เพื่อนกันวันสุดท้าย
เธอ...สาวทอมมาดหลุดผู้สับสนทางเพศ
เขา...คนที่เป็นเพศอะไรก็ได้เพื่อเธอ
และ
เธอ...เพื่อนสนิทคิด(ไม่)ซื่อ
เขา...เพื่อนชายนายแสนซื่อ(บื้อ)
เขา...คนที่เป็นเพศอะไรก็ได้เพื่อเธอ
และ
เธอ...เพื่อนสนิทคิด(ไม่)ซื่อ
เขา...เพื่อนชายนายแสนซื่อ(บื้อ)
Tags: เพื่อนกันวันสุดท้าย เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ เพื่อนสนิท รักเพื่อน เพื่อนรัก วินธัย ภัทรนรินทร์ ต้นน้ำ ศวิตา
ตอน: 11. ฉันรักแกนะภัทร
สวัสดีค่ะ หลังควันหลงวันแม่ ขอให้ทุกคนรักแม่มากขึ้น ทำดีกับท่านให้มากนะคะ ^^ (แน่นอนว่านักอ่านที่น่ารักก็ต้องเป็นลูกที่น่ารักอยู่แล้ว)
คราวนี้มีเร็วกว่ากำหนด (จริงป๊ะ??)
ก็ไม่มีอะไรค่ะ อีกสามวีคปริ๊นซ์จะสอบ 555
เพราะงั้นตอนหน้าเนี่ยสามวีคแหงๆ เลยนะ (จ๊ากกก ใครเขวี้ยงป้ายไฟค้าาา)
แหม อย่างอนกันเลยน้าาา
จะพยายามปั่นสุดชีพเลย
ช่วงนี้ใครอยู่แถวๆ สงขลา โซนนี้ถ้าได้แวะเวียนมาเที่ยว 'งานเกษตร' ที่ มอ.
ก็มาทักทายกันได้นะจ๊ะ ไม่ได้ไปขายนิยายนะ แต่ว่าอยู่แถวนั้นเฉยๆ ^^"
มีของกินเยอะแยะเลย แล้วก็พืชักสารพัดสัตว์ ดูๆ ไปก็แอบเหมือนเจเจนะเนี่ย 555
ตอบเม้นต์
คุณaom --- หวานบ้างเศร้าบ้าง ชีวิตจะได้มีรสชาดไงคะ อิอิ (ใครขว้างขวดมาเนี่ยยยย 55) ขอบคุณสำหรับกำลังใจ
คุณgrazioso --- กรี๊ดป้ายไฟ ฮูเร่ๆ กำลังใจเพิ่มขึ้นล้นหลาม (เว่อร์ไปมั้ย 555) คู่ต้นน้ำคงต้องดูกันต่อไป ส่วนนายวินนี่จะง้อหรือจะงอนก็ยังงงๆ อิอิ ขอบคุณมากมายสำหรับกำลังใจที่น่ารักนี้ค่า
คุณanOO --- ไฟลามมือซะแล้ว อะจึ๋ยยย กำลังจะบอกอ้อมๆ ป่ะว่าคนเขียนมาช้าจนไฟลามมือ 555 (ร้อนตัวนะเนี่ยยยย!!) แต่ว่าป้ายไฟก็ดีค่ะ love love หมดแหละแค่เม้าท์มอยกัน ^^
คุณsai --- หวานบ้าง จืดบ้าง เศร้ามั่งนะ ชีวิตจะได้มีรสชาด อิอิ (ไม่ต้องพึ่งคนอร์ด้วยเอ้า!!!)
คุณPat --- หวานๆ ขมๆ เราก็ยอมกันไป ความจริงในใจก็โกรธ เย้เย (เย้ย! เพลงสมัยคุณย่ายังสาว ฮาาา) สลับกันบ้างเนอะ ทรมานเหมือนกันนะเนี่ยเขียนให้เขาทะเลาะกัน (บาปป่าวหว่า โฮะๆ)
คุณชอบอ่าน --- มาสั้นๆ แต่ได้ใจความ ขอบคุณมากๆ ค่า ไม่น่าเชื่อว่าเม้นต์สั้นๆ แต่ทำให้มีกำลังใจอีกเยอะเลย แต่ยังไงก็ติได้นะคะถ้าตรงไหนไม่ดี ^o^
คุณJelly --- ตึงๆ ทั้งสองคู่จะได้ไม่น้อยหน้ากัน แหะๆ (สีข้างเริ่มถลอก คนเขียนเริ่มไถไปเรื่อยยยย ก๊ากกก)
คุณหมู้หมู --- อ้าว แล้วไม่ลุ้นคู่พี่วินอ่อ (พี่วินแอบน้อยใจนะเนี่ย) ความจริงพี่แกจะขอดราม่ามั่ง แต่ผู้จัดไม่อนุมัติ ให้พี่แกพูดน้อย นั่งหล่อๆ นิ่งๆ ก็พอแล้ว 555
คุณroseolar --- น้องฝ้ายเป็นไงบ้างจ๊ะ ช่วงนี้เรียนหนักป่ะ เออเนี่ยกลับมาจาก วพม. ทุบหัวมาไม่ได้สักคนเลย แย่จัง 555 อ๊ะ! วีต้าจะหนีหรือไม่ ต้องติดตามมมม
คุณAHA --- ขอนับนิ้ว...ไม่เกินสามอาทิตย์ค่า เย้ๆ ได้ป้ายไฟตั้งสิบอัน(มันโลภมาก วะฮะฮ่า) สัญญาแล้วนะเออ คิกคิก
-------------------------------------------------------------------------
11.
“โธ่เอ๊ย! ตบะแตกซะแล้วหรอวะ ยังไม่ทันไร” ต้นน้ำแขวะกลั้วหัวเราะมาตามสาย หลังจากที่เธอเล่าเรื่องเมื่อครู่ให้ฟัง
“ก็ฉันนึกว่าฝันนี่หว่า ใครจะไปรู้ล่ะ จะว่าไปก็ความผิดวินมันที่ให้ยัยผีบ้านั่นเข้ามาง่ายๆ แบบนั้น” หล่อนแก้ตัวอุบอิบ
“ไม่ใช่แกเองที่ปิดประตูไม่สนิทหรอวะ?”
“เออๆๆ แกก็เข้าข้างวินอยู่ดีนั่นแหละ ไม่เอาละ ฉันโทรไปหาวีต้าดีกว่า” เธอว่า ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อน้ำเสียงของเพื่อนสนิทเริ่มร้อนรน
“เฮ้ย! ไม่ต้องๆๆ คุยกับฉันนี่แหละดีแล้ว”
“อะไรของแก ฉันจะโทรหาวีต้าก็ไม่ได้ หรือว่า...”
ยังไม่ทันซักไซ้อะไรเพิ่ม ต้นน้ำก็ถือโอกาสวกกลับเรื่องเดิม “แล้วนี่ไอ้วินไปไหนเสียล่ะ กลับบ้านไปแล้วหรอ”
“กลับกะบ้านแกสิ ฉันยังนั่งอยู่บนฝาชักโครกในห้องน้ำที่ออฟฟิศมันเนี่ย”
“อ้าวใครจะไปรู้ ถึงว่าเสียงก้องๆ” เขาตอบ “แล้วที่โทรมานี่คงไม่ได้กะจะเล่าให้ฟังเฉยๆ หรอกใช่มั้ย”
“อื้อหือ แกนี่มันรู้ใจจริงๆ ว่ะไอ้เพื่อนยาก”
“ไม่ต้องมาเล่นลิ้น มีอะไรก็ว่ามา”
“ฉัน...ฉันไม่รู้ว่าตัวเองผิดมากมั้ย แล้วจะทำยังไงต่อไปดี เข้าใจมั้ยไอ้ต้นว่าฉันไม่เคยเป็นแบบนี้”
ต้นน้ำทำเสียงอืมๆ เป็นเชิงเข้าใจมาตามสาย แต่หากภัทรนรินทร์มีตาทิพย์คงอยากจะกระแทกสายลงตรงนั้น เพราะชายหนุ่มที่ทำเหมือนเข้าอกเข้าใจ ตอนนี้กำลังกุมท้องกลั้นหัวเราะสุดความสามารถจนปวดแก้ม
“ทำไมมันยากอย่างนี้วะ ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปดี”
“ไม่เห็นจะยากนี่ภัทร” เขาตอบอย่างเอ็นดูคนที่เริ่มจะทำตัวเป็นผู้หญิงขึ้นบ้างแล้ว “แกไม่ต้องคิดว่าตัวเองผิดมั้ย ถ้ารู้ว่าตัวเองควรจะขอโทษก็พูดไปไม่ต้องยักท่า ถ้ามันจะทำให้แกกับวินเข้าใจกันมากขึ้นก็ทำไปเหอะ...ความรักนะเว้ยไม่ใช่ตรรกะ ไม่ต้องหาเหตุผลมากมายนัก”
ปลายสายเงียบไปอย่างนึกไตร่ตรอง ก่อนจะส่งเสียงแซวมาตามสาย “ฮั่นแน่! พูดอย่างกับคนเคยมีความรัก หนอยๆ เอาใครไปซ่อนไว้อย่าให้รู้นะ”
“ซ่อนบ้าซ่อนบออะไรของแก” ต้นน้ำบ่นเสียงดังกลบเกลื่อน เหลือบไปมองร่างแน่งน้อยบนเตียง แล้วพูดกับคนปลายสายอย่างยียวน “...ถ้าหมดสารพันปัญหาเข้าสู่วัยสาวของแกแล้วล่ะก็ฉันจะวางล่ะนะ แค่นี้ล่ะ โชคดีเพื่อน”
“ปัญหาวัยสาวบ้านแกสิ ไอ้บ้า!” ภัทรนรินทร์แอบบ่น แม้จะรู้ว่าปลายสายที่วางไปแล้วไม่มีทางได้ยินก็ตามที ร่างสูงโปร่งยืนขึ้นบดขี้เกียจสองสามที พลางสูดหายใจลึกๆ เรียกความมั่นใจของตัวเองกลับมา แล้วเตรียมออกไปเผชิญหน้ากับความจริงอย่างต้นน้ำว่า
ความรักไม่ใช่ตรรกะนี่นะ...
ว่าแต่...นี่มันคือความรักใช่ไหม?
