เพื่อนกันวันสุดท้าย
เธอ...สาวทอมมาดหลุดผู้สับสนทางเพศ
เขา...คนที่เป็นเพศอะไรก็ได้เพื่อเธอ
และ
เธอ...เพื่อนสนิทคิด(ไม่)ซื่อ
เขา...เพื่อนชายนายแสนซื่อ(บื้อ)
Tags: เพื่อนกันวันสุดท้าย เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ เพื่อนสนิท รักเพื่อน เพื่อนรัก วินธัย ภัทรนรินทร์ ต้นน้ำ ศวิตา

ตอน: 11. ฉันรักแกนะภัทร

สวัสดีค่ะ หลังควันหลงวันแม่ ขอให้ทุกคนรักแม่มากขึ้น ทำดีกับท่านให้มากนะคะ ^^ (แน่นอนว่านักอ่านที่น่ารักก็ต้องเป็นลูกที่น่ารักอยู่แล้ว)

คราวนี้มีเร็วกว่ากำหนด (จริงป๊ะ??)
ก็ไม่มีอะไรค่ะ อีกสามวีคปริ๊นซ์จะสอบ 555
เพราะงั้นตอนหน้าเนี่ยสามวีคแหงๆ เลยนะ (จ๊ากกก ใครเขวี้ยงป้ายไฟค้าาา)

แหม อย่างอนกันเลยน้าาา
จะพยายามปั่นสุดชีพเลย

ช่วงนี้ใครอยู่แถวๆ สงขลา โซนนี้ถ้าได้แวะเวียนมาเที่ยว 'งานเกษตร' ที่ มอ.
ก็มาทักทายกันได้นะจ๊ะ ไม่ได้ไปขายนิยายนะ แต่ว่าอยู่แถวนั้นเฉยๆ ^^"
มีของกินเยอะแยะเลย แล้วก็พืชักสารพัดสัตว์ ดูๆ ไปก็แอบเหมือนเจเจนะเนี่ย 555


ตอบเม้นต์

คุณaom --- หวานบ้างเศร้าบ้าง ชีวิตจะได้มีรสชาดไงคะ อิอิ (ใครขว้างขวดมาเนี่ยยยย 55) ขอบคุณสำหรับกำลังใจ

คุณgrazioso --- กรี๊ดป้ายไฟ ฮูเร่ๆ กำลังใจเพิ่มขึ้นล้นหลาม (เว่อร์ไปมั้ย 555) คู่ต้นน้ำคงต้องดูกันต่อไป ส่วนนายวินนี่จะง้อหรือจะงอนก็ยังงงๆ อิอิ ขอบคุณมากมายสำหรับกำลังใจที่น่ารักนี้ค่า

คุณanOO --- ไฟลามมือซะแล้ว อะจึ๋ยยย กำลังจะบอกอ้อมๆ ป่ะว่าคนเขียนมาช้าจนไฟลามมือ 555 (ร้อนตัวนะเนี่ยยยย!!) แต่ว่าป้ายไฟก็ดีค่ะ love love หมดแหละแค่เม้าท์มอยกัน ^^

คุณsai --- หวานบ้าง จืดบ้าง เศร้ามั่งนะ ชีวิตจะได้มีรสชาด อิอิ (ไม่ต้องพึ่งคนอร์ด้วยเอ้า!!!)

คุณPat --- หวานๆ ขมๆ เราก็ยอมกันไป ความจริงในใจก็โกรธ เย้เย (เย้ย! เพลงสมัยคุณย่ายังสาว ฮาาา) สลับกันบ้างเนอะ ทรมานเหมือนกันนะเนี่ยเขียนให้เขาทะเลาะกัน (บาปป่าวหว่า โฮะๆ)

คุณชอบอ่าน --- มาสั้นๆ แต่ได้ใจความ ขอบคุณมากๆ ค่า ไม่น่าเชื่อว่าเม้นต์สั้นๆ แต่ทำให้มีกำลังใจอีกเยอะเลย แต่ยังไงก็ติได้นะคะถ้าตรงไหนไม่ดี ^o^

คุณJelly --- ตึงๆ ทั้งสองคู่จะได้ไม่น้อยหน้ากัน แหะๆ (สีข้างเริ่มถลอก คนเขียนเริ่มไถไปเรื่อยยยย ก๊ากกก)

คุณหมู้หมู --- อ้าว แล้วไม่ลุ้นคู่พี่วินอ่อ (พี่วินแอบน้อยใจนะเนี่ย) ความจริงพี่แกจะขอดราม่ามั่ง แต่ผู้จัดไม่อนุมัติ ให้พี่แกพูดน้อย นั่งหล่อๆ นิ่งๆ ก็พอแล้ว 555

คุณroseolar --- น้องฝ้ายเป็นไงบ้างจ๊ะ ช่วงนี้เรียนหนักป่ะ เออเนี่ยกลับมาจาก วพม. ทุบหัวมาไม่ได้สักคนเลย แย่จัง 555 อ๊ะ! วีต้าจะหนีหรือไม่ ต้องติดตามมมม

คุณAHA --- ขอนับนิ้ว...ไม่เกินสามอาทิตย์ค่า เย้ๆ ได้ป้ายไฟตั้งสิบอัน(มันโลภมาก วะฮะฮ่า) สัญญาแล้วนะเออ คิกคิก

-------------------------------------------------------------------------

11.

