ทูนหัวขา มาเป็นสามีฉันเถอะ
ทูนหัวขา มาเป็นสามีฉันเถอะ
เมื่อคุณหมอหนุ่มผู้แสนจะเย็นชากับความรักอย่าง ‘รัชยุทธ์ ภวันรัตนกุล’ ต้องมาปะทะกับกับสาวแสบจอมตื้อแถมหัวดื้อสุดฤทธิ์อย่าง ‘แพรววนิด วรจักรเกรียงไกร’ วิศวกรสาวสุดมั่น เพียงเพราะความแค้นที่โดนคุณหมอหนุ่มด่าทออย่างเจ็บแสบ เรื่องราวชวนปวดหัวจึงเริ่มต้นขึ้น เมื่อเธอคิดจะกระตุกหนวดเสือด้วยการงัดกลยุทธ์ร้อยแปดออกมายั่วยวนคุณหมอคู่อริ ตามคอนเซปต์ยั่วให้อยากแล้วจากไป แต่กลับไม่เป็นอย่างที่เธอคิด เมื่อคุณหมอเจ้าเล่ห์กลับหาสารพัดวิธีทำให้แม่เสือสาวต้องกลายเป็นแมวน้อยเชื่องๆตกอยู่ใต้อ้อมกอดของเขาแต่เพียงผู้เดียว
“คุณหมอรู้ได้ยังคะว่าจูบไม่หอม ก็ในเมื่อคุณหมอยังไม่เคยจูบเลยนี่คะ”” แพรววนิดเดินตามชายหนุ่มที่เข้ามาในห้อง ก่อนจะหย่อนสะโพกลงกับหน้าตักที่แข็งแรง มือบางยกขึ้นลูบริมฝีปากหยักไปมาด้วยท่าทีที่ยั่วยวนสุดๆ ก่อนที่ใบหน้าหวานจะค่อยๆโน้มเข้ามาใกล้ มืออีกข้างก็ลูบแผงอกกว้างขึ้นลงสร้างความร้อนวูบวาบให้ศัลยแพทยหนุ่มไม่น้อย การกระทำของหญิงสาวทำเอารัชยุทธ์ตกตะลึงกับสัมผัสที่ใกล้ชิดและแนบแน่น ใจของศัลยแพทยหนุ่มเต้นระส่ำอย่างไม่เป็นจังหวะ อาจเป็นเพราะหัวใจที่ร้างรักมานาน พอมีหญิงสาวเข้ามาใกล้ชิด หัวใจที่เคยเย็นชาก็กลับมาสั่นไหวอีกครั้ง ไม่! ให้ตายเขาก็ไม่มีทางชอบยัยคุณจอมยั่วนี่หรอก
“นี่คุณ…”…” พอได้สติคุณหมอก็พยายามดันร่างสาวน้อยช่างยั่วให้ลุกขึ้น ตามด้วยสายตาที่ตำหนิติเตียน แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้สึกกระดากอายกับการกระทำของตัวเองสักเท่าไหร่ “ลุกจากตัวผมได้แล้ว ผมหนัก” จริงๆเธอก็ไม่ได้น้ำหนักเยอะอย่างที่เขาพูดหรอก แต่การกระทำมากกว่าที่ทำให้เขาหนักใจ
“พริ้นท์ทำอะไรผิดเหรอคะ” …”แพรววนิดถามคล้ายกับไม่รู้ความผิดของตัวเอง ดวงตาหวานส่งสายตาเชิญชวนที่กระชากใจหนุ่มๆมานักต่อนัก แต่สำหรับผู้ชายอย่างรัชยุทธ์คงไม่ได้ผล ริมฝีปากบางจรดที่แก้มสากๆของศัลยแพทย์หนุ่มทั้งสองข้าง ทำเอารัชยุทธ์ถึงกับสติขาดผึง ลุกขึ้นอย่างไม่ทันให้แพรววนิดตั้งตัว เจ้าตัวเลยล่วงลงไปกับพื้น
“ผู้หญิงไร้ยางอายแบบคุณ ต่อให้แก้ผ้ามาโชว์ให้ดูอยู่ตรงหน้า ผมก็ไม่สนใจ” รัชยุทธ์บอกด้วยความเกรี้ยวกราด พลางหยิบทิชชู่มาเช็ดรอยลิปสติกของหญิงสาว แพรววนิดมองคุณหมอหนุ่มด้วยความสะใจ เพราะเธอสามารถทำให้เขาหัวเสียได้ และไม่ได้รู้สึกเจ็บกับคำพูดของเขาเลยแม้แต่น้อย
“ใครจะไปรู้ ไม่แน่ว่าอาจเป็นคุณหมอเองที่มาแก้ผ้าต่อหน้าพริ้นท์ก็ได้นะคะ อู๊ยยยย แค่คิดก็แซ่บเว่อร์แล้วคุณหมอขา” แพรววนิดทำปากซู๊ดซี๊ด พลางสำรวจร่างกายของรัชยุทธ์ด้วยสายตากรุ้มกริ่ม ทำเอาคนถูกมองหน้าแดงด้วยความโกรธ ผู้หญิงอะไร คำว่ายางอายหายไปไหนหมด