ต้นน้ำอมยิ้มกับโทรศัพท์มือถือ อย่างน้อยเขาก็ดีใจที่เพื่อนที่เขารักมากที่สุดดูท่ากำลังจะมีความสุขกับคนที่คงไม่ทำให้มันทุกข์
การเห็นคนที่เรารักทั้งสองคนมีความสุขมันก็ดีอย่างนี้นี่เอง
ชายหนุ่มหยุดยืนที่ปลายเตียง ทอดสายตาอ่อนโยนมองร่างบอบบางที่หลับสนิทอยู่บนเตียง ดวงหน้าสวยงามหมดจดซุกอยู่กับหมอนอย่างคนขี้เซา แต่จู่ๆ ปลายเท้าที่เตะผ้าห่มผืนบางหลุดจากการห่อหุ้มทำให้ต้นน้ำต้องรีบเบือนหน้าหนีภาพความงดงามที่อาจทำให้เขาทำผิดกับเพื่อน...ที่เขาไม่อาจรักหล่อนได้อย่างเพื่อนอีกแล้ว
หรือบางที...เขาอาจไม่เคยคิดกับหล่อนเหมือนเพื่อนเสียเลยด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มกลั้นใจค่อยๆ นั่งขอบเตียงหมิ่นเหม่ เมื่อเห็นว่าคนหลับยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นจึงค่อยๆ ดึงผ้าขึ้นมาห่มให้ดังเดิมปกปิดเรือนร่างสมส่วนไว้ ก่อนจะตระกองกอดหล่อนเอาไว้อย่างที่ใจต้องการ
เพราะสัมผัสบางเบาไล่ตั้งแต่หน้าผาก จมูก ตา หลังใบหู เรื่อยมาจนถึงริมฝีปาก ทำให้คนนอนหลับเริ่มรู้สึกตัว เพียงแต่ยังไม่ลืมตา เขายังมีความสุขอยู่ในฝันดีและรอคอยว่ามือซุกซนจะเลื่อนไปที่ใดอีกบ้าง
ศวิตาอมยิ้มเพราะรู้ทันว่าคนที่เธอนอนซบไออุ่นมาหลายชั่วโมงยามนี้ตื่นแล้ว เพียงแต่ไม่ยอมลืมตาเท่านั้น นิ้วเรียวสวยจึงวกขึ้นไปบีบจมูกโด่งอย่างหมั่นเขี้ยว แต่ยังเหมือนเดิมหญิงสาวจึงฉวยแว่นเขาเพราะคิดว่าต้นน้ำคงรีบลุกขึ้นมาแย่งคืนไม่ทัน แต่ผิดคาด คราวนี้คนสวยจึงยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างที่เขาไม่มีวันเห็น ริมฝีปากอิ่มก้มลงไปจุ๊บปากเขาแผ่วเบา แล้วทำท่าจะลุกหนีจากเตียง
“อุ๊ย!” ศวิตาร้องเบาๆ เมื่อถูกมือใหญ่โอบรัดที่เอวจากข้างหลังแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงดังเดิม
ต้นน้ำพลิกร่างหล่อนลงก่อนจะลืมตา แต่เพราะสายตาที่สั้นมากทำให้เขาต้องหยีตาเพื่อหาโฟกัส เห็นเพียงยิ้มหวานของผู้หญิงที่รักเลือนลาง
“ยอมตื่นแล้วหรอ”
“ฮื่อ...ก็มีคนแกล้งนี่นา”
“จั๊กจี้ล่ะสิ” ศวิตาว่าพลางหัวเราะคิกคัก
“เปล่า” ต้นน้ำตอบ “คนแกล้งปล้นจูบแบบเด็กๆ น่ะซี”
หญิงสาวหน้าแดง มีอย่างที่ไหนมาว่าจูบหล่อนเป็นเด็ก...เดี๋ยวเถอะ!
“แว่นฉันล่ะวีต้า”
“ไม่รู้ไม่ชี้ ปล่อยได้แล้ว”
“ไม่เอา เดี๋ยวเธอทิ้งฉัน ฉันไม่มีแว่นฉันกลัว”
ศวิตายิ้มบางๆ ให้พ่อคนขี้กลัวก่อนจะคล้องมือรอบคอเขา “ฉันจะทิ้งนายไปไหนได้ นี่มันเกาะของฉันนะ”
“แล้วถ้าไม่ใช่ที่นี่”
โชคดีเหลือเกินที่เขาไม่มีแว่น หญิงสาวคิด มิฉะนั้นเขาคงเห็นสายตาที่เปิดเปลือยทุกความรู้สึกของหล่อนหมดแล้ว ความลับทั้งหมดคงไม่ใช่ความลับอีกต่อไป
คล้ายกับว่าเอาเปรียบเขามากเกินไป หากเธอจ้องมองสายตาอ้างว้างและโดดเดี่ยวราวกับเด็กชายตัวน้อยของเขานานกว่านี้และอาจเป็นเธอเองที่ใจอ่อน
ถ้าหล่อนจะขอซื้อเวลาที่เหลือบนเกาะแห่งนี้ให้มีเพียงหล่อนกับต้นน้ำ ไม่มีคำว่าดีชั่วมากั้นกลาง ไม่มีคำว่าเพื่อน ไม่มีชื่อของภัทรนรินทร์และวินธัย หรืออะไรก็แล้วแต่ มีเพียงแค่คนที่เปิดเปลือยหัวใจให้อีกฝ่ายรับรู้
แค่เวลาไม่กี่วัน แต่จะหล่อเลี้ยงหัวใจหล่อนไปตลอดกาล
หญิงสาวค่อยๆ โน้มลำคอของเขาลงมาจนกระทั่งช่องว่างระหว่างสองร่างเริ่มแคบลง ริมฝีปากประทับกันแนบสนิท ต่างฝ่ายต่างควานหาความหวานล้ำอย่างเรียกร้องและเติมเต็มซึ่งกันและกันจนอิ่มล้นปรี่ไปทั้งหัวใจ
แต่จู่ๆ ต้นน้ำกลับเป็นฝ่ายขืนตัวไว้ทั้งที่เสียงหอบยังคงรุนแรง “ฉันจะไม่ทำร้ายเธอ”
หญิงสาวยิ้มอย่างสุขใจ แล้วส่ายหน้าช้าๆ เสียงหวานเอ่ย “นายจะรักฉันต่างหาก...ใช่ไหม”
แทนคำตอบทั้งปวง ต้นน้ำพิสูจน์ให้หญิงคนรักรู้ เขารักหล่อนอย่างที่ปรารถนามาตลอดและมันจะไม่ใช่เพราะความพิศวาสที่เกิดขึ้น และไม่ใช่เพราะขาดความยั้งใจ แต่ทุกอย่างจะออกมาจากหัวใจของผู้ชายที่รักเธอมากว่าใคร
เขาจะ ‘รัก’ ให้หล่อนรู้
แสงไฟในเมืองกรุงบัดนี้ไม่สวยงามน่ามองอีกแล้วสำหรับภัทรนรินทร์ เพราะความเงียบขรึมและเย็นชาที่แผ่ออกมาจากคนข้างๆ ทำให้เธอไม่มีกระจิตกระใจจะชื่นชมความงามของมัน
หลังจากที่เธอวางสายจากต้นน้ำ และตัดสินใจจะพูดกับวินธัยให้รู้เรื่อง แต่อีกฝ่ายกลับทำเพียงรับฟังคำขอโทษของเธอไปอย่างแกนๆ ไม่รับรู้อะไรมากกว่านี้ ก่อนจะก้าวอาดๆ เดินนำลงมาที่ลานจอดรถ
ภัทรนรินทร์ถอนหายใจ ไม่ค่อยเข้าใจความคิดของคนพูดน้อยขึ้นมาครามครัน อยากจะกระชากคอมันให้คายทุกอย่างที่มันรู้สึกออกมา แต่ก็รู้ว่าคงทำได้แค่คิด
“วิน ฉัน...” รถยนต์จอดสนิทที่หน้าบ้าน ไม่มีแม้แต่คำล่ำลาใดๆ ออกจากปากชายหนุ่ม “ฉันขอโทษ”
“เข้าบ้านเถอะ”
หญิงสาวเม้มปากแน่น แม้แต่หันมาพูดกับเธอเขายังไม่ทำ วินธัยพูดกับพวงมาลัยราวกับว่ามันสำคัญมากกว่าเธออย่างนั้น
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เธออยากให้เขาเห็นความสำคัญ
คำถามคงไม่มีคำตอบ เพราะไม่แน่ว่าเธออาจเป็นคนทำลายคำตอบมันเองกับมือ
ชายหนุ่มฟุบหน้าลงหลังพวงมาลัย หญิงสาวลงไปนานแล้ว แต่เขายังอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน เหมือนที่อยู่ข้างๆ กายเธอมาตลอดสี่ปีที่รู้จักกันโดยที่อีกฝ่ายไม่เคยระแคะระคาย เหมือนกับที่ทุกครั้งเขาต้องทนเห็นเธออยู่กับคนอื่น แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้หญิงก็ตาม
เขายังอยู่ที่เดิมเสมอ...รอคอยเสมอ
แต่ไม่รู้เป็นอะไร หรือเป็นเพราะเขาได้ขยับฐานะตัวเองขึ้นมาเป็นคนรู้ใจของเธอ แม้ว่าจะเป็นเพราะเธอถูกมัดมือชกจากต้นน้ำก็ตาม แต่เขาก็ดีใจอยู่ลึกๆ ที่วันนั้นเป็นเขา ผู้ชายคนแรกที่เธอหันกลับมามองคนที่ยืนอยู่ที่ตรงนี้ที่เดิมมานานแสนนาน
แต่มันอาจทำให้เขาหวังมากเกินไป การเปลี่ยนความชอบของใครไม่ใช่เรื่องง่ายวินธัยรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เคยชอบผู้หญิงมาทั้งชีวิตอย่างภัทรนรินทร์
ทั้งที่เขาเองเคยลั่นวาจาไว้ว่าจะเป็นอะไรก็ได้เพื่อเธอ แต่ตอนนี้ความไม่มั่นใจในรักครั้งนี้มันถาโถมให้เขาหวั่นไหวในใจอย่างบอกไม่ถูก
หรือบางทีเขาอาจต้องกลับไปยืนที่เดิม เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่งดงามนั้นไว้
ภาพรถคันคุ้นตาที่ขับห่างไปจากหน้าบ้านเธอทำให้ร่างโปร่งบางยอมปล่อยมือออกจากผ้าม่านก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างหมดแรง
เธอทำผิดใช่ไหม...ผิดไปแล้วใช่ไหม
เธอก็ไม่ต่างจากพวกผู้ชายมักมากที่ไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ หมั่นแสวงหาสิ่งใหม่ๆ ให้ตัวเองอยู่เสมอ โดยไม่คำนึงถึงคนที่คอยอยู่ข้างๆ มาตลอด คิดเพียงว่าไม่ได้จริงจังกับใครเท่าเขา และเธอก็รักเขามากกว่าใคร
เธอควรทำอย่างไรต่อไปดีภัทรนรินทร์?