“โธ่เอ๊ย! ตบะแตกซะแล้วหรอวะ ยังไม่ทันไร” ต้นน้ำแขวะกลั้วหัวเราะมาตามสาย หลังจากที่เธอเล่าเรื่องเมื่อครู่ให้ฟัง

“ก็ฉันนึกว่าฝันนี่หว่า ใครจะไปรู้ล่ะ จะว่าไปก็ความผิดวินมันที่ให้ยัยผีบ้านั่นเข้ามาง่ายๆ แบบนั้น” หล่อนแก้ตัวอุบอิบ

“ไม่ใช่แกเองที่ปิดประตูไม่สนิทหรอวะ?”

“เออๆๆ แกก็เข้าข้างวินอยู่ดีนั่นแหละ ไม่เอาละ ฉันโทรไปหาวีต้าดีกว่า” เธอว่า ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อน้ำเสียงของเพื่อนสนิทเริ่มร้อนรน

“เฮ้ย! ไม่ต้องๆๆ คุยกับฉันนี่แหละดีแล้ว”

“อะไรของแก ฉันจะโทรหาวีต้าก็ไม่ได้ หรือว่า...”
ยังไม่ทันซักไซ้อะไรเพิ่ม ต้นน้ำก็ถือโอกาสวกกลับเรื่องเดิม “แล้วนี่ไอ้วินไปไหนเสียล่ะ กลับบ้านไปแล้วหรอ”

“กลับกะบ้านแกสิ ฉันยังนั่งอยู่บนฝาชักโครกในห้องน้ำที่ออฟฟิศมันเนี่ย”

“อ้าวใครจะไปรู้ ถึงว่าเสียงก้องๆ” เขาตอบ “แล้วที่โทรมานี่คงไม่ได้กะจะเล่าให้ฟังเฉยๆ หรอกใช่มั้ย”

“อื้อหือ แกนี่มันรู้ใจจริงๆ ว่ะไอ้เพื่อนยาก”

“ไม่ต้องมาเล่นลิ้น มีอะไรก็ว่ามา”

“ฉัน...ฉันไม่รู้ว่าตัวเองผิดมากมั้ย แล้วจะทำยังไงต่อไปดี เข้าใจมั้ยไอ้ต้นว่าฉันไม่เคยเป็นแบบนี้”

ต้นน้ำทำเสียงอืมๆ เป็นเชิงเข้าใจมาตามสาย แต่หากภัทรนรินทร์มีตาทิพย์คงอยากจะกระแทกสายลงตรงนั้น เพราะชายหนุ่มที่ทำเหมือนเข้าอกเข้าใจ ตอนนี้กำลังกุมท้องกลั้นหัวเราะสุดความสามารถจนปวดแก้ม

“ทำไมมันยากอย่างนี้วะ ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปดี”

“ไม่เห็นจะยากนี่ภัทร” เขาตอบอย่างเอ็นดูคนที่เริ่มจะทำตัวเป็นผู้หญิงขึ้นบ้างแล้ว “แกไม่ต้องคิดว่าตัวเองผิดมั้ย ถ้ารู้ว่าตัวเองควรจะขอโทษก็พูดไปไม่ต้องยักท่า ถ้ามันจะทำให้แกกับวินเข้าใจกันมากขึ้นก็ทำไปเหอะ...ความรักนะเว้ยไม่ใช่ตรรกะ ไม่ต้องหาเหตุผลมากมายนัก”

ปลายสายเงียบไปอย่างนึกไตร่ตรอง ก่อนจะส่งเสียงแซวมาตามสาย “ฮั่นแน่! พูดอย่างกับคนเคยมีความรัก หนอยๆ เอาใครไปซ่อนไว้อย่าให้รู้นะ”

“ซ่อนบ้าซ่อนบออะไรของแก” ต้นน้ำบ่นเสียงดังกลบเกลื่อน เหลือบไปมองร่างแน่งน้อยบนเตียง แล้วพูดกับคนปลายสายอย่างยียวน “...ถ้าหมดสารพันปัญหาเข้าสู่วัยสาวของแกแล้วล่ะก็ฉันจะวางล่ะนะ แค่นี้ล่ะ โชคดีเพื่อน”

“ปัญหาวัยสาวบ้านแกสิ ไอ้บ้า!” ภัทรนรินทร์แอบบ่น แม้จะรู้ว่าปลายสายที่วางไปแล้วไม่มีทางได้ยินก็ตามที ร่างสูงโปร่งยืนขึ้นบดขี้เกียจสองสามที พลางสูดหายใจลึกๆ เรียกความมั่นใจของตัวเองกลับมา แล้วเตรียมออกไปเผชิญหน้ากับความจริงอย่างต้นน้ำว่า

ความรักไม่ใช่ตรรกะนี่นะ...

ว่าแต่...นี่มันคือความรักใช่ไหม?