เมื่อคุณหมอหนุ่มผู้แสนจะเย็นชากับความรักอย่าง ‘รัชยุทธ์ ภวันรัตนกุล’ ต้องมาปะทะกับกับสาวแสบจอมตื้อแถมหัวดื้อสุดฤทธิ์อย่าง ‘แพรววนิด วรจักรเกรียงไกร’ วิศวกรสาวสุดมั่น เพียงเพราะความแค้นที่โดนคุณหมอหนุ่มด่าทออย่างเจ็บแสบ เรื่องราวชวนปวดหัวจึงเริ่มต้นขึ้น เมื่อเธอคิดจะกระตุกหนวดเสือด้วยการงัดกลยุทธ์ร้อยแปดออกมายั่วยวนคุณหมอคู่อริ ตามคอนเซปต์ยั่วให้อยากแล้วจากไป แต่กลับไม่เป็นอย่างที่เธอคิด เมื่อคุณหมอเจ้าเล่ห์กลับหาสารพัดวิธีทำให้แม่เสือสาวต้องกลายเป็นแมวน้อยเชื่องๆตกอยู่ใต้อ้อมกอดของเขาแต่เพียงผู้เดียว
“คุณหมอรู้ได้ยังคะว่าจูบไม่หอม ก็ในเมื่อคุณหมอยังไม่เคยจูบเลยนี่คะ”” แพรววนิดเดินตามชายหนุ่มที่เข้ามาในห้อง ก่อนจะหย่อนสะโพกลงกับหน้าตักที่แข็งแรง มือบางยกขึ้นลูบริมฝีปากหยักไปมาด้วยท่าทีที่ยั่วยวนสุดๆ ก่อนที่ใบหน้าหวานจะค่อยๆโน้มเข้ามาใกล้ มืออีกข้างก็ลูบแผงอกกว้างขึ้นลงสร้างความร้อนวูบวาบให้ศัลยแพทยหนุ่มไม่น้อย การกระทำของหญิงสาวทำเอารัชยุทธ์ตกตะลึงกับสัมผัสที่ใกล้ชิดและแนบแน่น ใจของศัลยแพทยหนุ่มเต้นระส่ำอย่างไม่เป็นจังหวะ อาจเป็นเพราะหัวใจที่ร้างรักมานาน พอมีหญิงสาวเข้ามาใกล้ชิด หัวใจที่เคยเย็นชาก็กลับมาสั่นไหวอีกครั้ง ไม่! ให้ตายเขาก็ไม่มีทางชอบยัยคุณจอมยั่วนี่หรอก
“นี่คุณ…”…” พอได้สติคุณหมอก็พยายามดันร่างสาวน้อยช่างยั่วให้ลุกขึ้น ตามด้วยสายตาที่ตำหนิติเตียน แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้สึกกระดากอายกับการกระทำของตัวเองสักเท่าไหร่ “ลุกจากตัวผมได้แล้ว ผมหนัก” จริงๆเธอก็ไม่ได้น้ำหนักเยอะอย่างที่เขาพูดหรอก แต่การกระทำมากกว่าที่ทำให้เขาหนักใจ
“พริ้นท์ทำอะไรผิดเหรอคะ” …”แพรววนิดถามคล้ายกับไม่รู้ความผิดของตัวเอง ดวงตาหวานส่งสายตาเชิญชวนที่กระชากใจหนุ่มๆมานักต่อนัก แต่สำหรับผู้ชายอย่างรัชยุทธ์คงไม่ได้ผล ริมฝีปากบางจรดที่แก้มสากๆของศัลยแพทย์หนุ่มทั้งสองข้าง ทำเอารัชยุทธ์ถึงกับสติขาดผึง ลุกขึ้นอย่างไม่ทันให้แพรววนิดตั้งตัว เจ้าตัวเลยล่วงลงไปกับพื้น
“ผู้หญิงไร้ยางอายแบบคุณ ต่อให้แก้ผ้ามาโชว์ให้ดูอยู่ตรงหน้า ผมก็ไม่สนใจ” รัชยุทธ์บอกด้วยความเกรี้ยวกราด พลางหยิบทิชชู่มาเช็ดรอยลิปสติกของหญิงสาว แพรววนิดมองคุณหมอหนุ่มด้วยความสะใจ เพราะเธอสามารถทำให้เขาหัวเสียได้ และไม่ได้รู้สึกเจ็บกับคำพูดของเขาเลยแม้แต่น้อย
“ใครจะไปรู้ ไม่แน่ว่าอาจเป็นคุณหมอเองที่มาแก้ผ้าต่อหน้าพริ้นท์ก็ได้นะคะ อู๊ยยยย แค่คิดก็แซ่บเว่อร์แล้วคุณหมอขา” แพรววนิดทำปากซู๊ดซี๊ด พลางสำรวจร่างกายของรัชยุทธ์ด้วยสายตากรุ้มกริ่ม ทำเอาคนถูกมองหน้าแดงด้วยความโกรธ ผู้หญิงอะไร คำว่ายางอายหายไปไหนหมด
Tags: โรแมนติกคอมเมดี้
ตอน: บทนำ
"ฉันได้กลิ่นไอของความรัก..."