มือบางก่ายหน้าผากอย่างครุ่นคิด ยอมรับว่าภาพความหมางเมินของวินธัยที่ไม่เคยมีให้เห็นมาก่อนทำให้เธอใจหายอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความคุ้นเคยที่มีเขาอยู่ข้างๆ มาตลอด หรือเป็นเพราะอะไรกันแน่
จนบัดนี้ เธอก็ยังโลเลและไม่แน่ใจในความรู้สึกนี้จริงๆ
และคงบอกไม่ได้ว่าในอนาคตหากมีใครคนใหม่เข้ามาเธอจะเตลิดกลับไปเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่า วินธัยเป็นแค่ทางผ่านเหมือนอย่างผู้หญิงที่เธอเคยผ่านมาหรือไม่?
ไม่! เสียงหัวใจประกาศกร้าวอย่างน่าตกใจ
หล่อนเชื่อว่าวินธัยมีความสำคัญมากกว่านั้น อย่างน้อยเธอก็รู้จักกับอีกฝ่ายมานานกว่าที่จะใช้คำว่าฉาบฉวย และผูกพันกันอย่างที่มากกว่าจะเรียกว่าทางผ่าน
แต่ระยะเวลาไม่ใช่สิ่งการันตี
เธอยังไม่แน่ใจว่าเขาจะเป็นที่พักใจที่แรกและที่สุดท้ายสำหรับนักผจญภัยอย่างเธอหรือไม่
มือบางหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกง กดหาเบอร์ของศวิตา...คนที่น่าจะให้คำปรึกษาได้ดีที่สุด
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายปลายทาง ในใจแสนห่วงเพื่อนสนิท เพราะไม่บ่อยนักที่อีกฝ่ายจะปิดเครื่องอย่างนี้ แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเลขาของศวิตาบอกว่าอีกฝ่ายไปดูงานที่สิงคโปร์กะทันหัน...จริงหรือ?
หาคำตอบไม่ได้จริงๆ และถ้าจะให้ข่มตานอนก็คงนอนไม่หลับด้วยเรื่องเมื่อตอนหัวค่ำ นิ้วเรียวจึงกดโทรศัพท์ต่อสายถึงอีกเบอร์คุ้นเคย
เสียงเรียกเข้ามือถือปลุกให้ต้นน้ำตื่นโดยเร็ว เขาคว้ามือถือมาดูโดยที่ขยับเขยื้อนร่างกายให้เบาที่สุด เพื่อไม่ให้คนที่อิงแอบเขาอยู่รู้สึกตัวตื่น
แม้ว่าปลายสายจะเป็นชื่อของภัทรนรินทร์ แต่เขาคงไม่รับหากไม่รู้ว่าเพื่อนรักทะเลาะกับวินธัยอยู่ ที่โทรมาก็ไม่รู้ว่าดีหรือร้าย
อย่างไรเขาก็ปล่อยให้มันอยู่คนเดียวไม่ได้อยู่ดี
“ฮัลโหล”
“แกนอนหรือยัง”
“ยัง” เขาตอบเสียงเบา “แกมีอะไรหรือเปล่า แล้วเป็นไงบ้างคุยกันเข้าใจหรือยัง”
“ฮื่อ...” ปลายสายครางเบาๆ จนต้นน้ำไม่มั่นใจว่าเสียงอีกฝ่ายเจือสะอื้นด้วยหรือเปล่า
“ภัทร...แกเป็นอะไร ใครทำอะไรแกบอกฉันสิ” เขาถามเสียงร้อนรน ร้อยวันพันปีแทบไม่เคยเห็นเพื่อนรักต้องเสียน้ำตา
“...”
“อย่าทำให้ฉันเป็นห่วงแกได้มั้ย ไม่ไว้ใจฉันแล้วหรอถึงไม่เล่าให้ฟัง”
“ฉัน...” ภัทรนรินทร์ปาดน้ำตาลวกๆ น้ำตาบ้าที่มันไหลออกมาเอง “ฉันไม่รู้ มันแย่มากเลย ฉันจะทำยังไงดีต้น ทำไมไม่มีใครรักฉันเลย”
หล่อนกัดริมฝีปากตัวเองอย่างลงโทษที่มันกล้าเรียกร้องความรักจากใครบางคน
ความรักที่บัดนี้อาจเหลือเพียงความไม่มั่นใจ
ความรัก...ที่อาจเป็นเธอเองที่ไม่เคยมีให้วินธัย
เพียงความเห็นแก่ตัวของคนไม่รู้ใจตัวเองงั้นหรือภัทรนรินทร์?
“ฉันรักแกนะภัทร แล้วก็ยังมี...ฮัลโหลๆ”
ต้นน้ำหัวเสีย จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดันมาแบตหมดซะดื้อๆ ชั่งใจว่าจะทำอย่างไรดี สุดท้ายความห่วงเพื่อนก็มีมากกว่า ต้นน้ำค่อยก้มลงจุมพิตหน้าผากเกลี้ยงเนียนของหญิงคนรัก ก่อนจะยกวงแขนของอีกฝ่ายออกเบาๆ แล้วห่มผ้าให้เรือนร่างกลมกลึง
ชายหนุ่มควานหาเสื้อผ้ามาใส่ลวกๆ ก่อนจะฉวยโทรศัพท์เพื่อกลับไปชาร์ตแบตเตอร์รี่ที่ห้องตัวเอง
ทิ้งไว้เพียงกลิ่นอายความเศร้าและเสียงสะอื้นไห้ปริ่มจะขาดใจของคนที่ไม่ได้หลับอย่างที่แสดงออก น้ำเสียงอ่อนโยนที่ไม่ได้มีไว้ให้เธอคนเดียว ความห่วงหาที่ไม่ใช่เพียงเธอที่ได้ครอบครอง คำว่า ‘รัก’ ที่เขามีไว้ให้ภัทรนรินทร์ ตัวจริงของเขาคนเดียว เสียงนุ่มหูและประโยคบอกรักอย่างอ่อนหวานของต้นน้ำดังลั่นในหัวใจของเธอ
‘ฉันรักแกนะภัทร’
สายน้ำจากก๊อกยังคงไหลเอื่อยๆ ผ่านปลายนิ้วเท้าขาวสะอาดของเจ้าของร่างที่นั่งนิ่งไม่ไหวติง ดวงตาเหม่อลอย ไม่รู้แม้กระทั่งน้ำเริ่มล้นออกจากอ่าง
แต่ไหนแต่ไรภัทรนรินทร์ไม่เคยพิสมัยการนอนแช่น้ำอุ่นและครั้งนี้ก็เหมือนกัน เธอไม่ได้ตั้งใจแช่เลย...ให้ตายสิ
เพียงแต่ใจมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หลังจากที่สายต้นน้ำตัดไปคงเพราะอีกฝ่ายแบตเตอรี่หมด เธอก็ปิดเครื่องตาม แม้ต้นน้ำจะเป็นเพื่อนที่คบกันมานานแต่บางเรื่องก็ซับซ้อนเกินกว่าที่เธอจะอธิบายให้มันฟัง
ก็บางทีเป็นเธอเองที่ยังไม่เข้าใจตัวเองจวบจนตอนนี้
ต้นน้ำเป็นเพื่อนที่เธอคุยได้แทบทุกเรื่อง เพราะมันเป็นคนไม่คิดอะไรแต่ก็มักจะมีความคิดดีๆ ในความไม่มีอะไรมาสอนให้เธอรู้จักปล่อยวางในบางเรื่อง มันเป็นเพื่อนที่เฮไหนเฮนั่น ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตลอด เรียกได้ว่าเรื่องเรียนก็สอบได้ที่หนึ่งเบียดกันมาตลอด วิ่งหนีอาจารย์ฝ่ายปกครองด้วยกันเป็นกิจวัตร แถมยังรู้จักเธอชนิดที่น่าเกลียด
‘แกน่ะอ้าปากก็เห็นถึงไส้ตรง’
ส่วนศวิตาแม้จะรู้จักกันทีหลังแต่ความสนิทไม่ยิ่งหย่อน เจ้าหล่อนช่างพูด สรรหาเรื่องมาคุยตลอดเวลา เป็นผู้หญิงน้อยคนบนโลกที่ไม่เรื่องมาก(อย่างน้อยก็เวลาอยู่กับเธอ) เรียกได้ว่าเป็นคนที่บางเวลาทำให้เธอแสดงตัวตนอย่างที่ผู้หญิงพึงมีได้อย่างไม่กระดากใจ
แต่กับ ‘เขา’ นั่นเล่า...พูดกันก็น้อย แต่พอมาคิดดูอีกที วันเวลาเก่าๆ แทบไม่มีช่องว่างของช่วงเวลาใดที่ไม่มีภาพของวินธัย ผู้ชายเงียบขรึมที่เอาแต่ยืนนิ่งๆ ทว่ามีความอบอุ่นแผ่ซ่านไปสู่คนรอบข้าง แม้ไม่มีคำพูดแต่แค่อยู่ใกล้ๆ หัวใจที่ว้าวุ่นมันกลับสงบลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ
แล้วตอนนี้ผู้ชายคนนั้นกำลังทำอะไรอยู่ ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเวลาที่ไม่มีเขา มัน...เหงาสักแค่ไหน
น้ำอุ่นๆ คลออยู่ในดวงตา มือบางปาดลวกๆ แล้วยิ้มหยันให้ตัวเอง เมื่อก่อนเธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมทุกครั้งที่เลิกรา ดวงตาของผู้หญิงคนแล้วคนเล่ามันถึงจมด้วยกองน้ำตาแทบทุกครั้ง
คิดมาตลอดด้วยซ้ำว่าคนที่ไปกันไม่ได้จะดันทุรังไปทำไม สู้แยกกันตั้งแต่ตอนนี้รักษาความเป็นเพื่อนที่ดีไว้ไม่ดีกว่าหรือ
เสียงโทรศัพท์มือถือร้องส่งสัญญาณว่ามีข้อความใหม่ หญิงสาวสะดุ้งก่อนจะกวาดมือไปบนชั้นวางของ
เธอไม่เคยเอาโทรศัพท์เข้ามาในห้องน้ำ เว้ยเสียแต่วันนี้...
