนช่วยอีกแรง
"เรื่องชายปริศนาคนนั้นผมขอจัดการเอง ผมรู้จักกับตำรวจนายนั้นที่คุณพูดถึง เพราะเขาเป็นญาติของผมเอง ตอนนี้คุณจัดการเรื่องคนรักของคุณต่อได้ตามสบาย" ไมเคิลพูดกับอินด้วยดวงตาที่คาดเดายากว่าคิดอะไรอยู่ แต่จากสายตาที่อินมองเหมือนไมเคิลกำลังโกรธและแค้นคนที่เป็นตัวการให้นินจากไปก่อนวัยอันควรโดยที่ไม่มีใครรู้
"ตอนนี้ผมควรทำอย่างไรครับ ช่วยแนะนำผมด้วยครับ" อินถามอีกครั้งเพราะเขาไม่แน่ใจว่าต้องเริ่มจากตรงไหนก่อน
"ต้องรีบสร้างบ้านให้กลับมาเหมือนเดิม เอาอย่างนี้นะครับผมจะช่วยอีกแรงจะได้เสร็จทันเวลาที่คุณต้องการ" ไมเคิลได้เสนอตัวที่จะช่วยให้อิน
"ผมขอให้เสร็จภายในหนึ่งเดือนจะเป็นการขอมากไปไหมครับ" อินต้องการให้เร็วกว่าที่พูดด้วยซ้ำไปแต่รู้ว่าไม่สามารถเป็นไปได้
"หึ เร็วกว่านี้ยังได้ สองอาทิตย์เป็นยังไง ผมจะให้ผู้ชำนาญด้านนี้มาช่วยอีกครั้ง" ไมเคิลได้ยกยิ้มอย่างมีเชิง เรื่องแบบนี้ทำไมเขาจะทำไม่ได้แค่มีเงิน มีแรงงานที่ชำนาญการเพียงไม่นานก็เสร็จ
"จริงเหรอครับ ขอบคุณครับ" อินรู้สึกตื้นตันใจจนไม่สามารถหาอะไรมาแทนได้มากกว่าการขอบคุณ
"แต่ยังขาดอีกอย่าง" ไมเคิลหยุดพูดและมองหน้าอินด้วยสีหน้าที่นิ่ง
HM06
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ต.ค. 2560, 14:05:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ต.ค. 2560, 14:05:02 น.
จำนวนการเข้าชม : 617
<< เริ่มต้นรักษา | นาฬิกาทราย >> |