ผู้คนเดินผ่านไปมาบริเวณหน้ามหาวิหารเซนต์แมรี่ โบสถ์คริสต์หลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองและสวนสาธารณะ Hype Park ของซิดนีย์ ความมั่งคั่งของเมืองเศรษฐกิจในรัฐนิวเซาท์เวล ออสเตรเลียแห่งนี้ไม่สามารถมาเติมเต็มหัวใจที่กำลังเฉาของแพรวนิดได้ สถาปัตยกรรมโกธิก (Gothic Arts) ที่คล้ายคลึงกับโบถส์ในฝั่งยุโรป และยอดหอคอยทรงแหลมที่ดูมีความศักดิ์สิทธิ์น่าเกรงขามก็มิอาจดึงดูดใจให้หญิงสาวหลุดจากภวังค์ หากจะเปรียบที่แห่งนี้เสมือนฮอกวอร์ตเฉกเช่นแฮรรี่ พอตเตอร์พ่อมดคนดังก็ไม่ผิดนัก ไม่ว่าจะเป็นอาหารเพดานโค้ง กำแพงกระจกหลากสีที่สะท้อนยามแสงแดดสาดส่องกระทบกำแพง ดูมีมิติชวยให้น่ามอง รูปปั้นหินอ่อนและภาพวาดที่ถูกสรรค์สร้างขึ้นมาด้วยพลังของศิลปินล้วนมีความประณีต ทำให้ผู้มาเยือนอย่างแพรวนิดรู้สึกลอยเคว้งอยู่ในความฝัน ทุกๆวันจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยมาเยือนไม่ขาดสาย แต่เพราะวันนี้มีพิธีแต่งงาน ผู้คนจึงน้อยกว่าปกติ
เสียงบาทหลวงกำลังทำพิธีให้กับบ่าวสาวอยู่บนเวที แขกต่างๆที่มาร่วมงานอยู่ในอากัปกิริยาสงบนิ่ง บาทหลวงอ่านพระคัมภีร์เกี่ยวกับชีวิตคู่ เพื่อให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวตระหนักถึงหน้าที่ของตน รวมไปถึงการใช้ชีวิตคู่ในสถานะสามีภรรยา ก่อนจะให้ทั้งคู่กล่าวคำปฏิญาณและแลกแหวนซึ่งกันและกัน และลงเอยด้วยการจุมพิตต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้า แพรววนิดมองภาพนั้นพลางปาดน้ำตาด้วยความตื้นตันใจ ที่เห็นคนสองคนกำลังจะเริ่มต้นมีชีวิตใหม่ร่วมกัน แต่เดี๋ยวก่อน เธอมาทำอะไรที่นี่ เธอไม่รู้จักเจ้าบ่าวเจ้าสาวและไม่ใช่เพื่อนของใครในงานนี้ด้วยซ้ำ เพียงแค่มาเที่ยวโบสถ์1ในวันสุดท้ายที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่ที่ซิดนีย์ ตั้งใจมาขอพรพระเยซูเรื่องความรัก แต่…วันนี้กลับมีงานแต่งงาน ซึ่งทางโบสถ์ก็อนุญาตให้เข้าชมเพียงแค่โซนด้านหลังเท่านั้น พูดง่ายๆก็คือว่ามีเพียงประตูทางเข้าออก ร้านขายของที่ระลึก และเก้าอี้โซนด้านหลังเท่านั้นที่เข้าชมได้ ดีงามค่ะ ได้ดูสถาปัตยกรรมและสิ่งสวยงามเยอะมาก รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจอะไรเยี่ยงนี้ แพรววนิดจึงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านั่งเป็นสักขีพยานและอวยพรให้แก่เจ้าบ่าวเจ้าสาว เอ้า เพลงมา ‘ให้เธอได้กับเขา และจงโชคดี อย่ามีอะไรต้องเสียใจ’
แพรววนิดสลัดความคิดไร้สาระ ดวงตาคู่สวยเพ่งพินิจไปที่พระเยซูอย่างเคร่งเครียด ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากุมไว้และอธิษฐานขอพรเรื่องความรัก หวังว่าพระเยซูคงพอจะเข้าใจและรับพิจารณาคำขอของเธอไว้ ถึงแม้ว่าท่านอาจจะกำลังอวยพรเจ้าบ่าวเจ้าสาวอยู่บนเวทีก็เถอะ แต่วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่เธอจะอยู่ที่ออสเตรเลีย