ภัทรนรินทร์หยิบมันขึ้นมาดู เมื่อพบว่ามันส่งมาจากวินธัยทำให้ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้ม
บางทีเวลาอาจเป็นคำตอบสำหรับทุกอย่าง คิดให้ดีกับเรื่องที่เกิดขึ้น รอคำตอบเสมอ
ความรู้สึกที่เรียกว่าความสุขในตอนแรกหดหายแฟบลงราวลูกโป่งที่ถูกเจาะรู ข้อความที่ส่งมาทำให้ไหล่เล็กลู่ลงคล้ายหมดแรง ศีรษะแหงนเงยปริ่มขอบน้ำ ดวงตาค่อยๆ หลับลงแม้มันจะยากเย็นเต็มที
ณ เวลานี้เธอไม่ต่างจากคนโง่ ไม่เข้าใจสักนิดว่าเวลาจะช่วยอะไรได้
มีเพียงความเข้าใจลางๆ ว่าเหตุใดนัยน์ตาจึงเอ่อท้นขึ้นมาอีกครั้ง
เช้าวันนี้อาจเป็นปกติเหมือนอย่างที่เคยเป็น เหมือนอย่างที่เธอเคยตื่นเช้ามาไปทำงาน ตอนบ่ายอาจแวะไปหาต้นน้ำและตอนดึกก็โทรไปเม้าท์กับภัทรนรินทร์
แต่มันจะเป็นอย่างนั้นไปได้อย่างไร ในเมื่อเมื่อคืนเธอยังนอนกกกอดผู้ชายของภัทรนรินทร์ไว้ราวเจ้าเข้าเจ้าของ แล้วอย่างนี้จะมีหน้าไปเจอเพื่อนรักได้อย่างไรกัน
เธอรักต้นน้ำ แต่ภัทรนรินทร์คือคนที่เธอไม่ควรทรยศ
และวินธัยก็ไม่ควรมาถลำตัวกับแผนการที่เธอสร้างขึ้นเพื่อให้ภัทรนรินทร์เปลี่ยนเป็นผู้หญิงเพื่อต้นน้ำ...ชายที่เธอแสนรัก
เธอไม่ใช่คนดี แต่ก็ไม่อยากให้ใครเจ็บปวด
และหากต้องเลือก เธอจะยอมรับความทุกข์ทรมานทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว
“อื้อ...” ศวิตาร้องเบาๆ ภวังค์ความคิดหยุดลงเมื่อถูกสวมกอดและหอมแก้มจากด้านหลัง หญิงสาวหันซ้ายขวากลัวว่าป้าจันจะเห็นเข้า “ปล่อยเถอะ...เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“ตื่นนานแล้วหรอ” เขาไม่ปล่อย แต่ถามกลับ แม้ในใจจะเจ็บปวด...เธอไม่ต้องการเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ให้ใครรู้ แม้ว่าเขาพร้อมจะรับผิดชอบการกระทำของตัวเองอย่างเต็มใจ “เรื่องเมื่อคืน”
นิ้วเรียวแตะเบาๆ บนกลีบปากเขา แล้วยิ้มบางๆ ให้ “เกาะนี้ฉันหยุดเวลาไว้ เราจะเป็นเด็กตลอดไป”
“ไม่มีเด็กที่ไหนทำแบบนี้ได้” เขาบอกก่อนจะก้มลงจูบหล่อนจนแทบจะขาดใจ “หรือแบบนี้” ใบหน้าหล่อเหลาซุกซบลงที่ซอกคอขาวผ่องแล้วทำท่าว่าจะเลยเถิดหากเธอไม่ยันเขาออกห่างเสียก่อน
ต่างฝ่ายต่างหอบเพราะความร้อนรุ่มที่เกิดขึ้น ดวงตาของต้นน้ำเต็มไปด้วยไฟพิศวาสและความโกรธกรุ่น “ทำไมวีต้า...ฉันไม่ดีตรงไหน”
ศวิตาสะอึก...หล่อนต่างหากที่ไม่ดี แย่งคนรักของเพื่อนมานอนกกกอดทั้งคืน แวบหนึ่งเธอไม่อยากคืนต้นน้ำให้ภัทรนรินทร์เลย “นายเป็นเพื่อนที่ดี”
“เพื่อน!” เขาคำราม “เพื่อนกันเขาไม่ทำแบบนี้กันหรอกวีต้า”
“แล้วนายอยากเป็นอะไร”
เพียงไม่กี่วินาทีแต่คล้ายกลับว่ายาวนานชั่วกัปชั่วกัลป์ ศวิตารอคำตอบที่อาจทำให้เธอตัดสินใจเป็นนางร้ายที่แย่งพระเอกมาจากนางเอกได้ทุกเมื่อ
หนุ่มแว่นละล้าละลัง เขาอยากบอกเธอเหลือเกิน แต่ก็ขี้ขลาดเกินกว่าจะยอมรับความผิดหวังนั่นได้ และไม่มั่นใจสักนิดว่าศวิตาจะไม่ถอยหนีไป หากรู้ความจริงในใจที่เขาสารภาพออกไป
บางที...หล่อนอาจจะหัวเราะและหาว่าเขาเพ้อเจ้อหรือเป็นเด็กโง่คนหนึ่ง
“ฉันอยาก...” ชายหนุ่มสบตาที่มีความมุ่งมั่นและหนักแน่นอยู่เต็มเปี่ยม “รับผิดชอบ” ทั้งร่างกายและหัวใจของเธอ
หญิงสาวยิ้มขื่น...สุดท้ายเธอก็เป็นได้แค่นางร้ายแฝงที่ต้องคืนเขาให้เจ้าของ
“ไม่ต้องหรอก”
ต้นน้ำบีบต้นแขนขาวแน่น เมื่อได้ยินคำปฏิเสธราวกับว่าการถูกใครสักคนพรากพรหมจารีไม่ใช่เรื่องใหญ่ “แต่ฉันเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ”
หญิงสาวอยากจดจำช่วงเวลานี้ไว้เหลือเกิน ช่วงเวลาที่เธอเป็นเจ้าของเขาแต่เพียงผู้เดียว แม้จะเป็นเพียงร่างกายแต่ไร้หัวใจ เธอกอดเขาแน่นก่อนจะฝืนทำเสียงร่าเริงสดใส
“ไม่เอา...ไม่พูดเรื่องเครียดๆ อย่างนี้ วีต้าหิวแล้วล่ะไปกินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวโรคกระเพาะกำเริบอีก”
“แต่...”
“ต้นไม่ห่วงวีต้าหรอ”
สุดท้ายเขาก็ต้องตามใจเธอเพราะความห่วงจริงๆ อีกอย่าง ยังมีเวลาอีกมากที่จะทำให้ศวิตายอมรับเขา บางทีหล่อนอาจจะกลัวกับการเปลี่ยนแปลง และยังไม่มั่นใจในตัวเขาเหมือนอย่างที่เธอเกลียดเพศพ่อมาตลอดชีวิต
แต่เขาเชื่อ...เชื่อว่าสักวันเขาจะทำให้เธอรักเขาให้ได้
แม้อาจจะเห็นแก่ตัวที่เขาคิดจะผูกมัดหล่อนไว้ด้วยคำว่ารับผิดชอบก็ตาม!
--------------------------------------------------------------------------
จบตอนนี้แล้วเป็นไงมั่ง
ติชม รุมกระทืบ เขวี้ยงป้ายได้ตามใจชอบจ้า (เพราะยังไงก็ไม่โดน)
แบร่........จ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!! (มีคนลองเขวี้ยงจริงนะเออ)
ไปแล้วดีกว่านะคะ ยิ่งอยู่ยิ่งรั่ว
เดี๋ยวคนอ่านที่น่ารักจะเข้าใจว่าอ่านนิยายของคนบ้าอยู่ ^^"
ปล. ช่วงนี้ฝนตกนะคะ อย่าลืมยืมร่มเพื่อนกลับบ้าน
เอ๊ย! อย่าลืมพกร่มมานะคะ
ปล.(มันยังไม่ไป) แหม แค่จะบอกว่าคิดถึงเฉยๆ อ่ะ
เม้าท์มอยตามประสา ป้ายไฟตลอดเว ขอบคุณสำหรับกำลังใจน่ารักๆ ค่ะ
เจ้าชายน้อย
คราวนี้มีเร็วกว่ากำหนด (จริงป๊ะ??)
ก็ไม่มีอะไรค่ะ อีกสามวีคปริ๊นซ์จะสอบ 555
เพราะงั้นตอนหน้าเนี่ยสามวีคแหงๆ เลยนะ (จ๊ากกก ใครเขวี้ยงป้ายไฟค้าาา)
แหม อย่างอนกันเลยน้าาา
จะพยายามปั่นสุดชีพเลย
ช่วงนี้ใครอยู่แถวๆ สงขลา โซนนี้ถ้าได้แวะเวียนมาเที่ยว 'งานเกษตร' ที่ มอ.