ต้นน้ำอมยิ้มกับโทรศัพท์มือถือ อย่างน้อยเขาก็ดีใจที่เพื่อนที่เขารักมากที่สุดดูท่ากำลังจะมีความสุขกับคนที่คงไม่ทำให้มันทุกข์

การเห็นคนที่เรารักทั้งสองคนมีความสุขมันก็ดีอย่างนี้นี่เอง

ชายหนุ่มหยุดยืนที่ปลายเตียง ทอดสายตาอ่อนโยนมองร่างบอบบางที่หลับสนิทอยู่บนเตียง ดวงหน้าสวยงามหมดจดซุกอยู่กับหมอนอย่างคนขี้เซา แต่จู่ๆ ปลายเท้าที่เตะผ้าห่มผืนบางหลุดจากการห่อหุ้มทำให้ต้นน้ำต้องรีบเบือนหน้าหนีภาพความงดงามที่อาจทำให้เขาทำผิดกับเพื่อน...ที่เขาไม่อาจรักหล่อนได้อย่างเพื่อนอีกแล้ว

หรือบางที...เขาอาจไม่เคยคิดกับหล่อนเหมือนเพื่อนเสียเลยด้วยซ้ำ

ชายหนุ่มกลั้นใจค่อยๆ นั่งขอบเตียงหมิ่นเหม่ เมื่อเห็นว่าคนหลับยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นจึงค่อยๆ ดึงผ้าขึ้นมาห่มให้ดังเดิมปกปิดเรือนร่างสมส่วนไว้ ก่อนจะตระกองกอดหล่อนเอาไว้อย่างที่ใจต้องการ





เพราะสัมผัสบางเบาไล่ตั้งแต่หน้าผาก จมูก ตา หลังใบหู เรื่อยมาจนถึงริมฝีปาก ทำให้คนนอนหลับเริ่มรู้สึกตัว เพียงแต่ยังไม่ลืมตา เขายังมีความสุขอยู่ในฝันดีและรอคอยว่ามือซุกซนจะเลื่อนไปที่ใดอีกบ้าง

ศวิตาอมยิ้มเพราะรู้ทันว่าคนที่เธอนอนซบไออุ่นมาหลายชั่วโมงยามนี้ตื่นแล้ว เพียงแต่ไม่ยอมลืมตาเท่านั้น นิ้วเรียวสวยจึงวกขึ้นไปบีบจมูกโด่งอย่างหมั่นเขี้ยว แต่ยังเหมือนเดิมหญิงสาวจึงฉวยแว่นเขาเพราะคิดว่าต้นน้ำคงรีบลุกขึ้นมาแย่งคืนไม่ทัน แต่ผิดคาด คราวนี้คนสวยจึงยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างที่เขาไม่มีวันเห็น ริมฝีปากอิ่มก้มลงไปจุ๊บปากเขาแผ่วเบา แล้วทำท่าจะลุกหนีจากเตียง

“อุ๊ย!” ศวิตาร้องเบาๆ เมื่อถูกมือใหญ่โอบรัดที่เอวจากข้างหลังแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงดังเดิม

ต้นน้ำพลิกร่างหล่อนลงก่อนจะลืมตา แต่เพราะสายตาที่สั้นมากทำให้เขาต้องหยีตาเพื่อหาโฟกัส เห็นเพียงยิ้มหวานของผู้หญิงที่รักเลือนลาง

“ยอมตื่นแล้วหรอ”

“ฮื่อ...ก็มีคนแกล้งนี่นา”

“จั๊กจี้ล่ะสิ” ศวิตาว่าพลางหัวเราะคิกคัก

“เปล่า” ต้นน้ำตอบ “คนแกล้งปล้นจูบแบบเด็กๆ น่ะซี”

หญิงสาวหน้าแดง มีอย่างที่ไหนมาว่าจูบหล่อนเป็นเด็ก...เดี๋ยวเถอะ!

“แว่นฉันล่ะวีต้า”

“ไม่รู้ไม่ชี้ ปล่อยได้แล้ว”

“ไม่เอา เดี๋ยวเธอทิ้งฉัน ฉันไม่มีแว่นฉันกลัว”

ศวิตายิ้มบางๆ ให้พ่อคนขี้กลัวก่อนจะคล้องมือรอบคอเขา “ฉันจะทิ้งนายไปไหนได้ นี่มันเกาะของฉันนะ”

“แล้วถ้าไม่ใช่ที่นี่”

โชคดีเหลือเกินที่เขาไม่มีแว่น หญิงสาวคิด มิฉะนั้นเขาคงเห็นสายตาที่เปิดเปลือยทุกความรู้สึกของหล่อนหมดแล้ว ความลับทั้งหมดคงไม่ใช่ความลับอีกต่อไป

คล้ายกับว่าเอาเปรียบเขามากเกินไป หากเธอจ้องมองสายตาอ้างว้างและโดดเดี่ยวราวกับเด็กชายตัวน้อยของเขานานกว่านี้และอาจเป็นเธอเองที่ใจอ่อน

ถ้าหล่อนจะขอซื้อเวลาที่เหลือบนเกาะแห่งนี้ให้มีเพียงหล่อนกับต้นน้ำ ไม่มีคำว่าดีชั่วมากั้นกลาง ไม่มีคำว่าเพื่อน ไม่มีชื่อของภัทรนรินทร์และวินธัย หรืออะไรก็แล้วแต่ มีเพียงแค่คนที่เปิดเปลือยหัวใจให้อีกฝ่ายรับรู้

แค่เวลาไม่กี่วัน แต่จะหล่อเลี้ยงหัวใจหล่อนไปตลอดกาล

หญิงสาวค่อยๆ โน้มลำคอของเขาลงมาจนกระทั่งช่องว่างระหว่างสองร่างเริ่มแคบลง ริมฝีปากประทับกันแนบสนิท ต่างฝ่ายต่างควานหาความหวานล้ำอย่างเรียกร้องและเติมเต็มซึ่งกันและกันจนอิ่มล้นปรี่ไปทั้งหัวใจ