ขอให้เธอได้ผู้กลับบ้านด้วยเถอะ ไม่อย่างนั้นพวกที่รอซ้ำเติมคงหัวเราะเยาะเธอแน่ๆ คิดดูค่ะ มาเรียนตั้งแต่ปริญญาตรีจนจบปริญญาโทแฟนสักคนก็ยังไม่มีค่ะ ไม่ค่ะ น้องจะไม่นก น้องนกวนไปวนมา จนจะเป็นอินทรี ‘จ้าวแห่งนก’ แล้ว นี่ขนาดสวยและรวยมาก ผู้ชายยังไม่สนใจ นี่เพราะอะไรกัน ว่าแล้วก็อยากจะร้องเพลงจำเลยรักให้สวรรค์ฟังเหลือเกิน ‘เจ็บแค้นเคืองโกรธ โทษฉันไย ฉันทำอะไรให้เธอเคืองโกรธ’ เพราะอะไรกันเพคะ น้องถึงนกตลอด อยู่ซิดนีย์มาเจ็ดปี จีบใครก็ไม่ติด แถมยังต้องแบกเวอร์จิ้นกลับบ้าน ใช่ค่ะ… ฟังไม่ผิดหรอก เธอยังไม่เคยสูญเสียความบริสุทธิ์ให้ใคร เก็บมาจวนอายุจะ 26 ปีแล้ว จูบสักครั้งก็ไม่เคย เรียกว่านกหนักมากค่ะ น้องทำอะไรผิดค่ะพี่ตา เพื่อนได้ผัว เอ้ย สามีออสซี่กลับบ้านทุกคน บางคนได้ลูกกลับบ้านด้วย ส่วนเธอก็เป็นอินทรีวนไป จนอยากจะไปกระโดดเอาหัวจุ่มแม่น้ำตายที่สะพานฮาร์เบอร์ (Harbour Bridge) ถ้าไม่ติดว่ารัฐบาลสร้างขอบสะพานสูงจนไม่มีที่ให้ปีน รวมถึงเอาลวดหนามมาตรึงไว้ เรียกได้ถึงไม่ตายเพราะจมน้ำก็ตายจากลวดหนามนี่แหละ
หลังจากเสร็จพิธี เจ้าสาวควงแขนเจ้าบ่าวไปที่หน้าประตูโบสถ์ ในช่วงระหว่างที่เจ้าสาวเดินตามทางเดินตรงกลาง เธอก็หันหน้ามาสบสายตากับแพรววนิดที่กำลังยิ้มให้ ตึ้ง! ไม่ใช่เสียงอะไร แต่เป็นเสียเอฟเฟ็คงสะดุ้งตกใจประกอบกับท่าทีของเจ้าสาวที่เห็นสภาพแขกที่ไม่ได้เชิญที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ไม้ยาวตรงด้านหลังสุด ก่อนที่เธอจะรีบหันหน้าแล้วกระชับแขนเจ้าบ่าวเดินไปที่ประตูโดยไม่แม้แต่จะปรายตามอง แพรววนิดก้มลงสำรวจตัวเองว่ามีอะไรมีผิดปกติหรือเปล่า จริงๆแล้วก็พอจะเข้าใจหล่อน เพราะชุดที่มาร่วมงานวันนี้ เป็นเพียงเสื้อยืด กางเกงยีนส์ และเสื้อแจ็คเก็ตสีเลือดหมูเท่านั้น รวมถึงเธอก็ไม่ได้แต่งหน้าด้วย เจ้าสาวคงจะตกใจกับสภาพหน้าธรรมชาติ(ลงโทษ) อย่าเยอะค่ะคุณขา ใครจะไปรู้ว่าจะต้องมาร่วมงานแต่งงาน ไม่อย่างนั้นจะอัญเชิญจิตวิญญาณคุณแม่ชมพู่ อารยา ประทับร่างแล้วแต่งชุดให้พร้อมไปเดินแบบเมืองคานส์ ที่ฝรั่งเศสได้เลย นี่แค่มาโบสถ์ก็แต่งชุดธรรมดาก็พอแล้ว
จากที่ตั้งใจจะไปแอบเนียนในศึกชิงช่อดอกไม้เจ้าสาวกับผู้หญิงคนอื่นๆที่มาร่วมงาน แพรววนิดเปลี่ยนใจไปสำรวจรอบๆมหาวิหารแทน ขืนเสนอหน้าไป มีหวังเจ้าสาวได้แหกอกเธอแน่ๆ ไม่เป็นไร แค่ดอกไม้ช่อเดียว ไปหาซื้อเอาก็ได้ ก็ไม่อยากได้นักหรอก ไม่อยากได้เลยจริงจริ๊ง
“สวัสดีครับ” ชายชาวต่างชาติคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายแพรววนิดด้วยภาษาอังกฤษ พร้อมกับส่งยิ้มให้เธอ เขาสวมแว่นตาสีดำ เสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำตาลพร้อมกับกีต้าร์คู่ใจ
“อ่อ…สวัสดีค่ะ” แพรววนิดมองชายหนุ่มด้วยความงุนงง เธอไม่รู้จักคนนี้ๆเลยสักนิด ดูเหมือนชายคนนั้นจะอ่านสายตากังวลของแพรววนิดออก เขายิ้มให้เธออีกครั้ง และส่งโทรศัพท์มือถือที่เปิดโหมดถ่ายรูปไว้แล้ว