ก็มาทักทายกันได้นะจ๊ะ ไม่ได้ไปขายนิยายนะ แต่ว่าอยู่แถวนั้นเฉยๆ ^^"
มีของกินเยอะแยะเลย แล้วก็พืชักสารพัดสัตว์ ดูๆ ไปก็แอบเหมือนเจเจนะเนี่ย 555
ตอบเม้นต์
คุณaom --- หวานบ้างเศร้าบ้าง ชีวิตจะได้มีรสชาดไงคะ อิอิ (ใครขว้างขวดมาเนี่ยยยย 55) ขอบคุณสำหรับกำลังใจ
คุณgrazioso --- กรี๊ดป้ายไฟ ฮูเร่ๆ กำลังใจเพิ่มขึ้นล้นหลาม (เว่อร์ไปมั้ย 555) คู่ต้นน้ำคงต้องดูกันต่อไป ส่วนนายวินนี่จะง้อหรือจะงอนก็ยังงงๆ อิอิ ขอบคุณมากมายสำหรับกำลังใจที่น่ารักนี้ค่า
คุณanOO --- ไฟลามมือซะแล้ว อะจึ๋ยยย กำลังจะบอกอ้อมๆ ป่ะว่าคนเขียนมาช้าจนไฟลามมือ 555 (ร้อนตัวนะเนี่ยยยย!!) แต่ว่าป้ายไฟก็ดีค่ะ love love หมดแหละแค่เม้าท์มอยกัน ^^
คุณsai --- หวานบ้าง จืดบ้าง เศร้ามั่งนะ ชีวิตจะได้มีรสชาด อิอิ (ไม่ต้องพึ่งคนอร์ด้วยเอ้า!!!)
คุณPat --- หวานๆ ขมๆ เราก็ยอมกันไป ความจริงในใจก็โกรธ เย้เย (เย้ย! เพลงสมัยคุณย่ายังสาว ฮาาา) สลับกันบ้างเนอะ ทรมานเหมือนกันนะเนี่ยเขียนให้เขาทะเลาะกัน (บาปป่าวหว่า โฮะๆ)
คุณชอบอ่าน --- มาสั้นๆ แต่ได้ใจความ ขอบคุณมากๆ ค่า ไม่น่าเชื่อว่าเม้นต์สั้นๆ แต่ทำให้มีกำลังใจอีกเยอะเลย แต่ยังไงก็ติได้นะคะถ้าตรงไหนไม่ดี ^o^
คุณJelly --- ตึงๆ ทั้งสองคู่จะได้ไม่น้อยหน้ากัน แหะๆ (สีข้างเริ่มถลอก คนเขียนเริ่มไถไปเรื่อยยยย ก๊ากกก)
คุณหมู้หมู --- อ้าว แล้วไม่ลุ้นคู่พี่วินอ่อ (พี่วินแอบน้อยใจนะเนี่ย) ความจริงพี่แกจะขอดราม่ามั่ง แต่ผู้จัดไม่อนุมัติ ให้พี่แกพูดน้อย นั่งหล่อๆ นิ่งๆ ก็พอแล้ว 555
คุณroseolar --- น้องฝ้ายเป็นไงบ้างจ๊ะ ช่วงนี้เรียนหนักป่ะ เออเนี่ยกลับมาจาก วพม. ทุบหัวมาไม่ได้สักคนเลย แย่จัง 555 อ๊ะ! วีต้าจะหนีหรือไม่ ต้องติดตามมมม
คุณAHA --- ขอนับนิ้ว...ไม่เกินสามอาทิตย์ค่า เย้ๆ ได้ป้ายไฟตั้งสิบอัน(มันโลภมาก วะฮะฮ่า) สัญญาแล้วนะเออ คิกคิก
-------------------------------------------------------------------------
11.
“โธ่เอ๊ย! ตบะแตกซะแล้วหรอวะ ยังไม่ทันไร” ต้นน้ำแขวะกลั้วหัวเราะมาตามสาย หลังจากที่เธอเล่าเรื่องเมื่อครู่ให้ฟัง
“ก็ฉันนึกว่าฝันนี่หว่า ใครจะไปรู้ล่ะ จะว่าไปก็ความผิดวินมันที่ให้ยัยผีบ้านั่นเข้ามาง่ายๆ แบบนั้น” หล่อนแก้ตัวอุบอิบ
“ไม่ใช่แกเองที่ปิดประตูไม่สนิทหรอวะ?”
“เออๆๆ แกก็เข้าข้างวินอยู่ดีนั่นแหละ ไม่เอาละ ฉันโทรไปหาวีต้าดีกว่า” เธอว่า ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อน้ำเสียงของเพื่อนสนิทเริ่มร้อนรน
“เฮ้ย! ไม่ต้องๆๆ คุยกับฉันนี่แหละดีแล้ว”
“อะไรของแก ฉันจะโทรหาวีต้าก็ไม่ได้ หรือว่า...”
ยังไม่ทันซักไซ้อะไรเพิ่ม ต้นน้ำก็ถือโอกาสวกกลับเรื่องเดิม “แล้วนี่ไอ้วินไปไหนเสียล่ะ กลับบ้านไปแล้วหรอ”
“กลับกะบ้านแกสิ ฉันยังนั่งอยู่บนฝาชักโครกในห้องน้ำที่ออฟฟิศมันเนี่ย”
“อ้าวใครจะไปรู้ ถึงว่าเสียงก้องๆ” เขาตอบ “แล้วที่โทรมานี่คงไม่ได้กะจะเล่าให้ฟังเฉยๆ หรอกใช่มั้ย”
“อื้อหือ แกนี่มันรู้ใจจริงๆ ว่ะไอ้เพื่อนยาก”
“ไม่ต้องมาเล่นลิ้น มีอะไรก็ว่ามา”
“ฉัน...ฉันไม่รู้ว่าตัวเองผิดมากมั้ย แล้วจะทำยังไงต่อไปดี เข้าใจมั้ยไอ้ต้นว่าฉันไม่เคยเป็นแบบนี้”
ต้นน้ำทำเสียงอืมๆ เป็นเชิงเข้าใจมาตามสาย แต่หากภัทรนรินทร์มีตาทิพย์คงอยากจะกระแทกสายลงตรงนั้น เพราะชายหนุ่มที่ทำเหมือนเข้าอกเข้าใจ ตอนนี้กำลังกุมท้องกลั้นหัวเราะสุดความสามารถจนปวดแก้ม
“ทำไมมันยากอย่างนี้วะ ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปดี”
“ไม่เห็นจะยากนี่ภัทร” เขาตอบอย่างเอ็นดูคนที่เริ่มจะทำตัวเป็นผู้หญิงขึ้นบ้างแล้ว “แกไม่ต้องคิดว่าตัวเองผิดมั้ย ถ้ารู้ว่าตัวเองควรจะขอโทษก็พูดไปไม่ต้องยักท่า ถ้ามันจะทำให้แกกับวินเข้าใจกันมากขึ้นก็ทำไปเหอะ...ความรักนะเว้ยไม่ใช่ตรรกะ ไม่ต้องหาเหตุผลมากมายนัก”
ปลายสายเงียบไปอย่างนึกไตร่ตรอง ก่อนจะส่งเสียงแซวมาตามสาย “ฮั่นแน่! พูดอย่างกับคนเคยมีความรัก หนอยๆ เอาใครไปซ่อนไว้อย่าให้รู้นะ”
“ซ่อนบ้าซ่อนบออะไรของแก” ต้นน้ำบ่นเสียงดังกลบเกลื่อน เหลือบไปมองร่างแน่งน้อยบนเตียง แล้วพูดกับคนปลายสายอย่างยียวน “...ถ้าหมดสารพันปัญหาเข้าสู่วัยสาวของแกแล้วล่ะก็ฉันจะวางล่ะนะ แค่นี้ล่ะ โชคดีเพื่อน”
“ปัญหาวัยสาวบ้านแกสิ ไอ้บ้า!” ภัทรนรินทร์แอบบ่น แม้จะรู้ว่าปลายสายที่วางไปแล้วไม่มีทางได้ยินก็ตามที ร่างสูงโปร่งยืนขึ้นบดขี้เกียจสองสามที พลางสูดหายใจลึกๆ เรียกความมั่นใจของตัวเองกลับมา แล้วเตรียมออกไปเผชิญหน้ากับความจริงอย่างต้นน้ำว่า
ความรักไม่ใช่ตรรกะนี่นะ...
ว่าแต่...นี่มันคือความรักใช่ไหม?
ต้นน้ำอมยิ้มกับโทรศัพท์มือถือ อย่างน้อยเขาก็ดีใจที่เพื่อนที่เขารักมากที่สุดดูท่ากำลังจะมีความสุขกับคนที่คงไม่ทำให้มันทุกข์
การเห็นคนที่เรารักทั้งสองคนมีความสุขมันก็ดีอย่างนี้นี่เอง
ชายหนุ่มหยุดยืนที่ปลายเตียง ทอดสายตาอ่อนโยนมองร่างบอบบางที่หลับสนิทอยู่บนเตียง ดวงหน้าสวยงามหมดจดซุกอยู่กับหมอนอย่างคนขี้เซา แต่จู่ๆ ปลายเท้าที่เตะผ้าห่มผืนบางหลุดจากการห่อหุ้มทำให้ต้นน้ำต้องรีบเบือนหน้าหนีภาพความงดงามที่อาจทำให้เขาทำผิดกับเพื่อน...ที่เขาไม่อาจรักหล่อนได้อย่างเพื่อนอีกแล้ว
หรือบางที...เขาอาจไม่เคยคิดกับหล่อนเหมือนเพื่อนเสียเลยด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มกลั้นใจค่อยๆ นั่งขอบเตียงหมิ่นเหม่ เมื่อเห็นว่าคนหลับยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นจึงค่อยๆ ดึงผ้าขึ้นมาห่มให้ดังเดิมปกปิดเรือนร่างสมส่วนไว้ ก่อนจะตระกองกอดหล่อนเอาไว้อย่างที่ใจต้องการ
เพราะสัมผัสบางเบาไล่ตั้งแต่หน้าผาก จมูก ตา หลังใบหู เรื่อยมาจนถึงริมฝีปาก ทำให้คนนอนหลับเริ่มรู้สึกตัว เพียงแต่ยังไม่ลืมตา เขายังมีความสุขอยู่ในฝันดีและรอคอยว่ามือซุกซนจะเลื่อนไปที่ใดอีกบ้าง
ศวิตาอมยิ้มเพราะรู้ทันว่าคนที่เธอนอนซบไออุ่นมาหลายชั่วโมงยามนี้ตื่นแล้ว เพียงแต่ไม่ยอมลืมตาเท่านั้น นิ้วเรียวสวยจึงวกขึ้นไปบีบจมูกโด่งอย่างหมั่นเขี้ยว แต่ยังเหมือนเดิมหญิงสาวจึงฉวยแว่นเขาเพราะคิดว่าต้นน้ำคงรีบลุกขึ้นมาแย่งคืนไม่ทัน แต่ผิดคาด คราวนี้คนสวยจึงยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างที่เขาไม่มีวันเห็น ริมฝีปากอิ่มก้มลงไปจุ๊บปากเขาแผ่วเบา แล้วทำท่าจะลุกหนีจากเตียง
“อุ๊ย!” ศวิตาร้องเบาๆ เมื่อถูกมือใหญ่โอบรัดที่เอวจากข้างหลังแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงดังเดิม
ต้นน้ำพลิกร่างหล่อนลงก่อนจะลืมตา แต่เพราะสายตาที่สั้นมากทำให้เขาต้องหยีตาเพื่อหาโฟกัส เห็นเพียงยิ้มหวานของผู้หญิงที่รักเลือนลาง
“ยอมตื่นแล้วหรอ”
“ฮื่อ...ก็มีคนแกล้งนี่นา”
“จั๊กจี้ล่ะสิ” ศวิตาว่าพลางหัวเราะคิกคัก
“เปล่า” ต้นน้ำตอบ “คนแกล้งปล้นจูบแบบเด็กๆ น่ะซี”
หญิงสาวหน้าแดง มีอย่างที่ไหนมาว่าจูบหล่อนเป็นเด็ก...เดี๋ยวเถอะ!