แต่จู่ๆ ต้นน้ำกลับเป็นฝ่ายขืนตัวไว้ทั้งที่เสียงหอบยังคงรุนแรง “ฉันจะไม่ทำร้ายเธอ”

หญิงสาวยิ้มอย่างสุขใจ แล้วส่ายหน้าช้าๆ เสียงหวานเอ่ย “นายจะรักฉันต่างหาก...ใช่ไหม”

แทนคำตอบทั้งปวง ต้นน้ำพิสูจน์ให้หญิงคนรักรู้ เขารักหล่อนอย่างที่ปรารถนามาตลอดและมันจะไม่ใช่เพราะความพิศวาสที่เกิดขึ้น และไม่ใช่เพราะขาดความยั้งใจ แต่ทุกอย่างจะออกมาจากหัวใจของผู้ชายที่รักเธอมากว่าใคร

เขาจะ ‘รัก’ ให้หล่อนรู้





แสงไฟในเมืองกรุงบัดนี้ไม่สวยงามน่ามองอีกแล้วสำหรับภัทรนรินทร์ เพราะความเงียบขรึมและเย็นชาที่แผ่ออกมาจากคนข้างๆ ทำให้เธอไม่มีกระจิตกระใจจะชื่นชมความงามของมัน

หลังจากที่เธอวางสายจากต้นน้ำ และตัดสินใจจะพูดกับวินธัยให้รู้เรื่อง แต่อีกฝ่ายกลับทำเพียงรับฟังคำขอโทษของเธอไปอย่างแกนๆ ไม่รับรู้อะไรมากกว่านี้ ก่อนจะก้าวอาดๆ เดินนำลงมาที่ลานจอดรถ

ภัทรนรินทร์ถอนหายใจ ไม่ค่อยเข้าใจความคิดของคนพูดน้อยขึ้นมาครามครัน อยากจะกระชากคอมันให้คายทุกอย่างที่มันรู้สึกออกมา แต่ก็รู้ว่าคงทำได้แค่คิด

“วิน ฉัน...” รถยนต์จอดสนิทที่หน้าบ้าน ไม่มีแม้แต่คำล่ำลาใดๆ ออกจากปากชายหนุ่ม “ฉันขอโทษ”

“เข้าบ้านเถอะ”

หญิงสาวเม้มปากแน่น แม้แต่หันมาพูดกับเธอเขายังไม่ทำ วินธัยพูดกับพวงมาลัยราวกับว่ามันสำคัญมากกว่าเธออย่างนั้น

ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เธออยากให้เขาเห็นความสำคัญ

คำถามคงไม่มีคำตอบ เพราะไม่แน่ว่าเธออาจเป็นคนทำลายคำตอบมันเองกับมือ





ชายหนุ่มฟุบหน้าลงหลังพวงมาลัย หญิงสาวลงไปนานแล้ว แต่เขายังอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน เหมือนที่อยู่ข้างๆ กายเธอมาตลอดสี่ปีที่รู้จักกันโดยที่อีกฝ่ายไม่เคยระแคะระคาย เหมือนกับที่ทุกครั้งเขาต้องทนเห็นเธออยู่กับคนอื่น แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้หญิงก็ตาม

เขายังอยู่ที่เดิมเสมอ...รอคอยเสมอ

แต่ไม่รู้เป็นอะไร หรือเป็นเพราะเขาได้ขยับฐานะตัวเองขึ้นมาเป็นคนรู้ใจของเธอ แม้ว่าจะเป็นเพราะเธอถูกมัดมือชกจากต้นน้ำก็ตาม แต่เขาก็ดีใจอยู่ลึกๆ ที่วันนั้นเป็นเขา ผู้ชายคนแรกที่เธอหันกลับมามองคนที่ยืนอยู่ที่ตรงนี้ที่เดิมมานานแสนนาน

แต่มันอาจทำให้เขาหวังมากเกินไป การเปลี่ยนความชอบของใครไม่ใช่เรื่องง่ายวินธัยรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เคยชอบผู้หญิงมาทั้งชีวิตอย่างภัทรนรินทร์

ทั้งที่เขาเองเคยลั่นวาจาไว้ว่าจะเป็นอะไรก็ได้เพื่อเธอ แต่ตอนนี้ความไม่มั่นใจในรักครั้งนี้มันถาโถมให้เขาหวั่นไหวในใจอย่างบอกไม่ถูก

หรือบางทีเขาอาจต้องกลับไปยืนที่เดิม เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่งดงามนั้นไว้

ภาพรถคันคุ้นตาที่ขับห่างไปจากหน้าบ้านเธอทำให้ร่างโปร่งบางยอมปล่อยมือออกจากผ้าม่านก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างหมดแรง

เธอทำผิดใช่ไหม...ผิดไปแล้วใช่ไหม

เธอก็ไม่ต่างจากพวกผู้ชายมักมากที่ไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ หมั่นแสวงหาสิ่งใหม่ๆ ให้ตัวเองอยู่เสมอ โดยไม่คำนึงถึงคนที่คอยอยู่ข้างๆ มาตลอด คิดเพียงว่าไม่ได้จริงจังกับใครเท่าเขา และเธอก็รักเขามากกว่าใคร

เธอควรทำอย่างไรต่อไปดีภัทรนรินทร์?

มือบางก่ายหน้าผากอย่างครุ่นคิด ยอมรับว่าภาพความหมางเมินของวินธัยที่ไม่เคยมีให้เห็นมาก่อนทำให้เธอใจหายอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความคุ้นเคยที่มีเขาอยู่ข้างๆ มาตลอด หรือเป็นเพราะอะไรกันแน่

จนบัดนี้ เธอก็ยังโลเลและไม่แน่ใจในความรู้สึกนี้จริงๆ

และคงบอกไม่ได้ว่าในอนาคตหากมีใครคนใหม่เข้ามาเธอจะเตลิดกลับไปเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่า วินธัยเป็นแค่ทางผ่านเหมือนอย่างผู้หญิงที่เธอเคยผ่านมาหรือไม่?

ไม่! เสียงหัวใจประกาศกร้าวอย่างน่าตกใจ

หล่อนเชื่อว่าวินธัยมีความสำคัญมากกว่านั้น อย่างน้อยเธอก็รู้จักกับอีกฝ่ายมานานกว่าที่จะใช้คำว่าฉาบฉวย และผูกพันกันอย่างที่มากกว่าจะเรียกว่าทางผ่าน

แต่ระยะเวลาไม่ใช่สิ่งการันตี

เธอยังไม่แน่ใจว่าเขาจะเป็นที่พักใจที่แรกและที่สุดท้ายสำหรับนักผจญภัยอย่างเธอหรือไม่

มือบางหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกง กดหาเบอร์ของศวิตา...คนที่น่าจะให้คำปรึกษาได้ดีที่สุด

แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายปลายทาง ในใจแสนห่วงเพื่อนสนิท เพราะไม่บ่อยนักที่อีกฝ่ายจะปิดเครื่องอย่างนี้ แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเลขาของศวิตาบอกว่าอีกฝ่ายไปดูงานที่สิงคโปร์กะทันหัน...จริงหรือ?

หาคำตอบไม่ได้จริงๆ และถ้าจะให้ข่มตานอนก็คงนอนไม่หลับด้วยเรื่องเมื่อตอนหัวค่ำ นิ้วเรียวจึงกดโทรศัพท์ต่อสายถึงอีกเบอร์คุ้นเคย





เสียงเรียกเข้ามือถือปลุกให้ต้นน้ำตื่นโดยเร็ว เขาคว้ามือถือมาดูโดยที่ขยับเขยื้อนร่างกายให้เบาที่สุด เพื่อไม่ให้คนที่อิงแอบเขาอยู่รู้สึกตัวตื่น

แม้ว่าปลายสายจะเป็นชื่อของภัทรนรินทร์ แต่เขาคงไม่รับหากไม่รู้ว่าเพื่อนรักทะเลาะกับวินธัยอยู่ ที่โทรมาก็ไม่รู้ว่าดีหรือร้าย

อย่างไรเขาก็ปล่อยให้มันอยู่คนเดียวไม่ได้อยู่ดี

“ฮัลโหล”

“แกนอนหรือยัง”

“ยัง” เขาตอบเสียงเบา “แกมีอะไรหรือเปล่า แล้วเป็นไงบ้างคุยกันเข้าใจหรือยัง”

“ฮื่อ...” ปลายสายครางเบาๆ จนต้นน้ำไม่มั่นใจว่าเสียงอีกฝ่ายเจือสะอื้นด้วยหรือเปล่า

“ภัทร...แกเป็นอะไร ใครทำอะไรแกบอกฉันสิ” เขาถามเสียงร้อนรน ร้อยวันพันปีแทบไม่เคยเห็นเพื่อนรักต้องเสียน้ำตา

“...”

“อย่าทำให้ฉันเป็นห่วงแกได้มั้ย ไม่ไว้ใจฉันแล้วหรอถึงไม่เล่าให้ฟัง”

“ฉัน...” ภัทรนรินทร์ปาดน้ำตาลวกๆ น้ำตาบ้าที่มันไหลออกมาเอง “ฉันไม่รู้ มันแย่มากเลย ฉันจะทำยังไงดีต้น ทำไมไม่มีใครรักฉันเลย”

หล่อนกัดริมฝีปากตัวเองอย่างลงโทษที่มันกล้าเรียกร้องความรักจากใครบางคน

ความรักที่บัดนี้อาจเหลือเพียงความไม่มั่นใจ

ความรัก...ที่อาจเป็นเธอเองที่ไม่เคยมีให้วินธัย

เพียงความเห็นแก่ตัวของคนไม่รู้ใจตัวเองงั้นหรือภัทรนรินทร์?





“ฉันรักแกนะภัทร แล้วก็ยังมี...ฮัลโหลๆ”

ต้นน้ำหัวเสีย จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดันมาแบตหมดซะดื้อๆ ชั่งใจว่าจะทำอย่างไรดี สุดท้ายความห่วงเพื่อนก็มีมากกว่า ต้นน้ำค่อยก้มลงจุมพิตหน้าผากเกลี้ยงเนียนของหญิงคนรัก ก่อนจะยกวงแขนของอีกฝ่ายออกเบาๆ แล้วห่มผ้าให้เรือนร่างกลมกลึง

ชายหนุ่มควานหาเสื้อผ้ามาใส่ลวกๆ ก่อนจะฉวยโทรศัพท์เพื่อกลับไปชาร์ตแบตเตอร์รี่ที่ห้องตัวเอง