“ต้องขอรบกวนคุณถ่ายรูปให้ผมได้ไหมครับ” เขาบอกเจตนา
“ได้ค่ะ” แม้จะสงสัยว่าทำไมต้องให้เธอถ่ายรูปให้ ทั้งๆที่ก็มีผู้คนมากมายที่ยืนเรียงราย แต่เขาก็เลือกเธอ เอ๊ะ หรือว่าพระเยซูจะประทานเนื้อคู่มาให้ เฮ้ย เป็นไปได้ ท่านศักดิ์สิทธิ์จริงๆ น้องไม่นกแล้วจ้า
แพรววนิดยิ้มอย่างมีความหวัง ก่อนที่จะกดถ่ายรูปให้เขาหลายภาพตามจุดต่างๆของมหาวิหาร ชายชาวต่างชาติคนนั้นถามแพรววนิดว่าอยากถ่ายรูปด้วยหรือเปล่า แต่เธอตอบปฏิเสธ เพราะเคยถ่ายแล้ว ก็แน่ล่ะ อยู่มาตั้งหกปี เชียวนะ
“คุณชื่ออะไรครับ ผมชื่อเฟรดดี้ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” เขายื่นมือทักทายตามธรรมเนียมของการทำความรู้จักแบบสากล
“ฉันชื่อพริ้นท์ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” แพรววนิดยิ้มรับ และยื่นมือตอบกลับไป ทั้งสองคนพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวส่วนตัวของแต่ละคน ดูเหมือนว่าเฟรดดี้เองก็ดูจะสนใจแพรววนิดไม่น้อย เพราะจากการที่เขาค่อยขยับตัวเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนแพรววนิดก็ได้แต่ลุ้นว่าเมื่อไหร่ เขาจะขอไอดีไลน์หรือเฟสบุ๊กของเธอสักที ด้วยความที่กลัวว่าถ้าออกตัวเป็นฝ่ายขอผู้ชายก่อน จะเสียหน้าเหมือนคราวก่อนที่ทำให้เธอปิดหัวใจมาเกือบสองปี เรียกว่าเสียศูนย์ไปเลย ไม่จีบใคร และไม่มีใครมาจีบ นกหนักมาก และแล้วความฉลาดปราดเปรื่องในสกิลการอ่อยผู้ชาย แพรววนิดวางไพ่ใบสุดท้ายทันที
“ฉันต้องไปแล้วนะ” อยากจะรู้เหมือนกันว่าขนาดนี้แล้ว เขาจะขอคอนแทคเธอไว้ไหม
“น่าเสียดายจัง คุยกับคุณสนุกดี ผมชอบคุณมาก น่าเสียดายที่คุณจะกลับไทยพรุ่งนี้แล้ว” เขาแตะไหล่แพรววนิดสองสามครั้ง
‘ชอบก็ขอไลน์ไว้สิโว้ย เนี่ย ฉันอ่อยขนาดนี้แล้ว ยังซื่อบื้ออยู่ได้’
แพรววนิดแอบค่อนขอดอยู่ในใจ แต่ยังต้องฝืนยิ้ม เริ่มลังเลว่าจะเป็นฝ่ายขอก่อนดีหรือเปล่า แต่แล้วก็ตัดสินใจได้ว่า
ช่างแม่ง
“ลาก่อนนะคะ แล้วเจอกัน” แพรววนิดยิ้มให้ ก่อนจะรีบหันหลังโดยไม่แม้แต่จะรออีกฝ่ายกล่าวลา รอยยิ้มค่อยๆหุบลงเรื่อยๆจนกลายเป็นเส้นตรง ดวงตาคู่สวยมองขึ้นไปบนท้องฟ้า กรอกตาไปมา อย่างยอมรับชะตากรรม ในที่สุด ก็ไม่ได้ผู้ชายกลับบ้าน โอเค ขอตั้งชื่อเรื่องนี้ว่า ‘น้องนกที่ออส’ มือบางเลื่อนไปหยิบแว่นตาสีดำในกระเป๋าสะพายใบเล็ก แม้ว่าพระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว แต่ด้วยความมั่นหน้า เจ้าหล่อนก็สวมมันอย่างมั่นใจ พูดเลยว่านกไม่ได้มาเล่นๆ ไม่เป็นไรค่ะ สามีคงไม่ได้อยู่ที่ออสเตรเลีย เดี๋ยวกลับไปหาที่ไทย คติประจำใจคือ ‘ถึงไม่มีทองกองเท่าหัว แต่จะไม่มีผัวไม่ได้’ ขอต้อนรับสู่วิถีของ ‘นก’ เชื่อแพรววนิดเถอะค่ะว่า นกวนไป นกบ่อยๆก็จะได้เป็นอินทรี จ้าวแห่งนก