“แว่นฉันล่ะวีต้า”
“ไม่รู้ไม่ชี้ ปล่อยได้แล้ว”
“ไม่เอา เดี๋ยวเธอทิ้งฉัน ฉันไม่มีแว่นฉันกลัว”
ศวิตายิ้มบางๆ ให้พ่อคนขี้กลัวก่อนจะคล้องมือรอบคอเขา “ฉันจะทิ้งนายไปไหนได้ นี่มันเกาะของฉันนะ”
“แล้วถ้าไม่ใช่ที่นี่”
โชคดีเหลือเกินที่เขาไม่มีแว่น หญิงสาวคิด มิฉะนั้นเขาคงเห็นสายตาที่เปิดเปลือยทุกความรู้สึกของหล่อนหมดแล้ว ความลับทั้งหมดคงไม่ใช่ความลับอีกต่อไป
คล้ายกับว่าเอาเปรียบเขามากเกินไป หากเธอจ้องมองสายตาอ้างว้างและโดดเดี่ยวราวกับเด็กชายตัวน้อยของเขานานกว่านี้และอาจเป็นเธอเองที่ใจอ่อน
ถ้าหล่อนจะขอซื้อเวลาที่เหลือบนเกาะแห่งนี้ให้มีเพียงหล่อนกับต้นน้ำ ไม่มีคำว่าดีชั่วมากั้นกลาง ไม่มีคำว่าเพื่อน ไม่มีชื่อของภัทรนรินทร์และวินธัย หรืออะไรก็แล้วแต่ มีเพียงแค่คนที่เปิดเปลือยหัวใจให้อีกฝ่ายรับรู้
แค่เวลาไม่กี่วัน แต่จะหล่อเลี้ยงหัวใจหล่อนไปตลอดกาล
หญิงสาวค่อยๆ โน้มลำคอของเขาลงมาจนกระทั่งช่องว่างระหว่างสองร่างเริ่มแคบลง ริมฝีปากประทับกันแนบสนิท ต่างฝ่ายต่างควานหาความหวานล้ำอย่างเรียกร้องและเติมเต็มซึ่งกันและกันจนอิ่มล้นปรี่ไปทั้งหัวใจ
แต่จู่ๆ ต้นน้ำกลับเป็นฝ่ายขืนตัวไว้ทั้งที่เสียงหอบยังคงรุนแรง “ฉันจะไม่ทำร้ายเธอ”
หญิงสาวยิ้มอย่างสุขใจ แล้วส่ายหน้าช้าๆ เสียงหวานเอ่ย “นายจะรักฉันต่างหาก...ใช่ไหม”
แทนคำตอบทั้งปวง ต้นน้ำพิสูจน์ให้หญิงคนรักรู้ เขารักหล่อนอย่างที่ปรารถนามาตลอดและมันจะไม่ใช่เพราะความพิศวาสที่เกิดขึ้น และไม่ใช่เพราะขาดความยั้งใจ แต่ทุกอย่างจะออกมาจากหัวใจของผู้ชายที่รักเธอมากว่าใคร
เขาจะ ‘รัก’ ให้หล่อนรู้
แสงไฟในเมืองกรุงบัดนี้ไม่สวยงามน่ามองอีกแล้วสำหรับภัทรนรินทร์ เพราะความเงียบขรึมและเย็นชาที่แผ่ออกมาจากคนข้างๆ ทำให้เธอไม่มีกระจิตกระใจจะชื่นชมความงามของมัน
หลังจากที่เธอวางสายจากต้นน้ำ และตัดสินใจจะพูดกับวินธัยให้รู้เรื่อง แต่อีกฝ่ายกลับทำเพียงรับฟังคำขอโทษของเธอไปอย่างแกนๆ ไม่รับรู้อะไรมากกว่านี้ ก่อนจะก้าวอาดๆ เดินนำลงมาที่ลานจอดรถ
ภัทรนรินทร์ถอนหายใจ ไม่ค่อยเข้าใจความคิดของคนพูดน้อยขึ้นมาครามครัน อยากจะกระชากคอมันให้คายทุกอย่างที่มันรู้สึกออกมา แต่ก็รู้ว่าคงทำได้แค่คิด
“วิน ฉัน...” รถยนต์จอดสนิทที่หน้าบ้าน ไม่มีแม้แต่คำล่ำลาใดๆ ออกจากปากชายหนุ่ม “ฉันขอโทษ”
“เข้าบ้านเถอะ”
หญิงสาวเม้มปากแน่น แม้แต่หันมาพูดกับเธอเขายังไม่ทำ วินธัยพูดกับพวงมาลัยราวกับว่ามันสำคัญมากกว่าเธออย่างนั้น
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เธออยากให้เขาเห็นความสำคัญ
คำถามคงไม่มีคำตอบ เพราะไม่แน่ว่าเธออาจเป็นคนทำลายคำตอบมันเองกับมือ
ชายหนุ่มฟุบหน้าลงหลังพวงมาลัย หญิงสาวลงไปนานแล้ว แต่เขายังอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน เหมือนที่อยู่ข้างๆ กายเธอมาตลอดสี่ปีที่รู้จักกันโดยที่อีกฝ่ายไม่เคยระแคะระคาย เหมือนกับที่ทุกครั้งเขาต้องทนเห็นเธออยู่กับคนอื่น แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้หญิงก็ตาม
เขายังอยู่ที่เดิมเสมอ...รอคอยเสมอ
แต่ไม่รู้เป็นอะไร หรือเป็นเพราะเขาได้ขยับฐานะตัวเองขึ้นมาเป็นคนรู้ใจของเธอ แม้ว่าจะเป็นเพราะเธอถูกมัดมือชกจากต้นน้ำก็ตาม แต่เขาก็ดีใจอยู่ลึกๆ ที่วันนั้นเป็นเขา ผู้ชายคนแรกที่เธอหันกลับมามองคนที่ยืนอยู่ที่ตรงนี้ที่เดิมมานานแสนนาน
แต่มันอาจทำให้เขาหวังมากเกินไป การเปลี่ยนความชอบของใครไม่ใช่เรื่องง่ายวินธัยรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เคยชอบผู้หญิงมาทั้งชีวิตอย่างภัทรนรินทร์
ทั้งที่เขาเองเคยลั่นวาจาไว้ว่าจะเป็นอะไรก็ได้เพื่อเธอ แต่ตอนนี้ความไม่มั่นใจในรักครั้งนี้มันถาโถมให้เขาหวั่นไหวในใจอย่างบอกไม่ถูก
หรือบางทีเขาอาจต้องกลับไปยืนที่เดิม เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่งดงามนั้นไว้
ภาพรถคันคุ้นตาที่ขับห่างไปจากหน้าบ้านเธอทำให้ร่างโปร่งบางยอมปล่อยมือออกจากผ้าม่านก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างหมดแรง
เธอทำผิดใช่ไหม...ผิดไปแล้วใช่ไหม
เธอก็ไม่ต่างจากพวกผู้ชายมักมากที่ไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ หมั่นแสวงหาสิ่งใหม่ๆ ให้ตัวเองอยู่เสมอ โดยไม่คำนึงถึงคนที่คอยอยู่ข้างๆ มาตลอด คิดเพียงว่าไม่ได้จริงจังกับใครเท่าเขา และเธอก็รักเขามากกว่าใคร
เธอควรทำอย่างไรต่อไปดีภัทรนรินทร์?
มือบางก่ายหน้าผากอย่างครุ่นคิด ยอมรับว่าภาพความหมางเมินของวินธัยที่ไม่เคยมีให้เห็นมาก่อนทำให้เธอใจหายอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความคุ้นเคยที่มีเขาอยู่ข้างๆ มาตลอด หรือเป็นเพราะอะไรกันแน่
จนบัดนี้ เธอก็ยังโลเลและไม่แน่ใจในความรู้สึกนี้จริงๆ
และคงบอกไม่ได้ว่าในอนาคตหากมีใครคนใหม่เข้ามาเธอจะเตลิดกลับไปเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่า วินธัยเป็นแค่ทางผ่านเหมือนอย่างผู้หญิงที่เธอเคยผ่านมาหรือไม่?
ไม่! เสียงหัวใจประกาศกร้าวอย่างน่าตกใจ
หล่อนเชื่อว่าวินธัยมีความสำคัญมากกว่านั้น อย่างน้อยเธอก็รู้จักกับอีกฝ่ายมานานกว่าที่จะใช้คำว่าฉาบฉวย และผูกพันกันอย่างที่มากกว่าจะเรียกว่าทางผ่าน
แต่ระยะเวลาไม่ใช่สิ่งการันตี
เธอยังไม่แน่ใจว่าเขาจะเป็นที่พักใจที่แรกและที่สุดท้ายสำหรับนักผจญภัยอย่างเธอหรือไม่
มือบางหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกง กดหาเบอร์ของศวิตา...คนที่น่าจะให้คำปรึกษาได้ดีที่สุด
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายปลายทาง ในใจแสนห่วงเพื่อนสนิท เพราะไม่บ่อยนักที่อีกฝ่ายจะปิดเครื่องอย่างนี้ แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเลขาของศวิตาบอกว่าอีกฝ่ายไปดูงานที่สิงคโปร์กะทันหัน...จริงหรือ?