ทิ้งไว้เพียงกลิ่นอายความเศร้าและเสียงสะอื้นไห้ปริ่มจะขาดใจของคนที่ไม่ได้หลับอย่างที่แสดงออก น้ำเสียงอ่อนโยนที่ไม่ได้มีไว้ให้เธอคนเดียว ความห่วงหาที่ไม่ใช่เพียงเธอที่ได้ครอบครอง คำว่า ‘รัก’ ที่เขามีไว้ให้ภัทรนรินทร์ ตัวจริงของเขาคนเดียว เสียงนุ่มหูและประโยคบอกรักอย่างอ่อนหวานของต้นน้ำดังลั่นในหัวใจของเธอ

‘ฉันรักแกนะภัทร’





สายน้ำจากก๊อกยังคงไหลเอื่อยๆ ผ่านปลายนิ้วเท้าขาวสะอาดของเจ้าของร่างที่นั่งนิ่งไม่ไหวติง ดวงตาเหม่อลอย ไม่รู้แม้กระทั่งน้ำเริ่มล้นออกจากอ่าง

แต่ไหนแต่ไรภัทรนรินทร์ไม่เคยพิสมัยการนอนแช่น้ำอุ่นและครั้งนี้ก็เหมือนกัน เธอไม่ได้ตั้งใจแช่เลย...ให้ตายสิ

เพียงแต่ใจมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หลังจากที่สายต้นน้ำตัดไปคงเพราะอีกฝ่ายแบตเตอรี่หมด เธอก็ปิดเครื่องตาม แม้ต้นน้ำจะเป็นเพื่อนที่คบกันมานานแต่บางเรื่องก็ซับซ้อนเกินกว่าที่เธอจะอธิบายให้มันฟัง

ก็บางทีเป็นเธอเองที่ยังไม่เข้าใจตัวเองจวบจนตอนนี้

ต้นน้ำเป็นเพื่อนที่เธอคุยได้แทบทุกเรื่อง เพราะมันเป็นคนไม่คิดอะไรแต่ก็มักจะมีความคิดดีๆ ในความไม่มีอะไรมาสอนให้เธอรู้จักปล่อยวางในบางเรื่อง มันเป็นเพื่อนที่เฮไหนเฮนั่น ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตลอด เรียกได้ว่าเรื่องเรียนก็สอบได้ที่หนึ่งเบียดกันมาตลอด วิ่งหนีอาจารย์ฝ่ายปกครองด้วยกันเป็นกิจวัตร แถมยังรู้จักเธอชนิดที่น่าเกลียด

‘แกน่ะอ้าปากก็เห็นถึงไส้ตรง’

ส่วนศวิตาแม้จะรู้จักกันทีหลังแต่ความสนิทไม่ยิ่งหย่อน เจ้าหล่อนช่างพูด สรรหาเรื่องมาคุยตลอดเวลา เป็นผู้หญิงน้อยคนบนโลกที่ไม่เรื่องมาก(อย่างน้อยก็เวลาอยู่กับเธอ) เรียกได้ว่าเป็นคนที่บางเวลาทำให้เธอแสดงตัวตนอย่างที่ผู้หญิงพึงมีได้อย่างไม่กระดากใจ

แต่กับ ‘เขา’ นั่นเล่า...พูดกันก็น้อย แต่พอมาคิดดูอีกที วันเวลาเก่าๆ แทบไม่มีช่องว่างของช่วงเวลาใดที่ไม่มีภาพของวินธัย ผู้ชายเงียบขรึมที่เอาแต่ยืนนิ่งๆ ทว่ามีความอบอุ่นแผ่ซ่านไปสู่คนรอบข้าง แม้ไม่มีคำพูดแต่แค่อยู่ใกล้ๆ หัวใจที่ว้าวุ่นมันกลับสงบลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ

แล้วตอนนี้ผู้ชายคนนั้นกำลังทำอะไรอยู่ ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเวลาที่ไม่มีเขา มัน...เหงาสักแค่ไหน

น้ำอุ่นๆ คลออยู่ในดวงตา มือบางปาดลวกๆ แล้วยิ้มหยันให้ตัวเอง เมื่อก่อนเธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมทุกครั้งที่เลิกรา ดวงตาของผู้หญิงคนแล้วคนเล่ามันถึงจมด้วยกองน้ำตาแทบทุกครั้ง

คิดมาตลอดด้วยซ้ำว่าคนที่ไปกันไม่ได้จะดันทุรังไปทำไม สู้แยกกันตั้งแต่ตอนนี้รักษาความเป็นเพื่อนที่ดีไว้ไม่ดีกว่าหรือ

เสียงโทรศัพท์มือถือร้องส่งสัญญาณว่ามีข้อความใหม่ หญิงสาวสะดุ้งก่อนจะกวาดมือไปบนชั้นวางของ

เธอไม่เคยเอาโทรศัพท์เข้ามาในห้องน้ำ เว้ยเสียแต่วันนี้...