ผู้คนเดินผ่านไปมาบริเวณหน้ามหาวิหารเซนต์แมรี่ โบสถ์คริสต์หลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองและสวนสาธารณะ Hype Park ของซิดนีย์ ความมั่งคั่งของเมืองเศรษฐกิจในรัฐนิวเซาท์เวล ออสเตรเลียแห่งนี้ไม่สามารถมาเติมเต็มหัวใจที่กำลังเฉาของแพรวนิดได้ สถาปัตยกรรมโกธิก (Gothic Arts) ที่คล้ายคลึงกับโบถส์ในฝั่งยุโรป และยอดหอคอยทรงแหลมที่ดูมีความศักดิ์สิทธิ์น่าเกรงขามก็มิอาจดึงดูดใจให้หญิงสาวหลุดจากภวังค์ หากจะเปรียบที่แห่งนี้เสมือนฮอกวอร์ตเฉกเช่นแฮรรี่ พอตเตอร์พ่อมดคนดังก็ไม่ผิดนัก ไม่ว่าจะเป็นอาหารเพดานโค้ง กำแพงกระจกหลากสีที่สะท้อนยามแสงแดดสาดส่องกระทบกำแพง ดูมีมิติชวยให้น่ามอง รูปปั้นหินอ่อนและภาพวาดที่ถูกสรรค์สร้างขึ้นมาด้วยพลังของศิลปินล้วนมีความประณีต ทำให้ผู้มาเยือนอย่างแพรวนิดรู้สึกลอยเคว้งอยู่ในความฝัน ทุกๆวันจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยมาเยือนไม่ขาดสาย แต่เพราะวันนี้มีพิธีแต่งงาน ผู้คนจึงน้อยกว่าปกติ
เสียงบาทหลวงกำลังทำพิธีให้กับบ่าวสาวอยู่บนเวที แขกต่างๆที่มาร่วมงานอยู่ในอากัปกิริยาสงบนิ่ง บาทหลวงอ่านพระคัมภีร์เกี่ยวกับชีวิตคู่ เพื่อให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวตระหนักถึงหน้าที่ของตน รวมไปถึงการใช้ชีวิตคู่ในสถานะสามีภรรยา ก่อนจะให้ทั้งคู่กล่าวคำปฏิญาณและแลกแหวนซึ่งกันและกัน และลงเอยด้วยการจุมพิตต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้า แพรววนิดมองภาพนั้นพลางปาดน้ำตาด้วยความตื้นตันใจ ที่เห็นคนสองคนกำลังจะเริ่มต้นมีชีวิตใหม่ร่วมกัน แต่เดี๋ยวก่อน เธอมาทำอะไรที่นี่ เธอไม่รู้จักเจ้าบ่าวเจ้าสาวและไม่ใช่เพื่อนของใครในงานนี้ด้วยซ้ำ เพียงแค่มาเที่ยวโบสถ์1ในวันสุดท้ายที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่ที่ซิดนีย์ ตั้งใจมาขอพรพระเยซูเรื่องความรัก แต่…วันนี้กลับมีงานแต่งงาน ซึ่งทางโบสถ์ก็อนุญาตให้เข้าชมเพียงแค่โซนด้านหลังเท่านั้น พูดง่ายๆก็คือว่ามีเพียงประตูทางเข้าออก ร้านขายของที่ระลึก และเก้าอี้โซนด้านหลังเท่านั้นที่เข้าชมได้ ดีงามค่ะ ได้ดูสถาปัตยกรรมและสิ่งสวยงามเยอะมาก รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจอะไรเยี่ยงนี้ แพรววนิดจึงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านั่งเป็นสักขีพยานและอวยพรให้แก่เจ้าบ่าวเจ้าสาว เอ้า เพลงมา ‘ให้เธอได้กับเขา และจงโชคดี อย่ามีอะไรต้องเสียใจ’
แพรววนิดสลัดความคิดไร้สาระ ดวงตาคู่สวยเพ่งพินิจไปที่พระเยซูอย่างเคร่งเครียด ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากุมไว้และอธิษฐานขอพรเรื่องความรัก หวังว่าพระเยซูคงพอจะเข้าใจและรับพิจารณาคำขอของเธอไว้ ถึงแม้ว่าท่านอาจจะกำลังอวยพรเจ้าบ่าวเจ้าสาวอยู่บนเวทีก็เถอะ แต่วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่เธอจะอยู่ที่ออสเตรเลีย ขอให้เธอได้ผู้กลับบ้านด้วยเถอะ ไม่อย่างนั้นพวกที่รอซ้ำเติมคงหัวเราะเยาะเธอแน่ๆ คิดดูค่ะ มาเรียนตั้งแต่ปริญญาตรีจนจบปริญญาโทแฟนสักคนก็ยังไม่มีค่ะ ไม่ค่ะ น้องจะไม่นก น้องนกวนไปวนมา จนจะเป็นอินทรี ‘จ้าวแห่งนก’ แล้ว นี่ขนาดสวยและรวยมาก ผู้ชายยังไม่สนใจ นี่เพราะอะไรกัน ว่าแล้วก็อยากจะร้องเพลงจำเลยรักให้สวรรค์ฟังเหลือเกิน ‘เจ็บแค้นเคืองโกรธ โทษฉันไย ฉันทำอะไรให้เธอเคืองโกรธ’ เพราะอะไรกันเพคะ น้องถึงนกตลอด อยู่ซิดนีย์มาเจ็ดปี จีบใครก็ไม่ติด แถมยังต้องแบกเวอร์จิ้นกลับบ้าน ใช่ค่ะ… ฟังไม่ผิดหรอก เธอยังไม่เคยสูญเสียความบริสุทธิ์ให้ใคร เก็บมาจวนอายุจะ 26 ปีแล้ว จูบสักครั้งก็ไม่เคย เรียกว่านกหนักมากค่ะ น้องทำอะไรผิดค่ะพี่ตา เพื่อนได้ผัว เอ้ย สามีออสซี่กลับบ้านทุกคน บางคนได้ลูกกลับบ้านด้วย ส่วนเธอก็เป็นอินทรีวนไป จนอยากจะไปกระโดดเอาหัวจุ่มแม่น้ำตายที่สะพานฮาร์เบอร์ (Harbour Bridge) ถ้าไม่ติดว่ารัฐบาลสร้างขอบสะพานสูงจนไม่มีที่ให้ปีน รวมถึงเอาลวดหนามมาตรึงไว้ เรียกได้ถึงไม่ตายเพราะจมน้ำก็ตายจากลวดหนามนี่แหละ
หลังจากเสร็จพิธี เจ้าสาวควงแขนเจ้าบ่าวไปที่หน้าประตูโบสถ์ ในช่วงระหว่างที่เจ้าสาวเดินตามทางเดินตรงกลาง เธอก็หันหน้ามาสบสายตากับแพรววนิดที่กำลังยิ้มให้ ตึ้ง! ไม่ใช่เสียงอะไร แต่เป็นเสียเอฟเฟ็คงสะดุ้งตกใจประกอบกับท่าทีของเจ้าสาวที่เห็นสภาพแขกที่ไม่ได้เชิญที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ไม้ยาวตรงด้านหลังสุด ก่อนที่เธอจะรีบหันหน้าแล้วกระชับแขนเจ้าบ่าวเดินไปที่ประตูโดยไม่แม้แต่จะปรายตามอง แพรววนิดก้มลงสำรวจตัวเองว่ามีอะไรมีผิดปกติหรือเปล่า จริงๆแล้วก็พอจะเข้าใจหล่อน เพราะชุดที่มาร่วมงานวันนี้ เป็นเพียงเสื้อยืด กางเกงยีนส์ และเสื้อแจ็คเก็ตสีเลือดหมูเท่านั้น รวมถึงเธอก็ไม่ได้แต่งหน้าด้วย เจ้าสาวคงจะตกใจกับสภาพหน้าธรรมชาติ(ลงโทษ) อย่าเยอะค่ะคุณขา ใครจะไปรู้ว่าจะต้องมาร่วมงานแต่งงาน ไม่อย่างนั้นจะอัญเชิญจิตวิญญาณคุณแม่ชมพู่ อารยา ประทับร่างแล้วแต่งชุดให้พร้อมไปเดินแบบเมืองคานส์ ที่ฝรั่งเศสได้เลย นี่แค่มาโบสถ์ก็แต่งชุดธรรมดาก็พอแล้ว
จากที่ตั้งใจจะไปแอบเนียนในศึกชิงช่อดอกไม้เจ้าสาวกับผู้หญิงคนอื่นๆที่มาร่วมงาน แพรววนิดเปลี่ยนใจไปสำรวจรอบๆมหาวิหารแทน ขืนเสนอหน้าไป มีหวังเจ้าสาวได้แหกอกเธอแน่ๆ ไม่เป็นไร แค่ดอกไม้ช่อเดียว ไปหาซื้อเอาก็ได้ ก็ไม่อยากได้นักหรอก ไม่อยากได้เลยจริงจริ๊ง
“สวัสดีครับ” ชายชาวต่างชาติคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายแพรววนิดด้วยภาษาอังกฤษ พร้อมกับส่งยิ้มให้เธอ เขาสวมแว่นตาสีดำ เสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำตาลพร้อมกับกีต้าร์คู่ใจ
“อ่อ…สวัสดีค่ะ” แพรววนิดมองชายหนุ่มด้วยความงุนงง เธอไม่รู้จักคนนี้ๆเลยสักนิด ดูเหมือนชายคนนั้นจะอ่านสายตากังวลของแพรววนิดออก เขายิ้มให้เธออีกครั้ง และส่งโทรศัพท์มือถือที่เปิดโหมดถ่ายรูปไว้แล้ว
“ต้องขอรบกวนคุณถ่ายรูปให้ผมได้ไหมครับ” เขาบอกเจตนา
“ได้ค่ะ” แม้จะสงสัยว่าทำไมต้องให้เธอถ่ายรูปให้ ทั้งๆที่ก็มีผู้คนมากมายที่ยืนเรียงราย แต่เขาก็เลือกเธอ เอ๊ะ หรือว่าพระเยซูจะประทานเนื้อคู่มาให้ เฮ้ย เป็นไปได้ ท่านศักดิ์สิทธิ์จริงๆ น้องไม่นกแล้วจ้า
แพรววนิดยิ้มอย่างมีความหวัง ก่อนที่จะกดถ่ายรูปให้เขาหลายภาพตามจุดต่างๆของมหาวิหาร ชายชาวต่างชาติคนนั้นถามแพรววนิดว่าอยากถ่ายรูปด้วยหรือเปล่า แต่เธอตอบปฏิเสธ เพราะเคยถ่ายแล้ว ก็แน่ล่ะ อยู่มาตั้งหกปี เชียวนะ
“คุณชื่ออะไรครับ ผมชื่อเฟรดดี้ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” เขายื่นมือทักทายตามธรรมเนียมของการทำความรู้จักแบบสากล
“ฉันชื่อพริ้นท์ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” แพรววนิดยิ้มรับ และยื่นมือตอบกลับไป ทั้งสองคนพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวส่วนตัวของแต่ละคน ดูเหมือนว่าเฟรดดี้เองก็ดูจะสนใจแพรววนิดไม่น้อย เพราะจากการที่เขาค่อยขยับตัวเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนแพรววนิดก็ได้แต่ลุ้นว่าเมื่อไหร่ เขาจะขอไอดีไลน์หรือเฟสบุ๊กของเธอสักที ด้วยความที่กลัวว่าถ้าออกตัวเป็นฝ่ายขอผู้ชายก่อน จะเสียหน้าเหมือนคราวก่อนที่ทำให้เธอปิดหัวใจมาเกือบสองปี เรียกว่าเสียศูนย์ไปเลย ไม่จีบใคร และไม่มีใครมาจีบ นกหนักมาก และแล้วความฉลาดปราดเปรื่องในสกิลการอ่อยผู้ชาย แพรววนิดวางไพ่ใบสุดท้ายทันที
“ฉันต้องไปแล้วนะ” อยากจะรู้เหมือนกันว่าขนาดนี้แล้ว เขาจะขอคอนแทคเธอไว้ไหม
“น่าเสียดายจัง คุยกับคุณสนุกดี ผมชอบคุณมาก น่าเสียดายที่คุณจะกลับไทยพรุ่งนี้แล้ว” เขาแตะไหล่แพรววนิดสองสามครั้ง
‘ชอบก็ขอไลน์ไว้สิโว้ย เนี่ย ฉันอ่อยขนาดนี้แล้ว ยังซื่อบื้ออยู่ได้’
แพรววนิดแอบค่อนขอดอยู่ในใจ แต่ยังต้องฝืนยิ้ม เริ่มลังเลว่าจะเป็นฝ่ายขอก่อนดีหรือเปล่า แต่แล้วก็ตัดสินใจได้ว่า
ช่างแม่ง
“ลาก่อนนะคะ แล้วเจอกัน” แพรววนิดยิ้มให้ ก่อนจะรีบหันหลังโดยไม่แม้แต่จะรออีกฝ่ายกล่าวลา รอยยิ้มค่อยๆหุบลงเรื่อยๆจนกลายเป็นเส้นตรง ดวงตาคู่สวยมองขึ้นไปบนท้องฟ้า กรอกตาไปมา อย่างยอมรับชะตากรรม ในที่สุด ก็ไม่ได้ผู้ชายกลับบ้าน โอเค ขอตั้งชื่อเรื่องนี้ว่า ‘น้องนกที่ออส’ มือบางเลื่อนไปหยิบแว่นตาสีดำในกระเป๋าสะพายใบเล็ก แม้ว่าพระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว แต่ด้วยความมั่นหน้า เจ้าหล่อนก็สวมมันอย่างมั่นใจ พูดเลยว่านกไม่ได้มาเล่นๆ ไม่เป็นไรค่ะ สามีคงไม่ได้อยู่ที่ออสเตรเลีย เดี๋ยวกลับไปหาที่ไทย คติประจำใจคือ ‘ถึงไม่มีทองกองเท่าหัว แต่จะไม่มีผัวไม่ได้’ ขอต้อนรับสู่วิถีของ ‘นก’ เชื่อแพรววนิดเถอะค่ะว่า นกวนไป นกบ่อยๆก็จะได้เป็นอินทรี จ้าวแห่งนก
เพชรประกาย
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ต.ค. 2560, 22:42:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ต.ค. 2560, 22:42:39 น.
จำนวนการเข้าชม : 865
ตอนที่ 1 : แพรววนิดเอง จะใครล่ะ >> |