หาคำตอบไม่ได้จริงๆ และถ้าจะให้ข่มตานอนก็คงนอนไม่หลับด้วยเรื่องเมื่อตอนหัวค่ำ นิ้วเรียวจึงกดโทรศัพท์ต่อสายถึงอีกเบอร์คุ้นเคย
เสียงเรียกเข้ามือถือปลุกให้ต้นน้ำตื่นโดยเร็ว เขาคว้ามือถือมาดูโดยที่ขยับเขยื้อนร่างกายให้เบาที่สุด เพื่อไม่ให้คนที่อิงแอบเขาอยู่รู้สึกตัวตื่น
แม้ว่าปลายสายจะเป็นชื่อของภัทรนรินทร์ แต่เขาคงไม่รับหากไม่รู้ว่าเพื่อนรักทะเลาะกับวินธัยอยู่ ที่โทรมาก็ไม่รู้ว่าดีหรือร้าย
อย่างไรเขาก็ปล่อยให้มันอยู่คนเดียวไม่ได้อยู่ดี
“ฮัลโหล”
“แกนอนหรือยัง”
“ยัง” เขาตอบเสียงเบา “แกมีอะไรหรือเปล่า แล้วเป็นไงบ้างคุยกันเข้าใจหรือยัง”
“ฮื่อ...” ปลายสายครางเบาๆ จนต้นน้ำไม่มั่นใจว่าเสียงอีกฝ่ายเจือสะอื้นด้วยหรือเปล่า
“ภัทร...แกเป็นอะไร ใครทำอะไรแกบอกฉันสิ” เขาถามเสียงร้อนรน ร้อยวันพันปีแทบไม่เคยเห็นเพื่อนรักต้องเสียน้ำตา
“...”
“อย่าทำให้ฉันเป็นห่วงแกได้มั้ย ไม่ไว้ใจฉันแล้วหรอถึงไม่เล่าให้ฟัง”
“ฉัน...” ภัทรนรินทร์ปาดน้ำตาลวกๆ น้ำตาบ้าที่มันไหลออกมาเอง “ฉันไม่รู้ มันแย่มากเลย ฉันจะทำยังไงดีต้น ทำไมไม่มีใครรักฉันเลย”
หล่อนกัดริมฝีปากตัวเองอย่างลงโทษที่มันกล้าเรียกร้องความรักจากใครบางคน
ความรักที่บัดนี้อาจเหลือเพียงความไม่มั่นใจ
ความรัก...ที่อาจเป็นเธอเองที่ไม่เคยมีให้วินธัย
เพียงความเห็นแก่ตัวของคนไม่รู้ใจตัวเองงั้นหรือภัทรนรินทร์?
“ฉันรักแกนะภัทร แล้วก็ยังมี...ฮัลโหลๆ”
ต้นน้ำหัวเสีย จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดันมาแบตหมดซะดื้อๆ ชั่งใจว่าจะทำอย่างไรดี สุดท้ายความห่วงเพื่อนก็มีมากกว่า ต้นน้ำค่อยก้มลงจุมพิตหน้าผากเกลี้ยงเนียนของหญิงคนรัก ก่อนจะยกวงแขนของอีกฝ่ายออกเบาๆ แล้วห่มผ้าให้เรือนร่างกลมกลึง
ชายหนุ่มควานหาเสื้อผ้ามาใส่ลวกๆ ก่อนจะฉวยโทรศัพท์เพื่อกลับไปชาร์ตแบตเตอร์รี่ที่ห้องตัวเอง
ทิ้งไว้เพียงกลิ่นอายความเศร้าและเสียงสะอื้นไห้ปริ่มจะขาดใจของคนที่ไม่ได้หลับอย่างที่แสดงออก น้ำเสียงอ่อนโยนที่ไม่ได้มีไว้ให้เธอคนเดียว ความห่วงหาที่ไม่ใช่เพียงเธอที่ได้ครอบครอง คำว่า ‘รัก’ ที่เขามีไว้ให้ภัทรนรินทร์ ตัวจริงของเขาคนเดียว เสียงนุ่มหูและประโยคบอกรักอย่างอ่อนหวานของต้นน้ำดังลั่นในหัวใจของเธอ
‘ฉันรักแกนะภัทร’
สายน้ำจากก๊อกยังคงไหลเอื่อยๆ ผ่านปลายนิ้วเท้าขาวสะอาดของเจ้าของร่างที่นั่งนิ่งไม่ไหวติง ดวงตาเหม่อลอย ไม่รู้แม้กระทั่งน้ำเริ่มล้นออกจากอ่าง
แต่ไหนแต่ไรภัทรนรินทร์ไม่เคยพิสมัยการนอนแช่น้ำอุ่นและครั้งนี้ก็เหมือนกัน เธอไม่ได้ตั้งใจแช่เลย...ให้ตายสิ
เพียงแต่ใจมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หลังจากที่สายต้นน้ำตัดไปคงเพราะอีกฝ่ายแบตเตอรี่หมด เธอก็ปิดเครื่องตาม แม้ต้นน้ำจะเป็นเพื่อนที่คบกันมานานแต่บางเรื่องก็ซับซ้อนเกินกว่าที่เธอจะอธิบายให้มันฟัง
ก็บางทีเป็นเธอเองที่ยังไม่เข้าใจตัวเองจวบจนตอนนี้
ต้นน้ำเป็นเพื่อนที่เธอคุยได้แทบทุกเรื่อง เพราะมันเป็นคนไม่คิดอะไรแต่ก็มักจะมีความคิดดีๆ ในความไม่มีอะไรมาสอนให้เธอรู้จักปล่อยวางในบางเรื่อง มันเป็นเพื่อนที่เฮไหนเฮนั่น ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตลอด เรียกได้ว่าเรื่องเรียนก็สอบได้ที่หนึ่งเบียดกันมาตลอด วิ่งหนีอาจารย์ฝ่ายปกครองด้วยกันเป็นกิจวัตร แถมยังรู้จักเธอชนิดที่น่าเกลียด
‘แกน่ะอ้าปากก็เห็นถึงไส้ตรง’
ส่วนศวิตาแม้จะรู้จักกันทีหลังแต่ความสนิทไม่ยิ่งหย่อน เจ้าหล่อนช่างพูด สรรหาเรื่องมาคุยตลอดเวลา เป็นผู้หญิงน้อยคนบนโลกที่ไม่เรื่องมาก(อย่างน้อยก็เวลาอยู่กับเธอ) เรียกได้ว่าเป็นคนที่บางเวลาทำให้เธอแสดงตัวตนอย่างที่ผู้หญิงพึงมีได้อย่างไม่กระดากใจ
แต่กับ ‘เขา’ นั่นเล่า...พูดกันก็น้อย แต่พอมาคิดดูอีกที วันเวลาเก่าๆ แทบไม่มีช่องว่างของช่วงเวลาใดที่ไม่มีภาพของวินธัย ผู้ชายเงียบขรึมที่เอาแต่ยืนนิ่งๆ ทว่ามีความอบอุ่นแผ่ซ่านไปสู่คนรอบข้าง แม้ไม่มีคำพูดแต่แค่อยู่ใกล้ๆ หัวใจที่ว้าวุ่นมันกลับสงบลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ
แล้วตอนนี้ผู้ชายคนนั้นกำลังทำอะไรอยู่ ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเวลาที่ไม่มีเขา มัน...เหงาสักแค่ไหน
น้ำอุ่นๆ คลออยู่ในดวงตา มือบางปาดลวกๆ แล้วยิ้มหยันให้ตัวเอง เมื่อก่อนเธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมทุกครั้งที่เลิกรา ดวงตาของผู้หญิงคนแล้วคนเล่ามันถึงจมด้วยกองน้ำตาแทบทุกครั้ง
คิดมาตลอดด้วยซ้ำว่าคนที่ไปกันไม่ได้จะดันทุรังไปทำไม สู้แยกกันตั้งแต่ตอนนี้รักษาความเป็นเพื่อนที่ดีไว้ไม่ดีกว่าหรือ
เสียงโทรศัพท์มือถือร้องส่งสัญญาณว่ามีข้อความใหม่ หญิงสาวสะดุ้งก่อนจะกวาดมือไปบนชั้นวางของ
เธอไม่เคยเอาโทรศัพท์เข้ามาในห้องน้ำ เว้ยเสียแต่วันนี้...