ภัทรนรินทร์หยิบมันขึ้นมาดู เมื่อพบว่ามันส่งมาจากวินธัยทำให้ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้ม

บางทีเวลาอาจเป็นคำตอบสำหรับทุกอย่าง คิดให้ดีกับเรื่องที่เกิดขึ้น รอคำตอบเสมอ

ความรู้สึกที่เรียกว่าความสุขในตอนแรกหดหายแฟบลงราวลูกโป่งที่ถูกเจาะรู ข้อความที่ส่งมาทำให้ไหล่เล็กลู่ลงคล้ายหมดแรง ศีรษะแหงนเงยปริ่มขอบน้ำ ดวงตาค่อยๆ หลับลงแม้มันจะยากเย็นเต็มที

ณ เวลานี้เธอไม่ต่างจากคนโง่ ไม่เข้าใจสักนิดว่าเวลาจะช่วยอะไรได้

มีเพียงความเข้าใจลางๆ ว่าเหตุใดนัยน์ตาจึงเอ่อท้นขึ้นมาอีกครั้ง





เช้าวันนี้อาจเป็นปกติเหมือนอย่างที่เคยเป็น เหมือนอย่างที่เธอเคยตื่นเช้ามาไปทำงาน ตอนบ่ายอาจแวะไปหาต้นน้ำและตอนดึกก็โทรไปเม้าท์กับภัทรนรินทร์

แต่มันจะเป็นอย่างนั้นไปได้อย่างไร ในเมื่อเมื่อคืนเธอยังนอนกกกอดผู้ชายของภัทรนรินทร์ไว้ราวเจ้าเข้าเจ้าของ แล้วอย่างนี้จะมีหน้าไปเจอเพื่อนรักได้อย่างไรกัน

เธอรักต้นน้ำ แต่ภัทรนรินทร์คือคนที่เธอไม่ควรทรยศ

และวินธัยก็ไม่ควรมาถลำตัวกับแผนการที่เธอสร้างขึ้นเพื่อให้ภัทรนรินทร์เปลี่ยนเป็นผู้หญิงเพื่อต้นน้ำ...ชายที่เธอแสนรัก

เธอไม่ใช่คนดี แต่ก็ไม่อยากให้ใครเจ็บปวด

และหากต้องเลือก เธอจะยอมรับความทุกข์ทรมานทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว

“อื้อ...” ศวิตาร้องเบาๆ ภวังค์ความคิดหยุดลงเมื่อถูกสวมกอดและหอมแก้มจากด้านหลัง หญิงสาวหันซ้ายขวากลัวว่าป้าจันจะเห็นเข้า “ปล่อยเถอะ...เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”

“ตื่นนานแล้วหรอ” เขาไม่ปล่อย แต่ถามกลับ แม้ในใจจะเจ็บปวด...เธอไม่ต้องการเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ให้ใครรู้ แม้ว่าเขาพร้อมจะรับผิดชอบการกระทำของตัวเองอย่างเต็มใจ “เรื่องเมื่อคืน”

นิ้วเรียวแตะเบาๆ บนกลีบปากเขา แล้วยิ้มบางๆ ให้ “เกาะนี้ฉันหยุดเวลาไว้ เราจะเป็นเด็กตลอดไป”

“ไม่มีเด็กที่ไหนทำแบบนี้ได้” เขาบอกก่อนจะก้มลงจูบหล่อนจนแทบจะขาดใจ “หรือแบบนี้” ใบหน้าหล่อเหลาซุกซบลงที่ซอกคอขาวผ่องแล้วทำท่าว่าจะเลยเถิดหากเธอไม่ยันเขาออกห่างเสียก่อน

ต่างฝ่ายต่างหอบเพราะความร้อนรุ่มที่เกิดขึ้น ดวงตาของต้นน้ำเต็มไปด้วยไฟพิศวาสและความโกรธกรุ่น “ทำไมวีต้า...ฉันไม่ดีตรงไหน”

ศวิตาสะอึก...หล่อนต่างหากที่ไม่ดี แย่งคนรักของเพื่อนมานอนกกกอดทั้งคืน แวบหนึ่งเธอไม่อยากคืนต้นน้ำให้ภัทรนรินทร์เลย “นายเป็นเพื่อนที่ดี”

“เพื่อน!” เขาคำราม “เพื่อนกันเขาไม่ทำแบบนี้กันหรอกวีต้า”

“แล้วนายอยากเป็นอะไร”

เพียงไม่กี่วินาทีแต่คล้ายกลับว่ายาวนานชั่วกัปชั่วกัลป์ ศวิตารอคำตอบที่อาจทำให้เธอตัดสินใจเป็นนางร้ายที่แย่งพระเอกมาจากนางเอกได้ทุกเมื่อ

หนุ่มแว่นละล้าละลัง เขาอยากบอกเธอเหลือเกิน แต่ก็ขี้ขลาดเกินกว่าจะยอมรับความผิดหวังนั่นได้ และไม่มั่นใจสักนิดว่าศวิตาจะไม่ถอยหนีไป หากรู้ความจริงในใจที่เขาสารภาพออกไป

บางที...หล่อนอาจจะหัวเราะและหาว่าเขาเพ้อเจ้อหรือเป็นเด็กโง่คนหนึ่ง

“ฉันอยาก...” ชายหนุ่มสบตาที่มีความมุ่งมั่นและหนักแน่นอยู่เต็มเปี่ยม “รับผิดชอบ” ทั้งร่างกายและหัวใจของเธอ

หญิงสาวยิ้มขื่น...สุดท้ายเธอก็เป็นได้แค่นางร้ายแฝงที่ต้องคืนเขาให้เจ้าของ

“ไม่ต้องหรอก”

ต้นน้ำบีบต้นแขนขาวแน่น เมื่อได้ยินคำปฏิเสธราวกับว่าการถูกใครสักคนพรากพรหมจารีไม่ใช่เรื่องใหญ่ “แต่ฉันเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ”

หญิงสาวอยากจดจำช่วงเวลานี้ไว้เหลือเกิน ช่วงเวลาที่เธอเป็นเจ้าของเขาแต่เพียงผู้เดียว แม้จะเป็นเพียงร่างกายแต่ไร้หัวใจ เธอกอดเขาแน่นก่อนจะฝืนทำเสียงร่าเริงสดใส

“ไม่เอา...ไม่พูดเรื่องเครียดๆ อย่างนี้ วีต้าหิวแล้วล่ะไปกินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวโรคกระเพาะกำเริบอีก”

“แต่...”

“ต้นไม่ห่วงวีต้าหรอ”

สุดท้ายเขาก็ต้องตามใจเธอเพราะความห่วงจริงๆ อีกอย่าง ยังมีเวลาอีกมากที่จะทำให้ศวิตายอมรับเขา บางทีหล่อนอาจจะกลัวกับการเปลี่ยนแปลง และยังไม่มั่นใจในตัวเขาเหมือนอย่างที่เธอเกลียดเพศพ่อมาตลอดชีวิต

แต่เขาเชื่อ...เชื่อว่าสักวันเขาจะทำให้เธอรักเขาให้ได้

แม้อาจจะเห็นแก่ตัวที่เขาคิดจะผูกมัดหล่อนไว้ด้วยคำว่ารับผิดชอบก็ตาม!


--------------------------------------------------------------------------
จบตอนนี้แล้วเป็นไงมั่ง
ติชม รุมกระทืบ เขวี้ยงป้ายได้ตามใจชอบจ้า (เพราะยังไงก็ไม่โดน)
แบร่........จ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!! (มีคนลองเขวี้ยงจริงนะเออ)

ไปแล้วดีกว่านะคะ ยิ่งอยู่ยิ่งรั่ว
เดี๋ยวคนอ่านที่น่ารักจะเข้าใจว่าอ่านนิยายของคนบ้าอยู่ ^^"

ปล. ช่วงนี้ฝนตกนะคะ อย่าลืมยืมร่มเพื่อนกลับบ้าน
เอ๊ย! อย่าลืมพกร่มมานะคะ

ปล.(มันยังไม่ไป) แหม แค่จะบอกว่าคิดถึงเฉยๆ อ่ะ
เม้าท์มอยตามประสา ป้ายไฟตลอดเว ขอบคุณสำหรับกำลังใจน่ารักๆ ค่ะ

เจ้าชายน้อย



เจ้าชายน้อย
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ส.ค. 2554, 21:48:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ส.ค. 2554, 21:48:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 1770





<< 10. พิสูจน์ให้ฉันเห็น   12. การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ >>
grazioso 15 ส.ค. 2554, 23:06:00 น.
มาโบกป้ายไฟ ไหวไปไหวมา ค่า... แต่แหมมมมม แอบอยากเขวี้ยงใส่ทั้งคู่เอกคู่รองเลยอ่ะ .. ทำอะไรขัดใจแม่ยกไปหมด ๕๕๕๕ ยังไงก็ขอให้เข้าใจกันไวไวทั้งสองคู่เลยนะคะ
เป็นกำลังใจให้พี่เจ้าชายน้อยเสมอค่า :)


Pat 15 ส.ค. 2554, 23:19:40 น.
คนบ้าเขียนแบบนี้ไม่ได้หรอกค่ะ แต่ถ้าบอกว่ารั่วยังพอได้อยู่ อิอิ อารมณ์ขันดีจริงๆ แต่ทำมั้ยถึงไม่พูดกันอย่างที่คิดล่่ะเนี่ย แล้วเมื่อไหร่จะเข้าใจว่าใจตรงกันซักกะที


AHA 16 ส.ค. 2554, 00:49:40 น.
รั่วๆมากๆเดี๋ยวน้ำท่วมบ้านนะคะ ช่วงนี้ฝนยิ่งตกบ่อยๆ อิอิ



incanto 16 ส.ค. 2554, 09:41:15 น.
ชูป้ายไฟรอตอนต่อไปค่า


anOO 16 ส.ค. 2554, 12:41:30 น.
อีกสามอาทิตย์ก็จะรอค่ะ
ถ้าภัทรได้คุยกับวีต้านะ เรื่องมันก็จบแล้วล่ะ


sai 16 ส.ค. 2554, 13:47:49 น.
เรื่องมันยุ่งเพราะไม่คุยเนี่ยแหละหนา ปากหนักกันทุกคนคิดแทนกันไปหมด


ชอบอ่าน 16 ส.ค. 2554, 22:43:40 น.
ชอบคู่ต้นน้ำจังอิอิ รอติดตามอยู่นะคะ


aom 17 ส.ค. 2554, 10:45:49 น.
ไม่ยอมพูดกันให้เข้าใจ เฮ้อออ
รอตอนต่อไปนะคะ


Jelly 17 ส.ค. 2554, 19:34:32 น.
จบแบบกระทันหันแบบนี้อีกแล้ว U.U
(นอกเรื่อง:พี่อัพนิยายทีไร ไม่สบายทุกที)


หมู้หมู 24 ส.ค. 2554, 15:59:06 น.
^^ คงได้เชียร์ อย่างไม่ได้แสดงตนละหน่ะ หุหุ ยังติดตามทุกตอนนะค้า


l3al3yWhatUp 4 ต.ค. 2554, 16:26:16 น.
ต้นน้ำ ป๊อดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account