ภัทรนรินทร์หยิบมันขึ้นมาดู เมื่อพบว่ามันส่งมาจากวินธัยทำให้ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้ม
บางทีเวลาอาจเป็นคำตอบสำหรับทุกอย่าง คิดให้ดีกับเรื่องที่เกิดขึ้น รอคำตอบเสมอ
ความรู้สึกที่เรียกว่าความสุขในตอนแรกหดหายแฟบลงราวลูกโป่งที่ถูกเจาะรู ข้อความที่ส่งมาทำให้ไหล่เล็กลู่ลงคล้ายหมดแรง ศีรษะแหงนเงยปริ่มขอบน้ำ ดวงตาค่อยๆ หลับลงแม้มันจะยากเย็นเต็มที
ณ เวลานี้เธอไม่ต่างจากคนโง่ ไม่เข้าใจสักนิดว่าเวลาจะช่วยอะไรได้
มีเพียงความเข้าใจลางๆ ว่าเหตุใดนัยน์ตาจึงเอ่อท้นขึ้นมาอีกครั้ง
เช้าวันนี้อาจเป็นปกติเหมือนอย่างที่เคยเป็น เหมือนอย่างที่เธอเคยตื่นเช้ามาไปทำงาน ตอนบ่ายอาจแวะไปหาต้นน้ำและตอนดึกก็โทรไปเม้าท์กับภัทรนรินทร์
แต่มันจะเป็นอย่างนั้นไปได้อย่างไร ในเมื่อเมื่อคืนเธอยังนอนกกกอดผู้ชายของภัทรนรินทร์ไว้ราวเจ้าเข้าเจ้าของ แล้วอย่างนี้จะมีหน้าไปเจอเพื่อนรักได้อย่างไรกัน
เธอรักต้นน้ำ แต่ภัทรนรินทร์คือคนที่เธอไม่ควรทรยศ
และวินธัยก็ไม่ควรมาถลำตัวกับแผนการที่เธอสร้างขึ้นเพื่อให้ภัทรนรินทร์เปลี่ยนเป็นผู้หญิงเพื่อต้นน้ำ...ชายที่เธอแสนรัก
เธอไม่ใช่คนดี แต่ก็ไม่อยากให้ใครเจ็บปวด
และหากต้องเลือก เธอจะยอมรับความทุกข์ทรมานทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว
“อื้อ...” ศวิตาร้องเบาๆ ภวังค์ความคิดหยุดลงเมื่อถูกสวมกอดและหอมแก้มจากด้านหลัง หญิงสาวหันซ้ายขวากลัวว่าป้าจันจะเห็นเข้า “ปล่อยเถอะ...เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“ตื่นนานแล้วหรอ” เขาไม่ปล่อย แต่ถามกลับ แม้ในใจจะเจ็บปวด...เธอไม่ต้องการเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ให้ใครรู้ แม้ว่าเขาพร้อมจะรับผิดชอบการกระทำของตัวเองอย่างเต็มใจ “เรื่องเมื่อคืน”
นิ้วเรียวแตะเบาๆ บนกลีบปากเขา แล้วยิ้มบางๆ ให้ “เกาะนี้ฉันหยุดเวลาไว้ เราจะเป็นเด็กตลอดไป”
“ไม่มีเด็กที่ไหนทำแบบนี้ได้” เขาบอกก่อนจะก้มลงจูบหล่อนจนแทบจะขาดใจ “หรือแบบนี้” ใบหน้าหล่อเหลาซุกซบลงที่ซอกคอขาวผ่องแล้วทำท่าว่าจะเลยเถิดหากเธอไม่ยันเขาออกห่างเสียก่อน
ต่างฝ่ายต่างหอบเพราะความร้อนรุ่มที่เกิดขึ้น ดวงตาของต้นน้ำเต็มไปด้วยไฟพิศวาสและความโกรธกรุ่น “ทำไมวีต้า...ฉันไม่ดีตรงไหน”
ศวิตาสะอึก...หล่อนต่างหากที่ไม่ดี แย่งคนรักของเพื่อนมานอนกกกอดทั้งคืน แวบหนึ่งเธอไม่อยากคืนต้นน้ำให้ภัทรนรินทร์เลย “นายเป็นเพื่อนที่ดี”
“เพื่อน!” เขาคำราม “เพื่อนกันเขาไม่ทำแบบนี้กันหรอกวีต้า”
“แล้วนายอยากเป็นอะไร”
เพียงไม่กี่วินาทีแต่คล้ายกลับว่ายาวนานชั่วกัปชั่วกัลป์ ศวิตารอคำตอบที่อาจทำให้เธอตัดสินใจเป็นนางร้ายที่แย่งพระเอกมาจากนางเอกได้ทุกเมื่อ
หนุ่มแว่นละล้าละลัง เขาอยากบอกเธอเหลือเกิน แต่ก็ขี้ขลาดเกินกว่าจะยอมรับความผิดหวังนั่นได้ และไม่มั่นใจสักนิดว่าศวิตาจะไม่ถอยหนีไป หากรู้ความจริงในใจที่เขาสารภาพออกไป
บางที...หล่อนอาจจะหัวเราะและหาว่าเขาเพ้อเจ้อหรือเป็นเด็กโง่คนหนึ่ง
“ฉันอยาก...” ชายหนุ่มสบตาที่มีความมุ่งมั่นและหนักแน่นอยู่เต็มเปี่ยม “รับผิดชอบ” ทั้งร่างกายและหัวใจของเธอ
หญิงสาวยิ้มขื่น...สุดท้ายเธอก็เป็นได้แค่นางร้ายแฝงที่ต้องคืนเขาให้เจ้าของ
“ไม่ต้องหรอก”
ต้นน้ำบีบต้นแขนขาวแน่น เมื่อได้ยินคำปฏิเสธราวกับว่าการถูกใครสักคนพรากพรหมจารีไม่ใช่เรื่องใหญ่ “แต่ฉันเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ”
หญิงสาวอยากจดจำช่วงเวลานี้ไว้เหลือเกิน ช่วงเวลาที่เธอเป็นเจ้าของเขาแต่เพียงผู้เดียว แม้จะเป็นเพียงร่างกายแต่ไร้หัวใจ เธอกอดเขาแน่นก่อนจะฝืนทำเสียงร่าเริงสดใส
“ไม่เอา...ไม่พูดเรื่องเครียดๆ อย่างนี้ วีต้าหิวแล้วล่ะไปกินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวโรคกระเพาะกำเริบอีก”
“แต่...”
“ต้นไม่ห่วงวีต้าหรอ”
สุดท้ายเขาก็ต้องตามใจเธอเพราะความห่วงจริงๆ อีกอย่าง ยังมีเวลาอีกมากที่จะทำให้ศวิตายอมรับเขา บางทีหล่อนอาจจะกลัวกับการเปลี่ยนแปลง และยังไม่มั่นใจในตัวเขาเหมือนอย่างที่เธอเกลียดเพศพ่อมาตลอดชีวิต
แต่เขาเชื่อ...เชื่อว่าสักวันเขาจะทำให้เธอรักเขาให้ได้
แม้อาจจะเห็นแก่ตัวที่เขาคิดจะผูกมัดหล่อนไว้ด้วยคำว่ารับผิดชอบก็ตาม!
--------------------------------------------------------------------------
จบตอนนี้แล้วเป็นไงมั่ง
ติชม รุมกระทืบ เขวี้ยงป้ายได้ตามใจชอบจ้า (เพราะยังไงก็ไม่โดน)
แบร่........จ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!! (มีคนลองเขวี้ยงจริงนะเออ)
ไปแล้วดีกว่านะคะ ยิ่งอยู่ยิ่งรั่ว
เดี๋ยวคนอ่านที่น่ารักจะเข้าใจว่าอ่านนิยายของคนบ้าอยู่ ^^"
ปล. ช่วงนี้ฝนตกนะคะ อย่าลืมยืมร่มเพื่อนกลับบ้าน
เอ๊ย! อย่าลืมพกร่มมานะคะ
ปล.(มันยังไม่ไป) แหม แค่จะบอกว่าคิดถึงเฉยๆ อ่ะ
เม้าท์มอยตามประสา ป้ายไฟตลอดเว ขอบคุณสำหรับกำลังใจน่ารักๆ ค่ะ
เจ้าชายน้อย

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ส.ค. 2554, 21:48:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ส.ค. 2554, 21:48:35 น.
จำนวนการเข้าชม : 1915
<< 10. พิสูจน์ให้ฉันเห็น | 12. การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ >> |

grazioso 15 ส.ค. 2554, 23:06:00 น.
มาโบกป้ายไฟ ไหวไปไหวมา ค่า... แต่แหมมมมม แอบอยากเขวี้ยงใส่ทั้งคู่เอกคู่รองเลยอ่ะ .. ทำอะไรขัดใจแม่ยกไปหมด ๕๕๕๕ ยังไงก็ขอให้เข้าใจกันไวไวทั้งสองคู่เลยนะคะ
เป็นกำลังใจให้พี่เจ้าชายน้อยเสมอค่า :)
มาโบกป้ายไฟ ไหวไปไหวมา ค่า... แต่แหมมมมม แอบอยากเขวี้ยงใส่ทั้งคู่เอกคู่รองเลยอ่ะ .. ทำอะไรขัดใจแม่ยกไปหมด ๕๕๕๕ ยังไงก็ขอให้เข้าใจกันไวไวทั้งสองคู่เลยนะคะ
เป็นกำลังใจให้พี่เจ้าชายน้อยเสมอค่า :)

Pat 15 ส.ค. 2554, 23:19:40 น.
คนบ้าเขียนแบบนี้ไม่ได้หรอกค่ะ แต่ถ้าบอกว่ารั่วยังพอได้อยู่ อิอิ อารมณ์ขันดีจริงๆ แต่ทำมั้ยถึงไม่พูดกันอย่างที่คิดล่่ะเนี่ย แล้วเมื่อไหร่จะเข้าใจว่าใจตรงกันซักกะที
คนบ้าเขียนแบบนี้ไม่ได้หรอกค่ะ แต่ถ้าบอกว่ารั่วยังพอได้อยู่ อิอิ อารมณ์ขันดีจริงๆ แต่ทำมั้ยถึงไม่พูดกันอย่างที่คิดล่่ะเนี่ย แล้วเมื่อไหร่จะเข้าใจว่าใจตรงกันซักกะที


incanto 16 ส.ค. 2554, 09:41:15 น.
ชูป้ายไฟรอตอนต่อไปค่า
ชูป้ายไฟรอตอนต่อไปค่า


sai 16 ส.ค. 2554, 13:47:49 น.
เรื่องมันยุ่งเพราะไม่คุยเนี่ยแหละหนา ปากหนักกันทุกคนคิดแทนกันไปหมด
เรื่องมันยุ่งเพราะไม่คุยเนี่ยแหละหนา ปากหนักกันทุกคนคิดแทนกันไปหมด

ชอบอ่าน 16 ส.ค. 2554, 22:43:40 น.
ชอบคู่ต้นน้ำจังอิอิ รอติดตามอยู่นะคะ
ชอบคู่ต้นน้ำจังอิอิ รอติดตามอยู่นะคะ


Jelly 17 ส.ค. 2554, 19:34:32 น.
จบแบบกระทันหันแบบนี้อีกแล้ว U.U
(นอกเรื่อง:พี่อัพนิยายทีไร ไม่สบายทุกที)
จบแบบกระทันหันแบบนี้อีกแล้ว U.U
(นอกเรื่อง:พี่อัพนิยายทีไร ไม่สบายทุกที)

หมู้หมู 24 ส.ค. 2554, 15:59:06 น.
^^ คงได้เชียร์ อย่างไม่ได้แสดงตนละหน่ะ หุหุ ยังติดตามทุกตอนนะค้า
^^ คงได้เชียร์ อย่างไม่ได้แสดงตนละหน่ะ หุหุ ยังติดตามทุกตอนนะค้า

l3al3yWhatUp 4 ต.ค. 2554, 16:26:16 น.
ต้นน้ำ ป๊อดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ต้นน้ำ ป๊อดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก